New Release BLY แปล : สายเลือดมนตรา เพลิงพิโรธ (เล่ม 1)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : สายเลือดมนตรา เพลิงพิโรธ (เล่ม 1)

โพสต์ โดย Gals »

สายเลือด เพลิงพิโรธ


1 การทดลองมนุษย์


ฉันชื่อโรเจอร์ บอลด์วิน เคยเป็นหมออยู่ในโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งจนถึงเมื่อห้าปีก่อน
ชีวิตของฉันเริ่มผิดเพี้ยนจากความผิดพลาดทางการแพทย์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว ช่วงนั้นฉันเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้ฉันทำพลาดครั้งใหญ่ นั่นคือทิ้งเครื่องมือผ่าตัดไว้ในร่างกายของผู้ป่วย แม้ที่ผ่านมาฉันเคยช่วยชีวิตคนไข้ไว้ได้มากมายเพียงใด ทว่าความผิดพลาดครั้งนั้นเพียงครั้งเดียวทำให้ฉันโดนไล่ออกจากโรงพยาบาล ถูกตราหน้าว่าขาดคุณสมบัติในการเป็นแพทย์ ไม่มีโรงพยาบาลแห่งไหนจ้างฉัน ต้องใช้ชีวิตไปวันๆ เผชิญกับคำดูถูกดูแคลนของครอบครัวและญาติๆ
ที่จริงยังมีช่องทางประกอบอาชีพอื่นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว แต่ฉันยึดติดว่าต้องเป็นหมอเท่านั้น ฉันเติบโตมาในตระกูลบอลด์วินอันทรงเกียรติ นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะใช้ชีวิตด้วยเงินเดือนเพียงน้อยนิดได้อย่างไร ภรรยาทนไม่ไหวที่ฉันเป็นแบบนี้เลยทิ้งฉันไป และเมื่อเงินหมด ลูกๆ ก็ทิ้งฉันไปเช่นกัน
ตอนชีวิตของฉันตกลงสู่จุดต่ำสุด ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคือชายวัยกลางคนจากตระกูลเดียวกันนามซามูเอล ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยติดต่อพูดคุยกับซามูเอล แม้แต่งานปาร์ตี้รวมญาติก็ไม่เคยเห็นหน้าเขา
วันหนึ่งจู่ๆ ซามูเอลก็มาหาที่คฤหาสน์และพูดกับฉันว่า
“โรเจอร์ ฉันเห็นนายมีแววเลยอยากจ้างงานนาย”
เสื้อผ้าและเครื่องประดับบนตัวซามูเอลล้วนเป็นสินค้าชั้นเลิศ บ่งบอกได้ว่าเขาต้องร่ำรวยมากแน่ๆ ซามูเอลบอกว่าเขากำลังมองหาหมอฝีมือดี ค่าตอบแทนสูงกว่าตอนทำงานอยู่โรงพยาบาลใหญ่เสียอีก ตัวฉันซึ่งถูกต้อนจนมุมจึงตอบรับงานนี้ทันทีโดยไม่ลังเล
ซามูเอลเชิญฉันไปยังศูนย์วิจัยซึ่งสร้างขึ้นในสถานที่ห่างไกลผู้คน รอบๆ ตัวอาคารมีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ทหารยามถือปืนตรวจตราผู้มาเยือนทั้งตอนเข้าและตอนออก และเมื่อฉันมาถึงตัวอาคาร ซามูเอลก็พาฉันลงไปยังชั้นใต้ดิน
“โรเจอร์ สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ ห้ามเปิดเผยให้ใครรู้เป็นอันขาด”
ซามูเอลเตือนฉันเช่นนี้พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าทุกครั้ง ฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องทำอะไรจนกระทั่งตัวอย่างการทดลองถูกอุ้มมาอยู่ตรงหน้า ให้สาบานต่อพระเจ้าเลยก็ได้ ถ้ารู้ว่าเป็นเรื่องไร้มนุษยธรรมอย่างนี้ฉันคงปฏิเสธข้อเสนอไปตั้งแต่แรก จริงอยู่ว่าฉันเคยทำผิดพลาดทางการแพทย์ แต่เนื้อแท้แล้วฉันเป็นคนดีมีศีลธรรม
“เอาละ นี่คืองานของนาย”
ซามูเอลนำตัวอย่างการทดลองออกมายังห้องผ่าตัดชั้นใต้ดิน ฉันหยิบบันทึกประวัติออกมาดูและเริ่มตรวจสอบตัวอย่างการทดลองที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด เป็นเด็กชายผิวขาวอายุสิบขวบ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คนอื่นๆ เริ่มวางยาสลบและเตรียมการผ่าตัดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ประหนึ่งใส่หน้ากากละครโน
“ฉันอยากให้นายฝังหินก้อนนี้เข้าไปในหัวใจของเด็ก”
ซามูเอลหยิบก้อนหินสีรุ้งทอแสงระยิบระยับเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณเจ็ดเซนติเมตรออกมา ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่
“พูดอะไรน่ะครับ...?”
ฉันเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวขณะมองซามูเอลกับก้อนหินสลับกันไปมา
ซามูเอลบอกว่าอยากให้ฉันฝังก้อนหินในหัวใจของเด็กชาย แน่นอนว่าถ้าผ่าตัดแบบนั้นจะทำให้เด็กเสียชีวิต หากฝังสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในหัวใจ ร่างกายต้องแสดงปฏิกิริยาต่อต้านอยู่แล้ว
“โรเจอร์ นายออกไปจากที่นี่ไม่ได้จนกว่าการทดลองจะสำเร็จ”
ซามูเอลบอก คราวนี้ไม่ปรากฏรอยยิ้ม
ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม ซามูเอลกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงบอกให้ฉันฝังก้อนหินเข้าไปในร่างกายมนุษย์ที่ยังมีชีวิต ฉันบอกว่าฉันไม่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้และพยายามจะออกไปจากสถานที่แห่งนั้น ทว่าทันใดนั้นเองซามูเอลชักปืนออกมา
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่มีธุระอะไรกับนายแล้ว”
แววตาของซามูเอลจริงจัง ฉันรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายจึงจำใจทำตามคำสั่งอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าของเด็กชายซึ่งนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดดูน่ารักไร้เดียงสา โชคดีที่ตอนถูกอุ้มมาเขาไม่มีสติ
ฉันฝังก้อนหินไว้ในหัวใจของมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่
ทันทีที่ผ่าตัดเสร็จ ฉันถูกพาตัวไปอีกห้องหนึ่งในชั้นใต้ดิน เป็นห้องมืดมิด ไม่มีหน้าต่าง และถูกล็อกจากด้านนอก นับจากวันนั้นมาชีวิตซึ่งทำได้เพียงไปกลับระหว่างห้องนี้กับห้องผ่าตัดก็เริ่มต้นขึ้น แต่ฉันยังไม่ย่อท้อ ถ้าเจอช่องโหว่เมื่อไรฉันต้องหาทางหนีออกไปจากนี่ที่ให้ได้
วันรุ่งขึ้นเด็กชายเสียชีวิต
ร่างกายแสดงปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งแปลกปลอม เด็กชายชักอย่างรุนแรงก่อนหมดลมหายใจ หินทอประกายสีรุ้งไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา การชันสูตรศพภายหลังทำให้ฉันรู้ว่า ถึงมันจะเป็นแร่ แต่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ และยึดเกาะหัวใจของเด็กชายราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต
“หินนี่มันคืออะไร...? หรือมันคือหินเวท?”
ฉันหยิบหินออกจากศพและหันไปถามซามูเอล พอก้อนหินออกจากศพมันก็กลับคืนสู่รูปร่างเดิม
ในประเทศนี้หินเวทเป็นที่รู้จักว่าคือแร่ที่มีพลังเวทมนตร์ หินเวทเป็นของล้ำค่า สามารถขุดได้เพียงน้อยนิดจากในเหมือง พลังของหินจะแตกต่างไปตามสีของมัน โดยทั่วไปมีสีแดง สีขาว สีน้ำเงิน สีเหลือง สีดำ ทว่าหินที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นสีรุ้ง ซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่ไม่ใช่หินเวทธรรมดา มันคือศิลานักปราชญ์”
ซามูเอลจ้องมองหินสีรุ้งด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม
ศิลานักปราชญ์...ว่ากันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่นักเล่นแร่แปรธาตุในยุโรปยุคกลางต่างตามล่าแสวงหา บางตำนานบอกว่ามันสามารถเปลี่ยนหินธรรมดาให้กลายเป็นทองคำได้ บางตำนานบอกว่าสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตกลายเป็นอมตะ ตอนแรกฉันคิดว่าซามูเอลแค่พูดตลก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหินก้อนนี้แปลกประหลาดมากจริงๆ
“แล้วฉันจะเตรียมตัวอย่างการทดลองชิ้นต่อไปมาให้”
ซามูเอลกล่าวพลางเก็บหินสีรุ้งใส่ขวดแก้ว
ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอธิษฐานต่อพระเจ้า ทั้งที่ฉันควรทำงานช่วยชีวิตคน ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรมไปเสียแล้ว แม้ฉันเคยทำเรื่องผิดพลาดทางการแพทย์ แต่นั่นก็ไม่ได้ฆ่าคนไข้ หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ฉันคงไม่หลงเชื่อคำพูดของซามูเอล ฉันนึกสาปแช่งความโง่เขลาของตัวเอง พร้อมกันนั้นความเสียใจก็ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด
สองสัปดาห์ต่อมาซามูเอลนำตัวอย่างการทดลองมาให้อีก
คราวนี้เป็นเด็กผู้หญิงฐานะยากจนอายุเจ็ดขวบ เช่นเดียวกับเด็กคนก่อน เม็ดสีเมลานินโดยรวมเป็นสีอ่อน เส้นผมของเด็กหญิงเป็นสีขาวอมทอง
ฉันปฏิเสธอีกครั้ง แต่พอโดนปืนข่มขู่ฉันก็ฝืนใจผ่าตัดครั้งที่สองทั้งน้ำตา
เด็กหญิงรอดชีวิตมาได้ประมาณสามวัน แต่แล้วร่างกายก็แสดงปฏิกิริยาต่อต้านและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
“ซามูเอล ให้ฉันกลับบ้านเถอะ”
ฉันร้องไห้ขอร้องซามูเอลด้วยความหวาดกลัวและรู้สึกผิดที่มีส่วนร่วมกับการทดลองมนุษย์ ฉันรับปากกับเขาว่าจะไม่แพร่งพรายสิ่งที่เห็นและได้ยินจากที่นี่ให้ใครรู้เป็นอันขาด แต่ซามูเอลไม่เชื่อฉัน ฉันหาช่องโหว่และพยายามหลบหนีหลายครั้ง แต่ก็โดนยามจับได้ตรงทางเดินหรือไม่ก็ทางออกทุกครั้ง นอกจากเวลาผ่าตัดแล้วฉันถูกใส่ตรวนมือกับตรวนเท้าขังไว้ในห้องตลอดเวลา
ฉันถูกคุมขังอยู่ในอาคารไร้หน้าต่าง ไม่รู้ฤดูกาล และการรับรู้เรื่องเวลาเริ่มผิดเพี้ยน กระทั่งความหวังลมๆ แล้งๆ ที่มีในตอนแรกว่าอดีตภรรยาและลูกๆ อาจตามหาฉันอยู่ก็ค่อยๆ จางหายไปด้วย
วันเวลาล่วงเลยไป ฉันถูกขังอยู่ในศูนย์วิจัยแห่งนี้ได้ประมาณหนึ่งปีแล้ว
นับศพจากการทดลองมนุษย์ได้สิบศพ ฉันถูกบังคับให้จัดการกับศพเหล่านั้นด้วย ซามูเอลพาเด็กจากที่ไหนไม่รู้มาศูนย์วิจัยเรื่อยๆ มีตั้งแต่อายุไม่กี่เดือนไปจนถึงสิบขวบ วิธีการที่เขาได้เด็กมาต้องไม่ปกติแน่ๆ นับตั้งแต่การผ่าตัดครั้งที่ห้า ฉันสูญเสียอารมณ์และความรู้สึก แค่หายใจทำงานให้เสร็จๆ ไป
ด้วยเหตุนี้ตอนเด็กคนนั้นโดนพาตัวมา ฉันคิดด้วยความรู้สึกตายด้านเหมือนเคยว่า ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็ต้องตาย
ซามูเอลกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมเขาถึงทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้
วันรุ่งขึ้นหลังจากการผ่าตัดผ่านพ้นไปอย่างสงบ สัญญาณชีพของเด็กคนนั้นยังคงที่
ความหวังเลือนรางผุดขึ้นในใจจนฉันต้องเตือนตัวเองว่าอย่าคาดหวังสูง ที่ผ่านมาเคยมีเด็กรอดชีวิตอยู่ได้เกินสามวัน แต่ไม่นานหลังจากนั้นร่างกายก็แสดงปฏิกิริยาต่อต้านและเสียชีวิตไปทุกราย
สามวันผ่านไป ห้าวันผ่านไป หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ฉันตรวจร่างกายเด็กชายด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ
ทั้งที่มีหินเกาะหัวใจอยู่ แต่เด็กก็ยังมีชีวิต ไม่มีเสียงลิ้นหัวใจรั่ว ลมหายใจสม่ำเสมอ ดูไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ เลย
“ในที่สุดก็สำเร็จ!”
ซามูเอลระริกระรี้พลางมองเด็กคนนั้นผ่านกระจก ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าสำเร็จแล้ว เพราะยังไม่ได้นำเด็กออกจากห้องปลอดเชื้อ ทั้งเด็กยังหมดสติอยู่ด้วย ทว่านี่คือความก้าวหน้าครั้งใหญ่
“อ้า คนสุดท้ายของตระกูลนั้นแล้ว! พระเจ้าต้องประทานพรมาให้ฉันแน่ๆ... ในที่สุดก็บรรลุเงื่อนไขหนึ่งอย่างแล้ว...!!”
ซามูเอลร้องตะโกนเสียงหลงด้วยความตื่นเต้น ฉันไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ดูเหมือนหน้าที่ของฉันกำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า ฉันโล่งอก
ทำไมร่างกายของเด็กคนนั้นถึงไม่แสดงปฏิกิริยาต่อต้านนะ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน
ในประวัติระบุว่าเด็กชายชื่อมาโฮโระ อายุห้าขวบสิบเดือน ตัวอย่างการทดลองมนุษย์ที่ซามูเอลนำมาล้วนเป็นเด็กผิวสีอ่อน แต่เด็กคนนี้เรียกได้ว่าขาวที่สุดในบรรดาทุกคน ผมสีขาวจั๊วะ แม้แต่ขนตายังเป็นสีขาว หากมีคนบอกว่าเด็กคนนี้เป็นภูตเทวดา ฉันคงพยักหน้าเห็นด้วยและปักใจเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“โอ๊ะ...?”
ฉันเข้าไปในห้องปลอดเชื้อ ขณะตรวจสัญญาณชีพของเด็กชายอยู่ ฉันก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง
เด็กชาย...มาโฮโระได้สติและลุกขึ้นนั่งบนเตียง ดวงตากลมโตเบิกกว้างจับจ้องผนังสีขาวราวกับมีบางอย่างติดอยู่ตรงนั้น
“มาจิสเตอร์...ผมไม่เป็นไร ผมจะปลดล็อกประตู”
มาโฮโระคุยกับผนังราวกับกำลังฝันอยู่ แม้ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ทำเอาฉันขนลุกไปทั้งตัว ฉันชะเง้อหน้ามองมาโฮโระ
“ผมคือลักซ์...สืบสายเลือด...รักษาเมล็ดพันธุ์...”
มาโฮโระเอ่ยพึมพำ สายตาแลดูว่างเปล่า ทว่าไม่กี่อึดใจต่อมาเปลือกตาก็ปิดลงพึ่บ แล้วตัวก็ล้มนอนลงบนเตียงเหมือนเรี่ยวแรงเหือดหายไปกะทันหัน ลมหายใจยังสม่ำเสมออยู่ ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว
(เด็กคนนี้จะถูกใช้ทำอะไรนะ)
ฉันมองมาโฮโระที่กำลังหลับใหล ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกเห็นใจได้เลย จากนี้ไปชีวิตของเด็กชายไม่มีทางเป็นปกติแน่ๆ ซามูเอลตั้งใจจะใช้เด็กคนนี้ทำอะไรบางอย่าง ฉันไม่อยากคิดด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ฉันเป็นคนบาปหนาที่กำลังจะตกนรก ฆ่าเด็กไร้เดียงสาไปแล้วเป็นสิบคน และคงไม่มีโอกาสได้เหยียบพื้นดินข้างนอกอีกตลอดชีวิต
ฉันก้าวเดินผิดตั้งแต่ตอนไหน ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนเลยว่าในตระกูลเดียวกันมีผู้ชายน่ากลัวแบบนี้อยู่ด้วย
ฉันไม่อาจหาญมากพอจะฆ่าตัวตาย ทั้งยังขาดไหวพริบในการหลบหนี ฉันคงต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในศูนย์วิจัยแห่งนี้นี่แหละ
ฉันอดภาวนาในใจไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้เด็กผู้ชายผู้รอดชีวิตคนนี้มีความสุข


2 โรงเรียนเตรียมทหารโลเวน

ฉันเห็นอะไรบางอย่างคล้ายลำแสงหมุนวนเป็นครั้งคราวมาตั้งแต่เด็ก
ฉันค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ อาบแสงที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน แสงนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเป็นใครสักคนที่สำคัญสำหรับฉันมากๆ นั่นเพราะฉันได้ยินเสียง
‘มาโฮโระ เปิดประตู’
มันดังมาจากข้างในแสงแน่ๆ ดังกระทบโสตประสาทอย่างแจ่มชัด
‘การเปิดประตูเป็นหน้าที่ของนาย’
เสียงนั้นดังซ้ำไปซ้ำมา แล้วแสงก็ค่อยๆ จางหายไป ฉันพยายามสัมผัส พยายามพูดคุย แต่แสงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
ฉันลองถามคนอื่นว่าเห็นแสงแบบเดียวกันไหม แต่ไม่มีใครเคยเห็น แสงนั้นคืออะไรกัน
และวันที่ฉันได้รู้คำตอบจะมาถึงหรือเปล่า...

เกาะนี้รายล้อมด้วยหน้าผาสูงชัน บนสะพานเทียบเรือที่ทอดยาวมาจากท่าเรือซึ่งมีอยู่เพียงแห่งเดียวบนเกาะนั้นมีทหารถือปืนคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ ผู้คนที่เข้าออกเกาะจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
(อย่างกับป้อมปราการขนาดยักษ์...)
มาโฮโระก้าวขาลงมายืนบนสะพาน ทหารก้มมองเขาด้วยสายตาดุดัน มาโฮโระออกเดินพร้อมลากกระเป๋าเดินทางด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น กลุ่มชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับมาโฮโระค่อยๆ ทยอยลงจากเรือด้วยเช่นกัน ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือ พวกเขาซึ่งกำลังเดินเรียงแถวเว้นระยะห่างเท่าๆ กันโดยมีทหารนำหน้าอยู่ล้วนดูงามสง่าแตกต่างจากมาโฮโระ ทั้งที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ทุกคนเป็นชายหนุ่มรูปร่างดี ทำให้มาโฮโระซึ่งสูงเพียงร้อยห้าสิบเซนติเมตรดูแปลกแยกไม่เข้าพวก
ปลายสะพาน ทหารในชุดเครื่องแบบกำลังรับเอกสารของแต่ละคนไปตรวจสอบ
เมื่อถึงคิวของมาโฮโระ เขายื่นเอกสารให้ทหาร มันคือจดหมายตอบรับเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารโลเวน หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้มาโฮโระสอบคัดเลือกเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารโลเวน และสอบผ่านมาได้โดยสวัสดิภาพ
(ฉันได้มาในสถานที่สุดยอดแบบนี้ด้วย)
มาโฮโระรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง ระหว่างรอทหารตรวจสอบเอกสารอยู่นั้นเขาหันซ้ายแลขวามองไปรอบๆ
ในราชอาณาจักรดูรันด์ ชายหนุ่มที่อายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์มีหน้าที่เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ทุกคนต้องเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารแห่งใดแห่งหนึ่งซึ่งมีอยู่หลายแห่งในเมืองใหญ่ๆ เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับการป้องกันประเทศเป็นเวลาสี่ปี ในบรรดาโรงเรียนเตรียมทหารที่มีอยู่มากมาย โรงเรียนซึ่งแตกต่างและโดดเด่นมากที่สุดคือโรงเรียนเตรียมทหารโลเวนบนเกาะคริมสันแห่งนี้ หากถามว่าทำไมถึงต้องมาสร้างโรงเรียนบนเกาะซึ่งอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ด้วย สาเหตุนั้นเกี่ยวพันกับพลังพิเศษซึ่งสืบทอดอยู่ในราชอาณาจักรดูรันด์...กล่าวคือเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์นั่นเอง
ในราชอาณาจักรดูรันด์มีตระกูลขุนนางที่โดดเด่นเฉิดฉายอยู่ห้าตระกูล ทุกคนต่างเรียกว่าห้าตระกูลใหญ่ ได้แก่ ตระกูลเซนต์จอนส์ ตระกูลเอนส์เวิร์ธ ตระกูลรัทเธอร์ฟอร์ด ตระกูลเจอร์มันลีด และตระกูลบอลด์วิน
ทั้งห้าตระกูลนี้ล้วนมีสายเลือดพิเศษ คนจากตระกูลเหล่านี้จะเกิดมาพร้อมวงจรเวท สามารถใช้เวทมนตร์ซึ่งสืบทอดมาจากแต่ละตระกูลได้ และผู้มีวงจรเวทจะถูกกำหนดให้เรียนในโรงเรียนเตรียมทหารโลเวน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าโรงเรียนเตรียมทหารโลเวนเป็นโรงเรียนสอนเวทมนตร์...เป็นโรงเรียนพิเศษสำหรับผู้สืบสายเลือดจากห้าตระกูลใหญ่ ตระกูลที่มีความสำคัญต่อประเทศ
ประชาชนทุกคนในประเทศนี้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าตัวเองเกิดมาพร้อมวงจรเวทหรือไม่ โดยต้องผ่านการทดสอบหลังลืมตาดูโลกภายในหนึ่งสัปดาห์ หากพิสูจน์ได้ว่ามีวงจรเวท ทางรัฐบาลจะออกใบรับรองให้ แม้แต่ผู้สืบสายเลือดห้าตระกูลใหญ่ก็ใช่ว่าจะมีวงจรเวทกันทุกคน และการมีวงจรเวทหรือไม่นั้นยังเป็นคุณสมบัติกำหนดลำดับชนชั้นภายในตระกูลอีกด้วย
เดิมทีวงจรเวทมีเฉพาะในห้าตระกูลใหญ่ ทว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่สมาชิกในตระกูลจะแต่งงานแต่กับเครือญาติสายเลือดเดียวกัน เป็นธรรมดาที่บางคนไปตกหลุมรักคนนอกตระกูล หรือบางคนปรารถนาจะมีความรักอย่างอิสระ ส่งผลให้สายเลือดเจือจางลง ทั้งผู้มีวงจรเวทก็ไปเกิดนอกห้าตระกูลใหญ่ด้วย เพื่อไม่ให้เด็กเหล่านั้นตกสำรวจทางรัฐบาลจึงจัดให้มีการตรวจสอบหลังคลอด และเด็กที่มีวงจรเวททุกคนจะถูกส่งไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารโลเวนเมื่ออายุครบสิบแปดปี
โรงเรียนเตรียมทหารโลเวนไม่เพียงให้ความรู้เรื่องเวทมนตร์ แต่ยังสอนศาสตร์การทหารอีกด้วย เป็นโรงเรียนระดับแนวหน้า ว่ากันว่าหากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารโลเวน อนาคตต้องสดใสอย่างแน่นอน
ในโลกนี้มีเพียงราชอาณาจักรดูรันด์เท่านั้นที่มีมนุษย์ซึ่งสามารถใช้เวทมนตร์ได้ แม้มีประเทศมหาอำนาจรายล้อมอยู่มากมาย แต่ที่ราชอาณาจักรดูรันด์ไม่โดนรุกราน บางคนกล่าวว่าเป็นเพราะเวทมนตร์
(เฮ้อ ฉันเป็นคนต่อสู้ไม่เก่งด้วย จะเรียนโรงเรียนเตรียมทหารรอดไหมนะ...)
มาโฮโระรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยขณะก้มลงเหม่อมองฝูงมดที่กำลังเดินเป็นแถว
“เกะกะ”
กระเป๋าเดินทางชนข้างหลังดังตุ้บทำให้มาโฮโระเซไปข้างหน้า โชคดีที่ไม่เหยียบแถวมด เกือบไปแล้วไหมล่ะ
“ขอ...”
โทษครับ มาโฮโระกำลังจะเอ่ยต่อขณะหันไปมองนักเรียนที่ชนตัวเองเสียกระเด็น แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมาตาขวาง คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือชายหนุ่มผมบลอนด์แต่งกายบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นขุนนาง ชายหนุ่มยื่นเอกสารให้ทหารและก้มมองมาโฮโระ สายตาประหนึ่งกำลังถามว่ามีปัญหาอะไรงั้นเหรอ
มาโฮโระหดคอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เหมือนตนมักตกเป็นเป้าโจมตีของคนเย่อหยิ่งอย่างนี้ ต้องระวังตัว
“สวัสดี! เป็นนักเรียนใหม่เหรอครับ?”
เอาเป็นว่าทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนแล้วกัน นี่คือเทคนิคเอาตัวรอดในสังคมที่มาโฮโระได้เรียนรู้ แล้วก็เป็นไปตามคาด ชายหนุ่มผมบลอนด์ดูหวั่นไหวเล็กน้อยก่อนเบือนหน้าหนี
“นายก็มาใหม่เหมือนกันไม่ใช่หรือไง”
ชายหนุ่มผมบลอนด์พูดเสียงเย็นชาพลางรับเอกสารจากทหาร มาโฮโระมาก่อนก็จริง แต่ดูเหมือนเอกสารของเขาตรวจสอบเสร็จเร็วกว่า ชายหนุ่มจึงเดินจากไปทันที
(น่าจะถามชื่อทำความรู้จักกันเอาไว้ แต่ก็ช่างเถอะ จากนี้ไปฉันจะพยายามเต็มที่!)
มาโฮโระตั้งปณิธานว่าจะต้องเติบโตในโรงเรียนเตรียมทหารโลเวนแห่งนี้ให้ได้ เพื่อซามูเอล หัวหน้าตระกูลบอลด์วินที่ส่งตนมาเรียนที่นี่ด้วย นอกจากนี้มาโฮโระยังมีอีกเป้าหมายหนึ่ง นั่นคือเพื่อซิกฟรีดที่เคารพรัก มีภารกิจบางอย่างที่ต้องทำที่นี่เพื่อเขา
“ตรวจสอบเอกสารเสร็จแล้ว ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนเตรียมทหารโลเวน”
ในที่สุดทหารก็ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเสร็จแล้วทำวันทยหัตถ์ให้มาโฮโระ มาโฮโระจึงลากกระเป๋าเดินทางผ่านทหารในเครื่องแบบสีแดงกับหมวกสีดำไป
ปลายสายตา เหนือทางลาดหินคดเคี้ยวกับน้ำพุขนาดใหญ่ อาคารอิฐแผ่กว้างอยู่บนยอดเนิน นั่นคือโรงเรียนเตรียมทหารโลเวน โรงเรียนซึ่งสร้างบนเนินเขาแสนกว้างใหญ่ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศ
ในที่สุดก็มาถึงแล้ว มาโฮโระตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รังเกียจที่ฉันจูบเหรอ?

มาโฮโระที่อายุ 18 ปีได้รับภารกิจอย่างหนึ่ง...นั่นคือเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารโลเวนเพื่อสืบเบาะแสการหายตัวไปของซิกฟรีด บอลด์วิน โรงเรียนเตรียมทหารโลเวนคือโรงเรียนเตรียมทหารชั้นนำที่สอนเวทมนตร์เพียงแห่งเดียวในประเทศ ที่นั่นมาโฮโระได้รู้จักกับโนอาห์ บุตรชายตระกูลเซนต์จอนส์อันทรงเกียรติ โนอาห์เป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียน ถึงขนาดมีแฟนคลับตามประกบเป็นองครักษ์ ทว่าคนคนเดียวที่โนอาห์ให้ความสนใจกลับเป็นมาโฮโระ นักเรียนชั้นปลายแถว โนอาห์บอกว่า สัญชาตญาณบอกให้เขาครอบครองมาโฮโระให้จงได้ ขณะเดียวกันชีวิตในโรงเรียนของมาโฮโระที่ควรสงบสุขก็ต้องเจอกับพายุโหมกระหน่ำ!?

เรื่องราวมหากาพย์ความรักและการต่อสู้ซึ่งพัวพันกับเวทมนตร์ มังกร และความลับ กำลังจะเปิดม่านขึ้นแล้ว!!



รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”