New Release BLY แปล : ท่านสามีสุดที่รักของโซระ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : ท่านสามีสุดที่รักของโซระ

โพสต์ โดย Gals »

ท่านสามีสุดที่รักของโซระ


เมฆสีขาวลอยล่องบนท้องฟ้าปลอดโปร่ง ที่ราบเชิงเขาลาดเอียงที่แผ่กว้างอยู่ตรงหน้าย้อมด้วยสีแดงและเหลืองเป็นหย่อมๆ สีฟ้าของท้องฟ้า สีขาวของปุยเมฆ และสีของใบไม้แดงบนภูเขาผสมปะปน แต่งแต้มทิวทัศน์ให้สดใส ทว่าอีกราวหนึ่งเดือนครึ่งหลังจากนี้ สีสันเหล่านั้นคงจะถูกทาทับด้วยสีขาวโพลน
โซระเริ่มตั้งตารอชมภาพฤดูหนาวแล้ว คราวนี้จะเป็นฤดูหนาวหนที่สามนับตั้งแต่มาอยู่แคว้นฮายาเสะอุระแห่งนี้
ขณะชื่นชมทัศนียภาพภูเขาในฤดูใบไม้ร่วงอย่างไม่รู้จักเบื่อนั้นเอง เหยี่ยวนกเขาท้องขาวก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ ผืนฟ้ากว้างใหญ่ไม่มีใครอื่นนอกจากเจ้าเหยี่ยว นกตัวอื่นๆ คงเกรงกลัวนกล่าเหยื่อจึงเก็บงำเสียงร้องเอาไว้ ภาพของเหยี่ยวที่สยายปีกใหญ่โตโบยบินนั้นช่างสง่างาม
ครูฝึกเหยี่ยวพลันเป่านกหวีด เสียงใสๆ ดังวี้ดก้องกังวานทั่วท้องฟ้า เหยี่ยวนกเขาบินร่อนเป็นวงกลมช้าๆ ก่อนจะมุ่งหน้ามาทางนี้
“ไคเค็ทสึ!”
ชายบนหลังม้าข้างโซระส่งเสียง แม้รอบข้างจะมีชายอีกหลายคนอยู่บนหลังม้าเช่นเดียวกัน รูปลักษณ์และเสียงของชายคนแรกก็โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม นอกจากมีรูปร่างใหญ่โตทรงพลังอันน่าครั่นคร้ามแล้ว บรรยากาศที่ห่อหุ้มเจ้าตัวยังเหนือชั้นกว่าผู้อื่น ใบหน้าคมสันซึ่งมีคิ้วได้รูปและดวงตาเรียวยาวนั้นมีทั้งความงดงามและความน่าเกรงขามอันยากจะเข้าใกล้
ชายชื่อไคเค็ทสึตอบเสียงเรียกของชายผู้นั้นด้วยการตวัดแขนอย่างแรง โยนถุงผ้าโป่งพองสูงขึ้นไปบนฟ้า เหยี่ยวนกเขาโฉบเข้าหาถุงด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ก่อนจะคว้าถุงนั้นได้อย่างงดงาม
รอบข้างพากันเปล่งเสียงร้อง โอ้! ครูฝึกเหยี่ยวเป่านกหวีดอีกครั้ง เรียกเหยี่ยวนกเขาไปเกาะแขน จากนั้นก็รับถุงผ้าจากเหยี่ยวแล้วส่งเนื้อกระต่ายให้เป็นการแลกเปลี่ยน เมื่อกลืนเนื้อลงคอแล้วเหยี่ยวก็ร้องหนึ่งทีก่อนจะกระพือปีกพั่บๆ บนแขนครูฝึก ท่าทางเหมือนกำลังบอกว่าอยากบิน อยากจับเหยื่ออีก แม้จะยังอายุน้อยเหยี่ยวตัวนี้ก็ฉลาด ว่านอนสอนง่าย และเชื่องกับครูฝึกเหยี่ยวมาก
“ผลการฝึกเป็นเลิศทีเดียว เป็นเหยี่ยวที่ดีนะ”
ชายคนข้างๆ หรี่ตามองเหยี่ยวนกเขากระพือปีกวุ่นวายอยู่บนแขนครูฝึก แววตาห้าวหาญนั้นนุ่มนวลลงขณะส่งยิ้มให้โซระ สีหน้าแฝงความเข้มงวดที่กดดันผู้อื่นพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าอ่อนโยนดุจแสงตะวันในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อโดนเอ่ยขอความเห็นพ้องว่า “คิดเช่นนั้นหรือไม่” ด้วยสีหน้าอย่างนั้น โซระจึงพลอยยิ้มตามพลางพยักหน้า
ชายผู้นี้มีนามว่ามิคุโมะ ทาคาโทระ เป็นบุตรชายผู้ครองแคว้นฮายาเสะอุระ สามีของโซระ และแม่ทัพหนุ่มผู้มีอายุย่างเข้ายี่สิบสี่ในปีนี้
หลังสิ้นสุดฤดูใบไม้ผลิสองปีก่อน โซระเป็นตัวแทนพี่สาวฝาแฝดเดินทางมาแต่งงานกับเขา ตอนนั้นโซระอายุสิบหกปี ผู้คนที่ปราสาทต่างตกตะลึงและโกรธแค้นเมื่อพบว่าเจ้าสาวเป็นชาย แต่ความตั้งใจแรงกล้าของทาคาโทระก็ทำให้โซระกลายมาเป็นภรรยาของเขาจนได้
ตอนที่เพิ่งมาถึงปราสาท โซระถูกตัดผมด้วยน้ำมือข้ารับใช้ตระกูลมิคุโมะผู้เดือดดาล บัดนี้เรือนผมนั้นกลับมายาวอีกครั้ง นอกจากนั้นโซระยังเรียนรู้วิธีขี่ม้า และมักจะออกมาฝึกเหยี่ยวเคียงข้างสามีดังเช่นที่ทำอยู่ในขณะนี้
“เหยี่ยวตัวนี้ฉลาด แถมยังน่ารักด้วยขอรับ”
ยามอยู่ที่คฤหาสน์โซระจะสวมชุดกิโมโนตัวยาวสบายๆ เป็นส่วนใหญ่ แต่เพราะวันนี้ขี่ม้าออกมาไกล เขาจึงสวมเสื้อกับกางเกงฮากามะ เหมือนทาคาโทระผู้เป็นสามี
เทียบกับทาคาโทระที่อยู่ข้างกันแล้ว รูปร่างของโซระช่างบอบบางอ้อนแอ้น ทว่ารอยยิ้มนั้นมีเสน่ห์ไม่แพ้สามี จนผู้คนมักกล่าวขานว่าช่วยผ่อนคลายจิตใจของผู้พบเห็น ดวงตาโตและโครงร่างเล็กทำให้ความไร้เดียงสายังหลุดออกไปไม่หมดแม้จะอายุสิบแปดปีแล้ว ถึงกระนั้นทาคาโทระผู้ได้สมญาเทพอสูรก็คุยโวกับรอบข้างว่าโซระเป็นคนเดียวที่ตนไม่มีทางสู้ได้ เวลานี้โซระกลายเป็นผู้ที่ใครๆ ล้วนเคารพนับถือไปแล้ว
“คนที่ชมว่าเหยี่ยวนกเขาน่ารักเห็นทีคงมีแต่เจ้าคนเดียว”
“เช่นนั้นหรือขอรับ? แต่มันน่ารักจริงๆ นี่นา เนอะ เจ้าฉลาดและน่ารักมาก เป็นเด็กดีเนอะ”
โซระพูดคุยพลางมองดวงตาดุจผลึกสีดำสนิท เหยี่ยวนกเขาที่ได้รับคำชมกางปีกส่งเสียงร้องด้วยท่าทางดีใจ
“ดูเหมือนว่าเหยี่ยวตัวนี้ก็เข้าใจคำพูดของโซระอีกนั่นล่ะ น่าอัศจรรย์ใจนัก”
ทาคาโทระมีสีหน้าอัศจรรย์ใจยิ่งขณะจ้องมองโซระที่สื่อสารความรู้สึกกับเหยี่ยวได้
“ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้น ทั้งนกและสัตว์ต่างหลงเสน่ห์โซระกันหมดทุกราย”
“ไม่ใช่เรื่องเกินจริงขนาดนั้นหรอกขอรับ ความรู้สึกชอบนั้นสื่อไปถึงอีกฝ่ายได้ เรื่องมันก็แค่นั้นเอง”
“เรื่องแค่นั้นของเจ้าน่ะ ปกติแล้วเป็นเรื่องยาก แม้แต่เจ้าทานิคาเสะตัวนี้ก็ยังเชื่องกับเจ้าง่ายๆ ตอนที่เจ้าควบมันได้สบายทั้งๆ ที่เพิ่งเคยขี่ม้าครั้งแรกนั่นทำเอาข้าตกใจเชียวล่ะ”
บัดนี้ม้าที่ทาคาโทระมอบให้กลายมาเป็นสหายรักของโซระ ช่วยพาโซระไปทุกหนแห่ง
“เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้บอกว่าเจ้าน่ะหายาก”
ทาคาโทระเอ่ยด้วยแววตาอ่อนโยน จากนั้นก็มองตาเหยี่ยวนกเขาเช่นเดียวกับโซระ “อย่างนั้นรึ เจ้าเองก็ชอบโซระสินะ” ทาคาโทระยิ้มให้เหยี่ยว ก่อนจะปรามว่า “แต่รู้ไว้ด้วยเล่าว่านี่คือภรรยาของข้า” ชวนให้ขบขัน
วันนี้สามีภรรยาที่ออกมาฝึกเหยี่ยวพร้อมผู้ติดตามก็รักใคร่กลมเกลียวกันเช่นเคย
“ถ้าเป็นเช่นนี้ อีกไม่นานคงจับเหยื่อตัวเป็นๆ มาได้แน่ขอรับ”
ไคเค็ทสึที่โยนถุงผ้าเมื่อครู่พยักหน้าพอใจ เขาคือข้ารับใช้หมายเลขหนึ่งของทาคาโทระ คอยช่วยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของสามีภรรยา เดิมทีแล้วเขาเป็นหัวหน้าโจรภูเขา เคยจู่โจมกองทัพของทาคาโทระจนโดนตอบโต้เสียยับเยิน แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ไคเค็ทสึก็กลายมาเป็นข้ารับใช้คนสำคัญของทาคาโทระ
“ดูสิขอรับ มันบอกว่ายังไหวแน่ะ พละกำลังล้นเหลือเชียว ได้เหยี่ยวดีมาจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็มาฝึกล่าอีกหนกันเถอะ ไคเค็ทสึ คราวนี้ข้าอยากโยนถุงบ้าง ส่งมาซะ”
ผู้ที่ออกคำสั่งกับไคเค็ทสึคือจิโรมารุ น้องชายของทาคาโทระ ปีนี้อายุสิบสอง เนื่องจากเป็นบุตรชายภรรยาหลวงของโทคิซาดะซึ่งเป็นผู้ครองแคว้น จึงถือเป็นทายาทสายตรงของตระกูลมิคุโมะ แนวโค้งของหน้าผากที่ดูฉลาดปราดเปรื่องนั้นงดงามเหมือนผู้เป็นพี่ ส่วนน้ำเสียงและแววตาก็บ่งบอกถึงนิสัยเกลียดความพ่ายแพ้
“ต้องโยนสูงๆ นะขอรับ ขืนโยนต่ำเกินไปเหยี่ยวจะลำบากเอาได้”
“รู้แล้ว เอ้า รีบส่งถุงผ้ามาซะสิ”
จิโรมารุรับถุงผ้าไปจากไคเค็ทสึ เหยี่ยวนกเขาที่เกาะแขนครูฝึกเหยี่ยวอยู่กระพือปีกขึ้นลงอย่างตื่นเต้น ครั้นครูฝึกให้สัญญาณมันก็เหินขึ้นไปบินวนเป็นวงกลมเหนือศีรษะทุกคนอีกครั้ง
“โยนขึ้นไปตรงๆ นะขอรับ แบบนี้ แบบนี้ โยนจากล่างขึ้นบน ฟิ้ว”
“รู้แล้วน่า”
จิโรมารุรอจังหวะอยู่บนหลังม้า เมื่อเหยี่ยวนกเขาบินเข้าใกล้ด้านบนศีรษะของจิโรมารุ ไคเค็ทสึก็ตะโกนดังลั่นว่า “ตอนนี้แหละ!” จิโรมารุจึงร้อง “นี่แน่ะ” พร้อมกับโยนถุง
ถุงผ้าที่หลุดจากมือจิโรมารุพุ่งตรงเข้าหาพื้นโดยไม่วาดเส้นโค้ง เหยี่ยวนกเขาร่อนตรงลงมาก่อนจะบินกลับขึ้นฟ้า
“...อา ข้าน้อยอุตส่าห์บอกแล้วแท้ๆ เหตุใดจึงโยนลงพื้นล่ะขอรับ แบบนั้นเหยี่ยวก็รับไว้ไม่ได้กันพอดี”
“เพราะเจ้าเสียงดัง ข้าก็เลยมือลื่นนะสิ!”
“พูดจาแก้ตัวอย่างนั้นอีกแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ! ข้าไม่ได้แก้ตัวซะหน่อย เป็นความจริงต่างหาก! ความผิดเจ้านั่นแหละ!”
ไคเค็ทสึถอนหายใจดังเฮ้อ แล้วจึงไปเก็บถุงผ้าที่หล่นอยู่บนพื้น
จิโรมารุโยนถุงผ้าอีกครั้ง คราวนี้ถุงไม่หล่นลงพื้น แต่ก็โยนได้ไม่สูงเท่าไรนัก เหยี่ยวจึงรับถุงไม่สำเร็จ
“อะไรกัน! ทำไมถึงลอยไม่สูงล่ะ”
“กำลังแขนไม่พอกระมัง การกะระยะก็ยังอ่อนหัด ทำให้โยนไปไม่ถึงจุดที่ต้องการ”
ไคเค็ทสึวิเคราะห์อย่างสุขุม ทำเอาจิโรมารุกัดฟันเสียงดังกรอดๆ
“ถ้าเช่นนั้นลองลดระยะห่างดูสักหน่อยดีหรือไม่ขอรับ”
“อืม”
ครูฝึกเหยี่ยวถูกเรียกไปยืนใกล้ๆ จิโรมารุ เด็กชายโยนถุงตรงไปหาเหยี่ยว แต่ถุงก็ยังคงร่วงหล่นก่อนที่เหยี่ยวจะทันรับได้อยู่ดี
“อา ล้มเหลวสินะขอรับ ลองขยับเข้าใกล้ขึ้นอีก อา ไม่สำเร็จหรือนี่ ถ้าเช่นนั้นก็อีกก้าว”
ครูฝึกและเหยี่ยวขยับเข้าใกล้ม้าของจิโรมารุยิ่งขึ้นทุกครั้งที่ล้มเหลว จนกระทั่งเข้ามาถึงตรงหน้า
“...ใกล้แค่นี้ข้ายื่นมือส่งให้เลยก็ได้!”
“ช่วยไม่ได้ ก็ท่านโยนได้ไม่ดีเสียทีนี่นา”
“ฮึ่มมม...”
“จับเหยื่อเท่าไรก็ไม่สำเร็จอย่างนี้ เหยี่ยวเองก็คงผิดหวังแย่เลย พอแค่นั้นเถอะขอรับ”
“ไม่ ข้าจะโยนอีก”
“เอาแต่ใจเสียจริง...”
“ว่าอะไรน้า? ถุงใบนั้นน่ะใหญ่เกินไปสำหรับมือข้าก็เลยโยนลำบาก จริงสิ ไคเค็ทสึ ไปจับกิ้งก่ามาซะ จะได้ฝึกล่าเหยื่อตัวเป็นๆ อย่างไรล่ะ”
“แค่โยนถุงยังไม่สำเร็จ จะไปโยนของน้ำหนักเบาอย่างกิ้งก่าให้สูงๆ ได้อย่างไรล่ะขอรับ”
“หนวกหู ถ้าเป็นกิ้งก่าข้าโยนได้สบายอยู่แล้ว ไปจับกิ้งก่ามาเร็วเข้า”
ไคเค็ทสึที่โดนจิโรมารุออกคำสั่งเดินไปยังบริเวณที่มีหญ้าขึ้นรกชัฏด้วยท่าทางเอือมระอา ครั้นจิโรมารุร้องบอกว่า “งูก็ใช้ได้นะ” ไคเค็ทสึก็สวนว่า “ท่านไม่กล้าโยนของพรรค์นั้นหรอกขอรับ” ต่างฝ่ายต่างโต้เถียงกันไม่เลิก
การตอบโต้อันเป็นกิจวัตรประจำวันของทั้งคู่ทำให้โซระกับสามีมองหน้ากันแล้วหัวเราะ นอกจากจิโรมารุแล้วข้างๆ ทั้งสองยังมีเด็กชายบนหลังม้าอีกคนหนึ่ง เป็นเด็กหน้าตาเฉลียวฉลาด คิ้วเหยียดตรง ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง
เด็กชายคนนี้มีนามว่าทาคิงาวะ โคโนะสุเกะ มาจากสถานที่ที่เรียกว่าชิโนยามะซึ่งอยู่ไกลออกไปทางใต้ เขาเป็นบุตรชายคนที่สามของผู้ครองแคว้นชิโนยามะ ปัจจุบันถูกฝากตัวมาอยู่ที่ฮายาเสะอุระ ชิโนยามะเองก็เป็นแคว้นเกิดใหม่ที่เพิ่งเริ่มมีอำนาจไม่นานมานี้ และมีความสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกับฮายาเสะอุระ เหยี่ยวนกเขาที่ใช้ฝึกล่าวันนี้เป็นของขวัญจากตระกูลทาคิงาวะนั่นเอง
“เป็นข้ารับใช้ที่พูดจาเป็นกันเองมากทีเดียวนะขอรับ”
ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ที่ผิดแผกไปจากนายบ่าวทั่วไปของไคเค็ทสึกับจิโรมารุจะทำให้โคโนะสุเกะตกใจ น้ำเสียงครุ่นคิดนั้นเป็นผู้ใหญ่เกินวัยสิบเอ็ดปี
“อืม ไคเค็ทสึเลี้ยงดูจิโรมารุมาตั้งแต่เยาว์วัย เห็นอย่างนั้นทั้งสองก็สนิทสนมกันมาก จิโรมารุติดไคเค็ทสึมากกว่าข้าเสียอีก อย่างกับพ่อลูกไม่มีผิด”
เมื่อฟังคำตอบของทาคาโทระ โคโนะสุเกะก็พึมพำดัง “อืมม...” พร้อมกับเอียงศีรษะเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยต่อว่า “การสนิทสนมกันเป็นเรื่องที่วิเศษมากขอรับ” เด็กชายคงเข้าใจสถานะของตนเองที่ว่าถูกนำมาฝากตัวไว้ ถึงได้ใส่ใจพูดยกยอฝ่ายนี้
“ไม่สนิทกันซะหน่อย ไม่ว่าข้าพูดอะไร เจ้านั่นก็ชอบบ่นไปหมดทุกเรื่องจนน่าหงุดหงิด ที่ข้าสั่งให้ไปจับกิ้งก่าก็เพื่อลงโทษ เพราะในที่แบบนี้ไม่มีทางจับกิ้งก่าได้อยู่แล้ว”
จิโรมารุเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจก่อนจะชักชวนโคโนะสุเกะ “เอ้า เจ้าก็ลองโยนถุงดูบ้างสิ”
“เอ๊ะ อย่าเลย ข้าไม่มั่นใจว่าจะโยนได้ดี”
โคโนะสุเกะเกรงใจว่าหากตนทำสำเร็จทั้งๆ ที่จิโรมารุทำได้ไม่ดีจะแย่เอา ถึงกระนั้นก็ยังมีความอยากรู้อยากลอง ท่าทีของเด็กชายช่างน่าเอ็นดูนัก
“เอาน่า ถ้าจับเคล็ดได้ต้องโยนได้แน่ ควรค่าแก่การลองนะ ท่านโคโนะสุเกะตัวสูงกว่าข้า อาจโยนได้ดีก็ได้”
แม้จิโรมารุจะแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่อาจเป็นผลจากความเจ็บป่วยในวัยเด็ก เจ้าตัวจึงตัวเล็กกว่าโคโนะสุเกะที่อ่อนวัยกว่าปีหนึ่งอยู่นิดหน่อย จิตใจที่เข้มแข็งโดยกำเนิด ประกอบกับการปกป้องเกินเหตุของผู้คนที่ปราสาททำให้จิโรมารุทำตัวอุกอาจไม่เกรงใจใครอยู่บ้าง แต่โดยเนื้อแท้แล้วมีนิสัยซื่อตรง อ่อนโยน รู้จักใส่ใจผู้อื่น จิโรมารุเคารพรักโซระในฐานะคู่ครองของพี่ชาย เด็กชายมาเที่ยวเล่นที่เรือนของพวกโซระแทบทุกวัน มาทีไรเป็นต้องเปิดฉากต่อปากต่อคำกับไคเค็ทสึเรียกเสียงหัวเราะจากโซระทุกครั้งไป
จิโรมารุเติบโตมาในปราสาทมิคุโมะที่มีแต่ผู้ใหญ่ เมื่อโคโนะสุเกะที่วัยไล่เลี่ยกันมาที่นี่ เด็กชายจึงดีใจเป็นล้นพ้นและคอยดูแลโคโนะสุเกะไปเสียทุกเรื่อง อย่างการฝึกเหยี่ยววันนี้จิโรมารุก็เป็นคนชวนโคโนะสุเกะมาด้วย
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ยากหรอก...ก็คงไม่น่าเชื่อถือนัก แต่ถึงจะล้มเหลวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรอกน่า ลองโยนดูสิ สนุกนะ?”
หลังจากจิโรมารุชวนแล้วชวนอีก โคโนะสุเกะจึงยอมโยนถุงเหยื่อปลอมตามคำชวน การโยนครั้งแรกล้มเหลวเช่นเดียวกับจิโรมารุ แต่เหยี่ยวนกเขาคว้าถุงได้อย่างงดงามในครั้งที่สอง เมื่อทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ปรบมือ โคโนะสุเกะก็คลี่ยิ้มเขินอาย
“นั่นปะไร สำเร็จราบรื่น สมกับเป็นเจ้า ถึงจะเจ็บใจนิดหน่อยก็เถอะ”
จิโรมารุเอ่ยกับโคโนะสุเกะที่ฝึกสำเร็จก่อนตนเอง จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะด้วยกัน
“เหยี่ยวนกเขามีจำนวนน้อยและเลี้ยงยาก แต่ครูฝึกเหยี่ยวบอกว่าตัวนี้ฝึกง่ายจริงๆ ฝากบอกบิดาท่านด้วยว่าขอบคุณที่มอบเหยี่ยวดีๆ เป็นของขวัญให้ทางเรา”
ทาคาโทระเอ่ย โคโนะสุเกะพยักหน้าอย่างยินดี
หลังจากนั้นทุกคนก็หยุดพักจากการฝึกเหยี่ยว พวกเขาปูผ้าบนทุ่งโล่งแล้วเพลิดเพลินกับน้ำชาและขนม ของหวานวันนี้คือขนมโอฮางิ ไคเค็ทสึที่โดนสั่งให้ไปตามหากิ้งก่าก็ถูกเรียกกลับมากินขนมด้วย
“ไคเค็ทสึ ยังจับกิ้งก่าไม่ได้หรือ? พักเสร็จแล้วข้าจะให้เจ้าไปจับกิ้งก่าอีก เจ้าห้ามกลับคฤหาสน์จนกว่าจะจับกิ้งก่าได้”
เมื่อจิโรมารุเอ่ยอย่างซุกซน ไคเค็ทสึก็บอกว่า “จับได้แล้วขอรับ” พลางยกถุงที่เหน็บเอวไว้ให้ดู
“กิ้งก่าอยู่ในถุงใบนี้ ตัวเดียวพอหรือไม่? อยากได้อีกกี่ตัวล่ะขอรับ”
“ว่าอย่างไรนะ จับได้แล้วหรือ”
จิโรมารุตกตะลึง ฝ่ายไคเค็ทสึจึงแกว่งถุงที่เอวให้ดูตรงหน้า มุมปากบนใบหน้าที่บึ้งตึงเป็นนิจแสยะยิ้มเล็กน้อย
“จับกิ้งก่าเป็นงานง่าย แต่การใช้เจ้านี่เป็นอุปกรณ์ฝึกเหยี่ยวนี่สิน่าจะยาก เพราะกิ้งก่าทั้งตัวเล็กแล้วก็เบา แต่เอาเถอะ เหยี่ยวมีสายตาคมกริบ ถ้าโยนได้ดี เหยี่ยวก็คงจับได้เอง”
“ข้าทำได้ จะทำให้ดูเอง”
“เห็นทีกิ้งก่าที่ข้าน้อยอุตส่าห์จับมาคงจะหนีไปได้ง่ายๆ...”
“ว่าอะไรนะ อย่าตัดสินว่าข้าต้องล้มเหลวแน่ๆ สิ เจ้าคนไร้มารยาท”
“ขอรับๆ ลองโยนดูเถอะ กิ้งก่าที่รอดชีวิตไปได้คงซาบซึ้งน้ำใจท่านจิโรมารุน่าดู”
“ยังจะพูดเช่นนั้นอีกรึ”
“เอ้า จะโวยวายหรือจะกินก็เลือกเอาสักอย่างเถอะขอรับ”
ไคเค็ทสึเช็ดรอบปากจิโรมารุที่เลอะถั่วแดงจนกลายเป็นสีดำ
ท่าทีปกป้องเกินเหตุตามเคยของไคเค็ทสึทำให้โซระอมยิ้มขณะชักชวนให้โคโนะสุเกะและผู้ติดตามกินขนมโอฮางิในกล่อง
โคโนะสุเกะยื่นมือหยิบขนมอย่างว่าง่าย แต่มัตสึดะ ยาอิจิผู้ติดตามเด็กชายปฏิเสธหนักแน่น ชายคนนี้เป็นผู้ดูแลของโคโนะสุเกะที่เดินทางมาด้วยกันจากชิโนยามะ อายุมากกว่าทาคาโทระ คาดว่าน่าจะพอๆ กับไคเค็ทสึ กองทัพฮายาเสะอุระภายใต้การนำของทาคาโทระนั้นมีนักรบดุดันเหมือนไคเค็ทสึอยู่มาก ตัวทาคาโทระเองก็โปรดปรานและชอบใช้งานคนประเภทนั้น ทว่าชายชื่อยาอิจิผู้นี้ แม้มีร่างกายกำยำสมเป็นนักรบ แต่กลับไม่มีวี่แววความดุดันทำนองนั้นอยู่เลย ยาอิจิมีเครื่องหน้าคมเข้ม ไม่เคยหัวเราะอย่างมีชีวิตชีวาให้เห็นเลยสักครั้ง กิริยาท่าทางของเจ้าตัวเงียบขรึมเช่นเดียวกับสีหน้า คอยเฝ้ารับใช้เคียงข้างโคโนะสุเกะตลอดเวลาประดุจเงา
“ขนมนี่รสหวานอร่อยมากนะขอรับ ท่านมัตสึดะก็เชิญกินเถิด”
“มิได้ขอรับ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจผู้น้อยอย่างข้าหรอก”
“ท่านมัตสึดะ อย่าเกรงใจเลย ที่มิคุโมะเราไม่แบ่งแยกสูงต่ำในที่แบบนี้”
ไม่ว่าจะเป็นยามพาผู้ติดตามไปเที่ยวภูเขา สำรวจอาณาเขต หรือออกมาทัศนาจรอย่างวันนี้ พวกโซระก็มักจะนำข้าวกล่องและขนมออกมาวางแผ่แล้วกินร่วมกันอย่างเพลิดเพลินอย่างนี้เสมอ
“ใช่แล้ว ดูสิ แม้แต่อดีตโจรภูเขาที่อยู่ตรงนี้ยังกินซะเต็มคราบ”
จิโรมารุช่วยพูดชักชวนให้กินขนมโอฮางิด้วยกันอีกเสียง
“ขนมโอฮางินี่อร่อยจริงๆ ขอรับ ข้าน้อยขออีกชิ้นก็แล้วกัน”
“นี่เจ้า หัดเกรงใจซะบ้างสิ อ๊ะ นั่นมันโอฮางิชิ้นที่ข้าเล็งไว้นะ!”
“ยังมีอีกเหลือเฟือนี่ขอรับ ไม่ได้เขียนชื่อเอาไว้เสียหน่อย”
ไคเค็ทสึกับจิโรมารุเปิดฉากโต้เถียงกันอีกรอบ โคโนะสุเกะที่มองดูอยู่หัวเราะร่วน
“ได้ยินว่าชิโนยามะรวบรวมครูฝึกเหยี่ยวมาจากทั่วอาณาจักร ที่นั่นฝึกเหยี่ยวล่าสัตว์กันบ่อยหรือ?”
ทาคาโทระถาม โคโนะสุเกะพยักหน้ารับว่า “ขอรับ” ขณะเคี้ยวโอฮางิเต็มปาก
“ที่นี่ไม่ค่อยได้ฝึกเหยี่ยวกันเท่าไรนัก เหยี่ยวนกเขาชั้นเลิศเช่นนี้ก็เพิ่งเคยได้ฝึกครั้งแรก สนุกไม่เลวเลย”
ดูเหมือนว่าแคว้นของโคโนะสุเกะจะทุ่มกำลังให้กับการจับและฝึกเหยี่ยว ได้ยินว่าเคยถวายเหยี่ยวแด่ราชสำนักด้วย ส่วนที่ฮายาเสะอุระเพิ่งเริ่มฝึกเหยี่ยวกันเมื่อไม่นานมานี้เอง สำหรับแม่ทัพแล้ว จำนวนและความเป็นเลิศของเหยี่ยวในครอบครองนั้นเป็นเครื่องมือที่สะดวกสำหรับโอ้อวดความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังใช้ฝึกสู้รบได้อีกด้วย หลายๆ แคว้นจึงนิยมฝึกเหยี่ยวล่าสัตว์ แต่ทาคาโทระเห็นการฝึกเหยี่ยวเป็นเพียงการละเล่นอันงดงามเท่านั้น
“ตอนอยู่ที่บ้านเกิด ท่านโคโนะสุเกะก็เข้าร่วมการฝึกเหยี่ยวบ่อยหรือ?”
จิโรมารุที่เลิกแย่งขนมโอฮางิหันมาร่วมวงสนทนาด้วย
“ขอรับ...ไม่สิ ไม่ได้บ่อยนักหรอก พ่อข้าเคยพาไปสองครั้งเห็นจะได้ แต่ข้าได้แต่รออยู่ไกลๆ ก็เลยจำไม่ค่อยได้”
“เช่นนั้นหรือ ที่ชิโนยามะใช้นกหวีดบังคับเหยี่ยวเหมือนกันหรือไม่?”
“ขอรับ ใช่แล้ว บางครั้งก็ใช้การผิวปาก”
“โฮ่ ใช้การผิวปากควบคุมเหยี่ยวได้ด้วยรึ ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำได้หรือไม่นะ”
จิโรมารุลองผิวปากดังวี้ วี้ แต่เสียงที่ออกมานั้นเบาหวิวจนไม่น่าจะดังไปถึงนกที่โบยบินบนฟ้า ไคเค็ทสึที่เห็นดังนั้นจึงยกนิ้วขึ้นเป่าปาก เมื่อนำนิ้วโป้งและนิ้วชี้จรดเข้าหากันเป็นวงในปากแล้วเป่าลม เสียงดังปิ๊ว ปิ๊ว ปิ๊ว! แหลมสูงก็กังวานลั่น
“โอ้ ไคเค็ทสึ เก่งนี่นา ทำเสียงดังขนาดนั้นได้ด้วย ทำอย่างไรหรือ?”
จิโรมารุยกนิ้วใส่ปากแล้วเป่าลมเลียนแบบไคเค็ทสึ แต่เป่าจนหน้าแดงแล้วก็ยังไม่มีเสียงออกมา
“ทำไมถึงไม่มีเสียง! นิ้วข้าเล็กไปรึ? บอกเคล็ดลับมาซะ! ไคเค็ทสึ!”
“เคล็ดลับอย่างนั้นหรือ ก็แค่ยกนิ้วแนบปากอย่างนี้ ทำเหมือนส่วนที่เป็นวงตรงนี้เป็นขลุ่ย จากนั้นก็เป่าลมเหมือนผิวปากเท่านั้นเองขอรับ”
“ข้าผิวปากธรรมดายังไม่ได้เลย บอกให้ทำเหมือนผิวปากไปก็เท่านั้น”
“อย่างนั้นก็คุยกันไม่รู้เรื่องนะสิขอรับ”
“ถึงอย่างไรก็สอนข้ามาซะ”
“ข้าน้อยไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เอาเป็นว่าเป่าให้มันมีเสียงก็ใช้ได้ขอรับ”
“ไม่เห็นเข้าใจสักนิด!”
จิโรมารุฉุนเฉียว ฝ่ายโคโนะสุเกะที่เฝ้าดูอยู่ก็ยกนิ้วจรดปากตนเองแล้วลองเป่าดู เสียงปิ๊วใสๆ พลันดังขึ้นจนเจ้าตัวตกใจเสียเอง
“...อะไรกัน ท่านโคโนะสุเกะก็อีกคน ทำอย่างไรหรือ? ทำอย่างไรให้เสียงออกมา?”
“เอ่อ...ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แค่ใช้...นิ้วส่วนที่จีบเป็นวงแนบปากอย่างนี้...”
“เจ้าก็อธิบายเหมือนไคเค็ทสึหรือนี่”
โคโนะสุเกะยกนิ้วจรดปากอีกครั้งคล้ายจะทดลอง เมื่อเกิดเสียงดังเช่นเดียวกับเมื่อครู่ จิโรมารุจึงพินิจท่าทางของโคโนะสุเกะอย่างละเอียดแล้วลองเลียนแบบดูบ้าง แต่ก็ยังไม่มีเสียงออกมาอยู่ดี
“น่าเจ็บใจนัก ทั้งๆ ที่ไคเค็ทสึกับท่านโคโนะสุเกะเป่าปากได้อย่างง่ายดายแท้ๆ ท่านมัตสึดะ แล้วเจ้าล่ะ?”
จิโรมารุที่เจ็บใจเพราะตนเป่าไม่เป็นอยู่คนเดียวหันไปถามยาอิจิ
“...ไม่รู้สิขอรับ”
“ลองทำดูสิ”
“.....”
ทีแรกยาอิจิเมินเฉยคำขอของจิโรมารุ ทว่าเมื่อโดนโคโนะสุเกะที่อยู่ด้วยกันจ้องมองด้วยแววตาคาดหวัง ยาอิจิจึงยกมือเข้าหาปากด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก ยาอิจิเป่าให้เกิดเสียงได้อย่างไม่ยากเย็น เล่นเอาจิโรมารุทดท้อใจ
“ทุกคนทำได้กันหมดเลย”
“อะไรกัน หากฝึกฝนหลายๆ ครั้งเข้า ไม่นานก็เป่าเป็นเองขอรับ”
ไคเค็ทสึรีบปลอบจิโรมารุที่กำลังห่อเหี่ยว ครั้นกล่องใส่ขนมโอฮางิยื่นไปหา จิโรมารุก็หยิบใส่ปากหนึ่งชิ้นโดยไม่รู้ตัว
“ท่านพี่ก็เป่าเป็นใช่หรือไม่?”
“อืม ใช้เป่าเรียกม้าน่ะ”
“ท่านจิโรมารุ ข้าก็เป่าไม่เป็นเหมือนกันขอรับ”
โซระพูดให้กำลังใจ แต่จิโรมารุกลับตอบว่า “แต่ท่านโซระไม่ต้องเป่าปากก็เรียกทั้งม้าทั้งนกมาหาได้ไม่ใช่หรือไร”
ทุกคนพากันใส่ใจปลอบโยนจิโรมารุที่กำลังซึมกะทือ ไคเค็ทสึหยิบกิ้งก่าออกมาจากถุงที่เอว ชักชวนให้ฝึกเหยี่ยวกันต่อ
“ถ้าใช้เชือกมัดไว้แล้วโยนขึ้นไปก็ไม่เป็นไรแน่ขอรับ แบบนั้นจะได้ฝึกได้หลายๆ ครั้ง”
ว่าแล้วไคเค็ทสึก็จูงมือจิโรมารุไปหาครูฝึกเหยี่ยวอย่างกระตือรือร้น
“เอ้า ผูกเชือกเรียบร้อยขอรับ เชิญฝึกให้เต็มที่ได้เลย”
“อืม”




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โซระถูกส่งมาแต่งงานกับมิคุโมะ ทาคาโทระ บุตรชายคนโตของผู้ครองแคว้นฮายาเสะอุระในฐานะตัวแทนของพี่สาวฝาแฝด สมัยอยู่บ้านเกิดโซระโดนรังเกียจจนไม่มีแม้แต่ชื่อ และผู้เป็นสามีก็มอบชื่อ ‘โซระ’ ให้กับเขา โซระใช้วันคืนอันสงบสุขร่วมกับสามีที่รักใคร่เอ็นดูเขาโดยไม่เกี่ยงว่าเป็นบุรุษเพศ แต่แล้วโทคิซาดะ ผู้ครองแคว้นคนปัจจุบัน บิดาของทาคาโทระกลับบอกว่าอยากให้เกลี้ยกล่อมทาคาโทระให้รับสตรีมาเป็นภรรยาหลวงเพื่อผลิตทายาท หลังจากกลัดกลุ้มอย่างหนัก โซระจะตัดสินใจอย่างไร?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”