New Release BLY แปล : ที่รักของใจคือใครกัน!

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : ที่รักของใจคือใครกัน!

โพสต์ โดย Gals »

1

คำกล่าวที่ว่า ‘อย่าดื่มเหล้าจนเมาหัวราน้ำ’ เขาเข้าใจเป็นอย่างดี เข้าใจ แต่น่าเสียดายที่มิโตะ อากิระเป็นประเภทที่ ‘ดื่มแล้วเอาหัวราน้ำ’ ทุกที
อย่างวันนี้ที่มากินเลี้ยงหลังส่งมอบงานให้ลูกค้า ภารกิจที่สำคัญที่สุดของเขาคือ บังคับตัวเองให้ดื่มแต่พอดี อย่าให้ถึงขนาดทำตัวกักขฬะหรือประคองสติไม่อยู่ เดิมพันของงานนี้ขึ้นอยู่กับว่าคนคออ่อนที่รักในรสชาติน้ำเมาอย่างเขาจะควบคุมตัวเองได้มากแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่เขาพ่ายแพ้หมดรูป เพราะงานเลี้ยงที่มีทั้งอาหารทะเลจากฮอกไกโดและเหล้าญี่ปุ่นแบบไม่อั้น หลอกล่อให้เขาติดกับเต็มเปา ขณะที่ย่ามใจคิดว่าจิบนิดจิบหน่อยคงไม่เป็นไร อากิระก็เผลอกระดกเข้าปากไปสิบรอบแล้ว
ด้วยเหตุนี้วิศวกรระบบวัยยี่สิบเก้าปีผู้เมาหัวราน้ำจึงถือกำเนิดขึ้น
แย่ตรงที่เวลาเมาเขามักจะขี้เล่นมากไปหน่อย อย่างตอนที่ถูกหัวหน้ายุคฟองสบู่ ผู้ถือคติได้หมดทั้งชายหญิงแซวว่า “มิโตะคุง กลับบ้านไหวรึเปล่า? อยู่ดื่มกาแฟโต้รุ่งกับลุงไหม?” คนปกติทั่วไปคงลำบากใจที่จะตอบ แต่อากิระถึงขนาดกล้ารับมุกว่า “แหม หัวหน้าละก็ ถ้าจะชวนผม ต้องเป็นห้องสวีตของโรงแรมหรูเท่านั้นนะครับ” ผลคือเขาตกที่นั่งลำบาก เพราะหัวหน้าเกิดถูกใจความขี้เล่นของเขาจนเกาะติดไม่ปล่อย
โชคดีที่อากิระออกตัวไว้ล่วงหน้าว่าพรุ่งนี้มีธุระต้องไปทำ เลยปลีกตัวออกมาได้ในจังหวะที่งานแรกสิ้นสุดลง เขาบอกลาคนอื่นที่จะไปดื่มกันต่อและเพื่อนร่วมงานที่ใช้สถานีรถไฟ JR ก่อนมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน
อา...ดื่มหนักอีกแล้ว แม้ในใจจะสำนึกผิดแต่จังหวะก้าวเดินของเขากลับเบิกบาน เพลิดเพลินไปกับรสชาติของความรู้สึกลอยละล่องตามประสาคนคออ่อน
...เดินผ่านทางนี้ดีไหมนะ...
อากิระครุ่นคิดพลางเหลือบมองทางเข้าซอย ขณะเดินเลียบไปตามถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมา
อันที่จริงเดินเลียบถนนใหญ่ไปเรื่อยๆ จนถึงสถานีรถไฟใต้ดินก็ไม่ได้ไกลมาก แต่ถ้าเข้าซอยนี้แล้วทะลุผ่านชินจูกุนิโจเมะ น่าจะย่นเวลาได้นิดหน่อย
ย่านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเกย์ทาวน์ อากิระก็เคยแวะเวียนมาอยู่ช่วงหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ใช่สถานที่ที่เข้าถึงยากจนไม่กล้าไปเหยียบ แค่รู้สึกว่าไม่เหมาะกับตนเท่าไร หลายปีมานี้เลยไม่ได้เฉียดไปอีกแม้ที่ทำงานจะอยู่ในละแวกใกล้เคียง
แต่พรุ่งนี้มีธุระต้องไปทำ อุตส่าห์ปฏิเสธที่จะไปต่อร้านสองแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากรีบกลับไปนอน
อากิระเลี้ยวเข้าซอยที่เต็มไปด้วยป้ายร้านเรียงราย และแสงสีที่มีเสน่ห์ต่างจากไฟข้างถนนหรือไฟหน้ารถ หากแต่ในซอยก็ไม่ได้คึกคักสมชื่อย่านการค้าสักเท่าไร
เพิ่งเลยสามทุ่มไปไม่นาน ช่วงหัวค่ำแบบนี้บรรยากาศของร้านกลางคืนมักเป็นไปอย่างสบายๆ อาจเพราะยังไม่พบเห็นความกักขฬะจากพวกขี้เมาด้วย ที่สำคัญช่วงสุดสัปดาห์มักจะมีนักท่องเที่ยวทั่วไปแวะเวียนมา เพราะเดิมทีนิโจเมะไม่ได้โดนแปะป้ายว่าเป็นย่านสำหรับเกย์อย่างเดียวอยู่แล้ว เนื่องจากบริเวณโดยรอบมีทั้งตึกสำนักงานและร้านกินดื่มทั่วไปอยู่เยอะพอสมควร สิ่งเหล่านี้จึงช่วยลบล้างภาพลักษณ์ของย่านเกย์ให้น้อยลงกว่าเดิม
อากิระมองว่าคนที่มาเที่ยวในย่านนี้เพื่อเปิดหูเปิดตา คงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบเท่าไรนัก ซึ่งทำให้เขารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
เพราะคติประจำใจของเขาคือ ‘ชีวิตที่แน่นอนย่อมดีที่สุด’ ทว่าทุกวันนี้อากิระตระหนักได้แล้วว่าชีวิตคือสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายเสมอ
แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ภูมิใจนัก แต่เขาก็เป็นที่ชื่นชอบในหมู่เด็กผู้หญิงมาตั้งแต่สมัยอนุบาล เพราะมีดวงตากลมโตสองชั้น กับริมฝีปากบาง และใบหน้ารูปไข่เกลี้ยงเกลา หรือที่เรียกอีกอย่างว่าหนุ่มหน้าสวยนั่นเอง ประกอบกับนิสัยเอาจริงเอาจัง กล้าโต้แย้งอาจารย์ที่ไร้เหตุผล และรู้จักทำตัวครื้นเครงเมื่อมีกิจกรรมโรงเรียน อากิระจึงเป็นประเภทที่เพื่อนในห้องนิยมชมชอบ
ชีวิตของเขาโรยด้วยกลีบกุหลาบ อากิระเคยคิดว่าเมื่อโตขึ้นเขาจะทำงานที่ชอบ และแต่งงานกับสาวสวยน่ารัก พูดในแง่ดีคือไม่ใช่เรื่องแปลก พูดในแง่ร้ายคือตั้งใจจะเดินตามเส้นทางแสนสบายไปชั่วชีวิตนั่นเอง
ทว่าในช่วงมัธยมปลายเขาดันตระหนักได้ว่าตนเป็นเกย์ และนั่นคือก้าวแรกที่ทำให้เขาได้ลิ้มรสชาติของชีวิตที่ไม่เป็นไปตามความต้องการ
แน่นอนว่าอากิระสับสนที่ตนหลุดออกจากเส้นทาง ‘ทั่วไป’ แต่ด้วยนิสัยแล้วเขาไม่สามารถหลับตามองข้ามในสิ่งที่ตนเป็นได้ แม้ในใจจะรู้สึกขัดแย้งเพียงใด สุดท้ายเขาก็ยอมรับในเพศวิถีของตน
โดยพื้นฐานเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี เมื่อยอมรับได้แล้วเขาก็ล้มเลิกความคิดที่แต่งงานมีครอบครัว แล้วตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอันหวานชื่นร่วมกับคนรักแทน ตอนนี้เองที่ชีวิตของเขาผิดไปจากความตั้งใจอีกครั้ง
เนื่องจากที่ผ่านมามีเด็กผู้หญิงคอยเข้าหาเขาตลอด อากิระจึงไม่รู้ว่าตนควรทำอย่างไร การเป็นเกย์ส่งผลให้เขาไม่กระตือรือร้นกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่าที่ควร ชีวิต ม.ปลาย และมหา’ลัยของเขาจึงผ่านเลยไปโดยที่ไม่ได้สัมผัสกับเรื่องนี้เลย
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาคิดว่า ‘คนเราควรใช้ชีวิตอย่างมั่นคง’ น่าจะมาจากสองเหตุการณ์ที่ไม่ได้ดังใจนี้ เดิมเคยคิดจะใช้ชีวิตสนุกสนานเรื่อยเปื่อย เพราะย่ามใจกับชีวิตขาขึ้นอันแสนราบรื่นของตน แต่การอยู่อย่างเรื่อยเปื่อยโดยหาแฟนไม่ได้สักคนก็ทำให้เสียความมั่นใจได้เหมือนกัน
อากิระเริ่มแวะเวียนไปที่ย่านของชาวเกย์หลังเรียนจบและย้ายออกมาอยู่คนเดียว แต่ด้วยรูปโฉมที่โดดเด่นเหมือนคนเที่ยวเก่ง หนุ่มที่เข้ามาจีบจึงมีแต่พวกไม่จริงจัง ขัดกับอุดมการณ์ของเขาที่ต้องการจะหาคู่แท้
บางคนก็เลือกคบกับหนุ่มที่ดูเข้าท่าในงานนัดบอดทั้งที่ไม่ได้ชอบแล้วบังเอิญไปได้สวย แต่โชคร้ายที่เขามีนิสัยเอาจริงเอาจังไม่เข้าเรื่อง เลยมองว่าการคบหากับคนที่ไม่ได้ชอบนั้นดูไม่จริงใจเท่าไร
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีความต้องการทางเพศจึงมีอุปกรณ์ไว้ใช้ปลอบประโลมตัวเองอยู่บ้าง และเพื่อบรรเทาความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นในใจ เขาถึงขนาดตั้งชื่อให้ชิ้นที่คุ้นเคยว่าอลันบ้างล่ะ โทมัสบ้างล่ะ ชีวิตเรื่อยเฉื่อยของเขาดำเนินต่อมาทั้งอย่างนี้ จนกระทั่งในวันเกิดครบรอบยี่สิบสี่ปีที่ต้องฉลองอยู่คนเดียว อลันก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะเสื่อมสภาพจนเกินเยียวยา
...นี่เรียกว่า อาการหนักแล้ว
ในตอนนั้นอากิระหวาดกลัวจับใจ แม้ที่ผ่านมาจะพอรู้สึกได้อยู่แล้วก็ตาม พอกันที แบบนี้ไม่ดีแน่ นอกจากจะเป็นเกย์ที่อยากเจอคู่แท้แต่ไม่กล้าเริ่มก่อนแล้ว ยังช่วยตัวเองจนอุปกรณ์พังอีก และแทนที่จะโศกเศร้าที่สูญเสียคู่หูไป เขากลับสะท้อนใจจนอยากร้องไห้มากกว่าที่ตนโดดเดี่ยวถึงขั้นทำของเล่นพัง
ด้วยเหตุนี้อากิระจึงได้ข้อสรุปมาหนึ่งอย่าง
นั่นคือเขาไม่มีดวงในเรื่องความรักและคู่ครอง การหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันจะมีแฟนช่างไร้อนาคตสิ้นดี ดังนั้นอย่างน้อยๆ เขาควรจะซื้อห้องซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ให้ได้ตั้งแต่ยังหนุ่ม เพื่อสร้างรากฐานอันมั่นคงให้กับชีวิตที่สะดวกสบายในอนาคต
เมื่อคิดได้ก็ควรลงมือทำทันที ด้วยเหตุนี้อากิระจึงหันมาอดออมเพื่อชีวิตอันสงบสุขในอนาคต เขาย้ายเข้าไปอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เก่าโทรมอายุอานามหลายปีด้วยความเต็มใจเพราะค่าเช่าไม่แพง โดยเฉพาะอะพาร์ตเมนต์ที่ต่อสัญญาไม่ได้เนื่องจากมีกำหนดรื้อถอนสร้างใหม่จะยิ่งถูกเป็นพิเศษ ดังนั้นตลอดห้าปีที่ผ่านมาอากิระจึงย้ายเข้าย้ายออกตามอะพาร์ตเมนต์เก่ามาแล้วถึงสามแห่ง จนได้ฉายาที่ไม่น่าปลื้มว่า ‘ผีสิงซากตึก’ ผนังห้องที่บางจนแทบกั้นเสียงไม่ได้ทำให้เขาไม่กล้าช่วยตัวเองไปโดยปริยาย และดูเหมือนว่าความต้องการทางเพศจะเป็นสิ่งที่ลดลงไปเองเมื่อไม่ถูกกระตุ้นเป็นเวลานาน กิเลสตัณหาต่างๆ ทั้งความปรารถนาที่จะมีคนรักและสัมพันธ์อันลึกซึ้งจึงสลายหายไปจากชีวิตของอากิระ
พวกข้าวของเครื่องใช้นอกเหนือจากเสื้อผ้าก็มีเพียงเท่าที่จำเป็น เพราะคำนวณไว้แล้วว่าต้องย้ายห้องบ่อยๆ
แต่อากิระก็ไม่ได้ประหยัดจนแทบจะกัดก้อนเกลือกิน เขายังคงดูแลเอาใจใส่รูปลักษณ์ของตนและออกไปสังสรรค์ตามประสาคนทำงาน ชีวิตของเขาจึงไม่ได้แห้งแล้งถึงขนาดนั้น ทว่าการกลับมาเจอห้องขนาดหกเสื่อที่ถูกแดดเลียหลังทำงานมาเหน็ดเหนื่อยก็ชวนให้รู้สึกว่างเปล่าเป็นบางครั้ง
...เอาน่า อดทนอีกนิดก็จะมีเงินดาวน์ห้องแล้ว
อะพาร์ตเมนต์ที่เช่าอยู่ตอนนี้ก็มีกำหนดต้องรื้อถอนและย้ายออกภายในปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งก็คือเดือนหน้าตามสัญญาที่เคยเซ็นไว้ อากิระจึงรีบมองหาห้องใหม่ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ห้องที่สำนักงานจัดหาที่อยู่แนะนำมามีแต่ห้องที่ยังไม่เข้าตาทั้งนั้น ทำให้เขาเสียเวลาไปสองสัปดาห์ฟรีๆ อากิระเลยตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะถือโอกาสมองหาสำนักงานจัดหาที่อยู่เจ้าใหม่ด้วย
แค่ทนอยู่ห้องเช่าถูกๆ ไปอีกสองปีก็เก็บเงินดาวน์ห้องได้ตามเป้าแล้ว จากนั้นก็จะกู้เงินและผ่อนจ่ายรายเดือนในราคาที่ไม่ต่างจากค่าเช่าห้องทั่วไปได้
อากิระบังคับขาของตัวเองที่เดินง่อนแง่นให้ก้าวอย่างหนักแน่นภาคภูมิ พลางลอบยิ้มในใจที่ใกล้จะมีห้องเป็นของตนเข้าไปทุกที
“อ๊ะ”
ทันใดนั้นก็ชนเข้ากับเงาที่อยู่ข้างหน้า
แม้อีกฝ่ายจะผิดที่ยืนหันรีหันขวางอยู่ริมถนน แต่อากิระก็ผิดเช่นกันที่ไม่ดูให้ดี เขาสร่างเมาทันทีและรีบกล่าวคำขอโทษ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับต้องเมาอย่างอื่นแทน
เพราะสิ่งที่อากิระผู้มีส่วนสูงตามมาตรฐานเห็นอยู่ตอนนี้ คือใบหน้าที่ตรงสเปกจนน่าตกใจ
อย่างน้อยก็น่าจะสูงเกินร้อยเปดสิบเซนติเมตร ลาดไหล่แข็งแรงเข้ากับชุดสูททำให้ชายคนนี้ดูภูมิฐาน
ยิ่งกว่านั้นคือ เขามีดวงตาคมเข้มสุดเท่ซ่อนอยู่หลังปอยผมดำที่ยาวปรกหน้าผาก ซ้ำยังเห็นตาขาวด้านล่างนิดๆ แบบที่อากิระชอบมากเสียด้วย
คำเรียกชายหน้าตาดีนั้นมีอยู่นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะหนุ่มหล่อเอย หนุ่มมาดเท่เอย หรือหนุ่มรูปงามก็ตาม แต่ดูจากแววตาที่ชวนหลงใหลแล้ว ชายคนนี้เหมาะกับคำว่า ‘หนุ่มเจ้าเสน่ห์’ ที่สุด
ขณะที่อากิระกำลังยืนอ้าปากค้างด้วยความเคลิบเคลิ้ม ชายคนนั้นก็ละล่ำละลักถามเขาว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ? ขอโทษนะครับ ผมดันหยุดกะทันหัน...เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
ท่าทางร้อนรนส่งผลให้บรรยากาศแพรวพราวของหนุ่มเจ้าเสน่ห์ลดลง จนดูเหมือนเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขามากกว่า หัวใจของอากิระปั่นป่วนว้าวุ่นคล้ายจะเป็นลม เมื่อด้านที่ต่างจากภาพลักษณ์ปรากฏออกมา
“ผมก็ไม่ทันระวังเหมือนกัน...”
ขอโทษนะครับ ผมไม่เป็นอะไร อากิระโบกไม้โบกมือโดยที่ไม่อาจละสายตาได้
เพราะไม่เคยเจอใครที่ตรงสเปกขนาดนี้มาก่อน
อากิระต้องการใช้ชีวิตด้วยความมั่นคง ดังนั้นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นตามอารมณ์ อย่างการตกหลุมรักแรกพบหรืออยากได้อยากโดนสักครั้ง จึงไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ใจเจ้ากรรมกลับเต้นไม่เป็นส่ำ
...ไม่หรอกน่า แค่ตื่นตกใจที่เดินชนต่างหาก
ถึงอย่างไรเขาก็อยากรักษาใจให้สงบสุขไร้คลื่นลม เหมือนต้นไม้ใบหญ้าแถวนี้มากกว่า การไหลไปตามความรู้สึกชั่วครั้งชั่วคราวเพียงเพราะอีกฝ่ายตรงตามสเปกในอุดมคติย่อมไม่เกิดผลดีอยู่แล้ว
ดวงตาที่จับจ้องอีกฝ่ายจึงค่อยๆ หลุบลง ราวกับถูกโน้มน้าวด้วยเหตุผลอันหนักแน่น
หัวใจพลันห่อเหี่ยวเมื่อหนุ่มที่ตรงสเปกจนน่าตกใจหายไปจากสายตา
หากเดินก้มหน้าจากไปทั้งอย่างนี้ก็น่าจะหนีพ้น
คติประจำใจของอากิระคือความสงบสุขและความมั่นคง ดังนั้นเรื่องความรักจึงไม่ได้อยู่ในสายตาเขามานานแล้ว
“เอ่อ ไม่เป็นไรแน่นะครับ? เมาอยู่รึเปล่า? รู้สึกคลื่นไส้ไหม?”
โชคไม่ดีที่หนุ่มเจ้าเสน่ห์ผู้เย้ายวนใจดันแสดงความห่วงใยด้วยเสียงทุ้มนุ่มชวนฝัน ขืนเป็นแบบนี้ต้องแย่แน่ เพราะมันทำให้เขาอยากจะลองจีบคนอื่นครั้งแรกด้วยการชวนไปนั่งพักดื่มชาที่ไหนสักแห่ง
“ไม่เป็นไรครับ ผมเมาก็จริงแต่ไม่ได้หนักขนาดนั้น เอ่อ เดี๋ยวหลุดจากตรงนี้ไปก็เจอสถานีรถไฟแล้ว กลับได้แน่นอนครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ระวัง”
อากิระก้มหน้าตอบรัวเร็วก่อนถอยห่างอย่างอาลัยอาวรณ์ แต่คราวนี้ดันถอยไปชนชายหนุ่มคู่หนึ่งแทน
“หวา! ขอโทษครับ!”
วันนี้เป็นวันเคราะห์หรือไงนะ เมื่อเขาหันไปก้มหัวให้ หนุ่มทั้งสองที่ดูเหมือนจะเป็นคู่รักก็มองหน้าเขา
“โอ๊ะ น่ารักจัง~ ถ้าว่างมาเล่น 3P กับพวกเราไหม?”
“...อะ เอ๊ะ!? ไม่เอาครับ”
“เถอะน่า มาเดินเตร่แถวนี้ตอนเมาๆ เดี๋ยวก็โดนคนไม่ดีลากไปหรอก อย่าห่วงเลย พวกเราเป็นคนสติดีที่อยากเล่นสนุกกันเฉยๆ มาเถอะ”
“นะ”
“มะ ไม่ดีกว่าครับ เรื่องแบบนี้ผมไม่...”
ยังไม่ทันปฏิเสธจนจบ ทั้งสองก็เดินเข้ามากอดคอเขาเสียแล้ว อากิระใจหายจนสร่างเมา แต่ก็ไม่คิดว่าตนจะมีแรงเหลือพอที่จะสลัดคนทั้งคู่ออกแล้วหนีไปได้
ประเด็นคือเขายังไม่เคยมีเซ็กซ์มาก่อน แม้สกิลช่วยตัวเองจะพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง แต่เขาไม่รู้จักเทคนิคที่เอาไว้ใช้กับผู้อื่นเลย ทั้งหมดเป็นเพราะต้องการคนรักที่จะมาอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต เลยมัวแต่ยึกยักจนเสียโอกาสไป แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนมองโลกในแง่ดีอย่างเขาดันมีนิสัยยุ่งยากที่เรียกว่าใจปลาซิว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนไร้ความสามารถในทางปฏิบัติจะไปร่วมกิจกรรมผาดโผนแบบนั้น
แต่เขาก็ไม่กล้าสารภาพตามตรงว่าทำไม่ได้เพราะไม่เคยมีเซ็กซ์มาก่อน เนื่องจากกลัวว่าจะไปกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าของเพศผู้เอา
“เอ่อ”
เสียงนุ่มนวลทว่าหนักแน่นร้องเรียก เมื่อพวกเขาพร้อมใจกันหันไปทางต้นเสียง ก็เห็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนเมื่อกี้กำลังมองมาด้วยรอยยิ้มเกรงๆ
“ขอโทษครับ พอดีคนนั้นเขามากับผม”
“เอ๋”
“จริงเหรอพี่ชาย?”
หนุ่มหน้าหม้อทั้งสองหันมาถาม อากิระรีบพยักหน้าหงึกหงักทันที มันคงจะโง่มากหากเขาทำลายโอกาสที่อุตส่าห์ได้รับมา
ไม่รู้เป็นเพราะเสียงทุ้มนุ่มที่ปราศจากการยั่วยุรึเปล่า ชายทั้งสองจึงยอมปล่อยให้อากิระกลับไปหาหนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างง่ายดาย
“ช่วยไม่ได้แฮะ น่ารักขนาดนี้ต้องจับไว้แน่นๆ สิ”
“ชิ เสียดายจัง”
“เอาน่า ยังมีฉันอยู่ทั้งคน วันนี้ไปบ้านใครดี”
“อืม...”
ทั้งสองคุยเล่นกันก่อนจะล่าถอยไปแต่โดยดี อากิระลอบถอนใจด้วยความโล่งอกขณะยืนมองจากริมถนน แต่แล้วผู้มีพระคุณของเขาก็ถามขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกได้
“เอ่อ ผมทำถูกแล้วใช่ไหมที่ไล่พวกเขาไป”
“ถะ ถูกแล้วครับ! ขอบคุณที่เข้ามาช่วยนะครับ...”
เขากล่าวขอบคุณพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายแบบเต็มตา ในหัวรู้สึกเคลิบเคลิ้มคล้ายกลับมาเมามายอีกครั้ง ใช่จริงๆ ด้วย มันคือสิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบ ตั้งแต่เกิดมายี่สิบเก้าปีอากิระไม่เคยใจเต้นแรงขนาดนี้มาก่อนเลย
อีกฝ่ายเข้ามาช่วยเขาโดยไม่ลังเลทั้งที่เป็นแค่คนแปลกหน้าที่เดินชนกัน ช่างจิตใจดีอะไรอย่างนี้ ทั้งหน้าตาและน้ำเสียงล้วนอ่อนโยนอย่างที่เขาชอบ หากปล่อยให้หลุดมือไปคงหาไม่ได้อีกแล้ว
“อะ เอ่อ”
ในเมื่อมาเดินเตร่อยู่แถวนี้อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเป็นเกย์หรือไบฯ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมเล่นด้วยรึเปล่า แต่ลองเสี่ยงดูก็ไม่น่าเสียหายอะไร
หยุดเดี๋ยวนี้นะ ความมีเหตุและผลที่ปรารถนาชีวิตอันมั่นคงพยายามร้องห้ามเขาอีกครั้ง แต่อากิระเลือกที่จะมองข้ามมัน แล้วคว้ามือชายผู้มีเสน่ห์เหลือร้ายมากุมไว้เพื่อปลุกใจตัวเอง อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจ เพียงแค่เลิกคิ้วมองลงมาคล้ายเจอเรื่องประหลาดใจ
ที่ผ่านมาอากิระไม่เคยทำพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน แต่บัดนี้เขารู้แล้วว่าที่ตนไม่ยอมลองคบหาหรือมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับใครเพราะมองว่าไม่จริงใจ เป็นเพียงคำแก้ตัวเท่านั้น
เขาแค่ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกของการตกหลุมรักใครสักคนอย่างหัวปักหัวปำ ถึงขนาดมองข้ามเรื่องพวกนั้นไปได้ต่างหาก
“เอ่อ เรื่องตอบแทน...”
“ผมไม่ได้ทำอะไรมากมายถึงขั้นที่ต้องตอบแทนกันซะหน่อย”
“ไม่หรอก ผมอยากขอบคุณ ให้ผมทำเถอะ เอ๊ะ แต่มันอาจจะเป็นรางวัลสำหรับผมมากกว่า”
โห เจ้างั่งเอ๊ย คิดดังเกินไปแล้ว แม้จะด่าตัวเองอย่างนั้นแต่อากิระก็ยังจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา
“คือว่า! ถ้าไม่รังเกียจ อยากทำอะไรกับผมก็เชิญเลยครับ...”
“เอ๋”
“...อ๊ะ!”
อยากจะรู้วิธียัดคำพูดกลับลงคอเหลือเกิน
หนุ่มเจ้าเสน่ห์คนนั้นกะพริบตาปริบๆ คล้ายตกใจ
“ไม่ใช่! ไม่ใช่นะครับ! มันอาจจะฟังดูแปลกๆ เอ่อ แต่ผมหมายถึงถ้ามีอะไรที่ผมทำได้ จะเมื่อไรที่ไหนผมก็ยินดีทำให้ครับ”
“อ๋อ”
อีกฝ่ายยิ้มรับข้อเสนอของอากิระที่แม้จะแก้ไขแล้วก็ยังฟังดูแปลกๆ
“เข้าใจแล้ว หมายถึงอย่างนี้นี่เอง”
ในอกรู้สึกคันยุบยิบเมื่อนัยน์ตาคู่นั้นชำเลืองมา อากิระไม่กล้าเอ่ยปากชวนอย่างโจ่งแจ้ง แต่บางทีความปรารถนาในรสสัมผัสของชายผู้แสนวิเศษนี้อาจจะเผยออกมาแล้วก็ได้ แม้กลัวว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ความลับผ่านดวงตาที่สบกันอยู่ แต่เขาก็ไม่อาจละสายตาไปจากคนตรงหน้าได้เลย
นัยน์ตาที่แฝงแววขบขันคู่นั้นหรี่ลง ขับเน้นให้เจ้าตัวดูร้อนแรงและเท่ยิ่งกว่าเดิม
“เมื่อกี้...น่ารักจัง แทนที่จะตอบแทนด้วยการทำเรื่องทั่วๆ ไป...ฉันอยากให้เป็นแบบแรกมากกว่านะ”
หัวใจของอากิระเต้นผิดจังหวะเมื่อได้ยินคำพูดเป็นกันเองที่ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง คงเพราะความเซ็กซี่ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีอบอุ่นอ่อนโยนนั่นด้วยละมั้ง
ขณะที่มัวแต่ยืนอ้ำอึ้ง คนตรงหน้าก็ใช้มืออีกข้างดึงมือของเขาเข้ามา
แล้วโน้มลงตัวเล็กน้อยจนใบหน้าเลื่อนเข้ามาใกล้ แววตาที่ซ่อนอยู่หลังปอยผมดูคมเข้มน่าดึงดูด จังหวะนั้นอากิระรู้สึกดีใจจนตัวสั่นเมื่อรู้ว่าชายคนนี้ไม่ได้ตอบรับเขาเพียงเพราะเมา
“ฉันไม่เคยจีบใครมาก่อนเลยนะ”
อีกฝ่ายยิ้มซุกซน จูงมือเขาออกเดิน “น่าจะทางนี้มั้ง” แน่นอนว่าปลายทางคงหนีไม่พ้น...โรงแรม
คำเชื้อเชิญแบบโจ่งแจ้งยิ่งชวนให้รู้สึกดี อากิระจึงปล่อยให้หนุ่มเจ้าเสน่ห์จับจูงไปทั้งอย่างนั้น

สายน้ำอุ่นจากฝักบัวสาดกระทบด้วยความแรงกำลังดี
ห้องของโรงแรมที่อากิระถูกพาตรงดิ่งเข้ามามีขนาดเล็กแต่สะอาดสะอ้านเหมือนเพิ่งปรับปรุงใหม่ สำหรับอากิระที่ปูฟูกนอนในห้องหกเสื่อสมัยโชวะมานานหลายปี ถือว่าเหมือนฝันเลยทีเดียว
...เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นฝันจริงๆ...
ตอนนี้ในใจของเขากำลังสับสนวุ่นวายเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบสายฟ้าแลบ อากิระจำได้ว่าตนเป็นคนเริ่มก่อน แต่อีกฝ่ายกลับเดินโอบไหล่มาตลอดทาง แถมยังชมว่าเขาทั้ง “ซื่อ” ทั้ง “น่ารัก” ราวกับเป็นฝ่ายจีบเสียเอง เมื่อเข้ามาในห้องก็ยังไม่วายกระซิบเสียงนุ่มข้างหูอีกว่า “โชคดีที่ไม่หนีไปซะก่อน”
จะหนีได้อย่างไร ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากชวนก่อน เพราะไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไป ทั้งที่ในอดีตไม่เคยกล้าชวนใครเลย
ดังนั้นจะปล่อยให้รอนานไม่ได้ อากิระรีบล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำอุ่นก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
ส่วนที่ต่ำกว่าสะดือลงไปนั้น ปกติจะค่อยๆ ตื่นตัวเมื่อร่างกายผ่อนคลายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ตอนนี้มันเริ่มจะตอบสนองเล็กๆ ด้วยความคาดหวัง อากิระกุมมันไว้อย่างเบามือก่อนจะไล่นิ้วไปยังตำแหน่งด้านหลังที่เคยจับต้องอยู่เป็นประจำ
“อืม...”
ไม่รู้ว่าเวลามีเซ็กซ์ควรปล่อยให้อีกฝ่ายทำถึงแค่ไหน เพราะหนังโป๊ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากจุดที่เตรียมพร้อมมาแล้ว เวลาดูก็ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เสียด้วย
อากิระเอนตัวพิงผนัง สัมผัสตำแหน่งที่ยังปิดสนิทอย่างเชื่องช้า คงเพราะเป็นโรงแรมประเภทนั้นเลยมีเจลหล่อลื่นวางอยู่ข้างสบู่กับแชมพูด้วย เขาปิดฝักบัวแล้วหยิบมันขึ้นมา
หลับตาจินตนาการถึงหนุ่มเจ้าเสน่ห์ว่าจะสัมผัสตนแบบไหน อีกฝ่ายมีบรรยากาศชวนฝัน ดูจากรสจูบกับท่าโอบไหล่อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว จะต้องเป็นหนุ่มเนื้อหอมแน่ๆ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งคาดหวังเข้าไปใหญ่
อากิระลงไปคุกเข่ากับพื้น เพราะถ้ายืนอยู่อย่างนี้คงเข่าทรุดก่อนจะเตรียมตัวเสร็จ แต่เมื่อถึงช่วงที่นิ้วเริ่มจะแทรกเข้าไปได้
“ฉันขอเข้าไปนะ?”
พูดยังไม่ทันจบประโยคอีกฝ่ายก็เปิดประตูกระจกที่ฝ้าขึ้นเพราะน้ำอุ่นเข้ามาซะแล้ว “อ๊ะ?” อากิระตกใจเผลอครางในลำคอ “กว้างเหมือนกันแฮะ” ชายคนนั้นกวาดตามองรอบห้องน้ำขณะเดินมาหาเขาที่รีบร้อนพยุงตัวขึ้นมา
“ทำอะไรอยู่เหรอ?” อีกฝ่ายถามด้วยแววตาใสซื่อโดยที่ยังคงท่าทีเป็นธรรมชาติไว้ ช่างไม่ดีต่อใจเอาเสียเลย แต่ฝ่ายนั้นคงไม่ได้คาดหวังคำตอบสักเท่าไร พอได้ยินอากิระตอบอ้ำอึ้งว่า “เอ่อ นิดหน่อย” เขาก็แค่ยิ้มๆ ครางรับว่า “หืม?” แล้วเปิดฝักบัวอาบบ้าง ก่อนจะหันน้ำมาทางอากิระด้วย
อาบน้ำด้วยกัน คือธรรมเนียมปกติเหรอ อาจจะใช่ก็ได้มั้ง
จากต้นคอถึงบ่าไหล่ จากบ่าไหล่ถึงต้นแขน ล้วนมีมัดกล้ามสวยงามอย่างที่เคยคิดว่าเหมาะกับชุดสูทจริงๆ อีกฝ่ายไม่ใช่ประเภทล่ำบึกหนาตัน แล้วก็ไม่ใช่ประเภทหุ่นเพรียวมีกล้ามอย่างที่สมัยนี้นิยมกันด้วย อากิระมองเรือนร่างที่น่าจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยความเผลอไผล ไฟแห่งตัณหาที่มอดไปแล้วในช่วงหลังกำลังปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“จ้องกันขนาดนี้ เขินแย่เลย”
ชายหนุ่มเก็บฝักบัวก่อนกระตุกยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่หล่อเหลาจนอากิระเผลอมองตาค้าง ไม่รู้เพราะขำใบหน้าเหลอหลาของเขารึเปล่า ฝ่ายนั้นเลยขโมยจุ๊บเบาๆ ไปทีหนึ่ง
ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสส่วนไหนของร่างกายเลย แต่อากิระกลับรู้สึกยุบยิบตรงตำแหน่งที่สร้างความคุ้นเคยไว้ครึ่งๆ กลางๆ จนต้องบิดต้นขาอย่างอยู่ไม่สุข
“นี่”
คนเรียกเอานิ้วจิ้มแก้มเขา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็โดนจุ๊บไปอีกที
“จะให้เรียกว่าอะไรดี?”
“เอ่อ...”
ก่อนที่จะหลุดปากบอกนามสกุลไปเหมือนที่เคยแนะนำตัวตามปกติ เขาพลันนึกถึงเรื่องเมื่อไม่กี่ปีก่อนขึ้นมา สมัยที่ยังแวะเวียนไปเที่ยวบาร์เกย์แห่งหนึ่งในย่านนิโจเมะ จำได้ว่าบรรยากาศในร้านน่านั่งเพราะมาม่าดูแลอย่างทั่วถึง ตอนนั้นมาม่าที่เป็นสาวประเภทสองร่างยักษ์เคยบอกเขาว่า “ส่วนใหญ่คนในวงการนี้จะเรียกกันด้วยชื่อจริงมากกว่า” นั่นสินะ ไม่ใช่ที่ทำงานสักหน่อย เรียกด้วยนามสกุลมันไม่เซ็กซี่เอาซะเลย
“อะ...อากิระ”
พูดจบก็ตั้งใจจะถามกลับว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร
“อากิระเหรอ ดูสดใสเข้ากันมากเลย”
แต่อีกฝ่ายดันเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจจนเขาพูดไม่ออกไปเสียนี่ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครเอ่ยชมชื่อเขามาก่อน จะว่าไปมันก็น่าดีใจเหมือนกัน
อากิระรู้สึกโล่งอกที่อีกฝ่ายดูเจนจัด แต่ไม่ทันไรเจ้าตัวก็เอ่ยประโยคที่น่าตกใจออกมา
“จริงสิ ฉันไม่เคยนอนกับผู้ชายมาก่อนเลย ช่วยสอนฉันด้วยนะ”
“อะ...เอ๊ะ!?”
เขาเผลออุทานเสียงดัง อย่าบอกนะว่าดันคว้านักท่องเที่ยวขาจรที่ไม่ได้เป็นทั้งเกย์และไบฯ มา ว่ากันตามตรง อากิระผู้มีค่าประสบการณ์เป็นศูนย์ไม่มีเกย์เรดาร์ที่เอาไว้มองหาพวกเดียวกันเลย
ทว่าอีกฝ่ายหาได้สนใจท่าทีเลิ่กลั่กของเขาไม่ มือไม้คู่นั้นเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหนังที่เปียกลื่น เมื่ออยู่ในท่าหันหน้าเข้าหากัน ส่วนที่กำลังขึงขังจึงดุนดันอยู่แถวหน้าท้องของเขา
“กะ ก็มีอารมณ์แล้วนี่...”
ด้วยความโล่งใจจึงเผลอพูดอย่างเป็นกันเอง อีกฝ่ายคงเห็นว่าเขาเริ่มจะหายเกร็งเลยหัวเราะเบาๆ ตอบกลับมา
“ที่จริงฉันสงสัยมานานแล้วว่าตัวเองอาจจะเป็นเกย์ พอลองแวะมาแถวนิโจเมะก็ตกหลุมรักอากิระตั้งแต่แรกพบ”
เพราะอย่างนี้เลยมั่นใจว่า อา...เป็นเกย์จริงๆ ด้วย หนุ่มเจ้าเสน่ห์เล่าด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
รักแรกพบที่ว่าอาจเป็นแค่คำพูดเอาใจเท่านั้น แต่ตัวอากิระก็ตกหลุมรักอีกฝ่ายตั้งแต่แรกพบเหมือนกัน เลยรู้สึกดีใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่
เมื่อเริ่มคุ้นชินกับความรู้สึกของผิวกายที่สัมผัสกับผู้อื่นเป็นครั้งแรกแล้ว อากิระก็ค่อยๆ ซบใบหน้าลงบนบ่าของอีกฝ่าย คนโดนซบหัวเราะเสียงใสคล้ายจักจี้ก่อนจะเอาคืนด้วยการจูบขมับของเขาไปทีหนึ่ง



++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อากิระ พนักงานบริษัทวัย 29 ปีผู้อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เก่าโทรม เป็นเกย์หนุ่มโสดซิงที่ใฝ่ฝันถึงชีวิตอันมั่นคง แต่จู่ๆ ช่วงเนื้อหอมก็มาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัว หัวใจของเขาหวั่นไหวไปกับสามหนุ่ม...ทั้งหนุ่มเจ้าเสน่ห์จากนิโจเมะที่เคยมีสัมพันธ์กันชั่วข้ามคืน เรย์คุง ผีข้างห้อง (?) อารมณ์ขันที่ปรากฏตัวเฉพาะวันฝนตก และเรอิจิโร่ ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์รูปหล่อ แล้วทีนี้เขาจะทำอย่างไร!?...แต่คนที่กลุ้มใจเหมือนจะมีแค่อากิระผู้แสนซื่อเท่านั้น เพราะทั้งสามดันเป็นคนเดียวกันหมด! เรื่องราวความรักสุดป่วน ♡ ของคนสองคนที่ใจตรงกันโดยไม่รู้ตัวกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”