New Release BLY แปล : เชื่อมใจถึงกัน ~YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ~

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : เชื่อมใจถึงกัน ~YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ~

โพสต์ โดย Gals »

เชื่อมใจถึงกัน ~YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ ภาคพิเศษ 4~

...หลังจากถูกชายผู้เป็นชีฟโปรดิวเซอร์ในรายการข่าวด่าทอและใช้อำนาจข่มเหงรังแก ไดเรกเตอร์ชายวัยสามสิบจากบริษัทผลิตรายการก็ได้ดำเนินการฟ้องร้อง โดยชายคนนี้...
...หนวกหู
ซาคาเอะควานหารีโมตแล้วกดปุ่มปิด จากนั้นก็พลิกตัวมองเพดานจากบนโซฟา ดูเหมือนจะผล็อยหลับไปโดยเปิดทีวีทิ้งไว้ เขาคิดอย่างใจลอยขณะที่มือยังกุมรีโมต เมื่อกี้นี้เป็นความฝัน หรือข่าวในทีวีกันแน่? ...แต่จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ ซาคาเอะค่อยๆ ลุกขึ้นโดยไม่ได้เปิดทีวีตรวจสอบให้แน่ใจ วันนี้เป็นวันแรกของการทำงาน อาบน้ำเสร็จแล้วต้องสวมสูท... สูทคงยุ่งยากไป แค่แจ็กเกตก็พอ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้คิดจะไปทักทายตามมารยาทเฉยๆ อยู่แล้ว
ขณะกำลังจะมุ่งหน้าไปห้องอาบน้ำ โทรศัพท์มือถือที่โยนไว้ตรงมุมโซฟาก็ดังขึ้นรั้งตัวไว้ เมื่อเห็นชื่อ ‘ชิตาระ โซสึเกะ’ ของปลายสาย ซาคาเอะก็มุ่นคิ้วเบาๆ แล้วรับสายโดยไม่พูดไม่จา
‘อรุณสวัสดิ์ ตื่นแล้วเหรอ?’
น้ำเสียงสดใสบ่งบอกว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้โทรมาเพราะเกิดปัญหาหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน “มีอะไร” ซาคาเอะตอบ
‘มอร์นิงคอล’
“หา?”
‘ขืนมาทำงานสายตั้งแต่วันแรกจะเสียภาพลักษณ์เอาได้’
“ขอบใจแต่ไม่ต้องการ”
ซาคาเอะเสยผมลวกๆ สีหน้ายังคงบึ้งตึง
“ไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องโทรมา”
‘ถ้าฉันโทรไปเพราะมีธุระก็จะมีแต่เรื่องยุ่งยากนะ แบบไหนดีกว่ากัน?’
“เลวร้ายทั้งสองแบบนั่นแหละ”
เขารู้ซึ้งถึงความยุ่งยากที่ว่า แต่ถึงจะพูดจาขวานผ่าซากอย่างไม่สนใจไยดี ความอารมณ์ดีของชายผู้เป็นอดีตเจ้านาย และจะเป็นเจ้านายอีกครั้งตั้งแต่วันนี้ ก็ดูเหมือนไม่ได้กร่อยลงไปเลยแม้แต่น้อย ‘แค่นี้นะ แล้วเจอกัน’ อีกฝ่ายวางสายด้วยท่าทีสนุกสนาน
โทรมาปลุกอย่างเดียวจริงๆ หรือนี่ ซาคาเอะบ่นพึมพำว่า ว่างมากเรอะ ก่อนโยนมือถือทิ้ง

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ซาคาเอะมาทำงานที่ห้องสตาฟของ ‘เดอะนิวส์’ ซึ่งตั้งอยู่มุมหนึ่งของชั้นฝ่ายข่าวแทนที่จะไปแผนกคอนเทนต์อย่างที่ผ่านมา วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานที่นี่
“อรุณสวัสดิ์ ซาคาเอะ”
ตัวการที่โทรปลุกเมื่อครู่ หรือชิตาระผู้เป็นบอสใหญ่ประจำถิ่นนี้ลุกขึ้นบอกว่า “นั่งตรงที่ชอบได้เลย” พลางชี้ไปที่โต๊ะ
“นอกจากฉันแล้วทุกคนไม่มีโต๊ะประจำตัว อืม แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ชอบนั่งที่เดิมๆ แหละ... เอกสารหรือข้าวของเครื่องใช้ให้เอาไปเก็บไว้ในล็อกเกอร์ ทีมงานจะค่อยๆ ทยอยมา ช่วงที่มากันครบแล้วงานจะยุ่งมาก เอาไว้ค่อยแนะนำตัวหลังออนแอร์ได้ไหม?”
“ไม่ต้องก็ได้ ทุกคนรู้จักอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ”
ครึ่งปีก่อนเขาเคยโดนใช้ให้มาช่วยงานในรายการแค่วันเดียวเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นทีมงานย่อมรับรู้ถึงตัวตนของโซมะ ซาคาเอะอยู่แล้ว และข่าวการโยกย้ายบุคลากรก็น่าจะรู้กันทั่วด้วย
“ไม่ได้ วันนั้นทีมงานบางคนก็ไม่ได้มา อ๊ะ มีเรื่องงานเลี้ยงต้อนรับอีกอย่าง ถ้าอยากให้จัดวันไหนเป็นพิเศษก็บอกนะ”
“คิดว่าฉันจะไปรึไง?”
“เพราะไม่คิดว่าจะไป ถึงได้กำชับอยู่นี่ไง”
เวลาพูดกำชับ รอยยิ้มของชิตาระจะยิ่งได้รับการขัดเกลาขึ้นไปอีกขั้น รอยยิ้มนั้นลบล้างแรงเสียดทานได้อย่างเกลี้ยงเกลา ถ้อยคำหยาบคายหรือสายตาเขม็งของซาคาเอะล้วนแล้วแต่ลื่นไถลผ่านผิวหน้าของอีกฝ่ายไปโดยไม่ทำให้เกิดรอยร้าวแม้แต่รอยเดียว ถึงอย่างนั้นซาคาเอะก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาจงใจนั่งโต๊ะที่อยู่ห่างออกมา นำหนังสือพิมพ์กรอบเช้าของแต่ละเจ้ามาวางกองบนโต๊ะ จากนั้นจึงพลิกอ่านบทความผ่านๆ พลางดูตารางการถ่ายทำและสถานะการส่งสคริปต์
“เฮ้ โครงเนื้อหาวันนี้เป็นไง?”
“ถ้าจะชวนคุยทันทีอย่างนั้น มานั่งข้างกันก็ได้แท้ๆ”
“นั่งข้างกันทั้งที่คนยังโหรงเหรงก็ดูไม่เป็นธรรมชาติน่ะสิ”
“ใช่เหรอ~ ข่าวเด่นประจำวันยังคิดอยู่ มีแต่ข่าวเล็กๆ เลยยังขาดหมัดเด็ด วันนี้วันจันทร์ ข่าวกีฬาเลยเยอะหน่อย ช่วงพยากรณ์อากาศมีถ่ายทอดสดซากุระกลางคืน แล้วก็มีโปรเจกต์ VTR ยาวแปดนาทีหนึ่งชิ้น ตารางลำดับเนื้อหาไว้ค่อยเริ่มทำตอนออนแอร์ไดเรกเตอร์มาถึง”
ตอนนี้เพิ่งก่อนเที่ยง กว่ารายการจะเริ่มออกอากาศก็สี่ทุ่ม ดังนั้นนั่นก็คงไม่แปลกอะไร หลังจากนี้หนังสือพิมพ์กรอบเย็นจะส่งเข้ามา แต่ละสถานีจะออกอากาศรายการข่าวกลางวันและข่าวเย็น ...สถานการณ์จะเคลื่อนไหวไปโดยไม่ขาดช่วง ซาคาเอะห่างหายจากรายการสดที่ออกอากาศทุกวันมานาน ก่อนย้ายไปแผนกคอนเทนต์เขาเคยทำรายการวาไรตี้อยู่ที่ฝ่ายผลิตราวสิบปี และช่วงเวลานั้นก็ได้กลายมาเป็นแกนหลักในอาชีพการงานของเขา ส่วนช่วงก่อนหน้านั้นเขาเคยทำข่าวเย็นภายใต้การควบคุมของชิตาระเป็นเวลาไม่กี่เดือน ไม่ต้องคิดให้มากมายก็รู้ตัวว่าเป็นมือใหม่สำหรับรายการข่าว ซาคาเอะนึก และการที่ตนมาอยู่ที่นี่พร้อมตำแหน่งใหญ่โตอย่างชีฟโปรดิวเซอร์ก็มีสาเหตุมาจากความเอาแต่ใจของเจเนรัลโปรดิวเซอร์ที่นั่งเยื้องอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นเอง ชิตาระเป็นคนไม่ยึดติดกับอำนาจ แต่พอถึงเวลาจำเป็นขึ้นมาก็กล้าใช้อำนาจโดยไม่ลังเล
ทีมงานเริ่มทยอยมามากขึ้น ส่วนใหญ่เดินเข้ามาใกล้ซาคาเอะแล้วทักทายด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ” “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” อย่างมีมารยาท พอซาคาเอะตอบส่งๆ ว่า “อือ” หรือ “เช่นกัน” อีกฝ่ายก็จะรีบเผ่นไปทันทีคล้ายกับโล่งที่ได้ปลดเปลื้องภาระหนักราวกระสอบข้าวลงจากอก อืม นึกแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ ปฏิกิริยาตรงตามความคาดหมาย ซาคาเอะรู้ตัวว่าตนทั้งไม่เป็นมิตร ปากร้าย และเอาแต่ใจจนมีชื่อเสียงในทางไม่ดีนัก แต่เพราะไม่เคยคิดอยากให้คนอื่นมองตนในแง่ดี เขาจึงไม่ได้ถือสาเป็นพิเศษ
“โซมะซัง”
ซาคาเอะเพิ่งเงยหน้าเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกตอนได้ยินเสียงของชิน อดีต AD (และสมุน) สมัยทำรายการวาไรตี้
“อรุณสวัสดิ์ครับ! เอ่อ ตั้งแต่วันนี้ไป ขอฝากตัวอีกครั้งนะครับ”
คนที่เผชิญหน้ากับตนแล้วแผ่ออร่าดีใจออกมามากขนาดนี้ เห็นทีในโลกนี้คงมีแค่หมอนี่คนเดียว ซาคาเอะคิด ไม่รู้ตกลงเป็นคนขี้กลัวหรือตรงข้ามกันแน่ แม้จะรู้จักกันมานานพอสมควร ชินก็ยังคงเป็นปริศนาสำหรับซาคาเอะ และยังคงเป็นสมุนของซาคาเอะโดยไม่สะทกสะท้านต่อคลื่นลมที่ซัดกระหน่ำอยู่บ่อยครั้ง
“ไง”
ซาคาเอะตอบเต็มปากเต็มคำกว่าที่ผ่านมาเล็กน้อย จากนั้นก็นึกธุระขึ้นมาได้
“จริงสิ ชิน”
“ครับ?”
“วันนี้ฉันจะทำฟลอร์เอง”
“เอ๊ะ?”
“ได้ใช่ไหม?” คำถามของซาคาเอะลอยข้ามหัวชินที่กำลังอึ้งงันไปยังชิตาระ
“จู่ๆ พูดอะไรออกมา”
“คราวก่อนฉันเป็นออนแอร์ไดเรกเตอร์ไปแล้ว วันนี้เลยตั้งใจจะเป็นฟลอร์ไดเรกเตอร์ดูบ้าง”
การเป็นฟลอร์ไดเรกเตอร์จะช่วยให้มองเห็นภาพรวมของทั้งห้องควบคุมรายการและห้องส่ง เขาอยากลองสัมผัสงานนี้เอาไว้สักครั้ง ถึงจะรู้ว่ามันหลุดไปจากขอบเขตงานของชีฟโปรดิวเซอร์ก็ตาม
“วันนี้ฉันว่าจะให้นายดูงานเฉยๆ”
“ไอ้การอยู่เฉยๆ นั่นแหละเหนื่อยกว่า”
“ถ้านาวาดะบอกว่าได้ก็เชิญเลย”
“เขาว่างั้นแน่ะ” ซาคาเอะหันไปหาชิน ฝ่ายชินก็ถามว่า “ฟลอร์ของผมไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ถ้ายังใช้ไม่ได้ตรงไหนก็อยากให้บอกมาอย่างเป็นรูปธรรมครับ”
“จะไปรู้เรอะ เคยเห็นแค่วันเดียวเอง ฉันอยากลองทำเป็นการส่วนตัวก็เลยจะทำแทนนายแค่วันนี้ เท่านั้นแหละ”
“อ๊ะ งั้นหรอกเหรอครับ...”
ชินพลันคลายสีหน้าด้วยความโล่งอก แปลว่าโอเคใช่ไหมนะ หลังจากนั้นทีมงานก็มากันมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อข่าวเย็นจบลง ความยุ่งวุ่นวายก็ถูกส่งต่อมาที่นี่ แต่เพราะวันนี้ตัดสินใจว่าจะทำฟลอร์ โดยพื้นฐานแล้วซาคาเอะจึงไม่ได้เข้าไปยุ่งในการกำหนดเนื้อหา การประชุม หรือสอดปากเรื่อง VTR กับสคริปต์แต่อย่างใด เขาเตรียมป้ายบอกบทให้เข้ากับเนื้อหา ใช้คลิปหนีบโดยเรียงตามลำดับออกอากาศ แล้วจึงจดจำขั้นตอนในห้องส่งและมุมกล้องใส่สมอง เมื่อได้รับปึกคำบรรยายที่จะใช้ในหน้าจอและ CG ที่พรินต์ออกมา เขาก็ตรวจสอบหาจุดที่พิมพ์ผิดหรือพิมพ์ตกอย่างเร็วจี๋ ถึงจะผ่านการดับเบิลเช็กโดยไดเรกเตอร์กับบรรณาธิการมาแล้วก็อาจยังมีจุดที่ตกหล่นหลงเหลืออยู่
“ตัวคันจิ ‘ทากะ ’ ในชื่อผู้ต้องสงสัยมันปนกันอยู่ สรุปใช้ตัวไหนกันแน่? แล้วแบบสำรวจความคิดเห็นนี่น่ะ พิมพ์ปีสลับกับปีงบประมาณรึเปล่า?”
เขารู้สึกเหมือนพื้นลาดเอียงลงทีละน้อย ฝีเท้าเปลี่ยนจากวิ่งเหยาะมาเป็นวิ่งสุดกำลังโดยไม่หยุดยั้ง ทั้งวิ่งไล่ตามเวลาและโดนเวลาไล่ตาม หัวใจเต้นรัวเร็ว แต่ไม่ใช่เพราะความกลัว เซนส์ทั้งหมดค่อยๆ โดนลับจนคมกริบ อัดแน่นลงในการถ่ายทอดสดเพียงไม่ถึงชั่วโมง ซาคาเอะตั้งสมาธิจดจ่อ ไม่ใช่ว่าเคร่งเครียด เขาแค่ไม่รู้จักการเล่นสนุกที่น่าสนใจยิ่งไปกว่าสิ่งนี้เท่านั้นเอง ผู้ร่วมรายการทยอยมารวมตัวกันในห้องส่ง มินางาวะ ทัตสึกิที่รับผิดชอบข่าวกีฬาเอะอะว่า “วันนี้โซมะซังเป็นฟลอร์ไดเรกเตอร์เหรอ? พูดเป็นเล่นน่า~” เสียงดังลั่น
“กดดันสุดๆ~! ขืนพูดผิดโดนฆ่าแหง”
“ถ้ามีกฎหมายแบบนั้นอยู่ก็ดีสิ”
“น่ากลัว!”
มินางาวะแจกยิ้ม แต่นัยน์ตาไม่ยิ้มตาม บางทีหมอนี่คงเป็นคนประเภทที่ตื่นเต้นกับ ‘เรื่องไม่คาดฝัน’ ในใจอาจคิดว่า คอยดูให้ดีเถอะ อยู่ก็ได้ ถึงจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าไอ้เด็กนี่หลายๆ อย่าง แต่จะช่วยยอมรับนิสัยใจสู้นั่นก็แล้วกัน
หลังจากตรวจสอบขั้นสุดท้ายในการซักซ้อมเคลื่อนไหวโดยใช้พร็อปและ CG ขนาดใหญ่ในห้องส่งแล้ว ในที่สุดก็ถึงสี่ทุ่ม
...สวัสดีครับ คืนนี้อยู่กับ ‘เดอะนิวส์’ กันเช่นเคยนะครับ ข่าวแรกของวันนี้...
อะโซผู้เป็น MC เกริ่นนำ จากนั้นคุนิเอดะที่เป็นผู้ประกาศข่าวรองจึงอ่านพาดหัวนำเข้าสู่ VTR
...เจ้าหน้าที่ระดับบริหารรายหนึ่งของกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวได้ใช้อำนาจข่มเหงรังแกลูกน้องซ้ำหลายครั้ง โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับทางอาซาฮิทีวีว่า “ไม่รู้ตัวว่าเป็นการใช้อำนาจข่มเหง”
VTR เริ่มเล่น ซาคาเอะโล่งอกขึ้นเล็กน้อยเมื่อภาพห้องส่งหายไปจากหน้าจอ ถึงอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าอาจเกิดเหตุขัดข้องบางประการทำให้ VTR หยุดเล่นกะทันหันจนภาพตัดกลับเข้าห้องส่ง ดังนั้นจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด ขณะเดียวกันนั้นเองมุมหนึ่งในหัวของซาคาเอะก็คิดว่า ใช้อำนาจข่มเหงอีกแล้วเรอะ อีกแล้วนี่มันอะไรนะ อ้อ ข่าวเมื่อเช้า ตกลงนั่นเป็นความจริงหรือเปล่า? แน่นอนว่าความคิดนั้นอยู่ในซอกหลืบ สมองส่วนใหญ่กำลังจดจ่ออยู่กับการออกอากาศ เขาฟังสถานการณ์ในห้องควบคุมผ่านหูฟัง ชูป้ายบอกความยาว VTR ที่เหลือพลางกวาดตามองทั่วห้องส่ง สังเกตสีหน้าว่าทุกคนรับรู้ลำดับถัดจากนี้แล้วหรือยัง ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้จะเพิ่มความร้อนและขัดเกลาบรรยากาศที่เพิ่งเริ่มต้นนี่อย่างไรดีหนอ
การสนับสนุนผู้ร่วมรายการคืองานของฟลอร์ไดเรกเตอร์ ต่อให้รับรู้ว่าห้องควบคุมรายการอยู่ในสภาพไม่ต่างจากสนามรบ ฟลอร์ไดเรกเตอร์ก็ต้องวางตัวหนักแน่นไม่หวั่นไหว ต้องเป็นคนที่ผู้ร่วมรายการพึ่งพาได้มากที่สุด ไว้วางใจได้มากที่สุด ...แต่เรื่องพรรค์นั้น มาทำแค่วันนี้วันเดียวย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ เดิมทีสกิลใช้ความเป็นมิตรทำให้คนอื่นรู้สึกดีของซาคาเอะก็เป็นศูนย์มาตั้งแต่เกิดแล้วด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้เขาจึงตัดสินใจว่าจะลองทำอย่างที่อยากทำจนถึงที่สุด
‘เกินเวลามา 1 นาทีครับ’
คอมเมนเทเตอร์รับเชิญวันนี้เป็นอดีตข้าราชการระดับสูง ถึงจะอยู่คนละกระทรวงกับที่เป็นข่าว แต่อาจเป็นเพราะอัดอั้นตันใจหลายๆ อย่างเกี่ยวกับปัญหาการใช้อำนาจข่มเหงในที่ทำงาน เจ้าตัวจึงพูดพล่ามอย่างกระตือรือร้น ไม่ทันไรก็เกินเวลาที่กำหนด ซาคาเอะนิ่งฟังเงียบๆ และยกมือปราม AD ที่ทำท่าจะชูป้าย ‘กล่าวสรุป’ ปล่อยให้คอมเมนเทเตอร์พูดต่อไปโดยไม่เสียสมาธิ เพราะเขาคิดว่าข้อมูลสดๆ จากคาสุมิงาเซกิ นั่นน่าสนใจมาก และคอมเมนต์นั้นก็เป็นคอมเมนต์ที่ดีเพราะมีพลัง ‘ความโกรธ’ ที่ว่าทำไมคนที่ตั้งใจทำงานจริงจังต้องทุกข์ทรมานด้วยเรื่องแบบนี้ด้วย ...ความเดือดดาลที่แฝงอยู่นั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา สีหน้ากับน้ำเสียงคนพูดก็ดีเยี่ยม คายออกมาให้มากกว่านั้นสิ
เกินมาหนึ่งนาทีครึ่ง หนึ่งนาทีสี่สิบห้า สองนาที... รายการนี้ยาวหนึ่งชั่วโมง หากไม่นับเวลาโฆษณาก็มีแค่ห้าสิบนาทีนิดๆ ถึงนี่จะเพิ่งต้นรายการ การเลยเวลามาสองนาทีก็ค่อนข้างร้ายแรง แน่นอนว่าซาคาเอะเข้าใจจุดนี้ดี
‘สั่งให้สรุปได้แล้วครับ’
ออนแอร์ไดเรกเตอร์ออกคำสั่ง สงสัยจะหมดความอดทนแล้ว
‘AD ชูป้ายเร่งเวลาซะ’
“ไม่ต้อง”
ซาคาเอะยังคงห้ามปราม
“ไม่เห็นรึไงว่ากำลังพูดออกรส”
‘แต่มันเลยเวลามาสองนาทีแล้วนะครับ และเขาก็พูดยืดเยื้อด้วย’
“ยังฟังต่อได้สบายน่า MC ก็พูดตอบรับได้สมบูรณ์แบบ ไม่เห็นพยายามตัดบทอะไร”
ถ้ามัวแต่พะวงว่าเกินเวลา ใจก็จะกระวนกระวายจนเนื้อหาของบทสนทนาไม่เข้าหัว แต่ผู้ชมที่ดูอยู่ทางบ้านไม่ได้รับรู้เรื่องเวลานั่นด้วยซะหน่อย
‘แล้วจะทำไงต่อครับ’
“ไว้ค่อยคิดไปทีละขั้น”
ฝ่ายเบื้องหลังที่อยู่ในห้องส่งเริ่มพากันอยู่ไม่สุขเพราะทุกคนรู้ว่าเกินเวลามาพอสมควร แต่ซาคาเอะกลับตอบอย่างเฉยเมย
‘แบบนั้นก็ใจเย็นเกินไป...’
“ไม่ต้องห่วง ดูทรงแล้วอีกไม่เกินสามสิบวินาทีจบแน่”
งั้นก็จะเกินมาสองนาทีสี่สิบห้าวินาที ถ้อยคำบ่นอุบพร้อมเสียงถอนหายใจดังผ่านหูฟัง ฟลอร์ไดเรกเตอร์คือเสาหลักของห้องส่ง ส่วนออนแอร์ไดเรกเตอร์คือเสาหลักของห้องควบคุมรายการ การต่อสู้ของทั้งสองเป็นของที่อยู่คู่กับการถ่ายทอดสด หากชินเป็นฟลอร์ไดเรกเตอร์ รายนั้นคงไม่ใช้วิธีดันทุรังอย่างนี้ แต่ในเมื่อบรรยากาศอุตส่าห์เร่าร้อนขึ้นมาทั้งที ซาคาเอะก็ไม่อยากทำให้งานกร่อย ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สมมติถ้าตนเป็นออนแอร์ไดเรกเตอร์ ซาคาเอะก็คงอยากกดดันว่า ‘หัดฟังคำสั่งซะบ้างสิ’ เรียกได้ว่าเอาแต่ใจจริงๆ
ดูสิ สนุกชะมัด คนหน้ากล้อง ห้องส่ง และห้องควบคุม อีโกของทั้งสามฝั่งเข้าปะทะกัน ก่อเกิดเป็นเกลียวคลื่นในรายการ ดึงดันจนชนะบ้าง โดนเล่นงานจนแพ้บ้าง บางครั้งก็โดนประกายไฟลวกจนเป็นแผลเหวอะหวะ สนุกตื่นเต้นดีเหลือเกิน

“...หมดเวลาของเดอะนิวส์แล้วครับ พบกันใหม่วันพรุ่งนี้”
อะโซกล่าวปิดท้าย ผู้ร่วมรายการที่โต๊ะค้อมศีรษะ กล้องเลื่อนเก็บภาพนั้นเสร็จก็เป็นอันจบรายการ เมื่อดูให้แน่ใจว่าภาพในหน้าจอตัดเข้าโฆษณาแล้วซาคาเอะจึงแหงนมองเพดานในท่านั่งคุกเข่า เขาหลับตาแน่นเพราะความเจิดจ้าของแสงไฟ หยาดเหงื่อไหลผ่านข้างหางตา จากนั้นก็กวาดตามองทั่วห้องส่ง สายตารอบข้างทำให้ตระหนักว่า อ๊ะ พลาดจนได้ ศีรษะของเขาและบรรยากาศของการออกอากาศเย็นลงพร้อมกันทีละน้อย
“...คิวชีตกับตารางลำดับเนื้อหาหมดความหมายไปเลย”
เสียงบ่นพึมพำของใครสักคนแว่วมา แต่ซาคาเอะไม่มีกะจิตกะใจค้นหาเจ้าของเสียง บางทีทุกคนคงคิดอย่างนั้นเป็นเอกฉันท์
ตามเกณฑ์ของซาคาเอะ การออกอากาศครั้งนี้ถือว่าไปได้สวย มันออกมาน่าสนใจ เขาไม่ได้ทำตัวเอาแต่ใจไปตามอารมณ์ ก็แค่ทำรายการตามสไตล์ของตัวเองเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะทำเกินไปหน่อย มาถึงก็บอกว่าไม่เอาอันนั้น อยากฟังอันนี้ต่อ คนอื่นแค่รับคำสั้นๆ ก็พอ ทำแบบนี้คนรอบข้างจะเกิดความรู้สึกต่อต้านว่าโดนคนที่เพิ่งมาใหม่ป่วนให้เสียงานมันก็แหงอยู่แล้ว พวกที่ออกจากห้องควบคุมมารวมตัวกันในห้องส่งก็พากันทำหน้าไม่พอใจ ตอนมารับหน้าที่ออนแอร์ไดเรกเตอร์คราวก่อนนั้นเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน การทำตามอำเภอใจของซาคาเอะจึงส่งผลในแง่ดี แต่ในเวลาปกติอย่างนี้มันกลับกลายเป็นชนวนความขัดแย้ง ...นี่ฉันเป็นอาวุธสงครามอะไรสักอย่างหรือไงกัน
“แหม~ วันนี้ตื่นเต้นเร้าใจตลอดรายการเลยเนอะ~!”
มีแค่มินางาวะที่ยังคึกคัก เสียงดังลั่นนั้นก้องกังวานเกินเหตุ “ผมเก็บเองครับ” ชินเอ่ยขณะเข้ามารับปึกกระดาษป้ายบอกบทด้วยสีหน้าทำตัวไม่ถูก นายจะทำหน้ากระอักกระอ่วนไปเพื่ออะไรเล่า ซาคาเอะลุกขึ้นช้าๆ แต่ก็ยังหน้ามืดเบาๆ อาการปวดเอวและเข่าที่ไม่รู้สึกมาจนถึงเมื่อครู่พลันเข้าเล่นงานราวกับจะเรียกเก็บค่าใช้จ่าย
“ทุกคน วันนี้ก็เหนื่อยหน่อยนะ”
ชิตาระที่ไม่ได้ออกความเห็นแม้แต่คำเดียวระหว่างการออกอากาศเอ่ยขึ้นใจกลางห้องส่ง
“ถึงเวลาจะคลาดเคลื่อนจากกำหนดการมากกว่าปกติ แต่เดี๋ยวลองตั้งใจดูรายการที่อัดไว้กันอีกทีนะ ...แล้วก็ ทางบริษัทมีคำสั่งโยกย้ายบุคลากร โซมะคุงเลยเข้ามาทำงานเป็นชีฟโปรดิวเซอร์คนใหม่ตั้งแต่วันนี้ ปีที่แล้วเขาเคยมาช่วยงานหนึ่งวัน หลายคนน่าจะรู้จักอยู่แล้ว แต่ก็ฝากด้วยล่ะ”
ชิตาระอธิบายเสร็จสรรพ พอซาคาเอะนิ่งเงียบเพราะไม่มีอะไรจะพูด อีกฝ่ายก็เร่งว่า “ทักทายสิ” ซาคาเอะจึงเอ่ยปากอย่างไม่มีทางเลือก
“ตั้งแต่พรุ่งนี้จะควบคุมตัวเอง”
ว่าแล้วก็เดินมือเปล่าออกมาจากห้องส่ง เสียงปรบมือหร็อมแหร็มดังแว่วตามมา

‘กลับซะเร็วเชียว’
พอกลับถึงบ้านก็มีโทรศัพท์มาอีกครั้ง
“คราวนี้อะไรคอลอีกล่ะ?”
‘กูดไนต์คอล?’
“ดี นอนละ หลับแล้ว”
‘นายไม่ใช่เด็กอนามัยขนาดนั้นซะหน่อย’
ชิตาระหลบเลี่ยงปฏิกิริยาเย็นชาของซาคาเอะก่อนเอ่ยว่า ‘เหนื่อยหน่อยนะ’
“เมื่อกี้ได้ยินแล้ว”
‘ให้ฉันพูดซ้ำๆ เถอะน่า เป็นไงบ้าง?’
ถามกว้างๆ อย่างนั้นเพราะเข้าใจว่าไม่รู้จะตอบอย่างไรสินะ ซาคาเอะตอบห้วนๆ ว่า “ปวดเอวกับขา”
‘ไปนวดให้เอาไหม’
“หยุดเลย เดี๋ยวก็แจ้งความหรอก”
‘ใจร้าย’
“...แล้วนายล่ะเป็นไง?”
‘หืม? สนุกนะ แปลกใหม่ดี’
ซาคาเอะเงียบจนโดนเร่งว่า ‘พูดอะไรสักอย่างสิ’
“...อ้อ เหรอ”
‘เนือยเชียวนะ งั้นก็ราตรีสวัสดิ์ พักผ่อนให้เต็มที่ล่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็ฝากด้วย’
ทำไมกันนะ ตนเป็นฝ่ายวางสายก่อนแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ถ้าโวยใส่เจ้าตัวว่านิสัยแบบนั้นของนายมันน่าโมโหจริงๆ อีกฝ่ายคงยิ้มเฝื่อนถามว่า ‘เอ๊ะ ผิดที่ฉันเหรอ?’ แค่จินตนาการสีหน้านั้นก็นึกเคืองแล้ว
ชิตาระบอกว่าชอบซาคาเอะ ถึงจะพอเข้าใจว่าหมายถึงโซมะ ซาคาเอะทั้งหมด รวมถึงฝีมือผลิต VTR หรือรายการด้วย แต่บางทีในหัวสมองของชายคนนั้นอาจจำแนกซาคาเอะแยกย่อยเป็นส่วนๆ เหมือนตารางข้อมูลโภชนาการก็ได้ กล้องคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ตัดต่อกี่เปอร์เซ็นต์ กำกับกี่เปอร์เซ็นต์ นิสัยกี่เปอร์เซ็นต์ ...ถึงตายก็ไม่อยากรู้เด็ดขาด
สำหรับซาคาเอะแล้ว อืม ถ้าจะว่ากันตามตรง ชิตาระจัดอยู่ในประเภทที่เกลียด คนอะไรรักษารอยยิ้มได้ไม่ขาด ไม่หลุด ไม่พลาด และประมาทไม่ได้ ตรงที่ไม่สะทกสะท้านต่อกิริยาวาจาแข็งกร้าวทิ่มแทงของซาคาเอะก็น่าหงุดหงิดเป็นบางครั้ง แต่ชิตาระไม่เคยพูดกับซาคาเอะว่า ‘บอกว่าชอบฉันทีสิ’ หรือ ‘ชอบฉันเถอะ’ คำขอที่ว่า “ให้ฉันเป็นผู้ชายของนายนะ” ของอีกฝ่ายไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะอย่างนั้นซาคาเอะถึงได้ตกลง จนความสัมพันธ์ดำเนินมาราวครึ่งปีแล้ว เรื่องที่โดนดึงตัวมาอยู่ ‘เดอะนิวส์’ ซาคาเอะก็ไม่ได้รังเกียจเลย การโดนร้องขอความสามารถชวนให้สบายใจกว่าขอร่างกายหรือหัวใจเป็นไหนๆ ความสามารถน่ะตนมี เป็นความสามารถเฉพาะด้านที่เหนือกว่าเกณฑ์มาตรฐาน แต่การมีพลังอย่างเดียวไม่ช่วยอะไร ซาคาเอะประสบกับตัวมาแล้ว และวันนี้เขาก็โดนย้ำเตือนให้รู้ซึ้งเรื่องนั้นอีกครั้ง
ความร้อนน้อยๆ ระหว่างโทรคุยหายไปจากตัวเครื่องแล้ว พอมองดูหน้าจอดำสนิทก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา
งานนี้ไม่มีทางไปได้สวย นายเองก็คงรู้อยู่แล้ว แต่พรุ่งนี้ก็จะมีรายการอีก ซาคาเอะทิ้งตัวจมลงบนเตียง คำพูดที่ว่า “จะควบคุมตัวเอง” ไม่โดนอีกฝ่ายซักถามความหมายหรือความจริงเท็จ หากตนเป็นชิตาระก็คงพูดว่า ถามไปก็ไม่ตั้งใจตอบอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ขณะที่นอนคว่ำหน้าอยู่นั้นเสียงหูอื้อก็ดังก้องขึ้นแถวๆ ด้านหลังศีรษะ
‘เพราะคุณเป็นซะอย่างนั้น ทุกคนถึงได้ตามไม่ไหวจนออกไปกันหมดไงเล่า!’
เสียงต่อว่าในวันวานดังมาพร้อมกัน เขาเข้าใจ เข้าใจดีว่าถ้าไม่เปลี่ยนแปลง ทุกอย่างก็จะซ้ำรอยเดิม แต่เขาควรเปลี่ยนตรงไหนอย่างไรดีเล่า?





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ซาคาเอะเริ่มทำงานเป็นชีฟโปรดิวเซอร์ของ ‘เดอะนิวส์’ ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิตามการจัดแจงของชิตาระ แต่เพราะดันเผลอฉายเดี่ยวตั้งแต่ออกอากาศวันแรกจนคนรอบข้างผงะไปตามๆ กัน หลังจากนั้นซาคาเอะจึงหันมาสงวนท่าที ทำตัวไม่มีพิษภัยกับใคร ถึงรู้ดีแก่ใจว่าชิตาระเรียกตนมาอยู่ข้างๆ โดยตั้งใจจะรับผิดชอบทุกอย่างไม่ว่าซาคาเอะจะทำอะไรบ้าบิ่นแค่ไหน แต่การทำตามใจอิสระมันก็ยากอยู่ดี ขณะเดียวกันความร้อนใจอยากตอบสนองความคาดหวังของอีกฝ่ายก็ยังไม่หายไป แต่แล้วบุคคลที่ไม่คาดฝันก็เรียกซาคาเอะไปหา...? ภาคต่อของ ‘เติมเต็มหัวใจ’ !!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”