New Release BLY แปล : OFF AIR 2 ~YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ~

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : OFF AIR 2 ~YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ~

โพสต์ โดย Gals »

.
.
.
รุ่งเช้าหลังนอนด้วยกันไม่มีปัญหาอะไร ตราบใดที่ไม่ได้มึนจนไม่ได้สติ มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องกันมาเฉยๆ แต่ว่าหลังออกจากห้องอีกฝ่าย กลับมาแต่งตัวที่บ้านตัวเองออกไปทำงาน แล้วใช้ชีวิตช่วงกลางวันไปตามปกติล่ะ จะเกิดความรู้สึกอย่างไร
เขารู้สึกเหมือนเกิดการตัดแบ่ง คล้ายกับโดนรีเซตหนึ่งหน ตอนที่เปิดสวิตช์ขึ้นมาใหม่ บันทึกการผจญภัยก่อนหน้านี้จะยังหลงเหลืออยู่ใช่ไหม

“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ทีมงานประสานเสียงตอบว่า เหนื่อยหน่อยนะคร้าบ ไล่หลังเคย์ที่เดินออกจากห้องสตาฟ เมื่ออยู่ในลิฟต์ตามลำพัง กล้ามเนื้อที่คอยตรึงรอยยิ้มบางเอาไว้บนใบหน้าจึงได้รับอิสรภาพในที่สุด
การออกอากาศวันที่สองดำเนินไปด้วยรายการข่าวตามปกติ ในเมื่อการออกอากาศวันแรกเป็นรายการพิเศษ วันนี้จึงถือเป็น ‘วันแรก’ ที่แท้จริง พวกเขาค้นพบจุดที่ควรปรับปรุงมากมาย ทั้งมุมกล้อง จังหวะสลับภาพ รวมถึงการเปลี่ยนพร็อพและย้ายตำแหน่งในฉากระหว่างพักโฆษณา กว่าจะประชุมทบทวนผลงานเสร็จก็ปาเข้าไปตีสอง อันที่จริงเคย์จะไม่เข้าร่วมแล้วปล่อยให้พวกบริวารคุยกันเองก็ได้ แต่ช่วงที่รายการเพิ่งเริ่มออกอากาศอย่างนี้เป็นช่วงลำบากที่จะอยู่ในความทรงจำของทีมงานไปอีกนาน ทำตัวข้องแวะให้มากเข้าไว้จะยิ่งได้ใจทีมงาน เหตุผลเจ้าเล่ห์นั้นทำให้เคย์ยอมอยู่ประชุม แถมกลับดึกอย่างนี้บริษัทยังออกค่าแท็กซี่ให้ด้วย
เขาลังเลเล็กน้อยตอนขึ้นแท็กซี่แล้วอ้าปากจะบอกที่หมาย
ควรบอกที่ไหนมากกว่า? ...ถึงบ้านฉันจะมีที่เดียวก็เถอะ ปัญหาคือจะไปเส้นทางเดียวกับเมื่อวานดีไหม
เมื่อวานเขามีธุระให้ไปเยี่ยมบ้านอุชิโอะแน่ชัด แต่ถ้าจะพูดอย่างนั้น หลังจากนี้จะมี ‘ธุระ’ อะไรงั้นหรือ? การปลอมตัวไปช่วยงานมันจบไปนานแล้ว เวลาออกมาจากที่นั่น อุชิโอะก็ไม่เคยบอกว่า ‘มาอีกสิ’ หรือ ‘ห้ามมา’ ...อ้าว กรณีนี้ควรทำไงนะ?
หลังจากเซลล์สมองทำงานเต็มพิกัดยิ่งกว่าตอนออกรายการอยู่ราวหนึ่งวินาที เคย์ก็ได้ข้อสรุปว่า ‘ไว้ทีหลัง’ และรีบบอกที่อยู่ตัวเอง ถึงอย่างไรบ้านอุชิโอะก็อยู่ละแวกเดียวกันอยู่แล้ว
เอาไว้กลับบ้านไปอาบน้ำ ย้อนดูรายการที่อัดไว้ เช็กข่าวช่องอื่นให้เสร็จก่อน ถ้ายังไม่ง่วงค่อยถือโอกาสตอนออกไปเดินเล่นโฉบไปบ้านหมอนั่น บางทีอาจมีสายเข้าหรือข้อความจากหมอนั่นระหว่างนั้นก็ได้ ต้องมีสิ ติดต่อมาเซ่
...จะมีใช่ไหม? มีซะเถอะ ไม่รู้เป็นเพราะใช้สมองมากไปหรือเปล่า ภาษาที่ใช้ถึงชักแปลกๆ ขึ้นมาแล้ว

เคย์ปิดทีวี หน้าจอโทรศัพท์ที่ถือติดมือตลอดเวลายังคงมืดสนิท นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้
เรื่องเพิ่งเมื่อวานนี้เองแท้ๆ ไม่สิ เพราะเพิ่งเมื่อวานนี้งั้นเหรอ? ก่อนกลับมาถึงบ้าน เคย์ยังมีเรี่ยวแรงมากพอจนเกือบเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อนแท้ๆ แต่หลังจากกลับเข้าสู่กิจวัตรประจำวัน แรงใจดันเหือดหายไปจนหมด เขาทั้งเหนื่อย ง่วง และหิว แถมนี่มันก็ตีห้าแล้ว เช็กข่าวเช้ากับหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าแล้วเข้านอนน่าจะดีกว่า เขาต้องออกไปทำงานตอนบ่ายสาม ได้นอนสักห้าชั่วโมงก็บุญแล้ว
เคย์นอนบนพื้น ถือโทรศัพท์จ้องมองในระดับสายตา ถอนหายใจเมื่อเห็นมันเงียบสนิท
นายเข้าใจไหมเนี่ยว่าฉันงานยุ่งมาก? ฉันคือคนเนื้อหอมระดับประเทศผู้มีความรับผิดชอบใหญ่ยิ่ง ไม่ว่างมาคิดแต่เรื่องของนายคนเดียวหรอกนะ รีบติดต่อมาซะทีสิ อืม แต่นายเองก็อาจรออยู่เหมือนกัน หรือไม่ก็อาจติดงาน หายไปแค่วันเดียวฉันจะไม่ถือสาหาความก็ได้ หลังจากประนีประนอมกับคำบ่นในใจเสร็จแล้ว เคย์ก็เดินเครื่องโหมดทำงานอีกครั้ง
วันนี้แหละ หมอนั่นต้องติดต่อมาแน่

“เอาละ สัปดาห์แรกจบลงอย่างราบรื่น มีจุดผิดพลาดเล็กน้อยอยู่บ้าง แต่โดยรวมถือว่าเริ่มต้นได้ดี เป็นเพราะทีมงานหน้ากล้องและหลังกล้องทุกคน เสาร์อาทิตย์นี้ค่อยๆ พักผ่อนให้เต็มที่ล่ะ แล้วสัปดาห์หน้ามาพยายามกันต่อ เหนื่อยหน่อยนะ”
“เหนื่อยหน่อยนะครับ/คะ!”
อ้าว?
อ้าวว?
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วนะ? หนึ่งสัปดาห์ที่ไม่มีการติดต่อใดๆ ภายใต้แสงไฟสว่างจ้าของห้องส่ง คอที่อยู่ภายในใจเอียงด้วยความสงสัยจนแทบหัก
อะไรกัน หรือว่าจะเป็นเหมือนในเพลงทูเร่ทูเร่ ที่ร้องว่าวันอาทิตย์ออกไปตลาด วันจันทร์ต้มน้ำอาบ วันอังคารอาบน้ำ ใช้ชีวิตแบบวันหนึ่งทำแค่อย่างเดียวอะไรทำนองนั้น? ...ไม่ไหว คิดมุกที่ทำให้ตัวเองยอมรับได้ไม่ออกเลย
อย่าบอกนะว่าคิดจะให้ฉันเป็นคนติดต่อไปก่อน? ไม่ตลกเลยนะ นายนั่นแหละต้องชวนฉันก่อน จะเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นแค่ไหนก็ช่าง อย่างเช่น วันนี้พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน เช่า DVD น่าสนใจมา ได้ไวน์ชั้นเลิศมา เผลอทำแกงกะหรี่เยอะไป จับด้วงตัวมหึมาได้ หรือกำลังหัดทำบะหมี่เย็นทรงเครื่อง รับรองว่าจะไม่ซักไซ้สักคำ อยากเอาไปทำข่าวด่วนชะมัด ชายที่อาศัยอยู่ในโตเกียวโดนจับกุมโทษฐานปล่อยปละละเลยครับ
เคย์ออกจากห้องส่งมารอลิฟต์ คนรู้จักกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พลางพูดคุยอย่างสนุกสนาน ทีมงานข่าวภาคเย็นนั่นเอง แต่ละคนถือถุงร้านสะดวกซื้อที่มองเห็นกระป๋องเบียร์ข้างในและถุงกระดาษของร้านอาหาร สงสัยจะสังสรรค์กันในห้องประชุมสักห้อง
“อ๊ะ คุนิเอดะซัง เหนื่อยหน่อยนะครับ!”
“ผมดูข่าวภาคดึกแล้ว ดูเพลินมากเลย”
“ขอบคุณ”
เคย์ถือคติว่า ถ้าจะพูดคุยเรื่อยเปื่อย การปล่อยให้คู่สนทนาพูดคือวิธีที่ดีที่สุด (ตัวเองจะได้สบาย) เขาจึงเบี่ยงประเด็นว่า “ดื่มที่บริษัทเหรอ?”
“อ๊ะ เปล่าครับ พวกเรากำลังจะขับรถไปบ้านซึสึกิซัง”
“เอ๋?”
เคย์เกือบโพล่งว่า หา? แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ก่อน ไหงชื่อนั้นถึงโผล่มาได้ฟะ?
“เผอิญเคยคุยกันว่าไว้ฉลองปิดจ๊อบกันเถอะ แต่ดันไม่ได้ฉลองซะทีน่ะครับ”
“มีเรื่องที่อยากคุยเพียบเลยด้วย”
“อ๊ะ คุนิเอดะซังไปด้วยกันไหมครับ?”
“น่าเสียดายนะ ผมมีประชุมต่อ”
“งั้นเหรอ อ๊ะ งานเลี้ยงต้อนรับและอำลาของข่าวเย็นจัดอาทิตย์หน้า อย่าลืมนะครับ!”
“อื้อ ผมตั้งตารออยู่เหมือนกัน”
เคย์มองส่งลิฟต์ขาลงก่อนจะก้าวเข้าลิฟต์ขาขึ้น ปกติเขาพยายามหลีกเลี่ยงการใช้เสียงจริงสุดฤทธิ์เวลาอยู่ในบริษัท แต่ตอนนี้เขาสุดทนแล้ว เคย์รู้สึกได้ว่าหว่างคิ้วขมวดแน่นขึ้นทีละน้อย
“...หาาาาาาา?”
ทำไมนายถึงมีนัดกับเจ้าพวกโง่นั่น? ยังมีหน้ามาถามฉันอีกว่า ‘คุนิเอดะซังไปด้วยกันไหมครับ?’ เฮ้ๆๆๆ ฉันเป็นตัวแถมเรอะ เป็นแค่ส่วนเสริมรึไง ‘มีเรื่องที่อยากคุยเพียบ’ นั่นมันคำพูดของฉัน... ไม่สิ ไม่มี ไม่ได้อยากคุยอะไรเป็นพิเศษหรอก
ว่าแต่นายว่างชัดๆ ดื่มเหล้ากับพวกนั้นแต่เมินฉันเนี่ยนะ คิดอะไรอยู่กันแน่ ฉันหงุดหงิดจนลิฟต์จวนจะน้ำหนักเกินแล้วนะเฟ้ย
ทว่าเมื่อลิฟต์จอด เคย์ก็เปลี่ยนเกียร์ มุ่งหน้าไปห้องสตาฟด้วยฝีเท้าสงบเยือกเย็น
หลังผ่านมาราวสองชั่วโมง การประชุมสรุปเกี่ยวกับสัปดาห์นี้ วิเคราะห์เรตติ้ง และวางแผนสำหรับสัปดาห์หน้าเป็นต้นไปก็สิ้นสุดลง เคย์กลับบ้านด้วยความรู้สึกถอดใจว่าจะเป็นไงก็ช่าง ในเมื่อเป็นแบบนี้ หัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ติดต่อไปเด็ดขาด... พริบตาที่ตัดสินใจแน่วแน่นั้นเอง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น อะไรของหมอนี่เนี่ย เป็นพวกซึนเดเระรึไง เคย์รอจนใกล้ตัดเข้าระบบฝากข้อความแล้วค่อยรับสาย
“หนวกหู”
‘อะไรกัน อารมณ์บูดเชียวนะ’
น้ำเสียงอุชิโอะปกติธรรมดา
‘กับข้าวเหลือ มากินไหม?’
“นายนี่มัน ของเหลือจากงานเลี้ยงชัดๆ!!”
‘เอ๊ะ รู้ได้ไง’
“อย่าทำเหมือนคนอื่นเป็นแผนกกำจัดเศษอาหารเซ่!”
‘ฉันแบ่งส่วนที่ยังไม่มีใครตักกินเอาไว้อย่างดีน่า’
ปัญหาคือตรงนั้นเรอะ? ถึงจะน่าโมโหเป็นที่สุด แต่ตอนแรกก็ตั้งใจจะยอมเชื่อข้ออ้างทุกอย่างอยู่แล้ว แถมหิวด้วย ...เคย์คิดคำแก้ตัวให้ตัวเองหลายข้อก่อนจะรีบอาบน้ำฝักบัว สวมชุดไปรเวท แล้วออกมาข้างนอก
ใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไปได้เลยสินะ เคย์รู้ว่าตนแปลกที่ป่านนี้แล้วยังจะลังเล ทั้งที่ทำเรื่องอย่างว่ากันแล้วแท้ๆ แต่การมีความสัมพันธ์ทางกายไม่ได้แปลว่าจะได้บัตรผ่านให้ทำโน่นทำนี่ได้อย่างอิสระโดยอัตโนมัตินี่นา? อย่างการติดต่อไปโดยไม่มีธุระ หรือไปบ้านโดยไม่มีธุระน่ะ อย่างน้อยเคย์ก็ลำบากใจถ้าอีกฝ่ายคิดแบบนั้นกับตัวเอง
แต่หมอนั่นต่างจากฉัน ต่างจากคนที่ฉันเคยคบหา (ไม่กี่คน คบแค่ช่วงสั้นๆ ทั้งนั้น) ...ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ หลังจากผ่านค่ำคืนและเช้าวันนั้นด้วยกัน พวกตนใกล้ชิดกันมากขึ้นจริงหรือ
เคย์ยืนถือกุญแจสำรองอยู่หน้าประตู ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ
“มีอะไร!”
‘เปล่า เห็นนายมาช้า อ๊ะ อะไรกัน อยู่ตรงนั้นเหรอ?’
อุชิโอะคงได้ยินเสียงเคย์ ประตูโดนเปิดจากด้านใน กลิ่นของบ้านอุชิโอะพลันโชยมา ทั้งกลิ่นไม้ กลิ่นสีจางๆ เป็นกลิ่นที่อธิบายได้เพียงว่า กลิ่นบ้านอุชิโอะ เท่านั้น กลิ่นที่สัมผัสได้แม้ยามอยู่บนเตียง
“ลังเลว่าจะซื้ออะไรมาฝากฉันงั้นเหรอ?”
“ไม่มีของฝาก”
เคย์โล่งอกที่พูดคุยกันได้เหมือนที่ผ่านมา
“...พวกนั้นล่ะ?”
หน้าประตูไม่มีรองเท้าส่วนเกิน แต่เคย์จำต้องถามให้แน่ใจ
“นอนอยู่ข้างบน”
“ฉันกลับละ”
“ฉันล้อเล่นน่า แยกย้ายกันหมดแล้ว”
เคย์หมุนตัวขวาหัน แต่ข้อมือกลับโดนคว้าแล้วพาตัวไปชั้นบน นิ้วที่สะดุ้งเฮือกโดนอีกฝ่ายบีบแน่น
แต่พอขึ้นมาถึงชั้นสอง มือกลับโดนปล่อยอย่างง่ายดาย อุชิโอะถามว่า “ดื่มเบียร์ไหม?” ก่อนไปคุ้ยตู้เย็นเสียงดังกุกกัก อะไรเล่า โธ่เว้ย เคย์สาปแช่งอุชิโอะและใจตัวเองที่เต้นระรัวไปพร้อมๆ กัน
อาหารเรียกน้ำย่อยตรงหน้าจัดอยู่บนจานอย่างสวยงาม ไร้วี่แววความเป็นของเหลือ ทันใดนั้นอุชิโอะก็ยื่นกระป๋องเบียร์มาหา
“ทำอะไรของนาย”
“ทำอะไรน่ะเหรอ อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จักการชนแก้ว?”
“ฉลองอะไร”
“ขอบคุณสำหรับการทำงานในสัปดาห์นี้หรืออะไรก็ได้ อุตส่าห์ได้ดื่มด้วยกันทั้งที”
ถ้าจะพูดจาเอาใจกันอย่างนั้นก็อย่าเมินฉันสิว้อย! ถ้อยคำพุ่งขึ้นมาถึงคอ แต่ไม่ได้พูดออกไป ไม่สิ พูดไม่ได้ การเรียกร้องอย่างเปิดเผยว่า สนใจฉันซะ ไม่ใช่นิสัยของเคย์
“เอ้า เหนื่อยหน่อยนะ”
อุชิโอะขยับกระป๋องชนฝ่ายเดียวแล้วเริ่มดื่ม “ฉันดูรายการนายทั้งสัปดาห์” เขาเปรย
“ไม่มีอภิปรายแบบวันแรกแล้วเหรอ?”
“ไม่มี มันอันตรายต่อใจฉัน”
“จัดเป็นประจำทุกฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงก็ดีนะ ลองรีเควสต์ชิตาระซังดีไหมน้า”
“หยุดเลย เขาพิจารณาจริงแหง”
“แต่ถ้าจัดขึ้นมา นายก็จะทำใช่ไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ว่าแต่เท่าที่ดูมาหนึ่งสัปดาห์ ฉันเห็นนายก็ทำได้ราบรื่นดีนี่ เสียแรงที่วันแรกอุตส่าห์เป็นห่วง”
“หา? อย่ามาล้อเล่นนะ รู้ไหมว่าฉันเครียดขนาดไหน...”
“เอาเถอะ ขอแค่นายซาบซึ้งในสิ่งที่ฉันทำให้ก็พอแล้ว”
“ไม่มีทาง!”
“เหรอๆ กินพิซซาไหม? เดี๋ยวใช้กระทะอุ่นให้”
ไอ้ซาบซึ้งน่ะมันก็ซาบซึ้งอยู่หรอก แต่นั่นก็แค่ ถ้าจะต้องตั้งชื่อให้ความรู้สึกนี้ มันคงใกล้เคียงกับ ‘ซาบซึ้ง’ มากกว่า ‘ขอบคุณ’ เท่านั้นเอง... ก็อุชิโอะไม่ได้คิดว่า ‘จงรู้สึกขอบคุณฉัน’ ซะหน่อย เคย์แน่ใจอย่างนั้น ว่าแต่การต่อปากต่อคำแบบนี้มันดีแล้วจริงๆ เหรอ เคย์ไม่เคยเผยธาตุแท้ให้ใครเห็นนอกจากพ่อแม่ พ่อแม่คือพ่อแม่ พวกเขาจึงยอมแพ้หลายๆ อย่างไปนานแล้ว ส่วนอุชิโอะเป็นคนอื่น
แต่เคย์สังหรณ์ใจว่าอุชิโอะน่าจะแกล้งหยอกโดยคาดเดาคำตอบของเคย์อยู่แล้ว แถมเจ้าตัวยังบอกว่า เป็นแบบนี้ดีแล้ว ชอบทั้งสองแบบ ซะด้วยสิ
หมอนั่นพูดอย่างนั้นใช่ไหม ไม่ใช่ว่าฉันฝันหรือมโนเอาเองหรอกนะ
เคย์กระดกเบียร์เอื๊อกๆ ก่อนจ้องหลังอุชิโอะเขม็ง แบบนี้สบายใจดีเพราะไม่ต้องกังวลว่าจะโดนอ่านสีหน้าหรือแววตา อยากเหม่อมองอยู่อย่างนี้โดยไม่ต้องกลุ้มใจว่าจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ทันไรอุชิโอะก็ปิดเตาแล้วถือจานกลับมา พอเห็นหน้าอุชิโอะแล้วมันก็...
...อันตรายต่อหัวใจยิ่งกว่าการออกทีวีเป็นไหนๆ
“อ้าว หมดแล้วเหรอ?”
อุชิโอะโบกกระป๋องเบียร์ของเคย์
“ดื่มเร็วแฮะ กระป๋องละตั้งครึ่งลิตร”
“ขออีก”
“อืม ก็ได้ สุดสัปดาห์ทั้งที”
อุชิโอะถือกระป๋องอะลูมิเนียมมาแนบแก้มเคย์
“มันเย็นนะเฟ้ย”
“ก็หน้านายแดง”
“ดื่มเบียร์ก็ต้องหน้าแดงสิ”
“เหรอ?”
อุชิโอะหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น
“อย่าใช้หลังคนอื่นเป็นกับแกล้มสิ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย!”
เคย์เผลอฉุนเฉียวทั้งที่ทำแบบนั้นไปก็ไม่ต่างจากยอมรับว่าถูกเผงครับ
“...อ๊ะ โทษที โทรศัพท์เรื่องงาน นายดื่มตามสบายนะ”
อุชิโอะถือเบียร์และโทรศัพท์มือถือที่ร้องระงมลงไปชั้นล่าง เคย์ถือวิสาสะเปิดทีวีเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จนมาจบที่รายการวาไรตี้ช่วงดึกเนื้อหาเบาหวิว ยามที่เสียงหัวเราะในห้องอัดเงียบลง เสียงของอุชิโอะจะดังแว่วมา ทั้ง “ของกล้วยๆ” บ้างล่ะ “ไหวอยู่แล้ว” บ้างล่ะ คำพูดคำจาเป็นกันเองทั้งที่กำลังคุยงาน น้ำเสียงก็ฟังดูสนุกสนาน “พูดเป็นเล่น?” อุชิโอะโพล่งก่อนหัวเราะร่วน น่าเบื่อชะมัด คนอุตส่าห์มาหา ถึงพิซซากรุบกรอบกับเบียร์เย็นฉ่ำจะอร่อยเหาะกว่าเวลากินคนเดียวก็เถอะ
หลังจากดื่มกระป๋องที่สองหมดอย่างรวดเร็ว เคย์ก็แนบแก้มข้างหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะ
รีบกลับมาได้แล้ว เจ้าบ้า






+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รวมตอนพิเศษ

JUST LIKE HONEY
FOOLS RUSH IN
sugar me
เพลงป๊อปสีกุหลาบ
ไดอารี่หัวหมุน
เรื่องสั้นอื่นๆ
ริจะรักอย่ารีบร้อน

ตอนพิเศษของซีรีส์ยอดฮิต "YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ" เล่มที่ 2 รวบรวมมาจากโดจิน เรื่องสั้นแถมพิเศษ และเรื่องสั้นในเว็บไซต์เช่นเคย มีตอนพิเศษที่เขียนใหม่สำหรับเล่มนี้โดยเฉพาะด้วย เหมาะสำหรับเก็บสะสมไปชั่วกาลนาน


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”