New Release BLY แปล : นี่เป็นรักในพรหมลิขิตยังไงล่ะ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : นี่เป็นรักในพรหมลิขิตยังไงล่ะ

โพสต์ โดย Gals »

1

“เอาละ มาดื่มแสดงความยินดีให้กับการแต่งงานของโคจิมะคุงกัน”
หลังสิ้นคำกล่าวนำของหัวหน้า เสียงตะโกนสดใส “ชนแก้ว” ก็ดังสะท้อนก้องทั่วทั้งห้องส่วนตัวภายในร้านอาหารกึ่งบาร์
ยามาซากิ ทาคุมิยกแก้วขึ้นจิบด้วยท่าทีเหนื่อยล้าพลางมองพระเอกของงานในวันนี้
ปีนี้มีเพื่อนร่วมรุ่นมาแจ้งข่าวแต่งงานเป็นคนที่สามแล้ว
โดยทั่วไปแล้วทั้งอายุของคนที่แต่งงานครั้งแรกและเปอร์เซ็นต์ของคนที่ครองโสดตลอดชีวิตต่างเพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่อาจเพราะบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ที่ทาคุมิทำงานอยู่เป็นบริษัทเก่าแก่ มีรูปแบบองค์กรแนวอนุรักษ์นิยมละมั้ง แม้ในยุคปัจจุบันพนักงานส่วนมากจึงแต่งงานลงหลักปักฐานกันในวัยประมาณสามสิบทั้งนั้น
“โคจิมะนี่ก็ทำได้ดีเลยเนอะ”
โอตะ เพื่อนร่วมงานซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ชวนคุย ทาคุมิพยักหน้ารับ
“เจ้าสาวเป็นถึงสาวสวยอันดับหนึ่งของแผนกเลขาฯ”
“น่าอิจฉาจริงๆ”
“นั่นสิ”
เมื่อเห็นทาคุมิเออออแบบขอไปที โอตะก็หันมาส่งยิ้มเชิงหยอกเย้า
“แต่หน้าตานายดูไม่เหมือนกำลังอิจฉาเลย?”
ทาคุมิส่งยิ้มประชดประชันกลับ
“การเอ่ยปากบอกว่าน่าอิจฉาถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งนี่?”
“นายนี่ชิลจริงๆ สำหรับยามาซากิ ระดับนั้นไม่นับว่าสวยเหรอ?”
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น แค่คิดว่าการแต่งงานเนี่ยเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเอาซะเลย ไม่เห็นน่าสนใจ”
คำพูดของทาคุมิเรียกเสียงแซวจากคนรอบข้าง
“มาแล้วๆ การลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า”
“เย็นชาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
“เสียดายหน้าตาหล่อๆ ความน่าหมั่นไส้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”
ทาคุมิหัวเราะหึๆ พลางหรี่ตาสองชั้นหลบในที่แลดูเยือกเย็น
“ก็มันใช่ไหมล่ะ? อยู่ตัวคนเดียวก็สบายใจดี ไม่มีอะไรไม่พอใจ ทำไมต้องแต่งงานหรือสร้างครอบครัวหาภาระมาใส่ตัวด้วย ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ”
แม้แต่ตัวเองยังรู้ดีว่ากำลังพูดจาน่ารังเกียจอยู่
ดูเหมือนคำพูดของทาคุมิจะกระทบโสตประสาทของหัวหน้าด้วย “นี่ๆ” หัวหน้าส่งเสียงตักเตือน
“ฉันเข้าใจว่ายามาซากิยึดคติครองตัวเป็นโสด แต่โอกาสน่ายินดีแบบนี้ อย่าพูดจากวนน้ำให้ขุ่นสิ”
ทาคุมิยักไหล่ แล้วยกแก้วเบียร์ชูให้โคจิมะพระเอกของงานวันนี้
“โทษทีนะ ฉันขออวยพรให้โคจิมะคุงมีความสุขจากใจจริง”
“ฉันไม่ต้องการหรอก คำอวยพรที่ไม่ได้มาจากใจน่ะ”
โคจิมะแสร้งทำเป็นงอนก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยท่าทีเป็นกันเองตามสไตล์เพื่อนรุ่นเดียวกัน
ทาคุมิค่อนข้างพอใจกับภาพลักษณ์ที่คนรอบข้างประทับตราให้ ชายเท่ ขี้ประชดประชัน ผู้ยึดมั่นแนวคิดครองตัวเป็นโสด หลังจบจากร้านแรกทาคุมิขอแยกตัวกลับก่อนเพียงลำพัง
เขายืนโยกเยกอยู่บนรถไฟฟ้าหลายสถานี แล้วสับเท้าเดินผ่านอากาศเย็นชวนสบายยามค่ำคืนเดือนพฤษภาคม และแล้วก็กลับถึงแมนชัน
ภายในห้อง 1LDK สำหรับอาศัยอยู่คนเดียวนั้นเงียบสงัด
ทาคุมิไม่ชอบความเงียบและความมืดจึงเดินไล่เปิดไฟทีละดวงๆ พร้อมกดสวิตช์โทรทัศน์
เขาสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นเงาสะท้อนผ่านหน้าต่างฝั่งระเบียง แต่ก็คิดได้ในทันทีว่านั่นคือเงาของตัวเอง จึงเดินเข้าไปทางหน้าต่างด้วยท่าทีอับอาย
เขาพิจารณาใบหน้าตัวเองซึ่งสะท้อนเคียงคู่ทิวทัศน์ยามค่ำคืน แม้สายตาดูไม่เป็นมิตรนัก แต่หากนำคำวิจารณ์ของคนรอบข้างมาเป็นเกณฑ์มาตรฐาน น่าจะเข้าข่ายหน้าตาดีใช้ได้อยู่
ส่วนสูงและรายได้อยู่ประมาณค่าเฉลี่ย
นอกจากนี้นิสัยชอบปลีกวิเวกและไม่มีความคิดอยากแต่งงาน มันคือคุณสมบัติของชายวัยสามสิบทั่วไปในยุคปัจจุบันไม่ใช่เหรอ
ทาคุมิมองหน้าตัวเองแบบไร้อารมณ์อยู่สักพักก่อนกระชากผ้าม่านปิด ลบใบหน้าซังกะตายออกไปจากสายตา
เขาหันหลังพุ่งตัวไปยังห้องนอน โยนตัวลงบนเตียง กอดตุ๊กตาแมงกะพรุนสีน้ำเงินตัวใหญ่แนบหน้าอกแน่น
“บ้าเอ๊ย เจ้าโคจิมะ! อิจฉาชะมัด!!”
ความรู้สึกที่เก็บกักเอาไว้ไหลทะลักออกจากริมฝีปาก
อิจฉา อิจฉา อิจฉาไม่ไหวแล้ว อิจฉาโว้ย
ไม่ใช่เพราะหลงรักสาวสวยจากแผนกเลขาฯ อย่างหัวปักหัวปำหรอก ที่ทาคุมิอิจฉาคือเรื่องแต่งงานต่างหาก
นับตั้งแต่เรียนจบและเริ่มทำงาน นี่ก็ผ่านมาแปดปีแล้ว ทาคุมิในตอนนี้ติดตรึงอยู่กับคาแรกเตอร์หนุ่มเท่ ทว่าความเป็นจริง การแต่งงานคือสิ่งที่เขาเฝ้าปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เขาสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่วัยเยาว์ แถมไม่มีพี่น้อง การสร้างครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอด อันที่จริงเขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าการแต่งงานเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่ หากเพื่อครอบครัวแล้วเขายินดีสละเงินเดือนของตัวเองทั้งหมด ต่อให้ค่าใช้จ่ายส่วนตัวกลายเป็นศูนย์เยนก็ไม่เกี่ยง
ทว่าทาคุมิไม่มีวันสมปรารถนา
นั่นเพราะทาคุมิเป็นเกย์
จริงอยู่ว่าตามกฎหมายญี่ปุ่นในปัจจุบัน การแต่งงานนั้นยังเป็นไปไม่ได้ แต่เขาสามารถมีคู่ครองและใช้ชีวิตเคียงคู่ไปด้วยกันได้
แต่ก่อนจะถึงขั้นนั้น การหาคนคนนั้นให้เจอเป็นเรื่องยากยิ่ง
สถิติบอกว่าบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมีประมาณหนึ่งในยี่สิบคน หากนำจำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัททาคุมิมาคำนวณ จะมีผู้เข้าข่ายอยู่ห้าสิบคนรวมผู้หญิงด้วย
ทว่าเขาทำงานที่นี่มาแปดปีแล้ว ยังไม่เคยเจอพนักงานที่มีเรดาร์ตรงกันเลยแม้แต่คนเดียว
ในสังคมความเป็นจริง คนที่ใช้ชีวิตแบบเปิดตัวนั้นมีน้อย และแน่นอนว่าทาคุมิก็เก็บเป็นความลับเช่นกัน
สรุปคือ การแต่งงานแบบถูกต้องตามกฎหมายนั้นไม่ต้องพูดถึง แค่หวังคบหากันธรรมดา ทาคุมิยังไม่มีโอกาสได้เจอใครเลย
ไม่สิ หากคิดจะหาแบบเร่งด่วนไม่ยุ่งยากก็ยังมีสถานที่แบบนั้นอยู่ แถมเขายังรู้จักแอปพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้วย แต่สิ่งเหล่านี้ขัดกับอุดมการณ์ของทาคุมิ
สาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ทาคุมิยังหาคู่ครองไม่ได้ คือความเป็นคนโรแมนติกจนถึงขั้นเพ้อฝันนั่นเอง
ทาคุมิต้องแสดงใบหน้าเหมือนองุ่นเปรี้ยว ให้ทุกคนในโลกเห็น ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ และเพื่อปิดบังความปรารถนาจะแต่งงานที่ไม่มีวันเป็นจริง
ทั้งที่ความจริงนั้นเขาใฝ่ฝันอยากมีความรัก อยากแต่งงานมากกว่าใคร
เขาอยากมีความรักแบบชะตาฟ้าลิขิต ไม่ใช่พบพานโดยเจตนาอย่างไปตามหาในสถานที่นัดพบของเกย์หรือพึ่งพาแอปหาคู่
ความรักในบริษัทซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติเหมือนโคจิมะก็เป็นความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งเหมือนกัน ภาพในอุดมคติของทาคุมิคือการเจอกันแบบในละครรักโรแมนติก...ตัวอย่างเช่น ระหว่างเดินทางมาทำงานบังเอิญเดินชนกันเข้า เป็นเหตุให้โทรศัพท์มือถือสลับกัน และนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
แน่นอน ทาคุมิรู้ดีว่าเหตุการณ์แบบนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นในชีวิตจริง
ทาคุมิถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือข้างหนึ่งกอดแมงกะพรุนไว้อย่างนั้น ในขณะที่ยื่นมืออีกข้างหนึ่งไปยังชั้นหนังสือ
คลังหนังสือของทาคุมิอัดแน่นไปด้วยนิยายรักโรแมนติกทุกยุคทุกสมัย มีนิยายเกย์และนิยายแปลโรมานซ์สำหรับผู้ชายด้วย แต่มากกว่าครึ่งเป็นเรื่องราวความรักของชายหญิง นิยายโรมานซ์สำหรับผู้หญิงจะเน้นความรู้สึกมากกว่าร่างกาย ซึ่งตรงกับรสนิยมของทาคุมิมากกว่า
ทาคุมิหยิบ ‘สาวทรงเสน่ห์ ’ ของเจน ออสตินให้ตัวเองในคืนนี้ ขอหนีออกจากโลกความจริงซึ่งไร้เรื่องสนุก ไปสู่โลกวรรณกรรมรักโรแมนติกสุดคลาสสิกแสนปราดเปรื่องดีกว่า

แต่แล้ววันหนึ่งกลับมีเงาพาดผ่านคืนวันอันแสนสงบของทาคุมิ ชายหนุ่มผู้วางมาดเท่ ทำเป็นพึงพอใจกับชีวิตโสด ทั้งที่ใจจริงเชื่อเรื่องพรหมลิขิตและหลงใหลนิยายโรมานซ์เป็นชีวิตจิตใจ วันนั้นทาคุมิแวะเข้าห้องน้ำหลังประชุมกับคู่ค้าเสร็จ
“อุเอฮาระซังค่อนข้างตรงสเปกฉันเลย แต่ฝ่ายนั้นกลับมองแต่ยามาซากิ”
โอตะที่มาด้วยกันบ่นพึมพำถึงพนักงานหญิงจากบริษัทคู่ค้าที่เพิ่งประชุมงานเสร็จกันไป
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
ทาคุมิไม่สนใจผู้หญิงอยู่แล้วเลยตอบกลับแบบไร้อารมณ์พลางล้างมืออยู่ตรงอ่างล้างหน้า โอตะพ่นลมหายใจฮึดฮัด
“น่าโมโหจริงๆ ฉันพยายามอ่อยเท่าไรก็ไม่สนใจกันเลย แต่คนเย็นชาอย่างนายกลับเนื้อหอมซะงั้น เกิดเป็นคนหล่อนี่มันได้เปรียบจริงๆ...นี่นายฟังอยู่หรือเปล่า”
สมควรแล้วที่จะถามเช่นนี้ ทาคุมิถูกสิ่งอื่นเบี่ยงเบนความสนใจไปกลางคัน ไม่ได้ฟังโอตะพูดแม้แต่น้อย
ทาคุมิค้นพบสิ่งหนึ่งสะท้อนแสงไฟซึ่งสาดส่องอยู่เหนือศีรษะ ทอประกายวิบวับอยู่ตรงผมหน้า
มันคือผมหงอกหนึ่งเส้น
“...ไม่จริงน่า”
“อะไรเหรอ?”
“ผมหงอก...”
ทาคุมิชี้ให้ดูด้วยอาการตกตะลึงตรงข้ามกับเมื่อครู่ คราวนี้โอตะเป็นฝ่ายตอบกลับอย่างไร้อารมณ์บ้าง
“อ้อ มีผมหงอกเส้นสองเส้นเป็นเรื่องปกติ ก็อายุสามสิบแล้วนี่”
“นายก็มีเหรอ?”
“เปล่า กรรมพันธุ์บ้านฉันไม่ใช่ผมหงอก แต่เป็นหัวล้าน”
ทาคุมิมองตามที่อีกฝ่ายพูด กลางกระหม่อมของโอตะถูกจัดแต่งอย่างตั้งใจ แต่ยังมองทะลุเห็นหนังศีรษะได้เล็กน้อยขึ้นกับลักษณะของแสงที่ตกกระทบ
“...จริงด้วย”
“เฮ้ย! ตรงนี้นายต้องพูดปลอบใจกันว่า ‘ยังไหวน่า’ ต่างหาก คนอะไรพูดจาใจร้ายได้หน้าตาเฉย นายนี่มันนิสัยเสียจริงๆ”
ทาคุมิไม่ได้ตั้งใจจะล้อศีรษะล้านของโอตะ ในทางกลับกันเขารู้สึกช็อกมากที่เห็นกลางกระหม่อมของเพื่อนร่วมรุ่นเริ่มร่อยหรอ
ในขณะที่บนศีรษะของเขาก็มีผมหงอกแล้วหนึ่งเส้น
ทั้งที่พวกเราเพิ่งจะอายุสามสิบเอง
แต่จะว่าไปในนิยายโรมานซ์ย้อนยุคที่อ่านเมื่อคืน นางเอกในวัยยี่สิบสี่ยังโดนปฏิบัติเยี่ยงสาวแก่เลยวัยแต่งงานไปแล้วเลย
ไม่สิ ไม่สิ นั่นเป็นเรื่องสมัยก่อน ชายวัยสามสิบยุคปัจจุบันไม่ต่างจากเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
ทาคุมิหาเหตุผลโน่นนี่ปลอบใจตัวเอง แต่ความช็อกก็ยังไม่หายไปอยู่ดี
สำหรับทาคุมิผู้มีความคิดประดุจหญิงสาวตรงข้ามกับภาพลักษณ์ที่แสดงออก การค้นพบว่าตัวเองเริ่มแก่นั้นเป็นเรื่องน่าตกตะลึงเข้าขั้นร้ายแรง
ขณะเพลิดเพลินอยู่กับความฝันหลุดโลกอย่างการพบพานแบบพรหมลิขิตอยู่นั้น พอรู้ตัวอีกทีเขาอาจกลายเป็นชายวัยกลางคนผมขาวโพลนพุงพลุ้ยไปแล้วก็เป็นได้
ไม่ ที่นี่ไม่ใช่ประเทศอังกฤษในศตวรรษที่สิบแปดสักหน่อย ไม่ว่าอายุเท่าไรก็สามารถมีความรักได้ทั้งนั้น อย่างในโทรทัศน์ยังมีสกูปพิเศษเกี่ยวกับกิจกรรมแต่งงานของคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุให้เห็นอยู่บ่อยๆ
แต่ถึงคิดแบบนั้น อาการช็อกของทาคุมิก็ยังไม่บรรเทาลง
ทำไมน่ะเหรอ นั่นเพราะนอกจากรูปร่างหน้าตาภายนอกแล้ว ทาคุมิหาจุดขายอย่างอื่นของตัวเองไม่เจอเลยน่ะสิ
ไม่ได้หมายความว่าเขามั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองแบบสุดๆ แต่เท่าที่ได้เห็นได้ฟังคำวิจารณ์อย่างเป็นกลางของคนรอบข้าง เขาคิดว่าหน้าตาของตัวเองจัดอยู่ประเภทดีใช้ได้
ทว่านอกจากเรื่องนี้แล้วเขาหาข้อดีอย่างอื่นไม่เจอเลย งานอดิเรกคือตามล่าหานิยายโรมานซ์อ่านไปทั่ว แต่จะเปิดเผยให้ใครฟังก็ไม่ได้ เขาไม่มีวาทศิลป์สร้างเสียงหัวเราะ ไม่เก่งกีฬา แถมยังทำอาหารไม่ได้เรื่องอีกต่างหาก
จุดขายเพียงอย่างเดียวคือรูปร่างหน้าตา แต่มันมีแต่จะเสื่อมลงเรื่อยๆ
“ยามาซากิ? เป็นอะไรไป?”
โอตะซึ่งตั้งท่าจะเดินออกจากห้องน้ำเห็นทาคุมิยืนเหม่ออยู่ตรงอ่างล้างหน้าไม่ไหวติง จึงหันมาถามด้วยความสงสัย
“อ้อ เปล่า”
ทาคุมิดึงผมหงอกออกจากหนังศีรษะแล้วใช้นิ้วสางจัดแต่งทรงผม พยายามปรับอารมณ์ใหม่ ก่อนเดินตามโอตะออกไป


2

ทาคุมิกำลังยืนใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แบบไม่เคยเป็นมาก่อนอยู่หน้าประชาสัมพันธ์ของสถานที่จัดงานปาร์ตี้
ไม่คิดว่าตนจะเป็นคนขี้ประหม่าขนาดนี้
แม้กระทั่งระหว่างทาคุมิยืนทำตัวไม่ถูกอยู่นี้ ผู้ร่วมงานยังหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายจนเนืองแน่นประชาสัมพันธ์
หากเป็นเรื่องงาน ต่อให้ต้องพรีเซนต์หรือออกไปพบลูกค้ารายใหม่ ทาคุมิแทบไม่เคยตื่นเต้นเลย นั่นอาจเพราะเขาแสดงเป็นตัวเองปลอมๆ มาตลอดก็เป็นได้
แต่ที่นี่เขาจำต้องถอดหน้ากากออก
ทำไมน่ะเหรอ เพราะที่นี่คือสถานที่จัดงานปาร์ตี้หาคู่สำหรับชายรักชาย กล่าวคือเป็นสถานที่ที่ทาคุมิต้องเปิดเผยรสนิยมทางเพศซึ่งเป็นเรื่องที่เขาพยายามกลบเกลื่อนมากที่สุดออกมานั่นเอง
นับจากวันที่ค้นพบผมหงอกหนึ่งเส้น ทาคุมิก็ทุกข์ทรมานใจมาโดยตลอด
ขนาดความรักระหว่างชายหญิง การพบพานแบบพรหมลิขิตยังหาได้ยาก ดังนั้นความเป็นไปได้ที่คนซึ่งมีความหลากหลายทางเพศอย่างตนจะพบเนื้อคู่แบบในความฝันนั้นยิ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปกันใหญ่ ในที่สุดเขาก็ยอมมองโลกตามความเป็นจริงเสียที
ยิ่งไปกว่านั้นขืนรอพรหมลิขิตต่อไปเรื่อยๆ อาจเลยวัยที่สามารถใช้ความอ่อนเยาว์ดึงดูดความรักได้ โอกาสเกิดปาฏิหาริย์มีแต่ริบหรี่ลงพร้อมกับตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้น
ทาคุมิอยากมีความรัก และเพื่อให้สมปรารถนาก็จำต้องยอมอะลุ่มอล่วยบ้าง นี่คือบทเรียนที่ได้รับจากผมหงอกหนึ่งเส้น
ทาคุมิบอกตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวและตัดสินใจเข้าร่วมปาร์ตี้ดูตัว
เขาค้นหาปาร์ตี้ที่จะเข้าร่วมผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่เอาปาร์ตี้นัดพบน่าสงสัย เลือกงานที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ดูเอาจริงเอาจังและน่าเชื่อถือ ทาคุมิกรอกใบสมัครด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังดิ่งตัวลงมาจากสกายทรี
แต่พอมาถึงหน้างานจริงๆ ความเด็ดเดี่ยวนั้นกลับสั่นคลอน
แม้ทำใจได้แล้วว่าต่อให้รอพรหมลิขิตไปก็เปล่าประโยชน์ ถึงอย่างนั้นทาคุมิผู้มีความคิดโรแมนติกระดับเพ้อฝันก็มีแนวคิดต่อต้านปาร์ตี้ดูตัวมาเนิ่นนาน
มาตะลุยหาคู่ด้วยความหื่นกระหาย ช่างเป็นอะไรที่น่าสมเพชและน่าขายหน้าจริงๆ
และความคิดนี้ก็พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด ตอนทาคุมิเล็งเห็นว่าคนเข้างานเริ่มเว้นช่วงขาดตอน เขากัดฟันเดินเข้าไปติดต่อประชาสัมพันธ์
บนป้ายชื่อหมายเลข ‘28’ ที่ประชาสัมพันธ์ยื่นมาให้มีสัญลักษณ์ ‘เนโกะ ’ ที่ทาคุมิเลือกตอนกรอกใบสมัครออนไลน์ ค่าสมัครของเนโกะแพงกว่าทาจิหนึ่งพันเยน
ทาคุมิรู้สึกว่าแก้มของตนเปลี่ยนเป็นสีแดง
เขาต้องติดป้ายชื่อที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าตนคือชายที่ปรารถนาอ้อมกอดของผู้ชาย แถมค่าสมัครยังทำให้รู้สึกน่าสมเพชที่ตัวเองโดนตีมูลค่าเป็นสินค้าราคาต่ำ จู่ๆ ก็นึกอยากร้องไห้
ทาคุมิกัดริมฝีปากปลอบประโลมความคิดที่มีแต่สร้างความเจ็บปวด
ตัวเองเป็นคนสมัครเข้าร่วมเองแท้ๆ ไหงถึงจมดิ่งอยู่กับความหดหู่แบบนี้ล่ะ ทำตัวเป็นนางเอกนิยายชีวิตแสนเศร้าไปได้
ปาร์ตี้ดูตัวไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสักหน่อย ประเทศญี่ปุ่นเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน คู่สามีภรรยาครึ่งหนึ่งแต่งงานจากการดูตัวทั้งนั้น แถมสถิติยังบอกอีกว่า การแต่งงานจากการดูตัวมีเปอร์เซ็นต์หย่าร้างต่ำกว่าการแต่งงานจากความรักอีกต่างหาก
ทาคุมิเขียนการ์ดโพรไฟล์ที่ประชาสัมพันธ์ยื่นให้พลางกวาดตาสังเกตผู้เข้าร่วมงาน
ผู้เข้าร่วมงานส่วนมากอยู่ในวัยยี่สิบกว่าถึงสามสิบกว่า บางคนสวมสูทเหมือนทาคุมิ บางคนแต่งกายสบายๆ อย่างเสื้อยืดกับกางเกงยีน ภายนอกทุกคนดูเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป ทาคุมิเลือกร่วมปาร์ตี้ในเมืองที่ค่อนข้างห่างไกลจากบ้านและที่ทำงานของตนเพื่อความไม่ประมาท ดังนั้นโอกาสพลาดพลั้งบังเอิญเจอคนรู้จักจึงน้อย ค่อยสบายใจได้หน่อย
ทั้งที่ปาร์ตี้ยังไม่เริ่มเลย แต่มีผู้ชายสองคนยืนหัวร่อต่อกระซิกกันตรงมุมสถานที่จัดงานแล้ว
คนหนึ่งเป็นชายตัวสูงเข้ากับแว่นตาที่สวมใส่ ส่วนอีกคนเป็นชายร่างเล็กท่าทางน่ารัก ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก
หากเจอกันครั้งแรกแล้วสนิทสนมกันขนาดนี้ก็เท่ากับจับคู่กันได้แล้ว แต่หากทั้งสองรู้จักกันมาก่อน ก็ไม่น่ามาหาคู่ในงานปาร์ตี้ ทาคุมินึกอัศจรรย์ในใจ
หรือเห็นเป็นหนุ่มหล่อตัวสูงแบบนั้น แท้จริงแล้วเป็นเนโกะ อุปสงค์กับอุปทานไม่ตรงกันงั้นเหรอ?
ทาคุมิเริ่มคิดเองเออเองไปไกล แต่นั่นก็ช่วยให้ความตื่นเต้นบรรเทาลงได้เล็กน้อย
ปาร์ตี้เริ่มต้นด้วยกิจกรรมแนะนำตัวแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
เมื่อถึงคนที่สี่ หนุ่มแว่นเมื่อครู่นั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทาคุมิ เขาแต่งกายสบายๆ สวมกางเกงชีโน่คู่กับเสื้อไหมพรมคอวีสำหรับฤดูใบไม้ผลิ ดูเข้ากับรูปร่างสูงโปร่งเป็นอย่างมาก บนป้ายชื่อมีหมายเลข ‘5’ กับสัญลักษณ์ ‘ทาจิ’ กำกับอยู่ ทาคุมิจึงรู้ทันทีว่าสมมติฐานของตัวเองคลาดเคลื่อนไป
หนุ่มแว่นดูต่างจากตอนหัวร่อต่อกระซิกอย่างสนุกสนานเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน เขาผงกศีรษะให้ทาคุมิเล็กน้อย ใบหน้าไร้รอยยิ้ม ทาคุมิก็ผงกศีรษะตอบด้วยใบหน้าแข็งกร้าวเช่นกัน
ระหว่างเวลาแนะนำตัวประมาณหนึ่งนาที ต่างฝ่ายต่างแลกการ์ดโพรไฟล์ของกันและกัน ในช่องชื่อ-นามสกุลสามารถใส่ชื่อเล่นลงไปได้ สามคนที่ผ่านมาล้วนเขียนนามแฝงที่จำได้ง่ายทั้งนั้น แต่หนุ่มแว่นกลับเขียนชื่อเต็ม ‘โฮโซยะ ทัตสึยูกิ’
ทาคุมิเองก็ไม่รู้จะเขียนอะไร เลยใส่ชื่อเต็มของตัวเองลงไปเหมือนกัน การได้รู้ว่ามีพวกแล้วทำให้ทาคุมิรู้สึกผ่อนคลายลง แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับคนคนนี้
สเปกที่โฮโซยะชอบ ‘ทำอาหารเก่ง เก็บของเป็นระเบียบเรียบร้อย ชอบกีฬา’ งานอดิเรก ‘ปีนหน้าผา’ สถานที่เดตแรกในฝัน ‘ภูเขาฟูจิ’
อายุสามสิบสองปี ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร น้ำหนักเจ็ดสิบสองกิโลกรัม ส่วนสัดตามอุดมคติที่เขียนไว้ทำเอาทาคุมิวิงเวียน การ์ดโพรไฟล์นั้นทอประกายเจิดจ้าจนเขาไม่สามารถเพ่งสายตาอ่านตรงๆ ได้
แต่ว่าทาคุมิหลุดจากสเปกของโฮโซยะไปไกลจนน่าเศร้า
ในช่องงานอดิเรก ทาคุมิเขียนว่า ‘อ่านหนังสือ’ เขาคิดว่าหากต้องการหาคู่ที่คบหากันจริงๆ จังๆ ก็ไม่ควรสร้างภาพให้ตัวเองดูดี ต้องเขียนไปตรงๆ ตามความเป็นจริง สเปกที่ชอบ ‘สงบเสงี่ยมเรียบร้อย มีงานอดิเรกตรงกัน’ สถานที่เดตแรกในฝัน ‘ร้านกาแฟ’ กล่าวได้ว่าตรงข้ามกับความต้องการของโฮโซยะโดยสิ้นเชิง
ทาคุมิได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากที่นั่งข้างๆ ทั้งซ้ายทั้งขวา แต่โฮโซยะยังคงก้มมองการ์ดโพรไฟล์ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม ท่าทีเมินเฉยไม่เหลียวแลนั้นทำให้ทาคุมิก็ไม่กล้าชวนคุยเช่นกัน ทั้งสองยังไม่ทันได้สนทนาอะไรกันเลย เผลอแป๊บเดียวเวลาที่กำหนดก็ผ่านไปเสียแล้ว
ปาร์ตี้ดูตัวเป็นแบบนี้หรอกเหรอ ทาคุมิย้ายที่นั่งขณะนึกเศร้าใจเล็กน้อย
ยื่นเอกสารที่ระบุความชอบและเงื่อนไขของตน หากไม่ตรงกันก็ ‘เอ้า คนต่อไป’ เป็นสถานที่ที่เอาไว้คัดกรองคนอย่างพิถีพิถัน สุขุม และแห้งแล้ง
ทั้งที่โฮโซยะหน้าตาหล่อเหลาตรงสเปกตัวเองเต็มๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่แสดงท่าทีสนใจกันเลย ทาคุมิรู้สึกช็อกอยู่ในใจ







++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เวลาอยู่ในบริษัททาคุมิมักวางมาดเป็นหนุ่มเท่ตลอดเวลา แต่ความจริงเขาใฝ่ฝันอยากมีความรักโรแมนติกดรามาเหมือนในนิยายโรมานซ์ หลังตระหนักได้ว่าแค่รออย่างเดียวไม่ลงมือทำอะไร ตัวเองคงมีแต่แก่ขึ้นทุกปีโดยไม่ได้เจอใครดีๆ สักที ด้วยเหตุนี้ทาคุมิจึงตัดสินใจเข้าร่วมปาร์ตี้หาคู่เกย์ ทาคุมิได้จับคู่กับโฮโซยะ ทั้งสองเริ่มคบหาดูใจกัน ยิ่งได้ออกเดตกันบ่อยครั้ง ทาคุมิก็ยิ่งรู้สึกว่าคนรักของตนทั้งใจดี ทั้งเป็นสุภาพบุรุษ ทุกวันของทาคุมิเต็มไปด้วยความสุข แต่แล้ววันหนึ่งทาคุมิก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วโฮโซยะไม่ใช่เกย์...? เรื่องราวโรแมนติกโรมานซ์สไตล์ผู้ใหญ่

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”