New Release เหลียนฮวา : แม่นางลงจากเตียงข้าที

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release เหลียนฮวา : แม่นางลงจากเตียงข้าที

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ
ได้ยินความลับโดยไม่ได้ตั้งใจ


ค่ำคืนที่ลมหนาวพัดผ่าน เป็นความเหน็บหนาวที่พร้อมจะทิ่มแทงลึกลงไปถึงกระดูก
หลินอีฉู่ที่ไม่ได้สวมเสื้อนอกคลุม สวมเพียงชุดกระโปรงสีฟ้าโปร่งบางเพียงตัวเดียววิ่งไล่ตามแมวออกมาจากห้อง เพราะไม่ทันสังเกตนางจึงพลัดหลงเข้าไปในเขตเรือนหลักโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ข้าวิ่งมาที่นี่ได้อย่างไรกัน” นางพึมพำกับตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าแมวยังคงวิ่งต่อก็อดร้อนรนขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าแมวน้อย พวกเราเข้ามาที่นี่ไม่ได้นะ...”
แต่ไหนเลยเจ้าแมวจะเชื่อฟังที่นางพูด ไม่ทันไรก็มุดหายไปในพงหญ้าตรงหน้า
แย่แล้ว หลินอีฉู่อุทานเบาๆ และมุดตามแมวเข้าไปในพงหญ้าอย่างไม่มีทางเลือก ภายในพงหญ้าเป็นทางยาวที่คับแคบ นางคลานไปบนพื้นหญ้า ใช้แสงสว่างจากดวงจันทร์เพื่อมองหาและไล่ตามหลังเงาของเจ้าแมวมาเรื่อยๆ ผ่านรั้วไผ่ด้านซ้าย ถนนเล็กๆ ช่องกำแพงเล็กๆ จนในที่สุดนางก็จับเจ้าแมวไว้ได้
หลินอีฉู่อุ้มเจ้าแมวไว้ในอ้อมแขนและเงยหน้าขึ้นมา ภาพที่เห็นทำเอานางตกใจเป็นอย่างมาก นางดันวิ่งเข้ามาในเรือนที่นางไม่ควรจะเข้ามาเสียแล้ว บริเวณโดยรอบมีองครักษ์เฝ้ายามอยู่มากมาย แต่เพราะตัวนางแอบอยู่ด้านหลังของห้องห้องหนึ่งที่มีกลุ่มต้นไม้จึงบดบังร่างเล็กๆ ของนางไว้ได้อย่างมิดชิด
เพื่อไม่ให้ถูกพบเข้า หลินอีฉู่ตัดสินใจว่าจะแอบหนีกลับไปตามทางเดิมที่เข้ามา แต่ในขณะที่นางเดินผ่านหน้าต่างบานหนึ่ง หางตาก็เหลือบไปเห็นชายสองคนภายในห้องโดยบังเอิญ หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่นางไม่รู้จัก เขาสวมอาภรณ์หรูหรา
“ฝ่าบาทมอบคดีนั้นให้รองผู้ว่าการศาลต้าหลี่ รับผิดชอบ ซึ่งบังเอิญเป็นบุตรชายของสหายเก่าข้าพอดี เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในการทำงานสูง จะเสียก็แต่นิสัยที่ออกจะซื่อตรงเกินไป ไม่ว่าจะสืบคดีอะไรก็จะถอนรากถอนโคนจนถึงที่สุด หากโดนเขาสืบสาวมาถึงตัวเราได้คงต้องเดือดร้อนเป็นแน่...”
“ฟังดูเหมือนว่าคนคนนี้จะเป็นอุปสรรคต่อแผนการของข้านะ”
“ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแต่ว่าถ้ากำจัดไปเสียแบบนี้ก็ออกจะน่าเสียดาย เจ้าหนุ่มนั่นมีความสามารถไม่น้อย หากดึงมาเป็นพวกเราได้คงจะเป็นประโยชน์มาก แน่นอนว่าถ้าเขาดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟัง ถึงตอนนั้นเราค่อยกำจัดเศษหินอย่างเขาไปให้พ้นทางก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร ท่านอ๋องยงวางใจได้ ข้าจะไม่ให้เขามาขัดขวางแผนการยึดครองบัลลังก์ของท่านได้แน่...”
บทสนทนาภายในห้องที่ลอยมาแตะโสตประสาทของหลินอีฉู่ทำเอานางเสียวสันหลังวาบ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนหน้าผากเกลี้ยง
สวรรค์! นางได้ยินอะไรเข้า? ชายหนุ่มหน้าตาดีในห้องนั่นที่แท้คือท่านอ๋อง ส่วนแผนการยึดครองบัลลังก์นั่นก็หมายถึง...จะก่อกบฏอย่างนั้นหรือ? พวกเขายังพูดถึงรองผู้ว่าการศาลต้าหลี่...ตำแหน่งของพี่เช่อที่ศาลต้าหลี่ก็คือตำแหน่งนี้ไม่ใช่หรือ?
หากว่าเขาไม่เชื่อฟัง ก็จะกำจัดเศษหินอย่างเขาทิ้งเสีย หมายถึงจะฆ่าพี่เช่อหรือ?
ไม่นะ! หลินอีฉู่ตกใจมาก ร่างบางโงนเงนทำท่าจะล้มหน้าคะมำ เท้านางเผลอไปเหยียบเข้ากับกิ่งไม้จนเกิดเสียงดัง ‘เป๊าะ’
“ใครแอบอยู่ข้างนอกนั่น?” ทันใดนั้นก็มีเสียงแหบพร่าที่เจือความเกรี้ยวกราดดังลอยมาจากภายในห้อง
แย่แล้ว โดนพบเข้าเสียแล้ว! หลินอีฉู่รีบวิ่งหนีทันที แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวเหล่าองครักษ์ที่เหาะตามมาก็ล้อมตัวนางไว้เสียแล้ว
“คุณหนูสี่ ทำไมถึงเป็นท่าน!” หัวหน้าองครักษ์ถือตะเกียงน้ำมันอยู่ในมือ และเมื่อมองเห็นใบหน้าหลินอีฉู่อย่างชัดเจนก็มีสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก จึงหันไปรายงานกับชายวัยกลางคนที่ตามหลังตนมา
เมื่อชายรูปร่างปานกลางในอาภรณ์หรูหราเห็นว่าเป็นนาง เขารู้สึกประหลาดใจมาก แต่ก็โล่งใจในเวลาเดียวกัน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผู้บุกรุกจากภายนอก เขาตำหนินางด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บังอาจนัก กิริยามารยาทดีๆ ไม่หัดเรียน แต่มาแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน ชักจะไร้มารยาทใหญ่แล้ว!”
คนภายนอกล้วนคิดว่าเขาเป็นขุนนางที่ดี แต่หลินอีฉู่รู้ดีว่าเขาโหดร้ายกับนางแค่ไหน นางไม่เคยได้รับความรักของครอบครัวจากเขาเลยแม้สักนิด มันปลูกฝังให้นางหวาดกลัวในตัวเขามาตั้งแต่เด็ก นางไม่รู้ว่าถ้าพี่เช่อไม่ยอมทำตามที่เขาคาดหวัง เขาจะใช้แผนอะไรปองร้ายพี่เช่อ นางจะต้องไปเตือนพี่เช่อให้ระวังตัวไว้
“เจ้าถูกกักบริเวณแล้ว!” ชายวัยกลางคนหันกลับไปออกคำสั่งกับองครักษ์ “พาตัวคุณหนูสี่กลับไปที่ห้อง เฝ้าไว้ให้ดี ห้ามให้นางออกมาจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว!”
เหล่าองครักษ์รับคำสั่งและเดินตรงเข้ามาหานาง หลินอีฉู่หวาดกลัวเป็นอย่างมาก ‘เมี้ยว’ เจ้าแมวในอ้อมแขนของนางร้องขู่อย่างดุร้าย ทันใดนั้นมันก็ดีดตัวออกจากอ้อมแขนของนาง กรงเล็บของมันพุ่งตรงไปที่ใบหน้าขององครักษ์ที่อยู่ใกล้ที่สุด เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ทำเอาคนอื่นๆ พากันตกใจกลัวกันหมด หลินอีฉู่ไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจว่าเจ้าแมววิ่งหนีไปทางไหนอีกแล้ว นางรีบฉวยโอกาสวิ่งหนีทันที
“ยืนงงอยู่ทำไมกัน รีบตามไปสิ!” ชายวัยกลางคนตะคอก
หลินอีฉู่วิ่งให้เร็วขึ้นอีก ถ้าหากนางถูกกักบริเวณ นางก็จะไม่มีโอกาสออกไปเตือนพี่เช่อได้อีก นางจะโดนจับไม่ได้
แต่จะหนีไปทางไหนดีล่ะ? ประตูใหญ่กับประตูหลังล้วนมียามเฝ้าประตูอยู่ นางไปทางนั้นไม่ได้แน่...จริงสิ กำแพงสวนดอกไม้หลังจวนมีโพรงสุนัขที่ยังไม่ได้ซ่อมแซมอยู่ นางสามารถมุดออกไปทางช่องนั้นได้
นางซ่อนตัวเพื่อสลัดให้หลุดจากการตามจับขององครักษ์ เมื่อเห็นพวกเขามุ่งไปทางอื่นจึงค่อยเริ่มวิ่งต่อ หากแต่วิ่งไปได้ครึ่งทางความรู้สึกเปียกชื้นที่กระทบบนใบหน้าก็ทำให้นางรับรู้ว่าฝนตกเสียแล้ว ทั้งยังมีท่าทีจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
“คุณหนูสี่อยู่ข้างหน้า จับนางไว้เร็วเข้า!”
โดนเจอเข้าแล้ว! หลินอีฉู่บอกตัวเองต้องวิ่งให้เร็วขึ้นอีก ใกล้จะถึงแล้ว ขอแค่ลงบันไดตรงหน้าไปก็จะถึงสวนดอกไม้หลังจวน นางจะสามารถออกจากจวนแห่งนี้ไปบอกข่าวกับพี่เช่อได้แล้ว
โครม! ปลายสุดของท้องฟ้าสีดำปรากฏแสงฟ้าแลบแปลบปลาบตามมาด้วยสายฟ้าขนาดใหญ่ที่ผ่าลงมา เสียงดังกึกก้องทำให้หลินอีฉู่สะดุ้งตกใจ ทันใดนั้นขานางก็สะดุดขั้นบันไดจนล้มลงกับพื้นและหมดสติไป นางเห็นเพียงภาพเลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลลงมาตามหน้าผากและเส้นผมของนาง...


บทที่หนึ่ง
ผีสาวที่ไม่ธรรมดา


เด็กสาวอายุราวสิบหกสิบเจ็ดในชุดกระโปรงสีฟ้าโปร่งตัดกับใบหน้ากลมมนเกลี้ยงเกลากำลังยืนอยู่หน้าจวนโอ่อ่าแห่งหนึ่ง นัยน์ตากลมโตสีนิลคู่นั้นมองขึ้นไปยังป้ายใหญ่ที่เขียนว่าจวนสิง
ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่กัน?
นางไม่รู้ แต่พอนางรู้สึกตัวอีกที นางก็มาอยู่ที่หน้าประตูจวนแห่งนี้แล้ว
เด็กสาวมองไปยังองครักษ์สองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูประหนึ่งยักษ์เฝ้าประตู ดูช่างน่ากลัวเหลือเกิน แต่ที่น่าแปลกก็คือพวกเขาดูเหมือนจะมองไม่เห็นนาง นี่นางเตี้ยมากจนพวกเขามองไม่เห็นเลยหรือ?
นางไม่มีความกล้ามากพอที่จะเข้าไปสนทนากับพวกเขา คิดในใจว่ามองไม่เห็นนางก็ดีแล้ว เพราะนางอยากจะแอบเข้าจวนไปเงียบๆ มากกว่า
ไม่รู้ว่าทำไม มีลางสังหรณ์แรงกล้าในใจบอกกับนางว่า นางต้องมาที่นี่ให้ได้! เพียงแต่นางมาที่นี่ทำไมกัน?
นางคิดไม่ออก รู้แค่ว่านางต้องเข้าไปข้างในให้ได้ เมื่อเห็นว่าองครักษ์ไม่ได้สนใจ นางจึงฉวยโอกาสที่มีคนเดินเข้าออกแอบปะปนเข้าไป
ในตอนแรกเด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นกับการแอบบุกเข้าจวนคนอื่นโดยที่ไม่มีใครพบเห็น นางเดินเล่นไปรอบจวน ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ชมนก ชมปลาในสระ ทำให้นางรู้สึกสนุกมาก แต่หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม นางก็เจอเข้ากับสาวใช้หลายกลุ่มที่เดินผ่านไปมา แม้นางจะพยายามหลบหลีกแล้ว หากแต่ก็มีบางคนที่ชนเข้ากับนางเต็มๆ เพราะนางหลบไม่ทันจริงๆ แล้วนางก็ค้นพบว่า เหล่าสาวใช้ที่ชนเข้ากับผู้บุกรุกอย่างนางกลับไม่มีความตื่นตกใจสักนิด มันทำให้นางรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป
ทำไมพวกนางไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เลย? ราวกับว่า...มองไม่เห็นนางอย่างนั้นแหละ!
มองไม่เห็น! เด็กสาวมองสาวใช้กลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินตรงมาทางนางอย่างกระวนกระวาย ครั้งนี้นางไม่ได้หลบหลีก แต่เดินตรงไปยังเหล่าสาวใช้ที่กำลังเดินมา เอ่ยปากทักทายว่า “พี่สาว...”
เหล่าสาวใช้ที่กำลังเดินคุยเล่นกันมาตามทางไม่มีใครหันมามองนางเลยสักคน ทั้งยังเดินผ่านตัวนางไปเสียเฉยๆ
นางผงะไปชั่วครู่ และหันหลังวิ่งตามไปดักหน้าเหล่าสาวใช้อย่างไม่ลดละ พลางโบกมือเรียกร้องความสนใจกล่าวว่า “พี่สาว พี่สาว พวกพี่ๆ มองไม่เห็นข้าหรือ? ข้ากำลังพูดกับพี่อยู่นะ”
ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จากเหล่าสาวใช้
นางสังเกตเห็นว่าในแววตาพวกนางไม่มีเงาของนางด้วยซ้ำ ทั้งยังพากันเดินทะลุผ่านตัวนางไปอีก
เด็กสาวตกตะลึง พวกนางเดินทะลุตัวนางไป! พวกนางมองไม่เห็นนาง ถ้าเช่นนั้น...องครักษ์หน้าประตูนั่นก็มองไม่เห็นนางอย่างนั้นหรือ ไม่! เป็นไปไม่ได้ จะไปมีเรื่องเหลวไหลแบบนั้นได้อย่างไร!
นางวิ่งออกไปทางประตูใหญ่ ตะโกนเรียกองครักษ์ที่เฝ้ายามอยู่ “พี่ชาย ข้าอยู่ที่นี่ มองข้าหน่อยสิ!”
ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
นางวิ่งออกไปยังถนนอีกครั้งด้วยความร้อนรน ที่นั่นเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย ผู้คนกำลังเดินเลือกชมสินค้ากันขวักไขว่ เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะรอบตัวดังขึ้นไม่ขาดสาย นางวิ่งไปตรงหน้าใครคนหนึ่งและถามว่า...
“ท่านป้า ท่านมองเห็นข้าหรือไม่?” นางโบกมือให้กับหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง
ป้าคนนั้นไม่มีท่าทีจะสนใจนาง เอาแต่คุยกับคนข้างตัวอย่างออกรส
นางวิ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง “ท่านลุง ท่านมองเห็นข้าหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนหันหลังใส่นาง เดินกลับไปซื้อของกับร้านค้าข้างถนนร้านหนึ่งโดยไม่สนใจนางเช่นกัน
“ถังหูลู่ จ้า ถังหูลู่อร่อยๆ มาแล้วจ้า...”
นางร้อนใจมากจึงวิ่งไปหาพ่อค้าขายถังหูลู่และพูดว่า “พี่ชาย ท่านได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ มองข้าหน่อยสิ มองข้า ข้าอยู่ตรงหน้าท่านนี่อย่างไรอย่างไรเล่า ข้ากำลังพูดกับท่านอยู่นะ!”
“ถังหูลู่ ถังหูลู่อร่อยๆ มาแล้วจ้า...” พ่อค้าขายถังหูลู่ยังคงตะโกนใส่ฝูงชนเพื่อเรียกลูกค้าต่อไปโดยไม่สนใจนาง
ต่อมานางเข้าไปพูดคุยกับอีกหลายคน นางตะโกนจนเสียงแหบพร่าแต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ นางรู้สึกท้อแท้ใจเป็นอย่างมาก ไม่มีใครมองเห็นนางเลย
ทันใดนั้นมีฝูงคนกลุ่มหนึ่งหลั่งไหลมาจากถนนด้านหน้าและเดินทะลุตัวนางไป นางมีสีหน้ากระวนกระวายใจพลางพึมพำกับตนเองว่า
“ข้า...ตายแล้วหรือ?”
เพราะว่านางตายแล้วกลายเป็นผี ถึงได้ไม่มีใครมองเห็นตัวนาง และยังทะลุผ่านตัวนางไปได้อีก
แต่ในเมื่อนางเป็นผี แล้วทำไมนางถึงยังยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ได้กันล่ะ? ร่างวิญญาณไม่แตกสลายหรือ?
เด็กสาวกลัวมาก นางเริ่มคิดว่าทำไมตัวนางถึงกลายเป็นสภาพเช่นนี้ หากแต่ว่านางนึกอะไรไม่ออกเลย
เช่นนั้นนางชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน ในสมองนางขาวโพลนไปหมด นึกอะไรไม่ออก ตกลงว่านางเป็นใครกันแน่?

***

เด็กสาวยังคงนึกชื่อของตนไม่ออก เดินไปบนถนนอย่างไร้จุดหมาย สุดท้ายจึงกลับมาหยุดอยู่หน้าจวนสิง
ทำไมนางถึงวกกลับมาที่นี่อีก?
เพราะนางไม่มีที่ไป เพราะจิตใต้สำนึกของนางมีความปรารถนาแรงกล้าที่บอกกับนางว่านางต้องอยู่ที่นี่ให้ได้ ดังนั้นนางจึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง
มองไปยังประตูบานใหญ่ตรงหน้า ในเมื่อคนอื่นสามารถทะลุตัวเองไปได้ ไม่แน่ว่านางก็...
เมื่อนางลองพิสูจน์ดูก็พบว่านางทะลุผ่านประตูได้จริงๆ นี่คงเป็นเรื่องสนุกเรื่องเดียวของนางหลังจากที่กลายเป็นผีแล้ว
กลางวันทั้งวันนางวนเวียนอยู่ในจวนแห่งนี้ ศึกษาทดลองเกี่ยวกับความสามารถพิเศษของการเป็นผีสาวของนาง นางสามารถทะลุไปเล่นได้ทุกห้องโดยที่ไม่มีใครห้าม นางยังสามารถบินอยู่กลางอากาศได้ นางบินได้สูงมาก สูงจนกระทั่งนางบินขึ้นไปบนหลังคาเพื่อชมทิวทัศน์ได้ แม้ว่านางจะไม่สามารถแตะต้องสิ่งของใดๆ ได้ แต่นางสามารถใช้พลังจิตเพื่อขยับสิ่งของต่างๆ ได้ มันช่างสนุกยิ่งนัก
ตอนกลางวันนางมัวแต่สนุกกับการเล่นจึงคิดไม่ถึงว่าเมื่อตกกลางคืนจะน่ากลัวขนาดนี้ ที่จวนนี้มีผีสิง!
นางกลัวผีมาตั้งแต่เด็ก ผีพวกนั้นล้วนหน้าซีดขาว แค่มองดูก็ชวนขนลุกนัก ผีบางตัวตายอนาถ ไม่ลิ้นห้อยก็ลูกตาหลุด ส่งยิ้มสยองๆ มาให้นาง น่ากลัวเกินไปแล้ว นางกลัวจนหนีเตลิดออกจากจวนสิงในทันที
ไหนเลยจะรู้ว่าข้างนอกยิ่งตระการตาขึ้นไปอีก!
นางอยากจะร้องไห้ ทั้งๆ ที่ตัวนางก็กลายเป็นผีแล้ว ทำไมยังกลัวผีได้อีก?
นั่น...นั่นคืออะไร?
นางมองเห็นก้อนดำทะมึน เป็นผีที่มีรูปร่างคล้ายคน รอบตัวปกคลุมไปด้วยรังสีอึมครึม ดวงตาคู่นั้นที่มองมาทางนางส่องประกายวิบวับ แสยะปากที่เต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงสดและส่งเสียงชวนสยดสยองออกมา...
“ช่างดูน่าอร่อยนัก ต้องอร่อยแน่ๆ...”
มะ...มัน...อยากจะกินนาง?
นางกลัวจนรีบบินหนีเข้าจวนสิงทันที ผีตนนั้นตามนางมาติดๆ น่ากลัวว่าจะไม่ใช่ผีธรรมดาแต่เป็นผีร้าย เพราะเมื่อผีตัวอื่นๆ ในจวนเห็นมันเข้าก็ต่างพากันตกใจบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
มันเห็นนางเป็นเหยื่อ ตามนางติดไม่ปล่อยเลย
“ช่วยด้วย...” เด็กสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
ขณะที่ผ่านโถงทางเดินมีสาวใช้กลุ่มหนึ่งเดินสวนมาทางด้านหน้าของนาง แต่ไม่มีใครมองเห็นนาง จึงไม่ต้องพูดถึงผีร้ายที่ตามก้นนางมาติดๆ เลย
วิ่งวนไปหลายรอบสุดท้ายนางหนีเข้าไปหลบอยู่ในห้องห้องหนึ่ง ในที่สุดก็ไม่เห็นผีร้ายตามนางเข้ามาอีกแล้ว
ที่นี่คงจะปลอดภัยนะ? นางหอบเบาๆ
“เจอแล้ว” น้ำเสียงชวนสยดสยองดังมาจากด้านหลังของนาง
นางกลัวจนตัวแข็งทื่อ ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่านั่นคือผีร้ายตัวนั้นซึ่งกำลังอ้าปากกว้างมาที่นาง นางรีบหนีออกจากห้องทันที
“เป็นกลิ่นที่หอมยิ่งนัก...อย่าคิดหนีเลย...มาให้ข้ากินเสียดีๆ...”
ไม่วิ่งก็โง่สิ!
เด็กสาววิ่งหนีอย่างสุดกำลัง ตอนนี้นางรู้สึกโชคดีมากที่นางบินได้ ไม่นานนางก็ทิ้งระยะห่างจากผีร้ายได้ แต่ทว่าผีร้ายเองก็บินได้เร็วมากเช่นกัน นางไม่สามารถจะผ่อนแรงได้เลย ถ้าหากนางบินช้าลงแม้เพียงนิดเดียวนางคงจะโดนมันตามทันแน่
ทันใดนั้นเองมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตรงมาจากทางด้านหน้าของนาง ผู้ที่เดินนำมาเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสี่ถึงยี่สิบห้าปี หน้าตาหล่อเหลา นัยน์ตาแฝงไปด้วยความทะนงตน ทันทีที่นางเห็นหน้าเขา หัวใจของนางก็เต้นแรง ความคุ้นเคยที่มีต่อชายตรงหน้าปรากฏขึ้นชัดเจนในจิตใต้สำนึก แต่นางกลับนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจยิ่งกว่าคือ สายตาของเขาสบกับสายตานางได้!
เขามองเห็นนาง?
“หยุดนะ ข้าจะกินเจ้าเสีย มาให้ข้ากินเสียดีๆ”
เกือบโดนจับได้แล้ว! เด็กสาวหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ยังไม่ทันจะได้คิดนางก็พุ่งตัวไปหาชายหนุ่มตามสัญชาตญาณ และซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขาเพื่อร้องขอความคุ้มครองจากเขา นางเห็นว่าผีร้ายตนนั้นพุ่งตรงมาที่นางพร้อมแสยะปากกว้าง ขณะที่ผีร้ายเข้ามาใกล้ในระยะสิบฉื่อ จากชายหนุ่มนั้นเอง ก็โดนประกายแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากตัวชายหนุ่มแผดเผาจนต้องกระเด็นออกไป ผีร้ายเจ็บจนไม่กล้าเข้าใกล้ตัวชายหนุ่มอีก และหนีไปในที่สุด
“เอ๋ เกิดอะไรขึ้น?” ผีนั่นกลัวชายคนนี้หรือ แล้วแสงสีทองนั่นคืออะไรกัน หรือว่าชายคนนี้มีมนตราอาคม?
เมื่อนางพบว่าชายหนุ่มหันหน้ามาหานาง สายตามองตรงมาที่นาง นางจึงเผยรอยยิ้มแสดงถึงความซาบซึ้งพร้อมพูดว่า “คุณชาย ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ท่านช่างเก่งนัก ผีตนนั้นไล่จับข้ากิน แต่พอมาเจอกับท่านกลับโดนแสงสีทองรอบตัวท่านขับไล่จนหนีเตลิดไปเลย! อีกอย่าง ทั้งวันมานี้ท่านก็เป็นคนแรกที่มองเห็นข้า ข้าตื่นเต้นและดีใจยิ่งนัก” นางดีใจจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมา
สิงเช่อมองหญิงสาวที่กำลังกระโดดโลดเต้นตรงหน้า เกิดคิดสงสัยในตัวเด็กสาวตรงหน้าว่านางเป็นใคร ดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่เหมือนสาวใช้ในจวน เอาแต่พูดเรื่องมีผีจะมากินนาง แต่โดนแสงสีทองรอบตัวเขาไล่เตลิดไป แล้วยังที่ว่าทั้งวันนี้มีแต่เขาที่มองเห็นตัวนางนั่นอีก นี่นางพูดเรื่องอะไรกัน?
ในขณะที่เขาจะเอ่ยปากถามเด็กสาวนั้นเอง เด็กรับใช้ของเขา ‘อาเผิง’ ก็ถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า...
“นายน้อย ทำไมจู่ๆ ท่านก็หยุดเดินแล้วหันหลังกลับไป ท่านกำลังมองอะไร ไม่เดินต่อแล้วหรือขอรับ?”
“นายน้อย ท่านมองหาอะไรด้านหน้าอยู่หรือขอรับ?” พ่อบ้านหวังถามอย่างสงสัย ทำไมนายน้อยของเขาถึงเอาแต่มองตรงไปทางด้านหน้า
“พวกเจ้ามองไม่...” เห็นหรือ? สิงเช่อไม่ได้พูดให้จบประโยค ทั้งๆ ที่มีแม่นางยืนอยู่ตรงหน้าเขาทั้งคน ทำไมถึงไม่มีใครมองเห็น เมื่อครู่แม่นางคนนี้พุ่งตรงมาหลบอยู่หลังเขา แถมยังเอาแต่พูดเรื่องแปลกประหลาดกับเขา
พ่อบ้านหวังกับอาเผิงมองหน้ากันด้วยความงุนงง ต่างก็รู้สึกว่ากิริยาของนายน้อยวันนี้แปลกนัก ตรงหน้าเขาไม่เห็นมีอะไรสักหน่อย
พ่อบ้านหวังไม่กล้าคาดเดามั่วซั่ว พูดต่อว่า “นายน้อย สองวันมานี้ท่านเอาแต่ทำงานยุ่งอยู่ที่ศาลต้าหลี่ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน คงจะเหนื่อย ข้าน้อยให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้ให้แล้ว คืนนี้หลังจากอาบน้ำและรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วก็รีบพักผ่อนเสีย ไม่ต้องอ่านบันทึกคดีแล้ว ฮูหยินฝากท่านไว้ให้ข้าดูแล ข้าต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หากท่านล้มป่วยขึ้นมา ข้าน้อยจะบอกกับฮูหยินว่าอย่างไร”
สามปีก่อนอดีตผู้ว่าการศาลต้าหลี่ถูกศัตรูที่คิดจะแก้แค้นลอบสังหาร เป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิต ฮูหยินที่สูญเสียสามีที่เป็นที่พึ่งพิงไปโศกเศร้าเสียใจมาก จนในที่สุดก็หนีไปบำเพ็ญตนบนเขา
นายน้อยเป็นลูกชายเพียงคนเดียว นายท่านเสียไปแล้ว ฮูหยินก็ไม่อยู่ จวนสิงจึงเหลือเพียงนายน้อยที่เป็นเจ้านายคนเดียวของบ้าน นายน้อยที่เดิมก็มีนิสัยเก็บตัวอยู่แล้วยิ่งเย็นชามากขึ้นไปอีก สมาธิทั้งหมดของเขาทุ่มเทไปกับการทำงานรับใช้ราชสำนัก มักมีเหตุเพราะงานที่ศาลต้าหลี่ยุ่งจนไม่มีเวลากลับบ้านเป็นประจำ
แม้เขาหวังว่าสักวันหนึ่งนายน้อยจะปีนขึ้นมาจนถึงตำแหน่งผู้ว่าการศาลต้าหลี่ให้ได้เหมือนกับนายท่าน แต่เขาก็ไม่อยากเห็นนายน้อยทำงานจนตัวเองต้องล้มป่วย อีกทั้งนายน้อยยังไม่คิดจะเข้าพวกเข้าฝ่าย ทำงานตรงไปตรงมา เขากลัวว่านายน้อยจะตัดสินคดีอย่างซื่อตรงเกินไปจนไปขวางทางคนอื่นโดยไม่รู้ตัว และโดนเขามาแก้แค้นเข้าสักวันเหมือนกับนายท่าน
แน่นอนว่าด้วยฐานะของเขาแล้ว เขาก็คงพูดอะไรมากไม่ได้ ทำได้แค่นำชื่อฮูหยินขึ้นมาอ้าง บังคับให้นายน้อยได้พักผ่อนบ้าง จะได้ไม่เหนื่อยจนล้มป่วยไปเสียก่อน
ที่ผ่านมาเวลาพ่อบ้านหวังบ่นเรื่องสุขภาพของสิงเช่อ เขามักจะฟังผ่านๆ ไป แต่วันนี้เขาตั้งใจจะทำตามจริงๆ จริงอยู่ที่สองวันที่ผ่านมาเขามัววุ่นกับการปิดคดี คงจะหักโหมเกินไปเป็นแน่เลยเริ่มตาฝาด มองเห็นภาพหลอนขึ้นมา
เขาในฐานะรองผู้ว่าการศาลต้าหลี่ ผ่านการสืบคดีมานับไม่ถ้วน คดีแปลกประหลาดที่กรมอาญารับผิดชอบก็มีไม่น้อย แต่เขาสืบคดีใดต่างล้วนต้องอ้างอิงหลักฐาน ยึดสิ่งที่ตามองเห็นไว้เป็นที่ตั้งเสมอ ไม่เคยคิดงมงายเรื่องผีสางเทวดา เขาเชื่อว่าสิ่งที่เห็นเมื่อครู่จะต้องเป็นภาพลวงตาแน่ หลังจากนอนหลับสักตื่นเขาก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
“ก็ได้ วันนี้ข้าจะรีบพักผ่อน” สิงเช่อก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้า
“ขอรับ นายน้อยอยากรับมื้อดึกเป็นอะไรดีขอรับ?” พ่อบ้านหวังเดินตามพลางถามขึ้น อาเผิงกับบ่าวคนอื่นๆ ต่างพากันเดินตามไปติดๆ
เอ๋? เขาจะเดินจากไปเฉยๆ แบบนี้เลยหรือ?
เด็กสาวเห็นพวกเขาเดินจากไปก็รีบตามไปทันที นางเดินไปขวางทางด้านหน้าของสิงเช่อไว้พลางพูดว่า “คุณชาย ท่านมองเห็นข้าสินะ ทั้งวันมานี้มีเพียงท่านคนเดียวที่สามารถมองเห็นข้าได้...”
คำพูดของนางหยุดชะงักลงเมื่อสิงเช่อเดินผ่านตัวนางไปดื้อๆ
ทั้งที่เขามองเห็นนางแท้ๆ เหตุใดจึงต้องแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นด้วย
เพราะรู้ว่านางไม่ใช่คน เลยแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหรือ?
มองดูแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไป เด็กสาวไม่อยากยอมแพ้ เพราะมันไม่ง่ายเลยกว่านางจะเจอคนที่มองเห็นตัวนางได้สักคน บางทีในโลกนี้อาจจะมีเพียงเขาคนเดียวที่มองเห็นนางก็ได้ นางจะต้องขอร้องให้เขาช่วยนางให้ได้
นางสูญเสียความทรงจำไป ไม่รู้ว่าทำไมนางต้องมายืนอยู่หน้าบ้านของเขา และยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นตายอย่างไร แม้แต่ชื่อของตน นางก็ยังคิดไม่ออก คนที่มืดแปดด้านอย่างนางทำได้เพียงต้องคว้าเชือกฟางเส้นสุดท้ายตรงหน้าอย่างเขาไว้เท่านั้น
เด็กสาวกำมือแน่น และเดินตามชายหนุ่มไปอย่างแน่วแน่





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพียงวิ่งตามแมวไปไม่นึกว่านางจะบังเอิญได้ยินความลับยิ่งใหญ่อย่างการก่อกบฏเข้า ซ้ำชายในดวงใจยังถูกปองร้ายเพราะเป็นผู้สืบคดีนี้ นางต้องรีบไปบอกเขาให้ได้ แต่นางรีบเกินไปจนตกบันได รู้ตัวอีกทีก็เป็นผีไปอยู่หน้าจวนของเขาแล้ว ทว่านางกลับจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ รู้แค่ว่านางกลัวผีมาก!

นางกลัวผีร้ายจับกินจึงต้องเกาะติดเขาที่มีพลังหยางแข็งแกร่งสามารถขับไล่ผีร้ายได้และมองเห็นนางเพียงคนเดียวไปทุกที่แม้แต่บนเตียงก็ตาม แต่เขากลับเชิญนักพรตมาส่งนางไปสู่สุคติ?! ค่อยยังชั่วที่จริงๆ แล้วนางยังไม่ตาย เป็นแค่วิญญาณเป็น ขอแค่จำชื่อได้ก็จะกลับร่างได้ ทว่าลำบากลำบนตั้งนานกว่าเขาจะยอมเปิดใจให้นาง สุดท้ายใครจะรู้ว่านางดันเป็นบุตรสาวของศัตรูเขา!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”