New Release เหลียนฮวา : อุบายลับชายาหงส์ -อุบายลับจับท่านอ๋อง 2-

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release เหลียนฮวา : อุบายลับชายาหงส์ -อุบายลับจับท่านอ๋อง 2-

โพสต์ โดย Gals »

บทที่หนึ่ง
ลงใต้จัดการน้ำท่วม


“จริงๆ เลย! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
“นั่นสิ เหตุใดเซียงอ๋องถึงได้ขอไปดูแลจัดการน้ำท่วมที่อันโจวได้? ละทิ้งราชสำนักแล้วจากไปเช่นนี้ ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!”
เมื่อการประชุมเช้าจบลง เหล่าขุนนางก็เดินเรียงแถวกันออกมายาวเหยียด ดูเหมือนพวกเขาต่างคนต่างเดิน แต่ทว่าล้วนแสดงความเห็นกันต่างๆ นานา ชั่วพริบตาเดียวด้านนอกตำหนักเซวียนเจิ้งก็มีเสียงดังวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย
“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้...”
“ไม่เช่นนั้นแล้วหมายถึงเรื่องใด?”
“ข้าหมายถึงวิธีจัดการน้ำท่วมนั่น...ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ คาดไม่ถึงว่าเซียงอ๋องจะมีความสามารถเช่นนี้ สามารถคิดวิธีขุดทางระบายน้ำและสร้างประตูน้ำหลายแห่งตามทางออกมาได้ ประการแรก เพื่อลดกำลังของน้ำ ประการที่สอง สามารถทดน้ำเข้านาและใช้ในการขนส่งทางน้ำ ประการที่สาม สามารถปรับปรุงดินและเพิ่มปริมาณพืชผลได้ ที่สำคัญคือแผนงานนี้ใช้ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำเพียงหนึ่งปี แต่กลับสามารถคงอยู่ได้หลายร้อยปี นี่เป็นความโชคดีของราชวงศ์ตงสวี้เราเชียวนะ! แม้จะบอกว่าไม่สามารถแก้ปัญหาพื้นฐานได้ และท้ายที่สุดเลนและทรายของแม่น้ำหรงนี้จะเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนทางน้ำไหลอีกครั้ง แต่นั่นก็เป็นเรื่องหลังจากนี้อีกหลายร้อยปี”
“วิธีการยอดเยี่ยม ทว่าการจัดการน้ำท่วมไม่ใช่จะสำเร็จในวันเดียว ยามนี้เซียงอ๋องเลือกที่จะห่างจากราชสำนัก นี่...นี่...ไม่เท่ากับเป็นการตัดแขนตัดขาตัวเองหรอกหรือ? กว่าจะเอาชนะผิงอ๋องมาได้ไม่ง่ายเลยนะ...”
“อะแฮ่ม ใต้เท้าระวังคำพูดด้วย”
“เอ่อ...” ผู้ที่เอ่ยมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังแวบหนึ่ง “ล้วนว่ากันว่าเกาจ้านมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายถูกบีบให้ลาออกจากราชการและกลับบ้านเกิด ใต้เท้ายังคงนอบน้อมและระมัดระวังเช่นนี้อีก...”
“ขอเพียงแต่ตราบใดที่ผิงอ๋องยังอยู่ ตระกูลเกาก็อาจจะกลับมาได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้เกาจ้านเป็นผู้ที่ลาออกจากราชการด้วยตนเอง ไม่ใช่ถูกถอดออกจากตำแหน่ง ส่วนผิงอ๋องแม้จะอยู่ไกลถึงตงเป่ย แต่ก็ยังคงเป็นท่านอ๋องอยู่”
“ตามที่ใต้เท้ากล่าว ตำแหน่งองค์รัชทายาทในยามนี้ยังคงว่างเว้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะเชิญผิงอ๋องไปได้ คราวนี้เซียงอ๋องกลับขอไปอันโจว...นี่มันมีเหตุผลอะไรกัน?”
“บางทีอาจจะเพื่อแย่งความดีความชอบมาเป็นของตน หรืออาจจะเพื่อเลี่ยงความระแวงกระมัง?”
“เฮอะ ต่อให้วิธีจัดการน้ำท่วมนี้จะยอดเยี่ยมจริงๆ ทว่าหากต้องการเห็นผลในทันทีนั้นไม่ง่าย ถ้าจะแย่งความดีความชอบนี้คงต้องใช้เวลานาน เกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย”
“อือ...เช่นนั้นก็คงเพื่อเลี่ยงความระแวงแล้ว”
“เลี่ยงความระแวงอะไรหรือ” ผู้ถามมีสีหน้าไม่เข้าใจ
คนผู้นั้นมองคนผู้นี้แวบหนึ่ง “เจ้าคงน่าจะรู้ว่าพวกผิงอ๋องถูกกำจัดได้อย่างไร?”
“ไม่ใช่ว่าซูกุ้ยเฟย มารดาของผิงอ๋องและราชครูจ้าวเฉวียนร่วมมือกันวางแผนมุ่งร้ายต่อราชบัลลังก์รึ ดังนั้นเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง มหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจึงเป็นฝ่ายลาออกจากตำแหน่ง ผิงอ๋องโกรธแค้นเพราะเรื่องนี้เลยไปหาเรื่องพระชายาเซียงอ๋อง เป็นเหตุให้ถูกเนรเทศไปตงเป่ย...”
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือ”
“ไม่เข้าใจ”
“ผู้ใดคือผู้ฟ้องร้องจ้าวเฉวียน”
“คือพระชายาเซียงอ๋องคนปัจจุบัน...ดังนั้นเลยต้องเลี่ยงความระแวง? เพราะเหตุใดกัน”
“อันนี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”
หา? พูดไปพูดมาก็ยังคงไม่ชัดเจน
“ตอนแรกที่พระชายาเซียงอ๋องกราบทูลฟ้องก็ปิดประตูกราบทูลกับฝ่าบาทด้วยตัวเอง ผู้ใดจะรู้ว่าแท้จริงแล้วนางกราบทูลอะไรกับฝ่าบาทกันแน่? พวกเราเห็นเพียงแค่ผลลัพธ์ บางทีในนั้นอาจจะมีความลับที่ไม่อาจบอกกับผู้ใดได้ก็ได้ ถึงทำให้เซียงอ๋องต้องขอไปอันโจวและอยู่ให้ไกลจากราชสำนัก...” คนผู้นี้ยิ่งพูดน้ำเสียงยิ่งเบาลงจนสุดท้ายก็ไม่เอ่ยเสียเลย จากนั้นโบกไม้โบกมือให้คนผู้นั้น “ไปล่ะ วันนี้ข้ายังมีนัดอีก”
เมื่อเอ่ยถึงคดีที่ราชครูจ้าวเฉวียนถูกประหารชีวิต มักจะทำให้ผู้คนเกิดความหนาวเย็นไปทั้งร่างกาย แท้จริงแล้วเป็นเพราะเรื่องใดกันแน่ราชครูจึงถูกตัดสินว่าเอ่ยวาจาเหลวไหลหลอกลวงเบื้องสูงและปั่นป่วนกฎระเบียบของราชสำนัก? ผู้ที่รู้เรื่องก็เก็บเงียบไม่เอ่ยวาจา ผู้ที่ไม่รู้เรื่องเลยเลี่ยงที่จะเกิดความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมาได้ยาก หากพูดตามความจริง ท้ายที่สุดแล้วคดีนี้ของราชครูก็เป็นปริศนา ทำให้ผู้คนสืบอย่างไรก็สืบได้ไม่ชัดเจน
ในเมื่อสืบได้ไม่ชัดเจนก็อย่าไปสืบเลย ตัวเองจะได้ไม่ตายโดยไม่รู้ว่าตายได้อย่างไรในวันใดวันหนึ่ง...
ผู้พูดเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้ถามก็ลูบคลำจมูกแล้วรีบเดินจากไปเช่นกัน ฉากเหตุการณ์เช่นนี้กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าด้านนอกประตูตำหนักเซวียนเจิ้งในวันนี้
อากาศยามเดือนหก ภายในสวนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกบัว
เทียบกับความวุ่นวายไม่หยุดหย่อนด้านนอกตำหนักเซวียนเจิ้งตอนประชุมเช้าแล้ว สองคนภายในศาลาดอกบัวกลับดูท่าทางสบายอกสบายใจ
ทว่าก็เพียงแค่ดูเหมือนเท่านั้น เมื่อเทียบกับเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักที่ไม่รู้สาเหตุนั้นแล้ว สองคนนี้ที่รู้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างดีกลับมีความไม่สงบและกระสับกระส่ายปรากฏขึ้นในแววตา ถึงขนาดเป็นความวิตกกังวลที่ปิดบังอย่างไรก็ไม่มิด
“ได้ยินข่าวที่ลือออกมาจากตำหนักเย็น ซูกุ้ยเฟยมักจะตะโกนว่าพระชายาเซียงอ๋องเป็นนางปีศาจ ทุกคนล้วนบอกว่านางวิปลาสไปแล้ว ท่านพ่อคิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ?”
ผู้อาวุโสกว่าแค่นเสียงเบาๆ จากนั้นมองบุตรสาวแวบหนึ่งแล้วจงใจเอ่ยว่า “บุตรสาวนายอำเภอเล็กๆ แห่งหลิงเฉิงเขตลั่วโจวผู้หนึ่งจะสามารถทำให้เกิดผลกระทบยิ่งใหญ่อะไรได้? ก็แค่ฮ่องเต้ทรงคิดจะใช้โอกาสนี้กำจัดตระกูลเกาพอดีเช่นกัน แค่โชคดีนิดๆ หน่อยๆ ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง”
เมื่อบุตรสาวได้ยินดังนั้นกลับส่ายศีรษะแล้วเอ่ยตามสถานการณ์ว่า “ลูกไม่คิดว่านั่นเป็นแค่โชคเจ้าค่ะ พระชายาเซียงอ๋องผู้นี้ฉลาดหลักแหลม กล่าวได้ว่าทำสิ่งใดรอบคอบทุกย่างก้าว ทั้งพยายามอย่างสุดกำลัง”
ผู้อาวุโสกว่ากระแอมไออีกสองสามครั้งแล้วยกชาบนโต๊ะหินขึ้นดื่ม “ต่อให้พยายามอย่างสุดกำลังเช่นไร ดวงชะตาหงส์โดยกำเนิดของนางก็จะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตไปตลอดกาล ผู้อื่นไม่รู้ทว่าพวกเรารู้อย่างชัดเจน ยามนี้ฮ่องเต้ทรงหวาดกลัวนาง จากนี้ไปความหวาดกลัวนี้มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นไม่มีทางน้อยลง นี่ไม่เป็นผลดีต่อเซียงอ๋องเป็นอย่างมาก”
“ต่อให้จะไม่ดีอย่างไร เมื่อกวาดตามองราชสำนักแล้ว ยามนี้นอกจากเขายังมีผู้ใดมีคุณสมบัติและความสามารถที่จะเป็นองค์รัชทายาทได้อีก?”
“นางคิดเช่นนี้ได้ ฮ่องเต้ก็ย่อมทรงคิดเช่นนี้ได้เช่นกัน ผู้คนในใต้หล้าล้วนย่อมคิดเช่นนี้ เจ้าว่าเซียงอ๋องจะไม่ขอไปหลบที่อันโจวได้อย่างไรเล่า?”
“แต่ว่าต่อให้หลบอย่างไรมันก็แค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ตำแหน่งรัชทายาทไม่อาจว่างเว้นไปได้ตลอด ยามนี้สถานการณ์ทั้งหมดชัดเจนแล้ว พวกเราก็ควรจะวางแผนได้แล้วเช่นกัน ท่านพ่อ”
ผู้อาวุโสกว่าเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าแน่ใจหรือว่าสถานการณ์ทั้งหมดชัดเจนแล้ว?”
“ลูกไม่อยากรออีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะ ลูกรอมานานมากพอแล้ว”
“เด็กโง่ พระชายาเซียงอ๋องเป็นผู้มีดวงชะตาหงส์โดยกำเนิดอันสูงส่ง ก่อนที่เซียงอ๋องจะได้เป็นรัชทายาท ตระกูลฉินไม่มีทางเสี่ยงที่จะสูญเสียนางไปง่ายๆ แน่...” ต่อให้จะทอดทิ้ง ก็ต้องรอให้ถึงวันที่นั่งตำแหน่งรัชทายาทหรือตำแหน่งฮ่องเต้ได้อย่างมั่นคง
“ลูกยอมเป็นชายารองเจ้าค่ะ”
“เจ้ายินยอมมีสถานะต่ำกว่านางไปตลอดรึ”
“...เจ้าค่ะ”
“เจ้าเชื่อคำนี้หรือ ข้าไม่เชื่อ”
“ท่านพ่อ...”
“ข้าไม่เชื่อ ตระกูลฉินและเซียงอ๋องก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน พระชายาเซียงอ๋องยิ่งไม่มีทางเชื่อ ดังนั้นเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถแต่งกับเซียงอ๋องได้ง่ายๆ หรือ?”
“เช่นนั้นท่านพ่อคิดอย่างไรเจ้าคะ?”
“ย่อมต้องคิดวางแผนเรื่องนี้อย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปและรอบคอบ เจ้าอย่าได้ลืม นั่นคือนางปีศาจ ซูกุ้ยเฟยไม่ได้วิปลาส เรื่องนี้เจ้าและข้าก็รู้...”
ที่เรียกว่าข่าวลือย่อมต้องมีมูล ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น เหตุที่นางปีศาจถูกเรียกว่านางปีศาจย่อมไม่อาจเป็นเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ...
อย่างไรก็ตามระวังไว้จะได้ไม่เกิดเรื่องผิดพลาด

***

เล่อเจิ้งเฉินเพิ่งจะออกมาจากห้องทรงพระอักษรก็เห็นหรูหลานนางกำนัลรับใช้ข้างกายเสด็จแม่อยู่ไม่ไกล คาดว่าเรื่องที่พูดคุยเกี่ยวกับการจัดการน้ำท่วมในท้องพระโรงก่อนหน้าคงลือไปเข้าหูมารดาแล้วเป็นแน่ ถึงได้ให้คนมาเชิญเขาไปสั่งสอนโดยเฉพาะ
จริงดังคาด เมื่อนางกำนัลผู้นั้นเห็นเขาก็รีบเดินเข้ามาหาเขา...
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ หมิ่นกุ้ยเฟยมีรับสั่งเชิญเพคะ”
เล่อเจิ้งเฉินมองนางแวบหนึ่ง ที่ผ่านมาเขาอาจจะหาข้ออ้างไม่ใส่ใจได้ ทว่าเรื่องเดินทางไปจัดการน้ำท่วมที่อันโจวได้กำหนดแล้ว ไปสักครั้งถือเป็นการบอกลาแล้วกัน เมื่อคิดดังนั้นเขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธ
ในขณะเดียวกันภายในตำหนักเล่อหวา หมิ่นกุ้ยเฟยคอยเล่อเจิ้งเฉินอยู่นานจนทนไม่ได้ แม้แต่นอนกลางวันก็ไม่อาจงีบอย่างสบายได้ สิ่งที่คิดต่างๆ นานาภายในใจล้วนเป็นเรื่องในท้องพระโรงวันนี้
ฉินซื่อเหลียนหัวหน้าราชเลขามหาเสนาบดีฝ่ายขวา ซึ่งก็คือพี่ชายแท้ๆ ของนาง วันนี้หลังจากเลิกประชุมจากท้องพระโรงก็เข้าตำหนักมาพบนางโดยเฉพาะ จุดประสงค์ก็คือเรื่องจัดการน้ำท่วมที่ทำให้เหล่าขุนนางเอะอะกันจนไม่อาจปลีกตัวได้
พูดขึ้นมาแล้วนี่ก็ไม่แปลกนัก เดิมทีในราชสำนักก็เอะอะอึกทึกกันอยู่แล้ว ทว่าการจัดการน้ำท่วมเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เพียงแต่สิ้นเปลืองทรัพยากรและกำลังคน หลายปีมานี้ใช้จ่ายเงินไปจำนวนมากก็ไม่เห็นผลอะไร เฉินเอ๋อร์เด็กโง่ผู้นั้นของนางกลับต้องการส่งตัวเองไปยังปลายมีดให้ได้ แล้วจะให้นางไม่กังวลได้อย่างไร?
“เสด็จแม่”
คำทักทายของเล่อเจิ้งเฉินทำให้หมิ่นกุ้ยเฟยที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเป็นเวลานานหมุนตัวกลับมา เมื่อเห็นบุตรชายนางก็รีบร้อนเดินเข้ามาแล้วจับมือเขาไว้แน่น “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดถึงขอไปจัดการน้ำท่วมที่อันโจวได้เล่า? ไม่ง่ายเลยกว่าเจ้าจะกลับจากลั่วโจวมาเมืองหลวงได้ นี่เพิ่งจะวันแรกที่เข้าร่วมประชุมงานในราชสำนักเจ้าก็ขอไปเป็นขุนนางท้องที่แล้ว สมองโง่เง่าของเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”
พวกผิงอ๋องและพวกนางขับเคี่ยวกันมาหลายปี คราวนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าพวกนางจะอาศัยคดีของราชครูจ้าวเฉวียนขับไล่ตระกูลเกาออกจากราชสำนัก ผิงอ๋องถูกเนรเทศไปตงเป่ย ซูกุ้ยเฟยมารดาของผิงอ๋องถูกส่งเข้าตำหนักเย็น มหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเกาจ้าน ตาของผิงอ๋องก็ขอกลับบ้านเกิด นี่ไม่ใช่เวลาที่บุตรชายจะแสดงความสามารถในราชสำนักหรอกหรือ? ทว่าเขากลับจะเดินทางไปใต้เพื่อทำงานจัดการน้ำท่วมที่ไร้ประโยชน์และเปลืองแรงโดยไม่ได้รับความดีความชอบนั่น
หากเป็นเรื่องจัดการน้ำท่วมซ่อมแซมคูน้ำง่ายๆ ก็แล้วไป แต่ดันเป็นงานที่สิ้นเปลืองทรัพยากรและกำลังคนทั้งเห็นผลได้ยาก เรื่องคว้าความดีความชอบนั้นไม่ต้องพูดถึง หากเกิดหายนะจากภัยพิบัติทางธรรมชาติจริงจนทำให้ฝ่าบาททรงพระพิโรธ ก็คงเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเอง
“เสด็จแม่อย่าทรงลืมเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องใด?”
“เป็นเพราะตระกูลเการ่วมมือกับราชครูจ้าวเฉวียนวางแผนมุ่งร้ายต่อบัลลังก์ถึงได้เกิดหายนะขึ้น และที่เริ่มขึ้นก็เป็นเพราะคำทำนายชะตาหงส์โดยกำเนิดประโยคนั้นของราชครู” หากไม่ใช่เพราะคำทำนายนี้ ผิงอ๋องย่อมไม่มีทางคิดหาวิธีต่างๆ นานาที่จะแต่งงานกับจูเหยียนอู่เป็นแน่ และก็คงไม่มีเรื่องสองอ๋องแย่งชิงหนึ่งสตรีเหล่านั้นตามมาแล้ว
“นี่ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว” น้ำเสียงของหมิ่นกุ้ยเฟยกดต่ำลงเล็กน้อยโดยธรรมชาติ “เพียงแต่เรื่องราวเหล่านี้ล้วนผ่านไปแล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้เสด็จพ่อของเจ้าเชื่อว่าผู้ที่วางแผนมุ่งร้ายต่อบัลลังก์คือผิงอ๋องไม่ใช่เจ้า และก็พระราชทานการสมรสให้จูเหยียนอู่เป็นพระชายาของเจ้า ทั้งเชื่อว่าพวกเจ้าสองคนรักกันด้วยใจจริง...”
“ทว่าพระชายาของลูกมีดวงชะตาหงส์โดยกำเนิดคือเรื่องจริง เรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” เล่อเจิ้งเฉินเอ่ยขัดหมิ่นกุ้ยเฟย “เสด็จแม่มักจะอยู่ข้างพระวรกายเสด็จพ่อ คงจะยิ่งเข้าใจมากกว่าลูกว่าอะไรที่เรียกว่าเคียงข้างฮ่องเต้ดุจเคียงข้างพยัคฆ์กระมัง? ยามนี้เพราะเสด็จพ่อทรงพระพิโรธผิงอ๋องที่มีใจมุ่งร้ายต่อบัลลังก์จึงเชื่อว่าลูกเป็นผู้ถูกใส่ความชั่วคราว ทว่าแล้วต่อไปเล่า? อย่างไรเสียลูกก็แต่งงานกับสตรีที่มีดวงชะตาหงส์โดยกำเนิด เสด็จพ่อจะไม่ทรงเห็นนางกับลูกเป็นดั่งหนามตำหลังได้หรือ? วันหลังหากลูกเอ่ยตามใจทำการตามสะดวก อาจต้องถูกเพิ่มข้อกล่าวหาว่ามีใจมุ่งร้ายต่อบัลลังก์ ลูกไม่ระวังได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้าเอ่ยได้ถูกต้องยิ่งนัก แต่ว่า...”
“ยิ่งไปกว่านั้นตอนแรกลูกเคยกราบทูลเสด็จพ่อว่า ยามที่ลูกพบพระชายาที่เขาอู๋หมีครั้งแรกก็ตื่นตะลึงกับวิธีจัดการน้ำท่วมของนางและเกิดความคิดที่จะคบหากันขึ้น ดังนั้นเหตุผลที่ตอนแรกเสด็จพ่อทรงเห็นด้วยอย่างยินดียิ่งกับการแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นเพราะความเฉลียวฉลาดและความดีของนาง แม้ภายหลังจะมีคดีของราชครูจนเกือบจะทำให้เสด็จพ่อสละนางทิ้ง แต่นางก็ยังคงกลายเป็นพระชายาของลูก เรื่องจัดการน้ำท่วมตัวลูกจึงย่อมปฏิเสธไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดไม่เป็นฝ่ายขออาสา ขจัดความร้อนอกร้อนใจของเสด็จพ่อเพื่อแสดงความกตัญญูและจงรักภักดีล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
หมิ่นกุ้ยเฟยมองเล่อเจิ้งเฉินแล้วถอนหายใจเบาๆ “เฉินเอ๋อร์ เรื่องที่เจ้าเอ่ยมาทั้งหมดล้วนมีเหตุผล ข้าไม่สามารถโต้แย้งได้ เพียงแต่ในราชสำนักเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วภายในชั่วพริบตา เสด็จพ่อของเจ้ารื้อถอนจวนผิงอ๋องและต้องการสร้างใหม่ ต่อให้ยามนี้ผิงอ๋องถูกเนรเทศกลับมาไม่ได้ชั่วคราว ทว่ายังมีองค์ชายเก้าในสนมหรูและองค์ชายสิบในสนมอินอีก...”
แม้จะบอกว่าแต่ไรมานางไม่เคยให้ความสำคัญกับสนมหรูและสนมอิน แต่ทว่าอย่างไรบุตรของพวกนางก็เป็นองค์ชายเช่นกัน แล้วพวกนางจะส่งมอบโอกาสอันดีที่กว่าจะได้มาไว้ในมือต่อให้ผู้อื่นด้วยความเต็มใจได้หรือ?
สีหน้าของเล่อเจิ้งเฉินนิ่งเฉย “เสด็จแม่ สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่ควรค่าแก่การกังวล ยามนี้เสด็จพ่อทรงหวาดระแวงต่อลูกเพราะคำทำนายชะตาหงส์โดยกำเนิด ลูกย่อมรักษาชีวิตไว้ก่อนเป็นธรรมดา หากแม้แต่ชีวิตยังไม่อาจรักษาไว้ได้ แล้วจะเอ่ยถึงตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นหากลูกไร้ผลงานไร้อำนาจ ต่อให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็ควบคุมบ้านเมืองนี้ไม่ไหว เช่นนั้นไม่เป็นดั่งหมอกควันที่ผ่านเข้าตาหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ความหมายของเจ้าคือ...”
“หากลูกมีผลงานมีคุณงามความดี ราชวงศ์ตงสวี้ทุกคนอยากจะลืมเลือนลูกคงยากพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ไม่ต้องทรงคิดให้มากแล้ว รอลูกกลับมาจากจัดการน้ำท่วมอย่างเงียบๆ ก็พอพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นนานมากเท่าใด? การจัดการน้ำท่วมนี้ใช้เวลาหลายปี...”
“อาจจะเร็วๆ นี้ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่” หากเขาไม่อาจหลีกหนีวิกฤตความเป็นความตายจากพายุฝนกระหน่ำในเดือนเจ็ดอันเป็นสาเหตุให้บาดเจ็บสาหัสและขาพิการพ้น เกรงว่าหนึ่งเดือนให้หลังคงจะถูกคนส่งกลับเมืองหลวง
“เร็วๆ นี้หรือ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร”
เล่อเจิ้งเฉินก้มหน้าก้มตาแล้วยิ้มฝืดเฝื่อน “เสด็จแม่ เรื่องราวมากมายที่คนลิขิตมิอาจสู้ฟ้าลิขิต...”




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จูเหยียนอู่ที่มีความทรงจำในชาติก่อนสาบานว่าจะต้องช่วยเซียงอ๋องสามีของนางให้พ้นจากภัยพิบัติและแก้ไขความลำบาก รวมถึงอุปสรรคทั้งปวงให้ได้ เรื่องเร่งด่วนอันดับแรกก็คือ ลงใต้ไปกับเขาเพื่อช่วยชีวิตประชาชนจากอุทกภัยที่กำลังจะมาเยือน อันดับที่สองก็คือ ป้องกันเขาพลาดจากบัลลังก์ เพราะได้รับบาดเจ็บจนขาพิการจากอุทกภัยครั้งนี้เหมือนอย่างในชาติก่อน

แต่นางที่ทุ่มเทแรงใจแรงกายอย่างสุดความสามารถกลับตกลงไปในน้ำ เขาซึ่งมาช่วยชีวิตนางจึงศีรษะกระแทกและสูญเสียความทรงจำไป คราวนี้ดีล่ะ บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ที่ทั้งรักทั้งหลงเขาเลยฉวยโอกาสมาทำตัวติดหนึบกับเขา ส่วนสมองของเขาก็เสียหายไปไม่น้อยจริงๆ ถึงได้ลืมเลือนอดีตอันหวานชื่นกับนาง แถมยังกล้าบอกว่าจะรับชายารองอีก!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”