New Release แปล : SUZUMIYA HARUHI เล่ม 12 ตอน เซนส์สังหรณ์ของสึซึมิยะ ฮารุฮิ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release แปล : SUZUMIYA HARUHI เล่ม 12 ตอน เซนส์สังหรณ์ของสึซึมิยะ ฮารุฮิ

โพสต์ โดย Gals »

นัมเบอร์สปริศนา

“เจ็ดแสนเจ็ดหมื่นห้าพันสองร้อยสี่สิบเก้า”
คำพูดนั้นพ่นออกมาพร้อมกับลมหายใจขาวๆ ก่อนจะทะลุเข้าหูผมแล้วถูกลมหนาวพัดหายไปบนท้องฟ้าในทันที
แม้ว่าท้องฟ้าอันแจ่มใสจะแผ่สีฟ้าไพศาลแสบลูกตา แต่ไม่ว่าจะยังไงความหนาวก็ยังหนาวอยู่วันยังค่ำ นั่นเพราะวันนี้เพิ่งเป็นวันที่สามหลังจากเข้าปีใหม่มา กว่าซีกโลกเหนือจะเริ่มเข้าสู่การวอร์มอัปเพื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิยังต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
ถึงจะเงียบเดินสักพัก แต่ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังรอการตอบสนองของผมจึงได้เค้นจิตใจเอื้ออาทรที่มีอยู่น้อยนิดออกมา
“มันเป็นตัวเลขอะไรกันหา โคอิซึมิ หรือจะเป็นจำนวนโมจิที่นายกินมาทั้งชีวิต”
“ใช่ที่ไหนล่ะครับ”
ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าหนุ่มเอสเปอร์ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ไม่ใช่ตัวเลขที่มีความหมายเป็นพิเศษหรอกครับ ก็แค่เป็นตัวเลขที่เพิ่งนึกขึ้นได้เดี๋ยวนี้อย่างไม่มีเหตุผล—ไม่สิ ก็แค่ตัวเลขที่นึกขึ้นได้ ไม่ใช่แค่คุณครับ จะบอกว่าเป็นแถวตัวเลขที่ไร้ความหมายต่อมวลมนุษยชาติทุกคนยกเว้นผมก็ว่าได้”
เล่นบ่นตัวเลขแบบนั้นเข้าหูฉันมันก็เป็นการพูดที่เป็นเรื่องเป็นราวเกินกว่าจะเป็นคำบ่นลอยๆ แล้ว คำพูดลอยๆ ที่อยากบ่นให้ใครสักคนฟัง มันก็เหมือนเมลส่งตรงจากแหล่งที่ไม่มีที่มานั่นแหละ ในเชิงความหมายที่ว่าสร้างความรบกวนให้กับผู้รับด้วยนะ
“เรื่องนั้นต้องขออภัย”
ถ้าคิดอย่างนั้นจริงก็อยากให้สำนึกด้วยคำตอบไม่ใช่สำนึกด้วยท่าที ไอ้ 770,000 นี่มันตัวเลขอะไรกัน ต่อให้เป็นสิงหาคมเมื่อปีที่แล้วก็ยังไม่ได้ยินตัวเลขที่มีจำนวนหลักมากมหาศาลขนาดนั้นเลยนะ
“ถ้าบอกว่ามันเป็นจำนวนเงินแต๊ะเอียทั้งหมดที่ได้รับจากญาติสองสามวันมานี้ล่ะ จะว่ายังไงครับ”
ไม่ว่ายังไงทั้งนั้นล่ะ ก็จะให้นายรับตำแหน่งเป็นกระเป๋าตังค์ประจำกองกำลัง SOS ไปเลย เริ่มประเดิมภารกิจแรกด้วยการมาที่นัดรวมพลให้สายกว่าฉันซะ
“นั่นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากนะครับ เรื่องเลี้ยงทุกคนไม่ใช่ปัญหา แต่การมาให้สายกว่าคุณมีความเป็นไปได้ใกล้เคียงกับคำว่าเป็นไปไม่ได้เลย”
ทำไมกันหา ถ้าเตี๊ยมกันไว้ก่อน ฉันก็มีแผนว่าจะมาถึงก่อนนายสักสิบวินาทีนะ
โคอิซึมิยักไหล่ที่ท่าทางไม่ได้หนาวอะไรซึ่งห่อหุ้มด้วยเสื้อแจ็กเกตหนาๆ
“เปล่าหรอก ความจริงผมตั้งใจจะมาถึงเป็นคนสุดท้ายหลายครั้งแล้วก็เลยจงใจไปถึงช้า แต่คุณกลับเป็นคนมาสายทุกครั้งไป ไม่ว่าจะปรับเวลายังไงก็จะเป็นอย่างนั้นเสมอ บอกได้อย่างเดียวว่าเพราะจิตใต้สำนึกของคุณสึซึมิยะปรารถนาเช่นนั้น”
“ช่างเป็นจิตใต้สำนึกที่เดือดร้อนกระเป๋าตังค์คนอื่นจริงๆ”
คราวนี้ผมเป็นฝ่ายพ่นหมอกขาวๆ ออกมาจากปากบ้าง
“อย่างน้อยที่สุดถ้าวันนี้โยนเงินลงกล่องรับเงินทำบุญเท่าจำนวนเงินที่ใช้เลี้ยงน้ำในร้านกาแฟ ก็มีความรู้สึกว่าคงทำให้จิตใจผ่องใสขึ้นมาบ้าง”
ภายใต้ความหนาวที่ราวกับจะแช่แข็งกัน ปลายทางที่ผมแหงนหน้าขึ้นไปมีโทริอิทำจากหินที่ท่าทางแข็งทนทาน เลยไปอีกมีประตูมหึมาที่ทาด้วยสีแดงเข้มเปิดอ้าอย่างน่าเกรงขามอยู่
เวลาเลยเที่ยงของวันที่ 3 มกราคม ขณะนี้พวกเราอยู่กันตรงหน้าประตูศาลเจ้าในเมือง
ในช่วงออกค่ายที่ภูเขาหิมะฮารุฮิได้ประกาศปรากฏการณ์หนึ่งเอาไว้ และตอนนี้มันก็กำลังเกิดขึ้นดั่งสมพรปาก แต่มันไม่ใช่จิตใต้สำนึกที่คลุมเครือสั่งมา หากแต่เป็นความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน—
พวกเรามาไหว้พระปีใหม่
แน่นอน คำว่าพวกเรานั้นหมายถึงสมาชิกกองกำลัง SOS ห้าคน ไม่ใช่สถานการณ์น่าขนลุกอย่างการมาออกเดทตามประสาชายหนุ่มกับโคอิซึมิสองต่อสองเด็ดขาด ก็ไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกใกล้ชิดกับกลุ่มสาวๆ สามคนได้ยากอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างที่ท่านผู้นำกับสองสาวเดินนำผมกับโคอิซึมิอย่างเว้นระยะห่าง ยัยคนที่เป็นต้นตอที่สะดุดตาสุดๆ ก็เหลียวกลับมาพูดว่าอย่างนี้
“เอาล่ะ เริ่มจากศาลเจ้านี้แหละ เพราะวันนี้พวกเราจะตะลุยไปศาลเจ้ากับวัดทั่วเมืองให้หมดไม่เหลือเลย จะขึ้นเกียร์ล่ะนะ”
อย่างน้อยที่สุดในร่างกายของผมก็ไม่มีคลัตช์ไม่มีกระปุกเกียร์เป็นอวัยวะภายใน แต่ตรงกระเพาะของยัยนี่คงมีสินะ ไม่สิ น่าจะเป็นเครื่องชาร์จติดเทอร์โบรึ
“เพราะมาในวันปีใหม่ไม่ได้ พระเจ้าของศาลเจ้านี้ก็คงรอพวกเรามาไหว้จะแย่แล้วไม่ผิดแน่ เพราะงั้นต้องอธิษฐานอย่างแรงกล้าเพื่อชดเชยที่มาสายนะ”
ฮารุฮิอยู่ในชุดกิโมโนที่เหมาะสมจะไปอยู่ชั้นบนสุดของหิ้งตุ๊กตาฮินะ มีนางาโตะกับคุณอาซาฮินะในชุดญี่ปุ่นงามสง่าเหมือนกันขนาบข้างพลางชี้ขึ้นฟ้าและ
“แผนของปีอยู่ที่วันที่สามนับจากปีใหม่”
แต่งสุภาษิตขึ้นใหม่ตามใจชอบ ที่จริงมันต้องเป็นแผนของปีอยู่ที่วันขึ้นปีใหม่
“เพราะงั้นมาอธิษฐานขอพรปีใหม่ให้เสร็จๆ ภายในวันนี้กันเถอะ”
ตามด้วยพูดเรื่องที่สมควรถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ด้วยใบหน้ายิ้มแผ่ไอร้อนที่ทำเอาสับสนไปว่าเป็นอวตารของคลื่นความร้อนจากความกดอากาศสูง

ตอนผมไปจุดนัดรวมพลหน้าสถานีเดิมอย่างเช่นทุกที สมาชิกหน้าเดิมก็รอกันหน้าสลอนอยู่แล้วเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา อยากให้มาเป็นคนที่ต้องโดนความรู้สึกผิดปริศนาโจมตีทุกครั้งอย่างไม่เกี่ยงว่าไปตรงตามเวลาหรือไม่บ้างนะ แต่ข้ามโคอิซึมิไป วันนี้รู้สึกสุขใจจริงๆ ที่ได้เห็นสมาชิกสามสาวทริโอในชุดที่งดงามตระการตา
อนึ่งฮารุฮิ นางาโตะ คุณอาซาฮินะได้ไปรวมตัวที่คฤหาสน์ซึรุยะก่อนมาที่นี่ เพราะคิดเวลาเผื่อไว้ เวลารวมพลวันนี้เลยเลื่อนไปสายเล็กน้อย คนคิดกำหนดการแบบนั้นไว้เมื่อวานคือฮารุฮิ ส่วนผู้ให้ความอุปถัมภ์คือคุณซึรุยะ แต่ไม่ต้องบอกก็คงรู้กัน คนคิดแผนไม่ได้คำนึงถึงความสะดวกใดๆ ของสมาชิกเลย และเป็นเรื่องน่าแปลกที่ผมก็ไม่มีคำค้านเหมือนกัน
ส่วนเรื่องว่าทำไมถึงมีเพียงสามสาวสามมุมที่แวะบ้านคุณซึรุยะ ไว้ดูเองเร็วกว่า
“เป็นไง ชุดนี้ สวยไปเลยใช่ม้า”
ฮารุฮิยืดอกอย่างภูมิใจแบบเปล่าประโยชน์ ดูอารมณ์สดใสยิ่งกว่าสีสันของเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่และโปรยรอยยิ้มทุกองศา
“ยูกิกับมิคุรุจังก็เหมือนกัน”
พลางโอบไหล่ของทั้งสองคนที่ขนาบข้าง จริงอย่างที่ฮารุฮิพูด ยอดเยี่ยมกระเทียมดองอย่าบอกใคร
ทั้งสามคนสวมชุดซึ่งมอบความจรรโลงใจอย่างที่สุด ต่อให้ไม่อวยมากเป็นพิเศษก็เป็นเป้าสายตาของคนรอบข้าง ราวกับดาวไถที่ส่องประกายในท้องฟ้ายามค่ำคืนของฤดูหนาว โดยเฉพาะคุณอาซาฮินะ ถ้าจะมีบริษัททำกิโมโนที่ไหนสักแห่งหวังเพิ่มยอดขายถล่มทลายด้วยการเอารูปคุณอาซาฮินะขึ้นแผ่นพับแนะนำแก่ลูกค้าร่ำรวยว่า “ขอให้ลูกสาวคุณได้ใส่ในงานพิธีจบการศึกษา” ก็ไม่แปลกอะไร เป็นเนื้อผ้าชั้นเลิศอย่างแน่นอน แต่คนใส่เองก็เลิศไม่แพ้กัน ตรงที่ไม่ได้เสียงดังแบบฮารุฮิและไม่ได้เงียบกริบอย่างนางาโตะก็สมแล้วที่เป็นคุณอาซาฮินะ แต่มันสมแล้วตรงไหนผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ใส่ขึ้นมากเลยครับ”
โคอิซึมิที่อยู่ในชุดไปรเวทเหมือนกับผมชมเชยราวกับป้อยอก่อนจะเลื่อนสายตามาหาผม แล้วแย้มรอยยิ้มแบบเคืองๆ แต่ดูเหมือนฮารุฮิจะไม่สังเกตสีหน้าไร้สาระนั่น ถ้าผมตีความหนังหน้านั้นออกก็คงน่าขนลุกน่าดู ถ้าเป็นของคุณอาซาฮินะก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันการปั้นหน้าของตัวผู้
แต่พอโคอิซึมิส่งยิ้มอย่างมีเลศนัย ผมก็หันไปทางฮารุฮิทันที
“คุณซึรุยะเลือกให้เหรอครับ”
รู้สึกทึ่งที่ถึงขนาดจับพวกฮารุฮิแต่งชุดกิโมโนแขนยาวได้พอดีตัวขนาดนี้ แต่ก็มีความรู้สึกว่าถ้าเป็นขานั้นก็ไม่ใช่เรื่องพิสดารอะไร นั่นเพราะถ้าได้ขุดสวนดูอาจเจอเหรียญทองคำโบราณแทนน้ำบาดาลก็ได้ เพราะอาศัยอยู่บ้านรวยๆ แบบนั้นและมีบ้านพักตากอากาศที่มีลานสกีอยู่ใกล้ๆ เรื่องจริงพวกเราห้าคนก็เพิ่งกลับจากบ้านพักตากอากาศนั่นที่ได้รับเชิญไปฟรีๆ เมื่อวานด้วย มันช่างเป็นการออกค่ายที่มีเรื่องเหนื่อยใจใหญ่ ความทรงจำนั้นยังคงใหม่อยู่ แต่บนรถไฟขากลับฮารุฮิพูดเรื่องชุดที่จะใส่ไปไหว้พระปีใหม่นั่นโน่นนี่ พอคุณซึรุยะได้ยินเข้าก็บอกว่า
“ถ้าไม่รังเกียจว่าเป็นของฉันจะให้ยืมก็ได้นะ!” คุณเธอพูดอย่างชิลๆ เหมือนเสนอให้เช่าถุงอุ่นแบบใช้แล้วทิ้ง ยังพูดเสริมอีกว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร ยังไงก็รกตู้เสื้อผ้ารอวันแห้งกรอบ ถึงพ่อจะชอบให้ใส่แต่ฉันไม่ชอบชุดที่เคลื่อนไหวลำบากด้วย”
“ฉันเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน” ฮารุฮิเผยความในใจ “แต่การเก็บของที่ไม่ใช้เอาไว้ก็น่าเสียดายด้วย เพราะงั้นพวกเรามาใส่กันเถอะ ข้าวของจะได้ไม่กลายเป็นซึคุโมะงามิ และมาเป็นเทพลงทัณฑ์ด้วย!”
หลังประกาศอย่างชื่นมื่นก็ชูมือตบแปะกับคุณซึรุยะว่า “เย่” “วู้ปี้” ช่างเป็นการสื่อสารที่รู้ภาษากันแค่สองคนจริงๆ......คือแบบ จะเรียกว่าเพราะความกระตือรือร้นก็ไม่เชิง แบบว่ามันมีบรรยากาศที่มีแต่คนนิสัยร่าเริงเท่านั้นที่เข้าใจได้ นอกจากการสรุปว่าอย่างนี้ มันก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว
ส่วนคุณอาซาฮินะได้แต่ “เอ๊ะ” “อ้อ” กับ “ซึคุ......? เหรอ......?” อย่างตามสถานการณ์ของทั้งสองคนไม่ทัน และนางาโตะ
“......”
ไม่ละสายตาจากหนังสือนิยายเล่มเล็กหนาปึกสุดๆ ปล่อยให้ผมหน้าสั่นไหวไปตามแรงของรถไฟ ส่วนน้องสาวของผมกับชามิเซนที่อยู่ในกรงแมวต่างก็หลับท่าเดียว
ส่วนคุณซึรุยะทำตัวเหมือนผู้โดยสารเครื่องบินที่จะไปยุโรปเที่ยวเช้า เธอบอกว่าขึ้นบ้านได้ตามใจชอบ ไปใส่ได้ตามใจชอบเลย จะบอกรายละเอียดกับคนที่บ้านเอาไว้ ช่างเป็นคนที่ทำเรื่องยากได้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสบายๆ จริงๆ ฮารุฮิเองก็ทำตามเหมือนคนสะกดคำว่าเกรงใจไม่เป็น ส่วนค่าตอบแทนที่จะให้คุณซึรุยะ เจ้าตัวบอกว่า
“ขอแค่ภาพถ่ายทุกคนในชุดกิโมโนก็พอ เป็นอันใช้ได้แล้ว”
“เรื่องกล้วยๆ!”
ฮารุฮิยกนิ้วโป้งให้ ก็ไม่ได้เห็นอนาคตหรอก แล้วก็ไม่ได้เตี๊ยมกันด้วย แต่ผมกับโคอิซึมิยักไหล่พร้อมกันในแอ็กชันเดียวกัน—

พอผมรำลึกจบ โคอิซึมิก็
“จำได้ชัดเจนเลยล่ะครับ เพราะเป็นเรื่องเมื่อวานนี้เอง”
พูดน้ำเสียงมืดมนและเน้นเสียงแปลกๆ ตรงคำว่าเมื่อวาน
“แต่สำหรับคุณ สิ่งที่น่าจดจำเมื่อวานไม่ได้จบลงตรงนั้นใช่มั้ยครับ สำหรับผมมันแทบจะหมดทุกอย่าง และอีกคน สำหรับคุณสึซึมิยะเองก็ด้วย”
ฮารุฮิเดินนำอยู่ตรงหัวแถว ก้าวขายาวอย่างไม่สนใจว่าใส่กิโมโนรึเปล่า ส่วนพวกเราก็เดินตามเข้าไปในเขตศาลเจ้า ทั้งที่เข้าปีใหม่มาได้เป็นวันที่สามแล้วผู้คนก็ยังเนืองแน่น แต่โชคดีที่การเดินของฮารุฮิปราดเปรียวเป็นกระต่ายป่า นางาโตะก็เดินตามไปอย่างแคล่วคล่อง และคุณอาซาฮินะที่พยายามเดินตามจนเหมือนเห็นตัวเสียงว่าลนลาน ลนลาน ลงโดดเด่นและงดงามอย่างนี้ก็คงไม่คลาดสายตากันสินะ นานาร้านแผงลอยมากมายที่ตั้งเรียงรายบนเส้นทางสักการะก็ช่างยอดเยี่ยม และฝูงผู้มาสักการะก็เนืองแน่นจนอดสงสัยไม่ได้ว่าทะลักออกมาจากไหน ปริมาณความหนาแน่นของประชากรที่แทบไม่มีที่ให้แทรก บอกได้เลยว่าเป็นพื้นที่ซึ่งฮารุฮิที่ชื่นชอบเทศกาลโปรดปรานนัก ให้ความรู้สึกเบียดเสียดเป็นปลากระป๋อง ส่วนกลิ่นหอมของย่างท่าทางน่าอร่อยที่โชยมาก็เป็นของโปรดผมเหมือนกัน จะว่าไประยะนี้ก็ไม่ได้กินทาโกะยากิเลยแฮะ
ว่าแต่เป็นฮารุฮิหรือเป็นคนในบ้านซึรุยะกันนะ ดูเหมือนจะเข้าใจแก่นแท้ของการแต่งตัวเป็นอย่างดีจึงทำให้การแต่งโฉมเป็นไปอย่างราบรื่น มันจะหนาวใจมากถ้าต้องรอกับผู้ชายสองต่อสอง และหนาวกายที่ต้องรอท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บที่มีลมหนาวพัดลงมาจากภูเขาจนตัวสั่น แต่ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น นานๆ ทีการมาเป็นคนสุดท้ายเองก็ไม่เลวเหมือนกัน
จะด้วยเจตนา จะด้วยแรงกดดัน ผมก็แกล้งทำเป็นฟังหูซ้ายทะลุออกหูขวา จนโคอิซึมิหายใจออกมาเป็นควัน
“การออกค่ายฤดูหนาวของคุณกับคุณนางาโตะรวมถึงคุณอาซาฮินะยังไม่จบสินะครับ จะสนุกสนานกับการทำศึกต่อเวลากันแค่สามคนเหรอครับ? การบอกว่าอย่าอิจฉาเป็นเรื่องยากกว่านะครับ เพราะเห็นอย่างนี้ผมก็เป็นรองผู้นำของกองกำลัง SOS นะครับ”
อะฮ้า อย่างนี้นี่เอง ในที่สุดก็ถึงบางอ้อล่ะ เปล่า หมายถึงความหมายของรอยยิ้มบนใบหน้าที่จะว่าไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจก็ไม่เชิง
หลังกลับจากออกค่ายฤดูหนาวและแยกกันตรงสถานี ผมกับนางาโตะและคุณอาซาฮินะได้เดินทางไป ‘เมื่อวันที่ 18 เดือนธันวาคมของปีที่แล้วและได้กลับมาใน 62 วินาทีหลังจากออกเดินทาง’ มันออกจะเป็นภาษาญี่ปุ่นที่แปลกๆ หน่อย ถึงจะไปทำงานหนักมาแต่ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย กลับกัน รู้สึกโล่งเป็นปลิดทิ้งมากกว่า ถึงผมจะไม่ได้ถามแต่นางาโตะก็น่าจะรู้สึกอย่างนั้น ส่วนคุณอาซาฮินะก็สับสนตลอดตั้งแต่ต้นยันจบ สำหรับเธอ คงมองว่าการกระทำของผมกับนางาโตะมันแปลก แต่ถ้าคิดถึงภาพรวมทั้งหมดแล้วก็ไม่มีตัวอย่างไหนที่ชี้ให้เห็นว่าการกระทำของสึซึมิยะ ฮารุฮิและผองเพื่อนไม่แปลกเลย เอาเถอะ สรุปว่ามันไม่เป็นปัญหาอะไรก็แล้วกัน......
ดูเหมือนว่าหมอนี่จะน้อยใจที่ไม่ได้ถูกเรียกไปร่วมวิกฤตการณ์ข้ามเวลาทั้งหมด
“มีความรู้สึกว่าผมกับคุณสึซึมิยะถูกกันออกจากพวก”
นี่นาย ก็มันชวนฮารุฮิไม่ได้อยู่แล้วนี่ เห็นชัดๆ เลยว่าจะเกิดปัญหาที่ร้ายแรงกว่าความขัดแย้งของกาลเวลา
“ไม่ใช่ว่าแค่ผมคนเดียวก็ไม่เป็นปัญหาหรอกเหรอครับ?”
ถึงบอกอย่างนั้นมาฉันก็ไม่รู้หรอก เพราะในความเป็นจริงนายก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นเวลานั้น ถ้ามีอะไรจะบ่นก็บ่นกับฉันที่ข้ามเวลารอบสองซะ ฉันในตอนนั้นถ้าได้เห็นได้ยินตัวตนของนายก็คงบังคับเข้าร่วมไปแล้ว
โคอิซึมิเผยรอยยิ้มบางๆ ดูแล้วจะว่าไม่เหมือนตำหนิก็คงไม่ได้ ทำให้ผมต้องพูดออกไปว่า
“นายก็มีงานที่ต้องทำในมิติปิดอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ รับบทบาทเด็กหนุ่มข้ามเวลาควบด้วยเดี๋ยวร่างกายก็รับไม่ไหวหรอก รักสุขภาพตัวเองหน่อยเถอะ”
“ถ้ามีครั้งหน้าอีกก็ขอความกรุณาด้วยครับ หากคุณช่วยเก็บไว้ในซอกมุมของความทรงจำละก็—”
ฉันไม่อยากให้มีโอกาสแบบนั้นสักระยะนะ แล้วถ้าเป็นเรื่องขอ ก็ไม่ใช่ขอกับฉันแต่ขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้านี้ซะ ถ้าโยนเหรียญให้เต็มกล่องรับเงินทำบุญ อาจได้รางวัลปลอบใจมาก็ได้ เพียงแต่สำหรับ ‘องค์กร’ พระเจ้าคงไม่ใช่ทวยเทพในศาลเจ้า หากแต่เป็นฮารุฮิอะนะ
และฮารุฮินั้นก็จับกลุ่มเดินเรียงแถวหน้ากระดานกับนางาโตะและคุณอาซาฮินะนำผมกับโคอิซึมิไปพร้อมกับเสียงรองเท้า แน่นอนว่าทั้งสามคนที่สวมชุดกิโมโน ทั้งสวมรองเท้าแตะหูหนีบ ถุงเท้าสำหรับใส่กับรองเท้านั้น สายรัดเอวของชุดกิโมโน ปิ่นประดับผม ของเหล่านี้ล้วนได้รับการอุปถัมภ์จากบ้านซึรุยะทั้งสิ้น ทั้งหมดนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ผมซึ่งมีความรู้เรื่องเงินๆ ทองๆ น้อยย่อมคำนวณไม่ออก แต่ถ้าเอาไปโรงรับจำนำจะต้องได้เงินไม่น้อยแน่ ขณะคิดไม่ซื่อผมก็เดินตามหลังฮารุฮิไปจนถึงจุดชำระล้าง
แม้ไม่ค่อยจุกจิกแต่ฮารุฮิก็ไม่พลาดที่จะไม่ใส่ใจสิ่งเล็กๆ น้อยๆ พวกเราต่างเอากระบวยตักน้ำมาชำระล้างมือ บ้วนปากภายใต้การนำนั้น
“เอานี่ทำอย่างนี้—หวา เย็น”
คุณอาซาฮินะกะพริบตาปริบๆ พลางทำตามฮารุฮิ หากเปรียบเธอเป็นสาวที่เข้าพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะเร็วกว่าปกติ
“......”
นางาโตะที่จ้องมองกระบวยนิ่งๆ ก็เป็นผีบนเรือผีสิงที่เข้าพิธีฉลองสำหรับเด็ก
แต่พอคิดว่าจะได้ไปโยนเหรียญไหว้พระสักที ตรงที่กราบไหว้หน้าวิหารใหญ่ก็มีคนแอดอัดไปหมด ความกังวลแวบขึ้นมาว่าฮารุฮิที่ใจร้อนจะฝ่าช่องว่างเล็กๆ เข้าไปอย่างรวดเร็ว เป็นทหารทะลวงที่พุ่งใส่ช่องว่างของกองทหารข้าศึกที่จัดรูปขบวนศึก แต่ท่านผู้นำของเราก็ไม่ได้กระทำการไร้มารยาทต่อหน้าเทพ
“มันแน่อยู่แล้วนี่ ถึงเป็นฉันก็เลือกกาลเทศะและคนนะ ถ้ามีแข่งไหว้พระเร็วคือผู้ชนะก็ เอาเถอะ อาจทำก็ได้”
ฮารุฮิทำปากงอนเป็นเป็ดก่อนดึงคุณอาซาฮินะเข้ามาชิด
“ที่สำคัญกว่า มิคุรุจัง ต่อไปเอาชุดนั้นเป็นไง”
เธอยิ้มและชี้ไปทางที่มีสาวคนทรงพาร์ตไทม์ขายป้ายอธิษฐานและเซียมซีอยู่ตรงประชาสัมพันธ์บริเวณที่ทำการของศาลเจ้าอย่างขยันขันแข็ง ชุดขาว ฮากามะแดงที่เป็นสีตัดกัน
“สาวคนทรงไงล่ะ สาวคนทรง นั่นสินะ ถ้ายังไงก็อยากให้แต่งชุดสาวคนทรงเต็มยศไปเลย เดี๋ยวตอนเสี่ยงเซียมซีต้องถามให้รู้ว่ามีชุดสาวคนทรงขายรึเปล่า”
ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องไม่ดีและคิดว่าคงไม่มีขายด้วย แต่เอาเถอะ ผมเองก็อยากเห็นคุณอาซาฮินะในชุดสาวคนทรงด้วย มันเป็นหนึ่งในชุดคอสเพลย์ที่ฮารุฮิบังคับคุณอาซาฮินะแต่งซึ่งบอกได้เลยว่าดีงาม
คุณอาซาฮินะเองก็ดูท่าจะไม่ได้รังเกียจ
“โน่นคือคุณสาวคนทรงตัวจริงเหรอ ข้ารับใช้เทพเจ้าสินะ”
แถมทำตาเปล่งประกาย อาจไม่หลงเหลืออยู่ในยุคของคุณอาซาฮินะแล้วก็ได้
หลังจากนั้นสักพักพวกเราก็อยู่ในวงล้อมของฝูงชนแออัด ต้องเคลื่อนทัพไปอย่างช้าๆ ตามกระแสคน ไม่อาจเกาะกลุ่มห้าคนกันได้ แต่ถึงถูกฝูงชนกลืนไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าห่วง
เพราะการกระตือรือร้นในสถานที่คึกคักคือสัญชาตญาณของผู้นำคนนี้ ต่อให้ตกอยู่ในความเบียดเสียด คุณเธอก็ยังเด่นเป็นสง่าเหมือนตุ่นที่โผล่มาในทุ่งหิมะอยู่ดี หนำซ้ำยังมีคุณอาซาฮินะเกาะติดเป็นสองศรีพี่น้องเลยหาเจอง่ายเข้าไปใหญ่




++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่ว่าจะเรื่องไปไหว้พระปีใหม่ให้หมดทุกวัด คิดเรื่องเจ็ดเรื่องลี้ลับของโรงเรียนเขตเหนือที่ยังไม่มี ความคิดแผลงๆ ที่นึกขึ้นมาได้ฉับพลันของสึซึมิยะ ฮารุฮิ ถึงขึ้นปี 2 แล้วก็ยังคงอยู่ ส่วนผมที่เติบใหญ่เหมือนนินจาข้ามต้นกล้าของต้นป่านทุกวัน ก็อย่าคิดว่าจะมาปั่นหัวกันง่ายๆ น่า แต่อยู่ดีๆ คุณซึรุยะก็ส่งเมลมากะทันหันอย่างไม่แยแสผม มีตั้งแต่ความทรงจำที่ไปร่วมวงการไฮโซ พวกเราต้องไขปริศนายังไงดี ซีรี่ส์ยอดฮิตถล่มทลายไม่เป็นสองรองใคร เล่ม 12!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”