New Release แปล : Coffee & Vanilla หนุ่มกาแฟกับสาววานิลลา ฉบับ ♥ ผู้ใหญ่หวานสุดขีด

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release แปล : Coffee & Vanilla หนุ่มกาแฟกับสาววานิลลา ฉบับ ♥ ผู้ใหญ่หวานสุดขีด

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

พอลืมตาตื่น ผืนฟ้าพร่างดาวก็ปรากฏให้เห็นอยู่นอกหน้าต่าง ดวงดาวที่กะพริบแข่งกันนั้นดูราวกับอัญมณีฝังกระจัดกระจายบนฟ้าสีดำสนิท
ดูเหมือนจะหลับไปโดยลืมปิดม่านที่หน้าต่าง
คำกล่าวของแม่ที่บ้านผุดวาบขึ้นในสมองอันพร่ามัวเหมือนยังอยู่ในฝันของริสะ
“เมืองใหญ่มันอันตราย ต้องล็อกกุญแจให้ดีๆ นะ ตอนกลางคืนก็ต้องปิดม่านให้สนิท จะได้ไม่มีใครแอบดู”
ตอนที่ออกมาอยู่คนเดียวเพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยไกลบ้านเกิด แม่ย้ำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
...โดนแม่ดุแหงเลย...
มุมปากริสะผุดยิ้มละมุน
...โตเกียวก็มีดาวเต็มฟ้าสวยๆ แบบนี้เหมือนกันสินะ แถวอะพาร์ตเมนต์นี่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยๆ...
“หืม? ไม่ใช่สิ?”
ริสะเอียงคอน้อยๆ
...ที่นี่...ไม่ใช่...ห้องของฉัน...แต่เป็นห้องสวีตในโรงแรมหรู...?
“เอ๋!?”
ริสะรีบขยับตัวลุกขึ้น แต่น้ำหนักที่กดทับแถวๆ เนินอกซึ่งปกคลุมด้วยผ้าห่มทำให้ลุกไม่สำเร็จ
...หรือว่า...
เธอเลื่อนสายตามองเฉียงลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ...ก่อนจะพบใบหน้าด้านข้างอันหล่อเหลาของฟุคามิที่กำลังนอนกอดริสะอยู่ตรงนั้น
...จริงด้วย...
เหตุการณ์เมื่อวานนี้ย้อนกลับมาในหัวริสะรวดเดียว
เมื่อวาน...
จุดเริ่มต้นคือตอนที่เพื่อนร่วมรุ่นชื่อโยชิกิมาส่งริสะถึงอะพาร์ตเมนต์ขากลับจากมหาวิทยาลัย
พอใกล้ถึงอะพาร์ตเมนต์ จู่ๆ ริสะก็โดนโยชิกิสารภาพรัก
ว่า “ฉันสนใจเธอมาตลอด” ...
ริสะไม่ได้คิดอะไรกับโยชิกิมากไปกว่าเพื่อนร่วมรุ่นธรรมดา คำสารภาพของเขาจึงทำให้เธอตกใจและสับสน...
ทว่าจังหวะช่างไม่ดีเอาซะเลย ฟุคามิที่กลับจากดูงานดันปรากฏตัวที่นั่นและเห็นเหตุการณ์เข้าอย่างจัง
...ทั้งที่คุณฟุคามิบอกว่า “เป็นเด็กดีรอฉันล่ะ” แท้ๆ... ถ้าเขาโกรธจะทำยังไงดี... ฉัน...ไม่อยากให้คนที่ชอบไปอยู่กับคนอื่นตอนที่ตัวเองไม่อยู่...แล้วโดนสารภาพรักหรอกนะ...
ริสะกลุ้มใจ กลัวโดนฟุคามิเข้าใจผิด
ฝ่ายฟุคามิที่อยากทำให้ริสะยิ้มออกก็เซอร์ไพรส์ด้วยการพามายังห้องสวีตชั้นบนสุดของโรงแรมหรูแห่งนี้
...คุณฟุคามิชอบทำให้ตกใจอยู่เรื่อยเลย แต่เขาก็ช่วยให้ฉันยิ้มได้...
ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ นอกจากครอบครัวแล้ว ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนให้ความสำคัญกับริสะมากขนาดนี้มาก่อน
“คุณฟุคามิ...”
ริสะกระซิบชื่อนั้นอย่างแสนรัก แต่ฟุคามิไม่มีทีท่าจะตื่น ทั้งที่ปกติแล้วเขามักเป็นฝ่ายปลุกริสะที่ผล็อยหลับไปก่อนซะมากกว่า...
ริสะไม่ได้เห็นใบหน้ายามหลับของฟุคามิมาตั้งแต่เช้าวันรุ่งขึ้นถัดจากวันแรกที่พบกัน
วันนั้นฟุคามิชวนกินข้าวทั้งที่เพิ่งพบหน้า ริสะเผลอดื่มไวน์หนักไปจนหลับปุ๋ย และลงเอยด้วยการนอนค้างที่แมนชันของฟุคามิโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตอนนั้นริสะไม่นึกเลยว่าความสัมพันธ์ของตนกับฟุคามิจะกลายมาเป็นแบบนี้
การเห็นฟุคามินอนอยู่ข้างๆ ทำให้ริสะสงสัยว่าตนยังอยู่ในความฝันรึเปล่า
...แถมเปลือยอีกต่างหาก...
ร่างกายของริสะพลันรู้สึกวาบหวาม
เมื่อคืนนี้ฟุคามิก็มอบความรักแด่ร่างกายของริสะเต็มที่ราวกับจะกลืนกิน จนกระทั่งริสะสติหลุดลอยผล็อยหลับไปอย่างหมดเรี่ยวแรง
ริสะอยากพิสูจน์ให้แน่ใจว่าฟุคามิอยู่ตรงนั้นจริงๆ เธอยื่นมือออกไปแหวกผมที่หน้าผากของเขาอย่างหวาดๆ ถึงอย่างนั้นฟุคามิก็ไม่มีทีท่าจะตื่น
...สงสัยจะเหนื่อยจากงาน
ไม่แปลกเลย
ประธานบริษัทใหญ่อย่างฟุคามิวุ่นอยู่กับการบินไปทำงานทั่วโลก แต่เขาก็ยอมใช้เวลาว่างที่มีน้อยนิดมาหาริสะ
ถึงจะดูเผินๆ เหมือนเย็นชา แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนใจกว้าง ใส่ใจ มีความละเอียดอ่อน...ความรู้สึกรักเอ่อล้นจากส่วนลึกในอกจนน้ำตาแทบทะลัก
...ฉันชอบเสียงทุ้มต่ำที่นุ่มเหมือนกำมะหยี่ของเขา
แค่ฟุคามิกระซิบริมหูก็ทำให้ใจเต้นแรง ร่างกายร้อนผ่าว
...ชอบนิ้วเรียวยาวนี่ด้วย
ริสะสัมผัสมือของเขาแผ่วเบา นี่คือนิ้วมือที่ช่วยให้ริสะค้นพบความสุขสมลับๆ ที่แม้แต่ตนเองยังไม่เคยรู้จักมาก่อน...
ริสะคิดว่าฟุคามิเหมือนนักเปียโน เขารู้ดีว่าต้องสัมผัสอย่างไรจึงจะทำให้ริสะบรรเลงเสียงออกมาได้ตามต้องการ
...คืนนี้คุณฟุคามิก็ใช้นิ้วมือนี่...
แค่นึกถึงตอนที่โดนสัมผัส ริสะก็แก้มแดงซ่าน ส่วนลึกเบื้องล่างเริ่มชื้นฉ่ำ
“ฉันรัก...คุณฟุคามิ...”
ปากหลุดเอ่ยความในใจโดยไม่รู้ตัว
“ฉันก็รักเธอ”
“เอ๊ะ?”
ฟุคามิดึงผ้าห่มที่ปกคลุมร่างริสะออกในพริบตาโดยไม่สนใจเจ้าตัวที่กำลังอ้าปากหวอ
ร่างเปลือยขาวผ่องไร้สิ่งบดบังของริสะถูกคร่อมอยู่ใต้ร่างของฟุคามิ เพลิงแห่งความปรารถนาวูบไหวในดวงตาของเขาที่จ้องมองเธอ
“ตะ ตื่นแล้วเหรอคะ?”
ริสะหลบสายตาเร่าร้อนของฟุคามิ หนีบต้นขาแน่นเพราะไม่อยากโดนจับได้ว่าใจกลางร่างกายกำลังร้อนผ่าว
“ตั้งแต่เมื่อไร...?”
“อืม...ตั้งแต่เมื่อไรนะ? ตอนที่ริสะนึกถึงเรื่องที่ได้รับความรักจากฉันจนหน้าแดงละมั้ง”
...ระ หรือว่า...ดูฉันอยู่ตลอดแต่แกล้งทำเป็นหลับงั้นเหรอ?
ริสะอายจนหน้าแดงก่ำเหมือนมะเขือเทศสุกปลั่ง
“ริสะน่ารักจริงๆ อยากกินให้หมดทั้งตัวเลย”
ฟุคามิกลืนกินริมฝีปากของริสะอย่างหิวกระหายราวกับสัตว์ร้าย ทั้งที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ริสะยังไม่เคยแม้แต่จูบเลยแท้ๆ...
“อืม...คุณ...ฟุคา...มิ...หายใจ ไม่ออก...”
ปากโดนผนึกด้วยจูบอันดุเดือดยาวนาน ทำเอาริสะหอบเพราะหายใจไม่ถนัด
“อ๊ะ...ขอโทษ...”
ฟุคามิถอยห่างจากปากริสะไม่กี่มิลฯ อาจเป็นเพราะอาลัยอาวรณ์ไม่อยากผละออก เขาจึงจูบเบาๆ อย่างอ่อนโยนซ้ำอยู่หลายครั้ง ก่อนจะปล่อยปากของริสะเป็นอิสระในที่สุด
“ริสะน่ารักเกินไปก็เลยเผลอ...”
ฟุคามิยิ้มคล้ายจะเยาะหยันตัวเอง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มซุกซนทันที
“แต่ต้องลงโทษริสะหน่อยแล้ว”
“ละ ลงโทษ...เรื่องอะไร...”
...ฉัน...ทำอะไรผิดเหรอ?
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ ‘คุณฟุคามิ’ ?”
...จริงด้วย...เขาบอกให้เรียกชื่อนี่นะ
“คะ...คุณฮิโรโตะ...”
ริสะเค้นเสียงเอ่ย
ถึงตอนนี้จะมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว แต่การเรียกผู้ชายอายุมากกว่าอย่างฟุคามิด้วยชื่อก็ยังชวนเขินอยู่หน่อยๆ
“เรียกอีกสิ”
“คุณ...ฮิโรโตะ”
“ต่อจากนั้นล่ะ?”
“ต่อจากนั้น?”
“ลืมแล้วเหรอ? เพิ่งพูดไปเมื่อกี้เองแท้ๆ? ต้องลงโทษจริงๆ นั่นแหละ...”
จู่ๆ นิ้วของฟุคามิก็แตะต้องส่วนที่ไวสัมผัสที่สุดของริสะ
“ว้าย! มะ ไม่ได้นะ!”
ริสะหนีบต้นขาโดยอัตโนมัติ เธอไม่ได้คิดจะปฏิเสธสัมผัสของฟุคามิ เพียงแต่ความอายมันผุดขึ้นมา
“ไม่ได้เหรอ? งั้นหยุดไหม?”
พอนิ้วของฟุคามิเคลื่อนออกห่าง ริสะก็เผลอส่ายศีรษะ เธอไม่อยากให้หยุด แต่จะพูดออกไปก็อายปาก...
สำหรับริสะแล้ว ช่วงเวลาที่ไม่โดนฟุคามิสัมผัสนั้นช่างยาวนานราวกับนิจนิรันดร์ ความกระวนกระวายใจทำให้...
“ขะ...ขี้แกล้ง...”
เสียงเบาหวิวหลุดรั่วจากปากริสะ
“ไม่ได้ยินเลย พูดชัดๆ สิว่าอยากให้ฉันทำยังไง”
ฟุคามิกระซิบราวกับหายใจรดอยู่ริมหู เส้นด้ายแห่งความอายของริสะพลันขาดผึงลงเดี๋ยวนั้น
“คุณฮิโรโตะ...รักที่สุด...ฉันต้องการคุณฮิโรโตะ...ค่ะ”
ริสะเค้นเสียงสั่นเครือออกจากลำคอ
“น่ารักเกินไปแล้วนะ ริสะ”
หลังจากริสะรวบรวมแรงใจเอ่ยจบ ฟุคามิก็ใช้เวลาลิ้มรสปากของเธออยู่นาน
ริมฝีปากของฟุคามิเคลื่อนลงต่ำทีละน้อยเพื่อดื่มด่ำกับเรือนร่างของริสะ จากลำคอสู่ไหปลาร้า...ตามด้วยยอดอกสีชมพูอ่อน...
“อืม...อ๊า...”
เสียงหลุดรั่วจากคอของริสะตอบสนองต่อปากของฟุคามิที่คืบคลานบนร่าง
ทันใดนั้นมือของฟุคามิก็เคลื่อนเข้าลูบคลำบริเวณร้อนผ่าวเบื้องล่างเพื่อสำรวจความพร้อมของริสะ การเคลื่อนไหวของนิ้วอันละเอียดอ่อนนั้นปลุกเร้าความปรารถนาของริสะยิ่งขึ้นจนร่างแอ่นอย่างไม่อาจทนไหว
“อะ...”
ร่างของริสะรุ่มร้อนจนแทบหลอมละลาย
“...คะ คุณฟุคามิ...ไม่ไหวแล้ว...”
“ริสะเป็นเด็กดีจังนะ...”
ฟุคามิแหวกขาของริสะแล้วขึ้นคร่อม ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงเข้าสู่ร่างของริสะ
พอรับเอาอีกฝ่ายไว้จนถึงส่วนลึกของร่างกาย ความรู้สึกสุขสมจนแทบร้องไห้ก็ทะลวงผ่านริสะ
“อา... อืม...”
ขณะที่ร่างรับการเคลื่อนไหวถี่ๆ ของฟุคามิ ริสะก็ได้รับการเติมเต็มด้วยความปีติยินดีจนแทบชา
...ถ้าตอนนั้นคุณฟุคามิไม่ค้นพบฉัน...
ริสะสั่นสะท้าน
“หนาวเหรอ?”
ฟุคามิกระซิบข้างหู
ริสะส่ายหน้า แกนกลางร่างกายร้อนผ่าวจนแทบลุกเป็นไฟ
ฟุคามินำพาริสะโลดแล่นไปตามบันไดแห่งความปรารถนาด้วยความเร็วอันดุเดือด
พริบตาที่สัมปชัญญะกำลังจะหลุดลอย ภาพวันเวลานับตั้งแต่พานพบกับฟุคามิจนถึงวันนี้แล่นผ่านเข้ามาในห้วงคิดของริสะราวกับเป็นภาพความทรงจำก่อนตาย



ชิรากิ ริสะ อายุยี่สิบ ไม่เคยมีแฟนมาตลอดยี่สิบปี...
อายุปูนนี้แล้วยังไม่มีแฟน แถมยังไม่เคยมีประสบการณ์อย่างว่า ริสะคิดว่านั่นเป็นเรื่องน่าอาย
คงเพราะนิสัยขี้อายเป็นเหตุ ริสะจึงไม่มีความรักเหมือนใครเขาสักที
ในเมืองเล็กๆ ที่เธอเติบโตมา เพื่อนร่วมชั้นมักเป็นหน้าเดิมๆ ตั้งแต่ชั้นประถมยันมัธยมปลาย เพราะอย่างนั้นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ที่ติดตัวจึงเป็นเรื่องยากไม่น้อย
‘เด็กผู้หญิงเรียบร้อยไม่โดดเด่น’ ริสะรู้ตัวว่าตนโดนมองอย่างนั้น
แต่ว่าถ้าเข้ามหาวิทยาลัยแล้วสภาพแวดล้อมเปลี่ยนก็อาจมีคนมาชอบบ้างก็ได้ ขืนอยู่บ้านนอกเหมือนเดิมคงไม่มีทางเปลี่ยนตัวเองสำเร็จ ริสะคิดเช่นนั้นจึงตัดสินใจเรียนต่อมหาวิทยาลัยในโตเกียว
ว่ากันตามตรงแล้ว จะบอกว่าการอยากมีความรักเป็นเป้าหมายครึ่งหนึ่งในการเรียนต่อของริสะก็ว่าได้
เมื่อเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ริสะก็พยายามขัดเกลาตัวเองเพื่อให้กลายเป็นสาวพราวเสน่ห์ การหาข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายๆ ก็อาจเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการย้ายมาอยู่เมืองใหญ่
และแล้วความพยายามก็ส่งผล...รึเปล่าไม่รู้แหละ แต่การเปลี่ยนแปลงตัวเองตอนเข้ามหาวิทยาลัยก็ทำให้ช่วงเนื้อหอมมาเยือนฉับพลันจนได้
ผิวขาวผ่องนวลเนียน ดวงตาชุ่มฉ่ำ เรือนผมยาวสลวยดุจเส้นไหม...เสน่ห์ของริสะที่เธอไม่ทันรู้ตัวเหล่านั้นดึงดูดหนุ่มๆ จนมีคนเข้ามาจีบริสะมากมายทั้งในมหาวิทยาลัยและในเมือง
ทว่าริสะผู้ไร้ประสบการณ์ความรักกลับไม่รู้สักนิดว่าเวลาแบบนั้นควรรับมือยังไง...
เพราะอย่างนั้นจึงเผลอตอบอย่างเย็นชาว่า “ขอโทษที ฉันมีนัดแล้วจ้ะ” อยู่ร่ำไป
“เมืองกรุงน่ะมีผู้ชายที่คิดจะหลอกสาวบ้านนอกอยู่เต็มไปหมด ห้ามเผยช่องโหว่เชียวล่ะ อย่าให้ใครเขาคิดว่าเราจะติดกับง่ายๆ” คำกล่าวของแม่ติดค้างอยู่ที่มุมหนึ่งในใจ
พอทำตัวเยือกเย็นโดยไม่ได้ตั้งใจนานๆ เข้า พวกผู้ชายก็หลงคิดไปว่าริสะเป็นดอกฟ้าผู้สูงส่งที่ไม่มีใครครอบครองได้ เป็นตัวตนที่มีไว้ชื่นชมห่างๆ เท่านั้น
ครั้นจะเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อพวกผู้ชายก็ดันหาจังหวะไม่ได้ รู้ตัวอีกทีพวกเขาก็เรียกเธอว่า ‘ท่านริสะ’ ซะแล้ว
ในเมื่อภาพลักษณ์ในฐานะ ‘ท่านริสะ ดอกฟ้าผู้สูงส่ง’ ฝังหัวคนอื่นไปเรียบร้อย จะบอกว่า “ฉันไม่เคยมีความรักมาก่อน ใครก็ได้ช่วยคบกับฉันได้ไหมคะ?” เอาป่านนี้ก็ไม่กล้า
สถานการณ์นี้อยู่เหนือความคาดหมายของริสะโดยสิ้นเชิง ถึงกระนั้นเธอก็ยังแอบฝันว่าจะมีความรักหวานๆ อันแสนวิเศษได้ในสักวัน
อยู่มาวันหนึ่ง พริบตาแห่งพรหมลิขิตก็มาเยือนริสะ
ริสะโดนผู้ชายท่าทางกะล่อนตื๊อจีบที่คาเฟ่ข้างๆ มหาวิทยาลัย ขณะที่กำลังลำบาก ชายหนุ่มในชุดสูทก็เข้ามาช่วย
เขาคนนั้นแสร้งทำเป็นนัดกับริสะเอาไว้ ไล่ชายที่เข้ามาจีบออกไปอย่างง่ายดาย
ชายร่างสูงตาคมคนนั้นเป็นชายหนุ่มวัยผู้ใหญ่อย่างที่ไม่มีอยู่รอบกายริสะ
อาจเพราะโดนท่าทีอันสง่าผ่าเผยนั้นกดดัน ชายที่เข้ามาจีบจึงถอยไปอย่างง่ายดาย ริสะออกมาจากคาเฟ่โดยมีชายผู้ช่วยเหลือคอยปกป้อง
“งั้นขอแยกตรงนี้แล้วกัน”
แม้แต่ตอนจากไป ชายหนุ่มยังเท่และสมาร์ตเหลือเชื่อ ขณะที่ริสะเหม่อมองแผ่นหลังของเขา จู่ๆ เจ้าตัวก็หันกลับมา...
“เธอมีนัดหลังจากนี้รึเปล่า? ถ้าไม่รังเกียจ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?” เขาชวนริสะ
...ทำไมชายหนุ่มวัยผู้ใหญ่ที่วิเศษขนาดนี้ถึงชวนคนอย่างฉัน...
ริสะไม่อาจปิดบังความสับสน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายช่วยไว้ ถ้าปฏิเสธคงเสียมารยาท เธอจึงเผลอตอบไปว่า “ถ้าคุณไม่รังเกียจฉันละก็”
ตอนนั้นริสะไม่ทันรู้ตัว แต่บางทีในใจเธอคงรู้สึกไม่อยากแยกจากเขาทั้งๆ อย่างนั้น
เขาพาริสะไปยังร้านอาหารสุดหรูชนิดที่ริสะไม่เคยไปมาก่อน
พออยู่ในบรรยากาศไม่คุ้นเคย แถมยังมีอาหารที่ไม่เคยกินอยู่ตรงหน้า ริสะถึงกับตัวเกร็งทื่อจนเผลอดื่มไวน์เยอะเกินไป สุดท้ายก็หลับปุ๋ยคาโต๊ะจนได้



วันที่ฟุคามิช่วยริสะจากชายที่เข้ามาจีบไม่ใช่วันแรกที่ได้พบเธอ
ก่อนหน้านี้เขาเคยไปสำรวจความเห็นของลูกค้าในคาเฟ่ซึ่งบริหารโดย FUKAMI โฮลดิ้งที่ตนเป็นประธาน ตอนนั้นเธอเป็นหนึ่งในลูกค้าด้วย
ตอนนั้นฟุคามิแต่งกายสบายๆ เธอคงคิดว่าฟุคามิที่กำลังแจกแบบสำรวจเข้าไปจีบจึงไม่ยอมสบตาแม้แต่ครั้งเดียว ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังตั้งใจตอบคำถามอย่างจริงใจ ฟุคามิจึงประทับใจความน่ารักของเธอ
ถ้าไปคาเฟ่นั่นจะได้เจอกันอีกไหมนะ...ฟุคามิคิดอย่างนั้น พอรู้ตัวอีกทีก็แวะเวียนไปที่นั่นหลายหนจนแม้แต่ตัวเองยังตกใจ ที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย
ความรู้สึกนั้นคงสื่อไปถึง เขาจึงได้พบเธออีกครั้งในที่สุด
วันนั้นพนักงานชงกาแฟดำให้ผิดทั้งที่เธอไม่ได้สั่ง แต่เธอกลับฝืนดื่มกาแฟขมๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย
ภาพอันน่ารักและใสซื่อของริสะยิ่งตราตรึงลงในใจฟุคามิไปอีกขั้น
หลังจากนั้นเขาก็เห็นเธอที่คาเฟ่นั้นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้เอ่ยทัก
และแล้วโอกาสก็มาเยือนในรูปแบบที่เหนือความคาดหมาย
ฟุคามิบังเอิญเจอเธอตอนที่กำลังเดือดร้อนเพราะโดนชายท่าทางกะล่อนตื๊อจีบ
ทั้งๆ ที่เด็กสาวยุคนี้น่าจะรับมือกับผู้ชายที่เข้ามาจีบได้ง่ายๆ แต่ริสะกลับดูเหมือนกำลังเกรงใจว่าจะเลี่ยงยังไงไม่ให้อีกฝ่ายเจ็บปวด
...เธอคนนี้ใสซื่อจริงๆ
ปกติฟุคามิมักไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น แต่คราวนี้เขาตัดสินใจจะเป็นอัศวินผู้ช่วยเหลือเธอ
“ขอโทษ ฉันติดงานเลยมาสาย รอนานไหม?”
เขาแสร้งทำเหมือนนัดเดตแล้วดึงเธอออกมาจากหนุ่มขี้ตื๊อ
เธอดูท่าทางสับสนและระแวงชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวปุบปับ แต่ก็ดูซาบซึ้งใจที่ช่วยให้รอดพ้นจากชายที่เข้ามาจีบ
เดิมทีแล้วฟุคามิถือคติหันหลังให้คนอื่นง่ายๆ โดยไม่ข้องแวะกับใครลึกซึ้ง แต่คราวนี้อะไรบางอย่างกลับรั้งตัวเขาไว้อย่างแรง
...แยกจากเธอทั้งๆ อย่างนี้จะดีเหรอ? จะได้เจอกันอีกเมื่อไรก็ไม่รู้
เมื่อต้านทานความคิดนั้นไม่ได้ ฟุคามิจึงเอ่ยชวนเธอ
...ว่า “เธอมีนัดหลังจากนี้รึเปล่า?”
เธอดูท่าทางไม่เข้าใจอยู่ครู่หนึ่งว่าฟุคามิถามอย่างนั้นเพื่ออะไร คงเพราะอย่างนั้น เธอจึงตอบตามตรงว่า “มะ ไม่มีค่ะ...”
พอเขาถามว่า “ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?” เธอดูตกใจและสับสนไม่น้อย
หลังจากลังเลอย่างหนัก เธอก็ตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ถ้าคุณไม่รังเกียจฉันละก็”
ดูจากการที่เธอบอกปัดหนุ่มขี้ตื๊อไม่ลงแล้ว บางทีเธออาจเป็นประเภทชอบคิดว่า ‘ถ้าปฏิเสธจะเสียมารยาทกับอีกฝ่าย’ ก็ได้
...เอาเถอะ ยังไงก็ช่าง ขอแค่ได้อยู่กับเธออีกสักนิด...

ฟุคามิพาเธอไปร้านอาหารที่ตนเป็นแขกประจำ แต่เธอกลับเกร็งจนน่าสงสาร
สงสัยจะเพิ่งเคยมาร้านแบบนี้ครั้งแรก เธอไม่ได้วางท่าหรือแกล้งทำเป็นรู้ ท่าทางไร้เดียงสานั้นช่างน่ารัก
...ควรเลือกร้านที่บรรยากาศสบายๆ กว่านี้สินะ...
แต่ดูเหมือนไวน์จะช่วยคลายอาการเกร็งให้เธอเล็กน้อย ฟุคามิจึงค่อยโล่งอก
แม้แต่ตัวเองยังแปลกใจที่ใส่ใจผู้หญิงขนาดนี้
พอถามชื่อ เธอก็ตอบเสียงเบาว่า “ริสะค่ะ...”
...ริสะจังเหรอ ชื่อไพเราะ เหมาะกับเธอมาก
ริสะเบิกตาโตเมื่อเห็นคาเวียร์ หัวเราะคิกคักไปกับมุกตลกของฟุคามิ ทำให้เขาหายเหนื่อยจากงานเป็นปลิดทิ้ง
...รู้สึกเหมือนเธอมีพลังมหัศจรรย์ช่วยเยียวยาฉัน
สำหรับฟุคามิที่ร่วมโต๊ะอาหารอันน่าเบื่อหน่ายกับคู่ค้าอยู่บ่อยๆ มื้ออาหารคืนนี้ช่างสนุกอย่างที่ห่างหายมานาน
และ...
พอกลับมาที่โต๊ะหลังจ่ายเงินเสร็จ เขาก็พบริสะฟุบหลับอยู่
...เผลอทำให้ดื่มหนักไปหน่อยมั้ง...
“ริสะจัง ตื่นได้แล้ว”
เขย่าแล้วก็ไม่มีวี่แววจะตื่น
“...งานเข้าแล้วไง...”
ใบหน้ายามหลับอันไร้การป้องกันนั้นราวกับนางฟ้า
ฟุคามิลูบผมริสะเบาๆ ก่อนจะพบว่าตนไม่ได้ลำบากใจเท่าไรนัก




++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ฉันต้องการคุณฮิโรโตะ...ค่ะ”
“ริสะเป็นเด็กดีจังนะ...”
ริสะเป็นนักศึกษาสาวผู้ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก และคนที่เข้ามาช่วยเธอตอนที่กำลังลำบากใจเพราะโดนจีบก็คือประธานฟุคามิ ฮิโรโตะ แห่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง FUKAMI โฮลดิ้ง
“ฉันตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ กรุณาคบกับฉันได้ไหม”
โกหก...นี่มัน...ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม?
แต่แล้วกลับมีเงามืดน่าสงสัยคืบคลานเข้าหาทั้ง 2 คน...!?
Coffee & Vanilla เรื่องราวที่ได้รับความนิยมจากผู้อ่านจนเป็นผลงานยอดฮิตที่มียอดขายรวมทะลุหนึ่งล้านเล่ม ถูกนำมาดัดแปลงเป็นนิยายครั้งแรก!
มีตอนออริจินัลด้วยนะ♪




รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”