New Release BLY แปล : เพราะรักเธอผู้งดงาม

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : เพราะรักเธอผู้งดงาม

โพสต์ โดย Gals »

เพราะรักเธอผู้งดงาม


เสียงดนตรีที่เปิดคลอเวลาหลังเลิกเรียนคือเพลง ‘ทางกลับบ้าน’ เมโลดี้ชวนห่อเหี่ยวแปลกๆ นั้นราวกับจงใจทำให้รู้สึกเหงา จะได้รีบกลับบ้านเร็วๆ
ยามเย็นหลังเลิกเรียน ฮิระฟังเพลงแสนเศร้าพลางให้ขนมปังมื้อกลางวันกับกระต่ายที่เลี้ยงไว้ในโรงเรียน ตอนนั้นเองคุณลุงใส่เสื้อวอร์มส่งเสียงทักทายมาจากข้างหลัง
“ชอบกระต่ายเหรอ?”
เนื่องจากอยู่ในโรงเรียน ดังนั้นน่าจะเป็นอาจารย์ แต่ไม่ใช่อาจารย์สอนชั้นปีของฮิระ หัวใจของฮิระเต้นระรัวด้วยความอึดอัดกับคำถามของลุงแปลกหน้าที่เดาว่าคงเป็นอาจารย์ของโรงเรียนนี่แหละ อ๊ะ แต่อาจจะออกมาก็ได้ ฮิระคิดเช่นนั้นพลางอ้าปากเพื่อตอบวลีง่ายๆ กลับไปว่า ชอบครับ
“ชะ ชะ ชะ ชะ”
อ้า กะแล้วเชียว คำพูดไม่ออกมาอีกแล้ว ฮิระหน้าแดง เหงื่อไหลซึมใต้ชุดนักเรียนขณะระรัว ‘ชะ’ ออกมาอย่างต่อเนื่อง อาจารย์ในชุดวอร์มเอียงศีรษะทำหน้าลำบากใจ
“งั้นเหรอ ชอบนี่เอง รีบกลับบ้านก่อนมืดค่ำล่ะ”
อาจารย์ในชุดวอร์มลูบศีรษะของฮิระตุ้บๆ อย่างอ่อนโยนก่อนเดินจากไป ฮิระก้มมองขนมปังในมือ ทำไมนะ ชอบครับ คำพูดง่ายๆ แค่นี้
“...ชอบครับ”
พอลองพูดดู คราวนี้กลับออกจากปากอย่างง่ายดายจนน่าสิ้นหวัง
เวลาคุยกับครอบครัวหรือเพื่อนที่คุ้นเคยแล้ว ฮิระไม่เป็นเช่นนี้ แต่หากตื่นเต้นขึ้นมาคำพูดมักติดอยู่ในลำคอเสมอ อย่างเวลาโดนอาจารย์เรียกให้อ่านออกเสียงในชั้นเรียน นั่นคือช่วงเวลาน่าเวทนา ภายในห้องเรียนอันเงียบสงบ ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาฟังคำพูดของตน ทุกคนหัวเราะคิกคักและจดจ้องฮิระซึ่งกำลังพูดจาตะกุกตะกักไม่เป็นภาษาคน
หลังขึ้นชั้นประถมใหม่ๆ พ่อกับแม่ได้รับรายงานจากอาจารย์ประจำชั้น ทั้งสองจึงพาฮิระไปโรงพยาบาล คุณหมอวินิจฉัยกว่าเป็นโรคติดอ่างและบอกไม่ให้เขาเครียดจนเกินไป หมอยังแนะนำอีกว่า เวลาตื่นเต้นให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจิตใจสงบลงแล้วค่อยพูด คำแนะนำของคุณหมอมีประโยชน์ แต่ไม่สมบูรณ์แบบ หากฮิระเกิดใจสั่นขึ้นมาก่อนทันได้เตรียมใจก็จะไม่ได้ผล เหมือนอย่างเมื่อครู่ ชะ ชะ ชะ ชะ
ความยุ่งยากอีกอย่างคือ อารมณ์ตื่นเต้นมักเกิดขึ้นบ่อยๆ ทำให้เขาไม่รู้ว่าอาการติดอ่างจะโผล่ออกมาที่ไหนและเมื่อไร ชะชะชะชะบ้างล่ะ คะคะคะคะบ้างล่ะ ฮิระซึ่งระรัวเสียงสั้นๆ ประหนึ่งปืนกระสุนเม็ดถั่วกลายเป็นที่รังเกียจของเพื่อนร่วมชั้น ทำให้เขากลายเป็นเด็กพูดน้อยไปโดยปริยาย
เวลามีใครถามอะไร เขาจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้งเพื่อไม่ให้ตื่นเต้น และจังหวะที่กำลังจะพูดออกมาได้ อีกฝ่ายก็มักหัวเสียไปแล้ว แน่นอนว่าเพื่อนร่วมชั้นต่างหงุดหงิดใส่เขา แล้วฮิระก็โดนเพื่อนๆ เรียกว่าไอ้เฉื่อย
เขาไม่ชอบใจ เขารู้สึกเศร้า
แต่เป็นไอ้เฉื่อยยังดีกว่าโดนรังเกียจ
เฮ้อ ฮิระถอนหายใจยาวไม่สมกับเป็นเด็ก เขาวางขนมปังที่เหลือไว้ในบ้านกระต่ายแล้วเดินกลับบ้าน
ขณะเดินบนถนนเลียบคลองชลประทาน เขาเห็นของสีเหลืองๆ ลอยมาจากฟากโน้น ตุ๊กตาเป็ดพลาสติกสีเหลือง ดวงตาบ้องแบ๊ว ขนตาวาดเป็นเส้นงอนยาว สงสัยใครคงทำตกน้ำละมั้ง ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะชื่อกัปตันเป็ด ภาพกัปตันเป็ดกำลังไหลไปตามคลองคอนกรีต ฮิโระมองแล้วรู้สึกร่วมอย่างบอกไม่ถูก
ความจริงกัปตันเป็ดควรจะลอยตุ๊บป่องอยู่ในอ่างอาบน้ำอุ่นๆ หรือในสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก แล้วทำไมถึงมาไหลเอื่อยเฉื่อยตามคลองสกปรกนี้ได้ เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา
กัปตันเป็ดไม่ได้ลอยอยู่ในคลองสกปรกเพราะชอบ
ตัวฮิระเองก็เหมือนกัน เขาไม่ได้พูดจาติดๆ ขัดๆ เพราะชอบ
ในโลกนี้มีเรื่องไม่ราบรื่นเต็มไปหมด
ฮิระทำวันทยหัตถ์มองส่งกัปตันเป็ดก่อนเดินตามทางกลับบ้านต่อ
เมื่อขึ้นชั้นมัธยมต้นฮิระพบว่าสังคมถูกแบ่งแยกประเภทชัดเจนยิ่งกว่าชั้นประถม สถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียนประกอบขึ้นด้วยระบบชนชั้นวรรณะ มีโครงสร้างเป็นพีระมิดชั้นสูง กลาง ต่ำ อากาศ ขยะ โดยฮิระซึ่งเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าเป็นคนพูดน้อยและมืดมนถูกจัดให้อยู่ในชั้นฐานของพีระมิดตามระเบียบ
ชั้นฐานจะสร้างกลุ่มของชั้นฐานด้วยกันเอง แต่คนพูดน้อยและมืดมนอย่างฮิระถือเป็นชั้นฐานจรจัดที่ไร้เพื่อนสนิท แต่ละชั้นปีมีมนุษย์ชั้นฐานจรจัดอยู่หลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกแบ่งให้อยู่ชนชั้นขยะ ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักเจียมสถานภาพของตนเอง เข้าไปพูดคุยกับผู้ชายชั้นสูงสุดของพีระมิดอย่างสนิทสนม เธอจึงโดนเด็กผู้หญิงซึ่งอยู่ชั้นสูงสุดเหมือนกันกลั่นแกล้งเป็นการลงโทษ นี่คือบุเรอุชิ เวอร์ชันยุคปัจจุบัน
ฮิระมักทำตัวเหม่อลอยตลอดเวลา เขาได้รับพิจารณาแล้วว่าไม่เป็นภัยจึงไม่ถูกกลั่นแกล้ง แต่ในทางกลับกัน ทั้งๆ ที่เขาอยู่ตรงนั้นแต่ทุกคนกลับปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นอากาศธาตุ อย่างยามะจัง เพื่อนที่เคยเล่นด้วยกันนานๆ ครั้งสมัยชั้นประถม พอเข้าชมรมฟุตบอลก็ดูมีสง่าราศีขึ้นทันตา ตอนนี้เวลาเดินสวนกันตรงระเบียงทางเดิน ยามะจังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา แม้แต่ยามะจังเองก็มองไม่เห็นเขาแล้ว เขาคือมนุษย์ล่องหน
แน่นอนว่าเขาไม่ชอบใจ เขารู้สึกเศร้า
แต่เป็นมนุษย์ล่องหนยังดีกว่าโดนกลั่นแกล้ง
เขากลับไปเดินบนวงจรเดียวกับสมัยชั้นประถม แต่รู้สึกเหมือนจมลงมาอีกขั้น
หากมีมนุษย์ที่แหงนมองข้างบนแล้วเร้าใจ ย่อมมีมนุษย์ที่ก้มมองข้างล่างแล้วรู้สึกสบายใจเช่นกัน คนที่อยากลงสามารถลงมาได้ แต่คนที่อยากขึ้นไปกลับทำเช่นนั้นไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ แต่บางช่วงเวลาเขาก็ต้องการสถานที่ลี้ภัยให้หัวใจอันอ่อนล้าของตัวเอง ในเวลาเช่นนี้ฮิระมักจะนึกถึงกัปตันเป็ดที่ไหลมาตามคลอง
ทำหัวใจให้ราบเรียบที่สุด อย่าอ่อนไหวต่อสิ่งเร้า
จงปล่อยให้ตัวไหลไปตามแม่น้ำเทียมแสนสกปรก เหมือนกัปตันเป็ดขนตางอนยาว
เขาเอาตัวเองใส่เข้าไปในภาพชวนขบขัน และคิดเสียว่าความเป็นจริงน่าสังเวชนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังเศร้า
ทั้งๆ ที่ฮิระใช้ชีวิตมาได้กับเทคนิคปกป้องหัวใจที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ทว่าอาจารย์ประจำชั้นจอมจุ้นจ้านกลับมารายงานพ่อแม่ของเขาว่า “เด็กคนนี้ไม่มีเพื่อน ที่โรงเรียนเข้ากับใครไม่ได้เลย” ไม่นึกถึงใจเขาใจเรากันบ้าง ฮิระไม่เคยเกลียดชังใครเท่านี้มาก่อน และนั่นคือตอนฤดูร้อนชั้นมัธยมสอง
“สุดยอด เพิ่งเคยเห็นวิวแบบนี้เป็นครั้งแรก”
ดวงตาของแม่ทอประกายมองทิวทัศน์ซึ่งแผ่ขยายอยู่เบื้องหลัง
“นี่ คาซึนาริ อยากถ่ายอะไรก็ลองถ่ายดู”
พ่อวางมือบนไหล่ผอมบางของฮิระก่อนผลักเบาๆ “เร็วเข้าๆ” เพื่อเร่งให้เขาเดินไปข้างหน้า
ด้วยแรงคะยั้นคะยอของทั้งคู่ ฮิระจึงก้าวขาออกไปพร้อมกล้องดีเอสแอลอาร์ราคาแพงเกินตัวเด็กชั้นมัธยมต้นที่อยู่ในมือ เขาหันกล้องไปยังมุมหนึ่งและกดชัตเตอร์อย่างไร้อารมณ์ ฉากหลังคือป่าชิราคาบะ ด้านหน้าเป็นดอกลิลีหลากสีซึ่งกำลังเบ่งบานอวดโฉมงดงาม สีส้ม ชมพู แดง ขาว เหลือง สีสันละลานตาจนรู้สึกพร่ามัว
“อากาศก็สดชื่น ดีจังเนอะที่มา”
“อือ คาซึนาริก็ดูสนุกด้วย”
พ่อแม่กำลังกระซิบกระซาบคุยกันอยู่ข้างหลัง
ฮิระแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
หลังอาจารย์ประจำชั้นมารายงานเรื่องกวนใจดังกล่าวเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ฮิระแอบได้ยินพ่อกับแม่คุยกันในห้องนั่งเล่นกลางดึก พ่อกล่าวปลอบใจแม่ว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากโรคติดอ่างที่ก็ไม่ได้รุนแรงนัก ส่วนมากมักหายไปเองตอนโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นเรามาอวยพรให้เป็นแบบนั้นกันเถอะ
หากมีงานอดิเรกบางอย่างที่ทำให้เขาหลงใหลได้คงจะดีไม่น้อย เสียงพ่อแม่พูดคุยดังกระทบแผ่นหลังขณะฮิโระแอบเดินกลับห้องไปเงียบๆ ความเศร้า ความเจ็บใจ ความรู้สึกสมเพชพลันปะทุขึ้นในใจ อาจารย์คนนั้นไม่ได้สร้างเรื่องปั่นป่วนเฉพาะแค่ในโรงเรียน แต่ยังตามมารังควานถึงที่บ้าน ยกโทษให้ไม่ได้
สุดสัปดาห์ต่อมาพ่อมอบของขวัญให้ฮิระทั้งๆ ที่ไม่ใช่วันเกิด พ่อบอกว่าเป็นของสมนาคุณที่ได้ตอนไปตีกอล์ฟ แล้วพ่อไปเล่นกอล์ฟตั้งแต่เมื่อไร ฮิระลองเปิดดู พบกล้องอยู่ข้างใน กล้องดีเอสแอลอาร์ราคาแพงซึ่งช่วงนี้เห็นโฆษณาทางโทรทัศน์บ่อยๆ
หากมีงานอดิเรกบางอย่างที่ทำให้เขาหลงใหลได้คงจะดีไม่น้อย ฮิระนึกถึงเรื่องที่พ่อกับแม่คุยกัน หรือนั่นคือที่มาของกล้องตัวนี้ การถ่ายรูปเป็นกิจกรรมที่สามารถทำคนเดียวได้ เพิ่มโอกาสออกไปข้างนอก และเป็นงานอดิเรกที่เท่ไม่หยอกสำหรับเด็กชายสายศิลป์ เอาเป็นว่าเขาต้องไม่ทำให้พ่อกับแม่เสียความรู้สึก
“ขอบคุณครับ ผมจะรักษาไว้อย่างดี”
ฮิระปั้นหน้ายิ้มแห้งๆ พ่อกับแม่เห็นดังนั้นก็ยิ้มด้วยความโล่งอก
“วันหยุดคราวหน้าเราไปถ่ายรูปที่ไหนกันไหม”
และวันนี้ฮิระกำลังหันกล้องไปทางดอกลิลีและกดชัตเตอร์ระรัว
ไม่ว่าจะหันไปทางขวาหรือทางซ้ายก็เจอแต่ลิลี ลิลี ลิลี ขึ้นกระเช้าไปบนยอดเขาก็เจอจุดชมวิวลิลี จะปลูกดอกลิลีไปมากมายขนาดนี้เพื่ออะไร แล้วมันสวยขนาดนั้นเลยเหรอ? อ้อ หรือปลูกเอาไว้กิน หัวลิลีที่ใส่ในไข่ตุ๋นอาจเป็นหัวของดอกลิลีที่นี่
“คาซึคุง คาซึคุง ถ่ายรูปพ่อกับแม่ให้หน่อย”
ฮิระหันมาเห็นพ่อกับแม่กำลังยิ้มแฉ่งพร้อมชูสองนิ้ว “เอานะครับ ชีส” เขาส่งเสียงไม่เข้ากับกล้องระดับดีเอสแอลอาร์ก่อนกดชัตเตอร์ถ่ายรูป
ขากลับบ้านฮิระรู้สึกหมดแรง เป็นเพราะเขาฝืนยิ้มและทำตัวครื้นเครงทั้งวันเพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ผิดหวัง
วันต่อมาฮิระนำรูปถ่ายลงคอมพิวเตอร์ แต่ไม่เห็นว่ารูปจะสวยตรงไหน ใบไม้สีเขียวกับลำต้นสีขาวของต้นชิราคาบะและดอกลิลีสีสันแสบตา สีส้ม ชมพู แดง ขาว เหลือง ทิวทัศน์ดูจัดฉากเกินไปจนไม่เป็นธรรมชาติ แค่มองเฉยๆ ก็รู้สึกคลื่นเหียนแล้ว
ฮิระลากเมาส์ เขาใช้โปรแกรมตัดแต่งรูปลบดอกลิลีสีส้มออกไปทีละดอกๆ
สีชมพูด้วย แดงด้วย ขาวด้วย เหลืองด้วย เขาลบทีละดอกๆ ต่อเนื่องประหนึ่งระบบสายงานประกอบ
โดยไม่ได้คิดอะไรเลย
พอเห็นรูปภาพเต็มไปด้วยรูโหว่น่ารังเกียจ ในที่สุดสติก็กลับคืนมา
จนได้สิเรา...
เขาทำลายรูปถ่ายจากกล้องที่พ่อแม่ซื้อให้ด้วยความหวังดี ในสถานที่ที่พ่อแม่พาไปด้วยความหวังดี หากคลิกแค่ปุ่มเดียวทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ปัญหาคือเขาทำมันไปเสียแล้ว ฮิระรีบกดย้อนกลับให้รูปเป็นเหมือนเดิมแล้วเปิดรูปต่อไป เป็นรูปพ่อกับแม่ยืนเคียงคู่พร้อมชูสองนิ้ว ความรู้สึกผิดพุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด
ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผมขอโทษที่เป็นแบบนี้
ฮิระกล่าวขอโทษไม่หยุด ในขณะเดียวกันนั้น คะคะคะคะ คิคิคิคิ เสียงคล้ายเสียงร้องของนกก็เริ่มดังปะปนมา หน้าอกของเขาบีบรัดจนรู้สึกทรมาน กัปตันเป็ด กัปตันเป็ด เขาเรียกชื่ออาจารย์ของตน
...ทำหัวใจให้ราบเรียบที่สุด อย่าอ่อนไหวต่อสิ่งเร้า
...จงปล่อยให้ตัวไหลไปตามแม่น้ำเทียมแสนสกปรก เหมือนกัปตันเป็ดขนตางอนยาว
หากไร้ความรู้สึกจะใช้ชีวิตในแต่ละวันได้ง่ายกว่า ทว่าวันนั้นกัปตันเป็ดกลับตกลงไปในน้ำวนรุนแรง ตัวกระแทกกับผนังคอนกรีตจนเกิดบาดแผลเต็มตัว

ฤดูใบไม้ผลิปีที่สองของชีวิตนักเรียนมัธยมปลาย วันแรกของการเปลี่ยนห้องเรียนต้อนรับปีการศึกษาใหม่ฮิระตื่นเต้นแต่เช้า
วันเปิดเทอมต้องเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัว ถือเป็นวันที่ฮิระไม่ชอบอย่างยิ่งจนรู้สึกสิ้นหวัง เขามองประกาศแบ่งห้องเรียน ความห่อเหี่ยวยิ่งเพิ่มทวี เพื่อนร่วมชั้นปีที่แล้วส่วนมากเป็นเด็กเรียบร้อย แต่ห้องเรียนปีนี้กลับรวมดาวเด่นของชั้นปีเอาไว้อย่างคับคั่ง ซึ่งถือเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยงระดับสูงสำหรับนักเรียนอย่างฮิระ
โรคติดอ่างยังไม่หายไป แต่จากการฝึกฝนมานานหลายปีตอนนี้ฮิระสามารถควบคุมไม่ให้เกิดความผิดพลาดระดับร้ายแรงได้ ขอแค่เพื่อนร่วมชั้นทุกคนรับรู้ว่าคนชอบก้มหน้าและพูดน้อยอย่างฮิระคือมนุษย์ระดับชั้นฐานผู้รักสันโดษ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว การอยู่ชั้นฐานของพีระมิดในทุกๆ ที่ กับถูกมองข้ามราวกับไม่มีตัวตน ยังไม่เจ็บปวดหัวใจเท่าโดนจ้องมองสายตาสังเวชหรือได้รับความเห็นใจในฐานะคนเป็นโรค
...ขอให้ปีนี้ผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข
ฮิระภาวนาในใจขณะก้าวขาเข้าห้องเรียนใหม่ เขานั่งประจำโต๊ะตามลำดับเลขที่และกวาดแค่สายตามองไปรอบๆ ห้องผ่านช่องว่างระหว่างผมหน้าม้าซึ่งยาวปรกลงมา เริ่มมีการจับกลุ่มกันแล้ว ทุกคนดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว วันแรกของห้องเรียนใหม่คือสมรภูมิรบที่สดใสครึกครื้น ทุกคนกำลังต่อสู้กันด้วยปืนไรเฟิลที่มองไม่เห็น ส่วนฮิระแค่นั่งมองภาพเหล่านั้น
ออดดัง อาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามา หลังทักทายสั้นๆ ก็เข้าสู่ช่วงแนะนำตัวเองตามระเบียบ ฮิระแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ โดยไม่ให้คนรอบข้างรู้ หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง อากาศที่สูดเข้าไปดันกระเพาะ ความรู้สึกโหวงหวิวบริเวณท้องน้อยจางหาย ฮิระคุ้นชินแล้วเพราะทำเช่นนี้มามากกว่าสิบปีตั้งแต่สมัยชั้นประถม
ทุกคนบอกชื่อและงานอดิเรกตามลำดับเลขที่ อาจารย์ประจำชั้นเล่นมุกตลกแซวทีละคนเรียกเสียงหัวเราะครื้นเครง ระหว่างนั้นฮิระนึกภาพกัปตันเป็ดผู้ปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามน้ำโดยไม่ขัดขืน พยายามขับไล่ความประหม่าให้ไกลออกไป
ใกล้ถึงเลขที่ของเขาแล้ว ชายซึ่งนั่งเยื้องอยู่ข้างหน้าลุกขึ้นยืน
“คิโยอิ โซครับ”
พริบตานั้นฮิระรู้สึกประหนึ่งว่าร่างซึ่งกำลังลอยเคว้งอยู่ในกระแสน้ำลงค่อยๆ เคลื่อนตัวสูงขึ้น เขาถูกลากด้วยบางอย่างซึ่งมีแรงดึงดูดมหาศาลจึงเงยหน้าขึ้นมอง และพบว่านักเรียนทุกคนในห้องต่างพร้อมใจพุ่งสายตาไปยังจุดเดียวกัน
จากตำแหน่งของฮิระ เขามองไม่เห็นใบหน้าเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อคิโยอิ แต่มองเห็นลำคอยาวระหงกับแนวคางซึ่งงดงามจนไม่อยากเชื่อสายตา ศีรษะเล็กสมดุลกับทั้งเรือนร่าง ชายหนุ่มบอกแค่ชื่อและนั่งลงโดยไม่ได้แนะนำตัวอะไรเพิ่มเติม
“นี่ๆ ไม่มีอย่างอื่นเหรอ อย่างงานอดิเรกอะไรพวกนี้”
อาจารย์ประจำชั้นถาม ชายหนุ่มเอียงศีรษะ
“ไม่มีครับ”
เขานั่งเท้าคางและยกขาอีกข้างขึ้นพาดหัวเข่า เป็นท่านั่งที่ไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย แต่เนื่องจากแขนขาเพรียวยาวจึงดูเหมือนนายแบบกำลังโพสท่าเท่ๆ
ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้พูดอะไรน่าขำสักคำ แต่พวกผู้หญิงกลับพากันหัวเราะคิกคักด้วยท่าทีขวยเขิน แม้แต่พวกผู้ชายยังพากันส่งยิ้มให้ ดูท่าเขาคนนี้คงเป็นมนุษย์บนยอดพีระมิด
“งั้นคนต่อไป นักเรียนชายเลขที่สิบสาม”
ฮิระจดจ้องแผ่นหลังเพรียวบางนั้นโดยไม่รู้ว่าอาจารย์กำลังเรียกตัวเองอยู่
“นี่ เลขที่สิบสาม เป็นอะไรไป คนที่ตัวใหญ่ๆ นั่นน่ะ”
ทันใดนั้นชายหนุ่มคนนั้นก็หันขวับมามอง ฮิระหัวใจเต้นแรง
เขาตกตะลึงประหนึ่งมีคนมาตบมือดังแปะตรงหน้า
ผู้ชายคนนี้ช่างงดงามเหลือเกิน หางตาคมชัดดุจแนวเส้นพู่กัน สันจมูกโด่ง ริมฝีปากบางได้รูป ราวกับพระเจ้าบรรจงสร้างสรรค์และจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม เครื่องหน้าแต่ละส่วนเรียกว่างดงามมากกว่าหล่อเหลา
ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่ฮิระ ไล่มองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเหมือนกำลังประเมินราคา ก่อนเบนสายตาซึ่งแสดงออกว่าไม่สนใจไปทางอื่นในทันที ไร้ค่า วินาทีนั้นฮิระรู้ว่าตัวเองโดนตัดสินไปแล้ว ทว่าก็ไม่ได้โมโห ไม่ได้เสียใจ ความหยิ่งผยองนั้นเหมาะกับความงามของเขามากจนแทบไม่อยากเชื่อ
ขณะฮิระทำหน้าเหวอตื่นตะลึงอยู่นั่นเอง ตุ้บ มีอะไรบางอย่างกระแทกศีรษะของเขาเบาๆ ฮิระเงยหน้าขึ้น เห็นอาจารย์ประจำชั้นกำลังยืนถือสมุดโน้ตม้วนอยู่ข้างๆ
“ต้องให้เรียกอีกกี่ครั้งถึงจะรู้ตัว ยืนขึ้นแนะนำตัวเอง จะมาเหม่อลอยตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะ”
ฮิระลุกขึ้นพรวดราวกับโดนถีบ เขาตั้งใจจะพูดแค่ชื่อเท่านั้น ฮิระ คาซึนาริ แค่นั้นจริงๆ ทว่ากลับสะดุดตั้งแต่พยางค์แรก
“ฮิ...”
อ๊ะ แย่แล้ว วินาทีที่คิดเช่นนั้นเขาก็หยุดมันไม่ทันแล้ว
“ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิฮิ”
ทั้งชายคนนั้น ทั้งอาจารย์ และทุกคนในห้องต่างพากันอ้าปากหวอจ้องมองมาทางนี้ ฮิระระรัวปืนกระสุนเม็ดถั่ว ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างรวดเร็ว เม็ดเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังและใต้รักแร้
“อ้อ เข้าใจแล้ว ฮิระ คาซึนาริ นั่งลงได้”
อาจารย์กล่าวเช่นนั้นเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง ฮิระจึงนั่งลง
นั่นอะไรน่ะ
ไหวไหมเนี่ย?
เขาหัวเราะเหรอ?
โคตรเอ๋อเลย
เสียงซุบซิบดังหึ่งทั่วทั้งห้องเรียน
ไม่ต้องเงยหน้ามองก็รับรู้ได้ว่าสายตาเย็นชากำลังทิ่มแทงตนอยู่
อ้า กัปตันเป็ด คิดว่าผ่านอะไรต่อมิอะไรมาจนชินชาแล้ว แต่ถึงเวลาอย่างนี้ทีไรรู้สึกอยากหายตัวไปให้รู้แล้วรู้รอดทุกครั้ง สุดท้ายก็ได้แต่ป้ายสีความอับอายใหม่ซ้อนทับความอับอายเดิมที่สั่งสมมาก่อนหน้า ทำได้เพียงเสริมชั้นกำแพงที่กักขังตัวเองให้หนาขึ้น ทำไมตนต้องเป็นอย่างนี้ด้วย
การแนะนำตัวยังดำเนินต่อไป ระหว่างนั้นเสียงซุบซิบค่อยๆ จางหายจนไม่ได้ยินในที่สุด
ฮิระค่อยๆ เงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดหวั่น ภายในห้องเรียนอาบแสงแดดฤดูใบไม้ผลิ แผ่นหลังของเพื่อนร่วมห้องสะท้อนเข้าดวงตาอย่างแจ่มชัด ห้วงเวลาของตนซึ่งกำลังอยากตาย กับห้วงเวลาของทุกคนในห้องเหมือนเป็นเส้นขนาน ไม่เห็นจุดบรรจบแม้แต่มิลลิเมตรเดียว
เขาก้มหน้าอีกครั้ง เห็นแสงระยิบระยับกับนิ้วเรียวยาวกำลังเคลื่อนไหวอยู่มุมสายตา
คิโยอินั่นเอง เขากำลังเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ไขว้ขายาวๆ ขณะแอบเล่นสมาร์ตโฟนด้วยท่าทีเนือยๆ นิ้วเรียวยาวปัดหน้าจอเล็กๆ ขึ้น ลง ซ้าย ขวา ราวกับปลายนิ้วกำลังเต้นระบำอยู่ ทั้งๆ ที่การแนะนำตัวยังดำเนินต่อไป แต่เขากลับไม่ตั้งใจฟังเลย
ฮิระค่อยๆ เหลือบตาขึ้น
เขาเห็นชายหนุ่มเต็มตา ประหนึ่งม่านการแสดงได้เปิดขึ้นแล้ว
ศีรษะเล็ก ท้ายทอยสวยได้รูป ลำคอยาว แขนขา ผมสีน้ำตาลอ่อนต้องแสงแดดทอประกาย เขาเลิกเล่นสมาร์ตโฟนแล้วนั่งเท้าคางบนโต๊ะพลางหาววอดๆ ด้วยท่าทีเบื่อหน่าย ห้วงเวลาของชายคนนี้ก็เป็นเส้นขนานกับเพื่อนร่วมห้องเช่นกัน แม้ในความหมายตรงกันข้ามกับคนอยากตายอย่างฮิระก็ตาม
มีเพียงเขาและตนเท่านั้นที่อยู่เพียงลำพัง





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ต่อให้เธอขยะแขยงฉัน ต่อให้เธอรำคาญฉัน แต่ฉันชอบเธอจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”

ฮิระนักเรียนมัธยมปลายผู้พูดน้อย ไร้เพื่อน ถูกจัดให้อยู่ในชั้นล่างสุดของพีระมิด เขาตกหลุมรักคิโยอิ หนุ่มฮอตประจำโรงเรียนตั้งแต่แรกเห็น คิโยอิปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเย็นชาอย่างเท่าเทียม และเป็นราชาผู้ทรงอิทธิพลบนชั้นสูงสุดของพีระมิด...เพียงเพราะต้องการให้ตนอยู่ในสายตาของคิโยอิ ฮิระยอมวิ่งวุ่นซื้ออาหารกลางวันให้ ยอมเป็นเบ๊ผู้ทุ่มเทให้คิโยอิจากใจจริง!? และแล้ววันหนึ่งเบ๊อย่างฮิระก็เกิดความปรารถนาต่อราชาผู้ที่เขาเทิดทูนสุดหัวใจ...นี่คือเรื่องราวความรักต่างชนชั้นในโรงเรียน!!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”