New Release โรแมนติก : วิวาห์รักเจ้าบ่าวมาเฟีย

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release โรแมนติก : วิวาห์รักเจ้าบ่าวมาเฟีย

โพสต์ โดย Gals »

วิวาห์รักเจ้าบ่าวมาเฟีย โดย ดาหลา

บทที่ 1

ประเทศฝรั่งเศส
บนเกาะส่วนตัวในดินแดนของฝรั่งเศสเป็นกรรมสิทธิ์ของ ชาร์โด้ สไนเกอร์ อดีตมาเฟียชื่อดังสัญชาติอิตาเลียน อายุเจ็ดสิบเข้าไปแล้วแต่ความน่าเกรงขามยังคงหลงเหลือให้คนหวั่นเกรงไปทั่วในหมู่มาเฟียด้วยกัน แต่ปัจจุบันรามือจากวงการไปเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนต้องนั่งวีลแชร์ ชาร์โด้จึงถ่ายโอนอำนาจให้กับ ทรัคส์ สไนเกอร์ วัยสามสิบเจ็ด หลานชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวรับช่วงต่อ และเขาก็ไม่ผิดหวังเพราะธุรกิจในเครือสไนเกอร์เจริญรุ่งเรือง กอบโกยเงินได้มหาศาล ด้วยอำนาจเงินและความโหดร้ายของตระกูลสไนเกอร์ทำให้ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูด้วย
บนสนามหญ้าเขียวขจีที่ทอดเชื่อมกับหาดทรายสีขาวสะอาด ชาร์โด้นั่งจิบไวน์รสเลิศอยู่กับสาวสวยสองคนที่นุ่งบิกินีเต้นพลิ้วตรงหน้า เสียงหยอกล้อปนหัวเราะอย่างมีจริตจะก้านดังทั่วบริเวณอย่างมีความสุข
“จิบหน่อยนะคะท่าน”
หนึ่งในสองสาวงามหยุดเต้น เดินมาหยิบขวดไวน์รินให้ชาร์โด้พร้อมกับนั่งตรงที่พักแขน เบียดอกอวบๆ กับต้นแขนอย่างเอาใจ ชาร์โด้หัวเราะร่วน กอดร่างนวลเนียนพร้อมกับลูบไล้ไปมา
“หนูสวยที่สุดเลยรู้ไหม”
ชาร์โด้จูบสีข้างสาวแรงๆ สาวสวยยิ้มร่า ก้มหน้าลงไปจูบแก้มให้รางวัล เฮลิคอปเตอร์บินผ่านหัวไป ใบหน้ารกไปด้วยหนวดเครายาวแหงนหน้าขึ้นมายิ้มๆ
“ดีใจที่ท่านชอบค่ะ” สาวสวยกอดคอเฒ่าชาร์โด้แล้วจูบปากหนาแรงๆ อย่างเอาใจ ตาเฒ่าซุกไซ้ใบหน้ากับร่องอกตูม สาวสวยหัวเราะคิกๆ แอ่นตัวเข้าหา
“มะเขือเผาใช้งานไม่ได้ ยังเริงสวาทได้อีกเหรอครับ” เสียงเข้มดังมาพร้อมกับร่างสง่าในสูทสีเข้ม ทำเอาวิมานของอดีตมาเฟียดังล่มทันที
“ไปพักก่อนนะสาวๆ หมาป่ามารุกรานแล้ว” ชาร์โด้ตบก้นสาวข้างตัวอย่างมันเขี้ยว
ทรัคส์หัวเราะ ทำให้ใบหน้าดิบเถื่อนของเขาสว่างวาบขึ้น
“อาดีใจที่ได้ยินเสียงหัวเราะของแก”
ชาร์โด้ทักทายเมื่อคนมาใหม่ เขาเข็นรถไปใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ชายหาด ร่างสูงสง่าขยับไปยืนเสมอ สายตาทอดมองไปบนพื้นน้ำสีคราม
“เพราะคนที่ทำกับแด๊ดกำลังจะได้รับผลกรรม” เสียงเข้มแฝงไปด้วยอดีตอันเจ็บปวดดังกระแทกหัวใจของชาร์โด้จนเขาต้องหันมองคนเป็นหลาน
“ถึงเวลาหมาป่าไล่ล่าเหยื่อแล้วหรือไง”
“เราปล่อยให้คนพวกนั้นสุขสบายนานพอแล้ว ถึงเวลาที่พวกมันต้องชดใช้ซะที” ทรัคส์แสยะยิ้ม ลากเก้าอี้มานั่ง ทำให้ชาร์โด้เห็นใบหน้าคมดุดันขึ้น
“อยากให้อาไปร่วมแจมแผนด้วยหรือเปล่า”
“ใช้เวลาบั้นปลายชีวิตให้สนุกดีกว่าครับ คนชั่วไม่กี่คนผมจัดการได้”
ทรัคส์บอกขณะที่สายตายังทอดมองพื้นน้ำสีคราม ชาร์โด้ปล่อยอารมณ์ไปกับความเงียบอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยขึ้น
“แกรู้ไหมหมาป่า ว่าจุดอ่อนของมาเฟียอยู่ที่ไหน”
ทรัคส์หันไปมองพร้อมกับเกี่ยวแว่นกันแดดออกจากสันจมูกโด่ง ดวงตาสีเหลืองอำพันสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายสะกดให้คนเป็นอานิ่งไปชั่วขณะ เพราะมันคือสายตาของหมาป่าที่กำลังโกรธแค้นและพร้อมจะฉีกศัตรูออกเป็นชิ้นๆ
“จุดอ่อนของอา ไม่ใช่ของผม”
ทรัคส์ตัดบทเพราะไม่อยากรู้ ชาร์โด้ก็ไม่ละความพยายาม เพราะรู้ลึกถึงจิตใจของลูกผู้ชายทุกคน สมัยที่เขาเป็นหนุ่มก็เช่นกัน
“ไม่...มันเป็นจุดอ่อนของผู้ชายทุกคนเมื่อพบรักแท้ต่างหาก”
ทรัคส์หัวเราะร่วน สำหรับเขารักแท้ไม่มีอยู่จริง แม้ผู้หญิงจะถือเป็นสิ่งวิเศษที่พระเจ้าสร้างมาให้คู่กับผู้ชาย แต่ไม่ใช่เพื่อสร้างรักแท้ ผู้หญิงจะยอมสยบเมื่อมีความสุขสบายมอบให้ เขารู้ข้อนี้ดี
“เกมเริ่มแล้ว ผมมาบอกแค่นี้แหละ”
ในที่สุดร่างสูงสง่าก็ขยับไปยืนตรงหน้าคนเป็นอาแล้วโน้มตัวลงไปสวมกอด
“ผมรักอา...”
คำพูดที่แทบนับครั้งได้ของหลานชายสุดที่รักทำเอาอดีตมาเฟียถึงกับอุ่นวาบไปทั้งตัว มือใหญ่อูมตบแผ่นหลังหนาเบาๆ
“น้ำเน่าว่ะ” แม้จะมีความสุข แต่ตาเฒ่าชาร์โด้ก็ไม่ยอมเสียฟอร์ม
“ดูแลตัวและหัวใจของตัวเองให้ดี ความอ่อนโยนของรักแท้ทำให้ผู้ชายแพ้ทางเสมอ”
“ไม่ใช่ผม” ทรัคส์บอกอย่างมั่นใจ “ผมไปละ ดูแลสุขภาพด้วยล่ะ เรื่องสาวๆ ก็เพลาๆ หน่อย ยังไงมะเขือเผาก็กลับมาใช้งานไม่ได้แล้ว” หลานชายสุดที่รักพูดจี้ใจดำ
“ร่างกายฉันยังฟิตปั๋งไม่ล้มง่ายๆ หรอก ระวังตัวด้วย อโนทัยเป็นเสือไม่สิ้นลาย”
“ผมจะถลกหนังเสือไปวางหน้าหลุมฝังศพแด๊ด” ทรัคส์เค้นเสียงแล้วพกพาความแค้นจากไป
ชาร์โด้มองพื้นน้ำที่อยู่ขอบฟ้าไกล ภาพเก่าๆ ในอดีตผุดขึ้นมาในหัว
ยี่สิบเก้าปีก่อน ตอนนั้นทรัคส์อายุเพียงแปดขวบ พี่ชายเขาได้ทำธุรกิจขาวสะอาดร่วมกับเพื่อนชาวไทย แรกๆ ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง สร้างกำไรมหาศาลกระทั่งขยายธุรกิจใหญ่โตจนมีบริษัทลูกหลายสิบสาขา
แต่แล้วกลางดึกคืนหนึ่ง พี่ชายก็โทร.มาฝากบุตรชายให้ดูแล และพูดถึงธุรกิจว่าถูกโกงหุ้นจนไม่เหลือสิทธิ์ในบริษัท พร้อมกับกำชับไม่ให้เขาไปแก้แค้นใดๆ ในเสี้ยวนาทีต่อมา...เสียงปืนก็ดังลั่นเข้ามาในโทรศัพท์พร้อมกับเสียงร้องของหลานชาย นั่นคือจุดเริ่มต้นชีวิตมาเฟียของทรัคส์
ชาร์โด้จ้างนักสืบมือดีที่สุดสืบเรื่องการตายของพี่ชายจนได้รู้ว่าอโนทัยเพื่อนชาวไทยโกงหุ้นไปจนหมด ในวันนั้นเขาเป็นเพียงนักเลงกลุ่มเล็กๆ เลยสยายปีกไปปกป้องหลานชายไม่ได้จึงต้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แต่วันนี้สไนเกอร์เต็มไปด้วยอำนาจเงิน บารมี และอยู่เบื้องหลังนักการเมืองระดับประเทศหลายคน ทรัคส์คือคนที่ทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นพร้อมกับรอเวลาเอาคืน
“เปเป้...” เปเป้คือคนสนิทของชาร์โด้ ถูกเรียกมายืนใกล้ๆ
“ครับนายใหญ่”
“ได้ข่าวว่านายอโนทัยกำลังแย่ ให้คนของเราแทรกซึมเข้าไปทำงานที่นั่น ถ้ามีอะไรรายงานฉันโดยตรง”
ชาร์โด้รู้เท่าทันความคิดหลานชาย เขาไม่ต้องการขัดขวาง แต่กลัวว่าวันหนึ่งหลานชายจะมีจุดอ่อน เหมือนเขาที่พลาดเรื่องความรักจนเธอผู้นั้นเสียชีวิต
“นายใหญ่ไม่ซื้อหุ้นทั้งหมดเลยล่ะครับ”
“เรื่องนั้นปล่อยให้หมาป่าเป็นคนจัดการ หมอนั่นเก่งและฉลาดเป็นกรด ไวพริบเป็นเลิศอยู่แล้ว แต่ที่ฉันกลัวคือแพ้ทางเรื่องความรัก”
“นายใหญ่หมายถึงคุณมานิตา ลูกสาวคนโตของนายอโนทัยเหรอครับ” เปเป้ถาม
ชาร์โด้กระตุกยิ้มพร้อมกับยกซิการ์ขึ้นสูบ อัดควันเข้าไปจนเต็มปอดแล้วปล่อยออกมา
“ไม่ แต่เป็นลูกสาวอีกคนของนายอโนทัย...”
ชาร์โด้บอกเสียงเรียบจนคนสนิทแปลกใจ เพราะข้อมูลบอกว่านายอโนทัยมีลูกสาวสองคนจริง แต่คนหนึ่งยังเรียนหนังสืออยู่
“บางทีเราอาจจะได้ลูกศัตรูมาร่วมตระกูลก็ได้ใครจะรู้”
ชาร์โด้เปรยออกมาอย่างไม่ต้องการคำตอบ เพราะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว
เปเป้เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ เพราะมั่นใจว่าสักวันเวลาจะไขความสงสัยทุกอย่างด้วยตัวของมันเอง
++++++++++++++++++++++++++++++
กาสิโนสไนเกอร์ กรุงโรม อิตาลี
กาสิโนติดอันดับต้นๆ ของที่นี่เป็นทรัพย์สินของสไนเกอร์กรุ๊ป ซึ่งมีกาสิโนชั้นนำทั้งในโรม ลาสเวกัส เกาะมาเก๊า และยังไม่หยุดความพยายามในการขยายอาณาเขตธุรกิจทั้งในยุโรป รวมไปถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกอีกด้วย
ทรัคส์ สไนเกอร์ ประธานบริหารรุ่นปัจจุบันเป็นผู้กุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ ทรัคส์มีทั้งความเก่งและมีวิสัยทัศน์ในการบริหาร เด็ดขาดและร้ายกาจในเชิงการต่อสู้ ใครที่กล้าเป็นศัตรูหรือทำให้ทรัคส์เจ็บแม้แต่ปลายนิ้ว มันผู้นั้นก็สั่งเสียญาติพี่น้องหรือเตรียมหลุมฝังศพไว้ได้เลย
แม้จะไม่มีใครต่อกร หากความแค้นในอดีตเรื่องบิดายังคงสุมอยู่ในอกเพื่อรอวันสะสาง เวลานี้สไนเกอร์มีทุกอย่างจนสยายปีกเปลี่ยนผิดเป็นถูกได้ เขาจึงไม่รีรอที่จะจัดการคนที่ทำกับบิดา ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับศัตรูถูกเก็บไว้ในหัว แผนการอันแยบยลกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“ฉันจะออกไปเดินเล่นแถวนี้”
ร่างสูงสง่าบอกคนสนิทขณะเดินผ่านหน้าไป แซมขยับตัวจะตามอารักขาเช่นที่เคยทำ แต่มือหนายกขึ้นห้ามซะก่อน
“ไม่ต้อง ฉันไปไม่ไกล”
“เปิดเครื่องติดตามตัวด้วยนะครับบอส”
“อืม...” ทรัคส์รับคำในลำคอแล้วก้าวพ้นประตูไป
แซมอยากจะขัดคำสั่งแค่ไหนก็ต้องยอม แต่ความเป็นห่วงทำให้ปล่อยผ่านไม่ได้
“หมาป่าออกล่าเพียงลำพัง ตามอารักขาห่างๆ”
ร่างสูงสง่าสวมเสื้อโค้ทสีดำเดินไปตามเส้นทางประจำ เป็นตรอกเล็กด้านหลังอาคารใหญ่เพื่อออกสู่ถนนสายหลัก ไม่ถึงห้านาทีทรัคส์ก็หลุดออกมาจากทางเดินแคบๆ และก้าวขึ้นไปบนฟุตพาท ดวงตาคมกล้าสีเหลืองอำพันที่แปลกกว่าคนทั่วไปมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวมองซ้ายขวา แล้วเท้าใหญ่ก็ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ ผ่านผู้คนที่เดินสวนทาง
ด้วยโครงหน้าได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน บุคลิกน่าเกรงขาม และเสน่ห์ในตัวทำเอาคนที่เดินผ่านหันกลับไปมอง ไม่มีใครรู้ว่าคนที่เดินผ่านนั้นคือเจ้าพ่อแห่งสไนเกอร์ เพราะชายหนุ่มไม่ค่อยปรากฏกายที่ไหนนอกจากงานสำคัญๆ ส่วนใหญ่แซมและแบนนิ่งคนสนิทจะทำหน้าที่แทน ทำให้ทรัคส์สามารถเดินไปไหนมาไหนได้อย่างสบาย
วันนี้เขาตั้งใจจะมาดื่มกาแฟร้านเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามที่เคยไปใช้บริการบ่อยๆ ร่างสูงมาหยุดตรงข้ามกับร้านรอสัญญาณไฟเพื่อจะข้ามถนน
ทันทีที่ไฟสัญญาณกำลังจะเปลี่ยนสี ฝั่งตรงข้ามก็คงจะเปลี่ยนเป็นสีแดง อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งท่าทีรีบร้อนจัดวิ่งข้ามถนน รถที่วิ่งบนถนนวิ่งเข้ามาใกล้ทุกขณะ ทรัคส์ยืนห่างเธอคนนั้นไม่ถึงห้าเมตร ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจตะโกนบอกพร้อมกับวิ่งไปช่วย
“ระวัง!”
เอี๊ยดดด!!!
“กรี๊ดดด!!”
เสียงเบรกรถในระยะจวนตัวและเสียงล้อรถบดเบียดกับพื้นถนนดังก้องเข้าไปในโสตประสาทของหญิงสาวจนต้องกรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจ ร่างถูกรวบไปกอดจนล้มกลิ้งไปบนท้องถนนกระแทกกับขอบฟุตพาท
“อยากตายหรือไงพวก” เจ้าของรถลดกระจกลงมาตะโกนด่าแล้วขับต่อไป
ทรัคส์เงยหน้าขึ้นมองขณะที่ยังกอดร่างเล็กเต็มวงแขน พอก้มลงมองคนในวงแขนก็เห็นเธอหลับตาปี๋ ใบหน้าซีดเผือดเพราะความหวาดกลัว
“บอส...”
เสียงเรียกดังมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาหยุดใกล้ๆ ดึงให้หญิงสาวที่สติหลุดไปแล้วเปิดเปลือกตาขึ้นสบกับดวงตาคมกล้า เสี้ยววินาทีนั้นหญิงสาวถึงกับอึ้งตะลึงงัน เพราะมีกระแสอะไรบางอย่างสะกดทุกความรู้สึกของเธอเอาไว้
คุณพระ!!! เธอตายแล้วหรือถึงได้พบกับยมทูต แต่ทำไมท่านยมถึงได้หน้าตาดีมากๆ ขนาดนี้ ใบหน้าคมออกแนวดิบเถื่อน หล่อบาดใจเพราะมีไรเคราเขียวครึ้มพาดผ่านจากซ้ายไปขวา ดวงตาก็ไม่แดงก่ำเหมือนคำบอกเล่า
“ฉันตายแล้ว...พระเจ้า” เธอหาเสียงตัวเองเจอแต่ผะแผ่วแทบไม่ได้ยิน “ท่านยมอย่าเพิ่งเอาชีวิตแพงไปเลยนะคะ แพงยังมีอีกหลายอย่างต้องทำ”
“ถ้าคุณตั้งสติไม่ได้ มีหวังได้ไปพบยมบาลแน่สาวน้อย”
เสียงห้าวห้วนเต็มไปด้วยพลังอำนาจดังขึ้นจนเธอขนลุก พร้อมกับต้นแขนถูกดึงขึ้นยืนด้วยพละกำลังมหาศาลจนเธอลอยหวือขึ้น เมื่อยืนเต็มเท้าห่างเขาไม่ถึงสิบเซนติเมตร ทำให้เธอรู้ตัวว่าสูงเพียงปลายคางเขาเท่านั้น
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ”
เสียงหวานแหบนิดๆ ขณะเงยหน้าขึ้นสบตาคม เมื่อกี้เกือบโดนรถชนว่าน่ากลัวแล้ว เจอผู้ชายคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่า สัญชาตญาณบอกเธอว่าอย่างนั้น เพียงได้รับสัมผัสจากเขาเธอก็ขยาดแล้ว
“คราวหน้าคงไม่โชคดีแบบนี้ ถ้าอยากมีลมหายใจดูพระอาทิตย์ขึ้นก็หัดรอบคอบกว่านี้หน่อย อย่าเหม่อตอนเดินข้ามถนนเพราะเธอมีสิทธิ์ตายโดยไม่รู้ตัว”
เขาถือโอกาสสอนขณะมองหาบาดแผลตามร่างกายเธอ ก่อนจะมาหยุดที่ใบหน้าเรียวงามแบบคนเอเชีย เธอจัดว่างดงามน่ามอง ปากนิด จมูกหน่อย รูปร่างบอบบางน่าถนอม ผิวแก้มใสขาวนวลเนียนอมชมพูเหมือนผิวเด็กอีกต่างหาก
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย”
“อือ” ทรัคส์รับคำขอบคุณในลำคอ
หญิงสาวมองชายฉกรรจ์ห้าคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างหวั่นๆ ไม่แน่ใจว่าคนพวกนั้นมาอารักขาใครกัน หรืออารักขาคนที่ช่วยเธอ
“ฉันไปก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้ง” หญิงสาวพนมมือไหว้แบบไทยๆ แล้วรีบจ้ำอ้าวจากไป
ดวงตาคมกล้ามองร่างบอบบางในชุดกางเกงสี่ส่วนสีครีมกับเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดยาวแค่เอว มีแจ็กเกตสีดำยาวเท่ากันสวมทับอีกชั้น
“จะให้ตามไหมครับบอส” แซมเห็นแววตาวูบวาบของเจ้านายหนุ่มก็เอ่ยถามอย่างรู้ใจ
ทรัคส์กระตุกยิ้มขณะมองตามจนกระทั่งร่างบอบบางหายเข้าไปในร้านค้า
“ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องเจอกันอีก”
ตอบเสร็จทรัคส์ก็เดินกลับไปที่กาสิโน แวบหนึ่งดวงตากลมใสกับใบหน้าเรียวสวยก็ลอยเข้ามาในหัว
แซมมองรอบๆ ตัวด้วยความเคยชิน การ์ดรีบตามอารักขาด้วยความเป็นห่วงเจ้านายหนุ่ม
++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อผ่านเสี้ยวนาทีชีวิตมาได้ด้วยการช่วยเหลือของยมบาลสุดเท่ ช้องมาศหรือแพงก็ก้าวยาวๆ ไปตามฟุตพาทเพื่อกลับไปที่ห้องพัก ความหวาดหวั่นและหวาดกลัวยังคงเจืออยู่ในหัวใจดวงน้อยให้เต้นระทึก เมื่อมาถึงห้องพักหญิงสาวก็ถอดเสื้อออกเพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่แขน
“แม่เจ้า แขนถลอกเลือดซิบเลย มิน่าทำไมถึงเจ็บ”
เมื่อเสื้อตัวนอกหลุดออกช้องมาศก็ต้องอุทาน ลุกไปหยิบชุดปฐมพยาบาลมานั่งที่โซฟา
“อูย...” เมื่อน้ำยาล้างทำความสะอาดสัมผัสแผล หญิงสาวก็ต้องสูดปากด้วยความเจ็บแล้วทำแผลอย่างระมัดระวัง ขนาดเธอยังเจ็บขนาดนี้ แล้วท่านยมจะเจ็บขนาดไหนนะเนี่ย
ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง
ขณะที่นั่งทำแผล เสียงเตือนของการโทร.ไลน์ก็ดังขึ้น ช้องมาศหันไปมองเห็นรูปพี่สาวปรากฏขึ้นก็รีบวางสำลีในมือแล้วกดรับวิดีโอคอล
“ทำอะไรอยู่แพง พี่ยิ่งร้อนใจอยู่”
มานิตาหรือนิต้า พี่สาวของช้องมาศถามอย่างร้อนใจ ใบหน้าคมสวยที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางราคาแพงลิบบูดบึ้งแต่ยังคงความสวยไว้เช่นเดิม
“ร้อนใจเรื่องอะไรคะพี่สาวคนงาม ไหนร่ายยาวมาให้น้องสาวคนนี้ฟังสิคะ” ช้องมาศใช้ภาษาลิเกเพื่อให้มานิตาได้ยิ้ม
“ยัยบ๊อง” และก็ได้ผลเมื่อมานิตาปล่อยคิกออกมากับท่ารำไทยสวยงามของน้องสาว แต่รอยแดงที่ใต้ข้อศอกทำให้ต้องหุบยิ้ม
“แขนเป็นอะไรแพง ทำไมเลือดซิบแบบนั้น”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ ไม่เป็นไรหรอก พี่นิต้ามีอะไรไม่สบายใจคะ”
ช้องมาศพูดเป็นงานเป็นการมากขึ้น ดวงตากลมเห็นมานิตามองบนแล้วกระแทกก้นกับที่นอนผ่านวิดีโอ
“พ่อน่ะสิ หัวโบราณคร่ำครึมากๆ จะให้พี่แต่งงานกับลูกชายเพื่อนเพื่อจะให้เขามาพยุงบริษัท โอ้ มายก็อด ฉันรับไม่ได้ ชีวิตฉันไม่ได้มีไว้เพื่อธุรกิจนะยัยแพง”
มานิตาเป็นสาวสมัยใหม่เรื่องการดำเนินชีวิต แต่หัวเก่าคือไม่ชิงสุกก่อนห่าม ซึ่งเป็นนิสัยของหญิงไทย เพราะนั่นคือคุณค่าของสตรีไทยที่เธอยึดมั่นมาตลอด
“คิกๆ อาจจะเป็นเทพบุตรที่สวรรค์ส่งมาให้พี่ก็ได้นะคะ ทำไมไม่ลองไปเจอเขาสักครั้งล่ะ”
ช้องมาศมองพี่สาวคนสวยอย่างชอบใจ มานิตาเป็นแบบนี้เสมอยามถูกขัดใจ
“โน...โน เขาไม่ใช่เทพบุตร แต่เป็นซาตานสำหรับพี่ เพราะเขาจะมาพรากอิสรเสรีของพี่ไป”
“ห้า...หกตกกะใจ ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
ช้องมาศแสร้งอุทานตาโตด้วยความคาดไม่ถึงว่าคนเป็นพ่อจะรู้จักกับซาตาน
“ขึ้นชื่อว่าซาตานนี่โหดร้ายมากนะคะ คุณพ่อไปรู้จักได้ยังไง”
“ได้ยินว่าเป็นลูกเพื่อนพ่อสมัยเรียนน่ะสิ ช่วยคิดหน่อยสิแพง พี่จะทำยังไงดี”
“เขาชื่ออะไรคะ เผื่อแพงจะรู้จักหรือเคยเห็นเขาบ้าง”
ช้องมาศรู้สึกว่างานนี้พี่สาวคงเลี่ยงไม่ได้ หรือจะใช้ไม้ตายกลับไปอยู่เมืองนอกก็คงไม่เป็นผล
“ไม่รู้สักอย่าง” มานิตาแบมือออกข้างตัวพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ
“ทำไงดีแพง พี่เครียดจนหน้าแก่แล้วเนี่ย” มานิตาห่วงสวยจนช้องมาศอดขำไม่ได้
“ถามพ่อสิคะจะยากอะไร”
ช้องมาศยิงคำตอบไป แต่มานิตาไม่ทันได้ตอบ คนต้นเรื่องอย่างอโนทัยก็เดินเข้ามาในห้องบุตรสาว
“ไม่ต้องถาม เพราะพ่อจะให้พี่นิต้าไปหาแดเนียลที่โรม อีกสองวันแพงไปรอรับพี่เขาที่สนามบินด้วยนะ”
นายอโนทัยโอบบ่าบุตรสาวสุดที่รักที่ทำหน้าเซ็งๆ อยู่บนเตียง
“ได้ค่ะคุณพ่อ เขาเป็นคนไม่ดีทำไมคุณพ่อถึง...”
ช้องมาศถามขณะชำเลืองมองหน้างอง้ำของพี่สาว นายอโนทัยถอนหายใจเบาๆ ช้องมาศมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยอย่างกังวล
“พ่อมีเหตุผลของพ่อ แต่ขอให้รู้ว่าที่ทำเพราะพ่อรักลูก”
นายอโนทัยเข้ามาบอกเพียงเท่านั้นก็กลับออกไป สองสาวที่อายุห่างกันสองปีอึ้งไป
“เข้าใจแล้วนะคะพี่นิต้า”
“ย่ะ ถ้ารู้ว่าอยู่ข้างพ่อไม่มาปรึกษาหรอก ไปล่ะ กู๊ดไนต์น้องรัก” มานิตาจุ๊บหน้าจอแล้วตัดการติดต่อ
ช้องมาศอมยิ้ม แม้มานิตาจะเอาแต่ใจแต่ก็เป็นพี่สาวที่ห่วงน้องคนนี้เสมอ ถ้าเธอทำแทนได้คงไม่รั้งรอ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทันทีที่ถึงสนามบินเพื่อมารอรับพี่สาว ช้องมาศ ก็ถูกจับตัวไป เพราะพี่สาวตัวแสบที่ไม่อยากถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าดันส่งรูปเธอไปให้ว่าที่เจ้าบ่าวแทน ส่วนว่าที่เจ้าบ่าวที่ไม่อยากแต่งเหมือนกันก็ส่งรูปเธอไปให้เพื่อนสนิทที่เป็นมาเฟียร้ายซึ่งรอโอกาสแก้แค้นครอบครัวเธออีกที เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เธอต้องมาผจญอยู่กับเจ้าพ่อมาเฟียอย่าง ทรัคส์ สไนเกอร์ คนนี้โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง และนอกจากเสียงครางบนเตียงเขาก็ไม่ยอมฟังเสียงอะไรเลย

“ฉันอยากกินนมสด”

“ยี้! คนทุเรศ อยากกินนมก็ไปหาในตู้เย็นสิ ปล่อย!”


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”