New Release BLY แปล : พันธะสาป 2 (เล่มจบ)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : พันธะสาป 2 (เล่มจบ)

โพสต์ โดย Gals »

บทที่สิบเอ็ด

คราวนี้หลับใหลไปนานแสนนานยิ่งนัก ช่วงระหว่างที่สติพร่าเลือนเซวียนชิงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะได้สติสัมปชัญญะขึ้นมาเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่าอาลั่วอยู่ข้างกาย แต่ว่ากลับมองเห็นใบหน้าของอาลั่วไม่ชัด ทั่วทั้งสรรพางค์กายคล้ายกับถูกฉีกกระชากออกจากกันแล้วประกอบกลับเข้าไปใหม่อย่างไรอย่างนั้น มีแต่เพียงความเจ็บปวดรวดร้าว อยากจะเอ่ยพูด แต่ปากกลับอ้าไม่ออก อยากจะพลิกตัว ทว่าแม้แต่กระดิกนิ้วก็ยังทำไม่ได้
ระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่นนี้เซวียนชิงแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าสิ่งใดคือความฝันสิ่งใดคือความจริง เขาสะลึมสะลือราวกับอยู่ในภาพมายา บางครั้งยังนึกคิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุว่า...ตนเองตายไปแล้วใช่หรือไม่?
แน่นอนว่าคำตอบคือไม่ เขายังคิดยังรับความรู้สึกได้ ยังไม่ถึงเวลาที่มัจจุราชจะมารับตัวเขาไป
เมื่อเซวียนชิงฟื้นคืนสติกลับมาโดยสมบูรณ์ เขาก็นอนอยู่บนเตียงของตนเอง แม่นมที่คอยรับใช้เขาคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ ทุกอย่างยังคงเป็นปกติเหมือนเคย ครั้นเห็นเขาฟื้นขึ้นมา แม่นมก็ดีอกดีใจยิ่งนัก รีบร้อนวิ่งออกไปยกอาหารและโอสถเข้ามาทันที ก่อนจะช่วยปรนนิบัติเซวียนชิงให้กินทีละอย่างๆ
เซวียนชิงซึ่งนอนหลับไปนานแม้แต่จะเอ่ยวาจาออกมาก็ยังทำไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเดินเหินตามใจปรารถนา เขาทำได้เพียงปล่อยให้แม่นมคอยปรนนิบัติดูแลเท่านั้น อีกทั้งพอได้ฟังถ้อยคำซึ่งเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดีของนาง เซวียนชิงก็แตกตื่นตกใจไปยกใหญ่เช่นกัน เพราะแม่นมบอกว่าหนนี้เขานอนป่วยมาเกือบจะเดือนกว่าแล้ว
นี่เกินจริงเสียเหลือเกิน ตนเองหลับใหลไม่ได้สติไปเดือนกว่าเชียวหรือนี่ ซ้ำยังไม่รู้ตัวอีก ตกลงแล้วเขาเป็นโรคร้ายอันใดกันแน่! ในใจเซวียนชิงรู้สึกประหลาดใจ ทว่าอาการป่วยของเขาดูเหมือนจะทำให้แม่นมหวาดกลัวจับจิต นางแปรเปลี่ยนเป็นพูดเยอะกว่าปกติ ทยอยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดช่วงกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาให้เซวียนชิงฟังเรื่อยๆ
หนึ่งเดือนกว่ามานี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายเหลือเกิน แต่ละเรื่องล้วนทำให้เซวียนชิงแตกตื่นตกใจมิวางวายได้ทั้งสิ้น
เรื่องแรกก็คือการที่เซวียนชิงล้มป่วยลง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นโรคใดกันแน่ อาลั่วไม่ยินยอมให้ข้ารับใช้แพร่งพรายออกไปจึงให้เซวียนชิงมานอนอยู่ที่ห้องปีกข้าง และไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้ วันต่อมาเขาก็เชิญพี่น้องใบ้ชายหญิงคู่หนึ่งมาคอยดูแลเซวียนชิง จนกระทั่งระยะนี้เขาหายเป็นปกติดีแล้ว แม่นมถึงถูกโยกย้ายให้มาดูแลเขาแทน
เรื่องพวกนี้มิใช่ประเด็นสำคัญ เรื่องที่ยุ่งที่สุดในวันนั้นหาใช่เรื่องของเซวียนชิงไม่ แต่เป็นเรื่องที่หวั่นเยวี่ยก็คลอดก่อนกำหนดในคืนวันนั้นเช่นเดียวกัน!
เรื่องนี้ปุบปับกะทันหันเกินไป ดังนั้นเหล่าข้ารับใช้ในตอนนั้นจึงต่างงานยุ่งกันจนมือไม้เป็นระวิง
เป็นเช่นนี้ก็มิใช่เรื่องแปลก เพราะว่ามีเรื่องเกิดขึ้นตั้งมากมาย ไม่ว่าจะคิดคำนวณดูอย่างไรหวั่นเยวี่ยกับลูกก็สำคัญกว่า ทว่าหลังจากนั้นวาจาของแม่นมกลับทำให้เซวียนชิงตะลึงอึ้งงันไปอย่างแท้จริง
เด็กคลอดออกมาในเช้าตรู่ของวันถัดมา เป็นดรุณีน้อย เดิมทีควรเป็นเรื่องที่ควรจะเฉลิมฉลองยินดี แต่ว่าผ่านไปไม่กี่วัน งานมงคลก็กลับกลายเป็นงานศพ
ว่ากันว่าหวั่นเยวี่ยตกใจเสียขวัญจนคลอดก่อนกำเนิด เดิมทีร่างกายของนางก็มิได้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่แล้ว หลังจากคลอดบุตรอาการก็ยิ่งย่ำแย่ลงทุกวันๆ อาลั่วใช้สมุนไพรชั้นเลิศทั้งหมดที่มีอยู่ในคฤหาสน์ก็มิอาจช่วยชีวิตนางเอาไว้ได้ สุดท้ายลูกน้อยอายุยังไม่ทันครบเดือน นางก็ลาจากโลกนี้ไปแต่เยาว์วัย ช่างน่าเสียดายจริงๆ
แม่นมพูดจบก็พลันถอนหายใจ เซวียนชิงมองดูนาง ในใจมีความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันไปหมด
ตอนนี้ตนเองรอดชีวิตกลับมาได้ แต่ว่าหวั่นเยวี่ยกลับจากไปทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้ สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งกันโดยแท้ อาลั่วคงจะสภาพจิตใจย่ำแย่มากเป็นแน่ เด็กน้อยเองก็น่าสงสาร เพิ่งจะเกิดมาก็ไร้มารดาเสียแล้ว ต่อไปเกรงว่า...
“เฮ้อ...” ความรู้สึกอันสลับซับซ้อนแปรเปลี่ยนเป็นเสียงถอนหายใจยาวๆ เซวียนชิงซึ่งนอนอยู่บนเตียงลูบกำไลข้อมือที่อาลั่วมอบให้ตนเองอย่างแผ่วเบา อดปลงอนิจจังกับความไม่แน่ไม่นอนของโลกนี้มิได้
แม่นมเห็นเขาสภาพจิตใจไม่ค่อยสู้ดีจึงไม่พูดเรื่องพวกนี้อีก นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปพูดเรื่องที่ผ่อนคลายสบายใจ เซวียนชิงทราบถึงความปรารถนาดีของนางดี ถึงแม้จะไม่มีกะจิตกะใจแต่กลับฟังนางพูดอย่างมีน้ำอดน้ำทน
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้นอนหลับเยอะเกินไป เซวียนชิงจึงไร้ความรู้สึกง่วงงุนโดยสิ้นเชิง อีกทั้งไม่แสดงอาการป่วยใดๆ ออกมาทั้งสิ้น เขาเพิ่งจะกินอาหารเหลวกับยาสมุนไพรที่แม่นมยกเข้ามา รู้สึกว่าเอาแต่นอนคงไม่ดี ดังนั้นเลยลุกขึ้นนั่งเอนกายพิงหัวเตียง จากนั้นก็ให้แม่นมหยิบหนังสือนิทานง่ายๆ เรื่องหนึ่งมาอ่าน
หนึ่งเดือนช่างยาวนานเหลือเกิน เซวียนชิงนอนหลับจนร่างกายแข็งทื่อไปหมด ตรงช่วงเอวก็ปวดเมื่อยชาวาบเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงถือม้วนหนังสือด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็บีบนวดเอวเบาๆ พอจับลงไปแล้วเขาถึงพลันตระหนักได้ว่าการเจ็บไข้ได้ป่วยก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดเรื่องลดน้ำหนักอีก ป่วยอยู่หนึ่งเดือนกว่า ไขมันส่วนเกินตรงช่วงท้องก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว
ในขณะที่เขานึกคิดไปเรื่อยเปื่อยนั้นประตูห้องก็ถูกคนเปิดออก เป็นอาลั่วที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจากด้านนอก พอเซวียนชิงเห็นเขาก็รู้สึกประหลาดใจยิ่ง เขาคิดว่าอย่างน้อยต้องรอจนถึงกลางคืนกว่าอาลั่วจะมา เพราะอย่างไรก็ฟังดูเหมือนว่าเขายังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมากมาย แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะโผล่มาเร็วเช่นนี้
แต่แม่นมกลับสงบเยือกเย็นยิ่ง หลังจากคารวะอาลั่วแล้วนางก็เดินถอยออกไปจากห้อง เปิดโอกาสให้พวกเขาทั้งสองได้สนทนากัน
ครั้นภายในห้องเหลือเพียงแค่ทั้งคู่ เซวียนชิงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอันใดกับอาลั่วในตอนนี้ดี ควรจะแสดงความยินดีหรือปลอบใจดี?
เมื่อเทียบกันแล้วอาลั่วกลับไม่ต้องว้าวุ่นใจเช่นนี้ เพราะว่าตอนกลางวันเอ่ยวาจามิได้อยู่แล้ว
พอลมหายใจของอาลั่วสงบมั่นคงลงแล้ว เขาก็เดินเข้าไปใกล้ข้างกายของเซวียนชิง หลังจากมองดูชามกระเบื้องเคลือบอันว่างเปล่าบนโต๊ะแวบหนึ่ง เขาก็นั่งลงที่ขอบเตียง กุมมือเซวียนชิงขึ้นมาบีบเบาๆ ต่อมาจรดจุมพิตลงที่ริมฝีปากของเขาสองสามที
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? ขอโทษหรือ?
เซวียนชิงทำความเข้าใจได้เพียงเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงคลี่ยิ้มออกมาเบาๆ หลังจากนั้นตอบกลับไปว่า “ข้าไม่เป็นไร เจ้าต่างหาก...อย่าเศร้าโศกเสียใจเกินไปนัก เรื่องของแม่นางหวั่นเยวี่ย...ก็อย่าคิดมากไปเลย”
อาลั่วเข้าใจความหมายของเขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยถือเป็นการตอบรับ
ครั้นเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีโกรธเคืองหรือว่าเศร้าซึม เซวียนชิงก็แอบเบาใจลง “เจ้าอายุยังน้อย ต่อไปยังต้องพบเจอเรื่องต่างๆ อีกมาก ปลงให้ตกเสียบ้าง เจ้าเป็นพ่อคนแล้วมิใช่หรือ?”
พอเอ่ยถึงลูกน้อย เซวียนชิงก็ได้เห็นสีหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนใบหน้าของอาลั่ว เฉยชาทว่าเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึก หนักแน่นทว่าอ่อนโยน นั่นเป็นสีหน้าท่าทางของผู้ที่เป็นพ่อแม่คนเท่านั้นถึงจะมี
เซวียนชิงตะลึงอึ้งงันไป ก่อนจะเผยสีหน้าโล่งใจออกมาในทันที ดูเหมือนว่าอาลั่วจะมิได้เกิดความแสลงใจต่อบุตรสาวเพราะการตายของหวั่นเยวี่ย นี่ถือว่าเป็นเรื่องดียิ่ง
อาลั่วอยู่เป็นเพื่อนเซวียนชิงเนิ่นนานพักใหญ่ จนกระทั่งถึงยามย่ำค่ำเขาเริ่มเอ่ยปากพูดได้ ภายในห้องจึงคึกคักครื้นเครงขึ้นมาทันที
เขามิได้โศกศัลย์หมดอาลัยตายอยากเพราะการตายของหวั่นเยวี่ย น้ำเสียงยังคงสดใสร่าเริงเช่นเคย เอ่ยเล่าเรื่องต่างๆ ให้เขาฟังมากมาย มากกว่าครึ่งล้วนเป็นการแนะนำบุตรสาวของตนเองที่เพิ่งจะลืมตาดูโลกได้ไม่นานแก่เซวียนชิง ทว่าเรื่องเกี่ยวกับอาการป่วยของเซวียนชิงกลับกลบเกลื่อนผ่านไปอย่างไม่ชัดเจน เขาเอาแต่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด สุดท้ายยังถึงกับสั่งให้คนไปอุ้มบุตรสาวตัวน้อยของตนเองมา ดึงดันจะให้เซวียนชิงเห็นให้ได้
เซวียนชิงปฏิเสธความกระตือรือร้นของบิดามือใหม่ผู้นี้มิได้จริงๆ จึงทำได้เพียงน้อมรับแต่โดยดี แต่จะว่าไปก็น่าแปลก เดิมทีเขาคิดว่าตนเองจะรู้สึกไม่ดีกับเด็กทารกตัวน้อยนี้ แต่พอได้เห็นนางเข้าจริงๆ เซวียนชิงพบว่าตนเองมิได้รังเกียจทารกน้อยผู้นี้อย่างที่คิดไว้
บุตรสาวตัวน้อยของอาลั่วน่ารักเรียบร้อยยิ่ง ร่างกลมๆ ตัวน้อยๆ ผิวอ่อนนุ่มอมชมพู นอนหลับอยู่ในผ้าอ้อม บางครั้งบางคราก็ดูดริมฝีปากดังแจ๊บๆ ไม่ร้องไห้และไม่งอแง
อาลั่วซึ่งอุ้มบุตรสาวมาโอ้อวดเอาแต่พูดเป็นต่อยหอยอยู่ข้างหูของเซวียนชิงไม่หยุด เขาเอาแต่พูดชื่นชมบุตรสาวของตนเองทั้งสิ้น ต่อมาดูเหมือนว่าเขาต้องการจะพิสูจน์วาจาของตนเองให้เห็นจึงปลุกบุตรสาวตัวน้อยให้ตื่นขึ้นโดยไม่สนคำทัดทานของเซวียนชิง ทว่าสิ่งที่ชวนให้คนขบขันคือ ถึงแม้ทารกน้อยจะถูกบิดาปลุกให้ตื่น นางไม่เพียงแต่ไม่ร้องไห้ หลังจากส่งเสียงฮึฮึออกมาสองสามครั้งก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา
พอนางหัวเราะอาลั่วก็หัวเราะด้วยเช่นกัน เซวียนชิงมองดูใบหน้าแย้มยิ้มของทารกน้อย ครั้นเห็นลักยิ้มเล็กๆ ตรงสองข้างมุมปากของนางก็อดยกริมฝีปากแย้มยิ้มขึ้นมาเหมือนกันมิได้
แปลกจริง...เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกว่าเด็กหญิงผู้นี้ดูคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่นิดๆ หนอ?
การถือกำเนิดของชีวิตใหม่ได้ลบเลือนเรื่องราวมากมายให้หายไป คลื่นความไม่สงบก่อนหน้านี้ยุติลงชั่วคราว อาลั่วมิได้เอ่ยถึงหรืออธิบายเรื่องใดๆ ให้เซวียนชิงทราบเลยสักนิด เพียงแต่บอกให้เขาพักผ่อนบำรุงร่างกายอย่างสบายใจ เพราะว่าก่อนที่คิมหันตฤดูจะมาเยือน เขาวางแผนจะพาเซวียนชิงกับลูกกลับคฤหาสน์สกุลเว่ย
เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้เซวียนชิงถึงนึกขึ้นมาได้ว่าหากคิมหันตฤดูมาถึงเมื่อใด อาการป่วยของอาลั่วจะ ‘กำเริบ’ ขึ้นมาอีกครั้ง!
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งปีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยหรือนี่ เซวียนชิงทอดถอนใจที่กาลเวลาล่วงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ย้อนนึกถึงตอนที่เพิ่งจะได้รู้ว่าอาลั่วมีโรคประจำตัว ตอนนั้นเขายังหวาดกลัวแทบตาย ทว่าบัดนี้...
“คิมหันตฤดูปีนี้...ต้องการให้ข้าปรนนิบัติหรือไม่?”
อาลั่วที่อุ้มบุตรสาวเอาไว้ส่ายศีรษะเป็นการบอกว่าไม่ต้องในทันที
“อ้อ...”
เซวียนชิงมองดูอาลั่วที่หลงลูกสาวจนโงหัวไม่ขึ้น ขนาดตอนนี้ตัวเองเสนอตัวให้ยังถูกรังเกียจเลย
อาลั่วเป็นบิดาที่ดีอย่างเต็มเปี่ยมผู้หนึ่ง ได้ยินแม่นมของทารกน้อยบอกว่า ช่วงเดือนแรกที่ลูกเพิ่งจะคลอดออกมา นอกจากตอนที่ต้องให้นมแล้ว โดยส่วนมากอาลั่วจะอุ้มและหยอกเล่นกับบุตรสาวด้วยตนเอง ทะนุถนอมบุตรสาวเหมือนเป็นไข่มุกบนฝ่ามือจริงๆ คนอื่นจะแตะเขาก็ไม่ให้แตะ หลังจากเซวียนชิงฟื้นขึ้นมาเขาก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่ มักจะอุ้มบุตรสาวมาเยี่ยมเซวียนชิงเป็นประจำ ท่าทางระมัดระวังราวกับหากเผลอไผลเพียงนิดบุตรสาวอาจจะถูกคนอื่นแตะจนเสียหายได้
แต่ถึงกระนั้นอาลั่วก็หาได้เมินเฉยต่อเซวียนชิงเพราะเอาแต่หลงใหลบุตรสาวของตนเอง เขาคำนึงถึงสภาพร่างกายของเซวียนชิงจึงยืนกรานจะรอให้เซวียนชิงสามารถลงจากเตียงมาเดินเหินไปไหนมาไหนได้ก่อนถึงค่อยออกเดินทางกลับคฤหาสน์สกุลเว่ย
ยามนี้ใกล้จะล่วงเข้าคิมหันตฤดูแล้ว โชคดีที่ขบวนเดินทางของเขามาถึงคฤหาสน์สกุลเว่ยอย่างปลอดภัยโดยที่อาการป่วยของอาลั่วยังมิได้กำเริบขึ้นโดยสมบูรณ์
ผู้คนในคฤหาสน์สกุลเว่ยพอเห็นอาลั่วกลับมาก็ย่อมยินดีปรีดาเป็นธรรมดา ทว่าทารกน้อยกลับนำพาความแตกตื่นยินดีมาให้ทุกคนมากที่สุด กระทั่งยามนี้เซวียนชิงถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้อาลั่วมิเคยส่งข่าวเรื่องที่บุตรสาวถือกำเนิดขึ้นมาให้กับญาติพี่น้องในคฤหาสน์สกุลเว่ยทราบเลย
อาจเพราะกลัวว่าหานหมิงรั่วซึ่งอยู่ที่คฤหาสน์สกุลเว่ยจะรู้สึกไม่สบายใจกระมัง เซวียนชิงคาดเดาเช่นนี้ และไม่อยากจะไปคิดอันใดให้มากกว่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น เขาจึงเลือกที่จะย้ายกลับไปพำนักที่บ้านรองเหมือนก่อนหน้านี้อย่างรู้ฐานะของตนดี ไม่มีผู้ใดเอ่ยคัดค้าน อาลั่วเองก็ส่งคนมาคอยดูแลเซวียนชิงเช่นกัน ถือว่าเป็นการอนุญาตเขากลายๆ
ผู้ที่รับผิดชอบดูแลเซวียนชิงคราวนี้มิใช่เสี่ยวเซีย ได้ยินว่าท่านย่าของเสี่ยวเซียสุขภาพไม่ค่อยดี เขาจึงกลับบ้านเกิดไปเยี่ยมดูอาการ เด็กรับใช้ที่ถูกส่งมาให้ย่อมมิได้สนิทสนมมักคุ้นเหมือนอย่างเสี่ยวเซีย เซวียนชิงกับเขาก็ไม่มีเรื่องอันใดให้สนทนากัน ปกติแล้ววันๆ หนึ่งก็ได้พูดคุยกันแค่ไม่กี่คำเท่านั้น
ชีวิตในแต่ละวันน่าเบื่อเงียบเหงาซ้ำไปซ้ำมา แต่เซวียนชิงมิได้คาดหวังว่าอาลั่วจะมาหา ตอนอยู่ที่อำเภอเล็กๆ นั่นอาลั่วก็ได้บอกเตือนเซวียนชิงเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่าเนื่องจากลูกของเขาคลอดก่อนกำหนด ร่างเล็กๆ นั้นประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวแย่ นางจำเป็นต้องมีคนคอยดูแล ด้วยเหตุนี้พอถึงเวลานั้นเขาอาจจะไม่มีเวลามาสนใจเซวียนชิงเท่าไรนัก
ถ้อยคำนี้ชัดเจนกระจ่างแจ้งเป็นที่สุด ไม่ว่านี่จะใช่ข้ออ้างหรือไม่ เซวียนชิงล้วนมิอาจตำหนิต่อว่าอาลั่วได้ ลูกเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ หากสลับตำแหน่งกัน ถ้าตนเองมีบุตรสาวตัวน้อยน่ารักน่าชังเช่นนี้ อาลั่วอาจจะถูกจัดลำดับไว้หลังลูกเหมือนกันก็เป็นได้

***

หลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อคิมหันตฤดูเพิ่งจะมาเยือนเซวียนชิงพลันได้รับ ‘ของขวัญชิ้นโต’ จากคฤหาสน์สกุลเว่ย!
ความคิดของอาลั่วคาดเดายากมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ครั้งนี้กลับพิเศษยิ่งกว่า เมื่อเห็นหานหมิงรั่วอุ้มห่อผ้าอ้อมยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง เซวียนชิงก็ทำได้เพียงจ้องมองพวกเขาอย่างอึ้งงัน
ใครก็ได้ช่วยบอกเขาทีว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
“อาลั่วบอกว่า ตอนที่อาการป่วยเขากำเริบ ให้เจ้าช่วยดูแลเด็กคนนี้ที”
ถึงแม้หานหมิงรั่วจะกล่าวเช่นนี้ แต่นี่มันก็พิลึกพิลั่นเกินไปแล้วกระมัง!
“คุณชายหาน มิใช่ว่าข้าไม่ยินยอม...แต่ว่าที่คฤหาสน์สกุลเว่ยมีคนอยู่ตั้งเยอะแยะ เอาคุณหนูมาไว้ที่ข้าดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก”
ตั้งแต่เล็กจนโตเซวียนชิงจำได้ว่าเขาเคยเลี้ยงลูกเต่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซ้ำร้ายสุดท้ายยังให้อาหารมันกินจนตายอีก ตอนนี้กลับเอาเด็กทารกมาให้เขาเลี้ยง ล้อกันเล่นกระมัง!
หานหมิงรั่วส่ายศีรษะ “พูดตามจริง ในคฤหาสน์สกุลเว่ยก็ไมมีใครเห็นด้วยกับความคิดของอาลั่วหรอก แต่ว่าเขากลับยืนกรานถึงขนาดนั้น เจ้าเองก็คงจะรู้ดีว่าเมื่อเขาคิดจะทำสิ่งใดแล้ว ต่อให้เอาวัวสิบตัวมาลากก็ฉุดไม่อยู่”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้เซวียนชิงก็แทบจะจินตนาการได้ว่าอาลั่วใช้ลูกไม้เอาแต่ใจเช่นใดถึงสามารถทำให้คนในครอบครัวของเขาเห็นด้วยกับเรื่องราวไร้สาระพรรค์นี้ได้
“แต่นี่ก็...”
เซวียนชิงรับห่อผ้าอ้อมในมือของหานหมิงรั่วมาอย่างจะร้องไห้ก็มิได้หัวเราะก็ไม่ออก เด็กหญิงในห่อผ้าอ้อมกำลังนอนหลับปุ๋ย เซวียนชิงมองดูทารกน้อย รู้สึกว่านางตัวหนักกว่าก่อนหน้านี้นิดหน่อย หน้าตาก็เริ่มเห็นเค้าโครงบ้างแล้ว อืม...หน้าตาดูคุ้นตามากจริงๆ ด้วย
หานหมิงรั่วซึ่งอยู่อีกด้านจ้องมองเซวียนชิง ต่อมาก็เห็นกำไลตรงมือของเขา ในใจรู้สึกอึดอัดยุ่งเหยิงมิวางวาย ครู่หนึ่งผ่านไป สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเปิดปากขึ้นด้วยความลังเล “เจ้า...ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
“เอ๋?”
นี่กลับเป็นเรื่องแปลกใหม่ยิ่ง เท่าที่จำได้ ที่ผ่านมาหานหมิงรั่วจะคอยอยู่ห่างๆ ตนเองไว้เสมอ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอาลั่ว หาไม่แล้วเขาก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายชวนตนเองพูดคุยกันเด็ดขาด ถึงแม้จะสงสัยงุนงง แต่เซวียนชิงก็เชิญเขาเข้ามาในเรือนก่อน จากนั้นวางทารกน้อยไว้บนตั่งนุ่มซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งแล้วตนเองก็ไปตระเตรียมน้ำชามาต้อนรับ ต้อนรับขับสู้ตามธรรมเนียมให้พร้อมสรรพก่อนแล้วถึงค่อยนั่งลงตรงข้ามหานหมิงรั่วเพื่อฟังเขาพูด
พอนึกถึงเรื่องที่หานหมิงรั่วไล่ตนเองออกไปก่อนหน้านี้ เซวียนชิงก็คาดเดาล่วงหน้าว่าสิ่งที่เขาอยากพูดคงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน เพียงแต่ท่าทางของเขากลับมิได้เกรี้ยวกราดดุดันขนาดนั้น กลับดูลำบากใจอยู่นิดหน่อยเสียด้วยซ้ำ มีบางถ้อยคำมาถึงริมฝีปากแล้ว แต่เซวียนชิงกลับพูดไม่ออก
หานหมิงรั่วดื่มน้ำชาหนึ่งอึกก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปทางสีหน้าแววตาฉงนงุนงงของเซวียนชิง สุดท้ายก็ต้านทานมโนธรรมในใจของตัวเองมิได้ จึงเอ่ยปากขึ้น “ข้ายังคงหวังว่าเจ้าจะไปจากที่นี่อยู่ดี”
เป็นเรื่องนี้จริงๆ เสียด้วย เซวียนชิงแอบนับถือในญาณหยั่งรู้ของตนเอง เขามิได้เศร้าโศกหวาดกลัว เพียงแต่ตอบกลับไปอย่างสงบนิ่งว่า “คุณชายหาน ท่านเองก็รู้ดีว่าข้าชอบอาลั่ว ดังนั้นก่อนที่อาลั่วจะขับไล่ข้าไป ข้าไม่อยากไปจากเขา”
ท่าทีอันชัดเจนเช่นนี้กลับมิได้รับความเห็นชอบจากหานหมิงรั่ว เขาถอนหายใจลึกๆ เฮือกใหญ่ ชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นมาอีกครา “ในเมื่อชอบ เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ควรมองดูเขาทำผิดบาปมหันต์มิใช่หรือ?”
“หมายความว่าอย่างไร?”
“เคยได้ยินเรื่องที่งูกินผีเสื้อหรือไม่?” หานหมิงรั่วมิได้เอ่ยตอบตรงๆ แต่กลับย้อนถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหัวข้อสนทนาแทน
เซวียนชิงถูกถามจนพลันนิ่งงันไป ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? งูไม่กินผีเสื้อเสียหน่อย”
“ถูกต้อง” หานหมิงรั่วพยักหน้า แววตายิ่งทวีความล้ำลึก “จริงอยู่ที่งูไม่กินผีเสื้อ แต่ยาม ‘ผีเสื้อ’ กลายเป็นสารอาหารที่มันต้องการ มันก็จำเป็นต้องกิน ‘ผีเสื้อ’ ”
“...หมายความว่าอย่างไร?”
ลางสังหารณ์ไม่ดีจู่โจมเข้าใส่ เซวียนชิงมือเท้าเย็นเฉียบขึ้นมาในบัดดล
“อาลั่วคงจะเคยเล่าให้เจ้าฟังแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเดินทางไปยังที่อยู่เดิมของหมู่บ้านบนภูเขาที่อาจารย์ของอาลั่วซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเคยพำนักอาศัยเมื่อครั้งที่มีชีวิตอยู่ ระหว่างนั้นเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ทว่าข้ากลับจับพลัดจับผลูได้อ่านสมุดบันทึกที่อาจารย์ซินเขียนด้วยมือตนเอง”
“สมุดบันทึก?”
“ถูกต้อง ในสมุดนั้นเรียกได้ว่าเป็นบันทึกผลงานความทุ่มเทตลอดทั้งชีวิตของอาจารย์ซิน ในนั้นก็ได้เอ่ยถึงหนอนพิษหมื่นนาคาเอาไว้ด้วย”
เรื่องราวบางอย่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นเด่นชัด เซวียนชิงรอคอยคำตอบที่กำลังจะมาถึงอย่างเงียบเชียบ
หานหมิงรั่วเอ่ยถึงตรงนี้ก็หันมองไปทางเซวียนชิงอย่างห้ามไม่อยู่ “ในนั้นเขียนไว้ว่า หนอนพิษหมื่นนาคามิใช่ว่าจะไม่มีทางรักษา อีกอย่างเขาก็หา ‘ยา’ ที่สามารถรักษาอาลั่วให้หายสนิทได้แล้ว เพียงแต่...” เขาทำท่าเหมือนจะเอ่ยอันใดบางอย่างแต่ก็หยุดชะงักไป สายตาเริ่มมองเหม่อเลื่อนลอยออกไป “ทว่า ‘ยา’ นั้นมิใช่สิ่งของ กลับเป็นมนุษย์ตัวเป็นๆ!”
“...!”
เซวียนชิงได้ยินก็ตื่นตกใจ ตะลึงอึ้งงันจากจิตใต้สำนึก
ต่อมาก็ได้ยินหานหมิงรั่วเอ่ยว่า “ในวงการวิชาแพทย์ ‘มนุษย์ยา’ มิได้เพิ่งจะมีขึ้นเป็นครั้งแรก แต่การสร้างมนุษย์ยารักษาหนอนพิษหมื่นนาคากลับยากเย็นแสนเข็ญ ไม่เพียงแต่ต้องบำรุงด้วยยาสมุนไพรและอาหารบำรุงเลอค่านานาชนิด ซ้ำยังต้องดูที่การปรับตัวและภูมิต้านทานของร่างกายหลายๆ อย่างประกอบกัน ต้องบ่มเพาะสั่งสมต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานถึงจะกลายเป็น ‘มนุษย์ยา’ ได้ เพราะว่ามีเงื่อนไขมากมายเกินไป ในรอบหลายร้อยปีก็ไม่แน่ว่าจะสร้างออกมาได้สักคน เป็นสิ่งที่ล้ำค่าหายากอย่างยิ่ง”
อาลั่วมีหนทางรักษาหายแล้ว ดีเหลือเกิน แต่เพราะเหตุใด...ต้องบอกเรื่องพวกนี้กับตนเองด้วยเล่า?
เซวียนชิงเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็เหมือนมึนงงอยู่บ้าง ความนัยบางอย่างในถ้อยคำของหานหมิงรั่วทำให้เขาฉงนสนเท่ห์
เมื่อเห็นว่าเขายังไม่เข้าใจ หานหมิงรั่วก็อดถอนหายใจเฮือกมิได้ ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “มนุษย์ยาล้วนมีความแตกต่างกันไป ส่วนมากเป็นโลหิตสดหรือไม่ก็อวัยวะภายในที่มีฤทธิ์ยา หรือไม่ก็มีสภาพร่างกายที่พิษร้ายนานาชนิดมิอาจกล้ำกรายได้ ทว่ามนุษย์ยาสำหรับหนอนพิษหมื่นนาคากลับมิใช่เช่นนั้น พวกเขาดูเหมือนกับคนทั่วๆ ไป มีเจ็บไข้ได้ป่วยเล็กๆ น้อยๆ บ้าง และถูกพิษได้ แต่ว่าอาการเจ็บปวดเหล่านี้จะไม่คงอยู่นานนัก อาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ สามารถหายสนิทได้อย่างรวดเร็ว ถ้าถูกพิษก็จะหายได้เองตามธรรมชาติ...พูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ ตัวพวกเขาเองก็คือยาดีขนานหนึ่ง ได้ยินว่าหากกินมนุษย์ยารักษาหนอนพิษหมื่นนาคาเข้าไป ไม่เพียงแต่สามารถรักษาหนอนพิษได้ ยังสามารถเพิ่มพูนพลังยุทธ์ ช่วยให้ชีวิตยืนยาวได้อีกด้วย”
พอฟังถึงตรงนี้แผ่นหลังของเซวียนชิงพลันเย็นวาบ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน บัดนี้อยู่ๆ พอได้ยินก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน
“กะ กินคน? ท่านหมายความว่า...กิน...”
“ก็อย่างที่เจ้าคิดนั่นแล” หานหมิงรั่วจริงจังยิ่ง ท่าทางไม่เหมือนกับกำลังล้อเล่นอยู่ “ตามที่อาจารย์ซินเขียนเอาไว้ในสมุด ตั้งแต่กระดูกไปจนถึงเส้นผมของมนุษย์ยารักษาหนอนพิษหมื่นนาคาล้วนเป็นยาวิเศษอันล้ำค่าหายากในโลกนี้ เมื่อร้อยปีก่อนมนุษย์ยาเคยปรากฏขึ้นครั้งหนึ่งในยุทธภพ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าจุดจบของมนุษย์ยาเป็นอย่างไร?”
น้ำเสียงหนาวยะเยือกของเขาทำเอาเซวียนชิงฟังแล้วขนลุกซู่ แต่กลับจำเป็นต้องฟังเขาพูดต่อไป
“เขา...ถูกคนกินใช่หรือไม่?”
หานหมิงรั่วเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง หลังจากพยักหน้าเบาๆ ก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย “ถ้าถูกกินรวดเดียวจริงๆ ก็นับเป็นบุญของเขา แต่น่าเสียดาย บนโลกนี้มีคนโลภมากเยอะเกินไป เขาจึงมิอาจได้ตายสบายๆ”
เซวียนชิงพอจะเคยได้ยินเรื่องการต่อสู้นองเลือดในยุทธภพมาบ้าง แต่ว่าหลังจากได้ยินถ้อยคำหลังจากนั้นของหานหมิงรั่ว เขาถึงได้พบว่าตนเองนั้นเป็นกบใต้บ่อ โดยสิ้นเชิง
เลาะกระดูก โกนผม ควักลูกตา ผ่าท้อง...เป็นวิธีลงมืออย่างน่าสยดสยอง อย่างโหดร้ายทารุณเป็นที่สุด ซ้ำยังต้องลงมือกระทำเรื่องชั่วช้าราวกับสัตว์เดรัจฉานนี้โดยที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่นอกเหนือขอบเขตที่มนุษย์จะทนรับได้ คนที่ลงมือทำเรื่องพวกนี้ได้ พวกเขายังถูกเรียกว่า ‘คน’ ได้อยู่อีกหรือ!?
เซวียนชิงฟังจนสีหน้าซีดขาว จวนเจียนจะพะอืดพะอมขึ้นมา โชคดีที่หานหมิงรั่วหยุดพูดลงในเวลาที่เหมาะสม จึงไม่ทำให้เขารู้สึกย่ำแย่ไปมากกว่านี้
“...คนผู้นั้นต้องพบเจอกับสิ่งเหล่านี้ ถูกทรมานทีละนิดๆ จนตาย สุดท้ายทุกส่วนบนร่างกายของเขาล้วนถูกนำมาใช้เป็นยา ในสายตาผู้อื่นเขามิใช่ ‘มนุษย์’ อีกต่อไป แต่เป็นเพียง ‘ยา’ เท่านั้น”
ผลลัพธ์เช่นนี้ชวนให้คนรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก ทว่าเซวียนชิงยังไม่ทันได้รู้สึกสังเวชใจก็ได้ยินหานหมิงรั่วเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ที่ข้าเล่าเรื่องพวกนี้ให้เจ้าฟังมิใช่เพราะมีเจตนาจะทำให้เจ้าหวาดกลัว แต่ว่าแพทย์ก็มีจรรยาบรรณแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรืออาลั่ว ข้าก็ไม่อยากเห็นพวกเจ้าต้องกลายเป็นแบบนั้น”
“นี่...ดูเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวอันใดกับข้าสักเท่าไร...”
ในที่สุดก็เข้าเรื่องเสียที หานหมิงรั่วสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ต่อมาจึงค่อยเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “คิมหันตฤดูปีที่แล้วข้าพบว่าหนอนพิษในร่างกายของอาลั่วมิได้ออกฤทธิ์รุนแรงเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว เดิมทีข้าคิดว่าเป็นเพราะสรรพคุณของยาที่ข้าปรุงขึ้น ต่อมาถึงได้รู้ว่ามิใช่เช่นนั้น...สิ่งที่ยับยั้งหนอนพิษในร่างกายของอาลั่วไว้มิใช่ยาของข้า แต่เป็นโลหิตของเจ้า!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” เซวียนชิงโต้แย้งกลับด้วยสัญชาตญาณ “ขะ ข้า...ไม่มีทางเป็นมนุษย์ยาอันใดนั่นได้หรอก ข้า...”
“รายละเอียดชัดๆ ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ว่าในสมุดบันทึกของอาจารย์ซินมีชื่อเจ้าอิ่นเซวียนชิงอยู่จริงๆ อาลั่วเองก็เคยอ่านสมุดเล่มนี้ ดังนั้นจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าการที่เขาไปหาเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“...!”
ทั่วทั้งร่างของเซวียนชิงพลันชะงักนิ่ง อ้าปากค้างด้วยความตกใจแต่กลับส่งเสียงอันใดไม่ออก วาจาของหานหมิงรั่วเป็นการปฏิเสธการคาดเดาและความหวังเลื่อนลอยของเขาก่อนหน้านี้ทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นยังปฏิเสธแม้กระทั่งอาลั่วที่เขารักด้วยเช่นกัน
ราวกับเข้าใจถึงความคิดของเขา หานหมิงรั่วหยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไปว่า “ทีแรกข้าแค่สงสัยเฉยๆ แต่หลังจากได้เห็นกำไลข้อมือที่มือเจ้า ความสงสัยของข้าก็หายไปจนหมดสิ้น”
“นี่นะหรือ?” เซวียนชิงจับกำไลข้อมือเอาไว้ตามสัญชาตญาณ “นี่...เป็นแค่ของเล่นในวัยเยาว์ของอาลั่วเท่านั้น”
“มิใช่ กำไลบนมือของเจ้าเป็นยาสมุนไพรหายากที่มีชื่อเรียกว่า ‘ปะการังหินเทา’ ฤทธิ์ของมันสามารถซึมซาบเข้าสู่ม้ามได้ทางผิวหนัง ออกฤทธิ์เสริมกับสรรพคุณในร่างกายของมนุษย์ยาหนอนพิษหมื่นนาคา ร่างกายของเจ้าจะแข็งแรงขึ้นเพราะมัน พร้อมกันนั้นฤทธิ์ยาในร่างของเจ้าก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน”
“...!”
ในยามนี้เองเด็กหญิงตัวน้อยบนตั่งนุ่มก็ตื่นขึ้นมา นางร้องอ้อแอ้อยู่สองสามทีก่อนจะแผดเสียงร้องไห้โยเย
เสียงร้องไห้ของทารกน้อยดึงความสนใจของผู้ใหญ่ภายในห้องทั้งสองคนกลับมา เซวียนชิงรีบร้อนเดินเข้าไปดู จากนั้นอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาปลอบโอ๋เลียนอย่างแม่นม เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา หานหมิงรั่วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เซวียนชิงมิใช่คนชั่วช้าสามานย์อันใด ถึงแม้ปูมหลังฐานะจะไม่ค่อยดี แต่ความประพฤตินับว่าไม่เลว เพราะเหตุนี้หานหมิงรั่วจึงมิอาจใจร้ายใจดำมองดูเขาตายอย่างอยุติธรรมได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาเองก็มุ่งมั่นจะหาวิธีรักษาหนอนพิษให้อาลั่วให้ได้ บัดนี้ก็หาเจอแล้วจริงๆ แต่ว่าผลลัพธ์เช่นนั้นเป็นสิ่งที่คนเป็นแพทย์อย่างเขามิอาจยอมรับได้
“ข้าหวังว่าอาลั่วจะหายดี แต่หากต้องสังเวยด้วยชีวิตผู้อื่น ข้าก็มิเห็นด้วยเท่าไร” หานหมิงรั่วเอ่ย “หลักการของข้าก็มีเท่านี้ ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะหนีไปจากคฤหาสน์สกุลเว่ยโดยเร็วที่สุด หนีไปยิ่งไกลได้ยิ่งดี!”
เซวียนชิงปลอบโยนดรุณีน้อย ความสนใจไม่ได้อยู่ที่หานหมิงรั่วเลยสักนิด แต่ว่าวาจาของหานหมิงรั่วกลับเข้าหูของเขาทุกคำอย่างไม่มีตกหล่น ความคิดของเขาสับสนยุ่งเหยิงอยู่บ้าง ดังนั้นจึงตัดสินใจอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
หานหมิงรั่วดูเหมือนจะเข้าใจถึงความลำบากใจของเขาจึงมิได้บีบเค้นให้เขาตอบกลับเช่นกัน เพียงแค่บอกว่าอีกสองสามวันจะแวะมาใหม่ หวังว่าพอถึงตอนนั้นจะได้รับคำตอบ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากเรือนไป
เมื่อคนกลับไปแล้วเซวียนชิงก็ยิ่งสับสนงุนงงมากกว่าเดิม เขาอุ้มเด็กน้อยเดินวนไปวนมาอยู่ในเรือนอย่างเหม่อลอย วงจรความคิดพันกันยุ่งเหยิง จัดระเบียบที่มาที่ไปของเรื่องราวต่างๆ ไม่ถูก
ตนเองกลายเป็นมนุษย์ยาตั้งแต่เมื่อใดกัน? แล้วอาลั่วมีจุดประสงค์จะกินตนเองจริงหรือไม่? แท้ที่จริงแล้วหานหมิงรั่วพูดโกหกหรือเปล่า?
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งไม่เข้าใจจิตใจก็ยิ่งร้อนรน พอร้อนรนมากเกินไปก็พาให้ฝีเท้าเร่งเร็วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เด็กหญิงในอ้อมกอดราวกับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติรอบด้านจึงลืมตากลมโตขึ้นมา จ้องมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปากก็ส่งเสียงอ้อแอ้ออกมาไม่หยุด


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฐานะอันต้อยต่ำที่ไม่มีวันหลุดพ้นได้ ตัวแทนที่ระบายความปรารถนาผู้น่าสังเวช เขาผู้ซึ่งดำเนินชีวิตเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาตลอดหลายปีมิอาจหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้ชินชากับเรื่องพวกนี้เสียแล้ว เพียงแต่เซวียนชิงไม่เคยคาดคิดว่าจะมีวันนี้ เขากลับยินยอมปรนนิบัติดูแลอาลั่วที่รูปร่างแปรเปลี่ยนไปจนน่าเกลียดน่ากลัวเพราะหนอนพิษ!

ทั้งที่รู้ดีว่าอาลั่วนิสัยแปลกพิลึกถึงเพียงนี้ มักจะทำตัวเดี๋ยวใกล้ชิดเดี๋ยวเหินห่างใส่เขาเป็นประจำ แต่พอนึกถึงความอ่อนโยนและความเอาใจใส่สุดแสนพิเศษของอาลั่ว เซวียนชิงก็ถลำลึกลงไปอย่างห้ามใจไม่อยู่ ขอเพียงแค่ได้อยู่เคียงข้างเขาทุกเมื่อเชื่อวันก็พอ ทว่าเรื่องที่หานหมิงรั่วแอบบอกให้รู้กลับทำให้ความจริงอันโหดร้ายไร้ปรานีค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็น…


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”