New Release โรแมนติก : สอนรักนางบำเรอ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release โรแมนติก : สอนรักนางบำเรอ

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1
“มาได้ซะทีนะไอ้สาม” ณรงค์หันมาทางลูกชาย ก่อนหน้าให้คนไปตามมาพบ รอเกือบครึ่งชั่วโมง ไอ้ตัวดีจึงโผล่หน้ามา
“พ่อมีอะไรจะคุยกับผมหรือครับ” อติรุจขยี้ผมยุ่ง เลื่อนมือลงมาขยี้ตาที่ยังอยู่ในอาการง่วง
“แกกลับดึกหรือไง ถึงได้มีสภาพเยินอย่างนี้” สุดสัปดาห์ทีไรก็เห็นไอ้ลูกเวรเมาแอ๋กลับดึกทุกที
“ไม่ดึกครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงยียวน อติรุจกับพ่อไม่ค่อยลงรอยกันนัก ไม่ต่างจากลูกชายกับพ่อบ้านอื่นๆ
“ไม่ดึกทำไมสภาพอย่างกับโดนสิบล้อทับ” ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้ายับอย่างกับลิงข่วน
“เช้าเลยล่ะ เพิ่งกลับมาตอนตีห้านี่เอง”
“ไอ้...สาม” ณรงค์ทำท่าเงื้อมือจะฟาดลูกชายตัวดี
“คุยธุระของพ่อมาเถอะ ผมง่วง จะกลับขึ้นไปนอน”
“หมดเวลาสนุกของแกแล้วนะไอ้สาม”
“ความสนุกมีหมดเวลาด้วยหรือพ่อ”
เขาไม่เคยตั้งเวลาความสนุกของตัวเอง ในเมื่อชีวิตสนุกได้ทุกวัน ทุกคนห้อมล้อมเอาใจ ชีวิตจะต้องการอะไรอีก อิสรเสรี จะคบหากับผู้หญิงคนไหนอย่างไรก็ได้ พ่อรวยซะอย่าง
“แกต้องแต่งงาน” ณรงค์พูดหน้าตาจริงจัง
“ฮะ!...อะไรนะพ่อ ผมนี่นะแต่งงาน โถ...พ่อ เรื่องเหลวไหลน่า อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาคุยกับผม”
“ฉันพูดจริง แกต้องแต่งงาน”
“ธิช่ายังสนุกกับงานอยู่เลย ผมเองก็สนุกกับชีวิต ไม่พร้อมผูกมัดกับใคร อยู่แบบนี้สบายดีแล้ว”
“ไม่ใช่นางแบบหวิวคนนั้น”
“ข้าวหอม หรือ เมนี ผมว่าพวกเธอก็ยังอยากสนุกอยู่เหมือนกัน”
“หนูรุ้ง”
“รุ้งไหนพ่อ What?”
“พราวรุ้ง ลูกเพื่อนพ่อ แกต้องแต่งงานกับเธอ”
“ผมไม่เห็นรู้จัก รุ้งไหน พราวไหน ไม่ล่ะผมไม่แต่ง”
“แกใกล้สามสิบแล้ว จะมัวเป็นพ่อพวงมาลัยอยู่แบบนี้ไม่ได้”
“ผมไม่เห็นว่าการแต่งงานสำคัญอะไร ไม่จำเป็นต้องแต่ง”
“ฉันจะให้แกแต่ง”
“หนูรุ้งอะไรของพ่อเป็นใคร”
“ลูกสาวเพื่อนพ่อ”
“ผมไม่รู้จัก ฉะนั้นผมไม่แต่งเด็ดขาด”
“หนูรุ้งเป็นคนดี ฉันอยากให้แกแต่งกับคนดีๆ”
“คนดีที่ไหนจะมาแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก ผมว่าเขาคงเห็นว่าพ่อรวย เลยตกลงแต่งกับผม”
“ไม่เกี่ยว ฉันไปขอให้เขามาแต่งกับแกเอง”
“ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ผมไม่แต่ง ผมมีแฟนแล้ว”
“แฟนนางแบบที่เอาเรือนร่างไปเปิดให้คนดูทั้งโลกนั่นน่ะหรือ”
“งานพ่องาน เขาเรียกว่างาน”
“งานแต่คนเห็นทั้งโลกนี่นะ มีอะไรให้จินตนาการ เปิดซะขนาดนั้น”
“ผมไม่แต่งกับหนูรุ้งอะไรของพ่อเด็ดขาด”
“งั้นแกก็จะไม่ได้อะไรจากฉัน ตำแหน่งผู้บริหาร ฉันก็จะริบคืนไปให้พี่สาวแก”
“พ่อ...!!!”
อติรุจฉุน เริ่มมีอารมณ์ ผู้หญิงบ้าที่ไหนวะที่พ่อจะให้แต่ง แล้วยายนั่นยอมแต่งกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่เห็นหน้ากันได้อย่างไร ขนาดตนคบหากับธิช่ามาเกือบปี ทั้งรักทั้งหลงเธอแทบเป็นแทบตาย ยังไม่คิดถึงเรื่องแต่งงานแม้แต่วินาทีเดียว แต่นี่กับคนที่ไม่รู้จักต้องมาแต่งกัน บ้าสิ้นดี
“ฉันไม่ได้ขู่ ฉันทำจริง”
“พ่ออย่าล้อเล่น”
“ฐานะพ่ออย่างฉัน ล้อเล่นกับแกเมื่อไร ไอ้ลูกเวร”
สำราญเกินไปไอ้ลูกคนนี้ ถึงเวลาเอาจริงเสียที
ณรงค์คิดถึงภรรยาที่เสียไปเมื่อหลายปีก่อน ทิ้งลูกสามคนไว้ให้เลี้ยง ความเป็นผู้ชายทำให้ขาดความละเอียดในการเลี้ยงลูก ภาระเลี้ยงน้องเลยไปตกกับอินทุอร ลูกสาวคนโตที่ต้องรับบทหนักแทนแม่ จนป่านนี้ยังหาสามีไม่ได้เลย เลี้ยงน้องจนเหมือนมีลูกติด
“ฉันให้เวลาแกไปเคลียร์ตัวเองสิบวัน หลังจากนั้นเตรียมตัวแต่งงานได้เลย”
“พ่อ! เรื่องแต่งงานมันเรื่องใหญ่ ให้เวลาผมสิบวันนี่นะ” ผู้หญิงที่เขาคบก็เกินจำนวนวันที่พ่อให้เสียอีก แบบนี้จะทันไหม
“ถ้าทำไม่ได้แกเตรียมกระเด็นออกจากกองมรดกฉันได้เลย”
พ่อยื่นคำขาดกับลูกคนเล็กที่เอาแต่ใจ นิสัยเสีย กวนโมโหพ่อตลอดเวลาต้องเจอแบบนี้ ไม้อ่อนใช้ไม่ได้กับอติรุจ คนเป็นพ่อทนไม่ไหวที่จะเห็นลูกชายคนเดียวจมดิ่งลงเหวไปทุกวัน ผู้หญิงที่คบแต่ละคนก็สุดจะบรรยาย
ณรงค์ได้แต่ส่ายหัวเอือมระอากับความไม่เอาไหนของลูกชาย จำเป็นต้องยื่นคำขาดถือว่าดีที่สุด
“ไม่มีทาง ผมจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่รัก” ปกติอติรุจก็ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนอยู่แล้ว ฉะนั้นเขาจึงไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน
“แกไม่ต้องบอกตอนนี้ ฉันให้เวลาแกคิด”
“ไม่ต้องคิด ผมไม่มีวันแต่ง” เขายืนยันเสียงแข็ง
“ได้...! ถ้าแกต้องการลองดีกับฉันก็เชิญ” คนเป็นพ่อมีมาตรการจัดการกับลูกหัวดื้อคนนี้ได้อยู่ดี
“เกิดอะไรขึ้นน่ะตาสาม”
อินทุอรได้ยินเสียงทะเลาะระหว่างพ่อลูกดังออกไปถึงข้างนอก ตกใจกลัวเป็นเรื่องใหญ่จึงรีบตามเข้ามาดู
“เรื่องบังคับยกให้พ่อ” เขาตอบพี่สาวอย่างฉุนๆ
“บังคับอะไรน้องอีกล่ะพ่อ”
อินทุอรเลี้ยงน้องมากับมือ เธอรู้จักน้องชายคนเล็กเป็นอย่างดี คนอย่างอติรุจบังคับไม่ได้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุกคนต้องเอาใจพ่อเจ้าประคุณรุนช่องกันทั้งบ้าน
“เอาตามนี้”
ณรงค์ก้าวออกไปจากห้องอย่างเอือมระอาลูกชายคนเล็ก ทำงานไม่ได้เรื่องเท่าเก่งเรื่องผู้หญิง ลองอีแบบนี้จะมีหน้าบอกกับภรรยาที่เสียชีวิตไปได้อย่างไร เธอสู้อุตส่าห์ฝากฝังให้ดูแลลูก แต่เขากลับต้องทนเห็นลูกชายไม่เอาไหน ทำตัวเหลวแหลก ยังมีหน้าแจ้นมาขอตำแหน่งผู้บริหารกับตนอีก ถ้าปล่อยมือให้บริหารมีหวังธุรกิจพังพินาศ
“สาม เกิดอะไรขึ้น” อินทุอรมองน้องชายที่ตนเลี้ยงดูมากับมือด้วยความอยากรู้ว่าทะเลาะอะไรกับพ่อนักหนา
“พี่หนึ่ง พ่อน่ะสิ จะให้สามแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ หน้าตาก็ไม่เคยเห็น นิสัยใจคอเป็นอย่างไรก็ไม่รู้”
“แต่งงาน!”
“ใช่สิ” น้องชายคนเล็กที่อายุไม่เล็กทำหน้างอนง้ำอ้อนพี่สาว เชื่อว่าถ้าอ้อนพี่สาวให้ไปพูดกับพ่อต้องได้ผล
“แต่งกับใคร”
“ไม่รู้สิพี่หนึ่ง พ่อจะให้แต่ง”
“ได้ยังไงกันพ่อ ให้น้องแต่งกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักได้ยังไง ระวังมันจะมาสูบเอาสมบัติ” อินทุอรห่วงแต่เรื่องนี้
“ใช่ๆ พี่หนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นหิวเงินแน่ ถึงยอมแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า มีอย่างเดียวเงินเท่านั้น เพราะบ้านเรารวย”
“มันคงจะเห็นว่าบ้านเรารวยก็เลยตกลงแต่งงาน ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนยอมแต่งกับผู้ชายที่ไม่เคยคบ เกิดพิกลพิการจะว่าอย่างไร ยกเว้นเห็นแก่เงินเท่านั้น”
“พี่หนึ่งพูดถูกมาก”
“พี่จะไปคุยกับพ่อเอง”
“ดีเลย คุยให้ได้นะครับ ผมรักพี่หนึ่งที่สุด”
บทอ้อนพี่สาวต้องยกให้ เพราะรู้ว่าพี่สาวรักตนมาก อติรุจจึงเลือกฟ้องอินทุอรมากกว่าจะขอร้องพ่อด้วยตนเอง
“พี่จะไม่ยอมให้สามแต่งงานกับผู้หญิงเห็นแก่เงินเด็ดขาด”
เธอหวงสมบัติของพ่อที่จะเป็นของเธอในอนาคต สู้อุตส่าห์ทำงานแทบตาย เรื่องอะไรจะให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาชุบมือเปิบ
อินทุอรยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่พ่อต้องการให้แต่งงานกับน้องชายเป็นใคร หากแต่เธอชอบคิดไปเองอย่างคนจิตว่าง แบบสาวใหญ่ไร้คู่อย่างนี้เสมอ
“ขอบคุณพี่หนึ่งมากนะครับ” สวมกอดพี่สาวผู้แสนดีเปรียบดั่งแม่อีกคน บางครั้งความเป็นแม่ในตัวอินทุอรก็มากไปเรื่องความจู้จี้ขี้บ่น เขาอยากได้พี่สาวมากกว่าแม่
อติรุจก้าวออกไปอย่างเริงรื่น เชื่อว่าพี่สาวต้องคุยกับพ่อได้ พอสบายใจจึงวิ่งขึ้นห้องไปนอนเอาแรงไว้ปาร์ตี้กับสาวๆ
“เจ้าสามมันดีใจอะไร” อริสาเดินสวนกับน้องชายที่เพิ่งวิ่งขึ้นบันไดไป
“ดีใจกับผีน่ะสิสอง มันกำลังจะโดนพ่อจับแต่งงาน”
“กับอีนางแบบโป๊นั่นหรือ สองไม่คิดอยากได้มันเป็นน้องสะใภ้นะ ดู๊ดู แต่งตัวไปโชว์ตัวนึกว่าแก้ผ้า” อริสายื่นนิตยสารเล่มหนึ่งให้พี่สาวดู
“ธิช่าก็ยังดีกว่าผู้หญิงที่เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้านะสอง”
“แสดงว่าไม่ใช่นางธิช่านี่ใช่ไหมพี่หนึ่ง”
“ใช่น่ะสิ ตาสามบอกว่าพ่อจะให้แต่งกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้”
“ว้าย พ่อเป็นบ้าไปแล้วหรือ จะจับน้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่รู้จัก”
“เรื่องแต่งงานไม่เท่าไรหรอก ถ้าเกิดมันหวังเข้ามากอบโกย ฮุบสมบัติตระกูลเราจะว่ายังไง”
“จริงด้วยพี่หนึ่ง เราต้องขัดขวางไม่ให้พ่อบังคับน้องสามแต่งงานนะ”
ถ้าให้เลือกระหว่างนางแบบโป๊ธิช่า กับผู้หญิงที่ไม่รู้จัก สองสาวพี่น้องเชื่อว่าสู้เอายายนางแบบนั่นยังดีซะกว่า อย่างน้อยก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ถึงไม่ได้รวยมาแต่อ้อนแต่ออก ทว่าตอนนี้ฐานะก็จัดได้ว่ารวยจากการทำงานวงการนางแบบ
สองสาวเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เห็นพ่อนั่งพักผ่อนอยู่ พยักหน้าเป็นอันรู้กันว่าจะต้องคุยกับพ่อ
“พ่อคะ” อินทุอรหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา
“ว่าไงหนึ่ง มีธุระอะไรกับพ่อ”
“หนึ่งจะมาคุยเรื่องตาสามค่ะ”
“เรื่องที่พ่อจะให้มันแต่งงานสินะ”
“ค่ะ พ่อคิดดูให้ดีนะคะ มันสมควรแล้วหรือจะไปบังคับกะเกณฑ์ให้น้องแต่งงาน หนึ่งไม่เห็นความจำเป็นต้องรีบให้น้องมีครอบครัว”
“พ่อเป็นพ่อนะหนึ่ง พ่อต้องรู้ว่าอะไรเหมาะกับตาสาม ดูน้องสิ วันๆ ไอ้สามมันทำตัวยังไง มันไม่เคยโต แล้วถ้าพ่อตายตามแม่ไปอีกคนจะทำยังไง”
ความจริงณรงค์ตั้งความหวังให้อติรุจดูแลกิจการทุกอย่างแทน หากแต่เห็นความเหลวไหลไม่เอาไหนจึงคิดเรื่องแต่งงานขึ้นมา เผื่อทุกอย่างจะดีขึ้น
“ถึงน้องจะเที่ยวเตร่ ทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ แต่ตาสามก็ไม่เคยนำความเดือดร้อนมาให้เรานะคะ”
“หนึ่งเป็นพี่ประสาอะไรไม่เดือดร้อนกับการที่น้องวันๆ ควงดาราคนนั้นที นางแบบคนนี้ที มันอายุใกล้จะสามสิบแล้วนะ ยังไม่คิดเรื่องอนาคตของตัวเอง พ่อก็แก่มากแล้ว จะตายวันตายพรุ่งเมื่อไรก็ไม่รู้”
“ไม่แต่งหนึ่งก็ไม่เห็นว่าจะเป็นไรเลยนี่คะ ดูอย่างหนึ่งกับยายสองสิ ก็ไม่ได้แต่ง”
“ตาสามเป็นผู้ชาย เป็นทายาทที่ต้องสืบทอดตระกูล ขืนทำตัวแบบนี้ วันๆ เอาแต่ปาร์ตี้พาผู้หญิงมานอนไม่ซ้ำหน้า ระวังจะติดเอดส์ตาย”
“โธ่...พ่อก็พูดเกินไป”
“ไม่เกินหรอก พ่อต้องหาทางกำราบเจ้าสามเอาไว้ก่อน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
“เอางี้สิพ่อ ให้แต่งกับธิช่า”
“ยายนางแบบหวิว แก้ผ้าให้คนดูนั่นนะ”
“น้องรักคนนี้ ควงกันอยู่สักพัก แล้วเราก็รู้จักเขาดีนะคะ”
“ไม่ไหวๆ พ่อไม่เห็นด้วย เอาตามนี้ ไม่ต้องโต้แย้งอะไรทั้งนั้น พ่อตัดสินใจดีแล้ว”
“ยายสองช่วยพี่พูดกับพ่อหน่อยสิ แกไม่กลัวคนอื่นมาแย่งสมบัติหรือยังไง”
อินทุอรสะกิดน้องสาวให้ช่วยพูด ลำพังคำพูดตัวเองฝ่ายเดียวอาจจะไม่มีน้ำหนักในการทัดทานความคิดพ่อได้
“พ่อรู้จักหนูรุ้งดี เธอเป็นคนดี ตาสามต้องได้เมียแบบหนูรุ้ง”
“คนดีที่ไหนยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก ถ้าไม่ใช่เพราะหวังอย่างอื่น นี่พ่อแม่เขาคงใส่พานถวายพ่อมาเลยสิท่า”
“ไม่เลย พ่อทาบทามหนูรุ้งเอง”
“คนพวกนั้นวางยาพ่อน่ะสิ”
“ไร้สาระน่ายายหนึ่ง”
“หนูคนหนึ่งแหละไม่ยอมให้น้องแต่งกับคนอย่างนั้น จริงไหมยายสอง” อินทุอรหาพวก
“เอ่อ...” อริสาไม่รู้จะออกความคิดเห็นอย่างไร เธอคิดว่าถ้าน้องแต่งงานสักทีก็นับว่าดีเหมือนกัน จะได้ไม่สำมะเลเทเมา ทำตัวไร้สาระไปวันๆ “นั่นสิคะพ่อ ขอเวลาน้องหน่อย” แต่ก็ยอมหาคำพูดมากล่อมพ่อ
“ฉันให้เวลามันมาหลายปี ตั้งแต่กลับจากเมืองนอก จนมันไปคว้ายายนางแบบนั่นมาควง ยังจะให้ฉันให้เวลามันอีกกี่ปี”
“ใจเย็นๆ ค่ะพ่อ คนหนุ่มก็แบบนี้แหละ พอน้องเบื่อน้องก็เลิกเอง”
“เบื่อคนนี้มันก็ไปคว้าคนใหม่ ดูแต่ละคนสิ ถ้าแม่แกยังอยู่ ไม่ปวดประสาทยิ่งกว่านี้หรือ เอาตามนี้...ฉันพูดแล้ว ไปๆ ออกไป พ่อจะพักผ่อน”
ณรงค์ไม่อยากฟังพี่สาวที่ตามใจน้องจนเคยตัวอย่างอินทุอรอีกต่อไป เลี้ยงกันมาอย่างไร ตามใจจนนิสัยแย่
หลังจากไล่ลูกสาวทั้งสองที่เข้ามาอ้อนวอนเรื่องน้องชายสุดแสบ ณรงค์ได้แต่หันไปมองรูปภรรยาซึ่งเสียไปนานแล้วที่ติดอยู่บนผนัง “ทำไมคุณรีบจากผมไปอย่างนี้ล่ะคุณอัง” ได้แต่ตัดพ้อคนที่ตายไปแล้วด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
++++++++++
“เอาไงดีล่ะพี่หนึ่ง พ่อไม่ยอมท่าเดียว”
“อยากรู้นักว่าผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นเป็นใคร”
“คงหน้าตาดูไม่ได้ ฐานะยากจนล่ะมั้งพี่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะตอบตกลงแต่งงานทำไม คงเห็นว่าบ้านเรารวยน่ะสิ”
อริสาเชื่อว่าอย่างนั้น ครอบครัวของเธอรวยติดอันดับประเทศ ผู้หญิงหน้าไหนก็อยากดองด้วยทั้งนั้น แต่ป่านนี้เธอยังหาสามีไม่ได้เพราะพี่สาวคนนี้แท้ๆ ที่ขอร้องไว้ไม่ให้มีสามีก่อน
บ้าบอ เราก็อยากมีสามีบ้าง ค้างเติ่งจนสามสิบโค้งแล้วโค้งอีกก็ยังโสด มีพี่คอยตามหวง ตามกีดกันอย่างที่ตามหวงน้องชายคนเล็กไม่ต่างกัน
++++++++++
“นั่นแกจะไปไหนไอ้สาม”
ตกกลางคืนมนุษย์กลางคืนสายปาร์ตี้ก็ก้าวลงมาจากห้อง
“ตามประสาคนหนุ่มล่ะพ่อ”
“เที่ยวให้มันน้อยๆ หน่อย”
“ผมยังไม่แก่นะพ่อ ที่จะให้อยู่บ้าน นั่งอ่านหนังสือฟังเทศน์ฟังธรรม”
“ฉันจะพูดยังไงกับแก แกถึงจะรู้สึกสำนึก”
“ไว้ผมเบื่อเมื่อไร พ่อจะได้เห็นหน้าผมอยู่บ้านทุกวัน พอใจไหม”
“เออๆ ไปไกลๆ ฉัน ขวางหูขวางตา”
“งั้นผมไปล่ะพ่อ”
อติรุจทำหน้ายียวนกวนประสาท ถ้าอยู่บ้านถึงห้าชั่วโมงจะตายหรืออย่างไร เสียงรถยนต์คันหรูบึ่งออกจากบริเวณคฤหาสน์กว้างใหญ่ด้วยความเร็วภายใต้สายตาแห่งความกลัดกลุ้มของคนเป็นพ่อที่มองตามอย่างเอือมระอา
+++++++++
“รอนานไหมจ๊ะธิช่าจ๋า”
เขาเดินไปหานางแบบสาวที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากเดินแบบที่ฝรั่งเศส ตามข่าวเธอทุกวัน ผ่านคลิป ผ่านโซเชียล เธอไปทำงานจริงๆ ธิช่าเป็นคนดังหาข่าวง่าย เขาจึงไม่ห่วงเวลาเธอไปทำงานต่างแดนในยุคสมัยที่การสื่อสารเชื่อมคนไกลให้ใกล้ อยู่ไกลแค่ไหนก็เห็นหน้ากันได้ทุกวัน
“คิดถึงจังเลยค่ะดาร์ลิงของธิช่า”
ร่างแบบบางโผเข้าสวมกอด จูบกันอย่างดูดดื่มอยู่ตรงสนามบิน สายตาผู้คนมองมาทางคนทั้งคู่ ธิช่าทำอะไรไม่เคยอายสายตาใคร เธอรับวัฒนธรรมฝรั่งมามากกว่าฝั่งแม่ที่เป็นคนไทย
“เราไปไหนกันดี”
อติรุจถามนางแบบสาวสวย หุ่นดี ทรวดทรงองเอวแบบบาง สุดยอดไปหมด ไม่แปลกใจเลยที่เธอมีงานไม่เคยว่าง ทำให้อติรุจต้องหาผู้หญิงสำรองไว้รองรับอารมณ์เหงาเวลาที่ธิช่าไปทำงานต่างประเทศ
“บ้านดาร์ลิงสิคะ ธิช่าขอไปบ้านดาร์ลิงนะคะ”
สำเนียงติดฝรั่งพูดไทยไม่ชัดเสียงขึ้นจมูก เอ่ยขอปากชิดปากฝ่ายชาย เธอพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในบ้านศิรประภากุลให้มากๆ
อติรุจหลงใหลธิช่ามากกว่าผู้หญิงคนอื่นที่เขาควง เรื่องไปบ้านไม่เคยมีปัญหาสำหรับเขา ดีซะอีก การพาธิช่าไปบ้าน พ่อจะได้เห็นว่าเขามีแฟนแล้ว และเปลี่ยนใจไม่จับเขาแต่งงานกับลูกสาวเพื่อน
++++++++++
“เวรละพี่หนึ่ง”
อริสาเห็นน้องชายกับนางแบบหวิวก้าวลงจากรถโอบกอดกันแนบเนื้อ ทั้งจูบทั้งกอด เดินเข้ามาในบ้าน รีบวิ่งไปฟ้อง เอ่อ...บอกพี่สาวทันใด
“หน้าตื่นอะไรยายสอง”
“พี่หนึ่งดูนั่น”
อริสาไม่เชิงว่าไม่ชอบธิช่า ทว่าถึงกับพากันเข้าบ้านเชื่อว่าไม่เป็นการดี ยิ่งพ่อมีมาตรการจับอติรุจแต่งงาน แต่น้องดันพาแม่นางแบบหวิวเข้าบ้านนี่ก็ต่อต้านคำสั่งพ่อเกินไป
“ตายละ!!! ตาสามถึงกับพาแม่นั่นเข้าบ้าน ไปดูซิพ่ออยู่ไหม”
อินทุอรสั่งให้น้องสาวรีบไปดูว่าพ่ออยู่ในบ้านไหม ถ้าอยู่จะได้กันสองคนนี้เข้าห้องไปเลย ห้ามออกมาให้พ่อเห็น
“พี่จะไปรับหน้าไว้ก่อน ไปเร็ว”
พี่สาวคนโตก้าวออกไปขวางทางน้องชายกับคู่รัก
“สามมาแล้วเหรอ” อินทุอรยิ้มเจื่อนๆ
“อุ๊ย พี่หนึ่งสวัสดีค่ะ เจอพี่หนึ่งกี่ทีก็สวยสมวัยเหมือนเดิมนะคะ แต่ดูเหมือนจะ สว. (สูงวัย) ขึ้นนะคะ”
นางแบบผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง ปากสวัสดีเอ่ยชม แต่กลับแอบเหน็บวัยที่ล่วงเลยของพี่สาวแฟนหนุ่ม
“สวัสดี”
อินทุอรรับไหว้ไม่เต็มใจตรงคำพูดแม่นางแบบหุ่นบางนี่ล่ะ หน้าตาสวยแต่ปากไม่น่าคบ สาวแก่เอียงมองกระเป๋าที่คนรับใช้ลากตามก้นเข้ามา
“นั่นกระเป๋าใคร”
“กระเป๋าของธิช่าไงคะพี่หนึ่ง”
“ทำไมต้องลากกระเป๋ามาด้วย แค่มาเยี่ยมไม่ใช่หรือ”
“ใครว่าล่ะคะ ธิช่าจะมาอยู่กับดาร์ลิงต่างหาก จริงไหมคะดาร์ลิง”
“สามทำอะไรเกรงใจพ่อบ้าง อย่าลืมสิเรื่องนั้น” เรื่องที่รู้กันอยู่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“ผมยังไม่รับปากซะหน่อย” สองพี่น้องรู้กัน
“อะไรคะดาร์ลิง” พี่น้องพวกนี้คุยเรื่องอะไรกัน
“อย่าสนใจเลยจ้ะ”
“พี่หนึ่งไม่ต้อนรับธิช่าหรือคะ”
“โอ๋ๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้นครับที่รัก”
“ก็พี่หนึ่งทำหน้าเหมือนไม่เต็มใจต้อนรับธิช่า”
“เข้าบ้านกันเถอะ ตรงนี้แดดแรง เดี๋ยวผิวธิช่าจะเสีย”
“จริงด้วย”
“นี่สาม แกจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ บ้านเราไม่ใช่โรงแรม คิดจะพาใครเข้าใครออก มานอนค้างอ้างแรมอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน”
พี่สาวคนโตบ่นไล่หลังไม่หยุด อติรุจไม่ใส่ใจพาแฟนสาวนางแบบหวิวก้าวขึ้นห้องด้วยความสบายอารมณ์
สักพักทั้งสองแต่งตัวชุดใหม่เดินคู่กันลงมาท่าทางอี๋อ๋อ หัวเราะสนุกสนาน ชุดแรกที่ขึ้นไปก็ว่าโป๊จนไม่อยากดูของลับด้านใน ชุดนี้แทบเหมือนไม่ได้ใส่อะไรด้วยซ้ำ
“เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ จะออกไปไหนอีกล่ะ” อินทุอรก้าวออกมาเห็นสองหนุ่มสาวกำลังจะออกไปข้างนอกทั้งที่เพิ่งเข้ามาไม่กี่นาที
“กินข้าว ดูหนังฟังเพลงสิครับพี่หนึ่ง”
อริสาก้าวออกมายืนซ้อนหลังพี่สาว โชคดีที่พ่อไม่เห็นน้องชายพานางแบบสาวเข้าบ้าน ปกติอติรุจไม่เคยพาผู้หญิงเข้าบ้าน ต่อให้เจ้าชู้แค่ไหน มักให้เกียรติคนเป็นพ่อกับคนในครอบครัวเสมอ ตอนนี้อาจต้องการประชดพ่อ
“เบาๆ พี่หนึ่ง พ่ออยู่ในห้อง เอนหลังพักผ่อนอยู่”
“พ่ออยู่ ขอบอกไว้ก่อนนะตาสาม อย่าทำประเจิดประเจ้อ”
อินทุอรดึงน้องชายไปพูดกันประสาพี่น้อง ปล่อยให้ธิช่า สาวเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟันกรามนั่งรอ
“พ่อจะได้รู้ยังไงล่ะว่าผมมีแฟน”
ต่อให้ไม่เคยคิดจริงจังกับนางแบบหวิว หากว่าเขาจะใช้ประเด็นนี้ต่อต้านพ่อจึงพาธิช่าเข้าบ้าน ถึงเวลาที่พ่อเปลี่ยนใจไม่บังคับเขาแล้วค่อยจัดการเรื่องธิช่าภายหลัง
“แกจะเอายายนางแบบนี่ทำเมียจริงๆ หรือ”
“ดีกว่าผู้หญิงคนนั้นที่เราไม่รู้จักนะผมว่า”
“เลือกดีๆ กว่านี้ไม่ได้หรือไงตาสาม แกควงอยู่หลายคนนี่”
“ธิช่าไม่ดีตรงไหน ชื่อเสียงโด่งดัง สวยก็สวย แถมเธอรวยด้วยตัวเธอเอง ไม่ดีหรือครับ รับรองธิช่าไม่มาเกาะผมกินหรอกน่า เธอออกจะรวย”
ที่สำคัญตอบสนองเขาได้ทุกสถานการณ์ อติรุจชอบผู้หญิงเปรี้ยวร้อนแรง ยิ่งหุ่นดีๆ เขายิ่งชอบ ไม่ชอบพวกอ่อนหวาน ปวกเปียกน่ารำคาญ
เขาค่อนข้างเบื่อความจู้จี้ขี้บ่นของพี่สาว รู้อยู่ว่าหวังดี แต่ชีวิตใครชีวิตมันหรือเปล่า ชอบทำตัวเป็นแม่มากกว่าพี่ กะเกณฑ์ทุกอย่าง
ชายหนุ่มขอตัว เดินไปโอบกอดแฟนสาวพากันไปขึ้นรถ ขับออกไปเพื่อฉลองที่นางแบบสาวกลับมา ดีกว่าทนฟังพี่สาวบ่นไร้สาระ แถมตอนนี้พ่อยังบังคับให้เขาแต่งงาน ใช้คำพูดขู่จะปลดเขาออกจากตำแหน่งผู้บริหาร ยึดหุ้นคืน ไล่ออกจากกองมรดก



++++++++++++++++++++++++++++++++++
พราวรุ้ง ยอมตกลงแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าเพื่อนำเงินมาใช้หนี้มหาศาลของครอบครัว โดยไม่รู้ว่าว่าที่เจ้าบ่าวคือผู้ชายนิสัยเสียที่กล่าวหาว่าเธอจงใจตัดหน้ารถเขาเพื่อเรียกค่าทำขวัญทั้งที่มันเป็นทางม้าลาย แม้ อติรุจ หนุ่มเพลย์บอยปากร้ายจะยอมแต่งงานคราวนี้เพราะไม่อยากให้อาการป่วยของบิดาทรุดหนัก แต่ก็อย่าคิดว่าเขาจะยอมยกผู้หญิงหิวเงินเป็นคนรัก หากสุดท้ายกลับเป็นตัวเองที่ยอมสยบแทบตักแม่นางบำเรอของเขา

“ฉันให้เธอเป็นแค่นางบำเรอ ไม่ใช่เมียอย่างที่เธอต้องการ อย่าสำคัญตัวผิด”

“คุณรู้ไหม ส่วนใหญ่ผู้ชายตายเพราะนางบำเรอมาเยอะแล้วนะ”


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”