New Release BLY แปล : นัยน์ตากำกับใจ ~YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ ภาคพิเศษ 2~

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : นัยน์ตากำกับใจ ~YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ ภาคพิเศษ 2~

โพสต์ โดย Gals »

นัยน์ตากำกับใจ


รายการโทรทัศน์ที่ชินรับผิดชอบเป็นงานหลักออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ถึงอย่างนั้นการไปสถานีโทรทัศน์เพราะมีงานอะไรสักอย่างในวันเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ห้องสตาฟมักมีใครสักคนอยู่เสมอ เมื่อสะสางงานเสร็จก็จะคุยเล่นกันบ้าง ดู DVD ด้วยกันบ้าง กินดื่มกันบ้าง จนบรรยากาศเหมือนกับเวลาหลังเลิกเรียนอยู่บ่อยๆ
วันนี้ก็เช่นกัน ขณะที่จับกลุ่มพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานไปเรื่อยเปื่อยก็มีคนหนึ่งบอกว่า “นี่ๆ รู้รึยัง?” พลางถือหนังสือเล่มเล็กขนาด A5 เข้ามา นั่นคือหนังสือรวมข่าวสารภายในบริษัทที่อาซาฮิทีวีทำแจกพนักงานในสังกัดสถานีทุกเดือน แต่ส่วนใหญ่มักจะโดนปล่อยปละละเลยไม่มีใครหยิบไปอ่าน สตาฟนอกสังกัดอย่างพวกชินจึงอ่านได้เต็มที่ เนื้อหาในนั้นใช่ว่าจะเขียนความลับขององค์กรเอาไว้ อย่างมากก็แค่แจ้งข่าวงานมงคลและงานศพ ประกาศโยกย้ายบุคลากร รายงานผลการแข่งกอล์ฟภายในบริษัท อารมณ์คล้ายๆ หนังสือพิมพ์ในโรงเรียน ปกติจึงไม่ค่อยมีใครสนใจ ทว่าฉบับนี้ต่างออกไปนิดหน่อย
“ดูนี่สิๆ”
คนถือหนังสือพูดพลางเปิดหน้า ‘เพื่อนร่วมงานมาใหม่’ ให้ดู มีพนักงานใหม่เข้ามาเดือนตุลาเนี่ยนะ? ชินคิด แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีการจ้างพนักงานใหม่ที่พร้อมเป็นกำลังรบในฤดูใบไม้ร่วงทันทีโดยจำนวนขึ้นอยู่กับแต่ละปีอยู่แล้ว หน้านั้นลงรูปถ่ายใบหน้าพร้อมด้วยประวัติสั้นๆ ของผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงสองคน นิ้วของเพื่อนร่วมงานชี้ไปที่ใบหน้าของผู้ชาย
“ฝ่ายบุคคลบอกว่าเด็กคนนี้จะมาทำงานที่ ‘เดอะนิวส์’ ตั้งแต่วันจันทร์แหละ”
“เห”
ทุกคนพึมพำว่า ไหนดูซิๆ พลางชะโงกหน้า
“เด็กสมัยนี้ดูดีกันทุกคนเลยแฮะ”
ชินเอ่ย ก่อนจะโดนหัวเราะว่า “พูดอะไรอย่างนั้น”
“อายุก็พอๆ กับนัตจังไม่ใช่เหรอ”
“เอ๊ะ งั้นเหรอ? ...อ๊ะ จริงด้วย อายุเท่ากันเลย”
ปีเกิดระบุอยู่ใต้ชื่อ ‘เมงุมิ โคทาโร่’ ปีนี้อายุยี่สิบเจ็ด หน้าตาหล่อเหลาจนมีคนทักว่า “ไม่ใช่ผู้ประกาศข่าวแต่เป็นพนักงานทั่วไปเหรอเนี่ย” อาจเพราะเป็นรูปถ่ายเป็นทางการ ใบหน้าที่หุบปากนิ่งจึงดูหัวดื้อเล็กน้อย แผ่ความองอาจอย่างกับนักรบ ถึงชินจะไม่รู้จักนักรบของจริงก็เถอะ
“อัตราการแข่งขันน่าจะต่ำกว่าผู้ประกาศข่าว ลองเล็งดูสิ?”
พวกผู้หญิงเริ่มยุแยงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ
“เอ๋ เขาจะสนใจผู้หญิงที่ไม่ได้อาบน้ำมาสามวันเหรอ?”
“จะสนใจผู้หญิงที่ไม่ว่างซักผ้าจนมีกางเกงในที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อตั้งห้าตัวไหมนะ?”
“หัดอาบน้ำซะบ้างเถอะ”
“ก็ตัดต่อไม่เสร็จนี่นา”
เท่าที่ดูจากประวัติ เมงุมิ โคทาโร่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่อเมริกาและทำงานที่นั่นมาตลอด
“สายอินเตอร์สินะ”
“คนแบบนั้นมาที่รายการเราแล้วจะทำอะไรหว่า”
“ถึงจะไม่ใช่เด็กจบใหม่ก็ต้องเริ่มจาก AD อยู่ดีแหละมั้ง?”
“เอ๋~ ...วางตัวไม่ถูกเลยแฮะ...”
บางทีนั่นคงเป็นความรู้สึกจากใจจริงของทุกคน ทั้งสถานะพนักงานของสถานี ประวัติการศึกษาสูง อายุกึ่งๆ แถมอาชีพก่อนหน้ายังเกี่ยวกับการค้าขาย ดูทรงแล้วไม่น่ามีประสบการณ์ในวงการมาก่อน ถ้าจะพูดถึงตำแหน่ง AD แล้ว ต่อให้บื้อไปบ้าง แต่ถ้าเป็นคนอ่อนวัย ว่านอนสอนง่าย ไม่ย่อท้อ หรือพูดตรงๆ ว่าเป็นประเภทที่ ‘ดุง่าย’ ย่อมน่าซาบซึ้งใจมากกว่า ยิ่งถ้าถึกทนก็ถือว่าไร้ที่ติ
“ท่าทางจะอีโก้จัด”
“กลับจากอเมริกาแปลว่าน่าจะชอบโฮมปาร์ตี้สินะ”
“แล้วเวลาโกรธก็จะพูดภาษาอังกฤษ”
“อย่างเช่น Why Japanese people! น่ะเหรอ?”
“แบบที่ชวนให้คิดว่า ตัวเองก็คนญี่ปุ่นไม่ใช่รึไง”
“มาเข้าวงการที่ถูกใช้งานเยี่ยงทาสขนาดนี้ มีหวังรีบฟ้องศาลทันทีแหง”
“เอ๋ ไม่โหดขนาดนั้นมั้ง? ก็แค่เวลาทำงานยาวนาน ไม่แน่ไม่นอน ค่าจ้างต่ำนิดๆ ใช้แรงมากกว่าปกติหน่อยๆ เท่านั้นเอง?”
“ตาสว่างเถอะนัตจัง...”
“เอาเถอะ ถึงอย่างไรพนักงานของสถานีก็ไม่โดนจิกหัวใช้หนักเท่าพวกเราหรอกน่า”
หลังจากเมาท์ข่าวลือกันตามใจปากอย่างสนุกสนาน เหล่าทีมงานก็กินข้าวเย็นเบาๆ ด้วยกันก่อนแยกย้าย ชินมุ่งหน้าไปที่ห้องของทัตสึกิแม้จะรู้ว่าเจ้าตัวไม่อยู่ เพื่อนเก่าแก่ของทัตสึกิบอกว่าอยากไปชมการแสดงตลกสดๆ ชินจึงช่วยหาตั๋วของวันนี้ให้ เขาเข้าห้องด้วยกุญแจสำรอง จากนั้นกางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบนโต๊ะตัวเตี้ยแล้วลงมือทำงาน
ชินส่งอีเมลขออนุญาตถ่ายทำและค้นหาตัวเลือกสถานที่ถ่ายทำจนเผลอแป๊บเดียวก็เกือบขึ้นวันใหม่แล้ว ไม่รู้ทำไมงานนั่งโต๊ะถึงให้ความรู้สึกเหมือนโดนดูดเวลามากกว่างานอื่นๆ เขาหาวพลางบิดขี้เกียจแล้วจึงพักหายใจหายคอ ทัตสึกิส่ง LINE มาว่า ‘ใกล้จะได้กลับแล้ว’ แต่สุดท้ายก็ไปต่ออีกร้านเพราะบรรยากาศพาไปจนได้...เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ชินจึงไม่ถือสาหาความ
พักหน่อยดีกว่า ชินคิดก่อนจะหยิบเบียร์กระป๋องหนึ่งจากตู้เย็นมานั่งดื่มคนเดียวพลางดูโทรทัศน์ ไม่ทันไรก็เริ่มง่วงขึ้นมา ทั้งที่ตั้งใจจะตื่นรอทัตสึกิกลับมาแท้ๆ แต่ขนตากลับกลายเป็นตุ้มถ่วงหนักอึ้งที่พยายามดึงเปลือกตาลง อ๊ะ แย่ละสิ งีบหน่อยก็แล้วกัน ชินบอกตัวเองก่อนปิดคอมพิวเตอร์ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วหลับตา

...นัตจัง
ทัตสึกิเรียก
...กลับมาแล้วเหรอ สนุกไหม?
...อื้อ แต่อยู่กับนัตจังสนุกกว่า
...กล้าพูด
...จริงๆ นะ
ชินหัวเราะคิกอย่างอารมณ์ดี อะไรเนี่ย จักจี้หัวใจชอบกลแฮะ...ไม่สิ จักจี้ร่างกายนี่แหละ ด้านหลังคอคันยุบยิบ สัมผัสดุจขนนกลูบไล้นั้นหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย ความรู้สึกล่องลอยค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นแรงกระตุ้น คละเคล้าด้วยความเสียวซ่านบางเบาแพร่กระจายไปทั่วร่าง ก่อให้เกิดความกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก คล้ายเป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังผ้าม่านผืนบาง เหมือนจะมองเห็น แต่กลับมองไม่เห็น
ครั้นอาการเย็นวาบแล่นปราดขึ้นที่ด้านหลังใบหู ชินจึงสะดุ้งลืมตาตื่น สิ่งแรกที่รู้สึกคือความร้อนจากร่างกายที่ปกคลุมแผ่นหลัง และความอึดอัดจากการโดนตรึงลำตัว พอเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ ชินก็เห็นว่าใต้เสื้อยืดปูดโปนผิดปกติ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะหน้าอกงอกขึ้นมาฉับพลันแต่อย่างใด
“...อืม?”
“อ๊ะ ตื่นแล้วเหรอ?”
เสียงทัตสึกิดังมาจากด้านหลังทั้งที่ยังไม่ทันทำความเข้าใจสถานการณ์
“เอ๊ะ”
ชินหันกลับไปมอง แต่ระยะกลับใกล้จนเห็นเพียงสันจมูก ในที่สุดเขาจึงเข้าใจว่าตนอยู่ในท่าโดนกอดแนบแน่น และมือของทัตสึกิก็อยู่บนผิวเปล่าเปลือยใต้ร่มผ้า
“...ทำอะไรของนาย?”
“ก็กลับมาแล้วนัตจังหลับอยู่”
“อือ”
“จับก็แล้ว จิ้มก็แล้ว ไม่เห็นยอมตื่น”
“แล้ว?”
“แล้วก็เลยเป็นอย่างนี้ไง”
ทัตสึกิลูบจากสีข้างถึงชายโครงในรวดเดียว เล่นเอาชินสั่นสะท้าน
“อ๊ะ...”
ทั้งที่แอ่นตัวเพราะอยากไล่ความรู้สึกนั้นไปให้พ้น แต่กลับถูกกอดแน่นจนขยับไม่ได้ ฟองแห่งความตื่นตัวที่ผุดพรายขึ้นใต้ผิวจึงไร้ที่ไปจนจมลงสู่ช่วงท้อง
“...ขนาดหลับอยู่ยังตอบสนองไม่น้อยเลยนะ”
ทัตสึกิใช้ปลายจมูกแหวกด้านหลังใบหูแล้วจุมพิต บางทีจุมพิตนี้คงเป็นสิ่งที่ปลุกชินขึ้นมา
“เดี๋ยวเถอะ...อึก”
“ทั้งร้องอื้อ อื้ม เบาๆ บ้าง กลั้นหายใจบ้าง...ฉันเลยเกิดอารมณ์จนได้”
“เป็นพวกโรคจิตรึไง!”
“ฉันไม่ทำกับคนอื่นหรอก วางใจเถอะ”
“แหงอยู่แล้ว! ว่าแต่ นายเมาสินะ?”
ฝ่ามือของทัตสึกิร้อนผ่าว ลมที่เป่าออกมาตอนกระซิบก็มีกลิ่นหวานๆ เจือบางเบา
“อื้อ ไม่ต้องห่วงๆ ฉันทำได้”
“เดี๋ยว ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น”
เอาเป็นว่าปล่อยฉันซะ ชินบอกพลางดิ้นรน
“นัตจัง”
ทัตสึกิงับใบหูเบาๆ พลางใช้สองมือคลำที่อก ชินรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิร่างกายตนพุ่งพรวด
“อ๊ะ...”
เมื่อโดนนิ้วนวดคลึง ชินจึงตระหนักว่ายอดอกมีปฏิกิริยากว่าที่เคยรู้ตัว ร่างกายซึ่งโดนปลุกอยู่ก่อนแล้วกำลังดื่มด่ำอย่างว่าง่าย ดังที่ทัตสึกิบอกไม่มีผิด
“ไม่เอาน่า”
เสียงหัวใจของทัตสึกิสะท้อนกับแผ่นหลัง ชีพจรของชินพลอยเต้นเร็วตาม หัวใจเต้นตึกตัก เมื่อโดนเล็บสั้นๆ เขี่ยซ้ำไปมา ความปั่นป่วนก็พลุ่งพล่านจากอกสู่ลำคอจนกลั้นเสียงไว้ไม่อยู่
“อะ อ๊ะ”
“นัตจัง คุกเข่าหน่อย”
สะโพกโดนจับยกขึ้นทั้งที่แขนยังเท้าอยู่กับโต๊ะตัวเตี้ย จากนั้นมือที่โอบช่วงท้องอยู่ก็เลื่อนไปยังหัวเข็มขัดทันที
“เอ๊ะ อย่า”
ชินเผลอกดมือนั้นจากด้านบน มือของทัตสึกิเปี่ยมด้วยชีพจรจรดปลายนิ้ว บางทีตนก็คงเป็นเหมือนกัน
“มีอะไรเหรอ?”
ทัตสึกิถามพลางใช้มืออีกข้างถลกเสื้อยืดของชิน เปิดเปลือยตั้งแต่สะโพกจนถึงแผ่นหลัง
“ฉะ ฉันไม่อยากทำตรงนี้ทั้งๆ อย่างนี้”
“ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ข้างนอก ในรถ หรือในบริษัทซะหน่อย?”
“ไม่มีทาง!”
อย่ายกตัวอย่างสุดโต่งเกินเหตุสิ
“ฉันเป็นมือใหม่นะ...”
ทั้งสองซึ่งคบกันมาราวสองอาทิตย์เพิ่งมีเซ็กซ์กันนับครั้งได้ แถมชินยังไม่เคยมีประสบการณ์อย่างว่ากับคนอื่นนอกจากทัตสึกิเลยด้วย
“อืม”
นิ้วที่ไล้ลงตามแนวสันหลังเข้ากระตุ้นบั้นเอว ส่งความร้อนลอบเร้นลงสู่เบื้องล่าง
“เพราะอย่างนั้นถึงต้องเรียนรู้ว่ามีวิธีทำให้รู้สึกดีหลายแบบไงล่ะ”
“บอกว่าไม่ไง...”
ทัตสึกิฝ่าการต้านทานอันหละหลวมเข้ามาปลดเข็มขัดและด้านหน้ากางเกงยีนต่อ ตามด้วยดึงลงจนถึงเข่าพร้อมๆ กับกางเกงใน เมื่อรู้ว่าเนื้อผ้านั้นเกี่ยวติดกับอะไร ชินจึงฝังหน้ากับแขนของตนด้วยความอาย
“อ๊ะ...!”
มือที่ยื่นมาจากระหว่างขาเกาะกุมส่วนที่ตื่นตัวครึ่งๆ กลางๆ แล้วหยอกเอิน
ไม่ทันไรชินก็ถูกเร่งเร้าจนถึงจุดที่โหยหาการปลดปล่อย นิ้วโป้งและนิ้วชี้ของทัตสึกิกำเป็นวงแล้วกระตุ้นอย่างช่ำชอง จนสะโพกของชินจะสั่นไหว แผ่นหลังแอ่นโค้งไปมา
ชินแทบเข่าทรุดจนต้องยึดเกาะโต๊ะไว้สุดชีวิต ฝีมืออันชำนิชำนาญของทัตสึกิทำให้ความฉ่ำชื้นหลั่งรินออกมา และเมื่อขยี้จุดอ่อนตรงส่วนปลาย มันก็ยิ่งหลั่งไหลและกลายเป็นตัวช่วยในการปลุกเร้าไปจนหมด ก่อให้เกิดเสียงน่าบัดสี การกระตุ้นทั้งทางหูและทางส่วนอ่อนไหวทำเอาร่างกายของชินอ่อนปวกเปียก
“...ยะ อย่า”
“นัตจัง”
อาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคย เมื่อได้ยินเสียงทัตสึกิที่กำลังเกิดอารมณ์ ชินเลยนึกอยากปิดหูฉับพลัน ความแตกต่างจากเวลาปกตินั้นทำเอาเขาแทบทนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะความใสซื่อหรือขี้อายของตน แต่เพราะทัตสึกิเป็นคนร่าเริงสดใสอยู่เสมอ ในยามค่ำคืนอย่างนี้จึงราวกับกลายเป็นคนละคน ชินเริ่มกลัวว่า นั่นใคร ฉันไม่รู้จักนาย ทั้งที่กลัว แต่กลับโหยหาจนทรมาน อยากให้เผยหน้าและน้ำเสียงที่ไม่เผยให้ใครเห็นมากกว่านี้ ความปรารถนาที่ขัดแย้งกันเองนั้นรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แค่คิดว่าบางทีทัตสึกิก็อาจต้องการชินด้วยความเร่าร้อนที่ทัดเทียมกัน หัวใจก็แทบลุกไหม้จากปลายขอบ
“...ตรงนี้ก็ตอบสนองอยู่เหมือนกัน รู้รึเปล่า?”
นิ้วกดลงตรงความคับแคบด้านหลัง
“ถูด้านหน้าทีไร เป็นต้องขยับยุกยิกมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว”
“มะ...ไม่จริงหรอก เรื่องแบบนั้น”
ชินเองก็รับรู้อาการหุบหายใจเล็กๆ ราวกับเป็นอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดขึ้นตรงนั้น แต่เขาไม่มีทางยอมรับ
“จริงเหรอ? ...นี่ไง”
“อ๊า...!”
โลชันไหลผ่านผิวของทัตสึกิลงมา ในขณะที่ร่างกายชินก็รับเอาความฉ่ำชื้นนั้นเข้ามาอย่างยินดี
“ลามก”
“ก็มันเย็นนี่นา เจ้างั่ง...”
“ไม่ใช่แค่นั้นสินะ”
นิ้วมือผ่านเข้าไปยังบริเวณซึ่งเดิมทีแล้วไม่ควรถูกเบิกทางจากภายนอก แรงกดนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหอบหลุดรั่วผ่านลำคอ ปฏิกิริยาต่อต้านอย่างการฝืนดันสิ่งแปลกปลอมถูกล่อหลอกด้วยสัมผัสลื่นๆ ที่ขยับถี่ยิบ และสุดท้ายก็อ่อนยวบยาบราวกับโดนสะกดจิต
“อย่า...”
แม้ว่าจะปฏิเสธ แต่อาจเพราะได้ยินเสียงร่ำร้องจากส่วนลึกของร่างกายว่ายังไม่หนำใจ ทัตสึกิจึงเพิ่มนิ้วอีกจนเกิดเสียงคาวโลกีย์
“ไม่ ไม่ได้นะ...!”
นิ้วมือหมุนคว้านเสียดสีจุดกำเนิดความร้อนที่ซุกซ่อนในช่องท้องจนมันบิดมวน
การเคลื่อนไหวนั้นเหนี่ยวไกให้ชินปลดปล่อยความรุ่มร้อนออกจากร่าง ถึงกระนั้นจุดที่ปวดบวมเป็นพิเศษเหมือนรอยแมลงกัดที่รักษาไม่หายกลับโดนหยอกเย้าไม่เลิก ชินยึดเกาะโต๊ะดิ้นพล่าน แม้จะอยากเกาะเกี่ยวทัตสึกิไว้มากกว่าวัตถุแข็งทื่อไร้หัวใจ แต่ขืนทำแบบนั้น ส่วนที่กำลังตื่นตัวตามสัญชาตญาณคงถึงคราวคับขันยิ่งกว่าเดิม
“นัตจัง ฉันเข้าไปได้รึยัง?”
“ยะ ยังไม่ได้”
ชินโอดครวญเช่นนั้นเพราะรู้สึกว่ายังไม่น่ารับการกระตุ้นระลอกใหม่ไหว แต่ทัตสึกิกลับใช้ปากดูดดึงแผ่นหลังทั้งที่นิ้วยังฝังตัวอยู่ กระทั่งยอดอกที่ยังเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ก็พลอยถูกหยอกล้อ ชินเข่าแทบทรุดเพราะไม่อาจทนสัมผัสเหล่านั้น
“อ๊ะ! อย่า บอกว่าไม่ไง...”
“หืม~ งั้นเหรอ”
ไม่รู้ทัตสึกิเข้าใจมากน้อยแค่ไหน เขาผละนิ้วออกอย่างปราศจากความเกรงใจ เล่นเอาชินดิ้นพล่านด้วยแรงราคะ จากนั้นก็แนบส่วนร้อนลงมาทับ
“เอ๊ะ”
“งั้นรอนัตจังโอเคก็ได้ ไหวเมื่อไรค่อยบอกนะ แต่ฉันรอเฉยๆ ไม่ได้หรอก”
“อ๊ะ...”
ส่วนสำคัญของทัตสึกิไล้ตามแนวไปจนถึงก้นกบ สัณฐานอันแข็งขึงส่งผ่านผิวหนังบางๆ มาถึงชินได้เป็นอย่างดี ส่วนนั้นมีผิวสัมผัสแตกต่างจากส่วนอื่น ทั้งเหยียดตึงเรียบลื่นและปูดโปนชัดเจนจนน่ากลัว ขณะที่ลูบไล้ผิวกายของชินซ้ำไปซ้ำมา อารมณ์ตื่นตัวนั้นก็ยิ่งเดือดพล่าน
“...ลื่นเชียว รู้สึกดีจัง”
เสียงของทัตสึกิแฝงวี่แววของสัตว์ป่าเปี่ยมพลังชีวิตราวกับผสมด้วยเลือด ส่วนปลายของอีกฝ่ายปาดป้ายของเหลวทิ้งไว้ ความลื่นจึงหายไปทั้งที่เพิ่งพูดไม่ทันขาดคำ แต่ทัตสึกิคงไม่ถือสา เขาขยับรุนแรงยิ่งขึ้นพลางหอบหายใจอยู่ด้านหลังของชิน
“อ๊ะ...รู้สึกเหมือนจะเสร็จไปทั้งๆ อย่างนี้เลย...”
ความร้อนของทัตสึกิไหลลงไปตามส่วนโค้งของร่างกาย ทำให้ความหิวกระหายที่เกิดขึ้นภายในแผดเผาจนท้องน้อยร้อนผ่าว ชินเผลอหลุดปากว่า “ไม่ได้”
“หืม?”
มาปลดปล่อยข้างในสิ ไม่ใช่บนผิว
“ฉะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว...ทำเถอะ...”
ดูเหมือนว่าคำขอที่หางเสียงแผ่วจนแทบเลือนหายนั้นจะส่งไปถึงทัตสึกิสำเร็จ
“นัตจัง ขอยืมมือหน่อย”
แขนข้างหนึ่งโดนคว้าหมับ ปลายนิ้วของชินโดนนำพาไปสัมผัสความตื่นตัวของทัตสึกิ อ๊ะ แข็งมากเลย ชินรู้สึกดีใจที่เป็นแบบนั้น
“จะเข้าไปแล้วนะ หันหน้ามาให้ดูทีสิ”
ชินบิดกายท่อนบน จับจ้องทัตสึกิข้ามไหล่พร้อมกับต้อนรับอีกฝ่าย ก่อนจะโดนเสียดแทงด้วยสายตาซึ่งลุกโชนด้วยแรงปรารถนาและความร้อนรน ดวงตานั้นมองเห็นตนเป็นอย่างไรกันหนอ ชินนึกกังวล และความกังวลนั้นก็นำมาซึ่งความเสียวซ่าน
ทั้งที่ท่วงท่าและการกระทำออกจะทรมาน แต่อารมณ์ที่สุมอยู่ในส่วนลึกกลับผสมผสานกับความใคร่ที่รุกล้ำเข้ามา จนร่างโดนฉาบย้อมด้วยสีสันใหม่ แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่พริบตาที่เชื่อมประสานสนิทแนบ ชินกลับรู้สึกราวกับทั้งหมดของทัตสึกิอยู่ภายในร่างของตน หากทัตสึกิรู้สึกว่าได้สอดแทรกเข้ามาในทุกอณูของชินแล้วจะดีแค่ไหนกันเล่า เสียงที่เอ่ยเรียก “นัตจัง” ช่างฉ่ำหวานพอที่จะทำให้เคลิ้มฝันว่าอาจเป็นเช่นนั้นจริงก็ได้
“อื้อ ยะ อย่า”
พื้นผิวชุ่มชื้นดูดกลืนทัตสึกิโดยไม่รีรอ ให้ความรู้สึกดีเหมาะเจาะจนแทบหลงคิดว่าเป็นอวัยวะที่มีไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ครั้นคลายการดูดดึงแล้ว แรงดูดครั้งต่อไปก็ยิ่งเย้ายวนอย่างเหลือเชื่อ
“อะ อ๊า...”
“นัตจัง ตอนเข้ากับตอนออก อย่างไหนรู้สึกดีกว่า?”
“จะบ้ารึไง...”
“เสียงครางต่างกันนิดหน่อย ฉันเลยสงสัยว่าอย่างไหนดีกว่ากันแน่”
“ระ เรื่องนั้น ไม่รู้หรอก...”
“ฉันชอบทั้งคู่เลยนะ”
หมายถึงชอบเสียงของชิน หรือชอบความรู้สึกที่ตัวเองได้ลิ้มรสกันแน่นะ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ความปรารถนาอันดิบเถื่อนกดแทรกลงมา หรือตอนที่เคลื่อนถอยหลังจากไปล้วนแล้วแต่รู้สึกดีพอๆ กัน แต่ชั่วขณะที่เสียวซ่านมากที่สุดก็คือวินาทีที่ได้ลิ้มรสว่าทัตสึกิกำลังรู้สึกดีกับการร่วมรักกับตนจนแสดงปฏิกิริยานานา เพราะทัตสึกินั้นมีประสบการณ์มาแล้ว ต่างจากชินที่มีอีกฝ่ายเป็นคนแรก
ร่างกายของฉันทำให้รู้สึกดีไหม? คิดว่าอยากทำแบบนี้อีกรึเปล่า?
“อ๊ะ มินางาวะ...”
สาเหตุหนึ่งที่ไม่ถามออกไปเป็นเพราะความอาย อีกสาเหตุเป็นเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะหัวเราะตอบว่า ‘แหงอยู่แล้ว’ แต่ถึงกระนั้นชินก็ยังตั้งคำถามเดิมซ้ำไปมาอยู่นั่นเอง และสิ่งที่อยู่ถัดจากคำถามนั้นก็คือคำง่ายๆ อย่างคำว่า ‘ชอบ’ ชอบมินางาวะที่สุด
“อืม...ลึกอีกนิด...”
ทัตสึกิจับศอกข้างหนึ่งของชินรั้งขึ้นจนร่างลอยขึ้นเหนือโต๊ะ ชินทำได้เพียงรับการโยกคลอน ไม่อาจหลบเลี่ยงการกระตุ้นเร้าได้แม้แต่น้อย เสียงของชินสูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมงุมิ โคทาโร่ ชายหนุ่มวัย 27 ปีเดินทางกลับจากอเมริกาเพื่อเข้าทำงานที่อาซาฮิทีวีในฐานะพนักงานใหม่ ชินจึงต้องรับหน้าที่ดูแลเขาระหว่างฝึกงาน แม้จะเป็นคนเก่งและเอาจริงเอาจัง แต่ความจริงแล้วโคทาโร่เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับทัตสึกิมานาน การที่ทัตสึกิไม่แยแสเขาสักนิดทำให้ความยึดติดนั้นคล้ายคลึงกับรักข้างเดียวอยู่หน่อยๆ แถมโคทาโร่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าทัตสึกิกับชินกำลังคบหากันยังเริ่มสนิทกับชินที่สอนงานให้อย่างใกล้ชิดขึ้นมา...? ภาคต่อของ ‘สะท้อนรักผ่านดวงตา’ พร้อมตอนแถมพิเศษที่มีเคย์กับอุชิโอะปรากฏตัวด้วย♡

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”