New Release BLY แปล : YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ 3 (จบ)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : YES OR NO คนที่ใช่ ใครที่ชอบ 3 (จบ)

โพสต์ โดย Gals »

ที่พักพิงของหัวใจ


วันที่เสียครอบครัวไปถึงสองคนเป็นวันหิมะตก ถ้าอย่างนั้นพอถึงเวลาที่ตัวเองตาย หิมะจะตกเหมือนกันไหมนะ ความคิดนี้แวบขึ้นมาปีละหน
เหมือนอย่างวันนี้
มือหนึ่งยื่นออกไปหมายจะปัดหิมะที่ทับถมบนป้ายหลุมศพ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีที่ให้ทิ้ง เจ้าตัวก็รู้สึกว่าจะทับถมเหนือหลุมศพหรือรอบข้างคงไม่ต่างกันเท่าไรนัก มือนั้นจึงหดกลับที่เดิม ใช่ว่าหินแข็งเย็นเฉียบนั้นจะทนความหนักไม่ได้เสียเมื่อไร
อากาศอย่างนี้ดอกไม้คงเฉา ชายหนุ่มจึงไหว้หลุมศพด้วยต้นนันเตง ยามอยู่ท่ามกลางสีขาวและเทา ใบสีเขียวและผลเล็กๆ สีแดงดูสีสันสดใสจนแทบแสบตา
เขาจุดธูปพลางอังด้วยมือข้างหนึ่ง หิมะที่โปรยปรายลงมาละลายไปทันทีที่สัมผัสหลังมือ ชวนให้ขบคิดถึงอุณหภูมิของตนเอง ความอบอุ่นของร่างกาย ชีพจร ประสาทตาที่อ่านตัวอักษรบนป้ายหลุมศพ ขบคิดถึงสมองกับหัวใจที่กำลังคิดเรื่องเหล่านี้ และทุกอย่างที่ดำรงอยู่เพราะมีลมหายใจ



“นันเตงสวยดี”
พอจัดกิ่งไม้ในแจกัน ยายก็เอ่ยปากชม
“ขอโทษนะที่ใช้ของเหลือจากไหว้หลุมศพ”
“น่าจะชวนยายไปด้วย”
“ขืนเป็นหวัดคงแย่ ว่าแต่เจ้านี่ใช้ไหว้หลุมศพได้ใช่ไหม?”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็มันมีอะไรหลายๆ อย่างนี่นา พวกความเชื่อน่ะ”
“นันเตงมีความหมายว่า ‘พลิกผันความทุกข์ยาก’ เลยถือเป็นไม้มงคล ใช้ประดับบ้านในวันปีใหม่ด้วย”
“เห”
“หน้าตาไม่ค่อยเห็นด้วยเลยนะ”
“ความทุกข์ยากพลิกไปแล้วก็พลิกมา สุดท้ายจะไม่กลับมาทุกข์อีกเหรอ?”
“ไม่รู้สิ”
“ในเมื่อเรื่องร้ายกลับกลายเป็นดีได้ มันก็ต้องมีแบบสลับกันด้วยใช่ไหมล่ะ? ถ้าแม้แต่เรื่องดีๆ ยังพลอยแย่ลงด้วยก็ไม่ค่อยอยากให้พลิกผันซี้ซั้วเลยแฮะ ปล่อยให้เป็นไปอย่างที่เป็นแหละดีแล้ว ถ้าคิดว่ามันพลิกผันไปโดยไม่เกี่ยวอะไรกับความบากบั่นของตัวเองแล้วใครจะไปพยายามลง”
“ยากชอบกล ...อ้าว ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย”
ข่าวมาแล้วๆ ยายพูดพลางใช้รีโมตเปิดโทรทัศน์ ตัวอักษร ‘หิมะทับถมในเมือง’ ปรากฏขึ้น
‘อุณหภูมิปัจจุบันคือหนึ่งองศา อากาศเย็นจนแค่ยืนอย่างนี้ยังหูชาเลยครับ ขณะนี้หิมะหยุดตกแล้ว แต่ที่พื้นมีหิมะทับถมจนถึงตาตุ่ม จากนี้ไปจนถึงกลางคืนจำเป็นต้องระวังพื้นถนนที่กลายเป็นน้ำแข็ง นอกจากนี้ยังมีผลกระทบมากมายต่อระบบขนส่งสาธารณะ...’
“ตายจริง หยิบแว่นตรงนั้นให้ทีสิจ๊ะ สำหรับดูทีวีน่ะ”
“ทำไมล่ะ ไม่ได้จะขึ้นรถไฟซะหน่อย”
“ยายชอบพ่อหนุ่มคนที่พูดอยู่ หน้าหล่อ เสียงก็ดี เขาออกข่าวภาคกลางคืนด้วยใช่ไหมล่ะ ที่หลานทำแอนิเมชันไง”
“อือ”
“ทำไมไม่รู้นะ พอฟังเด็กคนนี้พูดแล้ว ต่อให้เป็นเรื่องยากๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองฉลาดขึ้นมานิดหน่อย ถึงจะไม่ถึงขั้นแฟนคลับ แต่วันไหนที่เปิดทีวีมาเจอแบบนี้ก็จะรู้สึกกำไรว่า อุ๊ย วันนี้โชคดีจังเลย”
“แบบนั้นน่ะแฟนคลับเต็มตัวแล้ว”
“เหรอ?”
“เอาเถอะ ผมเข้าใจนะ ยายใจตรงกันเลย”
“เรื่องอะไร”
“ก็รสนิยมเหมือนกันเลยไง”
อุชิโอะบอกก่อนจะหัวเราะ


เมื่อไฟในห้องส่งดับพึ่บ บรรยากาศก็ราวกับปิดร้าน โต๊ะเก้าอี้เลื่อนกลับเข้าที่ ฉากถูกเก็บไป เป็นอันปิดทำการ
“อ๊ะ โทษที ห้องส่งจะปิดแล้วสินะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
หลังจากออกอากาศจบก็ประชุมเรื่องถ่ายทำนอกสถานที่กันต่อเกือบหนึ่งชั่วโมง แล้วจึงเปลี่ยนมาเดินไปคุยไป
“คิดว่าน่าจะไปถ่ายทำในอีกสองเดือนถัดไป เพราะอยากได้ภาพหลังจากเริ่มทำถนนจริงแล้วน่ะ ยังอีกนาน”
“เข้าใจแล้วครับ”
“แต่ที่น่ากลัวคือ นัดสมาชิกสภาไว้ใช่ไหมล่ะ? ขืนยุบสภาขึ้นมา...”
“จะยุ่งยากหลายๆ อย่างสินะครับ”
“ใช่”
ช่วงเวลานับจากวันที่ประกาศให้มีการเลือกตั้งไปจนถึงลงคะแนนเสร็จจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงข่าวซึ่งโฟกัสไปที่นักการเมืองคนใดคนหนึ่งเท่าที่จะทำได้ และหากนักการเมืองคนดังกล่าวเกิดเคราะห์ร้ายไม่ได้รับเลือกขึ้นมา การสัมภาษณ์ก็ย่อมหมดความหมาย
“ว่าแต่เห็นพูดว่าจะยุบๆ มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จะยุบจริงเร้อ?”
ของแบบนั้นใครจะไปรู้เล่า ไปถามนายกฯ ไป๊... เคย์ไม่ได้พูดออกไปอย่างนั้น แต่ตอบส่งๆ ไปว่า “ไม่รู้จะเป็นอย่างไรนะครับ”
“คอมเมนเทเตอร์ที่ออกรายการเราก็ความเห็นไม่ตรงกันสักคน บางคนบอกต้องยุบตอนนี้เท่านั้น แต่บางคนกลับบอกว่ายุบตอนนี้ไปก็เสียหายเปล่าๆ”
“แต่ฟังฝ่ายไหนพูดก็พลอยคล้อยตามไปหมด ทุกคนสุดยอดเลยนะครับ”
แถมไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร สุดท้ายก็หาเหตุผลแก้ต่างทีหลังกันได้อยู่ดี นักวิจารณ์เนี่ยเป็นนักจินตนาการไปครึ่งหนึ่งสินะ เคย์คิด ไดเรกเตอร์แยกตัวออกไปหน้าห้องแต่งตัว พอเข้าไปด้านในก็พบรุ่นน้องกำลังเล่นสมาร์ตโฟนเรื่อยเปื่อยไม่ยอมกลับบ้าน
“เมื่อกี้คุยเรื่องยุบสภารึเปล่าฮะ?”
“นิดหน่อย”
“จะยุบไหมน้า”
บอกแล้วไงว่าอย่ามาถามฉัน
“มินางาวะคุงช่วยบุกไปสัมภาษณ์กะทันหันก็ดีนะ”
เคย์เสนอด้วยรอยยิ้มปั้นแต่งเต็มที่
“อา จริงด้วย ไปถามซะเลยไหมฮะ? จะยุบไหม? จะออกรึเปล่า~?”
“อื้อ แบบนั้นแหละ พยายามเข้านะ ตีเหล็กต้องรีบตีตอนร้อน ไปเดี๋ยวนี้เลยเป็นไง?”
“ดีละ~ มินางาวะ ทัตสึกิรายงานจากหน้าบ้านพักนายกฯ ครับ... อ๊ะ แบบนั้นผมก็โดนจับสิ โดนจับชัวร์ห้าหมื่นเปอร์เซ็นต์”
“อย่าคิดมากน่า”
“ไม่เอาๆ ไงก็ไม่มีทาง”
อะไรกัน ล้อเล่นหรอกเรอะ นึกว่ายุแล้วจะทำจริงซะอีก
“ไหงเดาะลิ้นล่ะฮะ ถ้าผมโดนจับ รายการก็จะจบไปด้วยนะ”
“ฉันเขียนใบลาออกให้เอง เดี๋ยวเขียนพินัยกรรมแถมให้ด้วย”
“เอ๊ะ โทษประหารเลยเหรอ?”
เนื่องจากเป็นกลางดึกที่แทบไม่มีคนเหลือในสถานี เคย์จึงกลับมาใช้วิธีพูดตามแบบนิสัยจริงด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
“ถ้าจะพูดกันอย่างจริงจัง จะยุบก็ยุบไปเถอะ แต่อยากให้บอกกันเร็วๆ นะฮะ ต้องเสียวันอาทิตย์ไปกับการเลือกตั้งซะด้วยสิ”
คำบ่นของทัตสึกิสมเหตุสมผล หากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นจริง พอถึงวันเลือกตั้ง สื่อมวลชนย่อมระดมกำลังไปเฝ้าตามเขตเลือกตั้งเด่นๆ แล้วทยอยรายงานคำแถลงของผู้ชนะและผู้แพ้กันสดๆ จากทั่วประเทศ ถ้าเป็นเขตที่รู้ผลเร็วก็แค่ถ่ายทำให้เสร็จแล้วจบกันไป แต่ถ้าโดนส่งไปเขตที่สูสีจะต้องแกร่วรออยู่ในสำนักงานเขตเลือกตั้งบรรยากาศตึงเปรี๊ยะหลายชั่วโมง ทำให้ทั้งอึดอัดและเหนื่อยแทบขาดใจ สถานีโทรทัศน์ทุกช่องล้วนรายงานผลด่วนเลือกตั้งแทบจะพร้อมเพรียงจนห่างกันไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ มาแข่งกันด้วยเรื่องพรรค์นี้ไปก็ไม่มีความหมาย... แต่จะคิดแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะนี่คืองาน
“อ้อ แต่รุ่นพี่คงได้ทำรายการพิเศษช่วงเลือกตั้งอยู่ที่ห้องส่งสินะ พิธีกรหลักอะโซ พิธีกรรองคุนิเอดะ ยิงยาวถึงเช้า อย่าคิดมากเลยนะฮะ”
“หนวกหู รีบๆ กลับไปซะ”
ตนก็สังหรณ์ใจว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่พอโดนคนอื่นบอกมันก็ยิ่งเหนื่อยหน่าย พอไล่ทัตสึกิออกไปแล้ว เคย์จึงเปลี่ยนชุดแล้วกลับมาเช็กมือถือส่วนตัวที่แผนกผู้ประกาศข่าว อุชิโอะส่งข้อความมาทาง LINE หนึ่งข้อความ
‘จะมาประมาณกี่โมง?’
แปลกแฮะที่ถามเรื่องแบบนี้ หรือว่างานยุ่งอยู่...ถ้าอย่างนั้นต่างฝ่ายต่างไม่ต้องสนใจกันก็ได้ ขอแค่มีอาหารในตู้เย็นกับเตียง (ในแง่ที่ไม่ลามก!) ก็ไม่มีอะไรจะบ่น หรือว่านัดเจอใครไว้? จวนจะเที่ยงคืนแล้ว แต่ในเมื่อเวลาทำงานไม่แน่ชัดก็เป็นไปได้
งั้นก็ช่างเถอะ วันนี้เหนื่อยเพราะตอนเย็นมีถ่ายทอดสด แถมเมื่อกี้ยังคุยงานจนเลิกช้า บ้านอุชิโอะน่ะจะไปเมื่อไรก็ได้ เพราะงั้นวันนี้ตรงกลับบ้านเลยดีกว่า ใช่ว่าจะเสียดายซะหน่อย
‘ไม่ไป’
พอตอบไปง่ายๆ อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันทีว่า ‘ทำไม?’
‘มีธุระใช่ไหมล่ะ’
‘ไม่มี’
‘ก็นายถามว่าจะไปกี่โมง’
‘เปล่า แค่อดใจรอไม่ไหว’
แค่อดใจรอไม่ไหว คำพูดนั้นเล่นซ้ำในหัวด้วยเสียงของอุชิโอะ ตามด้วยเสียงสะท้อนอีกห้าชั้น แบบว่า ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่ไหว... เดี๋ยวๆ เคย์สะบัดศีรษะหลายครั้งราวกับจะสลัดเอฟเฟกต์ในสมองทิ้งไปก่อนส่งข้อความว่า ‘ไม่ไปหรอก’
‘ทำไมล่ะ’
‘วางแผนอะไรอยู่แหง’
บางครั้งอุชิโอะก็พ่นถ้อยคำหวานๆ ออกมาหน้าตาเฉย แต่ส่วนใหญ่มักตบท้ายด้วยการแซววิธีใดวิธีหนึ่งจนเคย์คอยระวังตัวไม่ให้เผลอใจเต้นง่ายๆ ขณะที่กำลังรอดูท่าที อีกฝ่ายก็เปลี่ยนจากตอบ LINE เป็นโทรมา
“...มีอะไร”
‘ขี้ระแวงขนาดนั้น เป็นเด็กที่น่าสงสารจังน้า~’
เสียงถอนหายใจอย่างเสแสร้งดังมา
“เพราะนายเอาแต่พูดโยกโย้น่ะสิ!”
‘นึกว่านายคาดหวังซะอีก’
“ไม่ได้คาดหวังโว้ย”
‘ขืนเอาแต่พูดตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมได้ทำนายเขินตายพอดี’
สาเหตุการตายพรรค์นั้นมีที่ไหนเล่า
‘โทษทีนะที่ทำให้ผิดหวัง แต่ฉันแค่สงสัยว่าจะมาเมื่อไรเท่านั้นจริงๆ ฉันว่างเพราะงานโดนแคนเซิล มาให้เล่นหน่อยน่า ไม่สิ มาเล่นกันเถอะ’
“จงใจพูดผิดแล้วพูดใหม่ชัดๆ!”
‘งั้นก็ ฉันรออยู่นะ’
อา นั่นปะไร เวลาแบบนี้ดันพูดตรงๆ ได้เหมาะเจาะ รู้ทั้งรู้ก็ยังโดนเล่นงานสไตรก์โซนอย่างจัง
“...ฉันยังอยู่ที่บริษัท กว่าจะกลับไปอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ดึกแล้ว”
‘มาอาบที่บ้านฉันก็ได้นี่นา เดี๋ยวซื้อไอศกรีมไว้ให้ อยากกินอะไร?’
“โฮมรันบาร์”
‘ประหยัดจริงวุ้ย... รับทราบ’
ก่อนวางสาย อุชิโอะเสริมว่า ‘หิมะยังทับถมอยู่’
‘เวลามาระวังตัวด้วยล่ะ’

แท็กซี่ค่อยๆ แล่นไปตามถนนที่มีไอศกรีมเชอร์เบตเกาะอยู่ทั่ว มุ่งหน้าสู่บ้านอุชิโอะ เคย์ไม่รังเกียจช่วงเวลาที่รอสัญญาณไฟบนถนนซึ่งทอดยาวเป็นเส้นตรง ไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวทีละดวงเริ่มจากแยกไกลสุดไล่มาตามลำดับ เมื่อแสงสว่างนั้นส่งมาถึงตรงนี้จึงเดินหน้าต่อ ให้ความรู้สึกเหมือนได้รับอนุญาต เหมือนกับโดนเรียก สัญญาณไฟยามค่ำคืนสีสดจนตาพร่า
หน้าบ้านอุชิโอะหลงเหลือรอยเท้าเดินไปกลับปะปนกัน สงสัยจะเป็นตอนออกไปซื้อไอศกรีม เคย์อดวางเท้าตนเองซ้อนลงบนนั้นไม่ได้ รอยเท้าเป็นฝ่ายใหญ่กว่าเล็กน้อย หิมะสีเทามีน้ำซึมออกมา
“โอ๊ะ กลับมาแล้วเหรอ”
พอเข้าบ้านด้วยกุญแจสำรอง อุชิโอะก็ลงมาจากชั้นบน
“ไม่มีโฮมรันบาร์ กินฮาเก้น-ดาสรสวานิลลาแทนได้ไหม?”
“ปกติต้องซื้อการิการิคุงรสไดฟุกุสตรอว์เบอร์รีมาแทนสิ แต่ก็ช่างเถอะ”
“แบบนั้นใครจะไปเดาถูก”
เคย์ถอดเสื้อโค้ทแล้วหอบไปนั่งที่โซฟา
“อา เหนื่อยชะมัด ขี้เกียจสระผม”
พอบ่นพึมพำ อีกฝ่ายก็เสนอเรื่องที่คิดไม่ถึง
“งั้นฉันสระให้”
“เอ๊ะ”
“น้ำอุ่นพร้อมแล้ว ไปรอในอ่างนะ”
“เอ๊ะ?”
“นะ”
อุชิโอะยืนกรานด้วยการพูดซ้ำ ก่อนจะหยิบเสื้อโค้ทในมือเคย์ไปแขวนที่ตะขอข้างประตูทางเข้า เกิดอะไรขึ้น ไหงเซอร์วิซดีปานนี้ ไม่สิ อุชิโอะค่อนข้างเอาใจใส่อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องอยู่แล้ว แต่ปกตินั่นมันเป็นเพราะนิสัยช่างสังเกตและความฉับไวมากกว่า พูดให้สุดโต่งคือต่อให้อีกฝ่ายไม่ใช่เคย์ก็คงแทบไม่ต่าง แต่วันนี้กลับต่างออกไปเล็กน้อย
ได้ยินว่างานโดนแคนเซิลนี่นะ เคย์นึก ถึงจะบอกว่าว่าง แต่บางทีอาจเจ็บใจหรือหงอยอยู่ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นควรปล่อยให้หมอนี่เอาอกเอาใจงั้นเหรอ? เหมือนเป็นการดูแลทุกข์สุขของพนักงานน่ะ
ทั้งที่บอกกันตรงๆ ว่า ‘ปลอบใจทีสิ’ ก็ได้แท้ๆ แต่พอถึงเวลาสำคัญกลับไม่ซื่อตรงเอาซะเลย หรือจะบอกว่าหยิ่งในศักดิ์ศรีดีนะ... เคย์ขบคิดเรื่องที่ย้อนกลับเข้าหาตัวเองอย่างจัง ก่อนจะโพล่งอย่างจองหองว่า “ย่อมได้”
“เอ๊ะ ใคร?”
“จงตั้งใจสระให้ดีเถิด”
“ไหงจู่ๆ ทำตัวอย่างกับขุนนางโบราณ”
เวลาแบบนี้ยังจะฝืนเข้มแข็งอีกรึไง เชิญร้องไห้คร่ำครวญตามสบาย ฉันจะช่วยอยู่เงียบๆ ให้เอง เคย์ที่รู้สึกร่าเริงขึ้นมาเล็กน้อยยืนขึ้นอย่างองอาจ มุ่งหน้าไปยังชั้นสอง ก่อนจะหันกลับไปเมื่อแผ่นหลังรู้สึกได้ถึงสายตาของอุชิโอะ
“มีอะไร”
“เปล่า”
อุชิโอะหัวเราะด้วยท่าทางสนุกสนาน
“แค่คิดว่าวันนี้ก็เดินด้วยขาหลังอย่างเดียวคล่องจังน้า~”
“ฉันเดินสองขามาเกือบสามสิบปีแล้วว้อย!”
อ้าว อะไรกัน เข้าใจผิดหรอกเรอะ? พอล้างตัวแล้วลงแช่ในอ่างอาบน้ำ อุชิโอะก็เข้ามาจริงๆ แขนเสื้อปาร์กาแบบมีฮูดม้วนขึ้นจนถึงข้อศอก “ยื่นหัวมา” อีกฝ่ายสั่งด้วยน้ำเสียงไม่น่าซาบซึ้งใจสักนิด เฮ้ย ไม่เหมือนที่คิดไว้นี่หว่า เมื่อขยับเปลี่ยนท่าเอนศีรษะลงบนขอบอ่างทั้งที่ยังแคลงใจ น้ำอุ่นๆ จากฝักบัวก็รดลงมา
“หมู่นี้เห็นพูดเรื่องยุบสภาอยู่บ่อยๆ จะยุบเหรอ?”
“ทำไมหน้าไหนๆ ก็ถามฉันเรื่องนั้น”
“ว่าแต่สื่อมวลชนไม่ได้รายงานข่าวเพราะคาดหวังให้ยุบหรอกเหรอ?”
“ฉันไม่อยากให้ยุบ เพราะไม่อยากติดแหง็กอยู่กับรายการพิเศษช่วงเลือกตั้ง”
“แต่ถ้ามีคนอื่นทำรายการแทนก็จะเจ็บใจสินะ”
“เปล่านี่ อย่างมากก็แค่แช่งให้ทำพลาด”
“เจ็บใจชัดๆ”
เรือนผมโดนรดน้ำอย่างบรรจงจนเปียกชุ่ม แชมพูค่อยๆ ขึ้นฟองระหว่างเรือนผมและหว่างนิ้วของอุชิโอะ การที่ศีรษะโดนประคองด้วยฝ่ามือช่วยให้คอไม่ปวดเมื่อย แถมความรู้สึกยามโดนสัมผัสอย่างนุ่มนวลก็สบายไม่ใช่เล่น ทั้งๆ ที่เตียงสระผมในร้านตัดผมนอกจากจะยุ่งยากแล้วยังชวนประหม่าโดยใช่เหตุ ทำให้รำคาญจนถ้าเป็นไปได้ก็อยากลัดขั้นตอนนี้ไปซะแท้ๆ ถึงตอนที่โดนแตะไรผมด้านหลังคอหรือหลังหูจะจักจี้อยู่บ้าง แต่เป็นเพราะมือของอุชิโอะเคลื่อนไหวโดยปราศจากเจตนาแฝง บรรยากาศจึงไม่เกินเลยไปกว่านั้น
“คันตรงไหนไหมขอรับ?”
“อืม~ ...ฟันกราม?”
“ฟันแท้กำลังจะขึ้นรึเปล่า?”
“ขึ้นนานแล้วว้อย”
“จริงสิ บ้านฉันไม่มีครีมนวด ราดน้ำส้มสายชูแทนได้ไหม?”
“ไม่ต้องการ”
“ไอศกรีมล่ะ?”
“กิน”
“ดีละ งั้นล้างละนะ”
หยดน้ำกระเซ็นใส่หน้าผาก เสียงน้ำจากฝักบัวถูกก่อกวนด้วยมือของอุชิโอะ ฟองขาวยิ่งกว่าหิมะหยดย้อยจากเส้นผม เคย์หลับตาลงเกือบจะเคลิ้มหลับ




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากเริ่มคบหากันมาราวสองปี ผู้ประกาศข่าวอย่างเคย์และนักผลิตแอนิเมชันอย่างอุชิโอะก็ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเต็มไปด้วยความสุขทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว แต่แล้ววันหนึ่งกลับมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเคย์จะลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เคย์โดนจำกัดอิสระเพื่อรอให้เรื่องซาจนความเครียดสะสม ขณะเดียวกันงานของอุชิโอะก็โดนแคนเซิลกะทันหันอย่างต่อเนื่อง มีบางอย่างเกิดขึ้นอยู่ในที่ที่ทั้งสองไม่รู้ ที่ผ่านมาอุชิโอะคอยช่วยเหลือยามที่เคย์ลำบากอยู่เสมอ แต่พอถึงคราวที่อุชิโอะทุกข์ทรมานบ้างเล่า...?
เล่มที่ 3 ของซีรีส์ยอดนิยม!!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”