New Release : TERRAFORMARS ภารกิจล้างพันธุ์นรก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : TERRAFORMARS ภารกิจล้างพันธุ์นรก

โพสต์ โดย Gals »

TERRAFORMARS ภารกิจล้างพันธุ์นรก THE OUTER MISSION I SCAVENGERS
I ของมีตำหนิ


เขาอยู่เพียงลำพังภายในห้องที่ทั้งผนัง เพดาน และพื้นล้วนเป็นสีเทาด้วยคอนกรีต
ยืนประจันหน้าผ่านฉากอะคริลิกกันกระแทกแผ่นหนาใสแจ๋วที่กั้นกลางระหว่างเขากับสิ่งมีชีวิตสีดำมะเมื่อม
เงื่อนไขในการจะออกไปจากห้องนั้นมีเพียงข้อเดียว นั่นก็คือต้องทำให้มันสิ้นฤทธิ์
ห้องนั้นกว้างราวยี่สิบเมตรเท่ากันทั้งสี่ด้าน
ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่ากว้างนักและไม่มีมุมไหนเลยที่เขาจะใช้ซ่อนตัวได้
เขาจึงต้องสู้กับมันอย่างไม่มีทางเลี่ยง
โทเฮย์ ทาจิบานะจ้องเข้าไปในลูกตาสีดำไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ของมันพร้อมกับคิดว่า
เราก็แค่อยากเป็นนักบินอวกาศเพื่อไปเหยียบดาวอังคารเท่านั้นเอง
ทำไมต้องโดนจับมาสู้กับปีศาจร้ายพรรค์นี้ด้วยเนี่ย?
มันใช้มือสัมผัสฉากอะคริลิกไปทั่วอย่างสนอกสนใจ
มันสูงประมาณสองเมตร น้ำหนักราวหนึ่งร้อยสิบกิโลกรัม
ร่างกำยำราวกับนักสู้เจ้าสังเวียนของมันดำเงาวาววามไปทั่วทั้งร่าง
ผิวสีดำที่แข็งแกร่งเช่นนั้นมีองค์ประกอบและโครงสร้างคล้ายคลึงกับเปลือกแข็งของแมลง
ที่ก้นของมันมีอวัยวะรับสัมผัสที่เรียกว่าแพนหางงอกออกมาสองแท่ง และมีหนวดสัมผัสอีกคู่หนึ่งอยู่บนศีรษะซึ่งมีผมลักษณะคล้ายมอสส์ขึ้นสั้นๆ แนบติดไปกับศีรษะ ทั้งหมดนี้คือลักษณะเฉพาะตัวของเจ้าแห่งแมลงรบกวนอันเลื่องชื่อบนโลกมนุษย์
แมลงสาบ
และมันก็คือศัตรูของมนุษยชาติที่ถูกค้นพบบนดาวอังคารเมื่อประมาณสี่สิบปีก่อน
เทราฟอร์เมอร์
เมื่อราวห้าร้อยปีก่อน มนุษย์มีจำนวนเพิ่มขึ้นจนแทบจะล้นโลกที่ทรัพยากรใกล้จะหมด จึงได้ทดลองปรับสภาพดาวอังคารให้ใกล้เคียงกับโลกหรือที่เรียกว่าเทราฟอร์มิ่งเพื่อแสวงหาโลกใหม่
แผนการของบรรดานักวิทยาศาสตร์ในตอนนั้นแม้จะเรียบง่ายแต่ก็น่าเชื่อถือ
นั่นก็คือการส่งมอสส์สีดำพันธุ์พิเศษที่สามารถขึ้นอย่างหนาแน่นแม้จะอยู่บนดาวอังคารที่มีสภาพอากาศเยือกแข็งและมีชั้นบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนใหญ่ พร้อมทั้งส่งแมลงที่มีความสามารถในการเอาชีวิตรอดสูงอย่างแมลงสาบไปที่ดาวอังคารด้วย
แมลงสาบจะปรับตัวเพื่อให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายในช่วงแรกของดาวอังคาร สภาพแวดล้อมที่มีอาหารสมบูรณ์และไร้ศัตรูตามธรรมชาติจะทำให้มันเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาล ซากแมลงสาบที่ตายจะกลายเป็นสารอาหารให้กับมอสส์ ทำให้มอสส์เพิ่มจำนวนยิ่งขึ้น ส่วนแมลงสาบที่ได้รับออกซิเจนจากการสังเคราะห์แสงของมอสส์และกินมอสส์เป็นอาหารก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปอีก
เมื่อเป็นเช่นนี้พื้นผิวของดาวอังคารที่ถูกย้อมเป็นสีดำด้วยมอสส์และแมลงสาบก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น และจะทำให้ออกซิเจนในอากาศมีความเข้มข้นมากขึ้นจนกระทั่งมนุษย์สามารถอยู่อาศัยได้
ผ่านไปเพียงห้าร้อยปีการทดลองนี้ก็ประสบความสำเร็จ ดาวอังคารในตอนนี้มีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับบริเวณเทือกเขาบนโลกซึ่งมนุษย์สามารถมีชีวิตรอดได้อย่างฉิวเฉียด
แม้ว่าเทราฟอร์มิ่งจะประสบความสำเร็จแต่ก็เกิดปัญหาขึ้นอย่างไม่คาดคิด
นั่นก็คือแมลงสาบที่ส่งไปดาวอังคารมีวิวัฒนาการจนอยู่ในระดับเดียวกับมนุษย์ดึกดำบรรพ์ภายในระยะเวลาเพียงห้าร้อยปีซึ่งเปรียบได้กับชั่วพริบตาเดียวเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต
ในปี ค.ศ.2577 ยานอวกาศแบบมีคนขับ บั๊กส์หมายเลข 1 เดินทางไปสำรวจดาวอังคารซึ่งทำให้เทราฟอร์เมอร์กับมนุษย์ได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่ก็กลับลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมเมื่อลูกเรือยานบั๊กส์หมายเลข 1 ต้องเสียชีวิตทั้งหมด สิ่งเดียวที่มนุษยชาติได้รับมีเพียงหัวของเทราฟอร์เมอร์ที่ถูกฆ่าเท่านั้น
เทราฟอร์เมอร์ตัวที่อยู่ตรงข้ามฉากกั้นเบื้องหน้าโทเฮย์ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่โคลนนิงมาจากเซลล์ของส่วนหัวดังกล่าว
เมื่อมนุษย์เจอแมลงสาบจะกำจัดทันทีราวกับเป็นการสนองตอบโดยมีเงื่อนไข ซึ่งเทราฟอร์เมอร์เองก็คิดว่ามนุษย์เป็นศัตรูและต้องการปองร้ายโดยสัญชาตญาณในลักษณะเดียวกัน
ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าศัตรูตามธรรมชาติของมนุษย์ก็คือเทราฟอร์เมอร์
“โทเฮย์” เสียงผู้หญิงดังมาจากมุมเพดาน
มุมเพดานทั้งสี่มีกล้องบันทึกเหตุการณ์ภายในห้อง อีกทั้งยังมีป้อมปืนเลเซอร์อานุภาพร้ายแรงติดตั้งเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินคู่กับไมโครโฟนชนิดรับเสียงด้านหน้าและลำโพง ซึ่งเสียงผู้หญิงก็ดังมาจากลำโพงที่ว่านี้เอง
“ฉันจะอธิบายให้ฟังอีกสักรอบแล้วกัน เทราฟอร์เมอร์ตัวนี้เราเพาะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อใช้ในการฝึกฝนเลยลดความสามารถในการต่อสู้โดยรวมลงประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังฆ่าคนธรรมดาได้ง่ายๆ อยู่ดี ใช่ ถ้าเป็นคนธรรมดานะ”
“ผมทราบครับ คุณเจนิส แต่ผมมีความสามารถที่จะช่วยไม่ให้โดนเจ้านี่ฆ่าเอาใช่มั้ยล่ะครับ”
เจ้าของเสียงมีชื่อว่า เจนิส ลี เป็นเจ้าหน้าที่หญิงสังกัดทีมผู้ดูแลการผ่าตัด M.O. (Mosaic Organ Operation) ประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหประชาชาติหรือที่เรียกกันว่า U-NASA
ที่นี่คือห้องหนึ่งในอาคารสำนักงาน U-NASA ซึ่งตั้งอยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี.
“ใช่ นายได้รับการผ่าตัด M.O. ประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ถึงแม้จะมีความสามารถในการต่อสู้ไม่เท่าประเภทแมลง แต่ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มอบคุณสมบัติพิเศษให้กับนายละก็ ดวลตัวต่อตัวกับเทราฟอร์เมอร์ได้สบายๆ อยู่แล้ว เพราะถึงยังไงคู่ต่อสู้ของนายก็เป็นแมลงสาบ”
สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เทราฟอร์เมอร์เกิดวิวัฒนาการจนเปลี่ยนจากแมลงสาบมามีลักษณะคล้ายมนุษย์ด้วยเวลาเพียงห้าร้อยปีนั้นก็คืออวัยวะควบคุมภูมิคุ้มกันของเทราฟอร์เมอร์
การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะควบคุมภูมิคุ้มกันดังกล่าว พร้อมทั้งใส่ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าไปในร่างกายมนุษย์ในลักษณะที่ฝืนธรรมชาตินั้นเป็นการผ่าตัดที่มีชื่อว่า
การผ่าตัด M.O.
ในปัจจุบันอัตราความสำเร็จของการผ่าตัด M.O. อยู่ที่สามสิบแปดเปอร์เซ็นต์ และส่วนมากผู้เข้าร่วมการทดลองจะเสียชีวิตหากการผ่าตัดล้มเหลว
แต่ก็มีมนุษย์ที่รอดพ้นจากการเสียชีวิตมาได้แม้ว่าการผ่าตัดจะล้มเหลว ซึ่งถือว่าเป็นกรณีที่หายากมาก และโทเฮย์ก็เป็นหนึ่งในผลพวงจากความล้มเหลวนี้ด้วย
“แต่น่าเสียดายหน่อยนะ โทเฮย์ ที่อัตราความเข้ากันได้กับอวัยวะควบคุมภูมิคุ้มกันของนายอยู่ในระดับต่ำ ถึงจะพอถือได้ว่าการผ่าตัดสำเร็จ แต่นายก็ต้องรับยากดภูมิคุ้มกันในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิต แล้วเราก็ไม่มีทางที่จะส่งของมีตำหนิแบบนี้ไปที่ดาวอังคารหรอก”
อีกไม่นาน U-NASA ก็จะส่งยานอวกาศขนาดใหญ่ที่ชื่อว่าแอนแนคซ์หมายเลข 1 ไปยังดาวอังคารเพื่อทำการสำรวจและวิจัย
ลูกเรือของยานแอนแนคซ์หมายเลข 1 จะได้รับการผ่าตัด M.O. เพื่อให้ร่างกายสามารถต้านทานสภาพอากาศที่โหดร้ายบนดาวอังคารและรับมือกับการปะทะกับเทราฟอร์เมอร์ซึ่งคาดว่าจะต้องเกิดขึ้น
ตราบใดที่ยังบอกไม่ได้ว่าการผ่าตัดสำเร็จโดยสมบูรณ์ โทเฮย์ก็จะไม่มีสิทธิ์ได้ไปเหยียบดาวอังคาร
“ผมทราบครับ เจ้าหน้าที่สำรองกรณีฉุกเฉินภาคพื้นดิน นี่สินะครับ หน้าที่ของผมต่อจากนี้ แต่ขอแค่ผมได้อยู่ใน U-NASA ถึงจะอดไปดาวอังคาร แต่สักวันอาจจะได้ไปอวกาศก็ได้ ซึ่งก่อนอื่น....จะต้องโค่นเจ้านี่ให้ได้ก่อน ใช่มั้ยล่ะครับ”
“ก็ประมาณนั้นแหละ เราไม่ได้เป็นองค์กรแสนดีขนาดที่จะเลี้ยงบุคลากรที่ไร้ประโยชน์เอาไว้หรอกนะ ถึงคนคนนั้นจะมีคุณสมบัติที่เหมาะกับการเป็นสัตว์เลี้ยงก็เถอะ”
คำพูดดูแคลนของเจนิสทำเอาโทเฮย์หงุดหงิดจนต้องบ่นอุบออกมาว่า
“ไอ้บ้าที่ไหนจะอยากเอาสิ่งมีชีวิตพื้นฐานในการผ่าตัด M.O. ของผมไปเลี้ยงกันเล่า”
คำบ่นพวกนั้นจะเข้าหูเจนิสหรือเปล่าไม่รู้แน่ แต่เจนิสยังคงพูดต่อไป
“ยังไงนายก็ลองแปลงร่างให้ดูก่อนแล้วกัน ถ้าแปลงร่างได้ก็จะได้ประเมินว่าการผ่าตัด M.O. ไม่ได้ล้มเหลวจริงๆ สักที เพราะตอนนี้เราบอกได้แค่ว่านายรอดตาย แต่ว่าบอกไม่ได้ว่าการผ่าตัดสำเร็จ”
ซึ่งนายก็คงจะเข้าใจดีอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ เจ้าสัตว์ทดลอง
แน่นอนว่าเจนิสไม่ได้พูดแบบนั้นออกมา แต่โทเฮย์รู้สึกได้ว่ามีนัยแบบนี้ซ่อนอยู่ในคำพูดเหล่านั้น
แม้จะหงุดหงิดแต่ก็ไร้ประโยชน์ที่จะบ่นอะไรตอนนี้ โทเฮย์จึงกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า
“ผมทราบครับ หมายความว่าถ้าผมแปลงร่างแล้วโค่นเจ้านี่ไม่สำเร็จก็หมดสิทธิ์ฝันที่จะไปอวกาศใช่มั้ยล่ะครับ”
“ก็ประมาณนั้น ถ้าโค่นเทราฟอร์เมอร์ตัวนี้ลงได้นายก็จะได้เป็นเจ้าหน้าที่ของ U-NASA อย่างเป็นทางการและได้รับการปฏิบัติในระดับเดียวกับสมาชิกนักสู้ที่เป็นลูกเรือยานแอนแนคซ์ด้วย”
“......” โทเฮย์หุบปากเงียบ รอดูว่าเจนิสจะพูดอะไรต่อไป
“ไม่เป็นไรน่า ไม่ต้องกังวลไปหรอก ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละ นายจะรู้สึกเหมือนกับได้เกิดใหม่ แต่ก็อาจจะทรมานอยู่บ้างล่ะนะ เอาละ เริ่มได้”
พูดอย่างกับว่าเป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆ เลยนะ คนคนนี้ เออ แต่มันก็เป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆ นั่นแหละ
ถึงเราโดนแมลงสาบฆ่าตายตรงนี้ เจนิสก็คงจะแค่สั่งเจ้าหน้าที่ให้มาจัดการศพโดยที่ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ซึ่งศพเราก็คงจะถูกเอาไปชันสูตรแล้วก็จัดการแยกชิ้นส่วนเอาไปผ่านกระบวนการทำให้ไม่เน่าและเก็บไว้เป็นตัวอย่างสำหรับการวิจัยเกี่ยวกับการผ่าตัด M.O. ต่อไปเท่านั้นเอง
โทเฮย์ขายตัวเองให้กับ U-NASA เพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้ไปอวกาศในสักวัน และด้วยพื้นเพที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาจึงไม่ปรารถนาที่จะให้ส่งศพกลับไปที่นั่น
“ขนาดโอกาสรอดแค่สามสิบแปดเปอร์เซ็นต์ยังพิชิตมาได้ แล้วใครจะยอมตายอยู่ตรงนี้กันเล่า”
พอพึมพำจบโทเฮย์ก็งึมงำอยู่ในปากว่าสู้โว้ย จากนั้นคว้ายาแปลงร่างชนิดแผ่นที่อยู่ในมือแปะป้าบเข้าไปที่สันคอ
“!?” ทันใดนั้นความรู้สึกคล้ายกับถูกไฟฟ้าช็อกก็จู่โจมแล่นริ้วจากลำคอไปทั่วสรรพางค์กาย
เขารู้สึกประหนึ่งมีขนลุกกรูเกรียวไปทั่วทุกอณู ตามมาด้วยความเจ็บร้าวราวกับถูกใครกระชากเส้นประสาทออกทั้งหมดแล้วร้อยเส้นใหม่เข้าไปทั่วทั้งร่างภายในชั่วพริบตา
กระดูกทั่วร่างลั่นเกรียวกราว ภาพที่เห็นตรงหน้าวูบวับดับไปแวบหนึ่งจนโทเฮย์คิดไปว่าหรือในหัวเราจะระเบิดเป็นจุณไปแล้ว
“......” เพียงชั่วพริบตาเดียวภาพตรงหน้าก็ปรากฏขึ้นมาดังเก่า
โทเฮย์ลดสายตาลงชำเลืองมองดูมือของตัวเอง ผิวหนังที่โผล่พ้นชุดฝึกซ้อมมีเพียงแค่มือและเท้าสองข้างกับบริเวณตั้งแต่ลำคอขึ้นไป
ผิวสัมผัสของหนังมือต่างไปจากของคนทั่วไป แม้จะไม่หนาแต่ก็ปกคลุมไปด้วยเปลือกแข็งที่ประกอบขึ้นจากพอลิแซ็กคาไรด์อะไมโลส ซึ่งผิวหนังที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ถือเป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของการผ่าตัด M.O.
หลังมือทั้งสองปรากฏใบมีดสีขาวคมกริบรูปร่างคล้ายสนับมือ
กรงเล็บแหลมคมอยู่บนนิ้วมือนิ้วเท้าที่ยาวขึ้นกว่าเก่า
โทเฮย์มองทั้งหมดนี้แล้วก็เข้าใจได้ทันที
“อย่างนี้นี่เอง เหมือนกับที่เขาอธิบายให้ฟังเป๊ะ”
หนวดที่งอกออกมาจากสองข้างจมูกจับความเคลื่อนไหวของอากาศเพียงน้อยนิดได้อย่างว่องไว หางยาวเกือบเท่าแผ่นหลังตัวเองยืดยาวออกจากรูของกางเกงที่เจาะเตรียมไว้อย่างเป็นธรรมชาติ
หนูท่อมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rattus norvegicus
และมันก็คือสิ่งมีชีวิตพื้นฐานในการผ่าตัด M.O. ของโทเฮย์
หนูท่อเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงไม่กี่ชนิดที่จับแมลงสาบกินเป็นอาหาร
เทราฟอร์เมอร์ที่อยู่อีกฟากของฉากกั้นยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง
เทราฟอร์เมอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการมาจากแมลงสาบจึงรู้ว่าหนูเป็นศัตรูตามธรรมชาติโดยสัญชาตญาณ
เทราฟอร์เมอร์ที่สนอกสนใจแต่ฉากกั้นอยู่เมื่อครู่หันเหความสนใจมาที่โทเฮย์อย่างชัดเจน
“แปลงร่างสำเร็จแล้วนะ ทีนี้ฉันจะเปิดฉากกั้นออก เอ้า สู้ๆ ล่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงเจนิส ฉากกั้นก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นอย่างช้าๆ
ขณะที่ฉากกั้นยังไม่ทันจะเปิดขึ้นจนสุดเทราฟอร์เมอร์ก็ยอบตัวลงลอดใต้ฉากกั้นเข้ามาราวกับแมลงสาบที่เคลื่อนตัวลอดช่องว่างไปได้ทุกที่อย่างอิสระ
“เดี๋ยว” ขณะที่โทเฮย์เริ่มสติแตก ลูกตาสีดำผิดมนุษย์ของเทราฟอร์เมอร์ก็มาปราฏตรงหน้าเขาแล้ว
โทเฮย์มีร่างกายตามเกณฑ์เฉลี่ยของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปี ในขณะที่เทราฟอร์เมอร์ตัวโตมโหฬาร น้ำหนักจึงน่าจะห่างกันเท่าตัว ซึ่งถ้าเป็นสังเวียนกำปั้น น้ำหนักที่ต่างกันนี้จะกลายเป็นความได้เปรียบเสียเปรียบกันในการต่อสู้
เสร็จมันแน่ ความคิดนี้แวบเข้ามาในสมอง
เทราฟอร์เมอร์เหวี่ยงแขนเข้าใส่
ร่างกายของโทเฮย์ที่รับรู้กระแสลมได้ทางหนวดเคลื่อนไหวตอบสนองโดยอัตโนมัติ
เพียงเสี้ยววินาทีเดียวลูกตาของเทราฟอร์เมอร์ก็ถอยห่างออกไป โทเฮย์ตวัดหางยาวเพื่อทรงตัวแล้วกระโดดเกาะผนังในลักษณะตะแคงข้างหมอบสี่ขา
กรงเล็บที่มือและเท้าจิกเข้าไปในผนังคอนกรีตที่ขรุขระเล็กน้อยเพื่อประคองร่างกายเอาไว้ อันเป็นการเคลื่อนไหวตามแบบฉบับของหนูท่อที่สามารถวิ่งแนวดิ่งบนกำแพงที่เล็บจิกเข้าไปได้แม้จะเพียงแค่นิดเดียว
“เล่นเอาตกใจหมด....อย่าโผล่เข้ามากะทันหันอย่างนี้สิ โธ่ สัญญาณเริ่มการทดสอบยัง อ้าว มีแล้วนี่นา ก็ฉากกั้นยังเปิดแล้วเลยนี่นะ.... นี่เรามาแหมะอยู่บนกำแพงเหรอเนี่ย อื้ม เป็นหนูนี่ก็ไม่เลวเลยแฮะ”
ผู้เข้าร่วมการทดลองจะต้องมีคุณสมบัติเข้ากันได้กับสิ่งมีชีวิตที่ปลูกถ่าย DNA ในการผ่าตัด M.O. จึงไม่สามารถเลือกลักษณะพิเศษของสิ่งมีชีวิตได้ตามใจชอบ และสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวที่โทเฮย์มีคุณสมบัติเข้ากันได้ก็คือหนูท่อ
หนวดของหนูต่างจากขนทั่วไปตรงที่มีรูกลวงเพื่อให้เลือดไหลผ่านและทำหน้าที่เป็นอวัยวะรับสัมผัส
แม้สายตาจะไม่ได้จัดว่าดีเลิศแต่เพราะมีหนวดซึ่งเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทจำนวนนับไม่ถ้วนที่เชื่อมต่อตรงเข้าสู่สมอง หนูจึงสามารถทำสิ่งต่างๆ ในความมืดได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
โทเฮย์เคยผิดหวังที่ตัวเองจำเพาะจะต้องมาเป็นครึ่งคนครึ่งหนู แต่แล้วความสามารถของหนูกลับช่วยให้เขาสามารถหลบหลีกการจู่โจมครั้งแรกของเทราฟอร์เมอร์ได้สำเร็จ
เทราฟอร์เมอร์ตัวนี้มีไว้ใช้ในการฝึกต่อสู้จึงถูกดัดแปลงให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งน้อยลง แต่แม้กระนั้น ถ้าเจอการโจมตีแบบเมื่อครู่เข้าไปจังๆ หัวของโทเฮย์ที่มีพื้นฐานเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งนักคงมีหวังได้แตกโพละเป็นลูกแตงโม
“....จิ”
เทราฟอร์เมอร์มองกำปั้นที่ชกลมเมื่อครู่สลับกับหันไปมองโทเฮย์อย่างงงงันแล้วส่งเสียงเล็ดลอดออกมา
“จิ จิ”
ร่างของเทราฟอร์เมอร์หายวับ โทเฮย์วิ่งขึ้นด้านบนของกำแพงเร็วแซงความคิด
ตึง เขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนตรงฝ่าเท้าและเสียหลักไปเล็กน้อย จึงทอดสายตาจากกำแพงลงไปยังพื้นในจุดที่ตัวเองเคยอยู่
กำปั้นของเทราฟอร์เมอร์กระแทกเข้ากับกำแพงคอนกรีตจนยุบเป็นหลุม เศษคอนกรีตแตกร่วงกราว ช่างเป็นกำปั้นที่ทรงพลังจนยากจะเชื่อว่ามาจากร่างที่ถูกทอนกำลังลงแล้ว
“เหวอ อย่างเราถ้าเจอหมัดนั้นไปกินมีหวังเกมโอเวอร์แน่”
ชีพจรของโทเฮย์เต้นถี่ขึ้นด้วยความแตกตื่นในขณะที่เทราฟอร์เมอร์ยังคงสีหน้าเรียบเฉย มันถีบพื้นถลาพรวดขึ้นมาทีเดียวหลายเมตรพร้อมกับง้างหมัด
ในครั้งนี้โทเฮย์เห็นการเคลื่อนไหวนั้นได้ชัดเจน
ไม่เพียงแต่เท่านั้น หนวดที่รับรู้ถึงกระแสลมที่เปลี่ยนแปลงยังทำให้เขาอ่านและคาดเดาการเคลื่อนไหวของเทราฟอร์เมอร์ได้
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากที่โทเฮย์จะหลบหลีกกำปั้นที่เทราฟอร์เมอร์รัวเข้าใส่
แม้ว่าเทราฟอร์เมอร์จะรัวหมัดแบบไม่ยั้งแต่เขาก็สามารถหลบได้ทุกครั้งอย่างสบายๆ
อา อย่างนี้นี่เอง เวลาในโลกที่หนูใช้ชีวิตอยู่มันผ่านไปแบบนี้นี่เองสินะ
ก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัด M.O. ด้วยหนู โทเฮย์ได้ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับ ‘การรับรู้แบบอัตราเร่ง’ ซึ่งเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่เขาอาจจะได้รับ
มีทฤษฎีกล่าวไว้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ชีพจรเต้นเร็ว มีอายุขัยสั้น กับสิ่งมีชีวิตที่ชีพจรเต้นช้า มีอายุขัยยืนยาวจะรับรู้เวลาได้ต่างกัน โดยจะต่างกันที่ความเร็วของเวลาที่รับรู้
ในสายตาของหนู มนุษย์จึงเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่ตัวโตแต่เชื่องช้า เคลื่อนไหวร่างกายในรูปแบบสโลโมชัน
และโทเฮย์ก็ได้รับคุณสมบัติรับรู้แบบอัตราเร่งนี้จากการผ่าตัด M.O. ด้วย เพราะเหตุนี้แม้การโจมตีของเทราฟอร์เมอร์จะไม่ถึงกับเป็นแบบสโลโมชันแต่ก็ไม่ได้เร็วขนาดที่จะรับมือไม่ได้
“กิ” เทราฟอร์เมอร์ร้องออกมาอย่างหัวเสีย
มันเหวี่ยงแขนซัดหมัดฮุกเป็นวงกว้าง โทเฮย์ย่อตัวหลบวูบแล้วกำหมัดขึ้น
เป้าหมายอยู่ที่กลางอกของเทราฟอร์เมอร์ ตรงรอยต่อของเปลือกแข็งที่มองดูคล้ายกล้ามเนื้ออก
ลึกเข้าไปตรงจุดนั้นจะเป็นตำแหน่งของปมประสาทใต้หลอดอาหาร
ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายเทราฟอร์เมอร์ที่มีวิวัฒนาการมาจากแมลง
เทราฟอร์เมอร์นั้นถึงศีรษะจะแหลกเหลวแต่ก็จะยังไม่ตายทันที มันยังเคลื่อนไหวร่างกายต่อได้อีกเป็นเวลาสั้นๆ และไม่ใช่ภายใต้การควบคุมของสมองแต่เป็นปมประสาทใต้หลอดอาหาร
ในทางกลับกัน ถึงแม้ศีรษะจะปลอดภัยแต่ถ้าปมประสาทใต้หลอดอาหารถูกทำลาย เทราฟอร์เมอร์ก็จะเคลื่อนไหวไม่ได้ และเมื่อปล่อยทิ้งไว้ก็จะตายในที่สุด แม้แต่เทราฟอร์เมอร์เองก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจุดอ่อน ไม่สมบูรณ์แบบ
โทเฮย์ทิ่มใบมีดที่ให้สัมผัสเหมือนกับฟันซึ่งงอกออกมาจากกำปั้นกระแทกใส่กลางอกเทราฟอร์เมอร์ ใบมีดนี้ประกอบขึ้นจากสารเคลือบชนิดเดียวกับฟัน
สารเคลือบนี้มีความแข็งอยู่ที่ประมาณระดับเจ็ด ซึ่งถือว่าแข็งเป็นอันดับต้นๆ ของสิ่งมีชีวิตด้วยกันจนสามารถกรีดกระจกและโลหะได้
เปรี๊ยะ เปลือกแข็งสีดำปรากฏรอยปริจางๆ เป็นทาง
สัมผัสตอนที่ต่อยเป็นความรู้สึกที่ตัวเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เปลือกแข็งของเทราฟอร์เมอร์ไม่ได้มีแต่ความแข็งเพียงอย่างเดียวเหมือนกับโลหะ ในความแข็งนั้นยังมีความยืดหยุ่นซ่อนอยู่
สิ่งนี้ทำให้โทเฮย์ตระหนักได้ว่าคู่ต่อสู้เป็นสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตก็ไม่มีทางที่จะฆ่าไม่ตาย
เวิร์กแฮะ มันได้ผล
ขณะที่โทเฮย์กำลังจะปล่อยหมัดซ้ายตามไป หนวดของเขาก็รับรู้ได้ถึงอันตรายผ่านความเคลื่อนไหวของกระแสลม
โทเฮย์คู้ตัวทิ้งร่างลงสู่พื้นในทันที หมัดของเทราฟอร์เมอร์แฉลบผ่านศีรษะของเขาไปอย่างเฉียดฉิว
เทราฟอร์เมอร์เหยียดแขนอันใหญ่โตไปทางศีรษะของโทเฮย์ที่กำลังเสียหลัก
ถ้าโดนมันคว้าได้ละก็จบเห่แน่ แต่พอคู้ตัวแล้วจะขยับไปขวา ไปซ้าย หรือไปข้างหลังทันทีก็ทำไม่ได้
เสียงขวับดังขึ้น ส่วนที่ยืดยาวจากสะโพกของโทเฮย์เกี่ยวกระหวัดข้อเท้าของเทราฟอร์เมอร์ไว้
หางของหนูท่อมีความยาวแทบจะเท่ากับแผ่นหลังของโทเฮย์
เขาใช้หางที่หนาเกือบจะเท่าท่อนแขนรั้งตัวขึ้น
แล้วกลิ้งหลบเทราฟอร์เมอร์ที่ล้มลงเพื่อรักษาระยะห่าง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันทีในท่าเตรียมพร้อม
“โอ๊ย เกือบแล้วมั้ยล่ะ เผลอแวบเดียวเอาชีวิตไปทิ้งได้เลยนะเนี่ย แบบนี้....ว่าแต่เจ้าหางนี่สิ เกิดมาก็ไม่เคยมีกับเขามาก่อนแต่กลับเคลื่อนไหวได้ปรู๊ดปร๊าดขนาดนี้ หรือว่านี่จะเป็นสัญชาตญาณ?”
พึมพำยังไม่ทันจบเทราฟอร์เมอร์ก็จู่โจมเข้ามาอีก โทเฮย์ถอยไปข้างหลังตรงๆ จนหลังชนกำแพงดังตึง เขาใจหายวูบ
โทเฮย์จะหนีไปทางด้านข้างแต่เทราฟอร์เมอร์ก็ยื่นแขนอันยาวเหยียดมาขวางไว้




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อเหล่ามนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์แบบต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูสุดสะพรึง! เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่ยานแอนแนคซ์หมายเลข 1 จะออกเดินทางจากโลก ชายที่สมัครเป็นลูกเรือซึ่งจะร่วมเดินทางไปดาวอังคารและมีแผนที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด M.O. ผู้หนึ่งกลับขโมยฝักไข่ของเทราฟอร์เมอร์ที่โคลนนิงและเก็บรักษาอยู่ในสำนักงาน U-NASA หลบหนีไป
โทเฮย์ ทาจิบานะกับอลิซาเบธ รูนี่ย์ซึ่งเป็นผู้ขาดคุณสมบัติเพราะการผ่าตัด M.O. ไม่สมบูรณ์จึงต้องเริ่มต้นสืบสวนและไล่ล่าชายผู้นั้นตามคำสั่งของ U-NASA
แม้ว่าจะเกิดอุปสรรคในการสืบสวนหลายครั้งแต่สุดท้ายก็สามารถตามล่าชายที่ขโมยฝักไข่จนจนมุมได้สำเร็จ และยิ่งไปกว่านั้น ลูกเรือคนสำคัญของยานแอนแนคซ์หมายเลข 1 สองคน อันได้แก่ โคมาจิ โชคิจิกับมิเชลล์ เค เดวิส ยังได้มาร่วมต่อสู้กับพวกเขาจนสมรภูมิยิ่งทวีความดุเดือดขึ้นไปอีก!!
พวกเขาจะหยุดยั้ง ‘G’ ผู้เป็นศัตรูแห่งมวลมนุษยชาติไม่ให้หลุดออกไปอาละวาดบนโลกได้หรือไม่!? ชะตากรรมในครั้งนี้อยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว!!!
ไลต์โนเวลเรื่องราวการต่อสู้บทใหม่ภายใต้การดูแลของเจ้าของผลงานดั้งเดิมเปิดฉากขึ้นแล้ว!!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”