New Release โรแมนติก : เร้นรักแรงเสน่หา

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release โรแมนติก : เร้นรักแรงเสน่หา

โพสต์ โดย Gals »

เร้นรักแรงเสน่หา โดย ไอริส
บทที่ 1
18:00 นาฬิกาของทุกวัน ร่างโปรงบางของหญิงสาวซึ่งเป็นนักโบราณคดีที่ทำงานอยู่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร จะหอบแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ออกจากห้องทำงานหลังจากหมดเวลาทำงานของเธอแล้ว และเป้าหมายที่นักโบราณคดีสาวอย่าง ‘ญาดาริน’ จะเดินทางไปหลังจากเลิกงานแล้วก็คือคอนโดฯ ของชาวอาหรับคนหนึ่ง ซึ่งแต่งงานกับหญิงสาวชาวไทยและอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เกือบห้าปีแล้ว
แม้ต้องใช้เวลานั่งอยู่บนรถเมล์เกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อฝ่าฝันการจราจรอันแสนติดขัด แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน แต่ญาดารินก็รู้สึกมีพลัง มีแรงฮึดให้เธอต่อสู้กับอุปสรรคเพื่อเดินทางมายังคอนโดฯ ของมิสเตอร์อาบูซึ่งรับจ้างสอนภาษาอาหรับให้กับเธอเป็นการส่วนตัว
ญาดารินเคาะประตูห้องพักของมิสเตอร์อาบู และไม่ต้องยืนรอนาน ปิยพรซึ่งเป็นภรรยาของอาบูก็เปิดประตูให้ พร้อมกับยิ้มแย้มเอ่ยทักทายเหมือนเช่นทุกวัน
“สวัสดีค่ะน้องญาดา เชิญข้างในเลยค่ะ” ปิยพรผู้เป็นเจ้าของห้องทักทายด้วยรอยยิ้มขณะผายมือเชิญให้ญาดารินเดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีค่ะ พี่พร”
ญาดารินยิ้มหวานกลับคืน เดินเข้ามาในห้องพักแสนสบายของปิยพรด้วยความคุ้นเคย เพราะเธอมาเรียนภาษาอาหรับกับสามีของปิยพรเป็นเวลาร่วมครึ่งปีแล้ว
“น้องญาดารอสักครู่นะคะ พอดีอาบูติดคุยโทรศัพท์กับคุณพ่อของเขา คงอีกไม่กี่นาทีก็วางสายแล้วค่ะ” ปิยพรเอ่ยบอกด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่พร ญาดารอได้ค่ะ ให้คุณอาบูคุยโทรศัพท์ได้ตามสบายเลยค่ะ”
ญาดารินเอ่ยบอกพร้อมด้วยรอยยิ้ม ไม่ลืมเอ่ยขอบคุณเมื่ออีกฝ่ายได้นำชาร้อนๆ กลิ่นหอมกรุ่นเสิร์ฟคู่กับขนมปังมาให้เธอได้กินรองท้องก่อนจะเริ่มบทเรียนภาษาอาหรับในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ตามสบายนะคะน้องญาดา พี่ขอไปทำอาหารก่อน”
“ค่ะพี่พร”
หญิงสาวยกชาหอมกรุ่นขึ้นมาจิบให้ชื่นใจและกินขนมปังรสชาติเยี่ยม ซึ่งปิยพรทำขนมปังได้หอมอร่อยนุ่มลิ้นมาก เธอกินขนมปังเกือบหมดชิ้นก็เห็นอาบูเดินออกมาจากห้องทำงานของเขา และทันทีที่เห็นหน้าลูกศิษย์สาวที่นั่งรออยู่นานเกือบสิบนาทีแล้ว อาบูก็รีบเอ่ยขอโทษในทันที
“ผมต้องขอโทษด้วยครับที่มาสอนคุณช้า ผมติดคุยธุระกับคุณพ่อน่ะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณอาบู วันนี้เป็นคอร์สวันสุดท้ายของญาดาแล้ว ญาดาไม่รีบค่ะ”
“จริงด้วยครับ” อาบูรับคำ และก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมนักเรียนหัวดีของตน “รู้ไหมครับว่าตอนนี้คุณสามารถคุยกับผมด้วยภาษาอาหรับโดยไม่ติดขัดเหมือนแต่ก่อนแล้ว คุณเรียนรู้ได้ไวมากครับ”
ในยามที่สนทนากับปิยพร ญาดารินจะพูดคุยด้วยภาษาไทย แต่เมื่อสนทนากับอาบู หญิงสาวจะสนทนาด้วยภาษาอาหรับ ซึ่งเธอดีใจและภูมิใจที่ตนเองสามารถสื่อสารกับเขาได้ดีจนได้รับคำชม
“เพราะได้คุณอาบูช่วยสอนให้ในทุกๆ วัน ญาดาจึงสามารถฟังและพูดภาษาอาหรับได้ค่ะ”
“ผมยอมคุณจริงๆ นะคุณญาดา แค่จะไปเที่ยวประเทศจอร์แดนสองสัปดาห์ แต่คุณกลับยอมเสียเงินหลักหมื่นเพื่อเรียนภาษาอาหรับ ทั้งๆ ที่ชาวจอร์แดนสามารถสื่อสารและพูดภาษาอังกฤษได้ดีไม่แพ้เจ้าของภาษา”
ญาดารินอมยิ้มยอมรับในคำพูดของอาบู ตามที่ค้นคว้าหาข้อมูลมา หญิงสาวรู้ว่าชาวจอร์แดนสามารถพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี แต่เธอก็ยังอยากเรียนรู้ภาษาอาหรับ เพราะอยากเจาะลึกเข้าถึงกลุ่มคนที่เป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่เรียกว่าชาวเบดูอิน ซึ่งชนเผ่าเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในประเทศจอร์แดน และอีกหลายๆ ประเทศในแถบตะวันออกกลาง
แน่นอนว่าชาวเบดูอินหลายคนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ก็มีอีกหลายร้อยคนที่พูดได้แค่ภาษาอาหรับ ซึ่งด้วยนิสัยชอบเรียนรู้ อยากรู้วิถีชีวิตของชนเผ่าเบดูอินและชาวจอร์แดนแบบเจาะลึก หญิงสาวจึงลงทุนเรียนพูดและอ่านภาษาอาหรับ เพื่อเตรียมความพร้อมในการไปเที่ยวยังดินแดนตะวันออกกลาง
“ญาดาอยากพูดภาษาอาหรับกับชาวเบดูอินและชาวจอร์แดนน่ะค่ะ ญาดาคิดว่าน่าจะเป็นการดีมากถ้าหากเราสามารถพูดภาษาถิ่นได้ด้วย ญาดาจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวจอร์แดนแบบลึกซึ้งค่ะ”
“สมแล้วที่คุณเป็นนักโบราณคดี” อาบูเอ่ยชมอีกครั้ง พลางบอกต่อว่า “วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุณจะเรียนภาษาอาหรับกับผม ผมคงไม่ต้องสอนภาษาให้กับคุณแล้ว แต่ผมจะแนะนำเกี่ยวกับนิสัยใจคอและวัฒนธรรมของคนที่นั่น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการไปเที่ยวประเทศของผม เหลือเวลาอีกแค่ห้าวัน คุณก็เดินทางแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ อีกห้าวันญาดาก็จะได้ไปเยือนดินแดนฟ้าจรดทราย ที่มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกรอให้ญาดาไปเที่ยวชมค่ะ”
ญาดารินรับคำพร้อมด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคู่สวยเป็นประกายในทุกครั้งที่พูดถึงประเทศจอร์แดนที่ใครๆ ก็เรียกว่าดินแดนแห่งฟ้าจรดทรายอันสวยงาม
“ถ้างั้นเชิญที่ห้องทำงานของผมเลยครับ”
“ค่ะคุณอาบู” ญาดารินก้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานของอาบูตามที่อีกฝ่ายผายมือเชิญด้วยกิริยาสุภาพ
อีกสองชั่วโมงต่อมา หลังจากพูดคุยกับอาบูเสร็จเรียบร้อย และปิดท้ายคอร์สการเรียนภาษาอาหรับกับชาวจอร์แดนคนนี้ด้วยการรับประทานอาหารมื้อค่ำร่วมกับครอบครัวของเขา ตามคำเชื้อเชิญของปิยพรที่ได้ทำอาหารเลี้ยงส่งเธอ ญาดารินก็กลับมาถึงห้องพักของตนเองเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน
หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอน วันนี้เธอไม่ต้องรีบเข้านอนเหมือนทุกๆ วัน เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอ จึงสามารถอ้อยอิ่งทอดสายตามองภาพถ่ายเกือบร้อยใบที่แปะติดไว้บนผนังห้อง ภาพถ่ายเหล่านี้เป็นภาพของเธอที่ได้ไปท่องเที่ยวรับผิดชอบต่อความฝันของตนเอง
หญิงสาวชื่นชอบการเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวต่างชาติ ในทุกชาติทุกภาษาทั่วโลก และด้วยเหตุผลนี้เธอจึงเลือกเรียนเอกโบราณคดีในระดับมหาวิทยาลัย เธอมีความฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องทำการพิชิตเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ให้ครบให้จงได้ และเมื่อเริ่มทำงานเป็นนักโบราณคดี หญิงสาวก็เก็บแต้มทำตามความฝันไปเรื่อยๆ และก็ทำเกือบสำเร็จแล้ว
“สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มนุษย์สร้าง”
ญาดารินพึมพำออกมาขณะดวงตาจับจ้องมองอยู่ที่รูปภาพที่ตนเองได้ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นก็ไล่รายชื่อสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ที่เธอได้ไปพิชิตมาแล้วด้วยความภาคภูมิใจ
“รูปปั้นพระเยซูคริสต์ กำแพงเมืองจีน เมืองโบราณมาชูปิกชู ทัชมาฮาล สนามกีฬาโคลอสเซียม และพีระมิดแห่งเมืองชิเชนอิตซา ว้าว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราทำตามความฝันของตัวเองเกือบสำเร็จแล้ว”
แน่นอนว่ารายชื่อสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหกนั้น ญาดารินได้ไปเยือนมาเรียบร้อยแล้วภายในหกปีที่ผ่านมา คงเหลือแค่เพียงสถานที่สุดท้ายเท่านั้นที่หญิงสาวจะเดินทางไปชมให้เห็นกับตาในเร็วๆ วันนี้ นั่นก็คือ ‘นครเพตรา’
“เพตรา อีกห้าวันฉันก็จะได้เจอคุณแล้ว”
ญาดารินจิ้มนิ้วลงบนภาพสุดท้ายที่เธอปริ๊นต์มาจากกูเกิล ซึ่งเป็นภาพของนครศิลาสีชมพูแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับอยู่ในหุบเขาวาดิมูซา ในประเทศจอร์แดน
หญิงสาวอยากเห็นมหานครอันเลื่องชื่อ เธอหลงรักโบราณสถานแห่งนี้เป็นอย่างมาก และเพราะอยากเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีของชาวเผ่าเบดูอิน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในกระโจม บ้างก็อาศัยอยู่ในถ้ำในมหานครเพตรา หญิงสาวจึงสืบเสาะหาชาวอาหรับหรือชาวจอร์แดนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อเรียนรู้ภาษาอาหรับ เตรียมความพร้อมสำหรับการไปเที่ยวพิชิตหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในครั้งนี้
“อีกห้าวันเท่านั้นญาดา อีกห้าวันเธอก็จะทำตามความฝันสำเร็จแล้ว”
แน่นอนว่าตอนนี้ญาดารินนับเวลาถอยหลังเพื่อจะไปเยือนดินแดนฟ้าจรดทราย ไปชมนครเพตราให้เห็นกับตาว่ายิ่งใหญ่มหัศจรรย์สมกับคำเล่าลือหรือไม่
+++++++++++++++++++++++++++++++
ความฝันของญาดารินใกล้จะเป็นความจริงแล้ว อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงหญิงสาวก็จะได้เห็นมหานครเพตราอันยิ่งใหญ่หลังนั่งเครื่องบินจนหลังขดหลังแข็งจากกรุงเทพฯ ถึงเมืองอัมมาน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์แดนเป็นระยะเวลาเก้าชั่วโมงกับยี่สิบนาทีด้วยกัน
ด้วยอยากเห็นนครศิลาสีชมพูอันเลื่องชื่อเร็วๆ เธอจึงไม่หยุดพักในตัวเมืองอัมมาน หญิงสาวติดต่อเช่ารถแท็กซี่ให้ไปส่งยังเมืองวาดิมูซาในทันที ซึ่งนครเพตราอยู่ในหุบเขาในเมืองแห่งนี้ ต้องนั่งรถแท็กซี่อีกสามชั่วโมงด้วยกันกว่าจะถึง แต่กระนั้นก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย กลับเพลิดเพลินกับวิวสองข้างทางถนนอันแปลกหูแปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ว้าว มีเลี้ยงแพะบนภูเขาด้วย”
ไม่ใช่แค่ร้องอุทานด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็นแพะเป็นฝูงใหญ่ที่ถูกเลี้ยงให้แทะเล็มยอดหญ้าอยู่บนภูเขาเท่านั้น ญาดารินยังหยิบกล้องถ่ายรูปมากดชัตเตอร์รัวๆ เก็บบันทึกภาพวิวสองข้างทางถนนไว้ เพราะดูแค่สายตาคงไม่เพียงพอสำหรับเธอ ต้องเก็บความประทับใจเหล่านี้ไว้ดูในภายหลังด้วย
อากัปกิริยาที่ดูตื่นเต้น กดชัตเตอร์ไม่มีหยุดของนักท่องเที่ยวสาวชาวไทยทำให้คนขับแท็กซี่ที่มีอัธยาศัยดีอดหัวเราะออกมาไม่ได้ และก็ชวนนักท่องเที่ยวพูดคุยด้วย
“คุณเพิ่งมาจอร์แดนเป็นครั้งแรกหรือครับ” คนขับแท็กซี่ซึ่งแนะนำตัวเองว่าชื่อชาลี ได้เอ่ยถามนักท่องเที่ยว
“ใช่ค่ะ เป็นครั้งแรกของการมาเที่ยวตะวันออกกลาง ฉันอยากมาเที่ยวจอร์แดน อยากมาเห็นนครเพตรานานแล้วค่ะ”
ญาดารินเอ่ยตอบเป็นภาษาอังกฤษ เพราะชาลีสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ทว่าในใจนั้นหญิงสาวอยากลองวิชาที่เรียนมากับอาบูเหลือเกิน อยากรู้ว่าเมื่อถึงดินแดนอาหรับแล้ว เธอจะสามารถใช้ภาษาได้ดีตามที่อาบูเอ่ยชมหรือเปล่า
“ยินดีต้อนรับสู่จอร์แดนนะครับ ผมดีใจที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศของเรา”
ญาดารินสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เผยออกมาขณะชาลีเอ่ยพูดต้อนรับเช่นนั้น ซึ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกดีเป็นอย่างมากจนอดยิ้มหวานไม่ได้ และคราวนี้ก็เลือกตอบกลับเป็นภาษาอาหรับที่ทำให้ชาลีต้องเบิกตาโตด้วยความแปลกใจ
“ขอบคุณค่ะ มันเป็นความใฝ่ฝันของฉันที่อยากมาเห็นนครเพตราสักครั้งก่อนตาย”
“คุณพูดภาษาของพวกเราได้ด้วยหรือครับ” ชาลีร้องถาม ไม่นึกว่านักท่องเที่ยวสาวชาวไทยจะพูดภาษาอาหรับได้ แถมพูดได้คล่องซะด้วย
ญาดารินอมยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ โดยไม่ลืมถามความเห็นจากชาลีด้วย
“ฉันพูดได้นิดหน่อย ไม่ทราบว่าฉันพูดอาหรับหรือใช้คำศัพท์ได้ถูกต้องไหมคะ”
“คุณพูดได้เก่งในระดับหนึ่งเลยละครับ แม้สำเนียงอาจจะเพี้ยนบ้างในบางคำ แต่ก็ถือว่าเก่งมากๆ ที่คุณสามารถพูดภาษาของพวกเราได้”
“ขอบคุณที่ชมค่ะ ฉันเรียนภาษาอาหรับเพื่อมาท่องเที่ยวที่นี่โดยเฉพาะเลยค่ะ”
“ผมดีใจที่ได้ยินเช่นนี้ หวังว่าคุณจะรักจอร์แดนและแนะนำให้เพื่อนๆ ของคุณได้มาเยือนประเทศของเรา”
“ฉันหลงรักประเทศจอร์แดนนานแล้วค่ะ ไม่เช่นนั้นไม่เลือกมาเที่ยวที่นี่แน่นอนค่ะ”
ญาดารินคลี่ยิ้มหวานขณะเอ่ยบอก ไม่ใช่เพราะหลงรักประเทศจอร์แดน และเพราะต้องการรับผิดชอบความฝันของตนเองหรอกหรือ ที่ทำให้หญิงสาวเรียนรู้ภาษาอาหรับพร้อมดั้นด้นเดินทางข้ามทวีปมาเที่ยวยังดินแดนฟ้าจรดทรายจนได้
ชาลีถึงกับยิ้มหน้าบานกับคำพูดของนักท่องเที่ยวสาวชาวไทย และก่อนจะเอ่ยพูดต่อ ก็มีคำถามจากหญิงสาวถามต่อว่า
“อีกนานไหมคะ กว่าจะถึงเมืองวาดิมูซา”
“ตอนนี้เราเข้าเขตเมืองวาดิมูซาแล้วครับ อีกราวๆ ยี่สิบนาทีก็ถึงใจกลางเมืองวาดิมูซาซึ่งเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ครับ”
“ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นนครเพตราที่ลือกันว่าถูกแกะสลักจากภูเขาทั้งลูก และพอแสงแดดสาดส่องกระทบลงมา หินเหล่านี้ก็กลายเป็นสีชมพู มันเป็นจริงเหมือนที่เขาพูดกันไหมคะคุณชาลี”
แทนที่จะตอบคำถามให้นักโบราณคดีสาวได้คลายความสงสัย ชาลีกลับอมยิ้ม เอ่ยตอบให้เธอต้องร้องโอดครวญ
“จะเป็นจริงดังคำเล่าลือของนักท่องเที่ยวหรือไม่ ผมคิดว่าคุณไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองดีกว่าครับ”
“โธ่ บอกหน่อยก็ไม่ได้” ญาดารินโอดครวญพร้อมกับหัวเราะร่วนไปด้วย “เห็นทีว่าฉันต้องรีบไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาตามคำแนะนำของคุณแล้วค่ะ”
ชาลีหัวเราะผสมโรง และก็ไม่ลืมแนะนำถึงสิ่งที่ต้องทำขณะมาท่องเที่ยวเมืองวาดิมูซาให้นักท่องเที่ยวสาวได้แวะไปเยือน
“ใกล้โรงแรมของคุณ จะมีร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ร้านหนึ่ง ร้านนี้อยู่คู่กับเมืองวาดิมูซามาได้ราวๆ สิบปีแล้วครับ เป็นร้านที่ชงกาแฟด้วยวิธีการชงแบบดั้งเดิม กลิ่นของกาแฟหอมละมุน ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ถ้าคุณเป็นคอกาแฟ ผมบอกได้เลยว่าคุณต้องหลงรักร้านนี้แน่นอนครับ”
“แหม! คุณพูดเชิญชวนจนฉันได้กลิ่นกาแฟลอยมาเลยค่ะ” ญาดารินสัพยอกกลั้วเสียงหัวเราะพร้อมทำตามคำแนะนำแกมเชิญชวนของชาลี “ฉันไม่พลาดแน่นอนค่ะ ว่าแต่...ถ้าบอกทางร้านว่าคุณชาลีแนะนำมา ฉันจะได้ส่วนลดค่ากาแฟไหมคะ”
“ผมคิดว่าไม่นะครับ” ชาลีตีสีหน้าจริงจังขณะเอ่ยปฏิเสธ ก่อนจะหัวเราะร่วนเสียงดังลั่นรถ
“นึกว่าจะได้สักสิบเปอร์เซ็นต์”
ญาดารินแกล้งโอดครวญอีกครั้ง พลอยหัวเราะตามชาลีไปด้วย และก็นึกถึงคำพูดของครูสอนภาษาอาหรับที่เคยบอกกับเธอว่าชาวจอร์แดนมีอัธยาศัยดี ต้อนรับดูแลนักท่องเที่ยวดีมาก เห็นจะเป็นจริงดังที่อาบูพูดไว้ไม่มีผิด
การสนทนาอย่างออกรสระหว่างญาดารินที่พูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ วัฒนธรรมต่างๆ ของชาวจอร์แดนจากชาลียังคงดำเนินไปเรื่อยๆ จนในที่สุด...ชาลีก็ขับรถมาถึงโรงแรมที่หญิงสาวได้จองไว้สำหรับการพักอยู่ในเมืองวาดิมูซาเป็นเวลาสี่วันด้วยกัน
ก่อนจะจากกัน ชาลีก็ไม่ลืมล่ำลาพร้อมกับอวยพรให้กับนักท่องเที่ยวสาวด้วย
“ขอให้คุณโชคดีและมีความสุขกับการเที่ยวชมนครเพตรา ยินดีต้อนรับสู่ประเทศจอร์แดนอีกครั้งครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณชาลี ขับรถด้วยความปลอดภัยนะคะ”
ญาดารินอวยพรกลับคืนบ้าง ก่อนจะจับมือล่ำลากับชาลี จากนั้นก็เดินเข้าไปในโรงแรมเพื่อทำการเช็คอินเข้าพัก และเมื่อพนักงานของโรงแรมพามายังห้องพัก พร้อมกับชี้นิ้วบอกให้หญิงสาวเห็นว่าภูเขาสูงใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม มีนครเพตราซุกซ่อนอยู่ในหุบเขาแห่งนั้น ก็แทบทนรอให้ถึงวันรุ่งขึ้นไม่ไหว เพราะวันนี้เธอเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางไกลนานนับสิบชั่วโมงแล้ว จึงวางแผนไว้ว่าจะชมความงดงามและยิ่งใหญ่ของนครเพตราในวันพรุ่งนี้
“พรุ่งนี้เราเจอกันนะเพตรา วันนี้ฉันเหนื่อยมาก ขอนอนพักเอาแรงก่อน”
ฝากถ้อยคำไปถึงนครเพตราอันลึกลับและสวยงามแล้ว ญาดารินก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่ม เข็มนาฬิกากระดิกยังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำไป หญิงสาวก็ผล็อยหลับด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในชุดเดินทางมาจากประเทศไทย




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
‘เพตรา’ นครศิลาสีชมพูคือจุดมุ่งหมายในการมาเที่ยวของนักโบราณคดีสาวที่มีความฝันจะพิชิตเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทว่า ญาดาริน กลับไปได้ยินแผนการลักพาตัวน้องชายของ ฮารัน คารัม มหาเศรษฐีของเมืองนี้เข้าโดยบังเอิญ เธอจึงถูกปองร้ายไปด้วยแต่ก็ได้เขาคอยช่วยเหลือ โดยให้หญิงสาวแสดงบทคู่หมั้นกำมะลอเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้เขาตลอดเวลาอย่างไม่มีใครสงสัย แม้จะพ้นภัยร้ายแต่การใกล้เขาจนสัมผัสถึงลมหายใจร้อนผ่าวก็ทำให้ร่างสาวสะท้านหวั่นไหวจนห้ามใจไม่ได้

“ผมสัญญาว่าจะอ่อนโยนและทำให้คุณมีความสุขที่สุด”
ฮารันบรรจงจุมพิตวาบหวามลงบนเรียวปากอิ่ม
ลิ้นร้อนลากไล้บางเบาไม่ต่างจากขนนกทั่วกลีบปากสีสวย
ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักของจุมพิตให้หนักหน่วงขึ้นทีละเล็กละน้อย


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”