New Release BLY แปล : ตราบที่หัวใจเพรียกหา

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : ตราบที่หัวใจเพรียกหา

โพสต์ โดย Gals »

ตราบที่หัวใจเพรียกหา


...ฤดูร้อนเมื่อสามสิบสี่ปีก่อน

ห้องนั้นมีเสียงดนตรีปนคลื่นแทรกดังอยู่ตลอดเวลา ตลับเทปที่เปิดด้วยเครื่องเล่นเทปคุณภาพแย่นั้นเสียงยานแล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นเทปที่อัดจากรายการวิทยุทางคลื่นเอฟเอ็ม คุณภาพเสียงจะเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้
เพลงที่เปิดอยู่คือเพลง ?ซัมเมอร์ไทม์? ของจอร์จ เกิร์ชวิน ผู้โด่งดัง จัดว่าเป็น ?เพลงกล่อมเด็ก? แนวแจซที่มีชื่อเสียง ท่วงทำนองที่บรรเลงด้วยเครื่องสายต่างจากภาพลักษณ์ของชื่อเพลง ฟังแล้วจินตนาการถึงเสน่ห์เย้ายวนของผู้หญิงจนเหมาะจะสื่อถึงการเลิกรากันระหว่างชายหญิงเสียมากกว่า
?ฮืม~ ฮือ ฮืม~...?
เสียงฮัมเพลงจากริมฝีปากของหญิงในห้องขาดเป็นห้วงๆ และขาดความไพเราะเพราะเจ็บคอจากการสูบบุหรี่และดื่มเหล้า
ห้องขนาดเล็กปูพื้นด้วยเสื่อทาทามิสีซีดแล้ว กลิ่นในห้องปะปนระหว่างกลิ่นตัวของผู้ชายที่อยู่ที่นี่จนถึงเช้า กลิ่นเหล้า กลิ่นเสื้อผ้าซักแล้วที่ตากทิ้งไว้ และกลิ่นเหม็นบูดของอาหารเหลือที่ทิ้งไว้ในอ่างล้างจาน อากาศในห้องแน่นิ่งและเหม็นเน่า
ได้ยินเสียงดังอ้อแอ้คล้ายแมวร้อง สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เธอปล่อยให้นอนในมุมหนึ่งของห้องขยับตัวอย่างเชื่องช้า เมื่อได้กลิ่นคล้ายข้าวหุงเสร็จใหม่ๆ ลอยมา เธอก็ถอนหายใจดังเฮ้อ
?ไม่เห็นจะดูดนมสักเท่าไรเลย ไหงฉี่บ่อยนักล่ะเนี่ย?
ทันทีที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงปนหงุดหงิด เสียงร้องแอ๊ๆ ก็ยิ่งดังขึ้นขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกความไม่พอใจอย่างชัดเจน เพลงกล่อมเด็กที่มีเสียงคลื่นแทรกใช้ไม่ได้ผล หากไม่มีใครเลี้ยงก็ตาย แต่เด็กทารกคนนี้ก็ยังเอาแต่เรียกร้องความสนใจว่าตัวเองอยู่ตรงนี้
หญิงในห้องเอามือเกี่ยวสายเกาะไหล่ของชุดชั้นในบางเบาที่ขอบเยินแล้วกลับขึ้นมาบนไหล่อย่างรำคาญใจ จากนั้นก็คลานเข้าไปชะโงกดูในผ้าห่อเด็กเพราะขี้เกียจลุก
นิ้วเรียวของเธอแตะลำคอเล็กจ้อยที่ใช้มือเดียวก็น่าจะกำมิด ไม่ถึงกับต้องบีบคอให้ตายหรอก ทารกที่คอยังไม่ตั้งนั้นแค่กอดแรงๆ สักหน่อย ชีวิตก็คงปลิดปลิวได้อย่างง่ายดายแล้ว
แอ๊ แอ๊ แอ๊ ทารกน้อยอาจสัมผัสได้ถึงความคิดของเธอจึงยิ่งร้องจ้าขึ้นอีก คนอาศัยข้างห้องทุบผนังมาแล้ว เธอหันไปตวาดใส่ว่า ?หนวกหูน่า!?
เธอเดาะลิ้นแล้วเขม้นมองทารกที่ฉี่ราด เห็นแก้มขาวกับดวงตาสีอ่อน ความรู้สึกเสียใจในภายหลังและความสำนึกผิดอย่างรุนแรง รวมทั้งความเกลียดชังรื้นขึ้นมาในใจ ถ้าไม่มีเด็กคนนี้สักคน ป่านนี้เธอคงมีอิสระและมีชีวิตที่สุขสบายกว่านี้ ไม่ต้องปล่อยให้ผู้ชายลูบขาอ่อนที่ร้านตอนกลางคืนหรือเมาค้างจนหัวแทบแตกเป็นเสี่ยงเพื่อหาค่านมแบบนี้หรอก
ขอแค่ไม่มีเด็กคนนี้ เธอก็จะไม่ต้องลำบากอะไรเลยจริงๆ และคงรีบเลือกหนทางตายสบายให้ตัวเองไปนานแล้วแทนที่จะอยู่ต่อไป
?แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกของคนคนนั้นนี่นะ?
เธอพึมพำด้วยเสียงราบเรียบ บรรจงอุ้มทารกที่ร้องไห้ขึ้นมาอย่างเบามือ ปราศจากเศษเสี้ยวของความชิงชังที่แสดงให้เห็นจนถึงเมื่อครู่ เธอตบหลังทารกดังตุ้บๆ จนหยุดร้องไห้ แล้วเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่เธอทำจนชำนาญ
เธอไม่มีเงินซื้อผ้าอ้อมกระดาษคุณภาพเลิศเลอ จึงใช้ผ้าขึ้นคราบเหลืองที่ได้รับมาเป็นผ้าอ้อม โชคดีว่าต่อให้เลี้ยงแบบไม่ทะนุถนอมเท่าใดนัก ผื่นคันก็ไม่ขึ้นผิวที่แข็งแรงของเด็กคนนี้
ระหว่างจัดการกับผ้าที่เประเปื้อน เทปก็ขึ้นเพลงใหม่ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ คราวนี้เป็นเพลงกล่อมเด็กของโชแปง ทารกน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากทั้งที่แก้มยังแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะชอบเพลงเปียโนชั้นสูงที่กลับตาลปัตรจากเมื่อกี้ หรือเพราะร่างกายครึ่งล่างรู้สึกสบายขึ้นแล้วกันแน่
หญิงแก้มซูบเซียวที่อยู่ในห้องเดียวกันยกมุมปากยิ้มนิดๆ ถือว่าเป็นสีหน้าที่หาได้ยากจากคนที่ลืมไปนานแล้วว่าการยิ้มคืออะไร แต่มีแค่ทารกผู้ไม่รู้ประสีประสาเท่านั้นที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น
?เพราะเป็นลูกของคนคนนั้นหรอกนะ?
เธอทวนเพียงถ้อยคำนั้นซ้ำไปซ้ำมาแล้วเสยผมที่พันกันยุ่งเหยิง
ได้ยินเสียงโทรทัศน์ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในห้องนี้ดังมาจากบ้านข้างๆ หรือพูดอีกอย่างคือ ห้องนี้มี ?ข้าวของ? น้อยมาก มีเพียงราวแขวนเสื้อที่คลุมด้วยผ้าพลาสติก ข้างฟูกนอนบางๆ มีกล่องลังซึ่งใช้พาดเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งระเกะระเกะ ข้าวของที่เธอเอาเข้ามาในห้องอันเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวและมีแสงตะวันตกดินสาดแรงกล้าส่องเข้ามานั้นมีน้อยนิด
สิ่งของมูลค่าสูงสุดในห้องที่ไม่มีกระทั่งโทรทัศน์คือเครื่องเล่นเทปที่บรรเลงเพลงเสียงยานๆ
ของใหม่เอี่ยมอ่องมีแค่ทารกที่ร้องไห้ต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้น


1

พอเข้ากลางเดือนตุลาคม แถบโฮคุชินก็หนาวขึ้นทุกวัน ทิวเขาซึ่งเคยมีสีแดงและเหลืองแต่งแต้มเริ่มลดทอนความมีชีวิตชีวาของสีสัน ผู้คนที่อาศัยแถบนี้จึงรับรู้ได้ทางสายตาว่าฤดูหนาวอันยาวนานจะมาเยือนอีกครั้ง
ในวันหนึ่งที่ฤดูใบไม้ร่วงล่วงเข้าครึ่งหลังแล้ว โคยามะ โอมิถูกเรียกมาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองนางาโนะ เขานั่งทำหน้าตกตะลึงขณะถือถ้วยกาแฟในมือข้างหนึ่ง
?คำสั่งย้าย...หรือครับ?
?ใช่ ในที่สุดนายก็จะได้ย้ายกลับเข้าเมืองแล้วนะ?
ซากาอิ คาซึฮิโระซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและเปรียบเหมือนพ่อของโอมิสูดกาแฟในถ้วยดังซู้ด แล้วผุดยิ้มนุ่มนวล แต่พอเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ขมวดคิ้ว
?ไหงทำหน้าแบบนั้นล่ะ นายเฝ้ารอคำสั่งย้ายจะแย่อยู่แล้วไม่ใช่รึ ท่าทางไม่ดีใจเลยนี่?
?เอ่อ ผมตกใจซะมากกว่าน่ะครับ เพราะที่ผ่านมาผมขอเท่าไรก็ไม่มีคำสั่งย้ายสักทีแท้ๆ?
?โลกเราก็เป็นแบบนั้นแหละ ยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดหรอกนะว่าเมื่อไร แต่ถึงจะอดย้ายภายในฤดูใบไม้ร่วง ก็ได้ย้ายช่วงฤดูใบไม้ผลิแน่ละ?
พอซากาอิทำหน้ากระหยิ่ม โอมิก็ช้อนสายตามองอย่างเคลือบแคลง
?คงไม่ใช่แค่มีความเป็นไปได้เฉยๆ สินะครับ?
?เซ้าซี้จริงวุ้ย ถ้าไม่แน่นอน ฉันจะมาบอกนายรึไง?
คราวนี้ซากาอิค่อยยอมพูดว่ามันเป็นเรื่องจริง โอมิรู้สึกว่าอีกฝ่ายชอบพูดจาลวกๆ อยู่เรื่อย และสงสัยว่าเขาจะเผลอหลุดพูดความในใจนั้นออกไป ซากาอิจึงทำหน้ามุ่ยแล้วโบกนิ้วอวบอ้วนไปมา
?บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้พูดลวกๆ มีการปรับเปลี่ยนและดำเนินการในรายละเอียดด้านบุคลากรเรียบร้อยแล้วน่า?
?ครับๆ ระดับผู้บริหารพูดอะไร ผมก็ต้องเชื่ออยู่แล้วสิขอรับ?
?เฮ้ย พูดจากับหัวหน้าแบบนั้นได้ไงหา?
เมื่อได้ยินโอมิตอบล้อเลียน ซากาอิก็พูดขู่ ก่อนจะถอนหายใจดังเฮ้อ
?เอาเป็นว่านายก็รับคำสั่งไว้แล้วกัน นี่เป็นคำสั่งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้นายปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายจะดีกว่า นายเองก็คงไม่ได้อยากประจำการอยู่ที่พักสายตรวจ แบบเอาแน่เอานอนไม่ได้ไปเรื่อยๆ ใช่ไหมเล่า?
?คุณซากาอิ...?
?นายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะถูกโยกย้ายไปทำงานหลายที่ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ นายแค่ทำสิ่งที่ต้องทำตรงหน้าไปเงียบๆ ก็พอ เข้าใจนะ??
คิ้วของโอมิกระตุกกึก แม้จะเพิ่งพูดล้อเลียนอีกฝ่ายไปหยกๆ แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่า เมื่อมีคำสั่งย้าย ข้าราชการก็ต้องปฏิบัติตาม และเดิมทีนี่ก็เป็นการย้ายที่ตัวเขาเองปรารถนาด้วย
ซากาอิถึงกับเตือนเรื่องนั้น ความหมายที่เตือนก็มีอย่างเดียว
ซากาอิจ้องมาด้วยนัยน์ตาเรียวเล็ก แต่สุดท้ายก็เสสายตาไปทางอื่นเล็กน้อย เมื่อเห็นอากัปกิริยาที่สื่อว่านายห้ามถามหรือมีปฏิกิริยาอะไรทั้งนั้น โอมิก็ได้แต่หลุบตาลงแล้วตอบว่า
?ทราบแล้วครับ เรื่องคำสั่งย้าย ถ้ากำหนดช่วงเวลาแน่นอนเมื่อไรก็รบกวนติดต่อผมด้วยนะครับ เพราะผมต้องเตรียมตัวย้ายที่อยู่ด้วย?
?อืม...ว่าแต่หมู่นี้นายเป็นอย่างไรบ้าง?
น้ำเสียงของซากาอิฟังดูสบายๆ เหมือนทุกครั้งที่พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ทว่าแววตาก็เปลี่ยนไปจากเมื่อครู่อีก โอมิจึงรู้สึกสงสัย
เกิดอะไรขึ้นกันนะ
เขาอ้าปากพูดโดยปรับท่าทีให้เป็นการเป็นงาน แม้จะยังไม่เข้าใจเหตุผลก็ตาม
?ในท้องที่ที่ผมดูแลไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษนะครับ เพราะถ้าอะไรแปลกไป ทุกคนก็จะสังเกตเห็นทันที มีหน่วยอาสาสมัครระวังภัยมาให้ความร่วมมือในการลาดตระเวนเลยทีเดียวครับ?
พอโอมิเสริมว่าเพราะในช่วงหนึ่งปีกว่าๆ มานี้ ทุกคนตื่นตัวกับเหตุร้ายเพิ่มขึ้นมากทีเดียว ซากาอิก็พยักหน้า
?ก็เกิดเรื่องขึ้นหลายอย่างจริงๆ นั่นละ เป็นชุมชนเล็กๆ บนภูเขาลึก แต่กลับมีโจรหนีเข้าไปหลบซ่อน แถมผู้ก่อตั้งลัทธิยังให้ที่ซ่อนตัวอีก...?
?จริงด้วยครับ ทั้งที่ปกติมีแค่โจรขโมยผักแท้ๆ?
เมื่อเห็นซากาอินับนิ้วแล้วถอนหายใจ โอมิก็ยิ้มเจื่อนอย่างเห็นพ้อง
พอย้อนนึกดูแล้วก็รู้สึกว่า วันเวลาเหล่านั้นช่างเต็มไปด้วยความโกลาหล ตอนถูกสั่งให้ย้ายมาอยู่พื้นที่ที่ไกลปืนเที่ยงเป็นอันดับต้นๆ ในจังหวัด เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะเจอคดีใหญ่โตขนาดนี้
ในเมื่อเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ การเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องวุ่นๆ และปัญหายุ่งยากก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ช่วงหนึ่งปีมานี้พวกคนใกล้ตัวเขาถูกดึงเข้าไปพัวพันกับคดีติดๆ กันจนเกินไป ที่หนักสุดในบรรดานั้นคงไม่พ้นคดีที่เกิดขึ้นกับฮิเดชิมะ จิเอ คนรักของโอมิ
?แต่คุณฮิเดชิมะนี่มีชะตาต้องกับคดีจังเลยนะ เดี๋ยวก็ถูกฟันแขน เดี๋ยวก็ถูกตีหัว?
?แขน...หมายถึงเมื่อเจ็ดปีก่อนน่ะหรือครับ เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับชุมชนที่ผมไปประจำการนี่ครับ?
?อันนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก? ซากาอิยิ้มฝืดแล้วขมวดคิ้ว
?แต่อาจเพราะเขาเป็นคนแบบนั้น ถึงได้เกิดปรากฏการณ์คล้ายๆ กับสนามแม่เหล็กก็ได้?
เมื่อได้ยินซากาอิพึมพำอย่างจริงจัง โอมิก็กะพริบตาปริบๆ
?พูดแบบนั้น มันเหมือนกับบอกว่าจิเอเป็นคนทำให้เกิดคดีขึ้นเลยนะครับ?
?อ้อ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นต้นเหตุหรอก ฉันเห็นใจนะที่เขาถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องร้ายๆ อยู่เรื่อยเลย?
ซากาอิยกมือปรามเพื่อไม่ให้คู่สนทนาเข้าใจผิด
?เพียงแต่...เจ้าตัวมีพรสวรรค์กับความสามารถมากเลยใช่ไหมล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนแบบนั้นถึงมีโอกาสเจอปัญหายุ่งยากได้ง่ายนะ?
ซากาอิคงพูดอย่างนั้นเพราะเคยเห็นที่เกิดเหตุกับคนมามากมาย โอมิพึมพำว่า ?มันเป็นอย่างนั้นหรือครับ? รู้สึกเข้าใจเรื่องนั้นอย่างประหลาด
โอมิไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับแวดวงศิลปะ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าแวน โก๊ะ พบจุดจบแบบใด แล้วยังยกตัวอย่างชื่อนักดนตรีผู้มีพรสวรรค์ที่มีพฤติกรรมทำลายตัวเองจนทำให้สังคมแตกตื่นได้ด้วย พลังที่มีอยู่เหลือล้นเกินไปของพวกคนประเภทนั้นส่งผลกระทบต่อทั้งตัวเองและคนรอบข้างนั่นเอง
ชีวิตของจิเอก็อยู่ห่างไกลจากความสงบสุขจริงๆ ด้วยละนะ
จิเอได้รับคำชื่นชมว่าเป็นจิตรกรดาวรุ่งผู้มีพรสวรรค์และมีอนาคตไกลในแวดวงศิลปะของญี่ปุ่น ไม่กี่ปีมานี้เขายิ่งแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งในและนอกประเทศ จนกระทั่งมีเอเยนต์จากต่างประเทศติดต่อมาหาเขาเลยทีเดียว เรื่องที่เขาถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์น่าสงสัยอันมีความเกี่ยวพันกับเอเยนต์ต่างประเทศยังแจ่มชัดในความทรงจำของโอมิ
เดิมทีโอมิก็ได้มารู้จักจิเอเพราะจิเอเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับเหตุฆาตกรรมเมื่อเจ็ดปีก่อนที่ซากาอิกล่าวถึง สถานการณ์รอบตัวชายคนนั้นไม่ได้สุขสงบมาตั้งแต่แรกแล้ว
?แปลว่ามีคุณสมบัติดึงดูดปัญหาโดยธรรมชาติสินะครับ?
พอโอมิเอ่ยอย่างจริงจัง ซากาอิก็ทำหน้าเอือมระอา
?พูดอย่างกับเป็นเรื่องไกลตัวอย่างนั้นแหละ นายไม่มีสิทธิ์ว่าคนอื่นหรอกนะ?
?เอ๋ ผมเข้าไปพัวพันกับคดีเพราะมันเป็นงานเท่านั้นเองนะครับ??
ทันทีที่โอมิจงใจพูดอย่างไม่พอใจ ซากาอิก็ถอนหายใจยาวจนน่าหดหู่ดัง ?เฮ้อ?
?ตัวเองก็มีคุณสมบัติดึงดูดลูกกระสุนแท้ๆ?
โอมิจิบกาแฟที่เกือบจะเย็นชืดแล้ว ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงพึมพำดังกล่าว เขาไม่ได้ทึ่มขนาดไม่เข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาที่เปรียบเหมือนพ่ออยากพูดอะไร และใช่ว่าเขาจะไม่รู้ตัวด้วย
?ยังมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก นายดูหน้าด้านหน้าทนกว่าเมื่อก่อนอย่างไรไม่รู้นะ โอมิ?
?ก็เป็นผลจากการสอนสั่งของคุณซากาอินั่นละครับ?
หลังจากถลึงตาเบาๆ ใส่โอมิที่ตอบอย่างสบายอารมณ์ ซากาอิก็ถอนหายใจแบบยอมแพ้แล้วกลับมาเข้าเรื่อง
?แล้วคุณฮิเดชิมะเป็นไงบ้าง วันนี้เขาอยู่ทางนี้ (ในเมือง) ใช่ไหมล่ะ?
?กำลังวุ่นวายเรื่องเตรียมตัวเดินทางไปอเมริกาน่ะครับ เห็นวิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ช่วงนี้ยุ่งตลอดเวลาเลยละครับ?
โอมิยักไหล่นิดๆ ซากาอิพลันทำหน้าจริงจัง
?เอ ว่าแต่เรื่องนั้นน่ะ ดูเหมือนจะยังไม่ได้ยื่นคำร้องสินะ...ตกลงเรื่องย้ายสำมะโนครัวไปถึงไหนแล้ว?
?...พอดีว่าระงับเอาไว้ก่อนน่ะครับ?
?เฮ้ยๆ นายยังจะให้เขารออีกเรอะ?
โอมิยิ้มเจื่อนแล้วโบกมือ ซากาอิทำหน้าเหมือนจะบ่นว่าเอาอีกแล้วรึ แต่ทางพวกโอมิก็มีเหตุจำเป็นของตัวเองเหมือนกัน
?เปล่านะครับ คราวนี้คนที่บอกให้ระงับไว้ก่อนคือจิเอ ผมเอาเอกสารทั้งหมดฝากให้เขาจัดการเรียบร้อยแล้ว?
?หมายความว่าไง มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?
?ก็...ถ้าถามว่ามีไหมก็มีครับ?
โอมิยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้อย่างราบรื่น จึงอึกอักตรงท้ายประโยคแล้วยิ้มเฝื่อน แต่ละวันเขายุ่งจนไม่มีเวลารวบรวมความคิดให้ดี รู้อยู่หรอกว่าตัวเองใช้เหตุผลนั้นเป็นข้ออ้างในการหนี ทว่าก็ไม่ว่างพอจะมาครุ่นคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จบไปแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน
แล้วเราก็ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดด้วย
เขาอ้างกับตัวเองว่าอย่างนั้น และลังเลที่จะบอกซากาอิผู้รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นละเอียดกว่ามาโดยตลอด อย่างไรสักวันคงต้องเล่า แต่ก็อยากผัดวันประกันพรุ่งให้ได้มากที่สุด
?ว่าแต่เรื่องสัพเพเหระแบบนี้ คุณแค่โทรมาบอกกริ๊งเดียวก็พอใช่ไหมล่ะครับ?
?นั่นก็ใช่อยู่หรอก...?
?คุณถามหยั่งเชิงผมมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว คงไม่ได้มาบอกเรื่องคำสั่งย้ายอย่างเดียวสินะครับ อุตส่าห์เรียกผมมาแบบนี้ น่าจะมีเรื่องอะไรใช่หรือเปล่าครับ?
เมื่อเห็นโอมิเจตนาเปลี่ยนเรื่องอย่างเห็นได้ชัด ซากาอิเพียงถอนหายใจหน้าขื่น ไม่ซักไซ้ไปมากกว่านั้น เขาหรี่ตาที่เดิมทีก็เล็กอยู่แล้วอย่างคลางแคลง จากนั้นก็ยกมือเสยผมสีอ่อน
?...เออ ก็ตามที่นายว่านั่นละ เรื่องนี้คือประเด็นหลัก?
ซากาอิพึมพำแล้วหยิบรูปถ่ายหน้าคนใบเล็กจากอกเสื้อ เป็นรูปหันหน้าตรงของผู้หญิงสวมแว่นที่ท่าทางเป็นคนจริงจังอย่างยิ่งยวด คงเป็นรูปถ่ายสำหรับติดบัตรหรืออะไรสักอย่าง
?รูปใครหรือครับ?
?เป็นคนที่หายตัวไปเมื่อวันก่อน เธอชื่อนางาทานิ โยโกะ เป็นครูของโรงเรียนกวดวิชาสำหรับนักเรียนประถมและมัธยมต้นที่ชื่อ ?โรงเรียนกวดวิชาฮิโนเดะ? โรงเรียนตั้งอยู่ในเมืองนี้นี่แหละ?
โอมิมองรูปถ่ายอย่างพินิจพิเคราะห์ ซากาอิเริ่มอธิบายรายละเอียดพร้อมกับเปิดสมุดที่จดเนื้อหาจากการสอบสอบถามข้อมูลเอาไว้
?เธออายุสามสิบแปด เป็นครูที่จริงจังและกระตือรือร้นในการทำงาน แต่อยู่มาวันหนึ่งก็หยุดงานโดยพลการ ความที่ปกติเธอไม่เคยไปทำงานสายด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากอุบัติเหตุจราจรหรือรถไฟล่าช้า เพื่อนร่วมงานก็เลยไปหาที่บ้านเพราะเป็นห่วงว่าเธออาจล้มป่วย?
ทว่าเพื่อนร่วมงานโทรศัพท์ไป เธอก็ไม่รับสาย ห้องอะพาร์ตเมนต์ที่เธออาศัยอยู่คนเดียวก็ไร้วี่แววว่ามีใครอยู่ คนที่ทำงานคาดการณ์ว่าเธออาจล้มป่วยกะทันหันจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ผ่านไปหลายวันก็ยังไม่มีการติดต่อมาถึงที่ทำงาน คนข้างห้องที่เห็นเพื่อนร่วมงานไปหาเธออีกครั้งจึงติดต่อเจ้าของอะพาร์ตเมนต์
?แล้วเป็นอย่างไรต่อครับ?
?เจ้าของอะพาร์ตเมนต์น่ะสนิทสนมกับผู้เช่า ถือว่าแปลกสำหรับสมัยนี้ เจ้าตัวแปลกใจเหมือนกันที่หมู่นี้ไม่เห็นคุณนางาทานิ ก็เลยลองเข้าไปดูในห้องพร้อมเพื่อนร่วมงาน ซึ่งสภาพห้องก็ไม่ได้รกรุงรังเป็นพิเศษ?
เมื่อเห็นว่านางาทานิ โยโกะหายตัวไปกะทันหันโดยไม่มีการเตรียมความพร้อม เช่น เก็บกวาดข้าวของเป็นพิเศษ ใครๆ จึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าของอะพาร์ตเมนต์ น้องชายที่เป็นคนค้ำประกันห้องก็เลยไปปรึกษาทางตำรวจ
?พอตำรวจสืบสวนตามที่ได้รับการติดต่อจากน้องชาย ก็พบว่ามีการถอนเงินจากบัญชีธนาคารของคุณนางาทานิหลายครั้ง แล้วหลังจากที่เพิ่งไปปรึกษาทางตำรวจ ก็มีเมลส่งมาหาเจ้าของอะพาร์ตเมนต์ว่า ?ไม่ต้องตามหาฉันนะ? ด้วย?
?งั้นเธออาจจะหายตัวไปด้วยความตั้งใจของตัวเองก็ได้นะครับ?
?ก็ฟันธงไม่ได้หรอก เมลถูกส่งมาจากเน็ตคาเฟ่ เมลแอดเดรสก็ใช้บริการเมลฟรี แถมยังแกล้งปลอมให้คล้ายเมลแอดเดรสที่เธอใช้มาจนถึงปัจจุบันด้วย?
เมื่อเห็นซากาอิปิดสมุดแล้วทำหน้าขื่น โอมิก็พลอยเบ้หน้าไปด้วย หากมีความชัดเจนว่าเป็นคดีก็ว่าไปอย่าง แต่ตำรวจย่อมไม่ลงมือสืบสวนในกรณีที่ผู้ใหญ่หายตัวไปตามเจตจำนงเสรีของตัวเองอยู่แล้ว โอมิสัมผัสได้ถึงนัยแฝงจึงเอ่ยถามเสียงเบา
?คุณสืบจนถึงขั้นนั้นเพราะพบบางอย่างเข้าหรือครับ?
?ครูคนนั้นมีอดีตที่ยุ่งยากนิดหน่อยน่ะสิ เมื่อประมาณสิบปีก่อน เธอเคยทำงานเป็นครูในโรงเรียนอีกจังหวัดหนึ่ง แล้วช่วงนั้นก็ถูกผู้ร้ายลักพาตัวใช้ประโยชน์เอา?
ซากาอิยื่นหน้าเข้ามากระซิบบ้าง คำตอบเหนือความคาดหมายทำเอาโอมิเบิกตากว้าง
?ใช้ประโยชน์ หมายความว่าเธอมีประวัติอาชญากรรมหรือครับ?
?เปล่า เจ้าตัวแค่ถูกดึงเข้าไปพัวพันเฉยๆ ลูกศิษย์คนหนึ่งดันเป็นหลานของประธานบริษัทแห่งหนึ่ง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นความโชคร้ายของเธอเลยทีเดียว?
?จุดประสงค์คือเรียกค่าไถ่หรือครับ?
ซากาอิส่ายหน้าให้คำถามของอีกฝ่าย
?บริษัทที่ว่าเป็นบริษัทที่ให้การสนับสนุนแก๊งอาชญากรน่ะ?
พอเห็นผู้บังคับบัญชาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดและเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม โอมิก็เข้าใจสถานการณ์โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องเล่ารายละเอียด บริษัทนั้นคงมีแก๊งอาชญากรอยู่เบื้องหลัง และเด็กคนนั้นก็คงถูกแก๊งที่เป็นศัตรูกันลักพาตัวไป
?แล้วเรื่องนั้นเกี่ยวพันกับคุณนางาทานิอย่างไรหรือครับ?
?เธอโดนหลอกน่ะสิ ผู้ชายที่ได้รู้จักกันในปาร์ตี้จับคู่ปิดบังหัวนอนปลายเท้า บอกว่าตัวเองเคยเป็นโฮสต์แต่เลิกแล้ว จากนั้นก็ใช้วาทศิลป์หลอกถามกำหนดการและกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน แล้วเป้าหมายก็ถูกลักพาตัวไประหว่างมีการจัดกิจกรรมเรียนรู้นอกโรงเรียนที่คุณนางาทานิเป็นคนดูแล?
การลักพาตัวดังกล่าวมีการวางแผนมาล่วงหน้าอย่างแน่นอน เพราะเล็งจังหวะตอนรถบัสแบบเช่าเหมาคันที่พวกเด็กๆ โดยสารแวะจอดที่จุดพักรถเพียงหนึ่งชั่วโมง
?คุณนางาทานิไม่ได้แค่ต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นคนดูแล แต่ยังถูกสอบปากคำเพราะผู้ชายที่คบกันอยู่เป็นสมาชิกของแก๊งอาชญากร แต่แน่นอน เธอไม่มีทางรู้มาก่อนว่าเขาเป็นใคร...?
ในเมื่อเป็นอาชญากรรมที่จังหวะลงมือเหมาะเจาะจนเกินไป ตำรวจย่อมสงสัยว่ามีคนในโรงเรียนให้ความร่วมมือ และคนที่ดูโดดขึ้นมาระหว่างการสืบสวนย่อมเป็นนางาทานิ
?แล้วเด็กเป็นไงบ้างครับ?
?ครั้นจะพูดว่าโชคดี มันก็ถือว่าน่าขายหน้าในฐานะตำรวจน่ะนะ แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองแก๊งจะตกลงกันได้ เด็กก็เลยได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย สงสัยว่าตอนถูกพาตัวไปจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เด็กก็เลยไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองถูกลักพาตัวสักเท่าไร?
พอเห็นซากาอิทำหน้ามุ่ย โอมิก็ผงกศีรษะด้วยสีหน้าปั้นยากเช่นกัน
?ก็ยังดีที่เด็กปลอดภัยนะครับ?




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตั้งแต่ได้ข้อมูลเพียงน้อยนิดเกี่ยวกับแม่ที่หายสาบสูญไป โคยามะ โอมิก็ฝันถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองเคยพบเจอตั้งแต่สมัยเด็กทุกคืน พอลืมตาตื่นพร้อมความหวาดกลัวต่อฝันร้ายในอดีตและพบว่ามีฮิเดชิมะ จิเออยู่ข้างๆ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเผชิญหน้ากับเรื่องของแม่ ในขณะเดียวกัน ไอน์ เอเยนต์ที่จิเอทำสัญญาด้วยก็โพล่งใส่โอมิว่า ?ฉันขอจิเอเถอะนะ? โอมิทั้งตกใจทั้งโกรธ แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อไป?!?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”