New Release เหลียนฮวา : กลเม็ดเผด็จศึกนายท่าน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release เหลียนฮวา : กลเม็ดเผด็จศึกนายท่าน

โพสต์ โดย Gals »

บทที่หนึ่ง

สูญสิ้นอิสรภาพต้องกลายมาเป็นทาส

แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องเข้ามาภายในห้อง เรือนแห่งนี้เพิ่งจะสร้างใหม่ หากตั้งใจดมดูดีๆ ยังคงได้กลิ่นสีน้ำมันจางๆ อยู่
หลายวันมานี้เพิ่งจะมีคนย้ายเข้ามา ห้องหับค่อนข้างใหญ่โต แต่นอกจากสิ่งปลูกสร้างพื้นฐานแล้ว ด้านในและด้านนอกของเรือนล้วนแต่โล่งว่าง มีสิ่งของเครื่องใช้เพียงน้อยนิด
มิใช่เพราะเรือนแห่งนี้สร้างอย่างเรียบง่าย ทว่าบ้านเรือนทุกหลังในละแวกนี้ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน เพราะที่แห่งนี้เป็นเมืองที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ ยังไม่ถึงกับเจริญรุ่งเรืองมากมายนัก แต่ฉู่โม่ยวนเชื่อว่าอีกไม่นานสภาพการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
สามปีก่อนฉู่โม่ยวนเข้าร่วมกองทัพขององค์ชายสี่เยียนลี่จวินเพื่อพิชิตแคว้นเป่ยเหลียว หลังจากกรำศึกจนได้รับชัยชนะ แคว้นเป่ยเหลียวก็ถูกผนวกรวบเข้ากับแผ่นดินของแคว้นต้าเยียน กลายเป็นเขตเหลียวโจว องค์ชายสี่ยกทัพกลับราชสำนัก แต่ว่าเขาขออาสาอยู่ประจำการที่นี่
เขามิได้พักผ่อนหย่อนใจเพราะว่าสงครามสิ้นสุดลง ในทางตรงกันข้าม เขากลับเริ่มรวบรวมกำลังพล เสาะหาสถานที่สร้างเมืองใหม่
ทางเหนือและใต้ของเขตเหลียวโจวล้วนเป็นที่ราบ ด้านตะวันออกและตะวันตกมีเทือกเขาเป็นส่วนมาก และมีภูเขาสูงใหญ่เป็นจำนวนไม่น้อย ช่วงไร้หิมะยาวนานถึงแปดเดือน ผลผลิตทางการเกษตรหลักๆ ในตอนนี้คือข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และข้าวเป็นส่วนน้อย เนื่องจากฝีมือในการทำการเกษตรไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จึงมีชาวเหลียวครึ่งหนึ่งที่เลี้ยงสัตว์เร่ร่อนเพื่อยังชีพ
เขตเหลียวโจวมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลทว่ามีผู้คนอาศัยเพียงน้อยนิด การครอบครองที่ดินมิใช่เรื่องยาก ตอนนี้ฉู่โม่ยวนได้วางแผนว่าจะสร้างเมืองใหม่สามเมือง
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นทางผ่านในการเดินทางระหว่างนอกด่านและในด่าน เขาจึงคิดจะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ตรงนี้ สร้างเขตเหลียวโจวให้กลายเป็นแห่งศูนย์รวมและแห่งกระจายสินค้าต่างๆ ถ้าหากสามารถดึงดูดพ่อค้าวาณิชจากที่ต่างๆ ให้มารวมตัวกันหรือทำการค้าขายที่นี่ ก็จะเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตราษฎรให้ดีขึ้นได้ในช่วงระยะเวลาที่สั้นที่สุด
ตอนที่องค์ชายสี่จะกลับไปได้มอบคำสั่งแก่เขาว่า...ดูแลชีวิตราษฎรให้สงบสุข อย่าให้เขตเหลียวโจวเกิดความวุ่นวายจนทำให้เยียลวี่ซิ่นอันฉวยโอกาสได้
เยียลวี่ซิ่นอันคือองค์ชายรองแห่งแคว้นเป่ยเหลียว หลังจากสงครามสิ้นสุดลง เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย มีข่าวเล่าลือว่าเขาพากองทัพทหารนับหมื่นนายของราชสำนักและขุนนางผู้ทรงปัญญาหลายร้อยชีวิตไปด้วย
ความจริงเป็นเช่นไรไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ แต่เพื่อป้องกันเขาก่อความวุ่นวายขึ้นมาอีก จึงจำต้องครองใจราษฎรเขตเหลียวโจวให้ได้
แล้วจะทำให้ราษฎรไม่ติดตามผู้เป็นนายคนเก่า ยินยอมพร้อมใจกลายเป็นเขตหนึ่งของแคว้นต้าเยียนได้อย่างไร? วิธีที่ฉู่โม่ยวนคิดได้ก็คือปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้นในช่วงระยะเวลาอันสั้นที่สุด มีเพียงการได้ใช้ชีวิตอยู่ดีกินดี ราษฎรถึงจะอยากรักษาสถานภาพปัจจุบันเอาไว้ ไม่ถูกหลอกล่อปลุกปั่น
หลังจากสงครามจบลง เขากับแม่ทัพฮั่วจี้และองค์ชายสี่ได้ปรึกษาหารือกันตลอดทั้งคืน จากนั้นนำความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเขตเหลียวโจวเขียนเป็นหนังสือกราบทูล ให้องค์ชายสี่นำกลับไปยังเมืองหลวง
หลังจากนั้นไม่นานก็มีราชโองการประกาศลงมา ฝ่าบาททรงแต่งตั้งฉู่โม่ยวนเป็นแม่ทัพเวยจี้ขั้นสาม รับสั่งให้เขาเป็นผู้นำดำเนินการเรื่องนี้ให้สำเร็จเสร็จสิ้น อีกทั้งยังทรงส่งขุนนางฝ่ายบุ๋นหลายสิบคนมาประจำการที่เขตเหลียวโจวเพื่อคอยช่วยเหลือเขาอีกแรงหนึ่ง
ผู้คนต่างทราบกันดีว่าบัณฑิตก่อกบฏ สามปีก็ไม่สำเร็จ ถ้าหากรอให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นมาถึงเขตเหลียวโจวก่อนแล้วค่อยปรึกษาหารือกิจธุระต่างๆ ความคืบหน้าในการสร้างเมืองใหม่ก็จะช้าลงกว่าเดิมอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดปี ถ้าเกิดเยียลวี่ซิ่นอันก่อความวุ่นวายขึ้นเสียก่อน เกรงว่าสงครามคงจะปะทุขึ้นอีกครา
ด้วยเหตุนี้ฉู่โม่ยวนจึงรีบดำเนินการอย่างขยันขันแข็ง เร่งรีบก่อร่างสร้างเมืองทั้งวันทั้งคืน หมายจะสร้างเมืองใหม่ให้สำเร็จก่อนที่ขุนนางฝ่ายบุ๋นจะมาถึงเขตเหลียวโจว
ราชโองการยังไม่ถูกประกาศลงมา เขาก็ควักทรัพย์สินส่วนตัวออกมา ขายสินเดิมของมารดาทิ้ง ขอหยิบยืมเงินจากองค์ชายสี่เป็นจำนวนสองแสนตำลึงเงิน จากนั้นนำไปซื้อที่ดินหลายหมื่นหมู่ และอุปกรณ์ก่อสร้าง แล้วเริ่มดำเนินการสร้างเมืองใหม่
ถึงแม้เขาจะรีบชิงโอกาสก่อนใคร แต่ก็ติดขัดที่เงินทุนไม่เพียงพอ หากตัดส่วนที่ยืมมาจากองค์ชายสี่ทิ้งไป เขาก็ยังต้องกู้ยืมเงินจากฮั่วจี้และลูกน้องมาอีกเป็นจำนวนไม่น้อย จึงพร้อมจะประสบกับสภาวะล้มละลายได้ทุกเมื่อ ความเป็นอยู่อัตคัดขัดสนยิ่งนัก แต่ต่อให้ยากจนเพียงไร ลำบากยากเข็ญเพียงไรเขาก็ต้องทำ เขายืนหยัดที่จะทำตามคำสั่งขององค์ชายสี่ให้สำเร็จ เพราะว่านี่เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างเขากับองค์ชายสี่
เขาทุ่มทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดที่มี แต่ก็ยังคงติดค้างเงินค่าแรงติดต่อกันหลายเดือน เมื่อเดือนที่แล้ว แม้กระทั่งชุดใหม่เขาก็ยังไม่มีเงินซื้อเสียด้วยซ้ำ หลังจากแม่นมโจวเอาเสื้อผ้าของเขามาปะๆ ชุนๆ พอให้สามารถสวมใส่ได้ คนนอกเห็นแม่ทัพขั้นสามผู้ยิ่งใหญ่กลับยากจนข้นแค้นถึงเพียงนี้ ต่างก็พากันสังเวชใจอย่างมิอาจห้าม
เดือนนี้สถานการณ์ดีขึ้นมาก เมื่อเหล่าพ่อค้าที่เดินทางมารู้ข่าวก็เริ่มย้ายเข้ามาพำนักอาศัย พอขายบ้านออกก็มีเงินไปใช้หนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ขัดสนเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ฉู่โม่ยวนเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ด้วยฝีเท้าเร่งรีบ หยวนลี่หรงได้รอคอยอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว
เดิมทีเขาเป็นพ่อค้า แต่เพราะทำผิดกฎหมายร้ายแรงจึงถูกเนรเทศมาทำงานในกองทัพ ในช่วงที่เสบียงขาดแคลน เงินทองของกองทัพไม่เพียงพอ ก็ได้เขาคอยหาวิธีแก้ไข เขาได้รับความไว้วางใจจากองค์ชายสี่ ถูกเลือกให้เป็นกุนซือของกองทัพ หลังจากองค์ชายสี่กลับเมืองหลวงไปแล้วก็สั่งให้เขาอยู่ที่นี่คอยทำงานให้ฉู่โม่ยวน
หยวนลี่หรงเป็นอัจฉริยะบุคคลอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในระหว่างที่ฉู่โม่ยวนกำลังสร้างเมืองใหม่ ยิ่งเห็นความสามารถของเขาได้อย่างชัดเจน หากไม่มีหยวนลี่หรง เกรงว่าฉู่โม่ยวนคงจะล้มละลายไปนานแล้ว
?นายท่าน? หยวนลี่หรงยื่นสมุดบัญชีให้เขา
?นั่งลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน? ฉู่โม่ยวนรินน้ำให้หยวนลี่หรงด้วยตนเอง หลังจากเขาดื่มน้ำเข้าไปติดต่อกันสามถ้วยแล้วผ่อนลมหายใจให้ช้าลงถึงค่อยเอ่ยขึ้นว่า ?สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?
?เมืองหลีหยวนขายร้านค้าไปได้ยี่สิบร้าน ผู้น้อยจ่ายค่าแรงที่ติดค้างไว้คืนหมดแล้ว หลังจากนี้ทุกๆ สิบวันสามารถแจกจ่ายค่าแรงได้อย่างราบรื่นขอรับ?
?ดีมาก? ติดเงินอะไรก็ได้ แต่จะติดเงินค่าความสามารถและค่าแรงไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นจะเป็นการบีบให้ราษฎรลุกฮือต่อต้านได้
เขาไม่เพียงแต่ใช้กำลังทหารในการสร้างบ้านเรือนเท่านั้น แต่ยังใช้งานแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้กองทัพจะกินเบี้ยหวัดของชาติ ตัวเขาเองก็รับคำสั่งจากราชสำนัก แต่ถึงอย่างไรเมืองใหม่ที่สร้างเสร็จแล้วก็เป็นทรัพย์สินส่วนตัว เขาจึงยืนกรานไม่ใช่เครื่องไม้เครื่องมือของหลวง ไม่หาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นราษฎรหรือว่าทหารในกองทัพ เขาล้วนจ่ายให้เท่าๆ กัน
สำหรับทหารแล้ว ได้รับทั้งเบี้ยหวัดได้รับทั้งค่าแรง ได้ค่าตอบแทนถึงสองเท่า แน่นอนย่อมต้องทำงานอย่างถวายชีวิตเป็นธรรมดา ถ้ามิใช่ด้วยเหตุนี้ การก่อสร้างคงจะไม่คืบหน้ารวดเร็วปานนี้
?เมืองหลีหนานล่ะ?? เมืองสามเมืองที่เขาวางแผนสร้างได้แก่เมืองหลีหยวน เมืองหลีหนาน และเมืองหลีเสียน ทั้งสามเมืองมีขนาดเท่ากัน ทั้งแนวตรงและแนวขวางมีถนนทั้งหมดสามสิบเส้น แต่ละเมืองวางแผนสร้างร้านค้าหนึ่งพันสองร้อยร้าน บ้านเรือนสามพันห้าร้อยหลัง ตอนนี้บ้านเรือนและร้านค้าในเมืองหลีหยวนสร้างเสร็จสิ้นแล้ว เรือนหลังนี้ก็อยู่ในเมืองหลีหยวนนี่เอง
เมืองหลีหนานสร้างเสร็จไปประมาณหกส่วนแล้ว ส่วนเมืองหลีเสียนจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในสองเดือน
?เมืองหลีหนานขายบ้านเรือนไปได้สิบแปดหลังแล้วขอรับ ผู้น้อยกะว่าจะใช้หนี้ที่กู้ยืมมาจากพวกทหารให้หมดก่อน ทว่าเงินมีน้อยเจ้าหนี้มีมาก จึงไม่รู้จะใช้คืนให้ใครก่อนดีขอรับ?
?บ้านสิบแปดหลังขายได้เท่าไร?
?ทั้งหมดหนึ่งพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบห้าตำลึงขอรับ? หยวนลี่หรงยื่นสมุดบัญชีให้
เพื่อดึงดูดราษฎรให้เข้ามาอยู่อาศัย ร้านค้าจึงถูกขายในราคาแพง แต่บ้านเรือนขายในราคาถูก หลังเล็กเจ็ดถึงแปดสิบตำลึง หลังใหญ่แค่ร้อยกว่าตำลึงก็สามารถซื้อได้ ราคาย่อมเยา ทำให้มีชาวแคว้นเหลียวและประชาชนในเมืองใกล้ๆ ยินดีย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่นี่
เงินแค่พันกว่าตำลึงถือว่าเป็นน้ำน้อยแพ้ไฟจริงๆ การจะใช้หนี้ให้หมดถือเป็นเรื่องลำบากยิ่ง
?เจ้าเลือกร้านค้าสองสามแห่งในเมืองหลีหยวนไว้จะทำเป็นโรงเตี๊ยมมิใช่หรือ?
?ขอรับ ตอนนี้เริ่มจัดการแล้ว?
?เงินพอหรือไม่?
?ติดขัดเล็กน้อย แต่ผู้น้อยจะคิดหาวิธีต่อไปขอรับ?
?กระจายข่าวออกไปว่า ราคาของบ้านเรือนและร้านค้าในตอนนี้จะปรับขึ้นหนึ่งครั้งทุกๆ สามเดือน จะปรับราคาขึ้นราวๆ หนึ่งส่วนถึงสามส่วน?
เมื่อได้ยินดังนั้นหยวนลี่หรงก็ลูบเคราเบาๆ ใบหน้าแย้มยิ้มเบิกบาน ใครว่านายท่านเป็นขุนนางฝ่ายบู๊แล้วไม่รู้จักการทำการค้าหนอ?
หลังจากป่าวประกาศข่าวนี้ออกไป คงจะกดดันให้คนที่กำลังรอดูสถานการณ์รีบตัดสินใจโดยเร็วได้เป็นแน่ พอเหล่าขุนนางจากเมืองหลวงหอบครอบครัวมาถึงที่นี่ โรงเตี๊ยมก็เริ่มกิจการแล้ว ย่อมดึงดูดพ่อค้าวาณิชให้มาทำการค้าขายที่นี่มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นโอกาสทางการค้า ก็จะกระตุ้นผู้คนให้พากันย้ายมาอยู่อาศัยมาขึ้น พอถึงตอนนั้นเม็ดเงินที่หลั่งไหลเข้ามาในบัญชีก็จะเหมือนกับสายน้ำ ไม่สิ...เหมือนกับน้ำตกไหลบ่ามากกว่า แล้วยังจะต้องกลัวไม่มีเงินใช้หนี้อีกหรือ?
?ขอรับ? หยวนลี่หรงขานรับ คิดในใจว่าเจ้านายของเขากล้าได้กล้าเสียจริงๆ
?บอกกับเหล่าทหารที่เราไปกู้ยืมเงินมาว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากคืนเงินช้าหนึ่งเดือนก็จะได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นสามส่วน?
เพิ่มดอกเบี้ยสามส่วนทุกเดือน? นี่มันคือเงินกู้ประทับตราอย่างไม่ผิดกฎหมายนี่นา ขอเพียงแค่รอต่ออีกสามเดือน บวกกับดอกเบี้ยสองส่วนที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ เท่านี้ก็จะได้รับเงินคืนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ยืมสิบตำลึงคืนยี่สิบเอ็ดตำลึง? ใครล่ะจะไม่อยากได้! ?ขอรับ ผู้น้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้?
?โรงเตี๊ยมต้องเปิดกิจการให้เร็วที่สุด ข้าได้ข่าวว่าระยะนี้มีราษฎรแคว้นต้าเยียนทยอยย้ายเข้ามาอยู่อาศัยที่นี่แล้ว? ตอนเพิ่งมาถึงแรกๆ จะไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานที่เท่าใดนัก จึงต้องพำนักอยู่ในโรงเตี๊ยมก่อน แล้วค่อยวางแผนชีวิตในภายภาคหน้าต่อ โรงเตี๊ยมไม่เพียงแต่สร้างขึ้นเพื่อกอบโกยกำไรเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นยังเพื่ออำนวยความสะดวกให้ราษฎรอีกด้วย
?เข้าใจแล้วขอรับ จะรีบเริ่มกิจการให้เร็วที่สุด?
?พวกเราบ่มเพาะพ่อค้าคนกลางจำนวนหนึ่งเอาไว้มิใช่หรือ?
?ขอรับ?
?แบ่งบ้านเรือนเอาไว้สองส่วน แล้วใช้วิธีปล่อยเช่าให้ราษฎรอยู่? ไม่ใช่ประชาชนทุกคนมีเงินทองเพียงพอที่จะซื้อบ้านได้ หากคิดจะดึงดูดคนให้เข้ามาอยู่อาศัยให้ได้โดยเร็วที่สุด นี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่จะต้องทำ ?บ้านหลังจากปล่อยเช่าแล้ว ให้มอบเงินค่าเช่าเดือนแรกเป็นบำเหน็จรางวัลแก่พ่อค้าคนกลาง?
?ขอรับ? เจ้านายที่กล้าจ่ายเช่นนี้ ใครล่ะจะไม่ยินยอมพร้อมใจทำงานให้เขา?
หลังจากมอบหมายงานต่างๆ ชัดเจนเรียบร้อยแล้ว ฉู่โมยวนก็คล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เอ่ยถามว่า ?ที่ให้เจ้าไปหาเมื่อคราวก่อน...?
?บ่อน้ำพุร้อน? หาเจอสองสามแห่งแล้วขอรับ เดี๋ยวสองสามวันนี้ผู้น้อยจะหาเวลาแวะไปดูเสียหน่อย?
?เช่นนั้นก็ดี? โรคไขข้ออักเสบของแม่นมโจวนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าพอถึงเหมันตฤดูของเขตเหลียวโจวคงจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากยิ่ง ท่านหมอบอกว่าหากมีบ่อน้ำพุร้อนให้แช่ได้ก็จะดีที่สุด
ยามนี้ลั่วผิงเดินเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ ?เรียนนายท่าน องค์ชายสี่ส่ง...คนมาแล้วขอรับ? เขามีน้ำเสียงกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
?ส่งใครมา?? เขามีคนช่วยงานมากเพียงพอแล้ว
?ส่ง...สตรีผู้หนึ่งมาขอรับ?
สตรี? คิ้วเข้มกดเป็นเส้นตรง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ?ให้เข้ามาได้?
?ขอรับ?
ไม่นานนัก จ้าวฉิงก็อุ้มสตรีผู้หนึ่งเข้ามาในห้องโถง เขาเป็นข้ารับใช้ผู้มีความสามารถประจำกายเยียนลี่จวิน
จ้าวฉิงวางหญิงสาวลงบนเก้าอี้ แต่พอวางปุ๊บร่างนางก็ไถลลงด้านล่าง เขาปรับท่านั่งนางอยู่สองสามครั้งกว่าจะทำให้หญิงสาวที่ตกอยู่ในอาการกึ่งๆ หมดสตินั่งอยู่กับที่ได้ ยามเขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางฉู่โม่ยวน ศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
?ส่งสตรีที่ถูกวางยาสลบผู้หนึ่งมาให้ องค์ชายสี่คิดจะทำอะไรกันแน่?? ฉู่โม่ยวนถามเสียงยะเยียบ
?เรียนแม่ทัพฉู่ ผู้น้อยเป็นคนวางยาสลบนางเอง ท่านสี่ไม่ทราบเรื่องด้วย ส่วนเหตุที่ผู้น้อยวางยาสลบนางก็เพื่อมิให้นางแอบหนีไปได้?
หนี? องค์ชายสี่เริ่มลักพาตัวหญิงสาวชาวบ้านตั้งแต่เมื่อใดกัน หรือว่าเพราะคู่หมั้นของเขาถูกลักพาตัวไป จิตใจเสียศูนย์ จึงไปลักพาตัวผู้อื่นบ้าง?
?ท่านสี่มีจดหมายถึงท่าน แม่ทัพฉู่โปรดอ่านด้วย? เขาหยิบจดหมายออกมาจากในอกแล้วยื่นให้
ฉู่โม่ยวนเปิดจดหมายออก ยิ่งอ่านหัวคิ้วก็ยิ่งขมวดมุ่นขึ้น
องค์ชายสี่ส่งตัวเหมยอวี่ซานบุตรสาวคนโตในภรรยาเอกของอัครมหาเสนาบดีเหมยมาให้เขาอย่างนั้นหรือ ทั้งยังสั่งให้เขาคอยปกป้อง ดูแลนาง อย่าให้นางหนีออกไปจากเขตเหลียวโจว? องค์ชายสี่เห็นเขาเป็นพี่เลี้ยงเด็กหรืออย่างไร ไม่รู้หรือว่าตอนนี้เขากำลังยุ่งวุ่นจนปลีกตัวมิได้?
สายตาของฉู่โม่ยวนสบเข้ากับเหมยอวี่ซาน สภาพนางน่าอเนจอนาถนัก เสื้อผ้ายุ่งเหยิงผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ผิวพรรณเนียนนุ่ม ทว่าใบหน้ากลับซีดขาวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
เขารู้ว่าชะตากรรมที่เหมยอวี่ซานประสบพบเจอนั้นน่าสังเวชเพียงใด หลายปีก่อนนางได้รับสมรสพระราชทานให้แต่งงานกับองค์ชายสี่ ราชโองการประกาศลงมาหลังจากองค์ชายสี่ชนะศึกที่แคว้นเป่ยเหลียวแล้วเดินทางกลับเมืองหลวง ระหว่างที่กรมพิธีการกำลังจัดเตรียมงานเสกสมรสของทั้งสองอย่างยิ่งใหญ่เอิกเริก นางกลับถูกโจรป่าลักพาตัวไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้
แค่มิได้แต่งงานกับองค์ชายสี่ก็น่าเวทนามากพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าบ้านรองของจวนสกุลเหมยกลับช่วยเหลือองค์ชายสามเยียนลี่ถังยกทัพก่อกบฏยึดวังหลวง อัครมหาเสนาบดีเหมยติดร่างแหไปด้วยจึงถูกลดฐานะเป็นเพียงสามัญชน...
ก่อนหน้านี้มีข่าวแพร่ลือออกมาว่า นางแขวนคอฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ แล้วทำไมนางถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ได้?
ฉู่โม่ยวนไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างแน่ชัด จึงได้แต่คาดเดาว่าองค์ชายสี่ทำเช่นนี้เพื่ออะไร องค์ชายสี่รู้สึกผิดต่อนาง แต่มิอยากเก็บนางไว้ข้างกาย ดังนั้นเลยโยนเผือกร้อนมาให้เขาแทน?
ครั้นเห็นหัวคิ้วของฉู่โม่ยวนขมวดแน่นชิดขึ้นเรื่อยๆ จ้าวฉิงจึงรีบร้อนเอ่ยขึ้น ?ไม่มีอะไรยุ่งยากหรอกขอรับ นี่คือสัญญาขายตัวของแม่นางเหมย ท่านสี่ต้องการให้ท่านปฏิบัติกับนางเหมือนเป็นสาวใช้ใหญ่คนหนึ่ง ไม่ต้องมอบหมายงานหนักๆ ให้นาง นางอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้นางทำไป แค่ให้ที่ตั้งหลักพักพิงกับนางก็พอ?
?ไม่มีอะไรยุ่งยาก? เจ้ายังต้องวางยาสลบนางกว่าจะพานางมาได้อย่างราบรื่นมิใช่หรือ? แค่เห็นแวบเดียวก็รู้แล้วว่านางเป็นตัวปัญหา
จ้าวฉิงกระแอมไอเบาๆ สองคำรบ จากนั้นตอบว่า ?ท่านสี่กล่าวว่า ถ้าท่านแม่ทัพยอมรับตัวแม่นางเหมยไว้ก็ไม่ต้องใช้หนี้ที่ติดไว้สองแสนตำลึง แต่ถ้าหากท่านไม่ยอม ท่านต้องมอบตั๋วเงินให้แก่ผู้น้อย...เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ เวลานี้ ให้ผู้น้อยนำกลับเมืองหลวงไปรายงานภารกิจ ยะ ยังมี...?
ฉู่โม่ยวนปรายตามองจ้าวฉิงวูบหนึ่ง ทำเอาเขาขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่าง
?ยังมีอะไรอีก??
?ท่านสี่บอกว่า สัญญาจะเป็นโมฆะ? จ้าวฉิงฉีกยิ้มประจบ หวาดเกรงยิ่งนักว่าอีกฝ่ายจะหยิบดาบมาฟันแสกหน้าเขา
คำนวณมาเป็นอย่างดีแล้วว่าเขายากจนข้นแค้น ไม่มีเงินใช้หนี้ใช่หรือไม่ คำนวณมาอย่างแม่นยำแล้วใช่หรือไม่ว่าเขาจะต้องให้ความร่วมมือกับองค์ชายสี่?
ฉู่โม่ยวนยิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา ทว่าจ้าวฉิงกลับตัวสั่นเทิ้มรุนแรงขึ้นทุกทีๆ แม่ทัพเวยจี้ช่างน่าเกรงขามยำเกรงยิ่งนัก...
?ถ้าหากแม่ทัพฉู่ไม่มีความเห็นเป็นอื่น ผู้น้อยก็จะขอกลับเมืองหลวงไปรายงาน...ภารกิจ??
เขายังคงหัวเราะแห้งๆ ต่อไป เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะควักตั๋วเงินออกมา เขาก็รีบถอยหลังพรวดหนึ่งก้าว เมื่อเห็นว่ายังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จึงถอยหลังอีกหนึ่งก้าว เขาเดินถอยหลังทีละก้าวๆ จนกระทั่งยามเท้าแตะกับธรณีประตูก็คิดในใจว่าคงจะถือเป็นอันตกลงแล้วเลยรีบร้อนหันหลังกลับ จากนั้นวิ่งปรู๊ดหายไปโดยไม่เห็นแม้แต่เงาภายในชั่วพริบตา
อุณหภูมิภายในห้องลดลงอย่างเฉียบพลัน หยวนลี่หรงพบว่าบรรยากาศใกล้ถึงจุดอันตรายเต็มที่ เรื่องที่นายท่านเกลียดสตรีเป็นที่เลื่องลือกันทั่ว องค์ชายสี่บังคับยัดเยียดสตรีผู้หนึ่งให้เขา ถึงแม้นายท่านจะมิได้ถูกบีบให้ถึงแก่ความตาย แต่คนรอบๆ ข้างคงจะกดดันจนตายเสียก่อนเป็นแน่
เขาลุกขึ้น เก็บสมุดบัญชีใส่ในอก ?นายท่าน ผู้น้อยขอตัวไปจัดการเรื่องขึ้นราคาค่าบ้านกับเรื่องดอกเบี้ยก่อนนะขอรับ?
เขาไม่ได้คาดหวังการตอบสนองจากอีกฝ่าย พอหมุนกายกลับปุ๊บก็รีบสาวเท้าพรวดพราดออกไปทันที
ทันใดนั้นภายในห้องเงียบสงัดจนไร้สิ้นสรรพเสียง
ฉู่โม่ยวนมองเหมยอวี่ซานอย่างเย็นชา นางมีหน้าตาสะสวย งามหมดจด แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่โตที่สวมหน้ากากเรียบร้อยนุ่มนวลทว่าเนื้อในกลับชั่วร้ายอำมหิต เขาเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ แค่นเสียงฮึหนักๆ ?ใครก็ได้?
ลั่วผิงเดินเข้ามา ?บ่าวอยู่นี้ขอรับ?
?เอาสัญญาขายตัวไปให้แม่นมโจว มอบตัวนางให้เสวี่ยฉิงกับอวี่ฉิงอบรมสั่งสอน? ฉู่โม่ยวนทิ้งวาจาเอาไว้ จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เฉียนเฉี่ยนรู้สึกสิ้นหวัง ไม่ใช่เพราะลำบากตรากตรำมาหลายปีแต่ยังไม่ทันได้เสพสุขก็ต้องย้อนเวลามายุคโบราณเสียก่อน ทว่าเป็นเพราะพยายามแอบหนีมาหลายครั้งก็ยังคงล้มเหลวไม่เป็นท่า จนถูกส่งมาเป็นสาวใช้อยู่ที่ดินแดนอันห่างไกลความเจริญ มิหนำซ้ำเจ้านายจอมชั่วร้ายยังริบทรัพย์สินของเธอไปจนหมด บอกว่าสาวใช้ไม่สามารถครอบครองทรัพย์สินได้ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือประสาทรับรสของคนพวกนี้เพี้ยนไปแล้วหรือ?
โชคดีที่เธอมีฝีมือทำอาหารล้ำเลิศ ซ้ำยังพูดจาประจบฉอเลาะได้ไม่แพ้ใคร อาหารอันโอชะของเธอทำให้ความแข็งกระด้างของนายท่านอ่อนละมุนลงได้ วาจาไพเราะหวานหูของเธอหยอกเย้านายท่านจนขวยเขินหน้าแดงได้ ดูสิ อาหารรสเลิศและวาจายั่วเย้าหลอมละลายแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามได้จริงๆ แต่ทั้งที่คิดว่าพวกเธอมีใจตรงกันแล้ว ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ กลับมีบัณฑิตหน้าขาวคนหนึ่งมาเกาะแกะติดพันเธอ และยังบอกว่าเขาเป็นสามีเมื่อชาติที่แล้วของเธออีกด้วย...


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”