New Release BLY แปล : บ่าวมารร้อยเล่ห์ (เล่ม 2 จบ)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1068
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : บ่าวมารร้อยเล่ห์ (เล่ม 2 จบ)

โพสต์ โดย Gals »

บทที่หนึ่ง

บิดาของเซียวฟางคือใคร?
เสิ่นเฮ่าถามแล้วถามเล่า ทว่าเซียวฟางกลับไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้อีก
ถึงกระนั้นการเดินทางไปเฟิงตูก็ไม่อาจรีรอต่อไปได้ วันต่อมาเซียวฟางยังคงอ่อนแรง เสิ่นเฮ่าจึงขึ้นขี่อาชาตัวเดียวกับเขา ครั้นเดินทางถึงท่าเรือแม่น้ำฮั่นก็นำหลักฐานแสดงตัวตนของตระกูลเสิ่นออกมาเพื่อพักผ่อนที่สมาคมของตระกูลเสิ่นชั่วคราว
ตกกลางคืนหลังจากเจียงเสี่ยวฮวาเปิดเผยตัวช่วยจัดแจงดูแลเจ้าพิษเรียบร้อยแล้ว ใต้เท้าประมุขยุทธภพก็พักอาศัยอยู่อีกห้องหนึ่ง ครึ่งเดือนมานี้ระหกระเหินติดต่อกันหลายวัน เรื่องราวพลิกผันไปมา ต่อให้เป็นมนุษย์ซึ่งทำมาจากเหล็กก็ไม่อาจทนรับได้ เมื่อศีรษะของใต้เท้าประมุขยุทธภพสัมผัสหมอนก็เข้าสู่ห้วงนิทราในบัดดล
เสิ่นเฮ่านอนหลับไปตื่นหนึ่งก็ตะวันโด่งแล้ว เห็นเพียงเซียวฟางเปลี่ยนเป็นชุดสั้นสีเหลืองเข้มของบ่าวไพร่ธรรมดาทั่วไปยืนอยู่นอกม่าน ครั้นเห็นว่าเขาตื่นก็ก้าวเข้ามาพร้อมโค้งกายคำนับ ?นายท่าน ท่านตื่นแล้ว เมื่อคืนสุขสบายดีหรือไม่ขอรับ??
เสิ่นเฮ่ายังคงง่วงเหงาหาวนอน เขายันกายขึ้นพร้อมเลิกม่านแล้วเอ่ยว่า ?ร่างกายของเจ้า...?
?ขอบพระคุณความใส่ใจของนายท่านมากขอรับ ข้าน้อยมิเป็นไร? เซียวฟางตอบอย่างเป็นระเบียบแบบแผน
ประมุขยุทธภพพลันรู้สึกไม่สบายเนื้อตัวขึ้นมาบ้างทันที
เมื่อคืนเซียวฟางไม่ได้มีท่าทีเช่นนี้ เขายังจดจำเจ้าพิษซึ่งถูกตนโอบกอดอยู่ในอ้อมอก นอกจากเชื่อใจตนแล้วก็มิอาจขอความเชื่อเหลือจากผู้ใดได้ เมื่อเทียบกันแล้วเจ้าพิษในตอนนี้กลับมีความรู้สึกแปลกหน้าและห่างเหินขึ้นมาบ้าง
เซียวฟางรออยู่นอกม่านเนิ่นนาน ครั้นเงยหน้ามองเสิ่นเฮ่ากลับหันร่างลงไปนอนอีกแล้ว เขานิ่งอึ้งก่อนจะผูกม่านขึ้นไปพร้อมค้อมเอวร้องเรียกเสียงต่ำ ?นายท่าน อย่านอนต่อเลยนะขอรับ ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว พอผู้ดูแลสาขาฉินชวนหลายท่านได้ยินว่ามีคนจากทางเจ้าบ้านมาก็ส่งเทียบขอเข้าพบมา รอคอยมาทั้งเช้าแล้วนะขอรับ?
เสิ่นเฮ่าไม่ลืมตา กล่าวด้วยความเย็นชาว่า ?ข้าก็แค่คุณชายสายรองที่ไม่เพียงพอจะเป็นที่โปรดปรานของตระกูลเสิ่น เรื่องใหญ่เช่นนี้เกี่ยวอันใดกับข้าด้วย? ให้พวกเขาตรงไปเสฉวนแล้วคุยกับนายผู้เฒ่าโดยตรง?
เซียวฟางถอนหายใจเบาๆ ?นายท่าน พบสักหน่อยเถอะนะขอรับ ข้าเห็นว่าหลายท่านนั้นร้อนใจมากยิ่ง เคยใช้เหตุผลเดียวกันนี้พูดกับพวกเขาแล้วเช่นกัน แต่พวกเขากลับยังคงยืนกรานต้องการพบท่านอยู่ขอรับ?
เสิ่นเฮ่ากลับไม่ตอบคำ ไม่เหลือบแลเขาอีกต่อไป
?นายท่าน? นายท่าน นายท่าน...เฮ้อ นายท่านนนน...? เซียวฟางเริ่มร้องเรียกเปะปะไร้การสงวนท่าที
ไม่ทราบเพราะเหตุใดเมื่อเสิ่นเฮ่าได้ยินสองคำนี้เข้ากลับอดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ เขาเอื้อมมือไปคว้าศีรษะของเซียวฟางแล้วกดลงมา พลางเงยหน้าขึ้นจุมพิตลงบนริมฝีปากที่กำลังเจื้อยแจ้วไม่หยุดนั้นของเซียวฟาง
?อ๊ะ!? เซียวฟางรีบปิดปาก แสร้งกล่าวตำหนิด้วยท่าทีใสซื่อบริสุทธิ์ ?นายท่าน ท่าน ท่านลวนลามข้า?
เสิ่นเฮ่าเอื้อมมือไปลูบไล้ผมขาวข้างใบหูเขาเบาๆ ด้วยเจตนาคลุมเครือ แล้วจุมพิตลงไปอย่างร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
เซียวฟางส่งเสียง ?อือ? ออกมาคราหนึ่ง ร่างกายแข็งทื่อเพียงชั่วขณะเท่านั้น จากนั้นพลันตอบสนองกลับอย่างร้อนแรงราวกับมัจฉาได้วารี
ลิ้นกระหวัดรัดลิ้น ฟันขบฟัน ริมฝีปากบดเบียดริมฝีปาก ปลายจมูกชนปลายจมูก ทั้งสองคนจุมพิตกันอย่างฟ้าลั่นดินสะเทือนในบัดดล ประหนึ่งไฟอสุนีบาต ครั้นเปล่งออกมาแล้วก็มิอาจรั้งคืนกลับมาได้
จนสุดท้ายกลายเป็นเซียวฟางถูกเสิ่นเฮ่ากดทับอยู่ใต้ร่าง จุมพิตจนดวงตารางเลือนริมฝีปากแดงเข้ม ยังดีที่ทั้งสองต่างมีวรยุทธ์สูงส่งจึงไม่มีผู้ใดหายใจเปะปะวุ่นวาย เพียงแต่เสื้อผ้าอาภรณ์ยุ่งเหยิงเท่านั้น แม้แต่ผ้านวมและผ้าปูเตียงเองก็ยังถูกกวนจนมีสภาพเละเทะ ทำให้เจียงเสี่ยวฮวาซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ชายคาบังเกิดความสงสัยยิ่งนัก
?เจ้าว่าที่แท้พวกเขาทำอะไรกัน??
ครั้นทั้งสองคนหนึ่งนำหนึ่งตามออกมาจากห้อง เจียงเสี่ยวฮวาจึงเข้าไปตรวจสอบรอบหนึ่งแล้วออกมา เอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
เหอตู๋อู่เหลือบมองเขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกคราหนึ่ง ?ยังจะมีอะไรได้?
?แต่ไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวเลยสักนิดนะ? เจียงเสี่ยวฮวาลูบคางพลางตรึกตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
?วิชาตัวเบา วิชาตัวเบาเจ้ารู้จักหรือไม่?? เหอตู๋อู่ถาม
?...ที่แท้วิชาตัวเบาก็ทำเรื่องนี้ได้ด้วย?? เจียงเสี่ยวฮวาบังเกิดปัญญา

******

?เก็บสายตากระสันรัญจวนนั้นของเจ้าไปเสีย? เมื่อใกล้เข้าห้องโถงส่วนหน้าเสิ่นเฮ่าก็กล่าวโดยไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก
?อือ...? เซียวฟางคล้ายกำลังซึมซาบความรู้สึกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากนั้นลูบคลำปากอีกครา เขาหัวเราะพร้อมเอ่ยว่า ?ถึงแม้นี่เป็นครั้งแรกที่นายท่านจุมพิตข้าน้อย ทว่าทักษะนี้ จึ๊จึ๊ กลับเยี่ยงชนชั้นยอดฝีมือก็ไม่ปาน?
เสิ่นเฮ่าคร้านจะพูดกับเขาให้มากความอีกจึงผลักประตูแล้วเข้าไปยังห้องโถงด้านหน้า ผู้ดูแลสมาคมการค้าตระกูลเสิ่นแต่ละสาขาในฉินชวนจำนวนสี่ถึงห้าคนรอคอยด้วยความร้อนรนมาตั้งนานแล้ว ครั้นเห็นเขาปรากฏตัวก็เข้ามารายล้อมพร้อมเอ่ยปากส่งเสียงเอะอะมะเทิ่งขึ้นมาทันที เสิ่นเฮ่าอดทนฟังอยู่ครึ่งค่อนวันถึงเข้าใจขึ้นมาบ้าง
ที่แท้ฉยงซานหลางก็เป็นนักโทษซึ่งทางการประกาศให้รางวัลนำจับ ตกรางวัลเป็นทองคำหนึ่งพันตำลึง เสิ่นเฮ่าจับกุมสังหารฉยงซานหลางบริเวณเทือกเขาฉินหลิ่ง ทั้งยังทลายฐานลับของมันอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ทางการจึงติดประกาศของทางราชสำนักว่าต้องการให้เสิ่นเฮ่าไปรับรางวัล
?นายสาม ท่านช่างมีความสามารถเหนือผู้คน ช่างทัดเทียมเซี่ยงอวี่และหลิวปัง เหลือเกินนะขอรับ? หนึ่งในผู้ดูแลกล่าวชมเชย
?เซี่ยงอวี่โอหัง หลิวปังเห็นแก่ประโยชน์ ข้าว่านายสามเหมือนจ้าวจื่อหลง แห่งฉางซานมากกว่า? การประจบสอพลอระลอกที่สองของผู้ดูแลตามติดออกมา
ทุกคนล้วนผงกศีรษะกล่าวว่าใช่
เสิ่นเฮ่าเอ่ยถามเซียวฟางเสียงแผ่วเบา ?จับกุมสังหารฉยงซานหลาง ทลายฐานลับ? เหตุใดข้าถึงจำได้ว่าฉยงซานหลางยังไม่ตาย ฐานลับก็ถูกยอดฝีมือใต้สังกัดของเจ้าพิษกำจัดเล่า??
เซียวฟางหัวเราะร่วน ก้มหน้าแล้วตอบกลับมาว่า ?มิใช่ว่านายท่านต้องการสร้างบารมีหรือขอรับ เดิมทีผลงานเล็กน้อยนี้ก็เป็นสิ่งที่ข้าน้อยต้องกระทำเพื่อนายท่านอยู่แล้ว แค่เรื่องเล็กน้อยไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง นายท่านมิต้องขอบใจข้าน้อยหรอกนะขอรับ? ท่าทางไร้ยางอายอย่างยิ่ง
?นายสามขอรับ พวกข้าให้คนไปแจ้งทางการแล้ว ได้ยินว่าใต้เท้าเหลยมือปราบแห่งกวนจงมาอยู่ ณ ที่ว่าการในท้องที่นี้พอดี ครั้งนี้เขาจะมามอบรางวัลแด่ท่านด้วยตนเองเลยนะขอรับ?
เสิ่นเฮ่าขมวดหัวคิ้ว ?เจ้าพูดถึง ?ฝ่ามืออสุนีบาต? เหลยฮว่างรึ??
?ก็คือผู้น้อย? ภายนอกห้องมีเสียงอ่อนระโหยโรยแรงลอยเข้ามา
เสิ่นเฮ่ารู้สึกคุ้นเคยเป็นพิเศษ ครั้นเงยศีรษะมองดูก็เห็นว่าตัวประหลาดหัวเหล็กซึ่งได้พบก่อนหน้านี้กำลังประคองเหลยฮว่างเดินเข้ามา
สีหน้าของเหลยฮว่างยังขาวซีดยิ่งกว่าวันก่อนเสียอีก สองตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด ไอไม่หยุด เขานั่งตรงที่นั่งประธานพร้อมเอ่ยว่า ?เจี้ยนอัน นำรางวัลของทางราชสำนักออกมา?
?คุณชาย อยู่นี่ขอรับ? เถี่ยเจี้ยนอันส่งกล่องไม้จันทน์ไปให้
เหลยฮว่างไอไปพลางเปิดกล่องนั้นแล้วหยิบม้วนผ้าไหมออกมา เขาคลี่ออกแล้วกล่าวว่า ?เสิ่นเฮ่ามาเบื้องหน้า...แค่กแค่กแค่ก...?
เซียวฟางก้าวมาเบื้องหน้าแล้ว จากนั้นกล่าวด้วยเสียงอันอ่อนโยน ?ใต้เท้าเหลย ร่างกายท่านไม่สู้ดี ข้ามการอ่านออกไปเถอะนะขอรับ รางวัลนี้นายท่านของข้าให้ข้ามารับแทนเขา?
เหลยฮว่างผงกศีรษะก่อนไออีกพักหนึ่งจนทำให้คนเป็นห่วงว่าเขาจะเอาปอดออกมาด้วย เขาค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ?เจี้ยนอัน นำรางวัลพันตำลึงนั้นมอบให้ประมุขเสิ่นด้วยเถอะ?
เถี่ยเจี้ยนอันรับคำว่า ?ขอรับ? คราหนึ่ง จากนั้นหิ้วหีบหนึ่งขึ้นมาแล้ววางลงข้างเท้าเสิ่นเฮ่า หีบนั้นหนักอึ้ง เมื่อวางลงบนพื้นยังบังเกิดเสียงดังปังขึ้นมาคราหนึ่ง เซียวฟางเปิดหีบออกดู เป็นเงินจำนวนหนึ่งพันตำลึงจริงๆ ด้วย เรี่ยวแรงของเจ้าตัวประหลาดหัวเหล็กนี้ช่างมากมายเสียจริง
เสิ่นเฮ่ามองเงินแวบหนึ่งก่อนจะประสานมือคารวะแล้วพูดว่า ?ขอบพระคุณมือปราบเหลยที่มาด้วยตนเอง?
เหลยฮว่างควักผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมุมปาก มองเขาอย่างอ่อนแรงคราหนึ่ง ?มิต้องเกรงใจ เดิมทีการผดุงความยุติธรรมก็เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ประมุขเสิ่นกระทำถือเป็นการขจัดภัยร้ายครั้งใหญ่ของยุทธภพอีกด้วย บนโลกนี้ผู้ที่มีขวัญกล้าเยี่ยงนี้มีอยู่เพียงไม่กี่คน?
เสิ่นเฮ่าเม้มปากยิ้มแย้มไม่เอ่ยวาจา
จริงดังคาด เหลยฮว่างยังมีคำกล่าวตามหลัง เขานั่งหลังเหยียดตรง สายตาพลันคมกริบราวลูกเกาทัณฑ์ จ้องมองเซียวฟางเขม็ง น้ำเสียงก็เย็นชาลงเช่นกัน ?เช่นนั้นตอนนี้ประมุขเสิ่นเฮ่าจะร่วมกันขจัดภัยร้ายครั้งใหญ่เพื่อแผ่นดินร่วมกับข้าอีกสักครั้งหรือไม่??
เสิ่นเฮ่าขมวดหัวคิ้ว ?มือปราบเหลย นับตั้งแต่เซียวฟางติดตามข้าก็สำนึกผิดปรับปรุงตัวขึ้นมาก หรือว่าเขาไม่อาจกระทำความดีชดเชยความผิดในอดีต ชำระล้างจิตใจเปลี่ยนเป็นคนใหม่เช่นนั้นหรือ??
?ฆ่าคนชดใช้ชีวิต มีหนี้ต้องชดใช้เงิน เป็นหลักคุณธรรมแห่งฟ้าอยู่แล้ว ต่อให้บัดนี้เซียวอู๋หลิงสำนึกผิด ทว่าเรื่องที่เคยก่อนั้นก็มิอาจหลบหนีไปได้ ประมุขยุทธภพเช่นท่านก็น่าจะเคยได้ยินว่ากฎหมายมิอาจยอมไว้ไมตรี? เหลยฮว่างปราศจากความหวั่นไหว ?เจี้ยนอัน?
?คุณชาย?
?ข้าขอใช้ตำแหน่งมือปราบแห่งกวนจงสั่งการเจ้า จงจับกุมนักโทษเซียวอู๋หลิงกลับไปดำเนินคดีโดยเร็ว!?
?ขอรับ?
?ช้าก่อน? เสิ่นเฮ่าก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าวพร้อมยื่นมือมาขัดขวางทางไปของเถี่ยเจี้ยนอัน
?ประมุขยุทธภพ ท่านต้องการเป็นศัตรูกับราชสำนักจริงหรือ?? เหลยฮว่างถาม
เสิ่นเฮ่าช้อนดวงตา แย้งถามอย่างสงบนิ่ง ?ใต้เท้าเหลยต้องการจับกุมเซียวฟางจริงหรือ??
เหลยฮว่างส่ายหน้า ?เช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีสิ่งใดจะต้องพูดกันแล้ว ข้าทำได้เพียงจับกุมท่านไปพร้อมกันเท่านั้น?
?นายท่าน? เซียวฟางที่อยู่ด้านหลังเสิ่นเฮ่าผู้ไม่พูดไม่จามาตลอดพลันเปล่งวาจา ?นายท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องเสียสละเพื่อข้าเยี่ยงนี้ มือปราบเหลย เซียวอู๋หลิงยินยอมไปรับโทษด้วยตนเอง เชิญท่านมัดตัวข้ากลับไปยังกวนจง?
?เซียวฟาง เจ้า...? เสิ่นเฮ่าขมวดคิ้ว
เซียวฟางรีบยั้งคำพูดถัดไปของเขา เพียงพูดเสียงต่ำออกมาว่า ?นายท่าน ท่านเป็นถึงประมุขยุทธภพ หากเพราะเรื่องของข้าน้อยทำให้เดือดร้อนไปถึงชื่อเสียงของท่าน เรื่องราวที่กระทำมาก่อนหน้าทั้งหมดจะมิกลายเป็นฟองอากาศไปหรือ เช่นนั้นที่ข้าน้อยเพียรพยายามสารพัดอย่างมานานขนาดนี้จะไม่เสียแรงเปล่าก่อนที่งานจะสำเร็จหรอกหรือขอรับ??
คำกล่าวนี้ของเซียวฟางล้วนมีเหตุผลทุกคำ ทำให้เสิ่นเฮ่ายากจะโต้แย้งได้
เงียบงันไปชั่วขณะ
?เจี้ยนอัน จับเขาใส่ตรวน!? เหลยฮว่างพลันโยนตรวนเหล็กให้ตัวประหลาดหัวเหล็ก เถี่ยเจี้ยนอันนำกุญแจข้อมือและข้อเท้ามาล่ามเซียวฟางเอาไว้
เสิ่นเฮ่ามองอยู่ด้านข้าง สีหน้าสงบนิ่ง ดูความรู้สึกนึกคิดไม่ออก
เห็นเพียงเซียวฟางขยับมือขยับเท้าส่งเสียงดังกรอกแกรก จากนั้นหันศีรษะกลับมายิ้มให้เขา ?นายท่านไม่ต้องกังวลใจไป เซียวฟางไปแล้วก็จะกลับมา ขอให้นายท่านมุ่งหน้าไปยังเมืองผีเฟิงตูเพียงผู้เดียวก่อน ตลอดเส้นทางยากลำบากล้นเหลือ ขอนายท่านโปรดระมัดระวังด้วยขอรับ?
เสิ่นเฮ่ายังไม่ทันตอบคำ เซียวฟางก็ถูกเถี่ยเจี้ยนอันลากออกไปแล้ว
เขายืนอยู่ตรงประตู
มองดูสีแดงสดนั้นหายลับจากไปไกลบนถนน เมื่อย้อนกลับมายังห้องโถงส่วนหน้า ผู้ดูแลหลายคนยังคงรอคอยอยู่ ครั้นเห็นเสิ่นเฮ่ากลับมาด้วยท่าทางจิตใจไม่อยู่กับตัวจึงเอ่ยถามตะกุกตะกักขึ้นมาว่า ?นายสาม นี่ นี่มันเรื่องอันใดกันหรือขอรับ??
เสิ่นเฮ่าส่ายหน้า
บรรดาผู้ดูแลกล่าวขึ้นมาอีกว่า ?เช่น เช่นนั้นเงินหนึ่งพันตำลึงนี้??
เสิ่นเฮ่าไม่แม้แต่จะมอง ตรงเข้าไปในเรือนด้านหลังทันที ?พวกเจ้าเอาไปแบ่งกันเถอะ?
เสิ่นเฮ่าที่อยู่ทางนั้นคล้ายชอกช้ำและผิดหวัง ส่วนเซียวฟางที่อยู่ทางนี้กลับติดตามพวกของเหลยฮว่างสองคนไปเรือนรับรองอย่างหน้าชื่นตาบาน
ทว่าเหลยฮว่างกลับไม่ได้ไปยังที่ว่าการ เขาพาเถี่ยเจี้ยนอันกับเซียวฟางสองคนออกจากท่าเรือแม่น้ำฮั่น จากนั้นย้อนกลับไปยังเทือกเขาฉินหลิ่ง เพียงแต่การเดินทางคราวนี้มุ่งตรงไปยังฉางอัน
เมื่อเดินทางได้ราวสามสิบลี้ก็ฟ้ามืด หลายคนนั้นจึงพักผ่อนภายในป่า เนื่องจากสภาพร่างกายไม่สู้ดี เหลยฮว่างจึงหลับไปตั้งนานแล้ว เถี่ยเจี้ยนอันตรวจตราอยู่ไกลๆ มีเพียงเซียวฟางผู้เดียวที่มือเท้าถูกมัดอยู่กับต้นไม้ พิงไม้ใหญ่เหม่อลอยอยู่
?ท่านประมุข รอให้พวกข้าแอบขโมยกุญแจมาให้ท่านก็จะหลบหนีไปได้แล้วขอรับ? เสียงของเจียงเสี่ยวฮวาแว่วมาจากบนต้นไม้
เซียวฟางส่ายหน้า ?ไม่ ข้าไม่ไป?
?เพราะเหตุใดหรือขอรับ?? เจียงเสี่ยวฮวาถามด้วยความตกใจ ?หรือว่าท่านประมุขอยากถูกลงทัณฑ์บั่นศีรษะหรือขอรับ??
?ฮ่าๆๆ? เซียวฟางหัวเราะดังลั่น ?ไหนเลยจะง่ายดายเยี่ยงนั้น??
?ท่านประมุข เดิมทีคราวนี้ท่านออกจากเขามาก็เพื่อเสิ่นเฮ่า ทว่าบัดนี้กลับถูกเหลยฮว่างจับกุมเสียแล้ว หรือจะมีวัตถุประสงค์อื่นขอรับ?? เสียงในคราวนี้เป็นของเหอตู๋อู่
เซียวฟางผงกศีรษะ ?มีเจตนาเช่นนั้น?
?ไม่ทราบเจ้าพิษจะบอกให้ผู้น้อยทราบได้หรือไม่??
หลังจากเซียวฟางครุ่นคิดเล็กน้อยก็ค่อยๆ เอื้อนเอ่ยออกมาว่า ?เสิ่นเฮ่ากับข้าปะทะกันมากมายหลายครั้ง ความเป็นศัตรูต่อข้าน่าจะลดทอนลงและเพิ่มมิตรภาพขึ้นมาหลายส่วน เพียงแต่มิตรภาพนี้ยังไม่เพียงพอ ...ข้าต้องออกห่างจากตัวเขาสักระยะเป็นการชั่วคราว ให้เขาหวนรำลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างช้าๆ ก็อย่างที่ว่ากันไว้ว่า ?ห่างกันสักพักประหนึ่งได้วิวาห์กันใหม่? อย่างไรเล่า?
?โอ๊ย? เสียงพร่ำบ่นต่ำๆ ของเจียงเสี่ยวฮวาลอยมาตามอากาศ ?จำเป็นด้วยหรือขอรับ??
เซียวฟางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ใบหน้าผุดรอยยิ้มแสนเย็นเยียบยิ่งนัก เขาใช้น้ำเสียงที่ปราศจากความรู้สึกตอบกลับมาอย่างเย็นชา ?จำเป็น จำเป็นอย่างยิ่ง ก่อนเข้าสู่ยมโลก...เสิ่นเฮ่าต้อง...มีข้าอยู่ในใจ?
เจียงเสี่ยวฮวาฟังจนขนลุกขนพองไปทั่งร่างอยู่บนกิ่งไม้ เขาพูดเสียงค่อยกับเหอตู๋อู่ว่า ?เห็นๆ อยู่ว่าท่านประมุขปล่อยให้เสิ่นเฮ่าทำอะไรต่อมิอะไร ขอเพียงเสิ่นเฮ่ามีเขาอยู่ในใจ ท่านประมุขก็ยอมให้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจรึ??
เหอตู๋อู่มองเซียวฟางที่อยู่ด้านล่าง เอ่ยเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ?ก็อย่างที่ว่ากันว่า ผู้ที่อยู่ในสถานการณ์ย่อมไขว้เขว่อย่างไรเล่า?

******

เหลยฮว่างร่างกายอ่อนแอยิ่งมาตั้งแต่เด็ก มีชีวิตจนเติบใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ก็ถือว่าอัศจรรย์ยิ่งแล้ว
ทว่าเขากลับยืนหยัดฝึกยุทธ์ สอบติดจอหงวน ทั้งยังกลายเป็นหัวหน้ามือปราบกวนจงผู้มีชื่อเสียงระบือลือลั่นแห่งเสฉวนและส่านซี พูดได้ว่าเป็นตำนานที่อยู่ในตำนานก็ว่าได้
หลายปีนี้มีคนพูดว่าเขาเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้าใคร และมีคนพูดว่าเขาเลือดเย็น เพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นเช่นใดตัวของเหลยฮว่างหาได้สนใจไม่ เขารู้ว่าตนเองมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน กระทั่งว่าใกล้วิกฤต บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งใดที่ทำให้คนร้อนใจยิ่งกว่าความตายได้อีกเล่า? เมื่อนำมาเทียบกันแล้วทุกสิ่งล้วนหมองหม่นไร้สีสัน
ยามเช้าตรู่อากาศเย็นลง เขาตื่นขึ้นมาจากอาการไอปิ่มว่าจะขาดใจ เถี่ยเจี้ยนอันรีบประคองเขาแล้วพูดว่า ?คุณชาย ท่านยังไหวอยู่หรือไม่ขอรับ??
เหลยฮว่างส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง ?ไม่เป็นไร?
ต่อมายาขมฝาดชามหนึ่งก็ยกมาตรงหน้าเขา เขารับมาด้วยความจนใจ ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า ?เจี้ยนอัน หากเช้าตรู่ของวันใดเจ้าไม่ยกยามาคารวะยามเช้าได้ ข้าจะยิ่งดีใจกว่านี้นะ?
?คุณชายโปรดอภัยด้วยขอรับ? เฉกเช่นทุกเช้าตรู่หลังจากที่เขาบ่นแล้ว เถี่ยเจี้ยนอันก็จะตอบตามระเบียบกลับมา
เหลยฮว่างอดหัวเราะไม่ได้ ?ช่างเถอะ สถานการณ์ของเจ้าพิษผู้นั้นเป็นเช่นไร? เมื่อคืนเกิดความเคลื่อนไหวหรือไม่??
?ล่ามอยู่นอกกระโจมขอรับ คุณชายรอให้พระอาทิตย์ขึ้น หมอกสลายไปแล้วค่อยไปดูเพื่อมิให้กระทบความเย็นขอรับ?
เหลยฮว่างผงกศีรษะ ถือยาอันขมฝาดชามนั้นแล้วกลืนลงไปอย่างเงียบๆ จากนั้นรอคอยไปอีกหนึ่งเค่อ เมื่อดวงตะวันเจิดจ้าแล้วเขาจึงสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอก อาศัยแขนเถี่ยเจี้ยนอันช่วยประคองเดินออกไป
เขาพบว่าที่แท้เช้าตรู่ของวันนี้ผู้ที่ทรมานมากที่สุด ณ สถานที่แห่งนี้หาใช่ตัวเขาไม่ เซียวอู๋หลิงนอนตะแคงอยู่ข้างกองไฟที่ดับมอดไปแล้ว เขาสั่นเทาไปทั้งร่าง ใบหน้าปราศจากสีเลือด แม้แต่ริมฝีปากก็เป็นสีม่วงเขียว
เหลยฮว่างตกใจยกใหญ่ เข้าไปหาพร้อมตรวจชีพจร ?เจ้าพิษ เจ้าเป็นอะไร??
เซียวอู๋หลิงซึ่งกอดแขนทั้งสองข้างร่างกายสั่นเทาไม่หยุด ลืมตามองเขาพร้อมอมยิ้ม ถึงกระนั้นกลับไม่ตอบคำ
?หรือว่าจะถูกพิษ??
?ได้ยินมาว่าล้มป่วยนานจนกลายเป็นหมอ ...ใต้ ใต้เท้าเหลย เหตุใดถึงไม่ตั้งใจตรวจชีพจรดูเล่า?? ขณะที่เซียวอู๋หลิงเอ่ยวาจานั้นฟันก็กระทบกันไม่หยุด คล้ายหนาวจนถึงขั้วหัวใจ
เหลยฮว่างหันกลับมากล่าวกับเถี่ยเจี้ยนอัน ?ไปเอาผ้าห่มหนังสัตว์ผืนนั้นของข้าออกมาจากกระโจม?
เมื่อเถี่ยเจี้ยนอันรับคำแล้วจากไป เขาถึงตรวจชีพจรอย่างตั้งใจอีกครา
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
?เจ้าพิษ แม่ลูกกู่ทองภายในกายเจ้าเป็นผู้ใดที่ฝังลงไป?? ระหว่างที่เอ่ยวาจา เหลยฮว่างรับผ้าห่มมาจากมือของเถี่ยเจี้ยนอันแล้วห่อหุ้มให้เซียวอู๋หลิง
เซียวอู๋หลิงคล้ายมีอาการดีขึ้นเล็กน้อย เขาปิดตาพลางหอบหายใจ ?ตัวข้าเอง?
?ตัวเจ้าเอง??
?ใช้แล้ว เป็นข้าเอง?
?ใต้หล้านี้เหตุใดถึงมีคนโง่งมเช่นนี้ได้นะ?? เหลยฮว่างประหลาดใจ ?ลูกกู่แม่กู่ไม่มีวันพรากจากตลอดกาล ห่างจากแม่กู่ร้อยก้าวก็ราวกับจะจากตาย ห่างจากแม่กู่หนึ่งวันลูกกู่ก็จะทะลุออกมาจากลำไส้ เจ้าวรยุทธ์สูงส่ง แล้วเหตุใดถึงได้ยินยอมพร้อมใจกลืนของอัปมงคลเช่นนี้ลงไปได้? หรือว่าเป็นกฎลัทธิไร้ประมาณของพวกเจ้า??
เซียวฟางช้อนตาขึ้นมองเขาด้วยความยากลำบาก หัวเราะแล้วตอบว่า ?ใต้เท้าเหลย ทำไม ท่านยังดูไม่ออกอีกว่า แม่กู่นี้อยู่ในกำมือผู้ใด??
เหลยฮว่างครุ่นคิดอย่างถ้วนถี่ จากนั้นก็ยิ่งประหลาดใจ ?หรือว่าจะเป็นเสิ่นเฮ่า? นี่ นี่เจ้าทำเพื่ออะไรกันอีก??
เซียวฟางขดตัวจนเป็นก้อนกลมแน่นอยู่ใต้ผ้าห่ม
?คนพูดกันว่าลูกกู่ถูกควบคุมโดยแม่กู่ แม่กู่เป็นอาวุธ ลูกกู่เป็นตัวสั่งการ ทว่าหากมีผู้รู้จักใช้ แม่กู่จะไม่ถูกควบคุมโดยลูกกู่ได้อย่างไร? ผู้ที่รับแม่กู่ไปจะต้องทนรับการกะเกณฑ์ทุกสิ่ง จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกใช้งานไปจริงๆ?
เหลยฮว่างขมวดคิ้วยับย่นเองโดยธรรมชาติเพราะคำพูดชั่วร้ายซึ่งแฝงไว้ด้วยแผนการ
?เช่นนั้นเสิ่นเฮ่ารับแม่กู่เข้าไปหรือ??
?ฮ่า? เซียวฟางพลันหัวเราะออกมา ส่ายหน้าถอนหายใจก่อนเอ่ยด้วยความจนใจ ?นี่ก็คือข้อผิดพลาดจากทั้งแผนการของข้า เสิ่นเฮ่าไม่ได้รับแม่กู่เข้าไป ดังนั้นผู้ที่รับความทุกข์ยากลำบากย่อมมีเพียงข้าเท่านั้น แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี วันหลังไม่ต้องเป็นห่วง...? เขาตัดบทสนทนากะทันหัน
เซียวฟางหยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาอีก ?แน่นอนว่าใต้เท้าเหลย จิตใจท่านแจ่มชัดดุจกระจก หากผ่านไปอีกสักช่วงหนึ่งแล้วข้ายังไปไม่ถึงข้างกายเสิ่นเฮ่า ก็ต้องมอดม้วยเพราะโลหิตออกเจ็ดทวาร?
?ข้ายังสงสัยว่าเหตุใดเจ้าถึงยินยอมให้ความร่วมมือถูกจับกุมเช่นนี้ ที่แท้เจ้าก็มีแผนการล่วงหน้ามาตั้งแต่แรก? เสียงของเหลยฮว่างพลันเย็นเยียบ ?เพียงแต่มารร้ายเยี่ยงเจ้านี้แค่จับกุมมาได้ก็พอ เป็นตายไม่สน?
เซียวฟางหัวเราะร่าออกมาแล้ว ?ใต้เท้าเหลย คำกล่าวนี้ไม่ค่อยถูกต้องนัก คนแซ่เซียวคาดว่าท่านต้องส่งข้าไปเฟิงตูเพื่อพบเสิ่นเฮ่าอีกครั้งเป็นแน่ ด้วยเพราะมีเหตุผลหนึ่ง?
?ลองกล่าวมาให้ฟัง?
เซียวฟางกล่าวทีละคำออกมาว่า ?ฉยงซานหลางยังไม่ตาย?
เหลยฮว่างกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย ?เรื่องนี้ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว?
เซียวฟางกล่าวระคนหัวเราะงามเฉิดฉันขึ้นมาอีกครา ?ฉยงซานหลางลักพาตัวคนเกือบห้าสิบคนไปเป็นตัวประกัน คุมตัวไปยังเฟิงตู ซ้ำยังบีบบังคับผิงหนานอ๋องจนบัดนี้ต้องกลายเป็นหนึ่งในตัวประกันอีก ตอนนี้อยู่ในกลางป่าเขารกร้างห่างไกล ใต้เท้าเหลยย่อมมิอาจรับราชโองการได้แน่ หากเดินทางไปอีกสองวัน เมื่อถึงฉางอัน ต่อให้ใต้เท้าเหลยนำศพของข้าไปส่งมอบ แต่กลับพลาดโอกาสช่วยชีวิตท่านอ๋องจู นั่นเกรงว่าจะเป็นโทษตัดหัวนะขอรับ?
เหลยฮว่างมองเขาอยู่เนิ่นนาน จากนั้นพลันหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยว่า ?เจ้าพิษ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้ามีฐานะเป็นมือปราบแห่งกวนจง ย่อมต้องส่งเจ้าถึงข้างกายเสิ่นเฮ่าเพื่อมิให้เจ้าต้องจบชีวิตไปอยู่แล้ว?
เซียวฟางแบมือ ?น่าละอาย น่าละอาย กลับต้องให้ใต้เท้าเหลยคุ้มครองไปส่งตลอดเส้นทาง เซียวฟางรู้สึกละอายใจเสียจริง?
เหลยฮว่างเอ่ยว่า ?หากสามารถช่วยเหลือท่านอ๋องจูออกมาได้ก็จะเป็นผลงานชิ้นใหญ่อย่างหนึ่ง หากมีคำร้องขอ ข้าย่อมทำให้พึงพอใจอย่างเต็มที่แน่?
เซียวฟางคล้ายรอคอยประโยคนี้ของเขาอยู่พอดี ดังนั้นจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า ?ดี ในเมื่อใต้เท้าเหลยมีคำกล่าวเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเซียวฟางก็ไม่เกรงใจ?




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำสาปแช่งให้ปราศจากซากศพบนโคมประทีปหนังแพะ ตัวอักษรขนาดใหญ่สามคำบนซุ้มประตูที่เขียนด้วยโลหิตชุ่มโชกว่า...ถนนยมโลก หรือนี่จะเป็นยมโลกที่เล่าขานกันในยุทธภพ?
เพื่อช่วยเหลือเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นตัวประกันผู้บริสุทธิ์ให้พ้นจากนายแห่งยมโลก เสิ่นเฮ่านายบ่าวสองคนจึงรีบรุดไปเมืองผี ทว่าระหว่างทางกลับพบการขัดขวางอีกครา ทำให้ทั้งสองต้องแยกย้ายไปคนละทาง ตลอดมาพวกเขาต่างไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ วางแผนเพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่ยามแยกจากกันเสิ่นเฮ่ากลับตื่นรู้ขึ้นมาฉับพลัน... เมื่อใดนะที่เซียวฟางผู้สร้างความหวาดระแวงสงสัยแก่เขาอยู่เต็มอกกลับกลายเป็นผู้ที่เขายินยอมฝากฝังชีวิตไว้!?


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”