New Release BLY แปล : บ่าวมารร้อยเล่ห์ (เล่ม 1)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : บ่าวมารร้อยเล่ห์ (เล่ม 1)

โพสต์ โดย Gals »

บทที่หนึ่ง

ใต้หล้ามีของสี่อย่างที่ยากจะได้พบเห็น หากท่านได้เห็นแล้วก็หมายความว่าอยู่ไม่ไกลจากความตาย เนื่องจากผู้ที่ได้เห็นของเหล่านี้มีโอกาสรอดชีวิตน้อยยิ่งนัก
ของทั้งสี่อย่างนี้ก็คือ...
กระบี่ของเสิ่นเฮ่า
หัตถ์ของเซียวฟาง
โทสะของเซียวเหยาโหว
รอยยิ้มของรุ่ยจิงเทา

บัดนี้รุ่ยจิงเทาถูกคุมขังอยู่ใต้หอราตรีวายุพิรุณป้อมปราการของตระกูลรุ่ยมาเกือบแปดปี เซียวเหยาโหวเวินหรูอวี้กลับไปเร้นกายในเขตแดนเชินโจว จำศีลไม่ออกมา ของทั้งสี่ซึ่งลี้ลับที่สุดในใต้หล้านี้จึงเหลือเพียงสองอย่าง
เสิ่นเฮ่าและเซียวฟาง
หากวันหนึ่งกระบี่ของเสิ่นเฮ่าพบกับมือของเซียวฟางจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ
มีคนบอกว่านั่นจะต้องเป็นศึกอันดุเดือดแน่
ทั้งมีคนบอกว่าการนองเลือดจะต้องเกิดขึ้นอีกคำรบ ยุทธภพไม่มีวันสงบสุขไปตลอดกาล
มีคนหัวเราะพรวดออกมาอีกเช่นกัน เซียวฟางแห่งลัทธิมารไร้ประมาณเป็นเจ้าพิษเพียงหนึ่งเดียวในจงหยวน ผู้ใต้บังคับบัญชา สาวกในลัทธิหากไม่ถึงหนึ่งพันก็ต้องมีแปดร้อย เสิ่นเฮ่าก็เป็นแค่บุตรคนเล็กผู้ไม่เป็นที่รักซึ่งเกิดแต่อนุภรรยาในคฤหาสน์ตระกูลเสิ่นเท่านั้น แม้แต่คำเรียกขานว่าเป็นประมุขยุทธภพนั่นก็ยังมีสถานะประดุจเป็นเรื่องน่าขบขัน ต่อให้กระบี่ของเขาเป็นหนึ่งในใต้หล้าแล้วจะอย่างไรกันเล่า กระบี่หนึ่งเล่มกับคนหนึ่งพันคน การแพ้ชนะย่อมเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว
ทว่าต่อให้เล่าเรื่องนี้ยามว่างหลังดื่มชารับประทานอาหารจนบุปผาหลั่งไหลจากนภา ก็ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นในปัจจุบันนี้ได้
?ประมุขเสิ่น? เซียวฟางคุกเข่าทั้งสองข้างอยู่กับพื้น สองมือหมอบกราบกราน โขกศีรษะด้วยความเคารพนบนอบคราหนึ่ง
เขาเงยศีรษะขึ้นมาพร้อมกล่าวระคนหัวเราะว่า ?ขอให้ประมุขเสิ่นรับเซียวฟางเป็นบ่าวด้วยเถิด?

*******

ร้านค้าตระกูลเสิ่นตะวันตกเฉียงเหนือ ป้อมตระกูลรุ่ยตะวันออกเฉียงใต้
ตระกูลเสิ่นแห่งแคว้นสู่เป็นตระกูลใหญ่ในยุทธภพที่สูสีกับป้อมปราการตระกูลรุ่ย
เดิมทีตระกูลเสิ่นถือเป็นตระกูลผู้มีอำนาจในยุทธภพ มิใช่เพราะวรยุทธ์แต่เป็นเพราะสถานะทางการเงิน ตระกูลเสิ่นทั้งหมดให้กำเนิดบัณฑิตหลวงถึงสามคน เปิดกิจการร้านค้าใหญ่น้อยในจงหยวนถึงยี่สิบกว่าสาขา นอกจากนี้เนื่องจากเส้นสายทางราชการจึงได้คุมภาษีชาในแคว้นสู่ ในตำราศัสตราวุธของยุทธภพนั้นกระบี่ชิงอวิ๋น ของตระกูลเสิ่นทะยานขึ้นสู่อันดับที่ยี่สิบ
เงินตรา อำนาจ เกียรติยศ
ตระกูลเสิ่นล้วนครอบครองทั้งสิ้น ครั้นถึงยุคของเสิ่นเฮ่าผู้นี้ตระกูลเสิ่นก็ยิ่งถึงจุดสูงสุด
ส่วนสถานะของเสิ่นเฮ่านั้นถือว่าค่อนข้างน่ากระอักกระอ่วนใจ
เขาเป็นบุตรคนเล็กซึ่งเกิดแต่อนุภรรยาคนที่สามของตระกูลเสิ่นรุ่นที่สิบเจ็ด คล้ายถูกหมางเมินโดยสิ้นเชิงมาตั้งแต่เล็ก ภายในตระกูลเสิ่นตั้งแต่เบื้องบนจรดเบื้องล่างไม่มีผู้ใดฝากความหวังไว้ที่เขา แม้แต่บิดาแซ่เสิ่นเองก็ยังไม่เคยสอนเพลงกระบี่ชิงอวิ๋นให้เขาอย่างจริงจัง
ทว่าคนผู้นี้นี่ละที่ประชันความสูงต่ำกับอดีตประมุขยุทธภพในงานชุมนุมยุทธภพเมื่อหนึ่งปีก่อน จากนั้นก็แย่งชิงตำแหน่งประมุขยุทธภพมาได้อย่างเหนือความคาดหมาย
เพียงแต่ประมุขยุทธภพนั้นมันคือตำแหน่งอันใดกันแน่
เจ้าบ้านตระกูลเสิ่นท่านปู่ของเสิ่นเฮ่า เสิ่นซานเหอ ครานั้นชี้ไปที่จมูกเขาพร้อมกล่าวว่า ?ประมุขยุทธภพมันคือตัวอะไรกัน? มันก็แค่ข้ารับใช้ที่คอยทำธุระกระดิกหางให้กับทุกตระกูลในยุทธภพเท่านั้นเอง! แล้วจะเป็นไปทำไมกัน? ตระกูลเสิ่นของข้าไม่เลี้ยงคนเช่นนี้?
ณ งานชุมนุม เหล่าผู้กล้าต่างโกรธเกรี้ยวโกรธา ภายใต้ความปั่นป่วน ฉากการสู้นองเลือดคล้ายยากจะหลีกเลี่ยง
เสิ่นเฮ่ากลับมีสีหน้าสงบนิ่ง ขวางเหล่าผู้กล้าไว้เบื้องหลัง จากนั้นโค้งคำนับเสิ่นซานเหอพร้อมกล่าวว่า ?ตั้งแต่เด็กหลานมีความปรารถนาอย่างหนึ่ง นั่นก็คือช่วยเหลือใต้หล้า ขจัดความชั่วร้าย ใช้คุณธรรมรักษาความสงบสุขของยุทธภพ มิให้มีการหลั่งเลือดหลั่งน้ำตาอีก ความกังวลของท่านปู่ก็เพียงแค่กลัวว่าหลานทำงานตรากตรำมากเกินไป เกรงว่าตระกูลเสิ่นจะแบกรับความหวังของทุกคนไม่ไหว แต่ขอท่านปู่โปรดวางใจเถอะขอรับ เสิ่นเฮ่ารู้สถานะของตัวเองในตระกูลเสิ่นดี ไม่มีวันให้เรื่องราวจุกจิกในยุทธภพมารบกวนท่านได้แน่ ขอท่านปู่โปรดทำให้ความจริงใจนี้ของหลานเป็นจริงด้วยเถิดขอรับ?
คำกล่าวนี้ช่างหมดจดงดงามยิ่งนัก
เมื่อทุกคนฟังจบต่างรู้สึกว่าเสิ่นเฮ่าช่างเป็นผู้มีคุณธรรมเสียจริง ดังนั้นเลยไม่ถือสาหาความอีกต่อไป ส่วนเสิ่นซานเหอครั้นได้ฟังก็รู้ว่าหลานชายผู้นี้ภายหน้าจะไม่มีวันนำความยุ่งยากมากองไว้หน้าประตูบ้านตนเป็นแน่แท้ จึงไม่อาจพูดจามากความอะไรได้อีก
ด้วยเหตุนี้หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา แม้เสิ่นเฮ่าจะเป็นประมุขยุทธภพที่ถูกกล่าวชื่นชมอยู่ภายนอก ทว่าพอกลับมาถึงบ้านก็ยังคงเป็นบุตรคนเล็กซึ่งเกิดแต่อนุภรรยาคนที่สามของรุ่นที่สิบเจ็ดผู้ไม่เป็นที่โปรดปรานของตระกูลเสิ่นอยู่ดี บ้านที่อาศัยอยู่ไม่เคยโยกย้ายมาก่อน ยังเป็นเรือนรองอันรกร้างห่างไกลซึ่งอยู่ติดกับหมู่ตึกด้านหลังของหมู่ตึกตระกูลเสิ่นดังเดิม เพียงแต่กำแพงที่รายล้อมนั้นได้เปิดประตูใหญ่ไว้บานหนึ่ง นับแต่นี้การสะสางธุระปะปังต่างๆ ของประมุขยุทธภพก็ให้เข้าออก ณ ที่แห่งนี้
ขณะที่เฉลิมฉลองปีใหม่นั้นเสิ่นเฮ่าดื่มมากขึ้นเป็นสองเท่าจึงบังเกิดความสุนทรีย์ขึ้นมา เขาโบกสะบัดพู่กันใหญ่เขียนโคลงคู่ออกมาบทหนึ่งแล้วนำไปแขวนไว้
วรรคแรกกล่าวว่า ?นั่งสงบนิ่งในห้องหับอันซอมซ่อร่ำสุราหนึ่งจอกเพื่อคลายแค้นใหม่แลชังเก่า?
วรรคท้ายคือ ?บางครั้งคราวประสานสองมือผูกมิตรเก่าแลสหายใหม่ในยุทธภพด้วยยินดี?
ส่วนประโยคที่ขวางอยู่กึ่งกลางก็คือ ?เรือนเฮ่าหราน?
เสิ่นเฮ่ารจนาถ้อยคำยอดเยี่ยม ทรงพลังและฉวัดเฉวียน ปล่อยตัวปล่อยใจไม่ยึดติด ใช้กระบี่เดินพลังลมปราณ สมกับที่เป็นผู้สืบทอดอย่างแท้จริงจากต้นตระกูลเสิ่น ไม่ว่าผู้ใดที่เดินมา ณ สถานที่แห่งนี้ก็ต้องมองดูถึงสองครา
?เรือนเฮ่าหราน? ต้นวสันต์ได้ไม่นานก็มีบุรุษสวมชุดหลวมกว้างสีแดงสด สองมือประสานอยู่ในแขนเสื้อผู้หนึ่ง แหงนหน้ามองคำสามคำนั้นพร้อมท่องพึมพำออกมาเบาๆ ครั้งหนึ่ง
เขาพลันเลิกชายชุดเบาๆ จากนั้นเดินก้าวเข้าประตูใหญ่พร้อมเคาะอีกสองที
ไม่นานนักก็มีคนเปิดประตู
?ท่านผู้นี้คือ...? บุรุษหนุ่มที่ดูฉลาดเฉลียวเอาการเอางานด้านในมองประเมินเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าคำรบหนึ่ง ?ท่านมาหาผู้ใดหรือ??
?อ้อ? คนผู้นั้นสอดประสานแขนเสื้อ โค้งคำนับพร้อมยิ้มตาหยี ไฝน้ำตาบริเวณหางตาซ้ายสั่นระริก กอปรด้วยความมีเสน่ห์อยู่หลายส่วน ?ผู้น้อยเซียวฟาง ขอพบประมุขยุทธภพเสิ่น เสิ่นเฮ่า?
?เซียวฟาง?? อีกฝ่ายพลันสีหน้าแปรเปลี่ยน ?ท่านบอกว่าท่านชื่อเซียวฟาง??
เซียวฟางยิ้มแย้ม ?ใช่แล้ว?
?เซียวฟางแห่งลัทธิมารไร้ประมาณ เจ้าแห่งพิษหนึ่งในเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ผู้นั้น??
เซียวฟางยิ้มตาหยีพลางผงกศีรษะ ?ก็คือผู้น้อย?
ประตูใหญ่ตรงหน้าปิดเสียงดัง ?ปัง?
เซียวฟางเอนคอด้วยความประหลาดใจ ?ชื่อของผู้น้อยมันน่ากลัวมากขนาดนี้เชียวหรือ??
?พี่ใหญ่! พี่ใหญ่!? ต้วนเสียวหั่ววิ่งห้อตะบึงเข้ามาในตัวตึกด้วยสภาพหอบหายใจไม่ทัน ?พี่ใหญ่! แย่แล้ว!?
?เป็นอะไรไป?? เสิ่นเฮ่ากำลังถือตำราชุนชิวอ่านอยู่ ไม่รีบร้อน ปิดตำราแล้วถึงค่อยเงยหน้าขึ้นมาพร้อมเอ่ยถามว่า ?ดูจากท่าทางของเจ้า ในคฤหาสน์ไฟไหม้หรือ??
?เฮ้อ! ยังน่ากลัวยิ่งกว่าไฟไหม้อีกนะขอรับ!? ต้วนเสียวหั่วสีหน้าแปรเปลี่ยน ?ท่านทราบหรือไม่ เซียวฟาง! เจ้าพิษเซียวฟางมาแล้ว!?
วันนี้ถังเค่อไม่อยูในคฤหาสน์ออกไปทำธุระข้างนอก ปราศจากนักวางกลยุทธ์อยู่ข้างกาย
เสิ่นเฮ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปว่า ?เชิญเขาไปยังห้องโถง ยกน้ำชา?
เขาไม่แยแสสายตาร้อนรนของต้วนเสียวหั่ว เสิ่นเฮ่าเปลี่ยนอาภรณ์ จากนั้นเดินไปยังห้องโถงด้านหน้า เรือนรองของเขานี้พิถีพิถันยิ่งนัก เดินไปถึงโถงด้านหน้าเพียงไม่กี่ก้าว เมื่อแหวกม่านดูก็พบว่าบุรุษสวมชุดหรูหราสีแดงผู้หนึ่งกำลังหันหลังให้เขาพร้อมชื่นชมภาพเขียนพู่กันบนผนัง ครั้นเสิ่นเฮ่าหยุดท่าร่างอีกฝ่ายก็ขยับตัวแล้ว เขาหันหน้ามาพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ ?ท่านประมุขมาแล้วใช่หรือไม่??
เสิ่นเฮ่าตกใจเล็กน้อย
เมื่อครู่เขาซุกซ่อนลมหายใจแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังถูกเซียวฟางลอบพบอยู่ดี กล่าวกันว่าเซียวฟางเป็นผู้ที่ฝึกฝนกังฟูได้เหนือล้ำที่สุดในลัทธิไร้ประมาณ จริงดั่งที่ว่าไม่มีผิด
เสิ่นเฮ่ารีบหมุนตัวออกมาจากฉากบังลม ประสานมือคารวะพร้อมเอ่ยว่า ?ก็คือตัวข้าเอง?
เซียวฟางใบหน้ายิ้มแย้ม ค่อยๆ เดินเยื้องย่างสองก้าวมาตรงหน้าเขาพร้อมมองประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง ?ประมุขเสิ่น อยากทราบหรือไม่ว่าเหตุใดผู้น้อยถึงมาที่นี่??
?เพราะเหตุใด?? เสิ่นเฮ่าเอ่ยถามตามคำพูดของเขา
ไม่นึกว่าเซียวฟางจะยกแขนเสื้อขึ้นปิดใบหน้าพร้อมส่งเสียงหัวเราะพรวดออกมาสองครา ?ท่านเดาดูสิ?
?เดาไม่ออก? เสิ่นเฮ่ากล่าวด้วยสีหน้าปกติ
?ประมุขเสิ่น หากผู้น้อยยินดีอยู่หน้าอานหลังอาชา ตามปรนนิบัติซ้ายและขวา ท่านจะรับผู้น้อยเป็นบ่าวได้หรือไม่??
เสิ่นเฮ่านึกว่าตนฟังอะไรผิดไปชั่วขณะ ดังนั้นจึงมองไปยังเซียวฟาง ส่วนเซียวฟางก็กำลังยิ้มแย้มมองดูเขาอยู่พร้อมเอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า ?ผู้น้อยจะได้รับเกียรติแต่งตั้งท่านให้เป็นนายหรือไม่ขอรับ??
?คุณชายเซียวกำลังกล่าวล้อเล่นหรือ??
?ประมุขเสิ่น ท่านเห็นว่าข้าคล้ายกล่าวล้อเล่นที่ไหนกัน?? เซียวฟางถามย้อนกลับ
?ท่านมีฐานะเป็นเจ้าพิษแห่งลัทธิมาร เข้าจงหยวนมายังสถานที่พำนักของประมุขยุทธภพเพื่อพูดเรื่องยอมลดตัวมาเป็นบ่าวรับใช้ของข้า มีตรงไหนที่ไม่เหมือนการพูดล้อเล่นกัน? คุณชายเซียว ตัวข้าเกรงว่าไม่อาจจะรับได้? เสิ่นเฮ่ายังคงมีสีหน้าปกติ ปราศจากความประหลาดใจแม้แต่น้อย ส่วนเซียวฟางที่อยู่ทางนี้พอเห็นแล้วก็อดนับถือเขาขึ้นมาไม่ได้
?ท่านประมุข ท่านอย่ารีบปฏิเสธไปก่อนเลยขอรับ ข้ามาเพื่ออยากจะถามท่าน?
?เชิญถามมาได้?
?นับตั้งแต่ท่านดำรงตำแหน่งประมุขยุทธภพ ยุทธภพจงหยวนมีคดีสะเทือนขวัญฆ่าล้างสำนักมากเท่าใด??
?หนึ่งปีสามครั้ง?
?เกิดการรวมตัวก่อศึกนองเลือดขึ้นกี่ครั้ง??
?ช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงมียี่สิบสามครั้ง ส่วนช่วงอื่นๆ เมื่อบวกไปแล้วก็รวมได้ห้าสิบหกครั้ง ระหว่างนี้มีผู้บาดเจ็บล้มตายสองร้อยเจ็ดสิบสองคน?
?ท่านประมุขมีผู้ใต้บังคับบัญชากี่คน? แต่ละคนมีตำแหน่งอะไรบ้าง??
?กุนซือถังเค่อ อาจารย์สอนวิชาการต่อสู้ฮั่วโหย่วอวี๋ ต้วนเสียวหั่ว ในคฤหาสน์รวมแล้วมีไม่ถึงห้าสิบคนกระมัง?
รอยยิ้มบนใบหน้าเซียวฟางเบ่งบานมากยิ่งขึ้น ?ยุทธภพมีภัยร้ายใหญ่น้อยเกิดขึ้นไม่ขาดสาย ทว่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่เก่งกล้าสามารถกลับมีน้อยอย่างน่าประหลาด เช่นนั้นขอเรียนถามว่าเหตุใดท่านประมุขถึงต้องการเป็นประมุขยุทธภพที่แสนจะสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงและไม่เคยได้รับอะไรกลับคืนมา ทั้งยังต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเช่นนี้อีกเล่า??
เสิ่นเฮ่าสีหน้าสงบนิ่ง เพียงมองเขาแวบเดียวก่อนตอบกลับว่า ?ข้าเคยพูดในงานชุมนุมยุทธภพว่าจะช่วยเหลือใต้หล้า กำจัดความชั่วร้าย ใช้คุณธรรมรักษาความสงบสุขของยุทธภพ มิให้มีการหลั่งเลือดหลั่งน้ำตาอีก?
?จริงหรือ?? เซียวฟางพลันเอ่ยถามขึ้นมา ?ประมุขเสิ่น ท่านคิดเช่นนี้จริงหรือ??
?ใช่แล้ว?
?เสิ่นเฮ่า การที่ผู้อื่นไม่เข้าใจท่านนั้นมิใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย? เซียวฟางก้าวมาข้างหน้าพร้อมพูดเสียงต่ำ ?แต่ข้ากลับเข้าใจ ท่านต้องการให้ยุทธภพแห่งนี้เป็นยุทธภพของท่าน ท่านต้องการแผ่นดินนี้ที่แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องยอมให้ท่านสามส่วน ไม่ให้มีผู้ใดมาดูหมิ่นท่านเช่นท่านปู่ของท่านอีก ท่านไม่ได้ต้องการยึดครองยุทธภพ?
เสิ่นเฮ่าตกใจแต่ไม่แสดงออกมา เพียงค่อยๆ นั่งลงโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาเท่านั้น
เซียวฟางเดินไปข้างหน้าสองก้าว เขาแผ่กลิ่นอายรางเลือนอย่างหนึ่งออกมาทั่วสรรพางค์กาย ท่าทางทั้งประจบประแจงทั้งต่ำต้อย ประหนึ่งข้าทาสบริวารผู้ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดเบื้องหน้าพญามาร เขาค้อมเอวลงแล้วพูดเสียงต่ำต่อไปว่า ?ประมุขเสิ่น มีเพียงข้าที่เข้าใจ มีเพียงข้าที่กล้าทำเรื่องสกปรกชั่วช้าที่คนข้างกายไม่อาจทำให้ท่านได้ ทั้งไม่เลือกวิธีการและไม่เสียใจภายหลังอีกด้วย?
เสิ่นเฮ่าเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย ยิ้มอย่างเชื่องช้าเพียงยกมุมปากขึ้น ท่าทางเย็นชาเหลือล้น ?อ้อ? ท่านทำสิ่งใดได้บ้าง??
?ขอเพียงท่านรับข้าเป็นบ่าว อนุญาตให้ข้าติดตามท่าน พรุ่งนี้เช้าศีรษะของประมุขชิงเฉิง เทียนซาน หัวซานทั้งสามสำนัก ข้าน้อยจะเป็นผู้นำมาประเคนให้เพื่อเป็นการแสดงความนับถือขอรับ? เซียวฟางตอบ
เสิ่นเฮ่าใช้มือเกยคาง นิ้วมือค่อยๆ เคาะผิวโต๊ะ มองเซียวฟางซึ่งกำลังโค้งตัวยืนอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า
คนผู้นั้นรูปร่างสูงสง่า ทั้งยังมีท่าทางประจบประแจง รอยยิ้มชั่วร้ายไม่ทราบความนัยปรากฏอยู่เต็มใบหน้าประดุจอสรพิษที่เจ้าเล่ห์เพทุบายมากที่สุด การรับปากตกลงนั้นเปี่ยมล้นด้วยความเย้ายวนใจ คล้ายเพียงขยับมือก็ได้มันมา
?ประมุขเสิ่น? เซียวฟางร้องเรียกคราหนึ่ง จากนั้นจึงเลิกชุดยาวขึ้นพร้อมคุกเข่าลงไปแล้วพูดว่า ?ขอให้ท่านโปรดรับเซียวฟางเป็นบ่าวด้วยเถิด?
เสิ่นเฮ่าซึ่งนั่งอยู่เบื้องบนกลับปราศจากท่าทีที่จะรั้งเขาไม่ให้คุกเข่า ปล่อยให้เขาคุกเข่าโขกศีรษะตามสบาย หลังจากผ่านไปเนิ่นนานถึงเอ่ยออกมาว่า ?คุณชายเซียวลุกขึ้นเถิด คำขอร้องที่เหลวไหลเช่นนี้ขออภัยที่ข้ามิอาจรับได้?
เขายกป้านน้ำชาขึ้นมา ต้วนเสียวหั่วมาร้องเรียกอยู่ด้านนอกได้เวลาพอเหมาะพอดี ?เด็กๆ ส่งแขก?
เซียวฟางลุกขึ้นด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม เขาไม่พูดจาให้มากความทว่ากลับโค้งคำนับแล้วถอยหลังออกนอกประตูไป ยังคงกระทำว่าตนเองเป็นชนชั้นที่ต่ำต้อยกว่าเสิ่นเฮ่าขั้นหนึ่ง
?คนผู้นี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริง!? ต้วนเสียวหั่วงุนงงสงสัย
เสิ่นเฮ่ากลับเพียงยกป้านน้ำชาขึ้นมาโดยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวราวกับขบคิดอะไรอยู่

ประตูใหญ่ของเรือนเฮ่าหรานปิดอยู่เบื้องหน้าเซียวฟาง
เขาจัดแจงอาภรณ์พร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆ คราหนึ่ง รถม้าหรูหราซึ่งมีอาชาสีนิลเทียมอยู่แปดตัวกำลังรอคอยเขาอยู่บนถนน เมื่อเขากระโดดขึ้นไปสารถีก็ดึงสายบังเหียนม้าแล้วห้อตะบึงออกไป
?ท่านประมุข เป็นเช่นไรบ้างขอรับ?? ไม่รู้ว่าเมื่อใดภายในรถม้ามีคนชุดดำปรากฏอยู่เบื้องหน้าเซียวฟาง เซียวฟางซึ่งเดิมทีหลับตาอยู่ คราวนี้กลับเริ่มหงุดหงิดรำคาญขึ้นมา
?บอกแล้วว่าไม่ให้พวกเจ้าติดตามข้า?
?ท่านประมุขจะเป็นท่านประมุขของข้าตลอดไปขอรับ?
?ข้าทิ้งคทาเจ้าพิษไปแล้ว ตราประทับก็หายไปแล้ว ทำไมถึงยังเรียกข้าว่าท่านประมุขอีก? เซียวฟางกล่าวด้วยสีหน้ารำคาญ ?ตัวข้าใกล้จะเป็นบ่าวแล้ว พวกเจ้าหลบลี้หนีหน้าไปเสียดีกว่า เพื่อไม่ให้สถานะของพวกเจ้าตกต่ำลง?
คนชุดดำซึ่งก้มหน้าคุกเข่าอยู่กับพื้นกล่าวเสียงต่ำว่า ?ท่านประมุขต้องการรับใช้ข้างกายเสิ่นเฮ่าจริงหรือขอรับ??
?ถูกต้อง!?
?แต่เมื่อครู่เสิ่นเฮ่าปฏิเสธไปแล้วนะขอรับ? คนชุดดำกล่าว
เซียวฟางพลันหัวเราะออกมา ?หึ เล่าปี่ยังต้องเยี่ยมเยียนกระท่อมถึงสามครา หรือว่าข้าจะไปขอสามคราเพื่อเป็นบ่าวไม่ได้??

นับตั้งแต่วันที่สามเดือนสามเป็นต้นมา ภายในเขตแดนปาสู่ ไม่สงบสุขอย่างเห็นได้ชัด
ผู้ไปๆ มาๆ ภายในคฤหาสน์เสิ่นเฮ่าก็มีอยู่ไม่กี่คน ทุกคนต่างรับมือกันอย่างเหน็ดเหนื่อย ฮั่วโหย่วอวี๋กับต้วนเสียวหั่วยังคงติดต่อผ่านนกพิราบสื่อสารที่ส่งออกมา ส่วนถังเค่อนั้นกลับมาจากเส้นทางน้ำในวันที่สาม
?เหตุการณ์เป็นเช่นไรกันแน่?? ถังเค่อยังไม่ทันนั่งลงเพื่อจิบน้ำเสิ่นเฮ่าก็เข้ามาไต่ถามแล้ว ถังเค่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมตอบว่า ?เกรงว่าจะมีโจร?
?โจรประเภทไหน??
?โจรที่มิใช่โจร?
?ลองพูดมาให้ฟังทีสิ?
?ทุกคนต่างรู้ดี เส้นทางออกจากแคว้นสู่นั้นเส้นทางน้ำรวดเร็วที่สุด พ่อค้าในแคว้นสู่ส่วนใหญ่ใช้เส้นทางสายนี้เพื่อขนส่งสินค้าไปมา เมื่อสิบวันก่อนสินค้าที่ขนส่งโดยสำนักคุ้มภัยตระกูลไป๋แห่งแคว้นสู่ถูกปล้นทางน้ำ ตัวท่านมีธุระไม่อาจไปได้ ดังนั้นข้าจึงส่งคนไปตรวจสอบการปล้นสะดม ทั่วทั้งสถานที่เกิดเหตุหมดจด ผู้คุ้มภัยเสียชีวิตทั้งหมด ปราศจากผู้รอดชีวิต ผู้กระทำความผิดฝีมือรวบรัด จะต้องเตรียมการมาล่วงหน้าเป็นแน่แท้ ข้าคาดว่าหากเป็นโจรธรรมดาทั่วไปจะต้องรีบปล่อยของเหล่านี้ให้หลุดจากมือ ดังนั้นเลยสั่งให้คนตรวจสอบในตำบลใกล้เคียง แต่กลับไม่พบว่ามีคนเทขายเลยขอรับ? เดิมทีถังเค่อก็เป็นกุนซือของเสิ่นเฮ่าอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวต่างๆ จึงกล่าวอย่างมีเหตุและผล มีมุมมองอย่างยิ่ง
?อืม เพราะเหตุนี้จึงเป็นโจรแต่มิใช่โจร? เสิ่นเฮ่าผงกศีรษะ ?มีเรื่องอื่นเกิดขึ้นอีกหรือไม่??
?โจรพวกนี้โจมตีเรือที่เป็นของตระกูลใหญ่ในยุทธภพ หรือไม่ก็สำนักคุ้มภัยของแคว้นสู่เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ส่วนใหญ่เลยเป็นคนในยุทธภพ ที่ดูเหมือนคนธรรมดาน้อยนักที่ถูกปล้นสะดม ดังนั้นจึงเกี่ยวข้องกับยุทธภพอย่างยิ่งขอรับ?
?นั่นก็แปลก? เสิ่นเฮ่าผงกศีรษะ ?ถังเค่อ เจ้าจงตามสืบต่อไป?
?ขอรับ ท่านประมุข?




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สัญญาทาสสามปี จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ขอเพียงทำตามคำขอเล็กๆ ของบ่าวข้อหนึ่ง...
จู่ๆ เซียวฟางเจ้าพิษแห่งลัทธิมารมาเยือนประมุขยุทธภพเสิ่นเฮ่าพร้อมกับเสนอตัวเป็นบ่าว ยินดีกระทำเรื่องสกปรกที่คนข้างกายเสิ่นเฮ่ามิกล้าทำโดยไม่เลือกวิธีการ! สัญญาขายตัวจึงปรากฏผ่านกระดาษขาวอักษรดำ นับแต่บัดนี้จะขอถือเสิ่นเฮ่าเป็นนาย ...ทว่าในโลกนี้มีเรื่องได้เปรียบถึงเพียงนี้จริงหรือ? เซียวฟางประหนึ่งข้าทาสบริวารผู้ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดเบื้องหน้าพญามาร ชั่วร้ายพราวเสน่ห์น่าลุ่มหลง วาจาแต่ละประโยคทั้งประจบประแจงและต่ำต้อย ยั่วเย้ากระเซ้าหัวใจของเสิ่นเฮ่าให้ต้องปั่นป่วนคลอนแคลน...


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”