New Release : โรเซนครอยส์ ภาค แผนร้ายของเซอร์อินทรีดำ เล่ม11

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : โรเซนครอยส์ ภาค แผนร้ายของเซอร์อินทรีดำ เล่ม11

โพสต์ โดย Gals »

โรเซนครอยส์
เรื่องราวที่ผ่านมา

1 เซซิล จอมโจรโรเซนครอยส์แต่งงานกับออสการ์ ผู้สำเร็จราชการแห่งอากิแตนแทนน้องสาวต่างบิดาที่โดนลอบสังหารโดยปิดบังเพศที่แท้จริง เซซิลสงสัยว่าออสการ์คือตัวการที่ลอบสังหาร แต่ทั้งสองกลับค่อยๆ หลงรักกันและกันทีละน้อย หลังจากผ่านบททดสอบมากมาย ในที่สุดทั้งสองก็ผูกพันกันด้วยใจและสาบานรักนิรันดร์

2 ผู้ที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าทั้งสองอยู่เสมอคืออาร์มอง ศัตรูคู่แค้น เขาเคยเป็นสหายของออสการ์ แต่กลับหักหลังออสการ์และหนีไปอัลเบียน ไฟแห่งความทะเยอทะยานของเขาลุกโชนเรื่อยมา หนำซ้ำอาร์มองยังมีใจยึดติดอันซับซ้อนต่อออสการ์ มือมารที่วางแผนร้ายจึงยื่นเข้าหาออสการ์กับเซซิลไม่เคยขาด

3 เซซิลโดนแผนการของอาร์มองลากเข้าหาวิกฤตอยู่เนืองๆ ครั้งหนึ่ง วันเดอริส เจ้าชายแห่งอัลเบียนบีบให้เซซิลแต่งงานด้วยเพื่อแลกกับชีวิตของออสการ์ อีกครั้งหนึ่ง เซซิลสูญเสียความทรงจำเข้าไปอยู่ในฮาเร็มของสุลต่านแห่งจักรวรรดินาเซลดาราน.... แต่เซซิลก็ฟันฝ่าขวากหนามร่วมกับออสการ์มาได้ทุกครั้งไป

4 แต่แล้ว แผนร้ายฉากใหญ่ของอาร์มองก็เปิดม่าน เซซิล ออสการ์ อาร์มอง.... ความสัมพันธ์ของทั้งสามเริ่มเคลื่อนไหว การตัดสินครั้งสุดท้ายใกล้เข้ามา ความทะเยอทะยานครั้งสุดท้ายของอาร์มองผู้สืบสายเลือดของกษัตริย์แห่งอากิแตน....นั่นคือการคว้าบัลลังก์อากิแตนมาครอง เพื่อการนั้นแล้ว เขาได้วางแผนลอบสังหารมหาราชแห่งรุสซีเพื่อสร้างความโกลาหลในทวีป ก่อนจะมุ่งหน้าไปหาสุลต่านแห่งนาเซลดารานอย่างลับๆ

5 ฟาลซาด สุลต่านหนุ่มนำทหารมากมายกรีธาทัพเข้าประชิดชายแดนฟาเลนตามคำเชื้อเชิญของอาร์มอง เซซิลพยายามยับยั้งสงคราม แม้จะหวั่นไหวไปกับฟาลซาดที่ยังไม่ตัดใจจากตน

6 เรื่องที่การรุกรานของนาเซลดารานเป็นหนึ่งในแผนร้ายของอาร์มองค่อยๆ ปรากฏชัด ทัพนาเซลดารานล่าถอยไป แต่เจ้าชายวันเดอริสที่โดนชักใยโดยอาร์มองและทหารอัลเบียนก็เข้าโจมตีเมืองหลวงโดยอาศัยช่องโหว่ที่ออสการ์นำทัพพันธมิตรออกห่าง กษัตริย์เรอเน่ผู้เยาว์วัยตกเป็นตัวประกัน ขณะเดียวกันนั้น อาร์มองก็ทำสัญญาลับกับมกุฎราชกุมารแห่งฟาเลนและลอบสังหารจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ทัพฟาเลนที่ฉีกสัญญาพันธมิตรกับอากิแตนเข้าเล่นงานพวกออสการ์จากด้านหลัง!!





บทที่ 1

เสียงปืนดังปะปนกับเสียงโลหะกระทบซึ่งเกิดจากดาบและหอก เสียงหวีดแหลมของอาชา เสียงเกือกไม่เป็นจังหวะ เสียงตวาด และเสียงกรีดร้องของเหล่าทหาร
ณ ทะเลป่าบาวมุซ กองทัพอากิแตนกำลังตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่
แม้เป็นกองทัพอันหาญกล้าซึ่งนำโดยดยุคมงฟอรต์ ผู้สำเร็จราชการแห่งอากิแตน แต่เมื่อโดนจู่โจมกะทันหันก็ย่อมไม่มีทางรับมือได้ทันท่วงที
?ทำไมทัพฟาเลนถึงเล่นงานพวกเรา!?
?พวกนั้นเป็นมิตรไม่ใช่รึ!??
เหล่าทหารพากันตะโกนก้อง สมควรแล้วที่จะสับสน พวกเขาเดินทัพมายังฟาเลนในฐานะพันธมิตร และเพิ่งร่วมกันขับไล่กองทัพนาเซลดารานที่รุกรานเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางฟาเลนยังกล่าวขอบคุณพวกเขาอยู่หยกๆ ไม่มีเหตุผลที่ต้องใช้วิธีขี้ขลาดตลบหลังกันโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้เลยสักนิด
?ใจเย็นไว้!?
?อย่าแตกแถว!?
นายทหารออกคำสั่ง หมายจะให้พลทหารอยู่ในระเบียบ แต่กลับไม่มีผู้ใดรับฟัง
?หน็อย! กองทหารแห่งอากิแตนอันทรงเกียรติสภาพดูไม่ได้อะไรอย่างนี้! แตกตื่นกับเรื่องขี้ประติ๋ว....?
เสียงผู้บัญชาการคำรามก้องเพื่อบรรเทาความหวาดกลัวและสร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารนั้นเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในสนามรบ ทว่าเสียงของนายพลหน้าหนวดวัยกลางคนกลับชะงักลงกลางคัน ใบหน้าแข็งค้างไปทั้งที่ยังฉาบด้วยโทสะ ร่างบนหลังม้าล้มโครมสู่พื้นโคลน ปรากฏรอยกระสุนลูกหนึ่งอยู่บนแผ่นหลัง แม้ไม่รู้ว่าโดนเล็งยิง หรือเพียงแค่ถูกลูกหลง แต่กระสุนลูกนี้ก็ช่วงชิงชีวิตของเขาไปแล้วแน่แท้
การที่ผู้บัญชาการโดนเล่นงานทำให้เหล่าทหารโดยรอบตื่นตระหนกยิ่งขึ้น ต่างพากันหนีไปคนละทิศทางโดยไม่อาจคิดรั้งรอต่อสู้อยู่ที่ตรงนั้นได้อีก
?ห้ามหนี! จงต่อสู้! กล้าดียังไงถึงทำตัวน่าสมเพชต่อหน้าท่านผู้สำเร็จราชการ!?
?ไม่เป็นไร ประกาศถอยทัพกับทุกคนซะ?
?ท่านผู้สำเร็จราชการ!?
นายพลวัยหนุ่มที่ตะโกนเมื่อครู่ตกใจกับคำสั่งของออสการ์ก่อนจะเอ่ยค้าน
?แต่พวกเราต้องสู้!?
?ในสถานการณ์แบบนี้ การปักหลักต่อสู้ต่างหากที่บ้าบิ่น หนีไปยังฉลาดซะกว่า?
?แต่ว่า! กองทัพที่นำโดยวีรบุรุษแห่งอากิแตนน่ะหรือจะแตกพ่าย! ถือเป็นเรื่องอัปยศอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!?
?ข้าไม่ถือสาเรื่องความอัปยศ การรอดชีวิตคืนถิ่นได้ถือเป็นเรื่องล้ำค่ายิ่งกว่า แทนที่จะตายเพราะยึดติดอยู่กับศักดิ์ศรีหรือความละอายไม่เข้าท่า สู้รอดชีวิตกลับอากิแตนในสารรูปน่าสมเพชยังดีกว่า! ใช่แล้ว จงบอกเหล่าทหารซะ เมื่อรอดชีวิตกลับไปย่อมมีโอกาสแก้มือเช่นกัน เข้าใจรึยัง เจ้าก็จงเอาชีวิตรอดกลับอากิแตนซะ? เมื่อออสการ์บอกเช่นนั้น นายพลหนุ่มจึงตะโกนลั่นทั้งน้ำตา
?ถอยทัพ!?
เสียงตะโกน ?ถอยทัพ!? ดังมาจากทุกสารทิศราวกับเป็นเสียงสะท้อน บรรดาทหารที่รั้งรอต่อสู้อยู่ที่นั่นต่างล่าถอยอย่างเชื่อฟังคำสั่ง กองทัพอากิแตนแตกพ่ายไปคนละทิศละทาง
อันที่จริงแล้วนั่นคือเป้าหมายของออสการ์ ละแวกนี้เป็นถิ่นของศัตรู ขืนปักหลักต่อสู้ก็รังแต่จะหมดสิ้นเรี่ยวแรง ดังนั้นจึงจำต้องกลับอากิแตนโดยเร็วที่สุดเท่านั้น หากหนีกระจัดกระจายกันไป ทหารฝ่ายศัตรูที่ไล่ตามก็ย่อมกระจายตัวจนอ่อนกำลังลงเช่นกัน และยิ่งเป็นกองทัพที่มีจำนวนคนมากเท่าไร การสั่งการก็จะยิ่งระส่ำระสายมากขึ้น ทำให้ทหารอากิแตนมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นไปด้วย
และหากเป้าหมายนั้นพลาดไป โดยผู้ที่นำกองทหารอีกฝ่ายไม่ยอมกระจายกำลัง.... ทว่าจดจ่ออยู่กับเป้าหมายเดียวแล้วละก็....
เป็นไปตามที่ออสการ์คิดไม่มีผิด ท่ามกลางกองทัพฟาเลน.... ไม่สิ กองทัพส่วนตัวของเคานต์ลีกนิตซ์ เคานต์ผู้นั้นกำลังเปล่งเสียงกึกก้อง
?พวกเจ้า! อย่าใส่ใจพวกปลาซิวปลาสร้อย! เป้าหมายของพวกเรามีแค่หัวของดยุคมงฟอรต์! ดยุคคือคนที่สวมผ้าคลุมดำ! หาตัวดยุคให้พบ!?
คำสั่งนั้นถ่ายทอดจากปากต่อปากในหมู่ทหารของเคานต์ลีกนิตซ์
?หาตัวดยุคให้พบ!?
?เป้าหมายคือหัวของดยุคมงฟอรต์!?
เสียงนั้นมาถึงหูของออสการ์และเซซิลผู้เป็นภรรยาที่อยู่ท่ามกลางทัพอันระส่ำระสาย ระหว่างนั้นเหล่าทหารอากิแตนก็ยังคงหนีเตลิดจนรอบข้างโล่งขึ้นเรื่อยๆ
ทหารคุ้มกันออสการ์นายหนึ่งส่งเสียงอย่างร้อนรน
?ที่นี่อันตรายขอรับ! ดยุคก็รีบถอยทัพเถอะ!?
?ไม่ ข้าจะอยู่จนถึงที่สุด?
?ดยุค! ท่านสติดีหรือเปล่า!?
นายทหารแผดเสียงอย่างไม่อยากเชื่อ
ฝ่ายเซซิลที่อยู่เคียงข้างนั้นเข้าใจความคิดของเขาจนเจ็บปวด สายตาจ้องมองใบหน้าด้านข้างที่ยังคงเยือกเย็นแม้แต่ในเวลาเช่นนี้ราวกับจะกลืนกิน
ผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ ใบหน้างามสมชายคมกริบประดุจของมีคม นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มซึ่งราวกับจะเสียดแทงทุกความมืดมิดทอประกายแห่งเจตจำนงอันแน่วแน่
เขาคนนี้ตั้งใจจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ
?เป้าหมายของพวกนั้นคือศีรษะของข้า หมายความว่าหากข้าดึงความสนใจของศัตรูได้ ทหารอากิแตนที่เหลือก็คงกลับฝั่งอากิแตนได้โดยไม่โดนกองทัพฟาเลนไล่หลัง?
?แต่ว่า! ถ้าอย่างนั้น ชีวิตของดยุคก็จะ!?
?ข้าเองก็ไม่ได้คิดจะตายที่นี่ง่ายๆ หรอก ต้องรอดชีวิตกลับอากิแตนให้ได้?
?แต่ว่า.... แม่ทัพกลับกลายเป็นโล่เองแบบนี้....?
?เพราะอย่างนั้นนั่นล่ะ คนที่นำพวกเจ้ามาถึงที่นี่ก็คือข้า ดังนั้นการส่งทหารกลับแผ่นดินเกิดโดยปลอดภัยก็ถือเป็นหน้าที่ของแม่ทัพเช่นกัน?
เมื่อโดนพูดถึงขนาดนั้น นายทหารก็ไม่อาจกล่าวคำใดอีก ได้แต่จ้องมองใบหน้าผู้บัญชาการของตนด้วยดวงตาชุ่มชื้น
ออสการ์หันไปหาเซซิลที่อยู่ข้างๆ
?เจ้าก็หนีไปซะ?
?หา! ออสการ์!?
เซซิลอึ้งงันอย่างไม่เชื่อคำพูดนั้น ตนอุตส่าห์เตรียมใจติดตามเขาไปจนถึงที่สุดแท้ๆ
?ทำไมกัน!??
?เพราะการพาสตรีหรือเด็กที่ไม่อาจต่อสู้มายังสนามรบ แถมยังเป็นภรรยาของตัวเองแบบนี้ ถือเป็นเรื่องอัปยศที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนน่ะสิ?
?บ้าน่า!?
ข้าสู้ได้! เซซิลยังไม่ทันพูดจบดี ออสการ์ก็เอ่ยขัดขึ้นก่อน
?นอกจากนั้น ข้าตั้งใจจะรอดชีวิตกลับไปก็จริง แต่ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน คนที่จะปกป้องฝ่าบาทเรอเน่กับเจ้าหญิงมาร์การีตก็คือเจ้า?
?เพราะฉะนั้น ฝากด้วย? ออสการ์จ้องมองด้วยแววตาซึ่งแฝงความหมายเช่นนั้น
?ขี้โกง....?
น้ำใสๆ ไหลรินผ่านพวงแก้มของเซซิล
เรือนผมทอประกายสีน้ำผึ้งดูคล้ายจะให้รสหวานยามลิ้มลอง ผิวขาวผุดผาดดุจหิมะแรก ดวงตาซึ่งแปรเปลี่ยนสีสันไปตามอารมณ์จนเห็นเป็นได้ทั้งสีเทาและสีม่วงอ่อนรื้นน้ำตาราวกับทะเลสาบอวลไอหมอก....
ร่างผอมเพรียวจนดูบอบบางของเซซิลอยู่ในชุดกระโปรงสดสวย เมื่อเจ้าตัวร่ำไห้จึงดูเสมือนภรรยาที่คร่ำครวญให้กับการจากลากับสามีที่อาจไม่ได้พบกันอีกเป็นครั้งที่สอง เหล่าอัศวินที่อยู่รอบข้างพากันทำหน้ารวดร้าว
ทว่าหยดน้ำตาของเซซิลไม่ได้มีเพียงความโศกเศร้า หากแต่ยังปะปนด้วยความเดือดดาล ออสการ์ที่อยู่เบื้องหน้าคงเข้าใจดี
ตนไม่ใช่ภรรยาที่อ่อนแอขนาดนั้น ถึงจะสวมชุดกระโปรงก็ยังต่อสู้ได้อย่างงดงาม แม้จะอยู่ในสารรูปเช่นนี้ก็เป็นผู้ชายเช่นเดียวกับออสการ์ เซซิลไม่อยากอยู่ในสถานะที่ได้รับการปกป้อง แต่อยากเป็นฝ่ายปกป้องแผ่นหลังของออสการ์ด้วยเช่นกัน เขาปรารถนาเช่นนั้นเสมอ ในฐานะนักสู้คนหนึ่ง
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจสิ่งที่ออสการ์อยากบอก ฝากที่เหลือด้วย เพราะฉะนั้นอดทนไว้แล้วหนีไปซะ นั่นคือสิ่งที่ออสการ์ฝากฝังด้วยความเชื่อใจ
?เข้าใจข้าเถอะ เซซิล?
เซซิลร้องไห้แหงนมองโดยไม่พูดจา ออสการ์จึงแค่นยิ้มอย่างลำบากใจ เซซิลส่ายศีรษะตอบโดยอัตโนมัติ
นี่อาจเป็นการจากลาครั้งสุดท้ายจริงๆ ก็ได้ ความคิดนั้นทำให้เซซิลกลายเป็นคนขลาด
ทั้งใต้ดินปราสาทดอน พระราชวังกลางทะเลแห่งนาเซลดาราน และรุสซี เรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้ง และในทุกๆ ครั้งเซซิลจะเผลอคิดเรื่องที่ขืนพูดออกไปคงโดนอีกฝ่ายตำหนิว่า ?เจ้าบ้า? อยู่ร่ำไป

หากเป็นไปได้ก็อยากอยู่กับเขาคนนี้จนถึงลมหายใจสุดท้าย....

?ข้าจะ.... อยู่ด้วย....?
ถ้อยคำสั่นเครือด้วยแรงสะอื้น แม้จะดังไปไม่ถึงผู้คนรอบข้าง แต่ต้องส่งไปถึงหูของออสการ์แน่นอน
พริบตานั้น ออสการ์ที่โอบกอดเซซิลอยู่ก็ฟาดมือเข้าที่ท้องน้อยอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆ อุ้มร่างเพรียวบางที่ทรุดลงอย่างหมดเรี่ยวแรงขึ้นมา
?ปิ๊กนี่?
เขาหันไปเรียกข้ารับใช้ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ประหนึ่งเงา ชายร่างยักษ์ดุจภูเขาลูกย่อมยกมือแนบอกพลางคำนับโดยไม่ปริปาก
?พาเซซิลหนีไปซะ?
?ขอรับ?
ออสการ์จ้องมองใบหน้าผู้เป็นที่รักซึ่งหลับใหลอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมแขนก่อนจะส่งให้ปิ๊กนี่ ฝ่ายมหาดเล็กก็รับไว้อย่างทะนุถนอมราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า
?ข้าจะปกป้องให้ได้ขอรับ?
ถ้อยคำนั้นถือว่าหายากสำหรับปิ๊กนี่ที่ไม่ค่อยเป็นฝ่ายปริปากก่อน ออสการ์พยักหน้า
?จากนี้ไปนายของเจ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นเซซิล จงปกป้องนายของเจ้าแล้วกลับอากิแตนโดยปลอดภัย นี่คือคำสั่งสุดท้ายของข้า?
?รับทราบขอรับ?
ปิ๊กนี่วิ่งจากไปพร้อมเซซิลที่หมดสติอยู่ในอ้อมแขน การขึ้นขี่ม้าย่อมหมายความว่าเป็นทหาร มิหนำซ้ำยังอาจโดนเล็งเป้าเพราะเข้าใจว่าเป็นดยุคมงฟอรต์ สำหรับปิ๊กนี่แล้ว น้ำหนักตัวของคนเพียงคนเดียวไม่ถือเป็นภาระ นอกจากนั้นเขายังเป็นคนฝีเท้าไวและวิ่งได้นานหลายชั่วโมงราวกับอาชา
ปิ๊กนี่คงพาเซซิลกลับอากิแตนได้โดยสวัสดิภาพ ออสการ์หมุนตัวราวกับจะสะบัดไล่ภาพเงาของยอดดวงใจออกไป หันมองหน้าของเหล่าอัศวินที่ยืนอยู่ตรงหน้า
?ขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าต้องมารับหน้าที่เสียเปรียบอย่างนี้?
?มิได้ การอยู่เคียงข้างเพื่อปกป้องดยุคคือหน้าที่ของพวกเรา?
?ไปได้!?
?ฮ่าห์!?
ทั้งที่เป็นอัศวินคุ้มกัน แต่พวกเขากลับไม่รั้งรออยู่เคียงข้างออสการ์ ทิ้งไว้เพียงอัศวินสองนายแล้วแบ่งกลุ่มเป็นสามคน กระจัดกระจายไปคนละทิศทาง
จากนั้นเสียงก็ดังแว่วมาจากส่วนลึกในป่า
?ข้าคือผู้สำเร็จราชการแห่งอากิแตน ออสการ์ เลอ กรองด์ เดอ มงฟอรต์!?
เสียงเกรี้ยวกราดของทหารฟาเลนดังมาราวกับจะตอบสนอง
ทว่าไม่ทันไรก็มีเสียงดังขึ้นจากอีกด้าน
?ผิดแล้ว! ข้าต่างหากคือวีรบุรุษแห่งอากิแตน! ดยุคมงฟอรต์!?
?ไม่ใช่! ข้าต่างหาก!?
?เจ้าบ้า! ข้านี่แหละดยุคมงฟอรต์!?
เสียงเอ่ยนามที่ดังแว่วมาจากทุกทิศทางทำให้ทหารฟาเลนหันรีหันขวาง เสียงเกรี้ยวกราดเมื่อครู่หายวับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ทุกครั้งที่เหล่าดยุคมงฟอรต์ตัวปลอม (?) ประกาศตน เสียงของทหารฟาเลนก็ยิ่งแปรเปลี่ยนสู่ความกังขาและสับสน
ถึงจะเป็นวิธีที่คิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน แต่ก็ได้ผลเกินคาด.... ออสการ์ที่อยู่บนอาชาคู่ใจขำเฝื่อนอยู่ในใจ
ต่อให้เป็นการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะชนะแน่นอน ก็ไม่รู้ว่าจะพลิกผันเป็นฝ่ายแพ้เมื่อไหร่ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าสงคราม ออสการ์เข้าใจดีจนเกินพอ
ควรทำอย่างไรเมื่อโดนข้าศึกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวจนกองทัพระส่ำระสาย? บางทีเป้าหมายของข้าศึกคงมีเพียงประการเดียวคือศีรษะของผู้บัญชาการสูงสุด ถ้าเช่นนั้น ผู้บัญชาการก็ควรเป็นเหยื่อล่อซะ ไม่เพียงเท่านั้น หากบรรดาทหารคุ้มกันปลอมแปลงเป็นผู้บัญชาการแล้วประกาศชื่อกันอย่างต่อเนื่อง ข้าศึกย่อมตกอยู่ในความสับสนจนช่วยให้พวกเดียวกันมีโอกาสหนีรอดมากขึ้น
?แน่นอนว่าวิธีการพรรค์นี้ ถ้าไม่ต้องใช้ก็คงดีกว่า?
ออสการ์นึกถึงตอนที่สั่งสอนเหล่านายทหาร เรื่องที่น่าจะจบแค่การล้อเล่นกลับกลายเป็นจริงขึ้นมา เขายิ้มเฝื่อนอีกครั้ง
?ข้าต่างหากคือดยุคมงฟอรต์ตัวจริง! ผู้ที่ต้องการศีรษะของข้า จงบุกเข้ามาอย่าได้เกรงใจ!?
ออสการ์เปล่งเสียงออกมาเช่นนั้น




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อกองทัพฟาเลนเข้าเล่นงานจากด้านหลัง เซซิลจึงต้องพรากห่างจากออสการ์ผู้เป็นที่รักอีกครั้ง แม้จะเป็นห่วงชะตากรรมของเขา เซซิลก็มุ่งหน้าไปยังกรุงอองช์ซึ่งถูกยึดครองโดยกองทัพอัลเบียนเพื่อหาทางช่วยเหลือยุวกษัตริย์เรอเน่และมาร์การีตที่ตกเป็นตัวประกัน อีกด้านหนึ่ง อาร์มองกำลังวางแผนร้ายตลบหลังวันเดอริสผู้เป็นนายชั่วคราว.... ไม่มีใครหยุดยั้งแผนร้ายของอาร์มองได้อีกแล้วงั้นหรือ มิหนำซ้ำวิกฤตครั้งใหญ่ยังรุกคืบเข้าหาเซซิล....!? เรื่องราวรักโรแมนติกอันยิ่งใหญ่และงดงาม กำลังจะเข้าสู่ฉากสุดท้าย!!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”