New Release BLY แปล : เพียงรักข้ามภพ 2 (เล่มจบ)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : เพียงรักข้ามภพ 2 (เล่มจบ)

โพสต์ โดย Gals »

บทที่เก้า

ดอกไม้ผลิบานแล้วร่วงโรย ปีแล้วปีเล่าที่ผ่านไป
เด็กน้อยบนถนนเส้นนี้ทั้งวิ่งทั้งเต้นได้ตั้งนานแล้ว พวกเขาสะพายเป้เดินไปโรงเรียนด้วยกัน ส่วนเด็กสาวที่อยู่ข้างบ้านก็ปลดประจำการผมเปียมาได้สักพักหนึ่งแล้วเช่นกัน ในมือของเธออุ้มทารกน้อยอ้วนท้วนอยู่หนึ่งคน
ปีนี้ในที่สุดเบื้องบนก็อนุมัติโครงการ ตัดสินใจว่าจะเริ่มพัฒนาชุมชนที่ห่างไกลแห่งนี้ให้เจริญทัดเทียมในเมืองสักที
ทั้งสร้างถนนทั้งรื้อบ้าน ชาวบ้านในหมู่บ้านบ้างก็ย้ายบ้าน บ้างก็ไปหางานที่อื่น แต่กลับไม่เคยเห็นคนไหนที่ออกไปแล้วย้อนกลับมาอีก
บนถนนสายคึกคักแห่งหนึ่งในตำบล ร้านอาหารร้านหนึ่งแน่นขนัดไปด้วยลูกค้า ได้ข่าวมาว่าพ่อครัวที่นี่ฝีมือดีเป็นอย่างมาก อาหารที่ทำออกมารสชาติเป็นที่หนึ่ง โดยเฉพาะเมนูขาหมูจานนั้น ถือได้ว่าเป็นเมนูที่ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาลิ้มลองเลยทีเดียว ซึ่งผู้คนที่ได้ลิ้มรสนั้นต่างพากันชมไม่ขาดปาก
เวลาพักเที่ยง ที่นั่งในร้านอาหารเต็มจนไม่มีโต๊ะว่าง อาสะใภ้ที่รับหน้าที่จดออเดอร์เช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนจะรีบไปเร่งยังห้องครัว ?อาชั่น เร็วเข้า มาเพิ่มอีกสองโต๊ะนะ!?
?ได้ครับ!?
เสียงตอบรับที่หนุ่มอย่างเหลือเชื่อดังมาจากในครัว คนที่ทำอาหารอยู่ในนั้นมีเพียงสามคนเท่านั้น คนที่หนุ่มที่สุดมีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา พันผ้าขนหนูไว้ตรงคอหนึ่งผืน ปลายจมูกของเขามีเม็ดเหงื่อผุดออกมา มือหนึ่งถือตะหลิว ผัดไปมาอย่างคล่องแคล่ว อาหารที่หอมกรุ่นถูกจัดวางลงบนจานเพื่อให้เด็กเสิร์ฟยกออกไป
ยุ่งมาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเวลาบ่ายสามลูกค้าถึงได้เริ่มซาลง อาสะใภ้ที่รับผิดชอบเคาน์เตอร์คิดเงินนั่งคำนวณรายรับของทั้งเช้าพลางปรึกษาเรื่องจะเปิดสาขาใหม่ตรงถนนสายใหม่กับสามีไปด้วย สองสามีภรรยายิ้มจนปากหุบไม่ลง เสียงหัวเราะของพวกเขาลอยแว่วไปจนถึงบริเวณหลังครัว เหล่าพนักงานกำลังนั่งล้อมโต๊ะทานอาหารกันอยู่ มีเพียงแค่เด็กหนุ่มที่ชื่ออาชั่นนั่งอยู่ด้านนอก บนพื้นโปรยเศษอาหารและปลากรอบเล็กไว้ เขามองดูแมวสองสามตัวตรงหน้ากำลังก้มหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยรอยยิ้ม
เครื่องหน้าทั้งห้าของเขานั้นสะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก ตรงแก้มข้างขวามีลักยิ้มด้วยหนึ่งอัน ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยแผลลวกกำลังลูบศีรษะของแมวน้อยอย่างระมัดระวัง
?อาชั่น มีคนมาหา...?
เขาลุกขึ้น เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู อายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหก บนใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยสีสันของเครื่องสำอางอย่างจัดจ้าน สวมใส่ชุดกระโปรงสีแดง ชายกระโปรงนั้นยาวกว่าบั้นท้ายอย่างหมิ่นเหม่ ในมือถือร่มสีขาวไว้คันหนึ่ง
ภายใต้รอยยิ้มหยอกเย้าของเพื่อนร่วมงาน ชายหนุ่มวิ่งเหยาะๆ สามก้าวรวมเป็นสองก้าวเข้าไปหา
?จิงจิง คุณตื่นแล้วเหรอ?
?อืม? หญิงสาวส่งรอยยิ้มอ่อนหวานมาให้ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ช่วยเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้กับเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มก้มหน้าลง อยากจะเบี่ยงหลบแต่ก็รู้สึกเกรงใจ
อาสะใภ้โน้มเข้ามาใกล้ ยิ้มกว้างให้อย่างร่าเริง ?อ้าว จิงจิงมาแล้วเหรอจ้ะ อาชั่น รีบไปเปลี่ยนชุดเร็วเข้า แค่กลับมาก่อนตลาดกลางคืนเริ่มก็พอแล้วจ้ะ รีบไปเร็วเข้า?
หลังจากที่ส่งคนทั้งคู่ออกไป อาสะใภ้ก็กลับไปยังเคาน์เตอร์ตามเดิม อาขยับเข้ามาใกล้ ยื่นคอยาวอย่างสงสัย
อาสะใภ้ดึงหูของเขาอย่างไม่เกรงใจ ?แอบดูอะไรฮึ??
?โอ๊ย เบา...เบาหน่อย...! ฉัน...ฉันพูดแล้วจ้ะ เมียจ๋า เธอว่าอาชั่น...คงจะไม่ได้...จริงๆ หรอกใช่ไหม?
?เฮ้อ ใครสนว่าเขาจะจริงหรือปลอม ตอนที่ปู่ของเขาตายแค่ขอร้องให้พวกเราหาภรรยาให้กับเขาด้วยก็เท่านั้น ไหนคุณลองพูดดูซิ ว่าปู่ของเขาสมองไม่ดีไปด้วยอีกคนหรือเปล่า คนปัญญาอ่อนแบบนี้จะมีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนยอมแต่งด้วย??
?แต่ว่า จิงจิงคนนั้น...?
?เอาน่า คุณเองก็อย่ายุ่งนักเลย! คนปัญญาอ่อนแบบนั้นจะรู้อะไร!?
อาสะใภ้โบกมือไปมา สบถออกมาหนึ่งคำก่อนยิ้มหยันอย่างดูถูก คนปัญญาอ่อนคู่กับโสเภณี ใครก็อย่าได้คิดรังเกียจใคร ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอะไรแบบนี้

ใต้ร่มสีขาว ชายหญิงคู่หนึ่งเดินไปด้วยกัน ร่มเงาของต้นไม้บดบังเงาของพวกเขาไว้ สายลมแผ่วเบาพัดโชยมา
หญิงสาวเอ่ยถามหนึ่งคำ เด็กหนุ่มก็ตอบกลับไปหนึ่งคำ บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่นราวกับพี่สาวและน้องชาย เมื่อพูดคุยกันจบทั้งคู่ก็เดินไปอย่างเงียบๆ จิงจิงแอบชำเลืองมองด้านข้าง มือที่ทาสีเล็บไว้อย่างสดสวยเอื้อมออกไปสัมผัสฝ่ามือกว้างของเด็กหนุ่ม ทว่าเขากลับหดมือกลับเล็กน้อย ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆ จับมือเธอตอบเช่นกัน
พวกเขาจับมืออีกฝ่ายด้วยใจ ทว่ากลางฝ่ามือกลับมีอากาศบางๆ กางกั้นไว้
?อาชั่น นายไปส่งฉันหน่อยสิ?
?อ๋า อ้อ...?
เขาพยักหน้าแต่ไม่กล้ามองหน้าเธอเลยตั้งแต่ต้นจนจบ จิงจิงถอนหายใจเสียงเบา เธอไม่รังเกียจเขา ซ้ำยังรู้สึกเห็นใจเขาด้วยซ้ำ
เขาส่งเธอถึงใต้ตึก เธอพาเขาไปยังมุมตึก พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ที่นี่เป็นบริเวณตึกเก่า กลิ่นเหม็นอับรอบข้างจึงโชยมาจางๆ ผสมเข้ากับกลิ่นฉุนของน้ำหอมราคาถูกบนตัวเธอ ลอยอบอวลอยู่แถวจมูกของเขา
ริมฝีปากสีแดงของเธอขยับเข้าใกล้ วินาทีก่อนที่จะสัมผัสโดนนั้นเขากลับถอยห่างออกมา แล้วเอียงตัวหลบการเชื้อเชิญของเธอ
?อาชั่น...? หญิงสาวเอ่ยเรียกเขาเสียงเบา ร่างกายของเธอที่ทั้งนุ่มและเบาเบียดเข้ามาในอ้อมอกของเขาอย่างระแวดระวัง ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ผลักเธอออก
?เธอรังเกียจฉันไหม??
?ไม่รังเกียจครับ? เด็กหนุ่มส่ายหน้าเหมือนกับกลองป๋องแป๋ง เขาส่ายหน้าด้วยความมั่นคงถึงเพียงนี้
?งั้นเธอชอบฉันไหม??
?.....?
เขาก้มหน้าลง ชอบไหมงั้นเหรอ? เขาไม่เข้าใจว่านั่นใช่หรือไม่ใช่ความชอบ จิงจิงไม่หัวเราะเยาะเขาเหมือนคนอื่นๆ รอบตัว และไม่มีทางที่เธอจะด่าเขาว่าปัญญาอ่อนลับหลัง เขาชอบทำอาหารให้จิงจิงทาน ตอนอยู่กับจิงจิงก็มีความสุข...แต่ว่า ชอบหรือเปล่า? หากชอบละก็ เป็นความชอบแบบไหนกันแน่?
คนโง่ไม่เข้าใจปัญหาที่ลึกซึ้งแบบนี้ แต่ในสมองของเขากลับค่อยๆ ปรากฏภาพใบหน้าของคนคนหนึ่ง
ผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว จนเขาเกือบลืมใบหน้านั้นไปเต็มที แต่เมื่อไรก็ตามที่นึกขึ้นมาได้จะต้องรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางใจเสมอ แม้แต่จมูกยังรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา...
เขามองหน้าจิงจิง ผ่านไปเนิ่นนานก่อนจะพยักหน้า
หญิงสาวยิ้มอ่อนโยนให้กับเขา แล้วเอ่ยขึ้นว่า ?อาชั่นอย่ากลัวนะ เรื่องแบบนี้รู้สึกดีจะตาย?
ริมฝีปากสีแดงประกบเข้ากับของเขา พากลิ่นเครื่องสำอางเข้ามาด้วย มันไม่เหมือนกับในความทรงจำแม้แต่น้อย เขายังจำได้ดี เมื่อก่อนที่ผ่านมานานมากแล้ว แต่บางทีก็เหมือนเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เขานั่งซ้อนอยู่ตรงเบาะหลังของจักรยาน สองมือกอดเอวของอาเจียงไว้แน่น ไหล่ของอาเจียงกว้างมาก ทว่าเอวกลับเล็กมาก ทำให้สองมือของเขาโอบไว้ได้พอดี
วันนั้นหลังเลิกเรียน อาเจียงส่งเขากลับบ้านเหมือนทุกวัน จู่ๆ ฟ้าก็มืดลง พวกเขาจึงต้องรีบหาศาลาไม้แห่งหนึ่งเพื่อหลบฝน ฝนเทลงมาอย่างหนัก เม็ดฝนที่เหมือนเม็ดถั่วสาดลงบนร่างของเขา
ศาลานั้นเล็กมาก อาเจียงกอดเขาไว้ ทั้งร่างเปียกปอนไปหมด แต่ยังคงกางแขนออกเพื่อช่วยกันฝนให้กับเขา
ตอนที่ฟ้าร้อง เขาเงยขึ้นมองหน้าอาเจียง อาเจียงสวยมาก สวยกว่าดาราที่เห็นในโทรทัศน์หรือนิตยสารเสียอีก จากนั้นใบหน้างดงามก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้จนเขาสามารถนับเส้นขนตาของอาเจียงได้อย่างชัดเจน
ริมฝีปากประกบกัน ทั้งหนาวทั้งเย็นแต่ก็อ่อนนุ่มเหมือนขนนก ทั้งยังรู้สึกเหมือนขนมสายไหมที่แสนอร่อยนั่นอีกด้วย
ความทรงจำนี้ช่างสวยงามถึงเพียงนั้น ทำให้เขาสามารถยิ้มได้แม้ต้องตื่นจากฝัน
แต่ว่า เขาลืมตาขึ้น
เด็กหนุ่มเอาสองมือรองท้ายทอย เขาพลิกตัวบนเตียง...สองปีก่อนครอบครัวของอาสะใภ้ย้ายออกไป บ้านหลังใหม่ของพวกเขาสร้างเสร็จแล้ว ทั้งใหญ่ทั้งสบาย บ้านที่ปู่เหลือทิ้งไว้หลังนี้จึงมีคนโง่เพียงคนเดียว
ดึกสงัด ด้านนอกฝนกำลังตก เขาพลิกตัวไปมาบนเตียง ตรงกำแพงห้องมีร่องรอยขีดเขียนของชอล์ก หนึ่งรอย สองรอย...
เมื่อไรที่เขานอนไม่หลับ เขาจะเริ่มนับเลขเสมอ หนึ่งร้อย ห้าร้อย หนึ่งพัน หนึ่งพันห้าร้อย สองพัน...
หนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน การสอบของอาเจียงต้องสอบนานขนาดนี้เลยเหรอ?
เมื่อก่อนเขาไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาเหมือนจะเข้าใจแล้ว
ปู่เคยบอกกับเขาว่า อาเจียงก็เหมือนกับแม่ที่จะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
ปู่ไม่มีวันโกหกเขา เขาพลิกตัวอีกครั้งหนึ่ง ก้มหน้าฝังลงไปบนเตียงเพื่อปิดบังดวงตาแดงก่ำไว้
เพราะเขาเป็นคนโง่หรือเปล่า อาเจียงถึงได้โกหกเขา?

พริบตาเวลาสองเดือนก็ผ่านพ้นไป อากาศยิ่งหนาวขึ้นทุกวัน
การก่อสร้างในหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกวันเสียงก่อสร้างดังครึกโครมจนนอนแทบไม่หลับ
สือโถวยืนอยู่ใต้ตึก วันนี้ร้านอาหารหยุดเขารับปากจิงจิงว่าจะพาเธอออกไปเที่ยว เขายืนรออยู่นานมากจนใกล้ถึงเวลาเที่ยงเข้าไปแล้ว จิงจิงก็ยังไม่ลงมาสักที เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา นี่เป็นเครื่องที่จิงจิงซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับเขา เหมือนกับรุ่นที่อาเจียงเคยใช้เป็นอย่างมาก จิงจิงยังถามเขาเลยว่าทำไมถึงได้เลือกแบบที่โบราณแบบนี้ เพราะเกรงใจเงินในกระเป๋าของเธอหรือเปล่า
เขาเกรงใจเธอจริงๆ แต่ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง...นั่นคือเขาคิดถึงอาเจียง
เบอร์โทรศัพท์ที่อาเจียงให้เขานั้นโทรไม่ติดมานานแล้ว มันไม่มีสัญญาณตอบรับตลอดเวลา
สือโถวเริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เขาคิดไปคิดมาจึงตัดสินใจเดินขึ้นตึก เขาไม่เคยเข้าไปในห้องของจิงจิงมาก่อน ปู่เคยบอกกับเขาไว้ว่า ผู้ชายไม่สามารถเข้าไปในห้องของผู้หญิงตามใจชอบ อย่างนั้นมันไร้มารยาท ด้วยเหตุนี้แม้จิงจิงจะเชิญเขา เขาก็ไม่คิดเข้าไปอย่างเด็ดขาด
ประตูเหล็กไม่ได้ลงกลอน ทั้งยังเปิดแง้มไว้เล็กน้อย
เขาผลักมันออกอย่างระมัดระวัง ?จิงจิง...?
ไม่มีเสียง ในห้องค่อนข้างรก เสื้อผ้าถูกโยนทิ้งไว้เกือบทุกที่
?จิงจิง...? เขาเอ่ยเรียกเสียงดังกว่าเดิม
ในที่สุดก็มีเสียงดังขึ้นจากในห้อง เป็นเสียงครางด้วยความไม่สบาย เขารีบวิ่งเข้าไป จิงจิงลุกขึ้นมาบนเตียง สีหน้าซีดเผือด
?จิงจิง คุณเป็นอะไรไปเหรอ?? เขานั่งลงถามเธอด้วยความเป็นห่วง จิงจิงกลับยกมือขึ้นปิดปากแน่น ผลักเขาออกแล้วถลาเข้าไปในห้องน้ำอย่างกะทันหัน
ในห้องน้ำมีเสียงอาเจียนดังลอดออกมา เสียงแล้วเสียงเล่า ทำให้คนฟังรู้สึกกังวลตามไปด้วย
จิงจิงอาเจียนจนไม่มีแรงแม้แต่จะยืน เขาจึงช่วยพยุงเธอกลับมานอนลงบนเตียงก่อนจะไปต้มข้าวต้มในครัว ช่วยเธอเก็บกวาดห้อง เมื่อเก็บกวาดจนสะอาดเรียบร้อยดีแล้วก็ป้อนข้าวต้มให้เธอทานเข้าไปทีละคำ
จิงจิงอ่อนล้าอิดโรยเป็นอย่างมาก วันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้า ทั้งที่เธออายุแค่ยี่สิบกว่าปีแต่หน้าสดของเธอกลับดูโรยราเป็นอย่างมาก ตรงหางตานอกจากจะมีรอยตีนกาที่ไม่สามารถลบเลือนได้แล้ว ยังเหมือนมีคราบน้ำตาเกาะอยู่อีกด้วย
ตอนที่สือโถวลุกขึ้นและกำลังจะกลับนั้น จู่ๆ หญิงสาวก็ลุกขึ้นจากเตียง เธอกอดเอวเขาจากด้านหลัง
?ฉันมีเด็กแล้ว?
สือโถวอึ้งไป เด็กคืออะไรเขารู้ดี เด็กนั้นน่ารักมาก เขาก็ชอบมากเช่นกัน
?ฉันอยากคลอดเขาออกมา? จิงจิงพูดด้วยความเด็ดเดี่ยวมาดมั่น
?อืม?
จิงจิงเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ ?ฉันไม่อยากให้ลูกต้องไม่มีพ่อ...?
?อืม?
?อาชั่น...? เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้องเว้าวอน ?เธอช่วยเป็นพ่อให้กับเขาหน่อยได้ไหม??
ได้ไหม...
.....

เรื่องแต่งงานถูกจัดเตรียมในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งแต่สินสอด สู่ขอ จนถึงพิธีหมั้น และจัดเตรียมห้องหอต่างๆ มันยุ่งจนสือโถวไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นเลยแม้แต่น้อย
แม้จิงจิงจะเคยบอกว่าแค่จัดอาหารเลี้ยงก็พอแล้ว แต่สือโถวจำได้ว่าพี่สาวที่ทำงานด้วยกันเมื่อก่อนเคยพูดไว้ว่า สำหรับผู้หญิงแล้ว งานแต่งงานเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต จะทำอะไรลวกๆ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เรื่องพวกนี้เขาไม่เข้าใจ โชคดีที่อาและเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงเต็มใจช่วยเหลือ หลายปีมานี้สือโถวเองก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง รวมกับที่ปู่แอบเก็บไว้ให้เขา รวมกันแล้วมีมากถึงหลายหมื่นเลยทีเดียว อายังแอบใส่ซองแดงให้เขาอีกหลายพัน กำชับว่าห้ามให้อาสะใภ้รู้อย่างเด็ดขาด
ด้วยการเตรียมงานเช่นนี้ เวลาอีกหนึ่งเดือนเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาการแพ้ท้องของจิงจิงหนักมาก ไม่กี่วันก็ไปตรวจที่โรงพยาบาล โชคดีที่เด็กแข็งแรง ไม่มีปัญหาอะไร เพื่อเด็กในท้องแล้วสือโถวช่วยจิงจิงเก็บบุหรี่และเหล้าทั้งหมดไปซ่อนไว้ แต่บางครั้งจิงจิงยังคงแอบสูบบุหรี่สักมวนสองมวนอยู่ดี
วันนี้ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ส่งเครื่องใช้ในบ้านใหม่เอี่ยมมาให้ สือโถวลางานครึ่งวัน ช่วยจัดวางสิ่งของให้เข้าที่ นอกจากเตียงใหม่และชุดโต๊ะเก้าอี้ใหม่แล้ว เขายังซื้อเตียงทารกและข้าวของอย่างอื่นอีก เขาจับสิ่งของเหล่านั้นไว้ จู่ๆ ก็นึกไปว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว แล้วอาเจียงล่ะ?
อาเจียงก็แต่งงานมีครอบครัวไปแล้วเหมือนกันหรือเปล่า หรือบางทีเขาอาจมีลูกไปนานแล้วก็ได้?
นึกถึงตรงนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจของเขากลับสงบราบเรียบเป็นอย่างมาก ราวกับมันเจ็บปวดจนด้านชาไปแล้ว
สือโถวเดินไปอย่างไร้จุดหมาย เขาเดินมาถึงริมแม่น้ำอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับสมัยเด็ก เขานั่งลง ยื่นมือเข้าไปในแม่น้ำ วักน้ำขึ้นมาเบาๆ
?เสี่ยวสือโถว?
ใบหูของสือโถวขยับ ลมพัดมาวูบหนึ่ง เขาเหมือนกับได้ยินเสียงของอาเจียง แปลกจัง
?เสี่ยวสือโถว...?
สือโถวเงยหน้าขึ้น ฟ้าใกล้มืดเต็มที แสงอาทิตย์อัสดงลากม่านสีแดงปกคลุมโลกทั้งใบไว้ เขาลุกขึ้นยืน หันร่างกลับไปอย่างเชื่องช้า
ตอนนี้ถนนที่ไปยังหมู่บ้านลาดยางเรียบร้อยแล้ว กลิ่นยางทั้งหนักทั้งเข้มข้น บนเนินที่อยู่ไม่ไกลจากเขามีรถสีดำคันหนึ่งจอดไว้ คนคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอกตัวรถ เขาสวมเสื้อโค้ทสีดำ ช่วยขับร่างสูงโปร่งให้โดดเด่นมากขึ้น สีผิวยังคงเหมือนกับเมื่อก่อนที่ขาวจนแทบจะโปร่งแสง ราวกับไม่ได้ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์มาเป็นเวลานาน
ใบหน้านั้นไม่ได้ประณีตเหมือนกับในความทรงจำอีกต่อไป แต่คมเข้มมากกว่าเดิม ทั้งเป็นผู้ใหญ่และโครงหน้าก็แข็งแกร่งมีพลัง ไม่ว่าใครที่ได้เห็นจะต้องสะดุดหยุดมองอย่างแน่นอน
สือโถวยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ดวงตาของเขาไม่แม้แต่จะกะพริบ ทั้งร่างยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น
คนคนนั้นเป็นฝ่ายขยับก่อน เขาลงมาจากเนินลาดเอียง ฝีเท้าเร่งรีบไม่เข้ากับบุคลิกของเขาแม้แต่น้อย สายตาของเขาจับจ้องตรงนี้อย่างไม่กะพริบตาเช่นกัน ราวกับว่านอกจากคนตรงหน้านี้แล้ว บนโลกนี้ไม่เหลืออะไรให้มองอีกต่อไป
จากนั้นในที่ที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดลง
?เสี่ยวสือโถว?
คิ้วของสือโถวขยับเล็กน้อย บนโลกใบนี้มีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเขาแบบนี้ ริมฝีปากของเขาสั่นเทา เปล่งเสียงออกมา ?อาเจียง...??
อาเจียงขยับเล็กน้อย เขา ?อืม? ออกมาหนึ่งคำก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ไหล่ของเขากว้างกว่าเดิม รูปร่างก็เหมือนจะสูงขึ้นกว่าเก่า แม้สือโถวจะสูงขึ้นเช่นกัน แต่พวกเขายังคงห่างกันหนึ่งศีรษะอยู่ดี
จมูกได้กลิ่นน้ำหอมไม่คุ้นทว่ากลับคุ้นเคย สือโถวสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อเขาดึงสติตนเองกลับมาได้ อาเจียงก็สวมกอดเขาแล้ว ตอนแรกนั้นเบามาก ต่อมาก็ค่อยๆ แน่นขึ้น กระทั่งสุดท้ายเขารู้สึกว่ามือที่โอบกอดเขาไว้เหมือนกับเหล็กกล้าที่แข็งแกร่งจนเขาไม่มีวันดิ้นหลุด
เป็นความฝันเหรอ?
สือโถวกะพริบตาขึ้นลง เขาได้ยินเสียงอาเจียงดังขึ้นข้างหูว่า...
?เสี่ยวสือโถว ฉันกลับมาแล้ว?
ฉันกลับมาแล้ว เสี่ยวสือโถว...

***

เขาพาอาเจียงไปร้านอาหาร รถจอดอยู่นอกร้าน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพากันหยุดลงเล็กน้อย แม้แต่เหล่าเพื่อนร่วมงานยังแอบกระซิบข้างหูกันไปมา
มีลูกค้าระดับนี้มาร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้ แม้แต่ผู้นำหมู่บ้านยังตื่นตระหนก กระวีกระวาดมาดู แต่ถูกเลขาฯ ของอาเจียงกันออกไปก่อน
วันนี้คุณเจี่ยงมาเพื่อทานอาหารกับเพื่อนเก่าเท่านั้น อีกฝ่ายวางตัวชัดเจนว่าไม่คุยเรื่องงานจึงไม่อยากเห็นหน้าคนที่ไม่เกี่ยวข้อง
สือโถวไปยังห้องครัว แสดงฝีมือที่มีทั้งหมดออกมา อาเจียงไม่รออยู่ด้านนอกแต่กลับมายืนอยู่ในห้องครัว ยิ้มพลางมองดูสือโถวยุ่งวุ่น
?อาเจียงออกไปด้านนอกก่อนสิ ที่นี่กลิ่นควันและน้ำมันแรงจะตาย?
ห้ามอย่างไรรัฐมนตรีเจี่ยงก็ไม่ฟัง เขายินดีที่จะยืนให้ทุกคนมองอยู่ตรงนี้ ไม่ยอมละสายตาไปจากสือโถวแม้แต่น้อย ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในสายตาของเขานั้นมีความหลงใหลอยู่มากเพียงไร และสายตาของเขาไม่ผละจากร่างของสือโถวคนนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
สือโถวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจึงทำอาหารออกมาถึงสิบกว่าจาน ส่วนร้านอาหารนี้ถูกเหมาไว้แล้ว พอเขายกอาหารให้อาเจียงเสร็จ เมื่อเลี้ยวมุมออกมาก็ถูกอาสะใภ้ขวางทางไว้ ถามโน่นถามนี่ไม่หยุด สือโถวเกาหัวแกรกๆ อ้ำๆ อึ้งๆ อธิบายไม่ถูก
อาเจียงเหมือนกับหิวมานาน ตะเกียบของเขาขยับไม่หยุด สือโถวนั่งอยู่ตรงข้าม ยิ้มกว้างมองดู อาเจียงก็คืออาเจียง แม้แต่ตอนทานข้าวก็ยังน่ามองกว่าคนอื่น
รัฐมนตรีเจี่ยงแสดงความชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง เขาคีบอาหารหมดทุกจาน ขาหมูที่จำกัดจำนวนต่อโต๊ะจานนั้นถูกเขาทานจนสะอาดเรียบ ส่วนที่เหลือในหม้อก็ถูกเขาห่อกลับบ้านไม่มีเหลือ
เมื่อทานเสร็จ ดื่มเหล้าไปไม่กี่แก้วเขาก็ให้เลขาฯ ขับรถกลับโรงแรมไปก่อน แล้วจึงเดินกลับบ้านพร้อมกับสือโถว
กลางคืนเงียบสงัด ลมหนาวพัดโชยมาเป็นระลอก พวกเขาเดินเคียงบ่ากันเหมือนกับสมัยเด็กไม่มีผิด
อาเจียงไม่ได้เล่าว่าหลายปีมานี้เขาไปทำอะไร ทำไมถึงได้จากไปนานเช่นนี้ พวกเขาพูดคุยกันไปมา ในขณะเดียวกันก็คอยแอบชำเลืองมองอีกฝ่ายอยู่ตลอด สือโถวพบว่าอาเจียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเงียบกว่าเดิม สุขุมขึ้นกว่าเดิม เงามืดในดวงตาลึกล้ำยิ่งกว่าเดิม ทุกครั้งที่สือโถวเงยหน้าจะเห็นว่าอาเจียงมองเขาอยู่ อาเจียงถามเขาว่าหลายปีมานี้มีความสุขหรือเปล่า สือโถวพยักหน้าเบาๆ
?...แล้วอาเจียงล่ะ? มีความสุขดีไหม??
อาเจียงลูบศีรษะของสือโถว ไม่ได้ตอบ
นิ้วมือของอาเจียงเรียวยาวมากทว่าเย็นเป็นพิเศษ เขาสางปลายผมของสือโถวและสัมผัสโดนบริเวณท้ายทอยเบาๆ สือโถวสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหลบออก
นัยน์ตาของอาเจียงสั่นไหวเล็กน้อย เขามองดูสือโถวของเขา ราวกับมีพันคำหมื่นประโยคแต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
สือโถวยิ่งเดินยิ่งเร็ว ก้มหน้าลงต่ำ ฝ่ามือของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ อารมณ์หนึ่งที่ยากจะอธิบายด้วยคำพูดผุดขึ้นมาในใจ เขาพลันรู้สึกทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัว เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังกลัวอะไรอยู่...
เขาอยากถามอาเจียงเหลือเกินว่า ทำไมถึงเพิ่งกลับมาเอาตอนนี้
แต่เขาไม่สามารถเอ่ยถามออกไปได้ เขารู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าเขาไม่อยู่ในฐานะที่จะเอ่ยถามได้อีกต่อไป
ทางกลับบ้านไม่เคยสั้นแบบนี้มาก่อน พวกเขาตกอยู่ในความเงียบที่ชวนอึดอัด จนกระทั่งมองเห็นบ้านของสือโถว จู่ๆ อาเจียงก็ยื่นมือออกมา อยากจะจับมือที่หลบตนเองข้างนั้นไว้
แต่แล้วก่อนที่อาเจียงจะได้ทำเช่นนั้น หน้าบ้านของสือโถวมีหญิงสาวคนหนึ่งชะโงกหน้าอยู่ไกลๆ เอ่ยเสียงใสกังวานขึ้นว่า ?อาชั่น?
สือโถวเงยหน้า เขากับอาเจียงแทบจะมองไปยังหญิงสาวคนนั้นพร้อมกัน
อาเจียงมองเห็นแล้ว หญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง เธอยืนอยู่ตรงหน้าบ้านของสือโถว
แน่นอน อาเจียงย่อมเห็นว่าบนประตูไม้บานเก่าซอมซ่อนั้นติดซวงสี่ ที่แสนบาดตาไว้

อาเจียงนึกไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาได้จังหวะแบบนี้ เขาสามารถร่วมดื่มเหล้ามงคลของเสี่ยวสือโถวได้พอดี
ตั้งแต่ตัดสินใจแต่งงานกับจิงจิงจนถึงจัดเตรียมงานแต่งทั้งหมด เวลาผ่านไปยังไม่ถึงสองเดือนดี เพราะจิงจิงตั้งครรภ์แล้ว เพื่อนบ้านต่างบอกว่าควรจัดงานให้เสร็จก่อนที่ท้องจะโต
ก่อนนี้สือโถวก็เหมือนกับฟันเฟืองชิ้นหนึ่งที่หมุนวนกุกกักตามแรงผลักดันอย่างด้านชา จนกระทั่งอาเจียงที่เขารอกลับมาหา
อาเจียงกลับมาแล้ว แต่เขากลับกำลังจะแต่งงาน
ญาติทั้งหลายพูดคุยกันเสียงดังจ้อกแจ้ก สือโถวนั่งก้มหน้าอยู่ตรงนั้น ในขณะที่รอบกายของรัฐมนตรีเจี่ยงรายล้อมไปด้วยผู้คน เพื่อนบ้านที่ไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อนหรือที่สือโถวจำหน้าไม่ได้เหล่านั้นต่างพากันมาเทียวหาเขาแสดงความสนิทสนมกันใหญ่ เพราะคงไม่มีใครนึกถึงว่าคนปัญญาอ่อนจากหมู่บ้านจนๆ คนนี้จะรู้จักเพื่อนที่มีอำนาจขนาดนี้ได้หรอก จริงไหม?
สือโถวรับรู้ได้ถึงสายตาจากด้านหน้า เขายิ่งก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม สิบนิ้วกำแน่นไว้ด้วยกันเหมือนกับจะผูกให้เป็นเงื่อนตายถึงจะพอใจ
?ทุกคนอย่ามัวแต่พูดอยู่เลย ทานผลไม้กันก่อนนะคะ?
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมยกจานผลไม้มาด้วย แม้จะยังไม่ถึงสามเดือน ทว่าหน้าท้องที่ยื่นออกมานั้น ขอแค่ตาดีหน่อย เป็นใครก็สามารถสังเกตเห็นได้ไม่ยาก
เพื่อนบ้านเริ่มหยอกล้อสือโถวกันใหญ่ ?อาชั่น ดูไม่ออกเลยนะว่าจะลงมือเร็วเหมือนกัน!?
ป้าๆ หลายคนดึงจิงจิงไว้ถามนั่นถามนี่ เธอเม้มปากยิ้มหวาน ไม่พูดอะไรมาก ใช้ส้อมจิ้มสับปะรดชิ้นหนึ่งให้กับสือโถว
ชายหนุ่มนั่งหันข้างให้ สองขาชิดกันแน่น ไม่ยอมเงยหน้าแม้แต่น้อย ราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิดมา
?อาชั่น เป็นอะไรไปเหรอ??
สือโถวส่ายหน้าเบาๆ ไม่ว่าจิงจิงจะดึงไหล่ของเขาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมหันไปอย่างเด็ดขาด
เขารู้ดีว่าอาเจียงกำลังมองอยู่ เขากลัวที่จะเห็นสายตาของอาเจียง
จิงจิงนึกว่าสือโถวงอนอยู่จึงยกส้อมขึ้นส่งไปยังริมปากของเด็กหนุ่ม ผู้คนที่มองอยู่ด้านข้างพากันโห่ร้อง หยอกล้อพวกเขาไม่หยุด
ทันใดนั้นมีเสียงของแตกดังกังวาน
รัฐมนตรีเจี่ยงเผลอชนแก้วบนโต๊ะจนตกลงไปบนพื้นแตกละเอียด
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นว่า ?ขอโทษครับ? แล้วลุกขึ้นยืน หยิบเสื้อโค้ทมา บอกว่าที่เรือนใหญ่ยังมีเรื่องค้างต้องกลับไปสะสางอีก ตอนนี้รัฐมนตรีเจี่ยงพักชั่วคราวอยู่เรือนใหญ่ซึ่งเดิมทีเป็นบ้านของตระกูลเจี่ยง ที่นั่นถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นเรือนรับรองเมื่อหลายปีก่อน ใช้สำหรับเป็นที่พักของบรรดาผู้ใหญ่ที่มาจากต่างเมือง
เห็นรัฐมนตรีเจี่ยงออกไปด้วยบรรยากาศเย็นชา จิงจิงก็ผลักสือโถวเบาๆ ?พวกเธอเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ไปส่งเขาล่ะ?
สือโถวเหลือบสายตาขึ้นอย่างคนความรู้สึกช้า กำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น แล้วเดินตามหลังอาเจียงไปอย่างลังเล
สือโถวนึกถึงเมื่อคืน อาเจียงกลับไปโดยไม่พูดอะไรเลย เช้านี้ปรากฏว่าอาเจียงมาหาเขาอีกครั้ง พวกเขายังไม่ได้คุยกัน ประธานคณะกรรมการหมู่บ้านก็พาคนมาจำนวนหนึ่ง หลังจากนิ่งเงียบกันมาทั้งเช้า ในที่สุดความอดทนของอาเจียงก็หมดลง
สือโถวตามหลังชายหนุ่มอย่างเงียบๆ เขามองดูใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่ตามพื้น และเงาที่ส่ายไปมา...เงาของอาเจียง
ต่อมาเงานั้นหยุดลง สือโถวก็หยุดลงด้วยเช่นกัน
?เสี่ยวสือโถว...?
สือโถวได้ยินเสียงอาเจียงสูดลมหายใจเข้าลึก ทั้งเบาและเย็น





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แต่งงานกับผี ฟ้าดินเป็นพยาน จักครองคู่ร่วมเคียงกันไปทุกภพทุกชาติมิเสื่อมคลาย ด้วยเหตุนี้เมื่อถึงคราวที่ดวงวิญญาณของสือโถวมีอันต้องแตกสลาย อาเจียงจึงสละตบะทั้งหมดที่มีเพื่อเข้าสู่วัฏสงสารเดียวกัน เขาผ่านความทุกข์ยากลำบากในทุกภพทุกชาติร่วมกับสือโถว เพื่อรอคอยเวลาที่จะเก็บรวบรวมดวงวิญญาณให้สมบูรณ์ พันปีผ่านพ้นไป...อาเจียงที่เป็นคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ในชาตินี้ยังคงมีความผูกพันและปรารถนาจะปกป้องเสี่ยวสือโถวของเขาอยู่เช่นเดิม และความรักอันแสนตราตรึงในทุกอดีตชาติที่ผ่านมาคอยวนเวียนอยู่ในความฝันของเขาทุกค่ำคืนจนทำให้เขายากที่จะข่มตาหลับลง เขาคอยเฝ้าปกป้องอยู่ข้างกายอีกฝ่ายอย่างสุดหัวใจ ขอเพียงเสี่ยวสือโถวของเขามีความสุข ให้ทำอะไรเขาก็ยินดี ทว่าในที่สุดเมื่อเสี่ยวสือโถวของเขาเริ่มมีใจให้ อาเจียงกลับพบว่าตนเองไม่ได้รักอีกฝ่ายอีกต่อไป!?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”