New Release BLY แปล : เพียงรักข้ามภพ 1

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : เพียงรักข้ามภพ 1

โพสต์ โดย Gals »

บทที่หนึ่ง

สือโถว แซ่สือ ชื่อโถว
เขาทำงานอยู่ในที่ว่าการอำเภอของเมืองอันหลิง มีหน้าที่เช็ดทำความสะอาดดาบให้กับเหล่ามือปราบตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดขวบ สอบผ่านเข้าทำงานได้เมื่ออายุสิบแปดปี จนกระทั่งมีตำแหน่งเป็นมือปราบสือเช่นในขณะนี้ ชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านพ้นไปแล้วถึงสิบสามปี
แม้เขาจะเพิ่งมีอายุพอสวมเกี้ยว ได้ไม่นาน แต่นอกจากหัวหน้ามือปราบเฒ่าแล้ว เขากลับเป็นคนที่ทำงานในที่ว่าการอำเภอแห่งนี้มานานที่สุด
อำเภออันหลิงเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่ในสิบสามปีมานี้กลับเปลี่ยนตัวนายอำเภอมาแล้วถึงเก้าคน ซึ่งไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดบรรดานายอำเภอที่มารับหน้าที่จึงไม่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งได้นานเลยสักคน บ้างก็โดนโยกย้าย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักไม่ค่อยประสบกับเรื่องดีนัก...มีที่ป่วยตายในตำแหน่งบ้าง มีที่กระทำความผิดต่อหน้าที่จนโดนปลดบ้าง หรือออกท่องเที่ยวจนหายสาบสูญไปบ้าง จนในท้ายสุดถึงกับมีท่านที่ดื่มน้ำแล้วสำลักน้ำตาย...เอาเป็นว่า แต่ละคน หากไม่ตายก็พิการนั่นเอง
นานวันเข้าหมวกขุนนางประจำตำแหน่งนายอำเภอเมืองอันหลิงจึงกลายเป็นสิ่งที่มีอาถรรพ์มากที่สุดประจำแคว้นต้าเจา หากฮ่องเต้ทรงเห็นขุนนางคนใดเกะกะพระเนตร ก็จะ...ย้ายขุนนางเฒ่าจอมหัวรั้นผู้นี้ไปประจำเมืองอันหลิงเสีย! เมื่อสวมหมวกแล้ว ที่เหลือแค่รอเวลาให้สวรรค์ลงทัณฑ์ก็พอ วิธีนี้ใช้มากว่าสิบปี และยังคงได้ผลทุกครั้ง!
นายอำเภอเมืองอันหลิงที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อสองปีก่อนเป็นคนดวงดี ได้เจอกับหลวงจีนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนบังเอิญเดินธุดงค์ผ่านมาพอดี ด้วยเหตุที่หลวงจีนได้ทานอาหารเจของนายอำเภอไปหนึ่งมื้อ จึงชี้ทางสว่างให้กับนายอำเภอ หลวงจีนชี้ไปยังทิศตะวันออกของที่ว่าการอำเภอ กล่าวว่า ?ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นสถานที่ตั้งของประตูสู่โลกผี และสิบลี้ จากทิศตะวันออกเป็นสถานที่มืดชื้น เป็นดินแดนแห่งความตาย?
สิบลี้นับจากทิศตะวันออกของที่ว่าการอำเภอก็คือแม่น้ำผู่ บังเอิญเหลือเกินว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา สถานที่แห่งนั้นไม่สู้จะสงบเท่าใดนัก ไม่ว่าจะลงไปจับปลา ข้ามแม่น้ำ ซักผ้า หรือว่ายน้ำเล่น แต่ละปีจะต้องมีผู้จมน้ำตายโดยไม่ทราบสาเหตุเสมอ ด้วยเหตุนี้จึงมีข่าวลือมาเนิ่นนานว่า ในห้วงน้ำลึกของแม่น้ำผู่นั้นมีภูตผีที่กินคนอาศัยอยู่หนึ่งตน
มือปราบสือยังจำได้ว่า...คืนนั้นของเมื่อสองปีก่อน สายลมพัดโบก รอบด้านเงียบสงัด เป็นเวลาที่เหมาะแก่การฆ่าคนวางเพลิงเป็นอย่างยิ่ง เขาในตอนนั้นเพิ่งรับตำแหน่งได้เพียงสองวัน นึกไม่ถึงเลยว่าเบื้องบนจะสั่งให้เขาทำงานอันแสนยากลำบากงานหนึ่ง งานนั้นก็คือการสั่งให้เขาออกไปยังริมฝั่งแม่น้ำผู่กลางดึกพร้อมกับตาเฒ่าหัวโล้นผู้หนึ่ง เพื่อไปสวดมนต์ปลดปล่อยภูตผีตนนั้น
วันนั้นเป็นกลางเดือนเจ็ดซึ่งตรงกับเทศกาลปล่อยผี พอดี เมื่อตกดึก สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระยะ แม้แต่คนตีระฆังบอกเวลายังต้องหยุดตีไปหนึ่งคืน ด้วยเกรงว่าจะไปรบกวนบรรดาผีที่ออกมาสนุกสนานกันจนทำให้พวกนั้นตามมารังควาน!
มือปราบสือเดินตามหลังหัวโล้นไปเรื่อยๆ ตรงเอวของเขามีดาบเล่มใหญ่ประดับอยู่ สวมชุดเครื่องแบบประจำตำแหน่ง คิ้วเข้มตาโต สูงเจ็ดฉื่อ เป็นคนหนุ่มที่หล่อเหลาคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ตอนที่หลวงจีนเฒ่าเลือกคนที่จะมาด้วยกันนั้น นัยน์ตาสีเทาจับจ้องอยู่ที่มือปราบสือ จ้องจนทำเอาศิษย์พี่สือเหงื่อเย็นออกไปทั่วกาย จู่ๆ ก็เหมือนหายใจไม่ออก ยังไม่ทันคิด หลวงจีนเฒ่าก็ยิ้มอย่างมีเมตตาแล้วกล่าวขึ้นว่า ?เด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้มีวาสนา อาตมาจะพาเขาไปพร้อมกันด้วย!?
วาจาเดียวเป็นคำตัดสิน ต่อให้มือปราบสือจะไม่เต็มใจอย่างไร ก็ต้องตามหัวโล้นไปปัดเป่าไล่ผีแต่โดยดี

เดือนเจ็ดผีผุด น้ำในแม่น้ำผู่ไหลเชี่ยว เสียงลมหวีดหวิวแปลกออกไป
ตาแก่หัวโล้นยกนิ้วมือขึ้นคำนวณ พึมพำกับตนเองสักพักก่อนจะเอ่ยว่า ?ขอประสกสือหลับตาลงแล้วเดินไปทางทิศตะวันออกสิบก้าว และทุกๆ ก้าวขอให้สวดคำว่า ?วิญญาณจงกลับไป อย่าได้วนเวียนอยู่อีกเลย' ด้วย?
มือปราบสือจับด้ามดาบหนึ่งครั้ง รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาจึงยิ้มตอบกลับไปว่า ?ขอรับ?
หลวงจีนเฒ่าเอ่ยกำชับอีกว่า ?จำไว้ จำไว้ ห้ามลืมตาเป็นอันขาด?
มือปราบสือตอบ ?ขอรับ ขอรับ?
ถัดมา มือปราบสือหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หลับตาลง หลังตั้งตรง หลวงจีนเฒ่านั่งลงตรงเบื้องหลัง หันหน้าไปทางแม่น้ำอันมืดดำ สองมือประนม ประกบลูกประคำไว้ตรงกลาง ปากท่องบทสวดมนต์ไม่หยุด
ก้าวที่หนึ่ง ร้องเสียงดัง วิญญาณจงกลับไป อย่าได้วนเวียนอยู่อีกเลย!
ก้าวที่สอง ร้องเสียงดังอีกครั้ง วิญญาณจงกลับไป อย่าได้วนเวียนอยู่อีกเลย!
ก้าวที่สาม...
เสียงของมือปราบสือก้องราวระฆัง กังวานไปทั่วบริเวณ เขาหูตาไม่ฟังไม่ดูจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น บทสวดมนต์ของหลวงจีนที่อยู่เบื้องหลังยิ่งท่องยิ่งเร็วขึ้น น้ำในแม่น้ำก่อตัวเป็นคลื่นสูงอย่างกะทันหัน พร้อมกับเสียงฟ้าร้องกึกก้อง
มือปราบสือรู้สึกว่าพื้นดินรอบด้านสั่นไหว เขาเหยียบลงพื้นให้มั่น และกำลังจะก้าวก้าวที่สิบออกไป
หลวงจีนเฒ่าตะโกนเสียงดังขึ้นมากะทันหัน ?ยี่อ๋องได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!?
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องอย่างทรมาน มือปราบสือรับรู้ได้ว่ามีอันตราย ด้วยความร้อนรนจึงลืมตาขึ้นมองไปสองที เบื้องหน้าของเขามีแสงสีขาวปรากฏขึ้น พลันนั้นมีกองทัพนับพันอาชานับหมื่นผ่านหน้าเขาไป เขาไม่ทันจะได้มองให้ชัดเจนก็มีมือมือหนึ่งเอื้อมมาดึงเขาลงไปในแม่น้ำ!
มือปราบสือดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่สิ่งชั่วร้ายนั่นกลับพันธนาการแขนและขาของเขาไว้แน่น ในน้ำอันเชี่ยวกราก ชายหนุ่มเริ่มอ่อนแรงลง...
ความคิดแรกที่แวบเข้ามาของสือโถวคือ ตาแก่หัวโล้นคนนั้นทำเขาซวยเสียแล้ว!
ส่วนความคิดที่สอง...เขามองดูใบหน้ารางเลือนในน้ำอันมืดมิด รู้สึกตระหนกเป็นอย่างมาก ที่แท้เป็นผีหญิงสาวนี่เอง!
ไม่เพียงแค่เป็นผีหญิงสาวธรรมดา แต่ยังเป็นผีหญิงสาวที่สวยมากอีกด้วย
สุดท้ายของสุดท้าย มือปราบสือคิด มีผีหน้าตาดีแบบนี้มาฉุด ชีวิตนี้ของเขาถือว่าคุ้มค่าแล้ว

***

หากชีวิตนี้ของมือปราบสือจบลงเพียงเท่านี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็ถือว่าเป็นวาสนาแบบหนึ่ง เสียดายที่สวรรค์เมตตาเขาเป็นพิเศษ เช้าวันรุ่งขึ้นจึงมีผู้พบร่างของมือปราบสือถูกน้ำพัดพามาเกยอยู่บนฝั่ง
เมื่อมือปราบสือรู้สึกตัวก็รีบถามขึ้นว่า ?จับผีหญิงสาวได้หรือยังขอรับ??
หัวหน้ามือปราบเฒ่าเคาะศีรษะเขาอย่างแรง ?ผีหญิงสาวไม่มี มีแต่เนื้อหลวงจีน เอาหรือไม่!? มือปราบสือตกใจเป็นอย่างมาก เพิ่งรู้ว่าแม้ตนเองจะโชคดีไม่ตาย แต่หลวงจีนเฒ่าหัวโล้นผู้นั้นไม่ได้มีโชคแบบเขา ได้ข่าวว่าสภาพการตายของหลวงจีนเฒ่านั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด สิบนิ้วเปลี่ยนเป็นสีดำ ใบหน้าก่อนตายมีความตระหนกตกใจอย่างสุดขีด นายอำเภอจัดการวางศพลงในโลงแล้วฝังเสียทันทีในวันนั้น มือปราบสือยังเดินทางไปกราบไหว้เขาด้วย
ไม่แน่ว่าเพราะการไล่ผีในคืนนั้นประสบผลสำเร็จกระมัง นับจากคืนนั้นเป็นต้นมา แม่น้ำผู่ไม่เคยมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีก ไม่มีข่าวว่าเด็กบ้านไหนไปเล่นน้ำแล้วหายตัวไป และไม่มีข่าวว่าเรือหาปลาลำไหนล่มจนมีผู้เสียชีวิต แม้กระทั่งนายอำเภอยังมีชีวิตปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ แถมอนุภรรยาคนที่สามของนายอำเภอยังเพิ่งคลอดลูกชายตัวอ้วนพีให้กับเขาเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
เช่นนี้เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก น่ายินดีเหลือเกิน เพราะสุดท้ายแล้วผลของมันถือเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคนมิใช่หรือ?
ทว่า...ประสบการณ์ของมือปราบสือบอกพวกเราว่า เรื่องนี้ยังไม่จบแน่นอน

ตั้งแต่ที่นายอำเภอไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความอกสั่นขวัญแขวนอีกต่อไป มือปราบสือก็เริ่มกระสับกระส่ายยากจะหลับ ทั้งที่เขาบ่าหามได้ มือหิ้วได้ ไม่ขาดแขน ไม่ขาดขา หน้าตาก็ดูเหมือนจะไม่เลว...เฮ้อ ทำไมกัน? ตั้งแต่เริ่มฝึกยุทธ์เมื่อวัยเยาว์ก็มีเด็กผู้หญิงมาคอยเช็ดเหงื่อยื่นน้ำให้แล้วแท้ๆ! แถมจากมาตรฐานของเมืองอันหลิงแล้ว หน้าตาของมือปราบสืออยู่เหนือระดับชายหนุ่มในช่วงอายุไล่เลี่ยกันไปมากทีเดียว
ชายหนุ่มรูปงามที่มีหน้าที่การงานมั่นคงเช่นนี้ ควรจะมีแม่สื่อที่คอยหาเหล่าคู่แต่งงานมาให้เขาจนประตูบ้านของเขาพังไปตั้งนานแล้ว แต่มือปราบสือที่อายุกว่ายี่สิบแล้วนั้น ปัจจุบันยังคงไม่เห็นเขาแต่งนายหญิงคนไหนเข้าบ้านหลังเล็กๆ ในตรอกทิศตะวันตกของเมืองสักที หากเป็นผู้ที่ไม่รู้จักเขาเลย เมื่อทราบเรื่องนี้จะต้องกระซิบถามข้างหูเป็นแน่ว่า หรือว่า...ร่างกายของใต้เท้าสือท่านนี้มีโรคอะไร?!
หามิได้ หามิได้! ลองดูรูปร่างสูงใหญ่ของสือโถวนั่นสิ ไหนยังจะฝีมือยุทธ์ที่ดีเยี่ยม อีกทั้งในยามฤดูร้อน ท่อนแขนของเขาหลังจากถลกแขนเสื้อขึ้นนั้นแข็งแรงสวยงามกว่าคนอื่นอีกไม่น้อย จะมีโรคได้อย่างไร?
เมื่อพยายามสืบหาให้ลึกลงไปถึงได้ความว่า การที่ชายหนุ่มนิสัยดีเช่นมือปราบสือผู้นี้ไม่มีใครเลือกนั้นมีเหตุของมันอยู่
พ่อแม่บ้านใดหากถูกใจเขาเข้า เมื่อไปถามคนเป็นแม่สื่อเป็นได้ตกใจกันทุกคน
นึกไม่ถึงว่ามือปราบสือผู้นี้...จะเป็นคนที่มีดวงกินภรรยา!
เฮ้อ ใต้เท้าสือของพวกเราอยากบอกว่า เขาเองก็จนใจกับเรื่องนี้เหลือเกิน เรื่องที่เขามีดวงกินภรรยานี้ ไม่ว่าอย่างไรคงต้องย้อนเล่าไปถึงเหตุการณ์ไล่ผีเมื่อสองปีก่อน
เอาเป็นว่า แม้ครั้งนั้นเขาจะไม่ได้รับอันตรายอะไร หลังจากที่มือปราบสือพักฟื้นได้สองวันก็กลับมากระโดดได้เหมือนเดิม วิ่งไล่จับหัวขโมยไปทั่วถนน มือปราบสือไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก อายุสิบแปดแล้วก็ยังมิได้แต่งงาน นั่นเป็นเพราะหัวหน้ามือปราบเฒ่าที่เลี้ยงดูเขามาจนโตได้หมั้นหมายให้เขาไว้ตั้งแต่เด็ก บ้านของอีกฝ่ายอยู่ในหมู่บ้านยากจนของอำเภอข้างเคียง เป็นคนซื่อสัตย์และขยัน เดิมทีจะแต่งเข้าบ้านเมื่อสามปีก่อน ทว่านับแต่โบราณมาเรื่องดีมักต้องผ่านอุปสรรคเสมอ จึงประจวบกับผู้ใหญ่ในบ้านของนางเสียชีวิตพอดี เรื่องงานแต่งเลยต้องเลื่อนไปอีกสามปีแล้วค่อยว่ากัน
หลังจากเหตุการณ์ไล่ผีริมแม่น้ำผู่ก็ครบกำหนดสามปีพอดี มือปราบสือเตรียมตัวอย่างร่าเริง เร่งมืออย่างเต็มที่ในการจัดงานแต่งงานเพื่อเสริมมงคลให้กับตนเอง ไหนเลยจะรู้ว่าสินสอดยังไม่ทันจัดเตรียมเรียบร้อยดี พี่ชายคนโตของหญิงสาวก็นั่งรถม้ามา ร้องไห้บอกว่าน้องสาวของเขาป่วยเป็นโรคร้ายเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เสียชีวิตแล้ว!
มือปราบสือตกใจมาก เมื่อวานเขาเพิ่งออกเงินไปหลายตำลึง เพื่อสั่งทำกำไลคู่หนึ่ง กะจะมอบให้กับภรรยาในอนาคต หลายวันผ่านไปกำไลส่งถึง แต่ภรรยากลับไม่มีเสียแล้ว มือปราบสือลูบกำไลหยกในมือไปมา รู้สึกใจหายเหลือเกิน
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม่สื่อในอำเภอเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง พวกนางมาดื่มชาพูดคุยกันยังบ้านของศิษย์พี่สือ ไปมาหาสู่กันอยู่เช่นนี้ เพียงแค่ครึ่งเดือนก็ตกลงหมั้นหมายกันสำเร็จ ครั้งนี้ฝ่ายหญิงเป็นบุตรีของอนุภรรยาพ่อค้า กับมือปราบสือนั้นถือได้ว่าเป็นคู่ที่สวรรค์สรรค์แผ่นดินสร้างเลยทีเดียว
ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งตกลงหมั้นหมายได้ไม่นาน หญิงสาวคู่หมั้นผู้นี้แทนที่จะหลับอยู่ในห้องดีๆ กลับออกไปยังสระน้ำกลางดึกโดยไม่ทราบสาเหตุ เช้าวันถัดมาสาวใช้ในบ้านก็พบว่านางนอนแช่อยู่ในสระน้ำเสียแล้ว
หญิงสาวคนแรกป่วยตายก็แล้วไป แต่คนที่สองกลับเสียชีวิตลงอย่างน่าสงสัย ข่าวลือแปลกประหลาดเรื่องหนึ่งเริ่มกระจายไปในอำเภอ
จากเหตุการณ์นี้ เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน นายอำเภอถึงกับออกหน้าให้มือปราบสือด้วยตนเอง ด้วยการยกหลานสาวอันเป็นญาติห่างๆ ที่ยังมิได้ห่างไกลจนเกินลำดับชุดไว้ทุกข์ทั้งห้า ของอนุภรรยาคนที่สามให้กับมือปราบสือ
นายอำเภอทุบอกรับประกันกับสือโถวว่า หาคนตรวจดูดวงชะตาของนางเรียบร้อยแล้ว เป็นคนที่มีชีวิตยืนยาวอย่างแน่นอนที่สุด! ครั้งนี้มือปราบสือเองก็ไม่เลือกอีกแล้ว รีบตกปากรับคำทันที ในใจภาวนาว่าขอให้นางอยู่รอดปลอดภัยด้วยเถอะ จะได้รีบชะล้างชื่อเสียงที่ว่าเขามีดวงกินภรรยาทิ้งไปเสีย
ครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ สองครอบครัวแลกเปลี่ยนฤกษ์วันเดือนปีเกิดของกันและกัน และจัดเตรียมสินสอดไว้เรียบร้อย อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งเข้าบ้าน มือปราบสือเริ่มค่อยๆ วางใจลง...ใครจะรู้! ในวันแต่งงานสาวใช้ในห้องของนางร่ำไห้ ?คุณหนูทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่งแล้วหายตัวไปไหนไม่ทราบเจ้าค่ะ!? น่าสงสารมือปราบสือ เจ้าบ่าวก็ไม่ได้เป็น แถมยังต้องรับหน้าที่ติดตามหาตัวนางกลับมาอีก เขาพยายามเสาะหาอยู่นานกว่าครึ่งปี ไม่เพียงไม่มีเบาะแสว่าภรรยาที่ยังไม่ทันได้เข้าพิธีกับเขาคนนั้นหายตัวไปอยู่ที่ใด มิหนำซ้ำเป็นหรือตายยังไม่มีใครคาดเดาได้
คราวนี้จบสิ้นกันแล้ว สือโถวเอ๋ยสือโถว ทีนี้เจ้าคงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีดวงกินภรรยาอย่างสมบูรณ์แล้ว!
ในยุคสมัยนี้ แม้ฐานะของหญิงสาวจะไม่สูง แต่ไหนเลยจะมีครอบครัวที่ต้องการส่งบุตรีของตนเองไปหาที่ตาย?
ด้วยเหตุนี้แม้เห็นศิษย์น้องในที่ว่าการอำเภอของตนเองมีลูกน้อยสองคนและกำลังเริ่มคลานไปทั่วแล้ว มือปราบสือก็ยังคงไม่มีแม้แต่เงาของภรรยาอยู่เช่นเดิม
หัวหน้ามือปราบเฒ่าเห็นสือโถวเหมือนลูกชายคนหนึ่ง เมื่อทั้งคู่นั่งดื่มด้วยกัน หัวหน้ามือปราบเฒ่าตบโต๊ะด้วยใบหน้าเมามาย ?ชัดเลย! เจ้าก้อนหินเหม็น ต้องเป็นเพราะเจ้าไปล่วงเกินภูตผีเข้า พวกท่านถึงได้ทำให้เจ้าต้องสิ้นลูกสิ้นหลาน! วันหลังเจ้าต้องจัดเตรียมสำรับและสุราชั้นเลิศไปเผากระดาษทองให้กับพวกท่านที่ริมแม่น้ำ ขอร้องให้พวกท่านละเว้นเจ้าเสีย!?
มือปราบสือมีสีหน้าเหนื่อยใจ หลายปีมานี้เขาเดินอ้อมไม่ให้เห็นแม่น้ำผู่ตลอด หากต้องไปอำเภอข้างเคียง เขายอมเดินทางนานขึ้นอีกสามวันแทนการต้องข้ามแม่น้ำ แต่หัวหน้ามือปราบเฒ่ากลับบอกให้เขาเลือกวันมงคลแล้วไปเผากระดาษที่นั่นกลางดึก หากปล่อยให้ผีแม่น้ำตนนั้นรู้ว่าทำให้เขาจมน้ำตายไม่สำเร็จจนลากเขาลงไปอีกรอบจะทำอย่างไร?
หัวหน้ามือปราบเฒ่าดุเสียงดัง ?หากท่านคิดฆ่าเจ้าย่อมไม่ปล่อยเจ้าถึงวันนี้แน่! รีบไป รีบไป! หากปีหน้ายังไม่มีหลานให้ข้าอุ้มอีก ข้าจะฟันเจ้าทิ้งเสีย!?
หัวหน้ามือปราบเฒ่าเสียภรรยาไปตั้งแต่ยังหนุ่ม บุตรชายเพียงคนเดียวก็เสียชีวิตไปเช่นกันเลยเหลือตัวคนเดียว สือโถวรู้ดีว่ามือปราบเฒ่าหวังดีด้วยใจจริง จมูกจึงคัดขึ้นมาเล็กน้อย ในที่สุดก็พยักหน้ารับปาก

***

เป็นกลางเดือนเจ็ดคืนเทศกาลปล่อยผีอีกครั้ง สายลมหวีดหวิว รอบข้างเงียบสงัด ท้องฟ้ามืดมนเหมือนเดิมไม่มีผิด
เห็นเพียงเงาคนคนหนึ่งอยู่ริมแม่น้ำผู่ ยังคงแต่งกายด้วยเครื่องแบบมือปราบ ดาบเล่มใหญ่ห้อยอยู่ตรงเอว มือปราบสือนั่งคุกเข่าลง หยิบกล่องใหม่เอี่ยมออกมา วางสุราและอาหารอย่างเรียบร้อย จุดธูปสามดอก คำนับด้วยความจริงใจสามครั้ง
?ท่านมีจิตใจโอบอ้อมกว้างใหญ่ อย่าได้ถือโทษกับคนอย่างข้าน้อยเลย หากพี่สาวเห็นว่าของขอขมาเหล่านี้พอเข้าตาอยู่บ้าง ขอท่านได้โปรดยกโทษให้กับข้าน้อยด้วยเถิด ท่านอาจารย์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอีก? มือปราบสือยังคิดว่ามีผีหญิงสาวอาศัยอยู่ในแม่น้ำ ในเมื่อเป็นผีสตรี การเรียกอีกฝ่ายว่าพี่สาวต้องไม่ผิดแน่!
เขากล่าวด้วยความจริงใจก่อนจะคำนับอย่างตั้งใจ ต่อให้เป็นภูตผีจริงก็น่าจะหวั่นไหวพอควร
เขาไม่ได้ทำทั้งหมดนี้เพื่อตัวเขาเองเท่านั้น...เขาถูกพ่อแม่ทิ้งไว้กลางป่าตั้งแต่เด็ก โชคดีที่มือปราบเฒ่าเก็บเขากลับมาเลี้ยง มิเช่นนั้นเขาคงถูกสัตว์ป่าคาบไปกินแล้ว เขาไม่กลัวว่าตนเองจะสิ้นลูกสิ้นหลาน แต่มือปราบเฒ่าอายุมากแล้ว ความหวังเดียวคือให้เขารีบแต่งงานมีครอบครัว ความปรารถนาของสือโถวมีเพียงเรื่องเดียว นั่นคือขอให้มือปราบเฒ่ามีช่วงบั้นปลายชีวิตที่มีความสุข ลูกหลานห้อมล้อม หวังเพียงผีร้ายตนนี้จะให้เขามีโอกาสทำให้เป็นจริง
คืนนี้น้ำในแม่น้ำสงบนิ่ง ไร้เกลียวไร้คลื่น มือปราบสือเผากระดาษทองเรียบร้อย เปิดผนึกขวดสุรา เทลงไปในแม่น้ำครึ่งขวดแล้วจึงดื่มส่วนที่เหลือจนหมด เขายกแขนขึ้นเช็ดปาก ?เหล้าขวดนี้ถือว่าสือโถวคารวะท่าน ขอให้พี่สาวคุ้มครองให้ข้าน้อยได้แต่งกับหญิงสาวดีๆ ข้าน้อยรับปากว่าจะรักและดูแลนางเป็นอย่างดี จะทำให้นางมีความสุขไปชั่วชีวิต!?
สายลมเย็นเยือกพลันโชยมา เสียงหัวเราะเบาลอยผ่านหู ทำให้มือปราบสือยิ้มตามไปด้วยอย่างมึนเมา

เช้าวันรุ่งขึ้น นายเรือพายมา เห็นมือปราบสือแห่งเมืองอันหลิงนอนอ้าแขนอ้าขาอ้าปากอยู่บนฝั่งริมแม่น้ำก็ใช้ไม้พายจิ้มไปหลายทีจึงสะดุ้งตื่น สือโถวก้มลงดูใบไม้ที่ห่มตนเองไว้ด้วยสีหน้างุนงง ก่อนหันกลับไปมองธูปสามดอกที่ไหม้จนถึงโคน ไก่ย่างยังอยู่ที่เดิม ส่วนขาหมูไม่รู้ว่าโดนใครที่ไหนหยิบไปแล้ว
เขาเกาหน้าแกรกๆ แม้จะนอนกลางแจ้งมาหนึ่งคืน แต่กลับรู้สึกสดชื่นราวกับเมฆดำบนหัวสลายตัวไปอย่างนั้น

***

จากนั้นชีวิตยังคงดำเนินไปตามปกติ พริบตาก็มาถึงสิ้นปี มือปราบสือของพวกเรายังคงอยู่ในบ้านหลังเก่า ไม่มีแม่สื่อมาหา ส่วนตัวเขาเองก็ไม่กล้าบากหน้าไปร้องขอให้ใครหาคู่ให้ เพราะในใจส่วนลึกแล้วก็กลัวว่าจะเป็นการทำร้ายหญิงสาวเหล่านั้น
ปีนั้นอากาศแปรปรวน ในหนึ่งเดือนมีหิมะตกหนักอยู่หลายครั้ง แม้แต่แม่น้ำยังกลายเป็นน้ำแข็ง และถึงจะสวมเสื้อหนาวสามชั้นก็ยังสามารถหนาวจนโดนหิมะกัด เบื้องหน้าชาวบ้านร่ำไห้หาว่าสวรรค์พิโรธ แต่เบื้องหลังแอบซุบซิบกันว่าขุนนางผู้มีอำนาจและอภิสิทธิ์ชนในเมืองหลวงทำเรื่องชั่วช้า กังฉินครองราชสำนัก...แต่พวกเขาเพียงแค่ได้ฟังข่าวมาบ้างเป็นบางคราว เนื่องด้วยที่แห่งนี้ห่างไกลจากเมืองหลวงนัก จึงมิอาจรู้ได้ว่าข่าวลือนั้นเป็นจริงหรือเท็จ
อากาศหนาวเย็นเกินไป แม้แต่หัวขโมยยังไม่อยากออกมาทำงาน เมื่อไม่มีผู้ใดลักเล็กขโมยน้อย ที่ว่าการอำเภอเลยสงบเงียบกว่าทุกคราว วันนั้นมือปราบสือเลิกงานแต่เช้า ซื้อเหล้ามาหนึ่งขวด นั่งต้มขาหมูอยู่ในบ้าน...เขาดูแลบ้านมาตั้งแต่เล็กจึงมีฝีมือทำอาหารติดตัว ขาหมูเลิศรสหม้อที่เขากำลังต้มนั้น แม้แต่นายอำเภอเมื่อได้ชิมแล้วยังชมมิขาดปาก จนแทบอยากจะขอให้มือปราบสือเลิกเป็นมือปราบแล้วไปเป็นพ่อครัวของที่ว่าการอำเภอแทน
มือปราบสือไม่มีอะไรทำจึงหยิบมีดขึ้นเริ่มแกะสลัก เมื่อขาหมูขึ้นโต๊ะ เขาจัดการตักใส่ถ้วยหลายใบแล้วยกไปให้ท่านอาจารย์และเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงทั้งหลาย
เฮ้อ ทั้งที่เป็นชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงได้มีดวงกินภรรยากันนะ? ทุกคนต่างถอนหายใจอยู่ภายในอีกครั้ง
ด้านนอกมีหิมะตกโปรยปราย ภายในเรือนเล็กหลังเก่าจุดถ่านไว้อย่างเพียงพอจึงอบอุ่นยิ่งนัก มือปราบสือที่ทานข้าวเสร็จนั่งดื่มเหล้าเพียงลำพังพลันได้ยินเสียงเคาะประตูดัง ?ก๊อก ก๊อก? สองครั้ง
?มาแล้ว!? ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว มิทราบว่าผู้ใดจะมาเยี่ยมเขาได้?
สือโถวไปเปิดประตู แสงจ้าจากสีขาวทำให้ตาของเขาแสบพร่า เขาจ้องอยู่นานจึงเห็นว่ามีคนคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก
ถ้าจะพูดให้ตรง คือคนงามคนหนึ่ง
ถ้าจะให้ตรงยิ่งกว่า คือคนที่โดดเด่นเพียงหนึ่งในหมื่น คนที่พบได้ยากยิ่งในละแวกหมื่นลี้นับจากนี้ เพียงแค่คนคนเดียวก็สามารถฉุดมาตรฐานหน้าตาของทั้งอำเภอให้ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดได้ คนที่มีความงดงามอย่างร้ายกาจที่สุด...
อืม คนที่เป็นผู้ชาย
แม้คนงามตรงหน้าจะเป็นบุรุษ แต่ก็ทำให้มือปราบสือของพวกเราตะลึงไปเลยทีเดียว
คนงามสวมใส่ชุดสีขาว ดูไม่ออกว่าทำมาจากผ้าดีหรือเลว ใบหน้าอันงดงามก็เฉกเช่นเดียวกับชุดที่เขาสวมใส่ แทบจะกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับหิมะสีขาวที่โปรยปรายเต็มท้องฟ้า ขาวจนทำให้แสบตาได้เลยทีเดียว
ทว่าเส้นผมนั้นกลับเหมือนดั่งหมึกดำ ถูกหวีอย่างเรียบร้อยอยู่ด้านหลัง ปิ่นปักผมอันหนึ่งรวบพวกมันไว้จนดูเรียบลื่นดุจเส้นไหม
ลมเย็นพลันพัดมาอีกระลอก แม้แต่ชายหนุ่มร่างบึกบึนอย่างมือปราบสือยังหนาวจนตัวสั่นจึงมิต้องพูดถึงชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ ดูเขาสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น แถมยังไม่หนามาก มือปราบสือก็รีบเอ่ยเสียงทักทาย ?ท่านรีบเข้ามาก่อนเถอะ เดี๋ยวก็หนาวจนแข็งหรอก!?
คนงามก้าวเข้าเรือนอย่างเบาหวิว แถมยังพาไอเย็นเข้ามาด้วย แต่สู้ความอบอุ่นในเรือนไม่ได้ ไม่นานไอเย็นเหล่านั้นก็ถูกขับไล่หายไป
ในเรือนมีชาร้อนพร้อมดื่ม มือปราบสือรีบไปรินให้คนงามหนึ่งถ้วย บอกให้เขาถือไว้ในมือให้อบอุ่น
เมื่อคนงามนั่งลงในเรือนก็กวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างเงียบๆ เรือนเก่าหลังเล็กนี้ไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีสองห้องเล็กแค่นั้น ส่วนห้องครัวและห้องน้ำอยู่ด้านหลัง ลุกขึ้นยืนเดินไปสองก้าวเลี้ยวมุมก็ถึงห้องนอน ส่วนห้องนี้เอาไว้ต้อนรับแขก มีโต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว ด้านข้างเผาถ่านไฟไว้ ส่วนประตูหลังมีอักษรฝูกลับหัว สีแดงติดไว้ แลดูกระดาษสีแดงที่เริ่มซีดจางแผ่นนั้น น่าจะติดมาหลายปีแล้วเป็นแน่
?ท่าน...ชื่อว่าอะไรหรือ??
คนงามหันมามองตามเสียง เขามีคางแหลมเรียว รอบกายเหมือนมีไอเย็นปกคลุมบางๆ นัยน์ตางดงามทั้งคู่ดำสนิท ขนตากระพือขึ้นลงราวกับปีกผีเสื้อ ริมฝีปากแดงอย่างเหลือเชื่อประดุจเหมยแดงที่อยู่ท่ามกลางหิมะ ช่วยส่งเสริมความงดงามให้ยิ่งขึ้นไปอีก
?อาเจียง? คนงามตอบมาเช่นนี้
ผู้ที่งดงามถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าเสียงย่อมไม่แตกต่างกัน ไม่ได้อ่อนนุ่มเหมือนกับสตรี มันทุ้มต่ำราวกับสายพิณเส้นต่ำสุดยามถูกดีด ส่งเสียงไพเราะทุ้มลึกออกมา
มือปราบสือถูมือไปมา มองดูริมฝีปากสีแดงอ้าออกแล้วปิดลงก็ร้อนผ่าวขึ้นมาที่หน้าอย่างไร้สาเหตุ จึงรีบโบกมือพร้อมเอ่ยขึ้นว่า ?พี่เจียง ดื่มชาสิ?
คนงามไม่ชอบพูด เขานั่งเงียบอยู่ตรงนั้นราวกับภาพวาดที่สงบนิ่ง ทว่าดวงตาของเขากลับมีชีวิต มองดูตรงนี้ มองดูตรงนั้น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย มีลักยิ้มตื้นๆ คู่หนึ่ง สุดท้ายเขาหันมามองสือโถวที่อยู่ข้างๆ
เพียงมองดู
มือปราบสือเกาหน้า ?ข้า...ข้ามีอะไรน่าดูอย่างนั้นรึ? พูดจบเขาก็อยากตบหน้าให้ตนเองมีสติสักสองฉาด มือปราบสือก็เป็นเสียเช่นนี้ พอเผชิญหน้ากับคนงามเป็นไม่มีลิ้น เหมือนคนไม่มีสมอง
คนงามราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร จึงค่อยๆ ยิ้มออกมา
มือปราบสือตะลึงไปอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าลง แอบชำเลืองมองไปยังนิ้วมือของคนงามที่วางอยู่บนโต๊ะ
มือนั้นดูเหมือนจะใหญ่กว่าของเขา เช่นเดียวกับไหล่ของคนงาม มันกว้างถึงเพียงนั้น ส่วนส่วนสูงนั้น...ดูเหมือนจะสูงกว่าเขาอยู่ครึ่งศีรษะ
มือปราบสือพลันนึกอะไรขึ้นมาได้เลยตบโต๊ะดังตุ้บ ถามขึ้นว่า ?พี่เจียงทานอะไรมาหรือยัง??
คนงามเหมือนจะงุนงงเล็กน้อยจึงเงียบไปสักพักแล้วส่ายหน้าเบาๆ
มือปราบสือรีบลุกขึ้น วิ่งเข้าไปในครัว ปึงๆ ปังๆ ยุ่งอยู่ครึ่งก้านธูปกลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมา ก่อนจะเห็นมือปราบสือยกขาหมูอบชามใหญ่ออกมา และผัดผักอีกสองชามกับตะเกียบหนึ่งคู่
?ท่านลองทานดูสิ นี่คือฝีมือลับเฉพาะของข้าสือโถวเลยนะ? มือปราบสือเอ่ยเสียงดัง ทั้งจัดวางจานชามทั้งยื่นตะเกียบ
ขาหมูนั้นอบมาแล้วสองวัน รสชาติซึมเข้าเนื้อเป็นอย่างดี ก่อนจะไปตุ๋นจนนุ่มมากเป็นพิเศษ กล่าวได้ว่าละลายในปากได้เลย คนงามราวกับไม่น่าจะทานอาหารของมนุษย์กลับรักษาน้ำใจผู้อื่นเป็นอย่างดี เลือกทานเฉพาะเนื้อเท่านั้น ไม่แตะผักอื่นเลยแม้แต่น้อย สือโถวไปขอเหล้าจากเพื่อนบ้านมาได้สองขวด เพิ่งกลับมาถึงก็เห็นขาหมูหายไปสองข้าง
เห็นคนงามทานจนปากมันไปหมด มือปราบสือก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ?พี่เจียง อิ่มหรือยัง??
คนงามไม่ได้เกรงใจเขาแม้แต่น้อย ส่ายหน้าไปมา
สือโถวยิ้มกว้าง รีบเข้าไปยกส่วนที่เหลือในหม้อออกมาจนหมด เขานั่งลงบนเก้าอี้ รินเหล้าให้กับทั้งคู่ก่อนจะแอบชำเลืองมองอย่างอดไม่อยู่ คนงามกินข้าวอย่างมีมารยาท มือคีบตะเกียบไว้ ไม่ช้าไม่เร็ว มือปราบสือแอบคิดในใจ มือข้างนั้นถือพู่กันได้และถือดาบได้เช่นกัน
?หิมะนี้ไม่รู้จะตกถึงเมื่อไร ตอนนี้น้ำในแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง หากจะข้ามแม่น้ำจำเป็นต้องรออีกสักพัก หากพี่เจียงไม่รังเกียจสถานที่คับแคบแห่งนี้ ท่านสามารถพักรอที่นี่ได้? เมื่อเหล้าหลายจอกเทเข้าท้อง มือปราบสือก็มีความกล้าขึ้นมาจึงเอ่ยปากรั้งอีกฝ่าย
เขาคิดว่าอาเจียงเป็นบัณฑิตที่จะเดินทางไปสอบคัดเลือกในเมืองหลวง อาจเพราะใช้เงินจนหมดหรือเพราะเหตุอื่น เนื่องจากดูเหมือนอาเจียงจะหิวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว คืนนี้อากาศหนาวถึงเพียงนี้ หากขับไล่คนงามออกไป คนงามจะยังสามารถไปเคาะประตูบ้านไหนได้อีก มือปราบสือเองก็ได้รับการเลี้ยงดูมาจากคนดี เขาจึงมีใจอบอุ่น รู้จักบุญคุณคน และอยากให้ตนเองเติบโตกลายเป็นคนดีแบบนั้นเช่นกัน
?เช่นนั้นก็ขอรบกวนด้วย? อาเจียงมิได้บ่ายเบี่ยง เขาตอบตกลงอย่างง่ายดายราวกับตัดสินใจมาแต่ต้นแล้วว่าจะค้างที่นี่
นับแต่นั้นบ้านใกล้เรือนเคียงต่างรู้กันว่า มือปราบสือมีแขกที่บ้าน และจะพักอยู่อยู่กับเขาตลอดฤดูหนาวนี้ แม้ด้านนอกหนาวเหน็บ ทว่าในใจของมือปราบสือกลับเป็นฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ในหัวใจกำลังเบ่งบานไปทั่วทุกแห่งหน





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สือโถว มือปราบแห่งอำเภออันหลิง เป็นชายหนุ่มหล่อเหลาที่มีรูปร่างกำยำและฝีมือยุทธ์เยี่ยมยอด ทว่านับแต่ที่เขาได้รับมอบหมายให้ไปไล่ผียังแม่น้ำผู่ เขากลับกลายเป็นสามีที่มี ?ดวงกินภรรยา? อันเลื่องชื่อที่สุดในอำเภอ! สะใภ้ที่ยังมิทันได้แต่งเข้าบ้าน หากมิใช่สิ้นลมหายใจก็เป็นตายไม่แน่ชัด สือโถวจึงต้องยอมขอขมาแต่โดยดี กราบอ้อนวอนต่อท่านแม่น้ำผู่ว่าอย่าให้เขาต้องสิ้นลูกสิ้นหลานเลย! ด้วยเหตุนี้คำอธิษฐานของสือโถวจึงเป็นจริง เขาได้พบกับผู้ที่มีความงามเป็นอันดับหนึ่ง...แต่กลับเป็นบุรุษ! โฉมงามมีไหล่กว้าง มือใหญ่ แถมดูเหมือนว่าจะสูงกว่าเขาเสียอีก ผิวขาวประดุจหิมะราวกับภูตผีหรือปีศาจ ความงดงามจนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภาเช่นนี้ทำให้สือโถวรู้สึกเหมือนกับว่าตนเอง...กำลังมีความรัก มิหนำซ้ำความรักที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้ ยังสานต่อไปนับร้อยปีพันปีเลยทีเดียว!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”