New Release BLY แปล : รักแรกที่ไม่รู้จัก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : รักแรกที่ไม่รู้จัก

โพสต์ โดย Gals »

รักแรกที่ไม่รู้จัก

0

จังหวะไม่ดีเอาเสียเลย
เขารู้ตัวดีว่าเป็นพวกที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นได้ง่ายๆ
?เดี๋ยวก่อนสิ ผมบอกมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากเลิก?
?...ทางนี้ก็บอกมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหมือนกัน ว่าฉันทนคบกับนายต่อไปไม่ไหวแล้ว?
ทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าคือท้องฟ้ายามสายัณห์สีสว่างเจิดจ้า ฝั่งตรงข้ามชานบันไดทางออกฉุกเฉินด้านหลังตึกตรงนี้มีพุ่มไม้เล็กๆ ซึ่งถูกแต่งแต้มไปด้วยใบไม้สีแดงตามช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงเช่นปัจจุบันอยู่ สีแดงของเส้นขอบฟ้ายามเย็นเกือบจะปะปนไปกับสีแดงของใบไม้แต่ก็ยังคงตัดกันอย่างชัดเจน ภาพนั้นเกือบทำให้เขาลืมไปชั่วขณะว่าที่นี่คือบริษัทที่เขาเพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงสองสัปดาห์ก่อนหน้า
?ทนไม่ไหวแล้วเหรอ เพราะอะไร? คุณไม่ได้เกลียดผมสักหน่อยนี่? ถ้างั้นก็คบกันเหมือนที่ผ่านมาไม่เห็นจะเป็นไรเลย?
?ต้องให้พูดอีกรอบรึว่าฉันไม่อยากคบกับคนที่คิดจริงจัง??
ใต้ท้องฟ้ายามเย็นในฤดูใบไม้ร่วงมีเสียงของคนสองคนลอยกระทบหู ไม่ต้องฟังมากกว่านี้ก็รู้ว่าเป็นการบอกเลิก ความจริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจก็ได้เพราะมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อีกทั้งยังเป็นเรื่องของคนอื่น แต่เขาไม่สามารถออกไปจากตรงนี้ได้จนกว่าคนพวกนั้นจะออกไปจากชานบันไดที่อยู่ต่ำกว่าเขาไปหนึ่งชั้น เรื่องนี้แหละที่ทำให้เขาลำบากใจ
ประตูทางออกฉุกเฉินที่เชื่อมกับด้านในตึกนั้นเป็นประตูทำจากเหล็กซึ่งมีน้ำหนักมาก ทุกครั้งที่เปิดหรือปิดมันจะส่งเสียงดังก้องเสมอ เขาไม่อยากสอดรู้สอดเห็นพวกที่มาบอกเลิกกันแถวนี้ทันทีหลังเลิกงานหรอก แต่ไม่มีอะไรรับประกันว่าถ้าหากฝ่ายนั้นรู้ว่ามีคนนอกมาได้ยินจะยอมปล่อยไปแต่โดยดีรึเปล่า ทว่าตัวเขาก็มีธุระที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้เหมือนกัน
หลังจากเขาคร่ำครวญในใจเบาๆ ก็หวนนึกถึงเสียงและบทสนทนาที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ คงไม่ใช่หรอกมั้ง เขาส่ายหน้าและลองแอบมองลงไปตรงชานบันไดใต้ชั้นที่ตัวเองอยู่ มองลงไปจากท้องฟ้ายามเย็น...นั่นทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก



1


ทาซากะ โทรุได้รับแจ้งว่าเขาจะถูกส่งไปประจำแผนกขายในเย็นวันนี้ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากช่วงฝึกงานหลังเข้าบริษัทได้สองสัปดาห์
โทรุพูดไม่ออกทันที ทั้งที่เขามั่นใจว่าไม่น่าเป็นไปได้แท้ๆ กลับกันฮิงาชิโนะซึ่งอยู่ข้างๆ กันเป็นฝ่ายร้อง ?เอ๊ะ? ออกมาแทน
?ฮิงาชิโนะซังอยู่แผนกธุรการนะคะ เอาเป็นว่าภายในวันนี้ให้พวกคุณทั้งสองคนไปแนะนำตัวกับแผนกของตัวเองให้เรียบร้อย ทางแผนกธุรการขอให้ไปตั้งแต่ตอนนี้เลย ส่วนแผนกขายทางนั้นเขาขอให้ไปทันทีหลังเลิกงาน ทาซากะซังจะไปพักรอเวลาก่อนก็ได้ค่ะ?
?เอ่อ?
?เอ่อ เดี๋ยวก่อนสิครับ! ทำไมทาซากะซังถึงไปอยู่แผนกขาย แล้วผมไปอยู่แผนกธุรการล่ะครับ!? แบบนี้มันตรงข้ามกับความประสงค์เลยนี่ครับ!??
ฮิงาชิโนะลุกยืนอย่างแรงจนเก้าอี้เคลื่อน ถ้าว่ากันตามอายุแล้ว ฮิงาชิโนะอายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปี แต่พวกเขาสมัครเข้าบริษัทนี้ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในวันเดียวกัน ฝึกงานมาด้วยกัน จึงพอจะเรียกว่าเป็นรุ่นเดียวกันได้ นั่นทำให้ฮิงาชิโนะรู้ว่าโทรุประสงค์จะอยู่ในแผนกธุรการ และโทรุก็รู้เช่นกันว่าฮิงาชิโนะประสงค์จะอยู่แผนกขาย
พนักงานหญิงฝ่ายบุคคลที่ทำหน้าที่ฝึกสอนพวกเราในสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตอบฮิงาชิโนะซึ่งกำลังส่งสายตาเอาเรื่องด้วยความเยือกเย็น
?ฉันทราบความประสงค์ของพวกคุณค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าพวกคุณจะได้อยู่ในแผนกที่ต้องการเสมอไป นั่นเป็นเรื่องที่แจ้งเอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์ก่อนเข้างาน รวมถึงตอนอบรมพนักงานใหม่ด้วยค่ะ?
?แต่ทาซากะซังไม่มีประสบการณ์ด้านการขายนะครับ! เจ้าตัวก็ไม่อยากทำด้วย...?
?คุณคงไม่ทราบ แต่ทาซากะซังเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการขายนะคะ และยังมีประสบการณ์มากกว่าฮิงาชิโนะซังหนึ่งปี ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินแผนกจากระยะเวลาหรอกนะคะ?
ฮิงาชิโนะขมวดคิ้วจ้องมองมาที่โทรุเขม็ง เขานิ่งทนรับสายตาที่ทิ่มแทงมายังใบหน้าโดยที่ฝ่ายบุคคลยังคงพูดต่อไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน
?อีกอย่าง ฮิงาชิโนะซังมีความจำเป็นต้องพูดแทนทาซากะซังด้วยหรือคะ??
เมื่อถูกตำหนิ ฮิงาชิโนะจึงค่อยสงบอารมณ์ลงได้ ฮิงาชิโนะสูดหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่งแล้วพูดออกมาเบาๆ ?ขออภัยครับ? พลางหย่อนสะโพกลงนั่ง ผู้รับผิดชอบฝ่ายบุคคลมองกิริยานั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับมาพูดกับฮิงาชิโนะและโทรุซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ อีกครั้ง
?เกี่ยวกับงานตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ขอให้ถามกับทางแผนกของตัวเองนะคะ เมื่อเสร็จแล้ววันนี้ก็กลับบ้านได้ค่ะ?
โทรุมองส่งแผ่นหลังเพรียวที่เหมาะกับกระโปรงรัดรูปเดินออกจากห้องประชุมแล้วเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ห้าโมงสามสิบนาที ดังนั้นเหลือเวลาอีกสามสิบนาทีก่อนเลิกงาน ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะไปฆ่าเวลาที่ไหนดีก็มีเสียงเรียก ?ทาซากะซัง? ตวัดขึ้นมา
?มัวทำอะไรอยู่ครับ!? รีบตามไปขอออกจากฝ่ายขายสิครับ! ต้องพูดให้ชัดนะครับว่าคุณประสงค์จะอยู่แผนกธุรการ?
?...เมื่อกี้เขาเพิ่งบอกว่าเราอาจไม่ได้อยู่ในแผนกที่ต้องการเสมอไปนี่ครับ?
?แต่มันแปลกนะ!? ทั้งที่ตอนนี้มีแค่ฉันกับนาย ฉันอยากอยู่ฝ่ายขาย นายอยากอยู่ธุรการ แต่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้! แล้วทำไมนายถึงปิดบังเรื่องที่ตัวเองมีประสบการณ์ด้านการขายหา!??
แม้ว่าฮิงาชิโนะจะมีท่าทีหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นไม่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจใดๆ หากดูจากคำพูดจิกกัดและท่าทีดูหมิ่นอย่างชัดเจนในช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงที่อีกฝ่ายใช้คำสุภาพตามมารยาทกับเขานี่สิถึงเรียกว่าแปลก
?ไม่ได้ปิดบังครับ แค่ไม่เคยพูดถึงเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องแผนก ดูจากท่าทางแบบนั้นแล้วจะพูดอย่างไรก็คงเปล่าประโยชน์ละมั้ง?
โทรุลุกขึ้นมุ่งไปยังทางออกของห้องประชุมทันที และหันกลับมาเตือนฮิงาชิโนะที่เดินไล่หลังมา
?ฝ่ายธุรการบอกว่าให้ไปเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เหรอครับ ไม่รีบไปจะดีรึไง??
?อ๊ะ!?
ฮิงาชิโนะทำหน้านิ่วทันทีที่หันไปมองนาฬิกาบนผนัง ชายหนุ่มเดาะลิ้นอย่างหัวเสียแล้วผลักโทรุไปให้พ้นทาง
?ไงก็ตามฉันไม่ยอมแน่! พรุ่งนี้นายไปแจ้งความประสงค์ของตัวเองให้ชัดเลยนะ!?
โทรุมองอีกฝ่ายเดินออกจากห้องประชุมแล้วถอนหายใจเบาๆ
เขาเห็นประกาศรับสมัครพนักงานเมื่อสองเดือนก่อน จำนวนที่ประกาศรับมีเพียงสองตำแหน่ง หนึ่งในนั้นคือตำแหน่งฝ่ายขาย ส่วนฮิงาชิโนะ คนที่เขาเพิ่งเคยพบในวันที่เข้ามาฝึกงานพร้อมกันนั้นประกาศตัวว่าอยากทำฝ่ายขาย อีกทั้งยังบอกว่าถึงตนจะเข้ามาด้วยเส้นสายแต่ก็มีประสบการณ์และมีความมั่นใจพอสมควร
โทรุจึงวางใจว่าถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงไม่ถูกส่งไปอยู่ฝ่ายขายแล้วกระมัง แต่ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ โทรุต่างหากที่อยากถาม
?ถ้าเบื้องบนสั่งมาก็ขัดคำสั่งไม่ได้หรอก ไม่ใช่โรงเรียนสักหน่อย?
กว่าจะหาบริษัทที่ทำให้เขามีงานทำอีกครั้งได้ เขาไม่คิดทักท้วงฝ่ายบุคคลให้เสียภาพลักษณ์เด็ดขาด แม้จะไม่เต็มใจที่ต้องไปอยู่แผนกนั้น แต่ก็มีแต่ต้องทำเท่าที่ทำได้
โทรุส่ายหัวเบาๆ อย่างแรกที่ต้องทำคือหาที่ตั้งของแผนกขาย ถ้ามัวเอ้อระเหยเพราะคิดว่ามีเวลาจนไปสายละก็ จบกัน
โถงลิฟต์ที่เขามุ่งหน้าไปนั้นแทบไม่มีวี่แววของคนจนน่าขนลุก อาจเพราะใกล้เวลาเลิกงานแล้วก็เป็นได้ ทั้งผนังข้างประตูหรือแม้กระทั่งโถงลิฟต์ที่เขาเดินเข้ามาเต็มไปด้วยโปสเตอร์โฆษณาโปรโมชันลิฟต์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยสำหรับใช้ในการพยาบาลซึ่งเขาได้ยินจากตอนฝึกงานว่าเป็นสินค้าใหม่ของไตรมาสนี้
ที่ที่โทรุได้มาทำงานอีกครั้งคือบริษัทเวชภัณฑ์ทานิชิเกะ เป็นบริษัทซึ่งทำงานด้านเวชภัณฑ์ตามชื่อ นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ของตัวเองแล้วยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่นด้วย แม้จะเป็นบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานแต่ก็มีสาขาย่อยตั้งอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ คู่ค้าทางธุรกิจไม่ได้มีเพียงบริษัทที่เกี่ยวกับเวชภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงสถานพยาบาลและองค์กรกีฬา
ผลิตภัณฑ์ของที่นี่มีความหลากหลายถึงขนาดนั้นดังที่ว่ามาข้างต้น สิ่งที่เขาได้เรียนรู้ตอนฝึกงานเป็นเพียงการจำแนกคร่าวๆ เท่านั้น แต่ในเมื่อถูกส่งไปอยู่แผนกขายแล้วก็จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจเรื่องเหล่านั้นอย่างละเอียด พอคิดมาถึงตรงนี้ ใจของเขาก็หนักอึ้งทันที
ประตูลิฟต์เปิดพอดี มีคนจำนวนหนึ่งเดินออกมาจากในนั้น โทรุรีบแทรกตัวเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมที่เหลือเพียงความว่างเปล่าก่อนประตูจะปิดลง แผนผังที่ติดอยู่ข้างตารางบอกชั้นมีตัวอักษรที่เขียนว่าแผนกขายอยู่ตรงชั้นหก
...พูดถึงแผนกขายแล้ว ไม่ว่าจะในบริษัทไหนก็เป็นแผนกยอดนิยมเกือบทั้งนั้น แม้จะเหนื่อยเพราะต้องสื่อสารกับคนอื่นก็ตาม แต่ในตอนที่ทำสัญญาได้จะรู้สึกประสบความสำเร็จและสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้จากการได้สัมผัสมาโดยตรง ตอนที่โทรุยังอยู่ในบริษัทเก่าก็ไม่ได้ไม่พอใจกับงานฝ่ายขายเลย เขาก็ชอบในแบบของเขาอยู่เหมือนกัน แต่ว่า...
ในระหว่างที่โทรุกำลังพูดให้ตัวเองฟัง ไฟเลข 6 ที่อยู่ด้านข้างประตูก็ติดขึ้นมา ทันทีที่เขาเห็นป้าย ?แผนกขาย? บนประตูฝั่งตรงข้ามที่ลิฟต์เปิดออกอย่างเชื่องช้า หน้าของเขาก็ซีดเซียวขึ้นมาทันควัน
โทรุยกมือกุมลิ้นปี่โดยอัตโนมัติ เขาทรุดลงกับพื้นจากความอึดอัดที่โถมเข้าใส่ พยายามกลั้นความรู้สึกที่เหมือนจะอาเจียน ขณะนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวกำลังถูกยกลอยขึ้นอีกครั้ง นั่นเป็นตอนที่เขาได้สติว่าลิฟต์กำลังเคลื่อนที่
โทรุรีบเอื้อมนิ้วกดหมายเลข 7 ที่อยู่บนนั้น คิดภาวนาเพียงแค่ขอให้ไม่มีใครสังเกตเห็น เพียงอึดใจก็ถึงชั้นเจ็ด ซึ่งถูกใช้เป็นห้องพักสาธารณะควบกับโรงอาหารของพนักงาน ไม่รู้ว่าเพราะเป็นเวลานี้หรือเปล่า ตัวห้องจึงร้างไร้ผู้คน
เขาเดินออกจากลิฟต์เมื่อเห็นว่าตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลา ตั้งใจว่าเอาไว้ค่อยกลับไปใหม่ทีหลัง ห้องพักสำหรับพนักงานที่เขายังไม่เคยใช้สักครั้งทำให้เขาประหม่าที่จะเข้าไป เมื่อมองดูรอบๆ แล้วจึงเดินไปยังประตูที่มีป้ายเขียนว่าประตูฉุกเฉิน อีกฟากของประตูเหล็กหนักอึ้งมีบันไดนอกอาคาร ลมเย็นชวนให้สดชื่นเข้าปะทะใบหน้า
ดงไม้เล็กๆ ที่แผ่ขจรอยู่ฝั่งตรงข้ามราวบันไดเต็มไปด้วยไม้ผลัดใบ กิ่งก้านตัดแสงจ้าของท้องฟ้ายามเย็นด้านหลังเป็นเงาดำเด่นชัด โทรุก้าวออกไปด้านนอกประตูโดยไม่รู้ตัวเมื่อถูกสีสันของฤดูใบไม้ร่วงช่วงชิงสายตา
โทรุพิงตัวกับราวบันได ถอนหายใจรอจนกว่าจะสงบอารมณ์ได้ ระหว่างนั้นก็เหลือบเห็นเข็มนาฬิกาข้อมือชี้ไปที่เวลาเลิกงานพอดิบพอดี ได้เวลาไปแล้วกระมัง ในตอนที่เขาพยายามตั้งสติก็มีเสียงเปิดประตูหนักๆ ดังมาจากด้านล่าง
ถ้าโดนเจอตัวคงเป็นเรื่องแน่ โทรุจับราวบันไดแล้วรีบย่อตัวลงไปตรงนั้น แต่แล้วก็ต้องอึ้งกับบทสนทนาที่ฟังอย่างไรก็เป็นคู่รักทะเลาะกัน
และตอนนี้เขากำลังพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นต้นเสียงของบทสนทนาที่เขานึกประหลาดใจตั้งแต่ตอนได้ยิน
?บอกว่าไม่อยากคบงั้นเหรอ ไม่ลองคิดดูหน่อยรึไง คุณไม่ได้เกลียดผมนี่?
?พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ตัดใจแล้วไปหาคนอื่นเถอะ คนอย่างนายหาแฟนได้ไม่ยากอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
?ไม่เอาหรอก คนที่ชอบอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ ทำไมผมจะต้องไปหาคนอื่นด้วยเล่า?
เสียงที่รุกไล่ถามเริ่มทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับอีกเสียงที่ยังคงความเยือกเย็นไว้ได้ แต่ไม่ว่าเสียงไหนก็เป็นเสียงโทนต่ำ การใช้คำพูดก็ห่ามๆ พอมองลงไปด้านล่าง แม้จะมองจากไกลๆ ก็รับรู้ได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงชานบันไดมีร่างสูง คนหนึ่งใส่สูทสีกรมท่า อีกคนใส่สีน้ำตาลอ่อน
...มีผู้ชายสองคนกำลังทะเลาะกันเหมือนคู่รัก
หัวสมองโทรุกลายเป็นสีขาวโพลนเมื่อได้เห็นสถานการณ์ไม่น่าเชื่อ ในตอนนั้นฝ่ายชายซึ่งสวมสูทสีกรมท่าก็มองขึ้นมาทางนี้พอดี ขนทั้งร่างของเขาลุกชันเมื่อสายตาประสานกัน
สูทสีกรมท่าที่ให้อารมณ์เคร่งครัด เนกไทที่ถูกผูกแน่นไม่ปล่อยให้หลวมแม้แต่นาที ทรงผมที่ถูกจัดทรงอย่างเป็นธรรมชาติบวกกับแว่นตากรอบเงินที่ดูเยือกเย็น ...และสายตาเฉียบคมที่มองผ่านเลนส์มายังเขา
?อึก?
ทำไมหมอนั่นถึงมาอยู่ที่นี่
ความอยากอาเจียนพลุ่งขึ้นมาทันทีและรุนแรง โทรุรีบปิดปากโดยอัตโนมัติ พยายามยันท่อนขาที่ไร้เรี่ยวแรงให้ตั้งตรงกับพื้น ในตอนนั้นใบหน้าสวมแว่นก็หายไปจากสายตา
?หมดเวลาแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะไม่รับโทรศัพท์ส่วนตัวจากนายอีก?
เสียงโทนต่ำที่ลอยเข้าหูคงเป็นของชายสวมสูทกรมท่า...เป็นเสียงของชายใส่แว่นคนนั้น
?ดะ เดี๋ยวสิ! อย่างน้อยฟังผมหน่อย...?
เสียงเปิดประตูดังขึ้นราวกับจะกลบเสียงเรียกรั้ง ไม่นานก็มีเสียงเหล็กหนักดังตามไปติดๆ หลังจากนั้นรอบข้างก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด
?.....?
โทรุเลื่อนมือออกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
...คนละคน ชายใส่แว่นคนนั้นไม่ใช่หมอนั่น โทรุย้ำให้ตัวเองฟังอย่างเอาเป็นเอาตาย
เพราะสายตามัวแต่จับจ้องแว่น เขาจึงจำโครงหน้าไม่ได้ แต่เสียงที่เขาได้ยินเมื่อครู่ไม่เหมือนหมอนั่นเลยแม้แต่น้อย เสียงของหมอนั่นต้องสูงกว่านี้ หยาบกระด้างกว่านี้ ไม่ต้องเห็นหน้าก็จำได้ในทันทีอยู่แล้ว ที่สำคัญหมอนั่นไม่มีทางอยู่ในบริษัทนี้ได้ แถมคงไม่มาทะเลาะตามประสาคนรักกับผู้ชายแบบนี้หรอก
...เป็นเพราะแผ่นหลังกับกรอบแว่นสีเงินนั่นแหละทำให้เขาเห็นภาพหลอน
เมื่อจังหวะหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติ ร่างกายที่เคยเกร็งก็ผ่อนคลายตาม โทรุใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่ซึมอยู่บนหน้าผากและนึกถึงเรื่องอื่นได้ขึ้นมา
?หรือจะรู้แล้วว่าเราอยู่ตรงนี้??
แค่คู่รักทะเลาะกันก็วุ่นวายพออยู่แล้ว นี่ยังเป็นชายสองคนอีก เห็นชัดเลยว่าถ้าโดนจับได้ว่ามีคนฟังต้องเกิดเรื่องยุ่งไม่ผิดแน่ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เป็นแค่การเข้าใจผิดไปเองของเขามากกว่า
?ช่วยเลือกสถานที่ทะเลาะหน่อยสิ ...จังหวะไม่ดีเกินไปแล้ว?
จังหวะที่เลวร้ายที่สุดมักมาเยือนเขาราวกับเล็งเอาไว้จนเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากทุกวี่ทุกวัน แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ แบบนี้มันจะเกินไปหน่อยมั้ง คิดแล้วใจเขาก็หนักอึ้งทันที
?หวังว่าคนพวกนั้นจะไม่ใช่คนของฝ่ายขายหรอกนะ...??
โทรุส่ายหัว ทันใดนั้นก็ต้องตาโตเมื่อเหลือบไปเห็นเข็มนาฬิกาข้อมือ
?สายแล้ว!?
เข็มนาฬิกาเดินเลยห้าโมงสามสิบนาทีไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ โทรุลนลานพุ่งไปที่ทางออกฉุกเฉินแล้วออกแรงผลักประตูหนักๆ สุดแรง

โชคดีที่ฝ่ายขายไม่ตำหนิเรื่องที่เขาไปสาย กลับกันหัวหน้าแผนกซึ่งกำลังจะกลายเป็นหัวหน้าของเขายังกล่าวขอโทษที่บอกให้มาในเวลาเลิกงานอีก
และที่โชคดีไปกว่านั้น เขาไม่พบเห็นชายใส่แว่นกรอบเงินสวมสูทกรมท่านั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งเรียงรายภายในห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นั้นเลย
ไม่รู้เป็นเพราะโล่งใจ หรือเพราะเจอเรื่องวุ่นๆ ตรงบันไดฉุกเฉินมา จึงทำให้โทรุสามารถแนะนำตัวกับหัวหน้าและสตาฟฝ่ายขายได้อย่างราบรื่น
ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์จะต่างกัน แต่เพราะยังเป็นฝ่ายขายเหมือนเดิมกระมัง บรรยากาศในห้องจึงคล้ายกับที่ทำงานเก่าของเขามาก แต่เมื่อได้เห็นโปสเตอร์โปรโมชันลิฟต์เคลื่อนย้ายที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่บนผนัง รวมถึงสินค้าและเครื่องจักรไม่คุ้นตา เขาค่อยรู้สึกได้ว่าที่นี่คือบริษัทอื่นจริงๆ
?ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปให้เธอลงภาคสนามพร้อมกับผู้สอนงานนะ ค่อยๆ ดูวิธีทำแล้วเรียนรู้ไปก็ได้ พวกเอกสารกับการชำระเงินเอาไว้จะหาเวลาสอนแยกต่างหาก ถึงผลิตภัณฑ์ที่ดูแลจะต่างกัน แต่อย่างไรก็เป็นฝ่ายขายเหมือนกัน ถ้าเธอมีประสบการณ์อยู่แล้วอีกไม่นานก็ชินเอง?
โทรุผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นรอยยิ้มมีเสน่ห์ของหัวหน้าแผนกซึ่งรู้ประวัติของโทรุอยู่แล้ว แม้ว่ายังเร็วไปหน่อยที่จะลงความเห็น แต่เขาคิดว่าที่นี่คงอยู่ได้อย่างอบอุ่นกว่าบริษัทก่อน
?ส่วนคนที่มารับหน้าที่เป็นผู้สอนงานเธอก็...เฮ้ มาเอฮาระไปไหน? กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ??
หัวหน้าแผนกมองไปรอบห้อง ชื่อที่เอ่ยออกมานั้นทำให้โทรุเบิกตากว้าง
มาเอฮาระ...ถ้าจำไม่ผิดเป็นพนักงานที่ดำรงตำแหน่งท็อปของฝ่ายขายที่นี่มานาน หากถามว่าเขาไปได้ยินมาจากไหน ก็จากฮิงาชิโนะคนนั้นนั่นแหละ เจ้าตัวพูดด้วยความกระตือรือร้นตั้งแต่ก่อนกำหนดแผนกว่าจะได้คนคนนั้นมาสอน
เขาจะได้คนแบบนั้นมาสอนหรือนี่ โทรุเผลอเกร็งแผ่นหลังด้วยความประหม่า จนกระทั่งหางตาเหลือบเห็นประตูที่เชื่อมไปยังโถงลิฟต์เปิดออกมา
โทรุเคลื่อนสายตาตามไปโดยไม่ได้คิด ลมหายใจของเขาสะดุดกึก คนที่เดินเข้ามาคือชายมาดเนี้ยบสวมสูทสีกรมท่าพร้อมแว่นตากรอบเงิน
?มาเอฮาระ มานี่หน่อย?
ฝ่ายนั้นเดินตามมายังเสียงเรียก...มาเอฮาระมองหัวหน้าแผนก และเลื่อนสายตามายังโทรุ
แววตาไร้สีสันจ้องมองผ่านกรอบเงินราวกับจะตรึงเขาไว้ ณ ตรงนั้น ลำคอของเขาแห้งผากลงเรื่อยๆ แม้เป็นเพียงสองวินาทีที่ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาแต่เขากลับรู้สึกว่ามันยาวนานกว่านั้น
หน้าตา...ไม่คล้ายเลยแม้แต่นิด ใบหน้าได้รูปเสียจนหากนำไปเปรียบกับหมอนั่นคงเสียมารยาท แต่ถึงอย่างนั้นแววตาเย็นเยียบไร้สีสันกลับเหมือนกับหมอนั่น...เหมือนรุ่นพี่คนที่เคยเป็นผู้สอนงานให้โทรุในที่ทำงานเก่า
เสียงของหัวหน้าแผนกที่แนะนำตัวโทรุเหมือนจะก้องอยู่ไกลออกไปอย่างน่าประหลาด รู้ทั้งรู้ว่าตามมารยาทแล้วเขาควรเงยหน้าปั้นยิ้ม ทว่าเขาทำได้เพียงก้มหน้าบอกชื่อเท่านั้นก็เต็มกลืน เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นโดยไม่ใส่ใจโทรุที่เป็นเช่นนั้น
?เด็กใหม่ที่ว่าหรือครับ?
?ใช่ ถึงเป็นเด็กใหม่แต่ก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วปีเศษ ช่วยดูแลให้หน่อยก็แล้วกันว่าเป็นไง?
?ไม่ว่าอย่างไรก็ให้ผมดูแลหรือครับ??
เสียงของมาเอฮาระทุ้มและรื่นหู แต่นั่นยิ่งทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความไม่เต็มใจต้อนรับในน้ำเสียง
?ไม่ว่าอย่างไรก็ฝากด้วยแล้วกัน นานๆ ทีช่วยดูแลไปจนถึงที่สุดหน่อยนะ?
?...เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้สินะครับ?
?อืม ฉันบอกทาซากะแล้วว่าให้ตามเธอไป ไหนๆ ก็ไหนๆ ช่วยสอนเขาหน่อยก็แล้วกันว่าต้องเตรียมการหรือต้องทำอะไรบ้าง ถ้าเสร็จแล้วทาซากะก็กลับไปได้เลยนะ?
ถ้าไม่เต็มใจขนาดนั้นก็ขอเปลี่ยนผู้สอนงานเถอะครับ...โทรุฝืนกลืนคำพูดที่จ่อขึ้นมาบนคอให้กลับลงไป
?ครับ? โทรุพยักหน้าก่อนเดินตามมาเอฮาระไป พวกเขาหยุดอยู่ข้างโต๊ะที่ถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยจนแทบเรียกได้ว่าเรียบร้อยเกินเหตุ
มาเอฮาระหย่อนสะโพกลงนั่ง สายตายังคงมองผ่านแว่นมาทางนี้ แม้สตาฟคนอื่นที่อยู่รายล้อมจะถอดเสื้อนอก คลายเนกไท ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนกันหมด แต่มาเอฮาระยังคงสวมเสื้อนอกผูกไทแน่นเปรี๊ยะ กระทั่งเวลาเลิกงานก็ยังแต่งตัวแบบนี้อีกหรือ โทรุทั้งทึ่งทั้งรู้สึกกดดันอย่างน่าประหลาดไปพร้อมกัน
?ชื่อทาซากะสินะ เคยขายอะไรมาก่อนล่ะ??
?...ผลิตภัณฑ์อาหารครับ ไม่ได้เป็นผู้ผลิตแต่เป็นเอเจนซีครับ?
?มีความรู้เกี่ยวกับเวชภัณฑ์รึเปล่า??
?ไม่ค่อยมีครับ เคยแค่ดูแค็ตตาล็อกตอนที่ได้เรียนรู้จากการฝึกงานที่นี่เท่านั้น?
?งั้นรึ?
มาเอฮาระหยุดถามไปดื้อๆ ไม่แสดงความเห็นอะไรกับคำตอบของโทรุเลยสักอย่าง ท่าทีไม่แยแสอย่างนั้นทำให้เขาสงบใจไม่อยู่
โทรุเม้มปากแน่น เงียบไว้ดีกว่าพูดแบบสุ่มสี่สุ่มห้า มาเอฮาระเองก็ไม่พูดอะไรต่อจากนั้น กลายเป็นความเงียบสงัดที่ชวนอึดอัด
รู้สึกเหมือนเป็นกบที่ถูกงูจ้อง ถึงจะก้มหน้าแต่ก็สัมผัสได้ถึงแววตาใต้เลนส์กำลังระอยู่บนแก้มของเขา ทั่วร่างเย็นยะเยือกด้วยความรู้สึกอันคุ้นเคย
?มาเอฮาระซัง อย่าเงียบด้วยใบหน้าแบบนั้นสิครับ มันน่ากลัว เด็กใหม่เขากลัวตัวสั่นหมดแล้วเห็นไหม?
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนจนกระทั่งมีเสียงสดใสดังแทรกเข้ามา ในขณะที่โทรุแอบโล่งอกที่สายตาคู่นั้นเคลื่อนไปทางอื่น บทสนทนาก็เริ่มขึ้นโดยมีโทรุยืนอยู่ตรงกลาง
?ฉันไม่เคยข่มขู่ใคร?
?แค่มาเอฮาระซังจ้องเงียบๆ ก็เหมือนข่มขู่มากพอแล้ว ช่วยรู้ตัวหน่อยเถอะครับ คุยกันไม่คืบหน้ามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนี่?
แม้จะพูดสุภาพแต่เนื้อหาฟังดูรุนแรงไม่น้อย โทรุเงยหน้าขึ้นสอดส่องสถานการณ์ แล้วก็ได้เห็นมาเอฮาระที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะยิ้มฝืด โทรุหันไปมองด้านหลังด้วยความคาดไม่ถึงแล้วกะพริบตาปริบๆ





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โทรุถูกส่งเข้ามาประจำในแผนกขาย คนที่รับหน้าที่เป็นผู้สอนงานเขาคือมาเอฮาระที่ถูกคนในแผนกลือกันว่าทำงานเก่งแต่เย็นชาไม่สนใจคนอื่น ทว่าวันที่โทรุย้ายมาวันแรก เขาดันไปเห็นตอนที่มาเอฮาระเลิกกับคนรักพอดี บวกกับการที่เขาเกรงกลัวมาเอฮาระเลยทำอะไรได้ไม่ราบรื่นสักอย่าง อีกด้านหนึ่ง มาเอฮาระก็ระแวงโทรุเช่นกันจึงแสดงท่าทีเย็นชาใส่ แต่ในระหว่างที่ทำงานด้วยกันไปเรื่อยๆ ก็คลายความเข้าใจผิดได้ จนทุกคนรู้กันดีว่าโทรุกลายเป็นคนโปรดของมาเอฮาระไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ และโทรุเองก็เริ่มรู้สึกเหมือนมีความทรมานเกิดขึ้นในใจ...

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”