New Release เหลียนฮวา : หลงเล่ห์เสน่ห์คุณชาย

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release เหลียนฮวา : หลงเล่ห์เสน่ห์คุณชาย

โพสต์ โดย Gals »

บทที่หนึ่ง
พบสาวน้อยแสนฉลาดที่บ้านผีสิง

หยิบพู่กันจุ่มน้ำหมึก ท่าทางของฉินอวี้ไป๋เหมือนสะบัดปลายพู่กันอย่างสบายอารมณ์เพียงไม่กี่ครั้ง ภาพสตรีบนผ้าเขียนภาพก็ถูกลอกแบบลงบนกระดาษวาดภาพได้เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
เมื่อสำรวจดูอย่างละเอียดและวาดลักษณะเด่นของหญิงสาวในภาพให้โดดเด่นขึ้นมาแล้ว ฉินอวี้ไป๋จึงวางพู่กันลงแล้วยื่นมือไปรับผ้าขนหนูอุ่นๆ ที่เด็กรับใช้ชื่อฉางอันยื่นให้ ครั้นเช็ดมือทั้งสองข้างจนสะอาดแล้วก็โยนคืนให้ฉางอัน หลังจากนั้นรับถ้วยน้ำชาที่เซียวเหอยกมาให้ เริ่มจากดมกลิ่นหอมของชา จากนั้นก็จิบชา ?ส่งภาพวาดนี้ไปให้เถ้าแก่เฉินร้านหนังสือซื่อฟาง
เซียวเหอพยักหน้ารับคำสั่ง หยิบภาพวาดขึ้นมา เป่าจนแห้งจึงพับเก็บอย่างเรียบร้อยแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย ?พวกเราตามหาร้านเสื้อผ้าอาภรณ์จนทั่วโยวโจวแล้ว แต่ไม่มีเบาะแสแม้แต่น้อย ลูกจ้างสำนักขนส่งจะหลอกพวกเราหรือไม่ขอรับ?
?ลูกจ้างสำนักขนส่งไม่มีความจำเป็นต้องหลอกพวกเรา? เขาไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว สำนักขนส่งในเยียนโจวเป็นผู้ส่งจดหมายของสือหมิ่นจวิ้นมายังเมืองหลวง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าสถานที่หลบซ่อนน่าจะอยู่ใกล้ๆ หลานโจวหรือโยวโจว สือหมิ่นจวิ้นเกิดที่หลานโจว หากไปซ่อนตัวที่หลานโจวก็คงเจอตัวนานแล้ว ดังนั้นโยวโจวจึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด และเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ลูกจ้างสำนักขนส่งให้มา...คนที่ฝากสำนักขนส่งส่งจดหมายจะต้องเป็นพ่อค้าโยวโจว เขาจึงแน่ใจว่าสือหมิ่นจวิ้นจะต้องอยู่ในโยวโจว
?ลูกจ้างสำนักขนส่งไม่มีความจำเป็นต้องหลอกพวกเรา แต่สือหมิ่นจวิ้นอาจจะตั้งใจโน้มน้าวให้เข้าใจผิด ความจริงแล้วตัวเขาอยู่ที่เยียนโจว?
ฉินอวี้ไป๋ส่ายหน้าพูดอย่างจริงจัง สั่งฉางอันให้หยิบแผนที่ทางตอนเหนือของต้าเหลียงกางบนโต๊ะ ชี้บริเวณที่ต้องเผชิญกับภัยหิมะสองแห่ง นั่นคือคุนเฉิงและจี้เสี้ยน ?ถึงแม้สองที่นี้จะอยู่ในโยวโจวและเยียนโจว แต่ว่าการเดินทางจากจี้เสี้ยนไปเซิ่งอันนั้นสะดวกกว่าการเดินทางไปหัวหยาง และนี่ก็เป็นสาหตุที่ผู้ประสบภัยครั้งนี้ส่วนมากพากันอพยพไปเซิ่งอัน หากสือหมิ่นจวิ้นไม่อยู่ที่เซิ่งอัน เขาจะกล้าพูดด้วยความแน่ใจหรือว่าผู้ประสบภัยเหล่านี้ผิดปกติ อีกประการหนึ่ง เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าเยียนโจวเป็นเขตอิทธิพลของใคร?
?หนิงอ๋อง?
?ถูกต้อง หนิงอ๋องคนนี้เป็นคนรักความสบาย เยียนโจวและเป่ยฉีมีแม่น้ำดำกั้นกลาง แตกต่างจากโยวโจวที่มีภูเขาไป๋ฉางกั้น เพราะฉะนั้นเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์การเป็นปรปักษ์ระหว่างต้าเหลียงและเป่ยฉีในเวลานั้น หนิงอ๋องจึงเสนอให้ดำเนินตามนโยบายการปกครองของราชวงศ์ก่อน เพื่อรับมือกับชาวหูที่ซีเป่ยฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงทรงทำตามข้อเสนอนี้ และบุคคลที่เหมาะสมจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีที่สุดในเวลานั้นก็คืออันผิงจวิ้นจู่ พระธิดาของชิงหนิงจ่างกงจู่ สือหมิ่นจวิ้นจะพาอันผิงจวิ้นจู่หลบหนีไปยังเขตอิทธิพลของหนิงอ๋องได้อย่างไร?
?หากมีภาพวาดของสือหมิ่นจวิ้นก็จะตามหาได้ง่ายยิ่งขึ้น? เสียดายที่พวกเขามีเพียงภาพวาดของจวิ้นจู่เท่านั้น
?แล้วก็เป็นไปได้ว่าจะทำให้เขารู้ตัวง่ายขึ้น?
?ถูกต้อง แต่หากอยู่ที่โยวโจว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหาตัวเขาไม่พบ?
?สิบแปดปีแล้ว หน้าตาไม่มีทางที่จะไม่เปลี่ยนแปลง หากจวิ้นจู่เจตนาเก็บตัวไม่ออกมาพบปะผู้คน อาศัยภาพวาดเพียงภาพเดียวก็ยากที่จะตามตัวพบ?
?หากเป็นเช่นนี้ การที่เราตามหาคนจะไม่ยากเกินไปหรือขอรับ?
?เสียดายที่ค้นหาทะเบียนบ้านของผู้ที่ย้ายเข้ามาอยู่โยวโจวในระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ไม่ได้ มิเช่นนั้นคงจะหาเบาะแสได้บ้าง? ในฐานะองครักษ์เกราะเหล็กที่ฮ่องเต้ไว้วางพระทัยมากที่สุด ถึงแม้จะแบกรับภารกิจของฮ่องเต้ไว้ก็ไม่สามารถบอกให้ใครรู้ได้ อย่างมากที่สุดก็แค่ใช้หน่วยสืบราชการลับที่รับผิดชอบสืบหาข้อมูลในท้องที่ แต่ว่าหน่วยสืบราชการลับในแต่ละท้องที่ต่างมีความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือสมคบกับขุนนางชั้นสูงในท้องที่อยู่ไม่มากก็น้อย จะช่วยได้หรือไม่ยังต้องหารือกันก่อน ด้วยเหตุนี้ก่อนที่องครักษ์เกราะเหล็กจะปฏิบัติงานจึงมักต้องสืบในทางลับและทำความเข้าใจสถานการณ์ก่อน จากนั้นจึงค่อยติดต่อกับหน่วยสืบราชการลับในท้องที่
?ถ้าเช่นนั้นข้าแอบเข้าไปคัดลอกทะเบียนบ้านที่ศาลาว่าการดีกว่า?
?ไม่ดีแน่ การที่สือหมิ่นจวิ้นสามารถหลบซ่อนตัวมาถึงตอนนี้โดยไม่ถูกจับได้ จะต้องมีคนคอยช่วยเหลือแน่ และหากคนคนนี้มีสายสืบอยู่ในศาลาว่าการ การเคลื่อนไหวของพวกเราจะทำให้เขารู้ตัว เขาก็จะพาจวิ้นจู่หนีไปอย่างไร้ร่องรอยอีก ข้าไม่ได้สนใจว่าจะสามารถนำตัวสือหมิ่นจวิ้นและจวิ้นจู่กลับเมืองหลวงได้หรือไม่ แต่ผู้ประสบภัยที่อพยพเข้ามาในเซิ่งอันมีความผิดปกติอย่างไร ข้าจะต้องถามสือหมิ่นจวิ้นต่อหน้าให้ได้ จึงจะตัดสินได้ว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับเป่ยฉีหรือไม่? คุนเฉิงและจี้เสี้ยนเป็นสองเมืองของต้าเหลียงที่อยู่ใกล้เป่ยฉีที่สุด เขายากที่จะเชื่อว่าเป่ยฉีจะไม่ฉวยโอกาสรุกรานชายแดน
พูดถึงผู้ประสบภัยที่ผิดปกติเหล่านั้น เซียวเหอก็อดกังวลใจไม่ได้ ?เซียวฉีไปสำรวจผู้ประสบภัย ไม่รู้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมา? เพิ่งพูดถึงเขาจบก็เห็นเซียวฉีกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บ
เวลานี้พวกเขาได้ยินเสียงกุกกักลอยมา ทั้งสองคนเงียบเสียงอย่างเข้าใจกันพร้อมกับเดินไปที่ข้างประตู ส่วนฉางอันยืนขึ้นแล้วเดินไปเป่าไฟให้ดับ
?น้องชิง เป็นอย่างไรบ้าง เห็นแสงไฟบ้างหรือไม่? เหยียนหมิงหลานรู้ดีว่ายามค่ำคืนนั้นเงียบสงบ ทางที่ดีควรพูดให้น้อยที่สุด แต่น้องชายฝาแฝดนั้นตัวหนักเกินไป ถึงแม้นางจะแข็งแรงกว่าคนอื่นก็แบกไม่ไหว
?แปลกมาก เมื่อครู่ยังเห็นแสงไฟอยู่เลย ทำไมพอลื่นลงมานิดเดียวก็ไม่เห็นแสงไฟเสียแล้วเล่า?
?ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วว่าให้กินน้อยๆ หน่อย อ้วนจนตัวเท่าวัวแล้ว ข้าจะมีแรงยันเจ้าไว้ได้อย่างไร ลงมา ข้าจะขึ้นไปเอง? เหยียนหมิงหลานปล่อยมือ เหยียนหมิงชิงประคองตัวไม่อยู่จึงลื่นหล่นลงมา ทันใดนั้นเขาก็ถูกใครคนหนึ่งลากลงมาจากกองหินที่กองไว้ข้างกำแพง
เหยียนหมิงชิงเบะปากพูดกับนางว่า ?เจ้าเป็นผู้หญิง จะอ่อนโยนสักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร แรงเยอะแล้วยังโผงผางอีก ไม่กลัวขายไม่ออกหรืออย่างไรกัน?
?หุบปากเสียที!? เหยียนหมิงหลานปีนกองหินด้วยวามคล่องแคล่ว จากนั้นก็กระโดดเกาะกำแพง ?ยันตัวข้าไว้ อย่าให้ข้าตกลงไปล่ะ?
เหยียนหมิงชิงพุ่งตัวไปใช้มือยันตัวนางทันที รีบถามว่า ?เป็นอย่างไรบ้าง?
เหยียนหมิงหลานเห็นแสงไฟจู่ๆ ก็สว่างขึ้นแล้วก็ดับลงอย่างรวดเร็ว แต่ชั่วพริบตาเดียวก็สว่างขึ้นอีก จากนั้นก็ดับลงอีก...นางเลิกคิ้วเล็กน้อย ทำไมถึงรู้สึกว่ามีคนกำลังกลั่นแกล้งนางอยู่?
?สาวน้อยพูดสิ เป็นอย่างไรบ้าง?
?ที่นี่มีผีจริงๆ ด้วย? น้ำเสียงของเหยียนหมิงหลานไม่มีความกลัว แต่กลับเหมือนสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพูดถึงผี ใครๆ ก็วิ่งหนีเร็วยิ่งกว่าบิน แต่นางกลับอยากจะพุ่งเข้าใส่ เหยียนหมิงชิงพูดขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า ?สาวน้อย เจ้าเคยพูดอยู่เสมอไม่ใช่หรือว่าความอยากรู้อยากเห็นสามารถฆ่าแมวได้ เจ้าก็รู้อยู่ว่ามีผียังไม่รีบหนีอีก อยากตายนักหรืออย่างไรกัน?
?หากกลับไปโดยไม่สืบให้แน่ชัดก่อน เจ้าจะนอนหลับหรือ?
?ทำไมจะนอนไม่หลับเล่า ไม่ได้มีผีในบ้านเราเสียหน่อย? หากไม่ใช่เพราะสาวน้อยคนนี้ยืนยันว่าบ้านผีสิงนี้อยู่ในเขตของพวกเขาและพบว่ามีสิ่งผิดปกติ พวกเขาจะต้องสืบให้แน่ชัด ป่านนี้เขาคงนอนหลับสบายไปนานแล้ว
เหยียนหมิงหลานหันหน้ามา ยิ้มให้เขาอย่างน่าสะพรึง ?เจ้าไม่กลัวผีที่นี่จะไปบ้านเราหรือ?
เหยียนหมิงชิงได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่น ?ไม่หรอกน่า ที่นี่อยู่ห่างจากบ้านเรานะ?
?เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ระยะห่างเป็นอุปสรรคต่อผีด้วยหรือ?
ขนลุกทั่วตัวขึ้นมาทันที เหยียนหมิงชิงมองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดกลัว ?ดึกแล้ว พรุ่งนี้พวกเราค่อยเข้าไปสืบหาความจริงกันแต่เช้า?
?บุกเข้ามาที่นี่กลางวันแสกๆ หากมีคนมาเห็นเข้า พวกเราคงต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์แน่? ได้ยินมาว่าที่นี่เคยมีโจรบุกเข้ามา คนในบ้านนี้ก็ตายกันหมดภายในคืนเดียว บ้านหลังนี้จึงตกเป็นของทางการ ตามหลักการแล้วหากภายในระยะเวลาสามปีไม่มีญาติมารับคืน บ้านหลังนี้จะต้องถูกยึดเป็นของหลวง ทางการสามารถขายได้ แต่หลังจากไฟไหม้ก็มีคนเห็นผีที่นี่ เวลานี้ทางการอยากขายก็ขายไม่ออกแล้ว สรุปแล้วเวลานี้บ้านหลังนี้เป็นของทางการ หากบุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตก็คงต้องใช้เงินอุดปากชาวบ้าน
?ข้ามาที่นี่เป็นเพื่อนเจ้าก็ถือว่าทำหน้าที่พี่น้องอย่างดีที่สุดแล้ว เจ้าอย่าได้ชวนข้าเข้าไปอีกเชียวนะ?
ท่าทางเหยียนหมิงหลานเหมือนกำลังคุยเล่นกับเหยียนหมิงชิง แต่ความจริงแล้วคอยสังเกตตำแหน่งที่แสงไฟติดๆ ดับๆ อยู่ตลอดเวลา เห็นเงารางๆ ของคน และไม่ใช่แค่คนเดียว ต่อมานางก็ได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ รู้สึกว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ค่อยดี รีบหนีก่อนดีกว่า
?ก็ได้ หากท่านแม่ตื่นมากลางดึกแล้วหาพวกเราไม่เจอคงจะเป็นห่วง พวกเรากลับกันเถิด?
เหยียนหมิงชิงคิดว่าคำขู่ของตัวเองได้ผลจึงลากตัวเหยียนหมิงหลานเดินกลับบ้านด้วยความดีใจ แต่ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็ถูกสกัดไว้
?ขาข้าออกจะยาวมาก ทำไมยังถูกจับอีก?? เหยียนหมิงหลานอดพึมพำไม่ได้
ได้ฟังเช่นนั้นเหยียนหมิงชิงก็จ้องมองนางอย่างไม่สบอารมณ์ ที่แท้สาวน้อยนี่พบความผิดปกติแล้ว แต่ยังไม่รีบเดิน... ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!
สรุปแล้วเวลานี้ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ พวกเขาคงต้องไป ?บ้านผีสิง?
ใช่ว่าเหยียนหมิงหลานจะไม่กลัวตาย เพียงแต่นางรู้ดีว่าเมื่อต้องเผชิญกับภัยอันตรายก็ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยความใจเย็น มิเช่นนั้นคงจะรอดยาก นางข้ามภพมา ไม่รอดก็ไม่เป็นไร แต่หากน้องชิงต้องมาตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นของนาง มันช่างไม่ยุติธรรมเลย
?ขออภัยด้วย เพื่อนข้าบาดเจ็บเล็กน้อย พวกเราจำเป็นต้องพักที่นี่ รบกวนเจ้าทั้งสองช่วยตามหมอให้ได้หรือไม่ พวกเรายินดีจ่ายเงินมากหน่อย แต่จะต้องลืมเรื่องราวในคืนนี้ให้หมดสิ้น? น้ำเสียงของฉินอวี้ไป๋อ่อนโยนและมีมารยาท ทำให้คนฟังแล้วสบายใจ อดไม่ได้ที่จะมองเขาอีกครั้ง ถึงแม้เขาจะปิดบังใบหน้า แต่แววตาเป็นประกายอ่อนโยน เช่นเดียวกับน้ำเสียงของเขาที่ทำให้อดเกิดความรู้สึกที่ดีไม่ได้
แต่ว่าสำหรับคนที่ไม่อาจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เหยียนหมิงหลานมักจะติดป้ายให้พวกเขาว่าเป็นบุคคล...อันตราย ดังนั้นนางจึงรู้จักสังเกตสีหน้าคนอื่น รีบสร้างคุณค่าให้ตัวเองในทันที
?ข้าพอจะมีฝีมือในการรักษาผู้ป่วยอยู่บ้าง สามารถช่วยรักษาบาดแผลให้เขาได้? เหยียนหมิงหลานมองเซียวฉีที่นั่งอยู่บนเตียง
ฉินอวี้ไป๋รีบประสานมือคารวะในทันที ?ต้องขอรบกวนแม่นางด้วย?
เหยียนหมิงหลานเดินไปตรวจบาดแผลของเซียวฉีแล้วจึงมองสำรวจร่างกายของเขา ให้พวกเขารอนางสักครู่ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป เซียวเหอไม่ไว้ใจเลยคิดจะเดินตามไปดู ฉินอวี้ไป๋ส่ายหัวเบาๆ เป็นการเตือนเขาว่าให้มองดูก็พอแล้ว ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองเหยียนหมิงชิง พวกเขามีตัวประกันอยู่ในมือ
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา เหยียนหมิงหลานถือน้ำและใบไม้ชามหนึ่งเดินเข้ามา
ฉินอวี้ไป๋ดูนางทำความสะอาดแผลทุกจุดให้เซียวฉีด้วยความละเอียดลออ ต่อมาก็นำใบไม้ในชามมาตำจนละเอียดแล้วประคบลงบนบาดแผล จึงถามด้วยความอยากรู้ว่า ?นี่คืออะไร?
?ใบของดอกกุหลาบพันปี มีสรรพคุณในการลดอาการบวมและช่วยห้ามเลือด? เหยียนหมิงหลานนับถือสายตาของตัวเองอย่างยิ่ง ตอนที่เขาเชิญตัวเข้ามา นางสำรวจมาตลอดทาง เห็นที่ประตูบ้านมีต้นดอกกุหลาบพันปี อีกอย่างคนเหล่านี้พักอาศัยที่นี่เพียงชั่วคราว แต่กลับพิถีพิถันกับคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก ของใช้ประจำวันมีค่อนข้างครบ
?บาดแผลของเขาไม่สาหัส แต่ว่าพรุ่งนี้เช้าข้าจะมาอีกครั้ง?
?ได้ รบกวนแม่นางแล้ว?
?ไม่เป็นไร พวกข้าไปได้หรือยัง?
ฉินอวี้ไป๋พยักหน้า แล้วยังส่งพวกเขาออกจากบ้านไปอย่างมีมารยาท
?สาวน้อย พวกเรารอดแล้วใช่หรือไม่? เหยียนหมิงชิงพยานยามเก็บความรู้สึกที่อยากจะสาวเท้าวิ่งหนีไว้
?ไม่รู้สิ แต่ว่าตอนนี้ก็ยังมีชีวิตดีอยู่? น้ำเสียงของเหยียนหมิงหลานฟังดูคล้ายกำลังพูดเล่น
เหยียนหมิงชิงกลอกตามองนางอย่างไม่สบอารมณ์ ?พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะมาจริงๆ หรือ?
?แน่นอน ทิ้งคนไข้ไว้ ท่านปู่คงไม่ปล่อยข้าไว้แน่? ถึงแม้นางจะไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นหมอ แต่ถ้าสามารถช่วยได้แล้วไม่ช่วย ก็เท่ากับเป็นการขัดกับศีลธรรมในใจนาง
นี่ไม่เท่ากับว่าพวกเขายังไม่พ้นอันตรายหรอกหรือ เหยียนหมิงชิงอดบ่นไม่ได้ว่า ?บอกเจ้าแล้วว่าอย่าไป เจ้าก็ยังดื้อจะไป คราวนี้เจอเรื่องยุ่งยากจริงๆ แล้ว?
?ข้าไม่รู้สึกยุ่งยากอะไรเลยสักนิด แค่พวกเราคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้น?
?พวกเราคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้น พวกเขาก็จะไม่ตามมารังควานพวกเราอีกอย่างนั้นหรือ?
?พวกเราไม่เห็นหน้าพวกเขา หากวันใดบังเอิญเจอกันตามถนนก็คงจะจำพวกเขาไม่ได้ ถ้าพวกเขายังตามมารังควานพวกเรา ก็เท่ากับพวกเขาเปิดเผยฐานะตัวเองไม่ใช่หรือ?
?ก็จริงอยู่ แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดเหมือนเจ้าหรือไม่?
ชะงักไปนิดหนึ่ง เหยียนหมิงหลานก็ทำเสียงสูง ?เขาฉลาดกว่าพวกเรา จะไม่เข้าใจหลักการง่ายๆ เช่นนี้หรือ?
?เจ้าแน่ใจหรือ? ในใจเขา พี่สาวฉลาดที่สุดแล้ว แต่ว่าก็สร้างเรื่องปวดหัวให้เขามากที่สุดเช่นกัน
?หากพวกเขาไม่ฉลาด ก็คงจะฆ่าพวกเราไปแล้ว?
เหยียนหมิงชิงตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ?นี่มันหลักการอะไรกัน?
?คนฉลาดย่อมไม่ทำอะไรตามอารมณ์ ไม่ใช้วิธีการชั่วร้าย? เหยียนหมิงหลานยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง ขยิบตาเหมือนกำลังบอกเป็นนัย ?ช่างเถิด เงียบซะ อย่าส่งเสียงทำให้ชาวบ้านตื่นกันหมด?
เหยียนหมิงชิงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเห็นเหยียนหมิงหลานเร่งฝีเท้า ส่วนเขาก็เดินตามไปติดๆ นางเลี้ยวเลาะไปมาจนสลัดคนที่สะกดรอยตามมาได้สำเร็จ จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็นั่งลง มุดผ่านโพรงที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้เข้าไปในบ้านสกุลเหยียน
เป็นครั้งแรกที่เซียวเหอสะกดรอยตามคนไม่ทัน และนับเป็นความอัปยศอดสูสำหรับเขา ทำให้เขาไม่กล้าสบตาเจ้านายระหว่างยืนรายงานเรื่องราวที่ได้ยินมาระหว่างสะกดรอยตาม
ครู่ใหญ่ฉินอวี้ไป๋คลี่ยิ้มมุมปาก ?แม่นางคนนี้ฉลาดจริงๆ
เซียวเหอไม่เข้าใจ
?นางรู้ว่ามีคนสะกดรอยตามจึงฉวยโอกาสนี้ยืนยันว่าจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ให้ใครฟัง ขณะเดียวกันก็เป็นการบอกพวกเราว่าการฆ่าพวกนางเป็นเรื่องง่าย แต่จะต้องมีเรื่องยุ่งยากตามมาอย่างแน่นอน เมื่อพวกนางไม่เห็นหน้าของพวกเรา ทำไมจึงไม่ปล่อยพวกนางไป? เป็นครั้งแรกที่ฉินอวี้ไป๋รู้สึกสนใจใครคนหนึ่ง
เซียวเหอคิดไม่ถึงว่าการพูดคุยสัพเพเหระนั้นความจริงแล้วมีความหมายลึกซึ้ง แต่มันกลับทำให้เขากังวลใจ ?พรุ่งนี้แม่นางคนนั้นจะกลับมาหรือไม่ขอรับ? นางบอกว่าจะมาแต่กลับหลบหนีเขาไป นางจะมาหรือไม่มากันแน่?
?ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน?
?ถ้าหากนางไม่มาเล่าขอรับ?
?ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าก็รู้แล้ว? เขามีลางสังหรณ์บางอย่างว่านางจะต้องมา มิเช่นนั้นคงไม่ยืนยันผ่านมาทางเซียวเหออีกครั้ง

***

เช้าวันต่อมา ฟ้ายังไม่สางเหยียนหมิงหลานก็สะพายล่วมยาออกจากบ้าน ครวญเพลงไปตลอดทาง ทำให้คนที่พบเห็นต่างคิดว่านางออกไปเดินชมนกชมไม้
นางเจตนาเดินอ้อมและยังเลี้ยวไปทางหลังบ้าน แต่ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตู ประตูก็เปิดออก
?อรุณสวัสดิ์? เหยียนหมิงหลานทักทายอย่างกระตือรือร้น คล้ายกับคนคุ้นเคยกันดี ถึงแม้เซียวเหอจะปิดหน้า แต่นางมองปราดเดียวก็จำได้ เขาคือองครักษ์ที่ยืนประกบอยู่ด้านหลังเจ้านายเมื่อคืนนี้ และก็เป็นคนที่ ?คุ้มกัน? นางกลับบ้านเมื่อคืนนี้ นางเป็นหมอจึงเชี่ยวชาญเรื่องหน้าตาและรูปร่างลักษณะของคนเป็นพิเศษ แต่ว่าสิ่งที่นางเชี่ยวชาญที่สุดคือเรื่องกลิ่น สามารถแยกแยะกลิ่นของคนได้จากร่างกายของเขา เมื่อคืนเขาสะกดรอยตามพวกนางตลอดทาง ทำให้นางได้กลิ่นกายของเขา นางจึงจำเขาได้
เซียวเหอตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคารวะแล้วพูดว่า ?แม่นางเชิญตามข้ามา?
เหยียนหมิงหลานเดินตามเซียวเหอมาถึงห้องที่อยู่ใกล้ที่สุด นางทำแผลให้เซียวฉีเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ส่วนใหญ่เป็นแผลถลอก มีแผลจากคมมีดอยู่บ้าง แต่ไม่ลึกถึงเอ็นและกระดูกจึงไม่สาหัส
?เสร็จแล้ว ข้าจะให้ยาเจ้าไว้ขวดหนึ่ง กินวันละครั้ง สองสามวันก็หายแล้ว? เหยียนหมิงหลานหยิบขวดยาจากล่วมยาส่งให้เซียวฉี
?ขอบคุณแม่นาง?
?ไม่ต้องเกรงใจ อย่าลืมจ่ายค่ารักษาข้าก็พอแล้ว?
เซียวเหอรีบส่งเงินให้นางถุงหนึ่ง เหยียนหมิงหลานรับไว้ด้วยความยินดีแล้วโยนเข้าไปในล่วมยา
?ข้าขอลาก่อน? แม้รู้สึกว่าหัวน่าจะปลอดภัยไม่หลุดออกจากบ่า แต่การอยู่ในห้องเดียวกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าหลายคน นางรู้สึกกดดันมาก รีบกลับจะดีกว่า
ฉินอวี้ไป๋ส่งนางถึงประตูห้อง จู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า ?แม่นางไม่กลัวหรือ?
?พวกท่านไม่ได้เปิดเผยโฉมหน้า ข้าจะต้องกลัวทำไม? เหยียนหมิงหลานยินดีตอบคำถามของเขา มีการเจรจาก็จะพูดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องคาดเดาไปเอง
?ถึงแม้พวกข้าจะไม่เปิดเผยโฉมหน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่นางจะจำพวกข้าไม่ได้?
?ถูกต้อง ข้าไม่ได้คิดถึงจุดนี้จริงๆ ถ้าเช่นนั้นคุณชายคิดเห็นอย่างไร? เหยียนหมิงหลานเลิกคิ้วถามอย่างไร้เดียงสา ?จะให้ข้าแสร้งทำเป็นไม่รู้จักพวกท่าน หรือจะสังหารฆ่าเสียเลย??
ฉินอวี้ไป๋หัวเราะเบาๆ ?แม่นางรู้ดีว่าพวกข้าไม่มีวันทำร้ายเจ้าแม้แต่เส้นผม?
ใช่แล้ว หากต้องการการชีวิตนาง เมื่อวานพวกเขาคงไม่ปล่อยพวกนางไป แต่สิ่งที่ทำให้นางวางใจจริงๆ คือดวงตาของเขา เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็น ผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวที่มีแววตาบริสุทธิ์และดูไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้อื่น รับรองว่าไม่ใช่ดวงตาของคนที่ชอบสังหารคนบริสุทธิ์อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเหยียนหมิงหลานไม่มีวันพูดตามตรง นางพูดอ้อมๆ ว่า ?ข้าไม่รู้จักคุณชาย ไม่ทราบว่าคุณชายจะเป็นคนโลเลหรือไม่?
เห็นได้ชัดเจนว่าฉินอวี้ไป๋ไม่ต้องการต่อปากต่อคำเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงเปลี่ยนเรื่องพูดทันที ?ข้าอยากรู้มากว่าแม่นางรู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีคน? ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ที่นี่ พวกเขาสำรวจบริเวณรอบๆ แล้ว บ้านของเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดก็ต้องเดินระยะหนึ่ง และระยะทางหลายลี้บริเวณรอบๆ นี้ก็ไม่มีมุมสูงที่จะสอดส่องบ้านหลังนี้ นางสังเกตเห็นได้อย่างไรว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่?
เหยียนหมิงหลานรู้สึกว่าคำถามของเขาน่าขันยิ่งนัก ?ก็เพราะข้าเห็นที่นี่มีแสงสว่างในยามค่ำคืนอย่างไรเล่า?
?แม่นางเห็นจากที่ไหนว่าที่นี่มีแสงไฟ??
?ที่สวนบ้านข้า?
?สวนบ้านของเจ้าคงอยู่ไม่ใกล้กับที่นี่? เมื่อคืนนับตั้งแต่เซียวเหอสะกดรอยตามพวกนางไปจนกระทั่งกลับมา อย่างน้อยก็ใช้เวลาสองถ้วยชา แสดงว่าสถานที่ทั้งสองนี้ต้องไกลกันพอสมควร
?ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลมาก อย่างน้อยข้าก็มองเห็น? สายตาของร่างกายนี้ของนางมีลักษณะพิเศษ ประกอบกับความคุ้นเคยกับพื้นที่บริเวณใกล้ๆ นี้จึงสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติจากแสงไฟริบหรี่ที่ลอดออกมาจากบ้านผีสิงหลังนี้ได้







++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เหยียนหมิงหลานโอ้อวดตัวเองว่าข้ามภพมาย่อมมีคารมดีและเล่ห์เหลี่ยมจัด แต่เมื่อได้พบชายหนุ่มรูปงามที่ดูไร้พิษภัยเช่นฉินอวี้ไป๋แล้ว นางกลับต้องยอมจำนน เขามาทำตัวใกล้ชิดนางจนนางคิดฝันไปเองว่าเขามีใจให้... ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเป็นรองผู้บัญชาการองครักษ์เกราะเหล็กที่มาสืบหาครอบครัวนางเพื่อพากลับเมืองหลวงตามพระราชโองการลับ เพราะมารดาของนางเป็นเชื้อพระวงศ์ที่หนีตามกันมากับองครักษ์เมื่อสิบแปดปีก่อน!
ชายคนนี้หลอกใช้จิตใจที่ไร้เดียงสาของนางวางแผนล้วงความลับ...อย่าหวังว่านางจะยอมให้อภัย! ทว่าระหว่างทางนางกลับถูกลอบสังหารหลายครั้ง ทำให้คิดว่าการกลับเมืองหลวงครั้งนี้จะต้องมีเบื้องหลัง แต่สิ่งที่ทำให้นางหวาดผวาที่สุดก็คือฉินอวี้ไป๋ คุณชายผู้สุภาพอ่อนโยนดุจเทวดาและมีรอยยิ้มงดงาม เมื่อถึงยามค่ำคืนเขากลับบีบคอนางด้วยใบหน้าที่เย็. แล้วยังเรียกนางว่าแม่ตัวดี โอ้สวรรค์ คนที่อยู่ตรงหน้าคือพี่น้องฝาแฝดของเขาหรือไร หรือว่า...เป็นบุคลิกที่สองของเขา?


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”