New Release BLY แปล : DOUBLE BIND 2

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : DOUBLE BIND 2

โพสต์ โดย Gals »

1

?แม่ครับ ดอกซากุระร่วงหมดแล้วนะครับ?
มามิยะ โชเอ่ยทักขณะแหงนมองใบไม้สีเขียวของต้นซากุระที่ปลูกอยู่ในสวนโรงพยาบาล ทว่าไม่มีเสียงตอบรับจากมารดาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพูดคนเดียวต่อไป
?ก่อนหน้านี้ผมเห็นคนมาชมดอกไม้ที่สวนสาธารณะด้วย วัฒนธรรมการชมดอกไม้ของญี่ปุ่นนี่สุดยอดเลยนะครับ มีทั้งบาร์บีคิว มีทั้งคาราโอเกะ ดูคึกคักอย่างกับอยู่ในงานเทศกาลเลย?
ยิ่งชวนคุยอย่างร่าเริงก็ยิ่งรู้สึกว่าเสียงของตนนั้นช่างว่างเปล่า โชถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อยขณะเข็นรถไปข้างหน้า ไม่ว่าจะชวนคุยสักเท่าไร มามิยะ ริทสึโกะ ผู้เป็นแม่ของเขาก็ไม่เคยตอบสนอง แม้เขาจะรู้ดีอยู่แล้วแต่ก็อดเหงาใจไม่ได้
ผมบนศีรษะมีสีขาวแซมประปราย แผ่นหลังงองุ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ทรงผมสั้นแบบเด็กๆ ยิ่งส่งผลให้ใบหน้าซูบตอบดูเล็กลงไปอีก
ริทสึโกะเพิ่งจะอายุสี่สิบสามปี แต่ภายนอกดูราวกับหญิงชราไปแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะมะเร็งระยะสุดท้าย หรือเธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก โชไม่สามารถรู้ได้เลยเพราะเพิ่งกลับมาในรอบเก้าปี
เขาแทบไม่มีความทรงจำในสมัยเด็กเหลืออยู่จึงจำเรื่องของริทสึโกะไม่ได้ ภาพแผ่นหลังของหญิงสาวที่คล้ายกับแม่ และบ้านที่เคยอาศัยอยู่ตอนเด็กๆ ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักของสมอง เหมือนกับภาพถ่ายที่กระจัดกระจายและไม่ปะติดปะต่อกัน นานๆ ทีจะปรากฏขึ้นมาเหมือนแฟลชแบ็ก แต่โชเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคือความจริงหรือจินตนาการของเขากันแน่
ริทสึโกะมีทนายความสูงอายุชื่อเอจิริเป็นผู้อนุบาล เขาเป็นทนายประจำตัวบิดาของริทสึโกะ ซึ่งก็คือคุณตาของโช และคนที่มาแจ้งข่าวกับโชที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ว่าริทสึโกะจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานเพราะเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายก็คือเอจิริผู้นี้เอง
บิดาของริทสึโกะจากโลกนี้ไปกว่ายี่สิบปีแล้ว แต่เนื่องจากมีทรัพย์สมบัติอยู่พอสมควร จึงไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลของริทสึโกะ นอกจากนี้เอจิริยังส่งค่าเลี้ยงดูของโชมาให้เอริค วอลเลซ ซึ่งเป็นจิตแพทย์และพ่อบุญธรรมของโชทุกเดือนด้วย แต่เอริคบอกว่าจะรับฝากไว้จนกว่าโชจะอายุยี่สิบ และไม่เคยแตะต้องเงินก้อนนั้นเลย
ริทสึโกะเป็นคนมีฐานะแต่ไร้ญาติสนิทมิตรสหาย แม้จะมีญาติห่างๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่นเพราะไม่เคยติดต่อกันเลย
ตอนที่กลับมาเจอริทสึโกะอีกครั้ง เธอเป็นเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับโช แต่เรื่องนี้เขารู้อยู่แล้ว จึงไม่สับสนหรือผิดหวังมากนัก คนคนนี้คือแม่ของเขา โชปฏิญาณตนไว้แล้วว่าจากนี้ไปจะปฏิบัติกับเธออย่างอ่อนโยนเท่าที่ตัวเองจะทำได้
แม้สมัยเด็กๆ จะถูกทารุณกรรมหรือปล่อยปละละเลย แต่มันก็เป็นเพราะแม่ป่วยทางจิต ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ต่างกัน โชจึงอยากทำความเข้าใจมากกว่าจะกล่าวโทษ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้อยู่กับแม่เลย ดังนั้นจึงอยากอยู่ใกล้ๆ และคอยดูแลแม่ในช่วงวาระสุดท้ายบ้าง
?กลับกันดีไหมครับ?
โชเข็นเก้าอี้รถเข็นไปตามทางเดินสู่อาคารผู้ป่วยท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ
เขาลงลิฟต์ที่ชั้นห้องพักผู้ป่วย ก่อนจะเดินตรงไปเรื่อยๆ จนเจอกับเคาน์เตอร์พยาบาล ส่วนที่อยู่ติดกันคือห้องนั่งเล่นแบบเปิดโล่งที่มีทั้งโซฟาและโทรทัศน์ บางครั้งจะเห็นแขกที่มาเยี่ยมนั่งคุยกันอยู่ตรงนี้
โทรทัศน์ในห้องถูกเปิดทิ้งไว้ โชหยุดเดินเพราะคิดว่าถ้าไม่มีคนดูก็ควรจะไปปิดดีกว่า ตอนนั้นเองหัวหน้านางพยาบาลฮามางุจิที่เดินออกมาจากเคาน์เตอร์ก็เอ่ยทักเขา
?อ้าว โชคุง สวัสดีจ้ะ?
?สวัสดีครับ?
?อากาศอุ่นขึ้นแล้วเนอะ? เธอชวนคุยอย่างเป็นมิตรเหมือนเคยขณะเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม
?มามิยะซังออกไปเดินเล่นกับโชคุงมาเหรอคะ? ดีจังเลยนะคะ?
ริทสึโกะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองตามเคย แต่โชสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง เธอเอียงคอเหมือนกำลังมองไปที่ไหนสักแห่ง เมื่อไล่สายตาตามก็พบว่าเป็นโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นที่กำลังรายงานข่าวอยู่นั่นเอง
?...นับวันคดีศพชายอดตายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ยิ่งเต็มไปด้วยปริศนานะคะ ทำไมคนร้ายถึงจงใจปล่อยให้เหยื่อทั้งสองขาดน้ำขาดอาหารตายแล้วตัดอวัยวะส่วนหนึ่งออกไป เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมวิปริตนี้คืออะไรกันแน่?
นักข่าวสาวกำลังพูดถึงคดีนั่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โชรู้สึกหดหู่และอยากหนีไปจากตรงนี้ทันที เพราะเขาคิดว่าการตายของเหยื่อรายที่สองเป็นความผิดของตน
เคย์ที่เคยคุยกับคนร้ายอยู่ในตัวเขาแท้ๆ แต่ไม่ว่าจะเรียกเท่าไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมเผยตัวตนออกมา
?อ้าว เปิดทีวีทิ้งไว้นี่?
จังหวะที่หัวหน้าพยาบาลฮามางุจิเดินไปปิดโทรทัศน์
ริทสึโกะก็เปล่งเสียงออกมา
?อด...?
?เอ๋??
โชชะโงกหน้ามองด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินเสียงริทสึโกะ
?เมื่อกี้ ว่าอะไรนะครับ??
ริมฝีปากของริทสึโกะขยับน้อยๆ เหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
?แล้วเจอกันนะจ๊ะ โชคุง?
?อ๊ะ ครับ?
หัวหน้าพยาบาลฮามางุจิเดินจากไปหลังปิดโทรทัศน์เรียบร้อย โชพาริทสึโกะกลับไปที่ห้องพัก แล้วเดินอ้อมมาด้านหน้าเพื่อพาริทสึโกะขึ้นเตียง ตอนนั้นเองที่ริทสึโกะพูดออกมาอีกครั้ง
?อดตาย...?
แม้จะเป็นเสียงที่แหบแห้ง แต่ก็ได้ยินชัดเจนกว่าเมื่อกี้
?อดตาย? เมื่อกี้พูดว่าอดตายเหรอครับ??
บางทีเธออาจจะแค่เลียนแบบคำพูดที่ได้ยินในข่าวเฉยๆ โชลงไปนั่งยองๆ หน้าริทสึโกะ แล้วจ้องมองหญิงสาวที่ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
?อดตายอะไรเหรอครับ??
?...โช ขอโทษนะ?
ริทสึโกะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำจนโชถึงกับกลั้นหายใจ แถมคำที่ออกมายังเป็นชื่อของเขาด้วย
?โช...ขอโทษ ขอโทษ...?
หยาดน้ำใสเอ่อซึมอยู่ในดวงตาของหล่อนขณะพร่ำขอโทษ
?แม่ครับ เป็นอะไร? ขอโทษทำไม??
หยดน้ำตาเม็ดโตร่วงลงมา ริทสึโกะทำหน้าเหยเกด้วยความโศกเศร้า แต่ไม่ว่าจะส่งเสียงเรียกเท่าไร ดวงตาคู่นั้นก็ยังเหม่อมองไปไกล และไม่ยอมจับจ้องมาที่โชแม้แต่น้อย
?แม่ครับ ผมอยู่นี่ มองหน้าผมสิ?
โชบีบมือแม่ รู้สึกอึดอัดที่แม่ไม่ยอมมองเขาทั้งที่เรียกชื่ออยู่
?โช โช ขอโทษนะ โช...?
?ผมอยู่นี่ โชอยู่ตรงนี้?
เขาจับแขนแม่แล้วเขย่าเบาๆ ?ไม่นะ? ริทสึโกะทำสีหน้าเหมือนได้สติแล้วตบหน้าเขาฉาดใหญ่ โชรู้สึกแสบร้อนที่แก้มเพราะโดนเล็บข่วน
?ไม่ใช่ แกไม่ใช่โช!?
ริทสึโกะตวาดด้วยสีหน้าโกรธขึ้งแล้วผลักไหล่โชอย่างแรงจนเด็กหนุ่มเสียศูนย์ล้มก้นจ้ำเบ้า
?แกไม่ใช่โชแท้ๆ ทำไมยังมีชีวิตอยู่ แกน่าจะตายไปซะ แกน่าจะตายไปซะ แกน่าจะตายไปซะ แกน่าจะตายไปซะ...?
ริทสึโกะตะโกนประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา จากนั้นก็ลดโทนเสียงลงแล้วกลับมามีสีหน้าเลื่อนลอยเหมือนอยู่ในห้วงฝันอีกครั้ง คราวนี้เธอเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
?โช...โชผู้น่ารักของแม่ ขอโทษนะ ขอโทษ...?
โชเงยหน้ามองริทสึโกะอย่างตกตะลึง พลางกระซิบถามในใจว่า ทำไม
ผมอยู่ตรงนี้แท้ๆ ทำไมถึงดูไม่ออก? ทำไมถึงบอกว่าไม่ใช่โช?
แกไม่ใช่โช แกน่าจะตายไปซะ แกไม่ใช่โช แกน่าจะตายไปซะ
ถ้อยคำของริทสึโกะสะท้อนอยู่ในหัว ต่อให้ไม่อยากได้ยิน เสียงนั่นก็ยังดังวนเวียนเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง โชรีบพุ่งตัวออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกใกล้จะสติแตก คล้ายกับมีแมลงมาอาละวาดอยู่ในหู
เขาเดินโซเซไปตามระเบียงก่อนเลี้ยวเข้าห้องน้ำ แล้วเดินไปล้างมือที่อ่างล้างหน้า เพราะไม่สามารถทนอยู่นิ่งๆ ได้ แต่ไม่ว่าจะล้างเท่าไรจิตใจก็ไม่ยอมสงบลง ระหว่างที่กำลังล้างมืออย่างเอาเป็นเอาตาย ก็มีเงาอะไรบางอย่างตัดผ่านกระจกไป
มันคืออะไรนะ โชไล่สายตาไปจนสุดขอบ แต่ไม่พบอะไรที่เคลื่อนไหวนอกจากตัวเอง ความกังวลโถมเข้าใส่จนเขาต้องหันกลับไป
ใครบางคนกำลังมองเขาอยู่ โชสัมผัสได้ถึงสายตา
เขาเดินสำรวจห้องน้ำอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ทุกห้องล้วนเปิดอ้าและว่างเปล่า ตรงข้ามกับกลิ่นอายและสายตาของใครบางคนที่ยิ่งทวีความชัดเจน
เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นในหัว
?นายไม่ใช่โช นึกให้ออกสิ?
ไม่ใช่เสียงของริทสึโกะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร ใจหนึ่งก็รู้สึกว่าเป็นเสียงที่รู้จัก อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน
?ไม่ใช่...ฉันคือโช มามิยะ โช...?
?โชตายไปแล้ว นายคือวิญญาณของมามิยะ โชต่างหาก ที่จริงนายก็รู้ไม่ใช่เหรอ??
เสียงนั่นหัวเราะเยาะ
โชจ้องมองใบหน้าซีดเผือดของตนในกระจก สีหน้าของเขาดูหวาดผวาคล้ายกับมองเห็นวิญญาณอยู่จริงๆ
ยิ่งจ้องก็ยิ่งรู้สึกว่าใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในนั้นไม่เหมือนตนเข้าไปทุกที แต่เมื่อก่อนเขาก็เคยคิดอยู่บ่อยๆ ว่าตัวเองเป็นคนอื่น จึงคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้อย่างบอกไม่ถูก
...นายเป็นใคร?
พอเอ่ยถามเด็กหนุ่มในกระจก ใบหน้าที่ปริ่มจะร้องไห้ก็ยิ้มออกมา
?ฉันคือเคย์ ตัวนายเองนั่นแหละ?
เคย์? เคย์คนนั้นน่ะเหรอ?
โชตั้งท่าจะถามออกไป แต่คุณลุงวัยกลางคนที่มาเยี่ยมไข้โผล่มาซะก่อน เสียงในหัวจึงหยุดลงทันที โชได้สติแล้วกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้าย
ตัวตนของเคย์ที่โชได้ประสบเป็นครั้งแรก ช่างดูลึกลับและน่ากลัวเหลือเกิน





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อเหยื่อรายที่สองของคดีถูกพบเป็นศพในสภาพอดตาย คามิโจ เจ้าหน้าที่จากกรมตำรวจนครบาลจึงต้องไล่ล่าคนร้ายภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันเขาก็ใช้เวลาว่างอันน้อยนิดไปกับเซนะ รุ่นน้องสมัย ม.ปลาย ที่เป็นนักจิตวิทยาคลินิก คามิโจเริ่มหวั่นไหวกับเซนะผู้กลายเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ขี้ประชด ในขณะที่การสืบสวนยังคงไร้ความคืบหน้า แต่แล้วเบาะแสชิ้นสำคัญที่จะช่วยสาวไปถึงตัวคนร้ายก็ตกมาอยู่ในมือเขา!! ทางด้านชินโด ทายาทแก๊งยากูซ่า และฮาโตริผู้เป็นชู้รักก็เริ่มไล่ล่าคนร้ายด้วยวิธีการของตนเช่นกัน?!?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”