New Release: ฟากฟ้านี้น่ะหรือที่หิมะปีศาจจะโปรยปราย! (เล่ม8)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release: ฟากฟ้านี้น่ะหรือที่หิมะปีศาจจะโปรยปราย! (เล่ม8)

โพสต์ โดย Gals »

.
.
.
กว่าผมจะขี่จักรยานได้ก็ใช้เวลานานเอาการ
สถานที่คือสวนสาธารณะ ผมใช้จักรยานสำหรับเด็กแบบที่ไม่มีล้อช่วย ตัวรถสีฟ้าลายตัวการ์ตูนมีสติกเกอร์เบสบอลติดเอาไว้เต็มไปหมดตามรสนิยมของพ่อ
?อย่าปล่อยนะ อย่าปล่อยเด็ดขาดเลยนะ?
พ่อซึ่งคอยจับตรงที่วางสัมภาระด้านหลังเพื่อคอยประคองพยักหน้าทั้งที่ย่อตัวอยู่
?ไม่เป็นไรนะ ยูจัง พ่อไม่ปล่อยแน่นอน ถ้าจะปล่อยพ่อต้องบอกให้รู้ก่อนอยู่แล้ว?
เราสัญญากันแล้ว
ผมเริ่มเหยียบที่เหยียบอันหนักอึ้งด้วยเท้าที่สั่นเทาเพราะความตื่นเต้นและประหม่า ตอนที่ล้อทั้งสองหมุนไปรอบหนึ่ง ก็มีสายลมต้นฤดูร้อนกระทบเข้าที่แก้มอย่างจังจนผมหน้าที่ตัดสั้นปัดหน้าผาก เสียงฝีเท้าของพ่อฟังดูเร็วขึ้น รู้ได้เลยว่ากำลังวิ่งตามประคองจักรยานให้อยู่ ในที่สุดผมก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นจนไม่ได้ยินกระทั่งเสียงนั้นแล้ว ความหนักอึ้งของที่เหยียบก็ลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียว ผมเริ่มออกวิ่งด้วยกำลังของตนเอง! ดูจากระยะทางแล้วคงราวๆ ไม่กี่ร้อยเมตรล่ะมั้ง
ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกตื้นตันตามประสาเด็กๆ และหันกลับไปมองพ่อที่น่าจะอยู่ไกลออกไปมากแล้ว
?ผมขี่ได้แล้ว....อ้าว??
พ่อหายใจหอบด้วยใบหน้าแดงก่ำโดยยังคงจับที่วางสัมภาระของจักรยานเอาไว้อยู่
?เนอะ? นี่ป๊ะป๋าไม่ปล่อย ตามที่สัญญากันไว้เลยเห็นมั้ย??
ทุกครั้งที่นึกเรื่องนั้นขึ้นมาได้ ผมจะรู้สึกสังเวชขึ้นมาอย่างสุดซึ้ง
....ตามปกติแล้วเนี่ย มันควรจะปล่อยระหว่างทางไปแล้วไม่ใช่เหรอ?


บทที่ 1

สีหน้าต้องน่าสมเพชน่าดูแหงๆ
ก็ใต้หน้ากากสีเงินนี้ร้อนอบอ้าวทั้งๆ ที่อยู่ในฤดูหนาวนี่นา
?เฮ้อ แถมยังหายใจลำบากอีก?
ผมอดทนกับการที่คิ้วโดนดึงไปด้วยขณะถอดหน้ากากออกเต็มแรง อากาศไหลเข้ามาทางจมูกและปาก ช่วยทำให้แก้มที่ร้อนผ่าวเย็นลงอย่างรวดเร็ว
?ให้ตายเถอะ ทนสวมของแบบนี้มาได้ยังไงตั้งหลายปีเนี่ย ทั้งฟลินทั้งนอร์แมน กิลบิทซังเลย?
?สงสัยคงจะไม่ได้เคลื่อนไหวมากขนาดนี้มั้ง?
หลังลงจากม้าตรงทางเข้าเมือง ก็มีแต่ต้องเดินเพื่อเปลี่ยนสถานที่ไปแถวๆ ท่าเรือ นั่นก็เพราะทางปูหินแตกหัก อีกทั้งผิวถนนที่ยกขึ้นยังมีต้นไม้ล้มและร่องน้ำสะสมอยู่ตามจุดต่างๆ ไม่ใช่แค่นั้น บรรดาผู้คนที่สิ้นหวังต่างนั่งแหมะกันอยู่ไม่เลือกที่ เด็กๆ ที่ตะโกนร้องไห้ตามหาพ่อแม่และอาหารเดินโงนเงนตัดผ่านถนนไป ขืนใช้ม้าคงไม่คืบหน้าสักที
กล่องสี่กล่องที่เขาว่ากันว่าห้ามแตะต้องเด็ดขาด ซิมารอนเล็กใช้กุญแจผิดเปิด ?สิ้นพสุธา? ซึ่งเป็นหนึ่งในนั้น ทำให้พลังที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรซึ่งถูกผนึกเอาไว้บางส่วนอาละวาด บริเวณทิศตะวันตกของทวีปรวมถึงคาโลเรียก็เลยได้รับความเสียหายถึงขั้นพังพินาศ
ฟลิน กิลบิทอดกลั้นไม่เผยกระทั่งน้ำตาให้เห็น เธอเดินไปทั่วอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมส่งเสียงทักชาวเมือง เธอคอยไปให้กำลังใจชาวเมืองว่าเดี๋ยวจะกลับไปยังคฤหาสน์และออกคำสั่งลูกน้องที่มีอยู่ไม่มากขนน้ำและอาหารมาทันที ผมที่สวมหน้ากากนอร์แมน กิลบิทเองก็ไปด้วยกันกับเธอ
ฟลินฝืนใช้ร่างกายที่เหนื่อยล้าถึงขีดสุดอย่างหนัก ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะภรรยาจ้าวผู้ครองแคว้นอย่างฉลาดเฉลียว แม้จะไข้ขึ้นและปวดท้องจนลุกจากเก้าอี้ไม่ไหว เธอก็ยังเรียกผู้รับผิดชอบจากท้องที่ต่างๆ มารวมกันที่ห้องสั่งการ และจัดแบ่งข้าวของไปยังทั่วคาโลเรียอย่างเสมอภาคตามสัญญา
ทว่าลำพังแค่เสบียงส่วนที่เหลือในคฤหาสน์ย่อมไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มความอดอยากของผู้คนได้อยู่แล้ว
คาโลเรียที่พวกเรากลับมาถึงได้ในที่สุดพังพินาศไปถึงเพียงนั้น
หลังจากฝืนบังคับให้เธอที่ขยับเขยื้อนไม่ไหวแล้วอยู่ในห้อง พวกเราก็มายังท่าเรือการค้ากิลบิท ท่าเรือที่เคยเปี่ยมชีวิตชีวาและมั่นคงถูกทำลายไปจนไม่เหลือเค้าเดิม ทางเดินปูหินที่เคยงดงามก็แตกหักกระจุยกระจาย ร่องน้ำซึ่งทั้งลึกทั้งกว้างไหลแทรกบนผืนดินหลายสาย ทั้งยังมีน้ำไหลเอ่อราวกับแม่น้ำ บ้านเรือนที่หันหน้าเข้าฝั่งถนนพังทลายไปเกือบหมด ตัวเมืองไม่สามารถทำหน้าที่ความเป็นเมืองได้ พื้นที่เกษตรกรรมทุกแห่งบนพื้นทวีปโดนน้ำทะเลท่วมจนทั้งดินทั้งหญ้าเฉาไปหมด
ผู้คนที่จนถึงเมื่อไม่กี่วันก่อนยังเคยเป็นชาวเมืองที่ดีกลับแย่งชิงอาหารจากร้านค้าที่พังระเนระนาด เพื่อนบ้านที่เคยสนิทกันชกต่อยเพื่อแย่งกันครอบครองบ่อน้ำ เด็กที่อดอยากไม่เหลือแรงใจกระทั่งจะร้องไห้ ได้แต่ทำสายตาว่างเปล่าทรุดนั่งอยู่กับพื้น
เดิมทีก็เป็นแคว้นที่มีคนหนุ่มสาวน้อยอยู่แล้ว ทั้งพละกำลังทั้งข้าวของไม่มีอะไรเพียงพอเลย
ผู้หญิง เด็ก และคนชราที่หมดเรี่ยวแรงตัวสั่นงันงกไม่มีกระทั่งหลังคาจะให้หลบทั้งที่อากาศหนาวเหน็บ จุดที่มีไฟติดตอนหลังพระอาทิตย์ตกดินมีเพียงบนเรือค้าขายที่อยู่ระหว่างหยุดพักค้างแรมเท่านั้น
ถึงจะมีหลายคนคอยเดินส่งเสียงทักผู้คนที่ไร้แรงใจเพื่อจะรวบรวมชาวเมืองให้สามัคคีกัน แต่ผู้ชายที่เสียงดังกว่ากลับตะโกนร้องอยู่ตามท้องถนนว่าโลกนี้จะจบสิ้นแล้ว
?ก็ไม่ได้ผิดนักหรอก?
?ว่าไงนะ? หมายความว่าโลกจะล่มสลายงั้นเหรอ? บ้าบอคอแตก ไม่ใช่นอสตราดามุส ซะหน่อย?
ผมพยายามจะตอบคำกระซิบของมุราตะ แต่เสียงกลับออกมาฟังดูแหลมสูงโดยไม่ได้ตั้งใจ พอได้มาเห็นทิวทัศน์ที่เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกตรงหน้า ฝ่ามือผมก็มีเหงื่อซึมชื้น ไม่สิ ไม่ใช่แค่ฝ่ามือหรอก เหงื่อที่ไหลอยู่ทั้งตรงลำคอและแผ่นหลังช่วงชิงอุณหภูมิร่างกายไปในพริบตา ทำให้ร่างผมหยุดสั่นไม่ได้เลย
?....ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง?
ใครสักคนต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง
?โธ่เว้ย แต่ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิดว่าควรจะทำยังไงดี....ฉันอาศัยอยู่แถบคันโตมาตลอดด้วย แค่เคยฝึกซ้อมลี้ภัยจริงๆ จังๆ มามันไม่ช่วยให้รู้หรอกว่าพอมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จริงๆ แล้วควรจะทำยังไงดี....?
?ทีวีมันช่วยเราได้เยอะออกนะ ชิบุยะ?
ผมงุนงงว่าเขาพูดอะไรออกมาในเวลาแบบนี้ ก็เลยมองไปทางมุราตะ เพื่อนผู้มีผมสีทองจากการย้อมและใส่คอนแทคเลนส์สีซึ่งจับจ้องอีกฟากของท่าเรือด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูสงบ
?มันฉายให้เราดูตั้งเยอะแยะ ทั้งพวกพื้นที่ประสบภัยและค่ายผู้ลี้ภัย ถึงจะเพิ่งเคยประสบกับตัวจริงๆ ครั้งแรก แต่ก็ทำให้รู้สึกเหมือนว่าพอจะเคยรู้จักมาบ้างแล้ว?
ก็จริง ผมเคยเห็นภาพมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในข่าว สารคดี ภาพยนตร์ และในละครด้วย
?เพียงแค่นั้นก็ต่างกันมากแล้ว นายคงไม่ได้ดูแต่เบสบอลกับอนิเมฯ หรอกใช่มั้ยล่ะ? อีกอย่างเด็กดีทุกคนควรดูในห้องสว่างและออกห่างจากหน้าจอมากกว่าสองเมตรด้วยล่ะ เอาเถอะ ตัวฉันเองนี่แหละ?
เพื่อนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่เอียงคอเล็กน้อยแล้วหรี่ตา
?แต่ก็รู้สึกคิดถึงโลกที่ไม่มีทั้งทีวีทั้งวิทยุนี่เอาการเหมือนกัน?
?ไม่มีรถวิ่งเยอะเท่าไหร่ด้วยเนอะ....มุราตะ นายเนี่ย จริงๆ แล้ว....ไม่ล่ะ พอดีกว่า?
เรื่องที่เขาเป็นสมาชิก SKY PerfectTV! หรือเปล่านั้นตอนนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ที่สำคัญกว่านั้นคือเรื่องที่เราพอมีความรู้อยู่ต่างหาก ไม่เคยทำมาก่อนก็จริง แต่ไม่ว่าเรื่องอะไร ครั้งแรกมันก็ต้องเลียนแบบสิ่งที่เคยเห็นมาทั้งนั้น นึกถึงเรื่องวันที่ขว้างลูกครั้งแรกโดยดูการเล่นแคทช์บอลของพี่ชายกับพ่อให้ออกสิ
?ของกิน....ไม่สิ ก่อนอื่นก็ต้องน้ำสินะ รวบรวมคนที่ขยับตัวไหวแล้วก็แบ่งไปยังแต่ละพื้นที่....เคยเห็นเขากางเต็นท์หุงหาอาหารกันบ่อยๆ แฮะ อ๊า ต้องมีพวกหน่วยวางแผนรับมือจริงๆ นั่นแหละ แต่นี่ไม่มีทั้งยูนิเซฟทั้งสภากาชาดเลย?
?แต่นายพูดเองนะว่าจะทำ?
ใช่แล้ว
ผมกุมหน้ากากสีเงินแน่น โวลฟรัมกับดาคาสคอสกลับมาจากเรือการค้าที่ยังเหลือรอดไม่จมลงไป โยซัคในชุดเดรสผ้ากันเปื้อนสีขาวเองก็อยู่ด้วย คงตั้งใจจะเป็นนางฟ้าชุดขาวล่ะมั้ง เขามาพร้อมชายแปลกหน้าที่หอบถุงผ้าเต็มสองมือ พอเขาเห็นร่างผมก็ปล่อยสัมภาระตกพื้น สีหน้าแบบผู้ใหญ่โตเต็มที่แล้วเปลี่ยนไปแสดงความยินดีจวนจะร้องไห้ออกมารอมร่อ
?ปลอดภัยดีสินะ!?
เขาวิ่งเข้ามาใกล้โดยแซงทั้งโวลฟรัมและดาคาสคอสแล้วทรุดเข่าลงแทบเท้าผม
?อุหวา มะ มันเรื่องอะไรกันครับ!??
?ปลอดภัยดีสินะ....?
เนื่องจากเขาก้มหัวลงต่ำหลังจากน้ำตาคลอเบ้า ส่วนที่มีเส้นผมบางตรงกลางหัวก็เลยรับแสงแดดจนทอประกายอ่อนๆ ท่านฟรังซิสเซเวียร์ เลเวล 1
?อย่างที่คิดนั่นแหละ นั่นเรือของแคว้นเรา ถึงจะแสดงให้เห็นเหมือนเป็นเรือการค้า แต่เจ้าหน้าที่บนเรือเป็นทหาร บุรุษผู้นี้คอยบังคับบัญชาอยู่ เขาคือไซส์มอร์ กัปตันเรือ?
บุตรชายคนที่สามของราชาปีศาจองค์ก่อนเตะกระเป๋าผ้ากระสอบพร้อมพูด สีหน้าไม่สบอารมณ์น่าดู คงจะเจ็บใจนิดหน่อยล่ะมั้งที่โดนทหารที่ตามหลังมาแซงหน้าเอาได้
ผมทองทอประกายสีเหลืองเรืองรอง ดวงตาสีเขียวมรกตที่ชวนให้นึกถึงก้นทะเลสาบ หนุ่มรูปงามราวกับเทวดา ทว่าพอลองคบดูแล้ว ร่างที่แท้จริงกลับเป็นเจ้าชายเอาแต่ใจ ปากร้ายขวานผ่าซาก....ก็น่าจะเป็นแบบนั้นอยู่หรอก แต่ดูเหมือนว่าระยะนี้ลอร์ดโวลฟรัม ฟอน บีเลอเฟลท์จะต่างไปจากสมัยที่เจอกันแรกๆ ลิบลับ ทั้งที่เป็นสามพี่น้องที่ไม่ได้คล้ายกันเลยสักนิดแท้ๆ แต่ตอนนี้เขากลับมีท่าทีไม่สบอารมณ์เหมือนพี่ชาย และมีกระทั่งสีหน้าไม่หวั่นเกรงของพี่รองติดตัว ว่าไปแล้วก็เป็นหนุ่มรูปงามที่มีความมาดเข้มในแบบหนุ่มสำอางล่ะมั้ง?
ละ เลวร้ายที่สุด เทียบไม่ติดเลย
?กองเรือที่เหลือเดี๋ยวอีกสักสองสามวันก็คงถึงแล้ว เห็นว่าหลังได้รับการแจ้งข่าวจากเผ่ากระดูกเหินและจดหมายแจ้งข่าว เขาก็ปล่อยกำลังรบทางทะเลมาหนึ่งในสี่เชียวล่ะ ท่านพี่ที่เยือกเย็นคนนั้นน่ะ?
?หนึ่งในสี่เรอะ ส่งมาขนาดนั้นเพื่ออะไร?
?ก็ ? เพื่อ ? ตาม ? หา ? ตัว ? เจ้า ? ไง ? ล่ะ!?
โวล์ฟพูดเว้นวรรคทีละคำพร้อมเอาใบหน้าโกรธเกรี้ยวเข้ามาใกล้
?เข้าใจสถานะตัวเองดีหรือเปล่า!? เจ้าหายตัวไปจากอาณาจักรในสถานการณ์สิ้นหวังแบบไม่มีเบาะแสอะไรเลยนะ?
?ขะ ขอโทษครับ?
?ให้ตายสิ กุนเทอร์ก็กลายเป็นโอคิคุไป แถมคอนราทเองก็เป็นแบบนั้น....?
เขากลืนถ้อยคำลงไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะละสายตาจากผมแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา คงคิดว่ายังไม่ถึงเวลานั้นล่ะมั้ง
?เอาเป็นว่าหลังจากนี้จะมีเรือมาถึงเรื่อยๆ บางทีพรุ่งนี้เรือความเร็วสูงของตระกูลดูกาลด์คงเข้ามาในน่านน้ำอาณาเขต เป็นตระกูลที่เลื่องชื่อเรื่องศึกทางน้ำที่สุด แถมเรือนั่นยังเร็วจนยากจะเชื่อด้วย ก็เพราะติดตั้งเครื่องเร่งความเร็วพลังปีศาจของคาร์เบลนิคอฟเอาไว้ด้วยนี่นา กลับด้วยเรือนั่นแหละปลอดภัยที่สุดแล้ว?
?กลับเนี่ย หมายถึงใคร??
?ก็แหงน่ะสิ ทุกคนไง แต่ก็แน่นอนว่าไม่ใช่กลับเรือลำเดียวกันหรอก?
?ทุกคนอะไรกัน ฉันยังไม่กลับหรอกนะ ใครจะกลับไปทั้งๆ อย่างนี้ได้ล่ะ คาโลเรียยังอยู่ในสภาพแบบนี้อยู่เลย แถมยังคาใจเรื่องกล่องนั่นอีก ไหนจะเรื่องแขนของคอนราด....?
พอนึกถึงเรื่องของเซอร์เวลเลอร์ก็หายใจไม่คล่องพร้อมๆ กับที่พูดไม่ออก แทนที่จะบอกว่าเรียบเรียงความรู้สึกไม่ได้ น่าจะเป็นไม่พยายามเรียบเรียงเลยมากกว่า
?....ฉันไม่กลับจนกว่าจะหาทางจัดการทุกอย่างได้....ต่อให้แค่อ้างชื่อเฉยๆ แต่ตอนนี้ฉันก็ถือว่าเป็นนอร์แมน กิลบิทนะ ชาวเมืองทุกคนก็เชื่อกันว่าฉันคือจ้าวผู้ครองแคว้น ระหว่างการมีกับไม่มีผู้รับผิดชอบอยู่เนี่ย พวกความหวังกับแรงฮึด เอ่อ ใช้คำว่าความฮึกเหิมได้มั้ยนะ? คือเรื่องแบบนั้นมันทำให้ความเร็วในการฟื้นฟูผิดกันเลย?
โวลฟรัมดึงหูผมด้วยสีหน้าเหมือนจะบอกว่าเอือมระอาเต็มที
?ขอพูดย้ำหลายๆ ครั้งเลย เจ้ามันงี่เง่ารึ??
แก ? มัน ? งี่ ? เง่า ? ชะ ? มัด อารมณ์ประมาณนี้ล่ะมั้ง
?เจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบอะไรกับดินแดนนี้ด้วยรึ แค่เหลือหน่วยที่คอยให้การรักษากับพวกข้าวของไว้ก็พอแล้ว ทหารที่มีประสบการณ์ช่ำชองในสนามรบเองก็มี หรืออย่างคนที่จะรับผิดชอบฟื้นฟูเมืองที่พังไปเนี่ย ถ้าหาซะเดี๋ยวก็....?
?นั่นสินะ เป็นงั้นสินะ!? กีเซลาเป็นมืออาชีพด้านการรักษานี่เนอะ ถ้าขอยืมพลังของทุกคนที่มาหาถึงที่นี่ก็จะช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้สบายสินะ?
?ยูริ! ข้าไม่ได้พูดเรื่องแบบนั้นสักหน่อย?
โวลฟรัมทำสีหน้าไม่พอใจเมื่อมองผมที่เปลี่ยนกระทั่งโทนเสียง ตัวเขาเองคงไม่รู้ตัวมั้ง ว่ารอยย่นตรงระหว่างคิ้วเนี่ยเหมือนพี่คนโตเปี๊ยบเลย
?ไซส์มอร์ซัง ในเรือคุณมีอาหารกับน้ำบ้างมั้ย??
?อาหารหรือขอรับ??
คงเพราะเป็นคำถามเหนือความคาดหมาย ฟรังซิสเซเวียร์เลเวล 1 ก็เลยกลับไปพูดด้วยเสียงตามธรรมชาติ
?ก็มีใส่ไว้บ้าง เตรียมพร้อมเผื่อเจอเหตุเรืออับปาง....?
?ค่อยยังชั่ว! ฉันอยากให้ช่วยแบ่งของนั่นเดี๋ยวนี้เลย แบ่งอย่างยุติธรรมและส่งถึงผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้เขาต่อแถวกันเพื่อไม่ให้สับสนด้วย รอเดี๋ยวก่อน ลูกเรือทุกคนเป็นทหารของอาณาจักรเราสินะ??
?แน่นอนขอรับ มีแต่ผู้ที่ขอเพียงฝ่าบาทตรัสก็ไม่เสียดายกระทั่งชีวิตทั้งนั้น แถมด้วยคำสั่งของใต้เท้าเกวนดัล เราเลยเลือกผู้ที่รูปลักษณ์ภายนอกดูใกล้เคียงมนุษย์มาหลายคนด้วย น่าจะมีประโยชน์ในการทำงานที่ต้องแฝงตัวบ้างเหมือนกัน?
นายทหารยืดอกอย่างภาคภูมิ คงจะมั่นใจในตัวลูกน้องน่าดู
?ช่วยได้เยอะเลย งั้นนับว่าทุกคนเป็นอาสาสมัครได้เลยสินะ?
?อาสา....นั่นมันเป็นหน้าที่แบบไหนหรือขอรับ?
?ไม่ใช่หน้าที่หรอก เพราะอาสาจะทำด้วยตัวเองไงถึงได้เรียกว่าอาสาสมัคร ดีล่ะ มุราตะ ได้คนมาช่วยแล้ว! ที่เหลือก็ที่พักอาศัยแบบง่ายๆ กับห้องน้ำแบบง่ายๆ มีของที่อยากได้เพียบเลย อา ถ้ามีนมผงกับผ้าอ้อมกระดาษสำหรับทารกก็คงช่วยได้เยอะ ตอนนี้พวกกีเซลาวิ่งดูกันให้วุ่นไปหมด งั้นถ้ามีกลุ่มแพทย์เยอะๆ ก็ย่อมดี แถมต้องมีทั้งยาทั้งสถานที่อีก อ๊า โธ่เว้ย ไม่พอเลยสักนิด! ไม่พอทั้งข้าวของ วัตถุดิบ และกำลังคนเลย?
?งั้นลองขอร้องดูสิ?
มุราตะยื่นมือออกมาแล้วคว้าวัตถุสีขาวไปจากตรงอกผม สิ่งนั้นมีรูปร่างเรียวยาว ซึ่งก็คือมีดตัดกระดาษที่ซื้อมาจากเด็กหนุ่มร้านกัปปาฟิลด์ที่แม่น้ำลองการ์บาร์นั่นเอง ถึงจะบอกว่าเป็นกระดาษเปเปอร์แต่ก็ไม่ใช่ฮายาชิยะ แต่อย่างใด เป็นศิลปวัตถุพื้นบ้านจากโครงกระดูกสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่รู้ว่าตัวจริงคืออะไรกันแน่ต่างหาก
?ขอร้องต่อเจ้านี่ไง?
?ถ้าขอพรกับของฝากแล้วมันสมหวังได้ คงไม่ต้องมีทั้งวัดทั้งศาลเจ้าแล้วล่ะ?
?นั่นมันไม่ใช่ของฝากซะหน่อย เป็นส่วนหนึ่งของเผ่ากระดูกเหินต่างหาก?
?อะไรนะ!??
ผมเกือบจะทำมีดที่ทั้งแห้งและเบาตกพื้น
?งั้นก็หมายความว่านี่มันกระดูกคนเรอะ!? นี่ กระดูกคนงั้นเรอะ!??




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผม ชิบุยะ ยูริ ได้ปิดบังตัวตนที่แท้จริง (อาชีพ : ราชาปีศาจ) และเข้าร่วม ?งานประลองยุทธ์หนึ่งในใต้หล้า (ย่อเหลือจู๊ดใต้หล้า)? ที่จัดโดยซิมารอนใหญ่เพื่อจะเอา ?อวสานวายุ? คืนมา ซึ่งนั่นก็คือกล่องต้องห้ามที่ว่ากันว่าเมื่อเปิดแล้วจะนำหายนะมาสู่โลกนี้ เอ๊ะ ตัวตนที่แท้จริงของเพื่อนร่วมเดินทางอย่างมุระเคนเป็นแบบนั้นเองหรอกเรอะ!? ทว่ากลับมีเรื่องลำบากลำบนถาโถมเข้าใส่พวกเราจนไม่มีเวลาแม้แต่จะมามัวตกใจกับเรื่องแบบนั้น! แต่ตัวผมยังไม่รู้ว่ามีเรื่องน่าตกตะลึงใหญ่หลวงที่สุดรอผมอยู่หลังจากนี้....
นี่คือเรื่องราวแฟนตาซีสุดเฟี้ยวที่คนเขาเล่าลือกัน!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”