New Release: บุปผาคู่บัลลังก์11 ตอนบ๊วยแดงหอมอบอวลในยามราตรี

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release: บุปผาคู่บัลลังก์11 ตอนบ๊วยแดงหอมอบอวลในยามราตรี

โพสต์ โดย Gals »

เสียงถอนหายใจเบาๆ เหมือนเอ็นดูเด็กหลุดออกมาจากคนที่อยู่เบื้องล่าง
?....เป็นกระหม่อมจะดีจริงๆ หรือ??
?เป็นท่านแหละดี?
ยูชุนหลับตาเหมือนจะพิจารณาตามเสียงที่ดังก้องและหนักแน่นนั้น
รอยยิ้มที่หลุดมาจากริมฝีปากของเขาในชั่วอึดใจต่อมาทำให้ริวกิรู้สึกอบอุ่นใจจนถึงขั้นแปลกใจอย่างบอกไม่ถูก
?งั้นฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องอยากจะกราบทูลขอสักเรื่องได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ....??

***

เสียงสะท้อนเบาๆ ที่ต่างจากเสียงรองเท้าดังกึกๆ เป็นเสียงไม้เท้าที่ดังก้องอย่างนุ่มนวลราวกับสายฝนในฤดูใบไม้ผลิซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของเจ้าตัว ในที่สุดเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ด้านหน้าบันไดทางขึ้นบัลลังก์ฮ่องเต้
ที่นั่นมีเก้าอี้เล็กๆ ตัวหนึ่งถูกนำมาวางหันหน้าเข้าหาฮ่องเต้
เขาผู้ซึ่งเรียกสายตาของบรรดาขุนนางใหญ่ที่ยืนเรียงเป็นแถวซ้ายขวาให้พร้อมใจกันมองดู หย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ตรงนั้นอย่างไม่ลังเลเพราะได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องคุกเข่าทำความเคารพตั้งแต่แรกแล้ว
?เทยูชุน?
เสียงของฮ่องเต้ทำให้ยูชุนซึ่งนั่งประสานมือกันอยู่บนเก้าอี้ผงกศีรษะคำนับเบาๆ
?จากคุณงามความดีที่มณฑลซา เราจะเลื่อนให้เจ้าเป็นเจ้ากระทรวงบริหารราชการและอยากให้เป็นหัวหน้าขุนนางด้วย เจ้าจะว่ายังไง?
?กระหม่อมมีเงื่อนไขในการเข้ารับตำแหน่งนะพ่ะย่ะค่ะ....?
เพราะเสียงนั้นอ่อนโยนอบอุ่นมาก จึงทำให้แวบแรกทุกคนในที่นั้นไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร
แม้แต่ตัวฮ่องเต้ก็ยังงง
?....เงื่อนไข??
?พ่ะย่ะค่ะ?
ยูชุนยิ้มหวานแล้วพับนิ้วลง
?ข้อแรก ขอให้ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญต่อคุณธรรมในการปกครองประชาชน ข้อที่สอง ระวังการทำสงครามพร่ำเพรื่อ ข้อที่สาม อย่าแต่งตั้งตำแหน่งที่มีอำนาจหน้าที่ให้อยู่เฉพาะในตระกูลใหญ่ ข้อที่สี่ อย่าเพิ่มตำแหน่งที่ไม่มีอยู่ในกฎหมายตามอำเภอใจ ข้อที่ห้า ควบคุมการทำผิดกฎหมายของคนที่ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ....?
คำพูดที่นุ่มนวลแต่เฉียบขาดนั้นทำให้ขุนนางใหญ่ที่อยู่ในที่นั้นพากันส่งเสียงอื้ออึง
โชไทชิยิ้มมุมปากอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก ส่วนโซไทฟุก็ทำหน้าเหมือนจะผิวปาก
?ข้อที่หก อุดช่องว่างในการติดสินบน ข้อที่เจ็ด อย่าสร้างสิ่งฟุ่มเฟือยอย่างเช่น วัดหรือพระตำหนักสำหรับแปรพระราชฐานด้วยเงินภาษีอากร ข้อที่แปด แสดงความขอบคุณ รวมทั้งดูแลและตอบแทนข้าราชบริพารด้วย ข้อที่เก้า เปิดโอกาสให้ผู้น้อยตักเตือนได้ ข้อที่สิบ ถ้าหากฝ่าบาทอภิเษกแล้ว อย่าได้ยอมให้ญาติทางฝ่ายพระสนมหรือพระมเหสีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง....?
นิ้วทั้งสิบของยูชุนถูกพับลงจนหมด
?....ถ้าหากทรงสัญญาสิบข้อที่กระหม่อมกราบทูลไปนี้ กระหม่อมก็ยินดีจะรับตำแหน่งเจ้ากระทรวงบริหารราชการ?
เสียงฮือฮาดังขึ้น ณ ที่นั้น
โคเรชินกางพัดดังพึ่บ โค้วคิจินถอนหายใจอย่างอึ้งๆ ภายใต้หน้ากาก
?....เจ้ายูชุน แน่มาก....?
?ฮึ้ย ตามใจกันจัง เจ้าเด็กเมื่อวานซืนอย่างนั้น ยูชุนไม่เห็นจำเป็นต้องปกป้องเลย?
เรชินพึมพำอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องน่าสนใจ
?เพราะไม่มีใครทำ ยูชุนเลยต้องทำน่ะสิ เพราะเป็นเรื่องที่ริโคยูหรือรันชูเอในตอนนี้ไม่สามารถทำได้ไงล่ะ?
จุดหมายที่สายตาของเจ้ากรมโค้วเหลือบมองไปคือโคยูและชูเอที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเหมือนดื่มน้ำส้มสายชูเข้าไป
แม้จะเคยถูกหลอกด้วยท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อนของฮ่องเต้นับตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ซึ่งต่างจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนมาก่อน แต่เรื่องให้ผู้หญิงสอบเข้ารับราชการระดับประเทศได้และเรื่องผู้ว่าราชการประจำมณฑลซาก็บ่งบอกให้รู้ว่าที่จริงแล้วฮ่องเต้หนุ่มมีความเด็ดขาดในการใช้อำนาจยามจำเป็น การยืนกรานจะทำในสิ่งที่ดูเหมือนไร้เหตุผลหลายต่อหลายเรื่องในช่วงเกิดโรคระบาดที่มณฑลซาได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของฮ่องเต้หนุ่มไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการต่อต้านของบรรดาขุนนางที่กำลังก่อตัวเป็นคลื่นสูงใต้น้ำ
แต่ ?เงื่อนไข? เมื่อครู่นี้ได้เปลี่ยนสิ่งที่เป็นความคิดของฮ่องเต้ให้ ?กลายเป็นความคิดของยูชุน? ด้วยการแสดงคำพูดที่บ่งบอกถึงความทะนงตนนั้น ทำให้หลังจากนี้เป้าหมายในการโจมตีฮ่องเต้ทั้งหลายจะหันไปหายูชุนแทน
เซรันที่แอบอยู่มุมหนึ่งรวมกับขุนนางทหารคนอื่นๆ หลุบตาลง หัวเราะเบาๆ อย่างสบายใจ
?....จริงๆ แล้วที่กล่าวเช่นนั้นคือการสาบานว่าจะจงรักภักดีอย่างแน่แท้ด้วยการเอาตัวเข้าแลกยังไงล่ะ?
สุดท้ายแล้วฮ่องเต้มักจะยืนอยู่เพียงลำพังเสมอ แต่ว่าในที่สุดจากนี้ไปเขาจะได้ ?เกราะกำบัง? มาอยู่ในมือนั้นแล้ว
ฮ่องเต้หลับตาลงเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง ก้มหน้านิดๆ และกำหมัด
ทำไมเขาจึงต้องลงทุน ?ขอร้อง? ให้มอบตำแหน่ง ?ในที่ประชุมตอนเช้าที่ขุนนางนับร้อยมากันครบ?
....ฮ่องเต้ที่เคยคิดว่าจะต้องพยายามอยู่เพียงลำพัง นึกไม่ถึงว่าจะได้รับการปกป้องถึงเพียงนี้ ริวกิใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยปากอนุญาตออกไป
?....เราสัญญา?
เสียงที่สั่นพร่านิดๆ ทำให้ยูชุนค่อยๆ ยิ้มออกมา หยิบพัดขนนกสีขาวจากถาดเคลือบเงาที่ขุนนางระดับล่างซึ่งก้าวออกมาอย่างพินอบพิเทายื่นให้ เชือกซึ่งผูกไว้ที่ด้ามพัดนั้นถักเป็นเปียด้วยสีต้องห้ามคือสีม่วงและสีกึ่งต้องห้ามคือสีทั้งเจ็ด นั่นเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงตำแหน่งสูงสุดของขุนนางผู้ได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ให้ดูแลประเทศชาติ
?งั้นกระหม่อมขอรับเอาไว้นะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท กระหม่อมขอรับตำแหน่งเจ้ากระทรวงบริหารราชการและตำแหน่งหัวหน้าขุนนาง พร้อมทั้งจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบพ่ะย่ะค่ะ?

....เงื่อนไขสิบข้อที่ยูชุนพูดออกมาในตอนนั้น ภายหลังถูกเรียกว่า ?เงื่อนไขสิบประการของท่านเท? และกลายเป็นแนวคิดพื้นฐานในรัชสมัยของริวกิ อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ได้หัวหน้าขุนนางคนแรกในบรรดาหัวหน้าขุนนางทั้งหลายซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนรัชสมัยของริวกิจนได้ฉายาว่า ?เป็นรัชสมัยที่ดีที่สุด? สำหรับคนรุ่นหลังอีกด้วย


บทนำ

ชูเรแนบเตารีดลงบนผ้าทีละผืน เมื่อผ้ามีอุณหภูมิลดต่ำลงอยู่ในระดับเดียวกับอุณหภูมิร่างกายแล้วจึงค่อยๆ พับชุดขุนนางอย่างประณีต และเก็บทั้งหมดไว้ในหีบเก็บผ้า ค่อยๆ วางปิ่น ?ดอกตูม? ไว้บนสุด ชูเรจ้องมองกระดาษบางๆ ที่ปูไว้บนชุดขุนนางซึ่งยวบลงไปเล็กน้อยเพราะน้ำหนักของปิ่นปักผม ตอนนี้ชูเรถูกห้ามเข้าวังจึงไม่มีสิทธิ์จะสวมชุดขุนนางนี้
ชูเรหลุบขนตาลง กำลังจะหลับตา
ในช่วงแวบนั้นนัยน์ตาก็วูบไหวเล็กน้อย
....ชูเรไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปแม้แต่เรื่องเดียว มีแค่นั้นที่ชูเรสามารถยืดอกกล่าวได้
....แต่ว่า
(ไม่ได้)
ชูเรสูดลมหายใจกล้ำกลืนความรู้สึกที่เหมือนกำลังจะพลุ่งขึ้นมา ?เอาล่ะ ฉันจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง?
ชูเรเงยหน้าขึ้น
?....เอ มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ฉันทำได้จนกว่าจะหมดช่วงถูกลงโทษพักงานสิ?
ชูเรปิดเปลือกตาลง พับแขนเสื้อพลางลุกขึ้นยืน

***

วันนั้นเป็นเพราะมีเวลาพักผ่อนน้อยจึงทำให้ขจัดความเหนื่อยล้าออกไปได้ไม่หมด โคโจจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดในขณะที่ดูแลเส้นผมและผิวพรรณอย่างตั้งใจมากกว่าปกติ เมื่อสวมเสื้อคลุมบางๆ กำลังจะเดินลงจากบันไดอย่างไม่คิดอะไรก็บังเอิญพบเถ้าแก่ใหญ่หอบอะไรบางอย่างโผล่มาพอดี
?อ้าว อรุณสวัสดิ์ โคโจ เมื่อวานก็อยู่กับแขกที่แปลกๆ คนนั้นจนถึงดึกอีกแล้วใช่ไหม?
?ไม่หรอก เมื่อวานฉันออกไปประชุมสมาคมลูกพี่ และดูเหมือนว่าจะใช้สายตามากไปหน่อย ก็เลยเกิดอาการตาสว่างนอนไม่หลับน่ะ....?
?ตา? ประชุม??
?ใช่ ว่าแต่เถ้าแก่ใหญ่ บอกว่าจะขายรูปทั้งสองรูปไม่ใช่เหรอคะ แต่ดูความปลื้มปีตินั่นแล้ว ตกลงไม่ได้ขายแต่กลายเป็นซื้ออะไรมาแทนเหรอคะ??
แม้โคโจจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง เถ้าแก่ใหญ่ก็ไม่ได้ถือสาอะไร โคโจไม่ใช่คนแรกที่เถ้าแก่ใหญ่ให้เป็นลูกพี่หญิงที่ดูแลนางโลมสาวๆ
?เปล่าๆ ทั้งสองรูปข้าขายไปแล้ว แต่เผลอซื้ออีกรูปมาต่างหากล่ะ?
เดิมทีเถ้าแก่ใหญ่ก็เป็นคนที่ชอบสะสมพวกงานศิลปะหรือของโบราณอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่แอบเก็บไว้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว โดยทั่วไปแล้วเขาจะนำมาตกแต่งหอโคงะ ความใจกว้างนั้นคือข้อดีของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะจ่ายเงินจำนวนมากพอที่จะทำให้ชาวบ้านมีชีวิตอย่างสุขสบายไปได้ทั้งชีวิตเพื่อแจกันเล็กๆ ใบเดียว แต่เท่าที่โคโจรู้ ของทุกชิ้นล้วนมีมูลค่าที่เหมาะสมกับราคา เพราะผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันไม่ใช่ซื้ออย่างไม่มีเหตุผล การที่หอโคงะได้รับการชื่นชมว่าเป็นหอนางโลมที่สวยที่สุดในเมืองคิโยมายาวนาน บางทีก็คงเพราะรสนิยมที่ดีของเถ้าแก่ใหญ่ได้แต่งแต้มความงามไว้ตามจุดต่างๆ
?ถึงจะเป็นจิตรกรหน้าใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียง แต่นานมากแล้วจริงๆ ที่ข้าไม่ได้รู้สึกประหลาดใจตั้งแต่แรกเห็นถึงขนาดนี้ แม้จะยังมีความลังเลในการลงฝีแปรงอยู่บ้าง แต่เขาจะต้องเป็นจิตรกรใหญ่ในภายภาคหน้าแน่ๆ....!?
เถ้าแก่ใหญ่ดวงตาเป็นประกายเหมือนเด็ก ทำให้โคโจยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
?ถ้าเถ้าแก่ใหญ่พูดอย่างนั้นก็คงไม่ผิดแน่ แล้วเขาใช้นามแฝงว่าอะไรล่ะคะ??
?เรื่องนั้นเขาไม่ได้ลงนามเอาไว้ เพราะอย่างนี้แหละข้าถึงต่อรองและซื้อมาได้ในราคาถูกๆ แต่ถึงจะไม่ได้ลงนามเอาไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าข้าชื่นชมคนเดียวสักพักจนพอใจแล้วจะนำมาประดับที่ร้านอย่างทุกที เจ้ารอดูได้เลย?
เถ้าแก่ใหญ่เดินหอบภาพม้วนด้วยความหวงแหนไปที่ห้องของตนอย่างสบายอารมณ์

***

?....ของที่ว่าคือนี่กับนี่?
ตึงๆ ไซรินวางของสองสิ่งเรียงกันต่อหน้าริวกิราวกับกำลังเปิดไพ่
ในห้องทำงาน นอกจากไซรินกับริวกิแล้ว ยังมียูชุน โคยู และชูเออยู่กันพร้อมหน้า
อย่างแรกคือภาพม้วน อีกอย่างหนึ่งคือเหรียญกษาปณ์ที่เปล่งประกายวิบวับ
ในขณะที่ริวกิ โคยู และชูเอทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่นั้น ยูชุนก็พูดกับไซรินโดยที่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสักเท่าไร
?....ริน ให้สมาคมการค้ารวบรวมข้อมูลมาเท่าที่จะเป็นไปได้ได้ไหม??
?เดี๋ยวฉันจัดให้ โชคดีนะที่ท่านโคซนเป็นคนที่คุยรู้เรื่อง?
?งั้นรบกวนด้วยนะ ....ริน ขอโทษนะ ต่อจากนี้พวกเราขอคุยกันเป็นการส่วนตัวนะ?
ไซรินพยักหน้าแล้วออกไป
?เอาล่ะ ฝ่าบาทก็อย่ารีบเสนอในที่ประชุมเสนาบดีนะพ่ะย่ะค่ะ?
โคยูที่รู้ความหมายนั้นเลิกคิ้วขึ้น
?....หมายความว่าตั้งใจจะไม่บอกเจ้ากรมโค้วด้วยใช่ไหม??
?ใช่ ทุกคนก็เก็บเป็นความลับไปสักระยะก่อนนะ เพราะมีจุดอื่นที่ต้องคิดอีกหน่อย.... ยิ่งกว่านั้นเป็นเพราะหน่วยป้องกันและตรวจสอบการทุจริตกำลังมีการเคลื่อนไหว จึงควรดูท่าทีไปอีกสักระยะก่อน?
ชื่อของหน่วยป้องกันและตรวจสอบการทุจริตที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบทำให้พวกริวกิทำหน้าเครียด
?....ท่านยูชุนกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ??
?จริงสิ ....ฝ่าบาทก็ขึ้นครองราชย์มาเป็นปีที่สี่แล้ว น่าจะให้จิตรกรที่มีชื่อเสียงวาดรูปเหมือนสักใบได้แล้ว ทางแผนกวาดภาพสำนักฮั่นหลินก็ขอร้องมานะพ่ะย่ะค่ะ?
สายตาของกลุ่มหนุ่มๆ มองมาพร้อมกันเป็นจุดเดียว ....ภาพ?
ยูชุนเอาพัดปิดปากพลางยิ้มในดวงตา
?ที่จริง จากข้อมูลลับสุดยอดของภรรยาข้า ดูเหมือนว่าเฮคิยูโคคุคนนั้นจะอยู่แถวคิโยนะ?
?เอ๊ะ!? เฮคิยูโคคุมาที่คิโยเหรอ!??
ชูเอส่งเสียงขึ้นมาอย่างลืมตัว
แม้ว่าเฮคิยูโคคุจะอายุยังไม่มากแต่เป็นศิลปินอัจฉริยะซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเก่งรอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องการวาดรูปถือว่าเป็นจิตกรอัจฉริยะซึ่งมีชื่อเสียงมากที่สุดในยุค ริวกิและโคยูเคยเห็นหลายครั้งแล้ว เขาวาดโลกได้สวยสุดจะบรรยายราวกับจะกลืนวิญญาณเข้าไปได้ แต่เฮคิยูโคคุไม่เคยเปิดเผยตัวออกมา เป็นบุคคลลึกลับที่ไม่รู้ว่าทำไมแม้แต่ตระกูลเฮคิก็ยังเก็บงำข้อมูลเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
?เป็นโอกาสที่ดีนะ เราต้องหาเขาให้พบให้ได้ แล้วเชิญมาที่วังอย่างสุภาพ โดยบอกว่าขอแค่ ?ให้มาช่วยทำงาน? ?
ริวกิและโคยูงง ยังไม่เข้าใจเรื่องที่ยูชุนจะพูด ทำไมอยู่ๆ ถึงได้พูดเรื่องวาดภาพขึ้นมา
?อ๋อ.... เราก็คิดว่าเขามีความสามารถที่โดดเด่นคนหนึ่งในรอบพันปีนะ แต่ถึงจะบอกให้วาดภาพเหมือน ทำไมถึงต้องเป็น.... อ๊ะ!?
?อย่างนั้นเองเหรอ!?
?อย่างนี้นี่เองสินะ....?
?ว่ายังไงล่ะ? แต่กระหม่อมคิดว่าอยากจะได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคนะ?
ยูชุนถามด้วยท่าทีใสซื่อจนริวกิถึงกับต้องกระแอมกระไอพึมพำแปลกๆ
?เอ่อ....อืม นั่นสินะ แน่นอนอยู่แล้ว! เป็นคนที่อยากจะขอให้ช่วยงานหลายๆ ครั้งเลยด้วย ตอนนี้เราก็อยู่ในช่วงไฟแรง เรื่องที่อยากจะขอให้วาดภาพเหมือนให้นั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่บางทีท่านยูโคคุอาจจะอยากลองทำสิ่งอื่นที่ไม่ใช่การวาดภาพก็ได้ เราเองก็อยากจะเห็นผลงานของท่านยูโคคุที่นอกเหนือจากภาพวาดเหมือนกัน!?
?ใช่ไหมล่ะพ่ะย่ะค่ะ เพราะชื่อเสียงด้านความเป็นอัจฉริยะนอกเหนือจากเรื่องภาพวาดแล้วก็มีมาก แต่พวกเรายังไม่ค่อยได้รู้จัก กระหม่อมเองก็อยากจะเห็นให้ได้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าปกติเฮคิยูโคคุจะไม่เปิดเผยที่อยู่ ร่อนเร่ไปทั่ว กระหม่อมเลยกระจายกำลังรวบรวมข้อมูลอย่างเร่งด่วนอยู่?
?เอาล่ะ เพราะที่กรมขุนนางมีคนของตระกูลเฮคิอยู่ ข้าก็จะลองถามดู....ทำให้เขายอมพูดออกมาว่ารู้อะไรบ้างหรือเปล่า แหม ขนาดร้านขายเครื่องครัวยังปรับขึ้นราคา ก็น่าจะได้อะไรมาบ้างล่ะนะ....?
ชูเอได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้ยูชุนที่ยิ้มกว้างเหมือนกำลังชื่นชมเด็กที่ได้คะแนนเต็มอยู่
?....ท่านเอนเซที่ท่านยูชุนเคยทำงานเป็นลูกน้องกว่าสิบปีคงไม่ธรรมดาสินะ....?
โคยูก็พยักหน้ารับหนักแน่น ....สมแล้วที่เป็นเพื่อนของท่านเรชิน

***

มุมหนึ่งในวัง ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่า ?หอการเมือง? ซึ่งเป็นที่จัดประชุมหัวหน้าขุนนาง หลังคุยเรื่องเฮคิยูโคคุแล้ว ยูชุนซึ่งมาที่หอการเมืองนั่งอยู่ทางซ้ายของฮ่องเต้และเตรียมวาระการประชุมอย่างไม่รีรอราวกับอยู่มานานนับสิบปีแล้ว
?....งั้นเรื่องของผู้ที่จะมารับตำแหน่งแทนหัวหน้าสำนักฮั่นหลินที่เกษียณไปเพราะอายุมากแล้วเป็นเรื่องที่พักไว้ก่อนได้สินะ เพราะเป็นหัวหน้าขุนนางที่ดูแลศิลปะแต่ละแขนงทั้งอักษรศาสตร์ วรรณศิลป์ วาดภาพ ฯลฯ ถ้าอย่างนั้นก็ไว้ดูจากผลลัพธ์ที่หยั่งเชิงตระกูลเฮคิแล้วค่อยนำมาคิดทบทวนดูอีกทีดีกว่า งั้นที่ประชุมวันนี้ทั้งหมดเอาไว้แค่นี้....?
ขุนนางที่มีคุณสมบัติจะได้เข้าร่วมการประชุมหัวหน้าขุนนางมีอยู่มาก แต่เพราะมีขุนนางที่ไม่ได้อยู่ประจำการด้วยเหตุผลพิเศษอย่างเช่น เป็นตำแหน่งที่ว่างอยู่หรืออย่างหัวหน้ากระทรวงเซ็นโท ดังนั้นปกติแล้วจึงไม่มีทางที่ขุนนางทุกคนจะมาประชุมพร้อมกันทั้งหมด หรือบางทีอาจจะมีรองเจ้ากระทรวงมาเสริมหรือขุนนางอื่นๆ มาร่วมประชุมบ้างขึ้นอยู่กับหัวข้อในการประชุม ถ้าสามมหาเสนาบดี สามองคมนตรีอยู่กันครบ ทั้งหกคนนั้นก็มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการประชุมหัวหน้าขุนนางได้เช่นกัน
?เอ่อ เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะ!?
ผู้อาวุโสผมหงอกยกมือขึ้นกะทันหันในขณะที่การประชุมกำลังจะจบลง ริวกิชะงัก
ขุนนางชราผู้นั้นเป็นรองเจ้ากระทรวงเซ็นโทและในทางปฏิบัติก็ควบตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงเซ็นโทดูแลกระทรวงเซ็นโทแทนเจ้ากระทรวงอีกด้วย เขารูปร่างเล็ก แม้ตอนนี้จะพยายามยืนยืดตัวขึ้นอย่างที่สุดแล้วก็ยังสูงไม่ถึงระดับอกของริวกิ ทั้งขนคิ้วและหนวดเคราเป็นสีขาวราวกับหิมะและดกหนาปกคลุมดวงตาและริมฝีปาก แม้จะมีอายุน้อยกว่าไคยูซึ่งเป็นขุนนางอาวุโสที่สุดที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบันก็จริง แต่เขากลับดูมีอายุมากกว่าจนเหมือนกับมีอายุสักร้อยปี อย่างริวกิเองเวลาเห็นเขาซึ่งรูปร่างเล็กเดินกระดุกกระดิกไปมาราวกับสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก ก็เกิดความรู้สึกอยากจะจับขึ้นมาอย่างลืมตัว
แต่ว่าหลายปีมานี้ริวกิเป็นฝ่ายหนีจากเขา....หัวหน้าอู
งานหลักๆ ของกระทรวงเซ็นโทคือเรื่องเกี่ยวกับเซียน ดาราศาสตร์ ปฏิทิน อุตุนิยมวิทยา โหราศาสตร์ ฯลฯ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ....
?....ยังเหลือปัญหาเรื่องการแต่งงานของท่านริวกิอยู่นะ!?
ทันทีที่ข้าหลวงอูประกาศอย่างแข็งขัน ริวกิก็รีบหนีไปเพราะเถียงไปก็ไร้ประโยชน์
?อ๊ะ เดี๋ยวสิพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท?
ข้าหลวงอูก็ไม่ยอมแพ้ ไล่ตามไม่ลดละ ในฐานะที่เป็นขุนนางที่มีอำนาจสูงสุดในกระทรวงเซ็นโทซึ่งดูแลเรื่องการแต่งงานของเชื้อพระวงศ์และตระกูลขุนนางใหญ่ ข้าหลวงอูพาขุนนางในกระทรวงเซ็นโทคอยไล่ตามริวกิมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว
?ทำตัวเป็นเด็ก ไม่มีเจ้าสาวสักที ถึงได้ไม่เป็นผู้ใหญ่ไงล่ะพ่ะย่ะค่ะ?
เสียงของข้าหลวงอูที่อยู่ห่างออกไปไล่หลังมาและดังก้องทางเดิน
ท่ามกลางเสียงปิดประตูดังแอ๊ดอ๊าด โซไทฟุและโชไทชิถึงกับกุมขมับ
?....กระทรวงเซ็นโทต้องไล่ตามอย่างนี้กันทั้งปี แข้งขาและก้นกบของท่านอูอูยังอยู่ดีหรือเปล่านะ....?
?....เขาอายุมากกว่าข้าเยอะเลยนะ....?
นามสกุลก็อู ชื่อก็อู ลักษณะภายนอกก็ดูฟูๆ น่ารักจนพวกนางข้าหลวงแอบตั้งฉายาว่า ?ท่านอู้ฮู? คงมีแต่เจ้าตัวที่ไม่รู้ว่าตนเองดังในคนละแบบกับไคยู หนึ่งในขุนนางที่มีตำแหน่งสูงสุด ที่สูงด้วยอายุและเป็นที่สนิทสนมคุ้นเคยกับทุกคนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา
ยูชุนยิ้มเจื่อนๆ เมื่อจะจับไม้เท้าที่อยู่ข้างๆ ก็สบตากับเจ้ากระทรวงมหาเสนาบดี
?....หัวหน้าขุนนางเท?
?ครับ?
?เงื่อนไขที่เสนอต่อฝ่าบาทเมื่อวันก่อน....?
ตอนนั้นประตูที่ริวกิออกไปเมื่อครู่ก็เปิดออกอีกครั้งด้วยความแรงที่ทำให้นึกว่าเป็นพายุพัดวูบเข้ามา
?....เราลืมของ?
ริวกิที่กลับเข้ามาพุ่งเข้ามากลางห้อง ประคองยูชุน (ของที่ลืม) เอาไว้แล้วออกจากประตูไปอีกครั้ง
เสียงเศร้าๆ ของข้าหลวงอูที่ตะโกนว่า ?หาเจ้าสาวเถอะ? ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง

?น่าหงุดหงิดนะ....?
โอกิ เจ้ากระทรวงมหาเสนาบดีพึมพำอยู่ในห้องที่ฮ่องเต้และยูชุนหายตัวไปแล้ว
เมื่อถูกสายตาของโซไทฟุและโชไทชิจ้องมอง เขาที่อายุเกือบจะหกสิบและไว้หนวดสั้นที่ตกแต่งอย่างสวยงามทำให้ดูน่าเกรงขามกลับไม่สะทกสะท้านต่อสายตาของขุนนางผู้ใหญ่ทั้งสอง
?ในรัชสมัยของฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีตระกูลมีชื่อเสียงจำนวนมากถูกทำให้ล่มสลายและจนตรอกจนล่มสลายไปเอง ขุนนางที่พร่ำรำพันในความโชคร้ายในกระทรวงมหาเสนาบดีก็มีมากมายเหลือเกิน ผู้ช่วยของข้าก็เช่นกัน?
โอกิ เจ้ากระทรวงมหาเสนาบดีที่ถูกเรียกว่าป้อมปราการของตระกูลขุนนางเหลือบมองโซไทฟุ โซไทฟุมองกลับสายตานั้นอย่างเงียบๆ การที่เขาซึ่งอยู่ในฐานะแม่ทัพใหญ่ทำลายตระกูลขุนนางจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่แท้
?ยิ่งกว่านั้นถ้าเทียบกันแล้ว ตระกูลสีทั้งเจ็ดและตระกูลเฮียวยังได้รับอนุญาตให้ยังคงสืบทอดสายเลือดตระกูลโดยตรงได้ตามความเหมาะสมอีกด้วย?
กรณียกเว้นคือการแต่งงานของซาเอนจุนกับเฮียวเออิคิ แต่น้องชายของเอนจุนก็แต่งงานกับผู้หญิงในตระกูลซาก่อนหน้านั้น ยิ่งกว่านั้นลูกชายของเขาก็ยังแต่งงานและมีทายาทกับหญิงสาวที่มีสายเลือดตระกูลโดยตรงเช่นเดียวกัน หลังจากที่ซาโคคุจุนได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นประมุขตระกูลซาแล้ว การที่เขามีสายเลือดโดยตรงเข้มข้นผ่านทั้งย่าและแม่ก็นับเป็นข้อดีเช่นกัน
?ตระกูลสีทั้งเจ็ดและตระกูลเฮียว ได้รับอภิสิทธิ์ต่างจากตระกูลอื่นมากเกินไป....ท่านไม่คิดอย่างนั้นบ้างเหรอ?
โชไทชิแค่ยักไหล่ ไม่ได้ตอบคำถามนั้น โอกิที่ไม่ได้คาดหวังคำตอบอยู่แต่แรกแล้วเหลียวมองไปทางประตูที่ฮ่องเต้และยูชุนออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
โอกิยืนขึ้น เดินทะลุกลางห้องเพื่อจะออกไป
?ข้าเคยหวังว่าฝ่าบาทจะต่างจากฮ่องเต้พระองค์ก่อน แต่....ลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้นสินะ ไม่กี่ปีนับตั้งแต่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ โครงการทางการเมืองหลายต่อหลายโครงการถูกผลักดันให้เกิดขึ้นโดยไม่สนใจคำท้วงติงของกระทรวงมหาเสนาบดีของพวกเรา.... ต่อให้เปลี่ยนมาใช้เทยูชุนเป็นเกราะกำบัง ข้าที่เป็นเจ้ากระทรวงมหาเสนาบดีก็ไม่มีทางลืมหรอก?
?....ท่านโอกิ ไม่คิดบ้างหรือว่าถึงจะเป็นอย่างนั้น ตระกูลขุนนางก็ยังได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าชาวบ้านทั่วไปมากโขอยู่ดีน่ะ?
โชไทชิเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทำให้เจ้ากระทรวงโอที่เกือบจะออกไปอยู่แล้วส่งสายตามา
?....มันก็แน่อยู่แล้ว ถ้าหากไม่ทำให้เข้าใจสถานะของตัวเองในรูปแบบที่เห็นได้ด้วยตา ราษฎรก็จะไม่เชื่อฟัง?
โซไทฟุเกาศีรษะของตัวเองที่มีแต่เส้นผมแข็งๆ อยู่ภายในห้องที่ตอนนี้คนอื่นออกไปกันหมดแล้ว
?ทั้งข้าและเจ้าต่างก็ไม่ใช่ตระกูลขุนนางโดยแท้อย่างโอกิสินะ ตระกูลโอเป็นหนึ่งในตระกูลย่อยของตระกูลชิใช่ไหมล่ะ?
?ใช่ ตระกูลโอโยของรองเจ้ากรมแรงงานตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในตระกูลย่อยของตระกูลเฮคิ?
ตระกูลสีทั้งแปดสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนตั้งแต่สมัยฮ่องเต้โซเง็น ซึ่งตระกูลต่างๆ ก็มีผู้คนที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนความรุ่งเรืองต่างๆ กันไปโดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามแต่ละยุคสมัย และมีตระกูลหนึ่งที่ได้รับการยอมรับในคุณงามความดีเป็นพิเศษ เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงรองจากตระกูลสีทั้งเจ็ดและตระกูลเฮียวซึ่งเรียกว่า ?สายตระกูลพิเศษ?
แต่อย่างที่โอกิกล่าวไว้ คือตระกูลขุนนางส่วนใหญ่ล่มสลายไปในรัชสมัยของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หรือไม่ก็ย่อยยับจนยากที่จะฟื้นขึ้นมาได้อีก ครอบครัวขุนนางในตระกูลพิเศษที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ก็มีจำนวนน้อย มิหนำซ้ำยังไม่มีอิทธิพลเท่าแต่ก่อนด้วย
ตอนนั้นโซไทฟุทำตามคำสั่งรบต่างๆ ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนหรือโชไทชิโดยไม่ได้ไถ่ถามอะไรเลย ตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่
?....โซ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเจ้าก็ไม่เคยถามอะไรเลยนะ?
?ข้าต้องทำตามความคิดของเจ้ากับเอนจุนอยู่แล้ว ถามไปจะได้อะไร เรื่องที่ข้าจะต้องทำก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนหรอก?
คนฆ่า สักวันก็จะต้องถูกใครสักคนฆ่า จนถึงตอนนี้โซไทฟุก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ตายบนเตียง และไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้นด้วย เขาตัดสินใจแล้วว่าจะทำตามปณิธานของเอนจุนจนถึงที่สุด และเลือกวิธีตายของตัวเองไว้แล้ว
สักวันเวลานั้นจะต้องมาถึง โซไทฟุจึงได้แต่อยู่ในวังต่อไปจนกว่าจะถึงเวลานั้น
?โช....ถึงจะไม่เกี่ยวกัน แต่พูดก็พูดเถอะนะ ถ้าสักวันพวกเด็กอ่อนหัดหมดหนทางจนถึงที่สุดแล้วมาขอความช่วยเหลือจากเจ้า เจ้าจะช่วยพวกเขาโดยไม่แกล้งได้ไหม??
คำพูดที่ฟังดูเหมือนคำสั่งเสียนั้นทำให้หางตาของโชไทชิกระตุกเล็กน้อย
โซชุนไง ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าทำไมตัวเขาเอง เอนจุน หรือฮ่องเต้พระองค์ก่อนต้องทำลายตระกูลขุนนางมากมายจนย่อยยับ และเข้าใจถึงความหมายของการที่ต้องมีระบบการสอบเข้ารับราชการระดับประเทศขึ้นมา เรื่องที่พวกเขาริเริ่มตอนนี้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันและเทยูชุนกำลังสานต่อ แต่เขารู้ดีว่ากว่าจะดั้นด้นไปถึงอนาคตที่หวังไว้จะต้องพบเจอเรื่องอะไรบ้าง
นับตั้งแต่โคชูเรมาเป็นมเหสี เขายังแปลกใจว่าตัวเองแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย....
?....เจ้าคนบ้าวิชาดาบนี่ กล้ามาให้คำแนะนำข้าเรอะ?
ก็ใช่น่ะสิ โซไทฟุได้แต่กระแอมกระไอออกมาเหมือนเด็กงอแงเพียงเท่านั้น
เมื่อก่อนโลกของโซไทฟุคือการมองทุกอย่างแบบผ่านๆ และเฉยชา แต่เขากลายเป็นคนคิดมากจนแทบจะไม่รู้ว่าควรขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวยังไงไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ และตัวเขาเองก็ไม่แม้แต่อยากจะรู้เช่นกัน




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ชูเร ขุนนางหญิงคนแรกของประเทศไซอุนกลับจากมณฑลซาซึ่งไปรับหน้าที่มา แต่มีความสุขเพราะได้กลับเมืองหลวงที่เป็นบ้านเกิดได้ไม่ทันไร ชูเรก็ต้องเปลี่ยนฐานะจากขุนนางสูงศักดิ์มาเป็นขุนนางว่างงานเพื่อรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป! ยิ่งกว่านั้นชูเรที่ถูกพักงานชั่วคราวยังเริ่มค้นหาสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ในเมืองอีกด้วย ในขณะที่คนรอบข้างคอยเฝ้าดู ชูเรก็พยายามอย่างเต็มที่ แต่อยู่ๆ กลับมีคุณชายผู้มีชาติตระกูลแต่ท่าทางเพี้ยนๆ มาขอแต่งงาน!? ท่าทางพายุจะมาอีกแล้วสินะ!? ภาคใหม่ที่เต็มอิ่มของซีรี่ส์ยอดฮิตเริ่มต้นแล้ว!!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”