New Release BLY แปล : คว้าหัวใจในทุ่งบลูเบอร์รี

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : คว้าหัวใจในทุ่งบลูเบอร์รี

โพสต์ โดย Gals »

คว้าหัวใจในทุ่งบลูเบอร์รี

หมู่บ้านอายาโอริเป็นชุมชนเกษตรขนาดย่อม มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมดสามร้อยแปดครัวเรือน ประชากรเจ็ดร้อยสิบสองคน ตั้งอยู่ค่อนไปทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น
อุตสาหกรรมหลักของหมู่บ้านคือการปลูกบลูเบอร์รี บลูเบอร์รีของหมู่บ้านอายาโอริลูกใหญ่และหวานฉ่ำ จึงมีลูกค้าประจำกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะพวกร้านขนมที่ใส่ใจกับวัตถุดิบ นอกจากนั้นยังหากำไรเพิ่มเติมจากการนำไปขายตามจุดพักรถในเมืองข้างเคียง เปิดสวนให้คณะทัวร์หรือลูกค้าที่ขับรถมาเองเข้ามาเยี่ยมชม และขายทางอินเทอร์เน็ตอีกด้วย
หากแต่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากชุมชนเกษตรอื่นๆ ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาประชากรลดลงและผู้สูงอายุมากขึ้นที่ถาโถมเข้ามา เมื่อวันก่อนฮิรุคาวะซังที่เป็นผู้ริเริ่มนำบลูเบอร์รีเข้ามาปลูกในหมู่บ้านเป็นคนแรกเพิ่งจากโลกนี้ไปด้วยวัยแปดสิบเก้าปี
เขาลงสวนอย่างกระฉับกระเฉงจนถึงเมื่อวันก่อน ใช้ชีวิตอย่างแข็งแรงจนกระทั่งสิ้นใจอย่างสงบ แต่เนื่องจากภรรยาของเขาจากไปตั้งแต่สิบปีก่อน แถมเจ้าตัวยังไม่มีลูกหรือญาติที่ไหน งานศพของฮิรุคาวะซังจึงดำเนินการโดยซาซากิ อิจิโร่จาก ?แผนกจิปาถะ? ในที่ทำการหมู่บ้าน งานศพผ่านพ้นไปด้วยดี
หน้าที่จัดการกับข้าวของของฮิรุคาวะซังเป็นของอิจิโร่เช่นกัน พินัยกรรมที่อิจิโร่พบในตู้เก็บชาระบุว่าต้องการขายบ้านและฟาร์มฮิรุคาวะในราคาถูกให้กับคนเมืองวัยหนุ่มสาวที่อยากมาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ถาวร โดยเงินส่วนนั้นจะมอบให้หมู่บ้านอายาโอริทั้งหมด นอกจากนั้นพินัยกรรมยังระบุว่าผู้ตายต้องการให้ใช้เงินที่เหลือในบัญชีซึ่งเก็บรวมอยู่กับพินัยกรรมอย่างไรบ้างอีกด้วย
?...เอ๊ะ ต้นทุนสำหรับหาคู่? สำหรับชายโสดในหมู่บ้านอายาโอริ? แบบนั้นมันเปล่าประโยชน์ไปหน่อยมั้ง เงินนี่เป็นของล้ำค่าที่ปู่ฮิรุคาวะอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมา แทนที่จะใช้ทำเรื่องน่าเสียดายพรรค์นั้น น่าจะเอาไปใช้กับเรื่องที่มีประโยชน์มากกว่า?
เมื่อได้ฟังใจความในพินัยกรรมจากอิจิโร่ที่มาหาขณะกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากกินอาหารเสร็จ ยามาโนอิ ชินก็บอกเช่นนั้นด้วยสีหน้าเอือมระอา
บ้านของชินก็ทำสวนเช่นกัน ?ฟาร์มบลูเบอร์รียามาโนอิ? ดำเนินการโดยตายายและพ่อแม่ของเขา
ชินซึ่งเป็นลูกชายคนโตทำงานที่ธนาคารสหกรณ์การเกษตรในเมืองข้างๆ เขากับน้องชายวัยมัธยมต้นจะโดนลากตัวมาช่วยงานที่บ้านเฉพาะในวันหยุดและช่วงที่งานในฟาร์มยุ่งเป็นพิเศษ
?เดี๋ยวเถอะ นี่มันพินัยกรรมของคนตายนะ จะเมินเฉยตามใจชอบได้อย่างไรเล่า?
อิจิโร่เป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ บ้านอยู่ห่างออกไปแค่ระยะสวนผลไม้กั้น อายุสามสิบ แก่กว่าชินห้าปี อิจิโร่เป็นคนอัธยาศัยดี หล่อเหลา ช่างใส่ใจ เขาเคยครอบครองหัวใจสาวๆ ทั้งหมู่บ้านมาตลอดจนกระทั่งแต่งงานกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยเมื่อปีที่แล้ว ลูกสาวก็เพิ่งลืมตาดูโลกเมื่อไม่นานมานี้ เขาจึงถือเป็น ?อภิชนคนมีคู่? อันเจิดจ้าในหมู่บ้าน
?สำหรับหมู่บ้านที่มีชายโสดเกลื่อนกลาดขนาดนี้ คงไม่มีวิธีใช้เงินที่มีประโยชน์มากไปกว่าใช้เป็นทุนหาคู่แล้วล่ะ ฮิรุคาวะซังกลุ้มใจกับอนาคตของหมู่บ้านอายาโอริอย่างจริงจัง ถึงกับใช้พู่กันบรรจงเขียนว่าจะใช้เงินมรดกอย่างไรก็ได้ ขอแค่ให้ทุกคนหาเจ้าสาวแล้วฟื้นคืนชีวิตให้หมู่บ้านอีกครั้งเชียวนะ?
คำพูดของอิจิโร่ทำให้ไอผู้เป็นแม่ของชินอุทานว่า ?แหม? พลางยกมือข้างหนึ่งทาบแก้มอวบ
?น่าซาบซึ้งใจจัง เดิมทีหมู่บ้านนี้ก็มีเด็กผู้หญิงน้อยอยู่แล้ว พออายุได้ที่ทุกคนก็เข้าเมืองกันหมดจนการหาเจ้าสาวกลายปัญหาใหญ่... บ้านนี้ก็มีลูกชายตั้งสองคน ทาคุยังไม่เท่าไร แต่ชินนี่สิ ไม่มีอัธยาศัย ไม่มีเสน่ห์ แถมยังไม่มีความสามารถที่จะไปจับตัวเจ้าสาวมาได้เองเหมือนอิจจังด้วย ถ้าทางหมู่บ้านช่วยทำอะไรสักอย่างก็ดีเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ปัญหาได้ด้วยเงินสินะ...?
ขณะที่ชินนึกเคืองอยู่ในใจหลังแม่บังเกิดเกล้าพูดฉะฉานว่าไม่มีทั้งอัธยาศัย เสน่ห์ และความสามารถ ทาคุผู้เป็นน้องชายที่นั่งดูอะนิเมะอยู่หน้าทีวีก็หันมา
?นั่นสิ ถ้าเก็บเงินได้สักห้าร้อยล้านเยนก็คงมีเจ้าสาวสักคนยอมแต่งกับพี่บ้างแหละ? ถึงพี่จะไม่มีอัธยาศัย แต่หน้าตาก็หล่อสูสีอิจจัง แถมยังไม่น่าจะนอกใจใครด้วยเพราะมันยุ่งยากน่ะ?
น้องชายวัยสิบสามประเมินราคากันหน้าตาเฉย ชินถลึงตาบ่งบอกว่า เสียมารยาทชะมัด จะบอกว่าถ้าไม่รวยขนาดนั้นก็ไม่มีใครยอมมางั้นเรอะ ตอนนั้นเองที่ฮารุโกะผู้เป็นยายเอ่ยขึ้น
?ชินจังไม่ต้องเก็บเงินห้าร้อยล้านเยนหรอก ถ้าถึงคราวเดือดร้อนขึ้นมาจริงๆ ขอแค่สามสิบล้านเยน ยายจะยอมเป็นเจ้าสาวของชินจังเอง?
ฮารุโกะบอกราวกับยังคงมองหลานชายคนแรกเป็นเด็กน้อยน่ารักทั้งที่อายุเลยยี่สิบห้ามาแล้ว ทาคาฟุมิผู้เป็นตาจึงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วเอ่ยแทรก
?อุแหม่ ตาขอแค่ล้านเยนก็พอ ถ้าชินให้ค่าขนมเป็นเงินสดล้านเยน ตาจะอุทิศตัวเป็นเจ้าสาวที่ดีให้ชินเอง?
เหล่าผู้สูงวัยเสนอตัวโดยไม่ได้ร้องขอ แต่ชินทำมึนตึงไม่แยแส มาซาคาสึผู้เป็นพ่อที่แต่งงานเป็นเขยเข้าบ้านจึงพูดขึ้น
?คุณพ่อคุณแม่เลิกพูดล้อเล่นแล้วตั้งใจฟังอิจจังกันเถอะครับ ...แต่ว่ากันตามตรงแล้ว ใครที่ไหนจะยอมมาบ้านนอกที่มีร้านเหล้าแค่ร้านเดียวแบบนี้กัน ไม่รู้ว่าฮิรุคาวะซังเหลือเงินทิ้งไว้ให้เท่าไร มีแผนการที่น่าจะได้ผลอยู่บ้างรึเปล่า? ชายหนุ่มน่าสมเพชที่ไม่น่ามีปัญญาหาเจ้าสาวเองได้ไม่ได้มีแค่ชิน แต่มีเต็มหมู่บ้านไปหมดซะด้วย...?
เอ่อ ถ้าถึงคราวขึ้นมาจริงๆ ผมก็ตั้งใจจะหาเองเหมือนกันแหละน่า ชินทำท่าจะท้วง แต่อิจิโร่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่บอกว่าในที่สุดก็เข้าเรื่องกันสักที
?ครับ ความจริงแล้วทุกคนในที่ทำการหมู่บ้านปรึกษากันมาหลายวัน พวกเราตกลงกันว่าจะตั้ง ?โปรเจกต์นำฤดูใบไม้ผลิกลับมาเยือนอายาโอริอีกครั้ง? ขึ้นมาตามข้อเสนอของผู้ใหญ่บ้าน ส่วนผมซึ่งอยู่ใน ?กลุ่มผู้ชนะที่ได้แต่งงาน? ก็โดนไหว้วานให้เป็นหัวหน้าโปรเจกต์น่ะครับ?
?โปรเจกต์ชื่อพิลึกนั่นมันอะไรน่ะ?
ทาคุเอ่ยทัก ส่วนไอเอียงคอเล็กน้อยพลางพึมพำว่า ?ชื่อคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน?
อิจิโร่ยิ้มเผล่ก่อนจะเอ่ยเสียงดังขึ้นดื้อๆ
?หว่อซื่อจั้วจั่วมู่อีหลาง?
หือ? หา? อ๋า? เห? ตายายกับพ่อแม่ส่งเสียงอุทานต่อเนื่องกัน ฝ่ายชินก็ถามเสียงเนิบ
?...ไหงจู่ๆ ถึงพูดภาษาจีนล่ะ??
โฮ่ เมื่อกี้นี้คือภาษาจีนหรอกเรอะ นึกว่าคาถาอะไรซะอีก รู้ดีจังเลยนะ ชิน แล้วพูดว่าอะไรล่ะ? เหล่าผู้สูงอายุแห่งบ้านยามาโนอิพูดเอ็ดอึงพร้อมๆ กัน อิจิโร่จึงเฉลย
?เมื่อกี้นี้ผมพูดว่า ?ฉันชื่อซาซากิ อิจิโร่? น่ะครับ สมัยมหา?ลัยผมเคยไปเรียนที่เมืองจีนใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้ถึงเวลาที่จะใช้ประสบการณ์นั้นให้เป็นประโยชน์แล้ว พวกเราตกลงกันว่าจะลองโฆษณาทางเน็ตว่า ?ลองมาโฮมสเตย์ระยะสั้นในชุมชนเกษตรแสนสวยของญี่ปุ่นและปลูกบลูเบอร์รีกับหนุ่มญี่ปุ่นใจดีกันไหม?? โดยมีเป้าหมายเป็นสาวๆ ชาวจีน ถ้ามีคนสนใจสมัครมาก็จะใช้เงินมรดกของฮิรุคาวะซังเป็นค่าเดินทางกับค่าที่พักเพื่อต้อนรับผู้สมัครเป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็จัดงานคล้ายๆ ปาร์ตี้ดูตัวในหมู่บ้าน แล้วให้ผู้สมัครไปพักโฮมสเตย์ที่บ้านของคนที่น่าจะถูกคอกัน ระหว่างที่พักอยู่ ทั้งครอบครัวจะต้องช่วยกันปฏิบัติต่อผู้สมัครราวกับเจ้าหญิง อวดเสน่ห์ของหนุ่มอายาโอริให้เห็น และจับเจ้าสาวให้อยู่หมัด ถึงจะมีปัญหาเรื่องภาษาทำให้ไม่น่าจะถึงขั้นตกลงแต่งงานกันภายในสองอาทิตย์ แต่ถ้าทำให้เริ่มคบหากันจนไปถึงขั้นแต่งงานได้ก็ถือว่าน่าพอใจ ผมว่าวิธีนี้น่าจะได้ผลมากกว่าไปเรียกหาสาวญี่ปุ่นมาแต่งเข้าบ้านเกษตรกรนะครับ?
...ใช่เรอะ จะวิธีไหนก็ไม่น่าได้ผลทั้งนั้นแหละ ขณะที่ชินวิเคราะห์ในใจอย่างเยือกเย็น ทาคาฟุมิก็เอ่ยขึ้น
?...น่าตกใจแฮะ เจ้าสาวชาวจีนเรอะ... ตาไม่ค่อยเข้าใจไอ้ ?เหน็ด? อะไรนั่น แต่ถ้าใช้เจ้านั่นแล้ว จะมีเจ้าสาวมาจากเมืองจีนจริงๆ เรอะ??
อิจิโร่หันไปตอบคำถามทาคาฟุมิด้วยสีหน้าจริงจัง
?ยังไม่ทราบครับ ถึงจะรับประกันไม่ได้ว่าจะมีคนตอบรับแน่ๆ แต่ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าอะไรที่ทำได้ก็ลองทำดูก่อน ปัจจุบันจีนมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตราวห้าร้อยหกสิบล้านคน หลังจากนี้ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีก แต่ตอนนี้อัตราส่วนของชายหญิงต่างกันมาก มีผู้หญิงอยู่ต่ำกว่าครึ่ง กะคร่าวๆ สักสองร้อยล้านคนก็แล้วกัน ผู้ใช้เน็ตชาวจีนส่วนใหญ่อายุต่ำกว่าสามสิบห้า ต่อให้แต่งงานไปแล้วครึ่งหนึ่งก็จะเหลือสาวโสดอีกร้อยล้านคนใช่ไหมล่ะครับ? ถ้ามีสาวโสดอยู่มากเกือบเท่าจำนวนประชากรทั้งญี่ปุ่น ในบรรดานั้นก็อาจจะมีคนที่เห็นเว็บของหมู่บ้านอายาโอริแล้วนึกสนใจขึ้นมาก็ได้ ที่จีนเองก็มีปัญหาแต่งงานช้าจนธุรกิจหาคู่เฟื่องฟู สาวจีนอาจยอมมองหนุ่มญี่ปุ่นที่มีบ้านพร้อมที่ดินและทรัพย์สินอีกนิดหน่อยเป็นตัวเลือกด้วยก็ได้ ที่ทำการหมู่บ้านคาดหวังกันอย่างนั้น?
ถึงจะคำนวณซี้ซั้วไปหน่อย แต่ตัวเลขมหาศาลนั้นคงทำให้เกิดความหวังขึ้นมา ทาคาฟุมิจึงฉายแววดีใจ
?ความคิดเข้าท่า ถ้ามีสาวๆ ตั้งร้อยล้านคนก็คงมีใครตอบรับบ้างแหละน่า บางทีก่อนตายตาอาจจะได้เห็นสาวๆ ในชุดกี่เพ้าเดินกันเต็มหมู่บ้านก็ได้?
ชายชรามองโลกในแง่ดี ตรงข้ามกับมาซาคาสึที่ทำหน้าครุ่นคิดขณะตรึกตรองอย่างมีเหตุผล
?...เรื่องกี่เพ้าเอาไว้ก่อน ว่าแต่ถึงจะหมดหวังจากสาวญี่ปุ่นแค่ไหน จู่ๆ ไปหาเจ้าสาวจากต่างประเทศแบบนั้นมันอย่างไรๆ อยู่นา โดยเฉพาะคนจีนยิ่งมีความแค้นมาตั้งแต่ช่วงสงคราม ทุกวันนี้ก็ดูเหมือนจะยังเกลียดคนญี่ปุ่นอยู่ไม่ใช่รึไง?
จะว่าไปแล้วก็เคยมีข่าวเรื่องม็อบต่อต้านญี่ปุ่น พังรถญี่ปุ่น เผาธงชาติญี่ปุ่น หรือบุกสถานกงสุลกับร้านค้าด้วยนี่นะ ชินคิดทบทวน อิจิโร่เอ่ยขึ้น
?คนจีนไม่ได้จงเกลียดจงชังญี่ปุ่นทุกคนหรอกครับ ที่จีนเองก็มีหลายคนหลายความคิด อย่างที่ญี่ปุ่นยังมีทั้งคนที่ชอบเมืองจีนอย่างผมและคนที่แค่ไปเที่ยวนิดหน่อยก็ขวัญหนีดีฝ่อเพราะห้องน้ำต่างกันหรือโดนคิดเงินขูดเลือดขูดเนื้อเลยนี่นา แต่ความรู้สึกต่อต้านญี่ปุ่นหรือเกลียดจีนนั่นมันมาจากการโดนสื่อฝังหัวซะมาก ผมว่าถ้าได้มาลองพบปะทำความรู้จักกันจริงๆ ก็น่าจะเข้าใจกันได้ การดูแค่ข่าวด้านลบจำพวกม็อบต่อต้านญี่ปุ่นก่อจลาจลแล้วเหมารวมว่าคนจีนทุกคนรังเกียจญี่ปุ่นมันออกจะด่วนสรุปไปหน่อย ที่เมืองจีนมีกลุ่มคนคลั่งไคล้ญี่ปุ่นที่เรียกว่า ?กลุ่มฮารื่อ? อยู่ พวกวัยรุ่นก็ชื่นชอบละคร ดนตรี หรือแฟชั่นของญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีคนที่ชอบหนังสือการ์ตูนหรืออะนิเมะของญี่ปุ่นจนแทบไม่รู้สึกเกลียดญี่ปุ่นอยู่เพียบเลยด้วย?
อืม ไม่มีพรมแดนสำหรับโอตาคุสินะ ชินนึกชื่นชม
?ที่จีนเขาพร่ำสอนกันในห้องเรียนว่าทหารญี่ปุ่นทำอะไรบ้างในสมัยสงคราม แถมยังสร้างอนุสรณ์สถานสงครามจีน-ญี่ปุ่นเอาไว้มากมายทั่วประเทศแล้วให้เด็กไปทัศนศึกษาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะงั้นทุกวันนี้ก็เลยยังมีคนเชื่อว่าคนญี่ปุ่นเป็นพวก ?ไอ้ยุ่น? .้หัวใจ บางคนก็บอกว่าเบื้องหลังของการใช้การศึกษาปลุกปั่นความรู้สึกต่อต้านญี่ปุ่นอย่างรุนแรงนั้นก็เพื่อสร้างศัตรูสมมติขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องน่าหงุดหงิดในประเทศ แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างอคติว่า ?คนญี่ปุ่นเป็นแบบนั้น? ?คนจีนเป็นแบบนี้? จนมัวแต่เว้นระยะห่างจากกัน ถึงจะผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่เลิกผิดใจหรือเลิกต่อต้านกันหรอกครับ ถ้าทั้งสองฝ่ายเปิดใจเข้าหากันตามตรงด้วยความตั้งใจจะสนิทสนมกันก็น่าจะก้าวเข้าใกล้กันได้มากขึ้น ต่อให้คราวนี้ไม่มีคู่ไหนไปถึงขั้นแต่งงานข้ามชาติ ขอแค่ทำให้คนจีนที่มาหมู่บ้านอายาโอริมองญี่ปุ่นดีขึ้นสักเล็กน้อย แค่นั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จในแง่การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมแล้ว ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าอย่างนั้นน่ะครับ?
ถึงอย่างไรก็เป็นประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าสนิทสนมกันได้ก็อยากอยู่เหมือนกัน แต่ปัญหาคือพูดกันคนละภาษานี่สิ ฮารุโกะพึมพำพลางมุ่นคิ้วอย่างลำบากใจ อิจิโร่จึงเอ่ยขึ้น
?งั้นก็มาใช้โอกาสนี้เรียนด้วยกันทุกคนสิครับ ผมจะช่วยสอนอีกแรง อย่างไรก็ใช้ตัวอักษรจีนเหมือนกัน สื่อการกันด้วยวิธีเขียนเอาก็ได้ ถึงตัวอักษรที่ใช้ในจีนจะเป็นแบบย่อ แต่ก็น่าจะพอใช้เซนส์ทำความเข้าใจเจตนาได้ ยกเว้นกรณีที่ความหมายของตัวอักษรต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงจะเขียนก็คงไม่รู้เรื่องอยู่ดี ยกตัวอย่างเช่น ตัวอักษร ?ชิน? ในภาษาจีนหมายถึง ?จดหมาย? ส่วนตัวอักษรที่แปลว่า ?จดหมาย? ในภาษาญี่ปุ่น จะแปลว่า ?กระดาษทิชชู? ในภาษาจีน หรือถ้าเขียนตัวอักษร ?หมูป่า? ภาษาจีนจะหมายถึง ?หมู? ส่วนคำที่จะเผลอหัวเราะเพราะการออกเสียงก็มีคำว่า ?ฉิงคง ? ที่แปลว่า ?ฟ้าใส? และตัวอักษร ?ถุงทอง? ก็หมายถึง ?ของสำคัญอันล้ำค่าและวิเศษยิ่ง? ไม่ได้หมายถึงลูกป๋องแป๋งของผู้ชายนะครับ อ๊ะ จะว่าไปแล้วในหมู่ชนกลุ่มน้อยมีชนเผ่าชื่อ ?จิ่งพัวจู๋? อยู่ด้วยนี่นะ?
แต่คนจีนที่เกลียดมุกใต้สะดือก็มีอยู่ไม่น้อย ต้องระวังให้ดี เคยมีข้าราชการที่เซี่ยงไฮ้โดนประหารชีวิตด้วยข้อหาจัดงานฉายหนังโป๊ยี่สิบหกครั้งมาแล้ว อิจิโร่กล่าวเสริมหน้าตาเฉย ชินถึงกับเบิกตาโตพลางนึกในใจว่า (...โกหกน่า ประหารด้วยเรื่องแค่นั้นเนี่ยนะ...?)
นี่ งั้นถ้าบอกว่า ?เธอคือถุงทองของผม? ก็จะเป็นคำชมสุดๆ เลยงั้นเหรอ? ทาคุถามอย่างสนอกสนใจ
?ถ้าไม่ออกเสียงให้ถูกต้องว่า ?จินอวี้? ก็จะกลายเป็นคนวิตถารธรรมดา พอรู้อะไรมากมายแบบนี้แล้วก็สนุกดีใช่ไหมล่ะ? ถ้าพูดภาษาจีนได้ก็จะพูดกับประชากรโลกได้ถึงหนึ่งส่วนห้าเชียวนะ? อ้อ แต่จีนมีทั้งหมดห้าสิบหกชนเผ่า เพราะงั้นก็ใช่ว่าจะคุยกับทุกคนรู้เรื่องซะทีเดียว อาณาเขตของจีนกว้างใหญ่กว่าญี่ปุ่นถึงยี่สิบหกเท่า ภาษากลางของปักกิ่งกับภาษากวางตุ้งแตกต่างกันสิ้นเชิง การฝึกออกเสียงวรรณยุกต์ทั้งสี่เสียงให้คล่องอาจจะยากหน่อย แต่ที่ผมเริ่มสนใจภาษาจีนก็เป็นเพราะชื่นชอบหนังจีนอย่าง ?Together? ?Happy Times? ?Postmen in the Mountains? และคิดว่าบทพูดฟังดูไพเราะเหมือนเสียงดนตรีน่ะครับ?
เห แล้วชื่อของผมในภาษาจีนอ่านว่าอะไรเหรอ? ทาคุถาม
?ทาคุอ่านว่า ?ทั่ว? ส่วนยามาโนอิ ทาคุก็จะเป็น ?ซานเหยี่ยจิ่ง ทั่ว? ?
โอ้~ อย่างกับชื่อคนอื่นแน่ะ แต่ฟังดูเหมือนเพลงจริงๆ ด้วย เหล่าผู้สูงวัยพากันตื่นเต้น ก่อนจะพากันถามอิจิโร่ว่า แล้วชื่อตาล่ะ? ชื่อยายล่ะ?
?ชื่อคุณตาทาคาฟุมิอ่านว่า ?ฉงเหวิน? คุณยายฮารุโกะคือ ?ชุนจื่อ? คุณลุงมาซาคาสึคือ ?เจิ้งเหอ? ส่วนคุณป้าไอกับชินอ่านว่า ?ไอ? กับ ?ชิน? เหมือนเดิม?
พ่อเหมือนชาวต่างชาติเลย เท่ชะมัด ทาคุบอก มาซาคาสึจึงทำหน้าพึงพอใจ ส่วนไอที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเป็นกังวล
?แต่ตอนนี้คนจีนน่าจะร่ำรวยกว่าคนญี่ปุ่นนี่นา จะมีใครยอมดั้นด้นจากจีนมาบ้านนอกพรรค์นี้แค่เพราะไม่เสียค่าเดินทางกับค่าที่พักเหรอจ๊ะ...??
ผมก็คิดเหมือนกัน ใครที่ไหนจะยอมมาเล่า ชินเห็นพ้องกับผู้เป็นแม่ในใจ แต่อิจิโร่เอ่ยขึ้นมาง่ายๆ
?ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึง GDP ของจีนจะอยู่อันดับสองของโลก แต่ก็ใช่ว่าจะร่ำรวยกันทุกคน คนหยิบมือหนึ่งอาจจะรวยมหาศาลชนิดที่ใช้แบงก์ร้อยหยวนเช็ดน้ำมูกแทนทิชชู แต่คนส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านที่ใช้ชีวิตกันปกติธรรมดา ช่วงนี้ภาวะเงินเฟ้อทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น แต่สมัยที่ผมไปเรียนที่นั่น ทั้งค่ารถเมล์และค่าซาลาเปาไส้เนื้อน่ะแค่ 0.4 หยวน (หกเยน) เท่านั้นเอง ถ้าเปรียบเทียบกันในหมู่ชาวบ้านทั่วไปแล้ว หนุ่มๆ อายาโอริยังถือว่ามีทรัพย์สินส่วนตัวมากกว่าอีกนะครับ เพราะงั้นกลุ่มเป้าหมายในแผนหาเจ้าสาวคราวนี้จึงเป็นสาวๆ ชาวบ้านธรรมดานี่แหละ?
แหม่ จะเชิญคุณหนูผู้ร่ำรวยมาที่นี่ก็คงลำบากเพราะไม่เหมาะกันซะด้วย ทาคาฟุมิพยักหน้าหงึกหงัก
?ที่จีนมีข้อกำหนดว่าถ้าจะไปต่างประเทศเพื่อการท่องเที่ยวต้องไปกันเป็นกลุ่ม แถมยังต้องจ่ายเงินคล้ายๆ กับเป็นค่าประกันให้รัฐล่วงหน้าเป็นจำนวนมากโข การขอวีซ่าก็ยุ่งยากไม่ใช่เล่น นอกจากนั้นเงินเดือนของพนักงานบริษัททั่วไปยังเฉลี่ยเดือนละแค่ราวๆ สามหมื่นเยน คนที่จะมาท่องเที่ยวประเทศที่ค่าครองชีพสูงลิบลิ่วอย่างญี่ปุ่นได้ก็มีแต่คนรวยเท่านั้น การเชิญมาเที่ยวญี่ปุ่นโดยที่ทางนี้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดน่าจะดึงดูดใจสาวๆ ชาวบ้านทั่วไปได้อยู่แล้วแหละครับ?
?...ถ้าเป็นเกียวโตหรือนาราคงสนใจกันอยู่หรอก แต่หมู่บ้านอายาโอรินี่มัน...?
ชินยังพูดไม่ทันจบ อิจิโร่ก็ส่ายศีรษะ
?...ไม่หรอก ดูเหมือนว่าช่วงนี้คนที่อาศัยในเมืองใหญ่ๆ อย่างปักกิ่งนิยมใช้เวลาสุดสัปดาห์ไปพักผ่อนในชุมชนเกษตรและดื่มด่ำกับชนบทเพื่อเป็นการผ่อนคลายน่ะ ได้เที่ยวต่างประเทศฟรี+สัมผัสประสบการณ์ในชุมชนเกษตรที่กำลังฮิต+ทำกิจกรรมหาคู่ แบบนี้ตรงตามความต้องการเห็นๆ หนุ่มๆ อายาโอริต้องมีทางรอดแน่นอน?
อิจิโร่พูดหนักแน่น แต่ทาคุทักขึ้นว่า ?แต่ว่า? ด้วยสีหน้าข้องใจบางอย่าง
?อิจจัง จีนเป็นประเทศสังคมนิยมใช่ม้า? ระบอบสังคมนิยมใช้วิธีให้ทุกคนทำงานแล้วแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียมเพื่อสร้างสังคมที่ไม่มีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงยังมีช่องว่างขนาดนั้นอยู่ล่ะ??
คำถามสมเหตุสมผลนั้นทำให้อิจิโร่เกริ่นว่า ?อืม? พลางครุ่นคิดเล็กน้อยเพื่อหาทางอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย
?ตอนนี้จีนไม่ใช่สังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์แบบสุดโต่ง แต่ใช้นโยบายปล่อยให้คนที่ทำเงินได้มากร่ำรวยนำหน้าไปก่อน แล้วค่อยยกระดับทุกคนตามไปทีละนิด ถึงจะเป็นสังคมนิยม แต่ก็ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเหมือนทุนนิยม เพราะงั้นก็เลยเกิดความเหลื่อมล้ำจนมีทั้งคนเมืองที่ทำเงินได้วันละร้อยล้านเยน และคนในหมู่บ้านเกษตรยากไร้ในชนบทที่ยังไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปา ไม่ได้รับการศึกษาหรือการรักษาพยาบาลเป็นเรื่องเป็นราว รัฐบาลคงพยายามแก้ไขช่องว่างอยู่เหมือนกัน แต่สาเหตุของความเน่าเฟะมาจากผู้บริหารของพรรคก็เลยไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร อย่างที่ว่ากันว่า ?เงินคือพระเจ้า? นั่นแหละ ได้ยินมาว่าถึงจะมีความรู้ความสามารถ แต่ถ้าไม่ติดสินบนหรือมีเส้นสายก็เลื่อนขั้นไม่ได้ด้วยนะ?
คนที่ไปได้สวยก็ดีไป แต่คนที่ไม่ใช่อย่างนั้นก็อยู่ยากหน่อย ประเทศไหนๆ ก็เป็นเหมือนกัน มาซาคาสึพึมพำระคนทอดถอนใจ
แบบนั้นตำหนิรัฐบาลว่าไม่เท่าเทียมกันไม่ได้เหรอ? ทาคุถาม อิจิโร่จึงตอบ
?เพราะใช้ระบบพรรคการเมืองเดียวเลยมีการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ใครที่เผลอวิจารณ์พรรคจะโดนจับด้วยข้อหา ?โค่นล้มรัฐบาล? เพราะงั้นก็คงยาก พวกทวิตเตอร์กับบล็อกเวอร์ชันจีนมีการตรวจสอบและลบเนื้อหาที่รัฐบาลมองว่าไม่เหมาะสมทิ้งด้วยนะ ถ้ามองจากมุมสังคมโลกแล้ว จีนอาจจะมีปัญหาเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ปัญหาสิ่งแวดล้อม ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเรื่องขยายกำลังทหารอยู่ แต่ถ้ามองแต่ละคนในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง คนจีนจะให้ความรู้สึกว่าเปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต พร้อมที่จะฝ่าฟันไปข้างหน้าโดยไม่ท้อถอยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันชอบส่วนนั้นมาก?
อิจิโร่เคยแบกเป้ตระเวนไปทั่วเมืองจีนสมัยไปเรียนที่นั่นจนได้พบเจอกับผู้คนมากมาย ทั้งคนใจดี คนเจ้าเล่ห์ รวมถึงคนเย็นชาที่พูดว่า ?ไม่ขายหมั่นโถวให้คนญี่ปุ่นหรอก? เขาจึงเชื่อว่าโลกนี้มีผู้คนหลากหลายประเภทโดยไม่เกี่ยวกับสัญชาติ แน่นอนว่าในบรรดานั้นย่อมมีคนที่เข้ากันไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ย่อมมีคนที่เข้ากันได้อยู่แน่นอน เพราะอย่างนั้นเองถึงได้เป็นเรื่องสนุก
ไอเติมน้ำร้อนในชาให้สมาชิกครอบครัวและอิจิโร่พลางเอ่ยขึ้น
?ในเมื่ออิจจังที่เคยคบค้าสมาคมกับคนจีนออกปากขนาดนั้น ป้าก็จะลองตั้งใจเรียนภาษาจีนดูอีกแรง เพราะฉะนั้นช่วยพาว่าที่เจ้าสาวร่าเริงแจ่มใสจากเมืองจีนมาที่หมู่บ้านอายาโอริเยอะๆ นะจ๊ะ ป้าเป็นแฟนตัวยงของ ?แดจังกึม? ถ้ามีสาวที่เหมือนอียองเอมาเป็นเจ้าสาวของชิน ป้าจะดีใจมากเลย?
เจ้าสาวเนี่ย นิสัยดีสำคัญกว่าหน้าตาสินะ แต่ถึงอย่างไรก็ชอบอียองเอมากเลย ขณะที่ไอรำพึงอย่างเคลิบเคลิ้ม ทาคุก็ทักขึ้น
?แม่ จังกึมเป็นละครเกาหลีต่างหาก พูดถึงดาราจีนสวยๆ ก็ต้องจางจื่ออี๋สิ??
อ้อ จางจื่ออี๋ออกจะน่ารักแท้ๆ แต่ตอนที่รับบทเกอิชาญี่ปุ่นใน ?Memoirs of a Geisha? โดนชาวเน็ตจีนรุมสวดซะยับเลย อิจิโร่พูดด้วยสีหน้าเห็นใจ
?ว่าไงนะ? จางจื่ออี๋คือเด็กที่เล่นเรื่อง ?The Road Home? ใช่ไหม??
จู่ๆ มาซาคาสึที่ทำหน้าปั้นยากเรื่องเจ้าสาวจากต่างแดนมาตลอดก็ตื่นเต้นขึ้นมา
?เด็กคนนั้นน่ารักดี หน้าเล็กเหมือนขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นใหญ่ ท่าทางใสซื่อน่ารักน่าเอ็นดู อืม ก็ได้ ถ้ามีเด็กที่เหมือนจางจื่ออี๋มาเป็นเจ้าสาวของชิน พ่อก็เห็นด้วย?
ไหงพูดจาอย่างกับแฟนคลับด้วยท่าทางวางอำนาจขนาดนั้นเล่า ให้ตายสิ อียองเอบ้างล่ะ จางจื่ออี๋บ้างล่ะ พ่อแม่บ้านนี้หวังสูงเกินไปแล้ว แถมเดิมทีฉันก็ยังไม่คิดจะหาเจ้าสาวซะหน่อย จังหวะที่ชินอ้าปากจะแสดงความเห็นของตัวเอง อิจิโร่ก็คลี่ยิ้มกว้าง
?ค่อยยังชั่ว ก่อนอื่นก็ได้เสียงสนับสนุนจากบ้านยามาโนอิแล้ว ที่จริงวันนี้ผมมาที่นี่เพื่อถ่ายรูปชิน เพราะตั้งใจจะลงรูปกับประวัติของหนุ่มโสดในเว็บไซต์ ผมว่าจะลงรูปชินให้โดดเด่น เป็นการเชิญชวนว่ามีหนุ่มหล่อแบบนี้รออยู่ เหมือนแพนด้าเรียกแขกน่ะ?
พออิจิโร่หยิบกล้องดิจิทัลออกมาจากกระเป๋า ชินก็ลนลานส่ายศีรษะ
?เดี๋ยวก่อน ฉันขอผ่าน ฉันยังไม่คิดจะแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็อยากแต่งกับคนที่คุยกันรู้เรื่องมากกว่า เอาเป็นว่าอย่าลงรูปฉันเลยน่า ใช้รูปอิจจังเรียกแขกก็ได้นี่ รับรองได้ผลดีแหงๆ?
ทันทีที่แสดงเจตนาว่าไม่อยากแต่งงานออกมาในที่สุด สมาชิกครอบครัวที่กำลังคล้อยตามสถานการณ์จึงพากันต่อว่าเป็นชุด
?ทำไมเพิ่งพูดเอาป่านนี้เล่า ถ้าไม่ชอบใจก็รีบบอกเร็วๆ สิ ป่านนี้แล้วตาจะไม่ยอมตายจนกว่าจะได้เห็นสะใภ้ในชุดกี่เพ้าเด็ดขาด?
?ปกตินายก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว เจ้าสาวจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือต่างชาติก็ไม่มีปัญหาหรอกน่า?
?อิจจังมียุยจังกับฮานะจังอยู่แล้วนะ ถ้ามีสาวน้อยชาวจีนมาที่หมู่บ้านเพราะตกหลุมรักรูปถ่ายของอิจจังตั้งแต่แรกพบก็น่าสงสารแย่ เลิกพูดจาขี้งกแล้วยอมให้ลงรูปใหญ่ๆ ไปเถอะ ชินจัง?
?ใช่ๆ แฟนสักคนก็ไม่เคยพามาแท้ๆ ยังกล้าพูดจาอวดดีว่าไม่อยากหาคู่ทั้งที่โตปานนี้อีกเหรอ??
?นั่นสิ เผลอๆ คนที่คุยกันไม่รู้เรื่องอาจคิดว่า ?คนนี้เท่และเยือกเย็นจังเลย? แล้วเห็นนิสัยไม่พูดไม่จาเป็นเรื่องดีก็ได้ พี่อาจจะเด็กและหน้าตาดีสุดก็จริง แต่ถ้าเขียนรายได้ต่อปีหรือเงินเก็บไว้ในประวัติละก็ โทคุโอะซังคงดึงความนิยมไปหมดแหงๆ ถึงจะอายุห้าสิบสองแต่ก็รวยที่สุดในหมู่บ้าน แถมหน้าตายังคล้ายแจ๊กกี้ ชานหน่อยๆ ด้วย?
?.....?
ทุกคนต่างพูดกันไปตามใจชอบ






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

?รับเจ้าสาวจากเมืองจีนมาหมู่บ้านอายาโอริกันเถอะ? เมื่อทางหมู่บ้านริเริ่มโปรเจกต์หาคู่ ชินก็จำใจเข้าร่วมอย่างอิดออดทั้งที่อายุเพิ่งยี่สิบห้าและยังไม่คิดจะแต่งงานสักนิด อีกด้านหนึ่ง เซี่ยอวี่ (อายุยี่สิบสาม เพศชาย) ก็แต่งหญิงเล็กๆ ติดสอยห้อยตามเพื่อนผู้เป็นเสมือนพี่สาวมาร่วมโครงการอย่างไม่เต็มใจ แน่นอนว่าเขายังไม่คิดจะแต่งงาน ทั้งสองทะเลาะกันยกใหญ่ตั้งแต่แรกพบทั้งที่คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเซี่ยอวี่ถึงเลือกมาโฮมสเตย์ที่บ้านชินเสียอย่างนั้น...!? เรื่องราวความรักเก็บเกี่ยวหมาดๆ ที่บ่มเพาะในหมู่บ้านเกษตร อบอวลด้วยไปกลิ่นบลูเบอร์รีอยู่ที่นี่แล้ว?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”