New Release BLY แปล : ซุปหอมกรุ่นอุ่นไอรัก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : ซุปหอมกรุ่นอุ่นไอรัก

โพสต์ โดย Gals »

-
กลีบดอกคามิเลียสีชมพูปลิวไสวร่วงโรยลงจากต้น
นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่มิสึกิได้พบกับฤดูหนาวในเมืองซึ่งมีแม่น้ำสายเล็กๆ แห่งนี้ตั้งแต่เริ่มพักอาศัยกับเซโตะ เคโงะผู้เป็นน้า ต้นซากุระที่โตอยู่บนทางเดินเลียบแม่น้ำกำลังอดทนต่อความหนาวเฝ้ารอฤดูใบไม้ผลิที่ยังอีกยาวไกล ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกไม้บานหรือฤดูร้อนที่มีใบไม้สีเขียวก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่รู้เมื่อไรที่เขากลับชอบทิวทัศน์ของต้นไม้แห้งที่เรียงรายกันในฤดูหนาวมากเป็นพิเศษ
วันนี้เขาไปซื้อของในย่านร้านค้าหน้าสถานีกับเคโงะที่ไม่ได้หยุดในวันอาทิตย์มาเสียนาน จนได้รองเท้าผ้าใบคู่ใหม่เป็นของขวัญอย่างไม่คาดคิด แม้จะเกรงใจอยู่บ้างเพราะเพิ่งได้รับของขวัญวันคริสต์มาสเป็นชุดลำลองมาหมาดๆ...แต่ก็ดีใจมาก
แต่เรื่องที่น่าดีใจที่สุดสำหรับมิสึกิก็คือการได้เดินนับสะพานข้ามแม่น้ำเคียงข้างเคโงะในเมืองเมืองเดิมแบบนี้ต่างหาก
?เคจัง รู้รึเปล่าว่าสึมิเระกับสึคุเนะ ต่างกันอย่างไร??
มิสึกิถามออกไปเมื่อตัดสินใจได้ว่าคืนนี้จะทำหม้อไฟสึมิเระ เพราะอากาศหนาว ปลาซาร์ดีนในซูเปอร์ฯ ก็ราคาถูก
ในฤดูหนาวที่มิสึกิอายุได้สิบปี เขาเสียแม่ที่เป็นซิงเกิลมัมไปอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุ ครั้งแรกที่เขารู้ว่าเคโงะเป็นน้องชายของแม่ก็ตอนที่เคโงะรับเขาไปดูแล เพราะตอนที่ได้พบกันครั้งแรกเขายังเป็นเด็กทารกอยู่เลย อีกทั้งแม่ยังเรียกเคโงะว่า ?เคจัง? บางทีเคโงะก็แวะเอาขนมเอาของเล่นมาฝากบ้าง พาไปสวนสนุกบ้าง มิสึกิเลยคิดว่าเคโงะเป็นญาติผู้พี่ ถึงจะบอกว่าเป็นคุณน้าแต่เคโงะยังอายุแค่ยี่สิบเจ็ดปี เขาจึงรู้สึกตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยที่จะเรียกเคโงะว่าคุณน้า
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังเรียกเคโงะว่าเคจังอยู่ ต่อจากนี้ไปก็คงไม่มีวันเรียกว่าคุณน้าเหมือนกัน
?ต่างกันอย่างไรน่ะเหรอ? แค่นั้นฉันรู้น่า ถึงจะทำจากเนื้อเหมือนกันก็จริงแต่สึมิเระทำจากปลาซาร์ดีนไม่ก็ปลาอาจิ ส่วนสึคุเนะทำจากไก่ไง?
เคโงะตอบด้วยท่าทางภูมิใจ
?เสียใจด้วย มีนักเรียนตอบแบบเดียวกับเคจังเยอะเลย แต่ผิด?
?เด็ก ม.ต้น สมัยนี้เรียนเรื่องแบบนั้นในวิชาคหกรรมด้วยเหรอ??
?ไม่ใช่ที่โรงเรียน คอร์สสอนทำอาหารต่างหาก?
มิสึกิพูดพลางทำหน้าหน่ายใจ
แม้ว่าเคโงะจะทำงานเก่งแต่งานบ้านกลับไม่ได้เรื่อง เมื่อมิสึกิขึ้น ม.ต้น ปุ๊บจึงไปเรียนคอร์สทำอาหารทันทีแทนที่จะทำกิจกรรมชมรม
?อ๊ะ เหรอ...เดี๋ยวนะๆ จะคิดคำตอบเดี๋ยวนี้แหละ?
เดินอยู่ริมถนนแท้ๆ ยังกอดอกทำท่าใช้ความคิดอีก
ใบหน้าด้านข้างที่กำลังครุ่นคิดอย่างจริงจังแบบนี้เหมือนนักสืบในละครดังมาก แต่ไม่ใช่เพราะเคโงะทำงานเป็นนักสืบหรอก เพราะคล้ายกับดาราแสดงต่างหาก
นอกจากเรื่องนั้นก็มีจุดคล้ายกับนักสืบในละครอยู่หรอกตรงที่เวลาคุยกับผู้จ้างวานจะใส่สูท จัดผมเรียบร้อย แต่ตอนสืบสวนหรือตอนใช้ชีวิตปกติจะแต่งตัวสบายๆ ไม่ค่อยสุภาพนัก...
แต่จุดที่ไม่เหมือนคือตรงที่ไม่เคยคลี่คลายคดียากๆ การสืบสวนจะตั้งอยู่บนความเป็นจริงเสมอ ไม่เดาสุ่มเด็ดขาด มีการจับตามองบ้าง สะกดรอยบ้าง หรือสอบถามบ้างเป็นปกติ แล้วนำพฤติกรรมของเป้าหมายไปรายงานผู้จ้างวาน สรุปคือเป็นงานเรียบๆ ที่แฝงความยากอยู่ในตัว
?นักสืบพรรค์นั้นไม่มีจริงหรอก? นี่คือคำพูดติดปากของเคจังเวลาดูละคร แต่ความจริงแล้วก็แอบใฝ่ฝันถึงอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
ขณะที่เขากำลังจะแอบหัวเราะนั่นเอง
?เอ๊ะ??
มิสึกิเห็นสิ่งที่ทำให้สะดุดตาเข้า
?เคจัง ข้างในลังกระดาษที่ลอยตามน้ำมาจากทางนั้นมีอะไรขยับรึเปล่า??
?ลังกระดาษ!??
เคโงะวิ่งไปที่รั้วริมแม่น้ำแล้วชะโงกดูฝั่งด้านใน
?ลูกแมวนี่?
?ไม่จริงน่า ทำไม...?
ลูกแมวลายเสือสีส้มกำลังเกาะลังกระดาษที่โคลงเคลงไปมาอย่างสุดชีวิตแล้วร้องขอความช่วยเหลือ แม้ว่าแม่น้ำสายนี้จะเป็นแม่น้ำเล็กๆ ที่กว้างเพียงห้าเมตรก็จริง แต่เพราะฝนตกเมื่อวานเลยทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น อากาศหนาวแบบนี้ถ้าตกลงไปในแม่น้ำ ชีวิตเล็กๆ นั่นคงไม่รอดแน่
?เคจัง...?
?ไม่เป็นไร ให้ฉันจัดการเอง?
เคโงะลูบหัวมิสึกิแล้วกระโดดข้ามรั้วกั้นแม่น้ำลงไปยังแนวคอนกรีตด้านล่างที่สูงราวสามเมตร
?เคจัง?
มิสึกิกังวลจนทำท่าจะปีนรั้วตามไป แต่เคโงะชูนิ้วโป้งกลับมาให้เป็นสัญญาณบอกว่าสบายมาก
เคโงะถอดเสื้อคลุมทิ้ง วิ่งเลาะตามแนวคอนกรีตไล่ตามกล่องกระดาษที่มีลูกแมวจนทัน จากนั้นก็กระโจนลงไปในแม่น้ำกลางฤดูหนาวอย่างไม่ลังเล
มิสึกิวิ่งบนทางเท้าตามเคโงะไป
เคโงะยืนแช่อยู่ในน้ำเย็นเฉียบสูงถึงเหนือเข่ากลางแม่น้ำไหลเชี่ยว รอรับกล่องที่ลอยโคลงเคลงเอาไว้อย่างมั่นคง
?เจ้าพวกนี้เป็นพี่น้องกันล่ะมั้ง เหมือนกันอย่างกับแกะ?
ดูเหมือนว่าจะมีลูกแมวอยู่ในนั้นสองตัว
เคโงะนำลูกแมวออกจากกล่อง เก็บเสื้อคลุมขึ้นมาคลุมไว้แล้วปีนกำแพงหินขึ้นมาด้วยท่าทางสบายๆ
หลังจากมิสึกิรับลูกแมวมาพร้อมเสื้อคลุม มองดูจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายข้ามรั้วกลับมาเรียบร้อย ในที่สุดเขาก็โล่งอกจนถอนหายใจออกมา
?น่ารักจัง...หน้าตาเหมือนกันจริงด้วย?
มิสึกิค่อยๆ ยื่นมือไปหาด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ลูกแมวตัวหนึ่งในนั้นใช้ลิ้นเล็กๆ เลียนิ้วของเขาตอบกลับมา ส่วนอีกตัวขยับเข้าไปซุกพี่น้องของมันเหมือนยังกลัว
?ถ้าแยกเด็กพวกนี้ออกจากกันคงน่าสงสารเนอะ?
ใจจริงเขาอยากเลี้ยงไว้ที่บ้าน แต่มีเขาเป็นภาระอยู่แล้วทั้งคน คงไม่กล้าขอให้เพิ่มแมวมาอีกสองตัวหรอก
?ถ้าหาคนรับเลี้ยงดีๆ ได้ก็คงดี...?
มิสึกิลูบหัวแมวพลางพึมพำเบาๆ ด้วยความกังวล
?ฉันดูแลไม่เป็นเลยล้มเลิกความคิดที่จะเลี้ยงสัตว์ไปนานแล้ว แต่ถ้ามีมิสึกิอยู่คงไม่เป็นไรมั้ง??
เคโงะพูดเป็นเชิงถาม
นั่นเป็นคำพูดที่ไม่ได้คาดคิดไว้จนทำให้มิสึกิอึ้งไป
?...เลี้ยงเด็กพวกนี้ได้เหรอ? ทั้งสองตัวเลยนะ??
เขารู้ว่าเคโงะรักสัตว์ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคิดแบบนั้นด้วย
อีกฝ่ายคงจำได้แน่ๆ ว่าเขาเคยบอกว่าอยากเลี้ยงแมว
?มิสึกิจะยุ่งขึ้นนะ โอเครึเปล่า?
มิสึกิพยักหน้ายกใหญ่ตอบกลับไป
?ทุกทีผมก็คอยดูแลเคจังอยู่แล้ว เพิ่มลูกแมวมาอีกแค่ตัวสองตัวสบายมาก?
มิสึกิกอดลูกแมวไว้แนบอกแล้วกระซิบในใจ
ดีใจด้วยนะ...ที่ได้ผู้พิทักษ์คุณธรรมช่วยไว้
ตอนกระโดดลงแม่น้ำเย็นๆ อย่างไม่ลังเลนั่นเท่จริงๆ ทำเอาหัวใจบีบรัดจนน้ำตาแทบไหลออกมา
?จะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะ?
?ตั้งชื่อให้หน่อยสิ เคจังเป็นคนช่วยไว้นี่นา?
มิสึกิเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตานับถือเหมือนเป็นผู้พิทักษ์คุณธรรม
?เหรอ? งั้นเอาเป็นสึมิเระกับสึคุเนะก็แล้วกัน?
เคโงะตอบโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว
นั่นมัน เมื่อกี้...
?ก็น่ารักดีอยู่หรอก...แต่แค่นี้ก็เหมือนกันจนแทบแยกไม่ออกอยู่แล้วยังจะตั้งชื่อให้คล้ายกันอีกเหรอ??
?อ๊ะ จริงด้วย เรื่องความแตกต่างของสึมิเระกับสึคุเนะ ฉันคิดว่า...?
ยังไม่ทันจบประโยคเคโงะก็จามออกมาอย่างแรง
?ที่สำคัญกว่านั้นรีบกลับไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวเป็นหวัดนะ?
?แบบนั้นเรื่องใหญ่แน่?
รอยยิ้มที่เหมือนดวงตะวันของเคโงะ ทำให้มิสึกิเผยรอยยิ้มออกมาจนได้
เคโงะคือคนที่ช่วยเขาขึ้นมาจากก้นบึ้งของความเศร้าโศกเมื่อครั้งที่เขาสูญเสียแม่ไป เหมือนกับที่ช่วยลูกแมวถูกทิ้งขึ้นจากแม่น้ำ
เคโงะเป็นคุณน้าที่สมควรจะทำตัวให้เหมาะกับสถานะผู้ปกครอง แต่กลับทำงานบ้านไม่ได้เรื่องแม้จะทำงานนักสืบเก่ง ดังนั้นตัดเรื่องดูแลเด็กออกไปได้เลย เคโงะเป็นนักสืบผู้เชี่ยวชาญการสืบเรื่องชู้สาวที่จีบผู้หญิงไปทั่ว
แต่เรื่องนั้นไม่สามารถทำให้มิสึกิเกลียดเคโงะได้เลย
เคโงะทั้งเท่ ทั้งใจดี และพึ่งพาได้ยิ่งกว่าใคร
ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ เคโงะก็เป็นผู้พิทักษ์คุณธรรมสำหรับมิสึกิเสมอมา
แต่ติดอยู่อย่างเดียว...
ทั้งที่เขารู้สึกวางใจเมื่ออยู่กับเคโงะยิ่งกว่าอยู่ที่ไหนแท้ๆ แต่บางครั้งเขากลับมีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนหัวใจบีบรัดจนแน่น ไม่ใช่จากความเหงาหรือความเศร้า แต่เป็นความรู้สึกที่หวานหอมระคนเจ็บปวด...ที่เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ
เขาเพิ่งรู้ตัวจริงของความรู้สึกนั้นก็ตอนนี้เอง
ว่าความรู้สึกแปลกประหลาดในใจเขานั้นคือความรัก...




1

หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาได้สองปีเศษ ฤดูใบไม้ผลิปีนี้มิสึกิได้เป็นนักเรียน ม.ปลาย แล้ว
แมวพี่น้องตัวจิ๋วที่เคโงะเคยช่วยขึ้นมาจากแม่น้ำเติบโตจนตัวใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ความรู้สึกที่มิสึกิมีต่อเคโงะซึ่งถูกปลุกขึ้นมาในตอนนั้นก็ยังคงอยู่ในใจของเขาไม่เปลี่ยน
ฤดูกาลที่เหมาะแก่การชมดอกไม้ผ่านพ้นไปแล้ว รู้สึกตัวอีกทีก็กลางเดือนเมษายน เมื่อมองผ่านหน้าต่างก็เห็นต้นซากุระที่เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำแตกใบอ่อนเขียวขจี แม้เป็นยามค่ำคืนก็มีกลิ่นพรรณไม้ปะปนมากับสายลมชวนให้ใจสงบ
?คืนนี้มีคนนอกใจ...อยู่กี่คนกันนะ?
มิสึกิพึมพำคนเดียวระหว่างมองแม่น้ำไหลเอื่อยที่สะท้อนแสงไฟยามค่ำคืน
วันนี้อุตส่าห์บอกให้กลับมาเร็วๆ แท้ๆ จนตอนนี้เลยสามทุ่มแล้ว เคโงะก็ยังไม่กลับมา
?ถ้ากลับดึก อย่างน้อยน่าจะส่งเมลมาบอกกันหน่อย?
มิสึกิบ่นกับแมวพี่น้องซึ่งกำลังยึดครองโซฟาหลังเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างเพราะอากาศเริ่มเย็นลงทุกที
ก็รู้อยู่หรอกว่างานของเคโงะไม่ค่อยเสร็จตามเวลา แต่ว่า...
?มิสึกิ กลับมาแล้ว~?
เขาลืมตาขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคโงะตะโกนจากทางประตู
ดูเหมือนว่าเขาจะผล็อยหลับบนโซฟาพร้อมกับแมวโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นหนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เขาเปิดอ่านเมื่อครู่ก็ร่วงหล่นลงบนพื้น
?เห็นแล้วอย่าตกใจล่ะ คนนี้สวยที่สุดเท่าที่เคยพามาเลย?
ถูกหักอกไม่ทันไรก็หาแฟนใหม่ได้แล้วเหรอ มิสึกิถอนหายใจแล้วเดินไปต้อนรับที่ประตู อุตส่าห์รอต่อว่าเรื่องที่ไม่ยอมส่งเมลมาแท้ๆ แต่หมดอารมณ์ตำหนิซะแล้ว
ผู้ชายรักผู้ชายไปก็เท่านั้น ถ้าอีกฝ่ายไม่คิดเหมือนกันก็เป็นได้แค่รักข้างเดียว
แต่ในเมื่อรักไปแล้วก่อนที่จะรู้เรื่องนั้นก็ช่วยไม่ได้
?ยินดีต้อนรับครับ เชิญตามสบาย?
มิสึกิเชิญแฟนคนใหม่ที่เคโงะพามาให้เข้าห้องอย่างเป็นมิตร
เธอเป็นคนสวย ตัวสูง ผอมเพรียว ผิวขาว ตาคมดูเซ็กซี่ อาจเป็นเพราะเคโงะตัวสูงเลยคิดว่าสเปกของเคโงะเป็นผู้หญิงร่างเล็กมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พาผู้หญิงตัวสูงมา มิสึกิประมาณด้วยสายตาว่าคงสูงราวๆ ร้อยเจ็ดสิบห้าเพราะสูงน้อยกว่าเคโงะแค่นิดเดียว
สวยกว่าที่ผ่านมาจริงๆ นั่นแหละ อาจเป็นนางแบบก็ได้
ทั้งๆ ที่อย่างไรก็คบกันไม่ยืดอยู่แล้ว...
ขณะที่มิสึกิแอบเดาะลิ้นอยู่ในใจ จู่ๆ สึมิเระที่ไม่ค่อยเชื่องกับคนก็เข้าไปใกล้ขาของผู้หญิงคนนั้น
สึมิเระไม่เหมือนสึคุเนะที่ยอมให้ทุกคนอุ้มแม้จะเพิ่งเจอหน้า ทุกทีสึมิเระจะไม่เป็นฝ่ายเข้าหาคนแปลกหน้าก่อนแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับเอาตัวเข้าไปคลอเคลียเหมือนเป็นคนรู้จัก
กลับกัน ตอนที่เคโงะพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาสึคุเนะยังทำท่าจะเข้าไปออดอ้อนให้อุ้มอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเข้าไปหลบหลังมิสึกิเหมือนเห็นของน่ากลัวเสียอย่างนั้น
ขณะที่มิสึกิกำลังประหลาดใจว่านี่มันเรื่องอะไร
?สึมิเระ นายเนี่ยฉลาดจริงๆ รู้ด้วยแฮะว่าเป็นฉัน?
มิสึกิตาโตหลังได้ยินเสียงของสาวสวยคนนั้น
?มะ มิคามิคุง!??
เขาเผลอร้องเสียงหลง
พอมองดูดีๆ สาวสวยร่างสูงก็คือมิคามิ ผู้ช่วยของเคโงะซึ่งใส่วิกกับกระโปรงวันพีซแต่งตัวเป็นผู้หญิงนั่นเอง
ปกติเขามักใส่สูททางการ สวมแว่นตากรอบเงิน เป็นชายหนุ่มที่ดูอย่างไรก็เหมือนพนักงานเงินเดือนที่ทำงานในบริษัท ดังนั้นมิสึกิจึงไม่รู้สึกตัวเลยจนกระทั่งได้ยินเสียง
?ไม่คิดเลยว่ามิคามิคุงจะมีงานอดิเรกแบบนี้...?
มิสึกิพูดปนถอนหายใจ
เคโงะเคยพูดถึงอยู่หลายทีเหมือนกันว่าสวย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นตอนมิคามิแต่งตัวเป็นผู้หญิงของจริง
?ไม่เอาน่า...ฉันแต่งเพราะงานต่างหาก?
?รู้แล้ว แค่แซวเล่นต่างหาก?
พอเห็นมิคามิหน้าแดงแจ๋ก็ขำ ถึงจะรู้สึกผิดอยู่บ้างก็เถอะ
การปลอมตัวนั้นไม่ได้มีแค่การแต่งหญิงอย่างเดียว เพราะในการปลอมตัวสะกดรอยบางทีต้องปลอมเป็นคู่รัก ตามเป้าหมายเข้าไปในโรงแรมม่านรูดด้วย
แม้ว่าในสำนักงานจะมีสตาฟผู้หญิงที่คอยรับฟังคำปรึกษาของลูกค้าผู้หญิงโดยตรงอยู่ แต่เนื่องจากเธอไม่ใช่นักสืบ เวลาสืบจึงต้องให้มิคามิที่ตัวบางร่างสวยออกไปแทน
มิคามิดูไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่สำหรับมิสึกิ ถ้าได้รับบทเป็นแฟนของเคโงะละก็ จะให้แต่งหญิงหรือให้แต่งชุดตุ๊กตาก็ยอมด้วยความยินดีแท้ๆ...
มิสึกิก็เคยเสนอตัวเป็นผู้ช่วยทำงานพิเศษหลายครั้งโดยอ้างว่าอยากรู้จักสังคมบ้าง อยากได้ค่าขนมบ้าง แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่าไม่ให้ทำจนกว่าจะอายุสิบแปด เนื่องจากงานต้องเข้าไปยังสถานที่อโคจรอยู่บ่อยครั้ง
?จำได้ว่ามิสึกิเคยบอกอยากเห็นสักครั้ง แล้วอีกอย่างหมอนี่ก็บอกเองว่าไหนๆ วันนี้ก็สวยเป็นพิเศษเลยอยากโชว์ตัวให้มิสึกิเห็นน่ะ?
?เอ๊ะ...?
มิคามิส่งเสียงขึ้นมาพร้อมมิสึกิ
?...อาจารย์ อย่าสิครับ เดี๋ยวมิสึกิคุงก็เชื่อจริงหรอก เพราะอาจารย์บังคับนั่นแหละ...ว่าแต่ผม...ขอตัวก่อนดีกว่า?
เคโงะคว้ามือมิคามิที่ทำท่าจะหนีแล้วแสยะยิ้มเหมือนตัวร้าย
?ไม่กินข้าวของมิสึกิก่อนเหรอ? ไหนๆ ก็มาแล้ว แค่โชว์ตอนแต่งหญิงอย่างเดียวแล้วกลับไปจะดีเหรอ??
?น่าเสียดาย...กับข้าวคืนนี้อุตส่าห์เป็นไก่ทอดคาราอาเกะแท้ๆ?
มิสึกิเห็นเคโงะดังนั้นก็เล่นตามน้ำ เอ่ยชักชวนมิคามิ
?คาราอาเกะราดซอสต้นหอม มีโคลสลอว์เป็นเครื่องเคียง อุตส่าห์ทำซุปหอยลายใส่ต้นหอมไว้ด้วย?
?ขะ...ขอร่วมโต๊ะด้วยคนนะครับ?
เป็นเพราะกระเพาะพ่ายแพ้ต่อความเย้ายวนรึเปล่าก็ไม่อาจรู้ได้ มิคามิจึงยอมจำนนแต่โดยดี
?ดีมาก มีสาวสวยอยู่ด้วยทำให้กินอาหารสนุกขึ้นเยอะ ถึงจะเป็นสาวปลอมก็เถอะ?
เคโงะเข้าไปโอบไหล่ด้วยท่าทางดีใจแต่ถูกมิคามิทำหน้าหงิกใส่ ?ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ต้องแต่งหญิงนอกเวลางานนะครับ?
?ทำแบบนั้นแล้วดูเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกแน่ะ?
มิสึกิหยอกล้อแล้วไล่ทั้งสองคนเข้าห้องน้ำไปล้างมือ
ถ้าเคโงะพาแฟนมาเขาคงผิดหวังเพราะถูกแย่งชิงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังไป แต่ถ้าเป็นผู้ชายอย่างมิคามิละก็ มิสึกิขอต้อนรับด้วยความยินดี ถึงจะรู้แก่ใจว่าไม่ช้าก็เร็วเคโงะคงพาแฟนใหม่มา แต่ก็โล่งใจที่อย่างน้อยไม่ใช่คืนนี้
?เพราะใช้คำพูดคำจาเหมือนคนเจ้าชู้แบบนั้นเลยทำให้โดนหักอกบ่อยๆ ไม่ใช่รึไงครับ??
มิสึกิที่กำลังจัดจานอาหารแอบหัวเราะเห็นด้วยกับเสียงบ่นของมิคามิที่แว่วเข้าหู
?เอาน่า เป็นฝ่ายโดนบอกเลิกมันสะดวกกว่าเป็นฝ่ายบอกเลิกนะ?
นี่คือคำพูดแก้ตัวที่เคโงะใช้เป็นประจำเวลาถูกบอกเลิก
แต่สาเหตุที่เคโงะโดนบอกเลิกนั้นไม่ได้เป็นเพราะไม่มีเสน่ห์อย่างเด็ดขาด
ฟังจากที่เคโงะเคยเล่าตอนเมา สาเหตุมักเป็นเพราะผู้หญิงชอบบงการ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็เป็นฝ่ายหลงเคโงะหัวปักหัวปำเสมอ
คงเป็นเพราะเวลางานกับเวลาปกติเคโงะทำตัวไม่เหมือนกัน บวกกับการที่ในตัวของชายหนุ่มผู้มีความรับผิดชอบคนนี้มีความเป็นเด็กซึ่งไม่ชอบถูกใครผูกมัดซุกซ่อนอยู่ เป็นจุดที่ดูแล้วขัดแย้งแต่มีเสน่ห์ แล้วก็...เวลายิ้ม ตาคมๆ คู่นั้นจะดูน่ารักขึ้นมาทันที และอาจเป็นเพราะเสียงหวานๆ ด้วยก็ได้
ได้ยินมาว่าพวกมิจฉาชีพหลอกแต่งงานไม่ได้หล่อไปซะทุกคน แต่มีลักษณะพิเศษที่พอจะเรียกว่าเป็นจุดร่วมได้คือเป็นผู้ฟังที่ดี และมีเสียงเซ็กซี่มากๆ
เคโงะเกิดมารูปร่างหน้าตาดีพร้อม แถมมีคุณสมบัติของมิจฉาชีพหลอกแต่งงานครบทั้งสองประการ คิดว่าถ้าเอาดีทางงานนักสืบไม่ได้ก็ยังสามารถหากินด้วยการหลอกแต่งงานได้แน่
แต่เคโงะไม่ชอบผูกมัดผู้หญิง เหล่าผู้หญิงสไตล์อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนทั้งหลายต่างหากที่มักเป็นฝ่ายอยากแต่งงานกับเคโงะ และนั่นจึงกลายเป็นจุดสิ้นสุดของความรักไป
?เคจังเนี่ยย้อนแย้งจังเลยเนอะ ขี้เหงาแต่อยากเป็นอิสระเนี่ย?
มิสึกิพูดกับพี่น้องแมวลายเสือสีส้มบนพื้น
แต่เจ้าแมวไม่มีท่าทีตอบรับว่าเห็นด้วย...สึคุเนะยืนสองขาเรียกให้เอาข้าวมาเร็วๆ ส่วนสึมิเระครางครืดๆ ในลำคอพลางเข้ามาคลอเคลีย
?รู้แล้วๆ...จะเอาข้าวให้เดี๋ยวนี้แหละ ถอยไปก่อนนะ?
ขณะที่มิสึกิกำลังลำบากอยู่นั้น
?พอพูดว่าข้าวเนี่ย...ฟังแล้วเหมือนได้กลับบ้านเลยเนอะ ดีจัง?
เคโงะเดินกลับมา อุ้มแมวขึ้นมาพร้อมกันทั้งพี่ทั้งน้อง
?ถ้างั้นไม่หาเจ้าสาวล่ะ??
มิสึกิเอ่ยเหมือนไม่ใส่ใจเพื่อไม่ให้โดนจับได้ว่าตัวเองคิดลึกซึ้ง และอีกเหตุผลเป็นเพราะอยากตรวจสอบความรู้สึกของเคโงะในตอนนี้ให้แน่ใจ
?เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องไม่ใช่เหรอ??
เคโงะขอความเห็นจากสึมิเระแต่ได้รับคำตอบเป็นการเอาหัวมาถูไถกับหน้าของตัวเองแทน ส่วนสึคุเนะกระโดดลงไปหามิสึกิที่ถือชามข้าวแมวมา
คำตอบของเคโงะยังคงเป็นเหมือนเดิมเสมอมา ว่าเรื่องแต่งงานขอบาย
?ช่วยไม่ได้เลยน้า?
มิสึกิก็ยังคงตอบกลับเหมือนอย่างเคย แต่แอบยินดีในใจว่าเคโงะต้องตอบอย่างนี้สิน่า
?อยู่กับฉันตลอดไปนะ?
?เอ๋...??
มิสึกิตกใจ พอหันกลับไปมอง เคโงะก็ปล่อยสึมิเระลงกับพื้นแล้วกอดมิสึกิจากด้านหลัง
เขารู้มาตั้งแต่เด็กแล้วว่าเคโงะชอบการแตะเนื้อต้องตัวกับทุกคน ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าการแสดงความสนิทสนม...
แต่เพราะมิสึกิตั้งใจว่าจะอยู่กับเคโงะที่ถือคติไม่แต่งงานไปทั้งชีวิต จึงอดคิดไม่ได้ว่าคำพูดสั้นๆ เมื่อกี้เหมือนคำขอแต่งงาน
มิสึกิหันกลับไปมองหน้า อยากบอกว่าถึงไม่ต้องบอกก็ตั้งใจจะอยู่ด้วยกันไปตลอดอยู่แล้ว
?...ไม่เอาหรอก ถ้าอยู่กับเคจัง เคจังต้องมายุ่มย่ามกับภรรยาผมแหงเลย?
แต่มิสึกิกลับตอบแบบนั้นพลางแกะมือออกช้าๆ เพื่อไม่ให้จับได้ว่ากำลังดีใจจนตัวลอย และเพื่อไม่ให้จับได้ว่าหัวใจในอกกำลังเต้นแรง
เคโงะต้องบอกว่า ?อย่าพูดแบบนั้นสิ? แน่ๆ ดังนั้นรอตอบกลับไปว่า ?ช่วยไม่ได้แฮะ? พร้อมกับทำหน้าไม่มีทางเลือกดีกว่า
?บ้าจังนะ ที่บอกให้อยู่ด้วยกันหมายถึงต่อให้มิสึกิมีภรรยา ก็อยากให้อาศัยอยู่ใกล้ๆ ในระยะที่เดินทางไปหาแล้วซุปยังไม่เย็นชืดต่างหาก?
แต่เคโงะกลับพูดจาโหดร้ายออกมาพลางยีผมมิสึกิ
จนเขาเกือบเผลอทำจานข้าวแมวที่อยู่ในมือหล่น
ที่บอกให้อยู่ด้วยกัน หมายถึง...แบบนี้?
ความรู้สึกล่องลอยอยู่บนสวรรค์ ดิ่งวูบลงมาเหมือนเครื่องไจแอนต์ดรอปในสวนสนุก
แน่นอนว่าเคโงะไม่ตั้งใจทำร้ายจิตใจหรอก ก็แค่พูดตามประสาคนเป็นน้า
สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดคือความรู้สึกของเขาเองต่างหาก
?ดีใจด้วยนะ มิสึกิคุง?
มิคามิที่เดินกลับมาทีหลังยิ้มด้วยใบหน้าหญิงสาวรูปงาม
?นายไม่ต้องมาแสดงความดีใจเลย...อื๋อ??
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเคโงะรีบร้อนเปิดขึ้นดูก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
?เคียว...โกะ??
มิสึกิสะดุ้งกับชื่อที่เคโงะเอ่ย
นั่นคือชื่อที่เคโงะเรียกหาตอนเข้ามาสวมกอดมิสึกิในวันที่เมากลับมา เป็นชื่อของแฟนคนที่เพิ่งเลิกกันไป





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อยู่ดีๆ ก็มีกระป๋องซุปหล่นใส่หัวของมิสึกิขณะกำลังเลือกของในซูเปอร์ฯ คนร้ายคือคาซึมะซึ่งเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกัน ทีแรกอีกฝ่ายก็ทำท่าเป็นห่วงดูท่าทางใจดีแท้ๆ แต่พอลองได้คุยกันจริงเขากลับเป็นพวกปากเสีย ชอบประชดประชัน ความเห็นของพวกเขาไม่ลงรอยกันเลยสักอย่างตั้งแต่เรื่องอาหารการกินไปจนถึงเรื่องความรัก มิสึกิมั่นใจว่าตัวเขาสามารถรักคุณน้าซึ่งเป็นผู้ปกครองของเขาไปได้ตลอดชีวิต ทว่าเมื่อได้เจอกับคาซึมะผู้ยึดถือคติว่า ?ความรักหมดอายุไว? เขาจะเปลี่ยนไปอย่างไร?
เรื่องราวของความรักสุดอร่อย?


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”