New Release BLY แปล : ห้วงเวลารักของสองเรา

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : ห้วงเวลารักของสองเรา

โพสต์ โดย Gals »

ห้วงเวลารักของสองเรา



?สวัสดีครับ ขอโทษที่โทรไปหาตอนทำงานนะอาจารย์ จิโตเสะเองครับ
เอ่อ...ผมรู้ว่าอาจารย์รับโทรศัพท์ไม่ได้แต่ก็ยังโทรไปหาครับ
ผมคิดว่าถึงจะไม่ได้ยินเสียง แต่แค่เราได้เชื่อมโยงถึงกันบ้างสักนิดก็ยังดี
ทั้งที่เมื่อวานก็ได้รับคำขอแต่งงานทางโทรศัพท์มาตั้งเยอะ ผมนี่บ้าจังเนอะ ขอโทษนะ

คือว่านะ เทียบกับอาจารย์แล้วไม่ว่าอย่างไรผมก็พูดน้อยไป
ถึงคิดว่าได้ตอบแทนไปเรียบร้อยแล้ว แต่พอรู้สึกว่าผมยังไม่ได้ทำให้อาจารย์พอใจเลย มันก็กังวลขึ้นมาทันที
อย่างในตอนนี้ที่เราอยู่ห่างกันแบบนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าความกังวลนี้ชัดเจนขึ้นมาอีก
แค่เราเจอกันไม่ได้ ผมก็ยิ่งสัมผัสได้ทุกๆ วันว่าตัวเองช่างไร้กำลังเสียจริง...
...อาจารย์จะรู้สึกอย่างไรบ้างนะ ถ้าผมทำให้เหงาก็ขอโทษด้วยนะครับ

ไว้เจอกันคราวหน้าผมจะขออาจารย์แต่งงานบ้างนะ ขอแน่นอนเลย
งั้นไว้พรุ่งนี้จะโทรหาอีกนะ ทำงานก็สู้ๆ นะครับ?


อาจารย์ครับ

ผมได้พบกับอาจารย์ในฤดูใบไม้ผลิตอนผมเพิ่งขึ้นมัธยมปลายปีสาม เขาเป็นครูในโรงเรียนกวดวิชาเล็กๆ ใกล้บ้านที่ผมเริ่มไปอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก เพราะเป็นนักเรียนเตรียมสอบ ผมเลยถูกแม่เอ็ดเอาว่า ?ไปลงเรียนพิเศษได้แล้ว?
ผมต้องการเรียนตัวต่อตัวจึงได้ใช้เวลาร่วมกับอาจารย์เป็นเวลาสามวันต่อสัปดาห์ วันละหนึ่งชั่วโมง
โรงเรียนตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคารห้าชั้น อยู่ห่างจากตัวเมือง ห้องเรียนที่คุณป้าประชาสัมพันธ์ช่วยนำทางมาให้เป็นห้องส่วนตัวอันคับแคบ มีโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเก้าอี้ยาวครองพื้นที่ในห้องจนเต็มแน่น หลังจากผมลังเลแล้วเลือกนั่งตรงริมซ้ายสุดอย่างเกรงใจ ผมก็พบว่าตรงหน้าเป็นกระดานไวต์บอร์ด และมีเก้าอี้พลาสติกตัวหนึ่งอยู่ด้านหน้าทางซ้ายมือตรงนั้น
ผมมีแต่ประสบการณ์เรียนลูกคิดที่เคยไปเรียนเมื่อตอนประถมเท่านั้นจึงจ้องมองไปยังบานประตูด้วยความกระวนกระวายใจ ...อาจารย์โรงเรียนกวดวิชาจะเป็นแบบไหนกันนะ
ภายในห้องเรียนไม่มีหน้าต่าง ความรู้สึกจึงเหมือนถูกปิดตายจนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง กลิ่นเหม็นอันเป็นเอกลักษณ์จากฝุ่นลอยแน่นอยู่ในอากาศและกดดันผม หัวใจผมฝ่อราวกับถูกบีบรัดด้วยฝ่ามืออุ่นจนทำให้เกิดแม้กระทั่งความคิดอ่อนแอลอยขึ้นมาว่า ?ทันทีที่ความสามารถทางการเรียนของเรากระจ่างปุ๊บ อาจจะถูกอาจารย์เอือมระอาปั๊บเลยรึเปล่านะ?
แล้วอาจารย์ผู้เข้ามาพร้อมเสียงออดก็ตรงดิ่งไปยังเก้าอี้พลาสติกและหันซีกตัวด้านขวามาทางผม พอนั่งลงดังตุ้บก็หรี่ตาคมปลาบเป็นเส้นตรง จากนั้นถอนหายใจยาวดังฟู่...
หัวใจผมเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น
?ยะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ สวัสดีครับ ผมชื่อ ชิอิโมโตะ จิโตเสะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ...?
ผมเหม่อมอง...เป็นอาจารย์ที่หล่อเหลา มองเห็นตาสองชั้นได้ชัด มีไฝที่ร่องน้ำตาตรงใต้ตาซ้าย ริมฝีปากบาง ขาเรียวยาวดูดี
แต่เหมือนอาจารย์จะไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกนัก เสื้อคลุมสีขาวที่ครูมักชอบใส่กันถูกเปิดด้านหน้าเอาไว้ ปลายแขนเสื้อมีรอยเปื้อน เสื้อเชิ้ตสีดำด้านในก็ยับย่น ผมกระดกชี้โด่ชี้เด่จากการนอน ด้านล่างกางเกงยีนเป็นรองเท้าแตะ ในมือไม่ถืออะไรมาเลย
แล้วเสียงแรกที่เปล่งออกมาสั้นๆ ก็ดังพร้อมกับเสียงหาว
?มีอะไรไม่เข้าใจก็ถาม?
...เอ๊ะ
?อะ เอ่อ อาจารย์ครับ...จะไม่สั่งให้เปิดหนังสือหน้าอะไรเลยเหรอครับ??
?ไม่สั่งหรอก การเรียนน่ะเรียนตรงที่ตัวเองไม่เข้าใจจะมีประสิทธิภาพมากกว่าใช่ไหมล่ะ ตรงที่ตัวเองไม่ถนัดมีแต่ตัวเองที่รู้นี่นา?
?เอ๊ะ ชะ ชั่วโมงเรียนนี่จะเรียนอย่างไรล่ะครับ??
?ถ้ามีปัญหาที่แก้ไม่ได้เธอก็ถาม ส่วนฉันก็สอน ชั่วโมงเรียนก็คือการทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ?
?ถ้าอย่างนั้นก็แทบไม่ต่างอะไรกับเรียนด้วยตัวเอง...?
?อืมๆ ใช่ เรียนเองอย่างอิสระได้ทุกคาบเลยนะ เพราะฉันจะไม่พูดอะไรเลย?
เอ๋ เอ๋...! ไม่พูดอะไรเลย? ทั้งที่เป็นอาจารย์เนี่ยนะ...!?
อาจารย์ไม่มองแม้แต่หน้าผม หยิบแว่นตาที่ใส่ไว้ในกระเป๋าตรงอกเสื้อเชิ้ตออกมาแล้วสวมมันไว้บนหู ก่อนจะเอามือสองข้างล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุมสีขาว จากนั้นก็นั่งพิงหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง ยืดขาสองข้างออกไปแล้วหาวอีกครั้ง
?โรงเรียนกวดวิชานี้...เขากำหนดไว้ว่าถ้าเรียนตัวต่อตัวจะเป็นสไตล์เรียนเองเหรอครับ...??
?เปล่าหรอก มีแค่ฉันคนเดียวละมั้ง?
?ชะ ชั่วโมงเรียนแบบนี้จะทำให้ผลการเรียนดีขึ้นจริงๆ เหรอครับ??
?นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับเธอ ถ้าอยากจะเข้ามหา?ลัยก็ต้องพยายามด้วยตัวเอง ต่อให้สอบตกคนที่เข้าสอบก็คือตัวเธอเอง ไม่ใช่ความผิดของฉันหรือว่าโรงเรียนกวดวิชา มันเป็นความรับผิดชอบของตัวเองทุกอย่างครับ?
มันเป็นทฤษฎีที่ถูกต้องจนน่าตกใจ แต่ผมไม่มีทางยอมรับได้ อาจารย์ปรือตาลงครึ่งหนึ่ง ทอดสายตามองพื้นและทำท่าจะหลับไปทั้งอย่างนั้นเลยอยู่ตรงด้านหน้าผม ผมมองกลับไปที่อาจารย์อย่างพูดไม่ออก
?...จะไม่แนะนำตัวด้วยเหรอครับ??
?ก็เรียกว่า ?อาจารย์? อยู่นี่นา?
?มันก็ใช่ครับ...?
?ฉันไม่จำชื่อนักเรียนน่ะ?
?อะ ละ แล้วตอนเรียกจะทำอย่างไรล่ะครับ!??
?ก็เรียกด้วยสีเสื้อบ้าง เอกลักษณ์ของทรงผมบ้างน่ะ?
สุดโต่งชะมัด... แต่ไม่ได้ ในฐานะที่เป็นครูแล้วคนแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย
?อาจารย์ มะ ไม่เอาจริงเอาจังเลยนะครับ!?
?ถูกว่าบ่อยๆ เหมือนกัน ทำไมก็ไม่รู้เนอะ?
?มะ ไม่เหมาะกับการเป็นครูมากเกินไปแล้วครับ!?
?ฉันหัวดีนะ?
?โห พูดออกมาเองด้วย?
อาจารย์หลุดหัวเราะออกมาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดีก่อนเสยผมด้านหน้าขึ้นไป คนเขาอุตส่าห์เค้นความกล้าออกมาโน้มน้าวอย่างสุดความสามารถ แต่กลับถูกตีกลับเสียกระเจิงอย่างง่ายดาย ความสับสน มึนงง และอึ้งจนพูดไม่ออกขยี้หัวใจให้แหลกสลายไม่มีชิ้นดี
?แบบนี้ไม่ได้นะครับ อาจารย์ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีในฐานะผู้ให้การศึกษาเลยสักนิด!?
?นั่นมันเป็นงานของอาจารย์ที่โรงเรียนต่างหาก ครูโรงเรียนกวดวิชาน่ะแค่ให้ความรู้แก่นักเรียนก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ?
?แค่ให้ความรู้ก็พอแล้วนี่ไม่เอาจริงเอาจังซะเลย อาจารย์เองก็ไม่ได้สนุกกับงานใช่ไหมล่ะ!?
พอผมตวาดออกไปโดยแม้แต่คำสุภาพก็ลืมใช้ ในที่สุดอาจารย์ก็หันกลับมามองผม เขาทำตาโตแล้วพึมพำออกมา
?...โกรธด้วย ถูกโกรธแล้ว ว่าฉันด้วย?
?ก็ว่าน่ะสิ!?
?เธอเป็นเด็กที่สามารถว่ากล่าวคนอื่นได้สินะ?
?เอ๊ะ?
?ดีใจจัง...ขอบใจนะ?
คราวนี้จู่ๆ อาจารย์ก็มาขอบคุณกันด้วยสีหน้าประทับใจ ผมเลยหน้าแดงจนแทบระเบิด พูดว่า มะ ไม่เข้าใจความหมาย...พลางหยิบหนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ออกมาจากกระเป๋าราวกับจะหนี แล้วเปิดหนังสือแม้ยังตกอยู่ในความสับสน
ความรู้สึกของผมปั่นป่วนไปหมดว่า อะไรกันคนคนนี้ คนคนนี้นี่อะไรกัน จนคำถามในหนังสือไม่เข้าหัวแม้แต่น้อย
ขณะผมกำลังรู้สึกรับมือไม่ไหวกับความรู้สึกที่จะเรียกว่าอายก็ไม่ใช่หงุดหงิดก็ไม่เชิง อาจารย์ก็ยื่นหน้าเข้ามาจ้องหน้าผมเขม็งแล้วจิ้มจึกๆ ตรงหลังมือผมที่ถือดินสอกดเอาไว้
?...นี่ ทำไมถึงว่าล่ะ??
?ไม่ได้อยากจะว่าหรอกแต่ก็ว่าครับ คนอย่างอาจารย์น่ะเด็กนักเรียนคนอื่นเขาก็ว่าเอาใช่ไหมล่ะ??
?ไม่มีคนมาดุด่ากันหรอกว่า ?ไม่ได้สนุกกับงาน? ถ้าไม่พอใจก็ขอเปลี่ยนคนน่ะ?
?ปะ เปลี่ยน...เหรอ ละ แล้วไม่เศร้าเหรอ??
?เศร้ารึ? นักเรียนต้องเลือกครูที่มีวิธีการสอนที่เข้ากันได้นะ ...เป็นผลมาจากการอบรมสั่งสอนของคุณพ่อคุณแม่หรือ? ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกเหมือนเธอจะเป็นเด็กดีแล้วก็อ่อนโยนมากๆ เลยนะ?
เพราะอาจารย์ชมผมจริงจังเลยรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ขณะผมกำลังนั่งอึ้งและตัวแข็งค้าง อาจารย์ก็มองไปทางหนังสือเรียนแล้วจู่ๆ ก็บอกว่า ?ตรงนี้ผิดนะ? ก่อนเริ่มลงมือแก้ หลังจากนั้นก็อธิบายโดยสรุปอย่างตรงประเด็นทั้งวิธีแก้และเหตุผลจนผมคลายความสงสัย ผมสัมผัสได้ถึงความหัวดีของอาจารย์ก่อนจะทันได้ยอมรับเสียอีก
ผมสังเกตว่าอาจารย์ผู้พาไปสู่คำตอบที่ถูกต้องนั้น มีเพียงน้ำเสียงเท่านั้นที่สดใสร่าเริงแต่ดวงตาเหมือนจะเคลิ้มหลับ ...น่าประหลาดตรงที่ตั้งแต่ใต้จมูกลงไปนั้นราวกับเป็นคนละคน มันอะไรกัน ออร่าพิเศษที่ทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถต่อกรด้วยได้เนี่ย
พอคิดว่าเป็นผู้ใหญ่เยือกเย็นที่ไร้ระเบียบและไม่ยึดติดกับอะไร จู่ๆ ก็กลับทำหน้าเหมือนเด็กไร้เดียงสา
?ขอยืมดินสอกดหน่อยสิ?
อาจารย์พูดพลางแย่งดินสอกดในมือผมไป
?อาจารย์ แค่เครื่องเขียนก็ควรจะหยิบมานะครับ เป็นอาจารย์นี่นา?
?เอ๋ ขอยืมหน่อยสิ?
?ไม่ต้องมาขอยืมหน่อยสิเลยครับ ใช้ไม่ได้เลยนะอาจารย์ที่มาอ้อนลูกศิษย์เนี่ย?
?อืม...งั้นเหรอ เข้าใจแล้วครับ งั้นพรุ่งนี้จะไปซื้อครับ?
อาจารย์ตอบรับอย่างว่าง่ายแล้วเอียงคอเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่รู้สึกไม่พอใจการยิ้มอย่างไร้ความกังวลนั่น
?คนตำแหน่งใหญ่ๆ อย่าง...อาจารย์ใหญ่เขาไม่ว่าอาจารย์เหรอครับ??
?ไม่ว่าหรอก แต่ย้ำมาว่าให้รับผิดชอบเฉพาะชั่วโมงเรียนตัวต่อตัวเท่านั้นน่ะ?
?...ถ้าอาจารย์เป็นอาจารย์ที่โรงเรียนผมนะ ถูกนักเรียนยำเละเป็นโจ๊กไปแล้ว เพราะโรงเรียนผมเป็นโรงเรียนปลายแถว แล้วก็มีแต่พวกอารมณ์รุนแรง?
?อุหวา น่ากลัวจัง ออกจะเป็นเด็กดีแท้ๆ แต่เป็นพวกเดียวกับพวกเด็กเกเรหรือนี่...? อย่าทำฉันเจ็บนะ?
?ผมไม่ใช่เด็กเกเรนะ?
อาจารย์ค่อยๆ แย้มยิ้มให้ผมผู้ร้อนรนจนตะโกนเสียงดัง อาจารย์ยิ้มเหมือนพระอาทิตย์เลย
รอยยิ้มนั้นช่วยคลายความตื่นเต้นของผมไปโดยไม่ทันรู้ตัว ความสบายใจอันแสนอ่อนโยนคล้ายกับทะเลที่มีคลื่นซัดสาดในช่วงบ่ายของฤดูใบไม้ผลินั้นให้ความรู้สึกพึงพอใจ
ใช่แล้ว ผมรู้สึกว่าคนคนนี้เหมือนทะเล คลื่นทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่แม้จะเอามือไปกวนเล่นหรือเอาหินขว้างก็ไม่อาจหยุดการซัดสาดลงได้ ทำได้เพียงเฝ้ารอพระอาทิตย์สีแดงสดจมลงไปแล้วเข้าสู่ช่วงเวลาพลบค่ำอันน่าหลงใหล อาจารย์ให้ความรู้สึกแบบนั้น
สุดท้ายเวลาก็ล่วงผ่านเลยไประหว่างที่ผมต่อต้านคลื่นลมซึ่งชอบทำตามใจตนเองโดยไม่สนกฎเกณฑ์ใดๆ แบบอาจารย์ แม้จะสังหรณ์อยู่แล้วว่าเปล่าประโยชน์ก็ตาม
อาจารย์ยกแขนสองข้างยืดออกไป แล้วส่งเสียงร้องอืมพร้อมกับเสียงออดบอกเวลาหมดชั่วโมงเรียนดังขึ้น
?อา...เลิกแล้ว วันจันทร์นี่ยาวนานจริงๆ เลย...?
หลังจากอาจารย์พูดคนเดียวจบก็เข้ามาดึงแก้มขวาผมพลางพูดว่า ?ยืด? ก่อนหัวเราะฮ่าๆ แล้วกลับไป
ผมเก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าแล้วสะพายพาดตัว ขากลับก็แวะถามชื่ออาจารย์จากประชาสัมพันธ์
โนโตะ ทาดาชิ
ผมคิดว่าเขาเป็นคนแปลกๆ แต่พอปั่นจักรยานพลางท่องชื่ออาจารย์ในใจ ถึงได้เพิ่งรู้สึกตัวว่าความรู้สึกไม่สบายใจและความกระวนกระวายที่มีก่อนเริ่มชั่วโมงเรียนนั้นจางหายไปอย่างไม่ทันรู้ตัว
ซากุระยามค่ำคืนลอยเด่นอยู่ท่ามกลางแสงไฟในสวนสาธารณะทำให้หัวใจเต้นรัวอย่างตื่นเต้น ผมเผลอเอ่ยความประทับใจออกมาแล้วยิ้มละไม
?สวยมากเลย...?

วันนั้นผมทะเลาะกับแม่ เพราะระหว่างฝนตกหนักราวกับจะปลิดดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิให้ร่วงโรยจนหมดต้น ผมแวะร้านซีดีกับเพื่อนแล้วค่อยกลับบ้าน เลยโดนแม่ตวาดเอาว่า ?สำนึกบ้างสิว่าตัวเองเป็นเด็กเตรียมสอบ ถ้าเป็นหวัดจะทำอย่างไรฮึ!? จนรู้สึกหมดกำลังใจจึงรีบไปโรงเรียนกวดวิชา แล้วนั่งทำการบ้านที่โต๊ะตรงล็อบบี้
แม้ว่าออดจะดังจนผมย้ายเข้าไปในห้องเรียนแล้วแต่อาจารย์ก็ยังไม่มา พอผมถือโอกาสแอบทำการบ้านต่อ อาจารย์ที่มาสายห้านาทีก็เดินผ่านหน้าผมไปอย่างสบายๆ
?หืม? เล่มนี้ไม่ใช่หนังสือเรียนของโรงเรียนเราสินะ?
?อ๊ะ ขอโทษครับ การบ้านที่ต้องส่งพรุ่งนี้น่ะครับ...?
?งั้นเหรอ ถ้าไม่เข้าใจก็ถามนะ?
?เอ๊ะ?
อาจารย์พูดเหมือนไม่ได้คิดอะไรแล้วนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติก ผมระแวงว่าอาจารย์โกรธรึเปล่า แต่พอสำรวจสีหน้าให้ลึกลงไปแล้ว พบว่ามีเพียงบรรยากาศดูง่วงเหงาหาวนอนเท่านั้นที่ปรากฏอยู่บนซีกหน้าด้านข้างซึ่งดูเหม่อลอย
?ทำการบ้านที่โรงเรียนในชั่วโมงเรียนของโรงเรียนกวดวิชาได้จริงๆ เหรอครับ...??
?มีอะไรที่ทำไม่ได้เหรอ? ถ้าจำเป็นละก็จะอ่านการ์ตูนคลายเครียดก็ได้นะ?
?การ์ตูน! ที่นี่น่ะเหรอครับ!? ที่โรงเรียนกวดวิชาเนี่ยนะครับ!?
?ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ฉันเลยคิดว่าควรให้ความสำคัญกับการตัดสินใจของตัวเองมากกว่าเรื่องความเหมาะสมของสถานที่นะ?
ผมนั่งอึ้งจนตัวแข็งค้างไปทั้งที่ในมือยังจับปากกาไว้ อาจารย์หาวแล้วส่งยิ้มมีน้ำตาคลอให้พลางถามผมว่า ?เป็นอะไออ๋อ~? ...จริงๆ ด้วยที่ผมไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ อาจารย์พูดออกมาจากใจจริงว่าให้ทำสิ่งต่างๆ บนความรับผิดชอบของตัวเอง รู้สึกแตกต่างจากแม่ที่ตวาดผมว่า ?เดี๋ยวก็เรียนแย่ลงหรอก!? เพราะผมแวะที่อื่นก่อนกลับบ้านอย่างสิ้นเชิง จนผมสับสนและตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก
?อันนี้...การบ้านภาษาอังกฤษครับ?
?หืม เอ๊ะ ถูกเกือบหมดเลยไม่ใช่เหรอ เธอถนัดภาษาอังกฤษสินะ?
ใบหน้ายิ้มละไมนั้นราวกับดอกทานตะวันต้องลมอ่อนๆ บรรยากาศดูเบาสบาย
เมื่อเหม่อมองแล้วความอัดอั้นในใจที่ปวดแปลบในช่องท้องก็พลันสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลืมแม้แต่เรื่องที่ตัวเองเป็นนักเรียนเตรียมสอบและกำลังยืนหยัดอย่างสุดความสามารถอยู่ในวังวนสนามรบแห่งคะแนนมาตรฐานและการแข่งขัน
...พอขออาจารย์ทำการบ้านต่อ ผมก็เพิ่งสังเกตว่าถึงแม้ผมจะแก้โจทย์ผิด อาจารย์ก็ไม่แสดงอาการเอือมระอาดูถูกว่า ?ไม่ไหว ไม่ไหว? ไม่แม้แต่จะหัวเราะหยอกว่า ?แค่นี้ก็ไม่เข้าใจเหรอ?? และไม่ทำให้ผมรู้สึกอ่อนด้อยเพราะความใจดีด้วยคำพูดอย่าง ?ลองพยายามอีกนิดนะ?
?อาจารย์ ไม่เข้าใจตรงนี้ครับ?
?อืม ตรงนี้นะ...?
แต่จะตอบคำถามเสมอ หลังจากนั้นพอผมติดปัญหาแบบเดิมแล้วแก้ด้วยตัวเอง อาจารย์ก็จะชมว่า
?ใช่ๆ ทำได้ดีมาก?
ไม่ต่อว่าแต่ชมเชย และไม่ทำให้รู้สึกว่าคำชมเชยนั้นเป็นการเอาใจหรือยกยอปอปั้น
เพราะไม่คาดหวังกับนักเรียนจึงไม่เกิดความไม่พอใจ และเพราะไม่ได้ประจบประแจงจึงไม่น่ามีคำโกหกด้วยรึเปล่านะ
ขณะที่ปล่อยให้ทำตัวตามสบายและให้อิสระก็ไม่ปฏิบัติด้วยเหมือนเป็นเด็ก การเว้นระยะห่างและการไม่สนใจแต่ก็ไม่ทอดทิ้งกันไปอย่างแน่นอนนี้เป็นความอ่อนโยนอันไม่เหมือนใครที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจมาก
?อืม... ง่วง จะหลับแล้ว ถ้าหลับแล้วอย่าตีกัน...แรงนะ?
แต่ทว่าเมื่อหัวใจอันเหี่ยวแห้งได้รับการเยียวยาจากเสียงหัวเราะที่มีให้แก่กัน ไฟก็ดับลงกะทันหันทำให้ภายในห้องถูกความมืดมิดปกคลุม อากาศเริ่มเย็นลง เกิดเสียงร้องโวยวายและหวีดร้องตกใจจากเด็กผู้หญิงดังมาจากห้องเรียนห้องอื่น
?อะ อาจารย์ ไฟดับแหละครับ?
ห้องเรียนของพวกผมไม่มีหน้าต่างสักบานจึงมืดสนิท จะหายใจก็ยังรู้สึกกดดันราวกับมีผ้าผืนหนามาขึงอยู่บนใบหน้า ผมเผลอกะพริบตาซ้ำๆ ตรวจดูว่าตัวเองยังลืมตาอยู่รึเปล่า และรู้สึกกลัวจนห่อตัวลง
แม้กระนั้นเสียงสั้นๆ ที่อาจารย์พึมพำออกมาในความมืดกลับเป็น
?ไฟดับเนอะ...?
ผมตกใจว่าแม้แต่ในเวลาแบบนี้ก็ยังใจเย็นได้รึ พลางใช้มือคลำหาอาจารย์ผู้นั่งอยู่ด้านหน้า วินาทีที่สัมผัสโดนแขนแสงไฟริบหรี่ก็พลันสว่างวาบ มันเป็นแสงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ จากจอแอลซีดีของโทรศัพท์มือถือ เห็นนิ้วของอาจารย์ที่ถือโทรศัพท์มือถือลอยเด่นขึ้นมาท่ามกลางแสงสีฟ้าขาวที่สาดส่องออกมา อาจารย์เอาโทรศัพท์มาวางไว้ด้านข้างหนังสือผมแล้วเอ่ยถาม





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?แค่คิดว่าไม่อยากห่างจากกันก็รู้สึกเหงาขึ้นมาเลย?
อาจารย์โนโตะ อาจารย์กวดวิชาผู้ไม่ค่อยมีระเบียบนักซึ่งไม่ยึดติดกับสิ่งใดและดูเหงาๆ ตรงไหนสักแห่งเอ่ยเช่นนั้น ความรักจากอาจารย์ที่อ่อนโยนจนเกินไปปั่นหัวจิโตเสะผู้เป็นนักเรียนมัธยมปลายให้หัวหมุน แม้กระนั้นเขาก็ได้มีช่วงเวลาที่แสนสุข ไม่ว่าจะในห้องเรียนที่มีเพียงสองเรา ดอกไม้ไฟที่เรานั่งดูด้วยกัน และท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ ...ทว่าเพียงพริบตาสิ่งเหล่านั้นกลับมลายหายไปจากภายในตัวของจิโตเสะ...

โนโตะผู้ได้รู้จักความรักเป็นครั้งแรก และความรู้สึกอันไม่อาจต้านทานได้ของจิโตะเสะผู้หลงลืมความรักไป...


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”