New Release ร้อยรัก : มาเฟียรัตติกาล

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก : มาเฟียรัตติกาล

โพสต์ โดย Gals »

มาเฟียรัตติกาล โดย ดาหลา

1

อาสนวิหารลิงคอล์น มณฑลลิงคอล์นเชอร์ ประเทศอังกฤษ
กลางดึกของคืนเดือนเพ็ญ ดวงจันทร์กำลังทรงกลด แสงสีเหลืองนวลส่องสว่างเหนือยอดมหาวิหารเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา ในยามวิกาลรอบบริเวณไร้ผู้คนสัญจร เพราะเชื่อกันว่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้อาจจะมีมนุษย์หมาป่าออกมาอาละวาด แต่ภายใต้ความเงียบงันของราตรีกาล แสงไฟสว่างจ้าจากหน้ารถหรูรุ่นใหม่ล่าสุดราคาเฉียดสองร้อยหกสิบล้านสามคันวิ่งต่อแถวกันมาจอดที่หน้าประตูทางเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ ยืนยันให้ได้รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีความเชื่อว่ามนุษย์หมาป่ามีอยู่จริง
รถจอดนิ่งหน้าประตูมุมโค้งสลักลวดลายงดงามไม่นาน ชายฉกรรจ์สวมสูทสีดำที่อยู่ในรถคันหลังและคันหน้ารวมแปดคนก็ก้าวลงมาจากรถ หนึ่งในแปดเดินไปเปิดประตูรถคันกลางออกแล้วโค้งคำนับ ในขณะที่อีกเจ็ดคนหันมองรอบๆ บริเวณเพื่อหาสิ่งผิดปกติ
ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้มสวมทับด้วยเสื้อโคชสีมืดทับอีกชั้นเพื่อบรรเทาความหนาวก้าวลงจากรถ จังหวะนั้นกระแสลมหนาวอันคุ้นเคยก็กระโชกแรงเหมือนจะรับรู้การมาเยือนของคนมาใหม่ในยามวิกาล
ตึก?ตึก?ตึก
เสียงรองเท้ากระทบพื้นกระเบื้องภายในมหาวิหารดังด้วยท่วงทำนองสม่ำเสมอและหนักแน่น บ่งบอกให้รู้ว่าผู้มาเยือนนั้นมีจิตใจมั่นคงมากแค่ไหน ร่างสูงสง่าเดินไปตามทางเดินระหว่างกลางที่ทั้งสองฟากมีม้านั่งไม้สำหรับนั่งสวดมนต์ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ด้านบนมีเพดานโค้งแหลมเรียงรายทอดขนานกับพื้น หน้าต่างรอบวิหารประดับประดาด้วยกระจกหลายเฉดสี
ดวงตาสีทองหรือดวงตาหมาป่า (Wolf eyes) ภายใต้เครื่องหน้าดิบเถื่อนมองภาพพระผู้เป็นเจ้าเหนือแท่นบูชาแบบออร์โธด็อกซ์ที่วางอยู่ด้านหน้าด้วยแววตานิ่งสนิท ร่างสูงสง่าหยุดยืนตัวตรงและทำความเคารพ ดวงตาสีทองจ้องมองภาพนั้นอยู่นานราวกับต้องการขอพรในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา จนกระทั่งเสียงแหบพร่าของบาทหลวงลอร์ที่ดูแลมหาวิหารดังออกมาจากด้านซ้าย
?มาเสียดึกเลยนะคุณชาย?
วิลเซอร์ ฌอง คามาโช่ หรือคุณชายกิลแห่งตระกูลฌอง คามาโช่ ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ในอังกฤษที่บรรพบุรุษสืบเชื้อสายของผู้ครองเกาะยุคก่อนหันไปมองเจ้าของเสียง ริมฝีปากหยักได้รูปยกโค้งเล็กน้อยเพื่อทักทาย
?งานยุ่งนิดหน่อย คุณพ่อสบายดีนะครับ?
?ก็ไม่เจ็บไม่ไข้ มีแต่เจ้าฮัสที่ไม่ค่อยสบาย ไม่ยอมกินอาหารจนผอมกะหร่อง วันนี้คนดูแลบอกว่าคุณชายจะมาถึงสดชื่นและยอมกินอาหาร? บาทหลวงเอ่ยถึงสุนัขสายพันธุ์ไซบีเรียนที่ฝากคนสวนไปเลี้ยง
?ฮัสคงอยากมีคู่ เพราะตอนนี้ก็เป็นฤดูหนาวแล้ว?
วิลเซอร์เอ่ยขณะเดินนำบาทหลวงออกทางประตูด้านซ้าย ทะลุไปถึงลานโล่งที่สามารถเห็นท้องฟ้าและดวงจันทราได้อย่างชัดเจน ร่างสูงหยุดมองดวงจันทร์สีเหลืองอร่าม ดวงตาสีทองสะท้อนกับแสงจันทร์จนเข้มขึ้น
บาทหลวงลอร์ยืนกุมมืออยู่ข้างๆ สายตาที่ฝ้าฟางลงทุกวันในวัยหกสิบมองโครงหน้ากร้าวแกร่งของคนข้างกายที่สยบผู้คนด้วยพลังอำนาจ มันสมองอันชาญฉลาดและเงินตราที่อยู่ในมือจนราบคาบ เครื่องหน้าดิบเถื่อนนั้นสะดุดตาและสะกดใจผู้คนที่พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นจมูกโด่งเป็นสันคม โหนกแก้มสูงมีไรเคราเขียวครึ้มพาดผ่านบ่งบอกถึงความแข็งกระด้างของเจ้าตัว
โดยเฉพาะดวงตาสีทองเข้มเย็นชาไร้ซึ่งความรู้สึก หากใครได้สบประสานนัยน์ตาคู่นี้ก็จะรู้สึกเย็นยะเยือกราวกับยืนอยู่ที่ขั้วโลกเหนือบนลานน้ำแข็งเลยก็ว่าได้
?ถ้าเป็นสาวๆ มองผมคงปลื้มจนต้องพาออกเดตแล้วนะคุณพ่อ? เสียงทุ้มกังวานทำเอาคนมองหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ในขณะที่คนพูดลดสายตาไปมองเงาปราสาทร้างที่อยู่บนเนินเขาห่างออกไปจากวิหาร
?แต่คนพูดก็ไม่เคยขาดสาวเคียงกาย? บาทหลวงลอร์กล่าวขณะขยับขึ้นไปยืนเคียงข้าง เรียกรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าดิบเถื่อน สายตาสองคู่ทอดมองไปที่ปราสาทร้างบนเขาเป็นจุดเดียว
?เล่ากันว่าในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง เป็นวันที่เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ต่างพากันรอคอยเพื่อจะเปลี่ยนร่างออกไปท่องโลกแห่งเสรี? เสียงพร่าแหบตามวัยเอ่ยขึ้นมาแล้วหยุดหายใจ ทำให้คนที่ยืนฟังมีโอกาสได้พูดต่อ
?พวกมันออกล่าเหยื่อจนได้รู้ว่าในปราสาทบนเขาโน้น มีเด็กที่เกิดในคืนเดือนเพ็ญและมีบารมีที่จะทำให้พวกมันเป็นอมตะ พวกมันจึงออกตามหาและฆ่าทุกคนที่ขวางทาง แต่ด้วยความรักของแม่ที่มีต่อลูก ทำให้แม่ของเด็กคนนั้นตัดสินใจโยนเด็กลงหน้าผา ภาวนาให้พระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าโอบอุ้มคุ้มครองให้ลูกของนางปลอดภัย เผื่อว่าจะมีโอกาสรอดจากมนุษย์หมาป่าพวกนั้น แล้วคำขอของนางก็เป็นจริงเมื่อแม่ของเจ้าฮัสไปเจอและคาบเด็กคนนี้มาที่นี่?
วิลเซอร์เล่าต่อได้จนจบ เพราะนิทานเรื่องนี้บาทหลวงเล่าให้เขาฟังทุกครั้งที่เจอหน้า
?หึๆ พ่อดีใจที่คุณชายยังจำนิทานเรื่องนี้ได้?
บาทหลวงลอร์บอกพลางมองเสี้ยวหน้าคมอย่างผูกพัน คนภายนอกเห็นวิลเซอร์ ฌอง คามาโช่ แล้วก็ต่างพากันอิจฉาที่เขาเกิดมาท่ามกลางทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่าภายใต้ความสมบูรณ์แบบนั้นมีบางอย่างซ่อนอยู่
เมื่อหลายปีก่อนในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ชายคนนี้ทรมานมากแค่ไหนเพราะรอยข่วนของมนุษย์หมาป่าที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทำให้อำนาจมืดพยายามจะครอบงำ โชคดีที่บาทหลวงเดซี อาจารย์ของบาทหลวงลอร์ทำการรักษาจนหายและถอนคำสาปให้ในเวลาไม่นาน ทำให้บุรุษผู้นี้ยืนสง่าในคืนเดือนเพ็ญได้อย่างเต็มภาคภูมิ และมีพละกำลังเหนือกว่าคนปกติ จะเหลือก็แต่กลิ่นสาบสางของหมาป่าเท่านั้นที่ยังคงติดตัวอยู่บ้าง
?วันนี้พระจันทร์ทรงกลดสวยกว่าทุกครั้ง อย่าให้เสียบรรยากาศดีกว่านะคุณพ่อ? ชายหนุ่มบอกขณะนั่งลงบนม้านั่งไม้ใกล้ๆ
?บางครั้งอดีตก็ทำให้เราไม่ประมาท คุณชายเองก็ต้องระวังตัวด้วย ศัตรูทางธุรกิจไม่ใช่น้อย พวกนั้นยิ่งพยายามจะโค่นฌองอยู่? บาทหลวงกล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง เพราะคุ้นเคยและผูกพันกับคนในตระกูลนี้มาหลายสิบปี หรืออาจจะเท่ากับอายุสามสิบสองของวิลเซอร์ก็ว่าได้
?ตระกูลคลินแคมเบลล์น่ะเหรอ?
วิลเซอร์มองบาทหลวงลอร์ก่อนจะทอดลำแขนแกร่งไปตามความยาวของพนักพิง บาทหลวงชราไม่ตอบ ได้แต่มองใบหน้าดิบเถื่อนด้วยความเป็นห่วง
?ตระกูลคลินแคมเบลล์เป็นศัตรูในที่แจ้ง แม้จะทำธุรกิจเหมือนกันแต่มัลคอล์มเบคก็เป็นคนเปิดเผย ใจนักเลง และสู้กับศัตรูซึ่งๆ หน้า แต่อำนาจลึกลับที่จะมาปลุกกลิ่นอายในตัวคุณชายต่างหากคือสิ่งที่เราต้องระวัง?
?คุณพ่อเคยบอกว่าสัตว์ในตำนานพวกนั้นสูญพันธุ์ไปกับการทำลายล้างของตระกูลฌองแล้วไม่ใช่เหรอ? วิลเซอร์มองไปที่ปราสาทเก่าแก่บนเนินเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดของความเลวร้ายในชีวิตเขา
?พ่อก็ภาวนาให้มันเป็นแบบนั้น แต่อีกไม่ช้าไม่นาน กลิ่นสาบสางที่ติดอยู่ในตัวคุณชายก็จะมีคนมาช่วยให้สลายหายไป?
?ใคร?? วิลเซอร์เอ่ยถามสั้นๆ ดวงตาสีทองจ้องมองบาทหลวงลอร์อย่างใคร่รู้ แต่คนที่รู้คำตอบเพียงยิ้มให้และมองใบหน้าคมอย่างภาคภูมิใจ
?พระผู้เป็นเจ้าลิขิตไว้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นคุณชายก็จะรู้ด้วยตัวเอง? พูดจบบาทหลวงลอร์ก็ก้มมองพื้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถเปิดเผยเรื่องราวของอนาคตได้
?มัมลอเรนซ์เคยบอกว่าคุณพ่อสามารถหยั่งรู้อนาคตได้คงจะจริง งั้นผมจะรอ? พูดจบร่างสูงสง่าก็เดินไปที่รถโดยมีบาทหลวงลอร์เดินตามไปเงียบๆ ขณะที่ร่างสูงเตรียมจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถก็ต้องหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเห่าดังมาแต่ไกล
?โฮ่ง?โฮ่ง?โฮ่ง? เสียงเห่าดังนำมาก่อนไม่นาน เจ้าสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนที่มีชื่อว่าฮัสกี้ ตาสองสี ตัวสูงเกือบหนึ่งเมตรก็วิ่งตรงมาหาชายหนุ่มและยกขาหน้าขึ้น วิลเซอร์หัวเราะพลางรับขาเจ้าสุนัขตาสองสีไว้ในมือ
?ไงวะเจ้าฮัส ได้ข่าวว่าตรอมใจอยากมีสาวเหรอ? วิลเซอร์ขยี้หัวมันเล่น เจ้าฮัสกี้เห่าออกมาสองครั้งเพื่อบอกให้รู้ว่ามันก็ฟังภาษาคนรู้เรื่อง แค่พูดไม่ได้เท่านั้น
?ผมจะเอาเจ้าฮัสไปอยู่ด้วย คุณพ่อคงไม่ว่าอะไรนะครับ?
?มันคงดีใจมากถ้าเป็นแบบนั้น เพราะเจ้าฮัสเกิดมาเพื่อจะดูแลและปกป้องคุณชายแทนแม่ของมัน? บาทหลวงลอร์บอกพลางมองสุนัขวัยสองปีด้วยท่าทางสำรวม
?ดูแลสุขภาพด้วย ผมไปล่ะ ถ้าเจอคนที่ว่าจะจับมาให้ดู แต่ถ้าเป็นมนุษย์หมาป่าสาวผมคงต้องจับไว้เอง? ร่างสูงกล่าวแล้วก้าวเข้าไปนั่งในรถ
บาทหลวงลอร์ยืนอมยิ้มด้วยท่าทีสงบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้ายรถเมื่อขบวนรถเคลื่อนออกไปแล้ว จากนั้นไม่นานก็แหงนมองจันทราบนฟ้ากว้าง ภาพเหตุการณ์เกี่ยวกับคนที่เพิ่งจากไปลอยเข้ามาในห้วงคำนึง
ในวันที่พระจันทร์เต็มดวงแบบนี้เมื่อสามสิบสองปีก่อน แม่ของเจ้าฮัสกี้ได้คาบห่อผ้าเปื้อนเลือดมาวางตรงหน้าท่าน ซึ่งเวลานั้นเป็นเพียงนักบวชใหม่คนหนึ่ง เมื่อเห็นเด็กในห่อผ้ามีบาดแผลฉกรรจ์หลายที่ ท่านก็ได้นำเด็กไปหาอาจารย์ที่อยู่ด้วย ทำให้รู้ว่าเด็กถูกมนุษย์หมาป่าข่วน อาจารย์จึงต้องหาวิธีไม่ให้เด็กคนนั้นกลายเป็นมนุษย์หมาป่าเต็มตัว
หลังเหตุการณ์สยองขวัญที่ปราสาทร้างเกิดได้ไม่นาน โดมินิก ประมุขใหญ่แห่งฌอง คามาโช่ ปู่ของวิลเซอร์ก็ใช้อำนาจเงินและอิทธิพลที่มีตั้งค่าหัวมนุษย์หมาป่าด้วยเงินมหาศาล ทำให้หลายคนออกล่าจนมนุษย์หมาป่าล้มตายไปหมด รวมถึงโดมินิกเองก็ตายไปพร้อมกับมนุษย์หมาป่าตัวสุดท้ายเช่นกัน ด้วยความรักในสายเลือดฌอง มาดามลอเรนซ์ม่ายสาวซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของวิลเซอร์จึงรับหลานชายคนเดียวเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่นั้นมา
โชคดีที่มนุษย์หมาป่าพวกนั้นไม่ใช่มนุษย์หมาป่าสายเลือดบริสุทธิ์ ทำให้พอมีทางรักษา อาจารย์ของบาทหลวงลอร์หาวิธีถอนคำสาปและรักษา จนเวลาผ่านไปสามปี รอยข่วนนั้นก็หายไป เหลือก็แต่กลิ่นสาบสางที่ติดกายและประสาทสัมผัสพิเศษบางอย่าง รวมไปถึงพละกำลังที่มากกว่าคนปกติอยู่เท่านั้น และเวลานี้ก็ใกล้ถึงเวลาที่กลิ่นพวกนั้นจะหมดไปจากตัวของคุณชายวิลเซอร์สักที?
คิดมาถึงตรงนี้ บาทหลวงลอร์ก็เงยหน้ามองดวงจันทร์ด้วยแววตาเปี่ยมสุข ก่อนจะเดินเข้าไปในวิหารและปิดประตู ทิ้งให้สายลมหนาวพัดโบกหยอกเย้ากับดวงจันทร์อยู่ด้านนอก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หมู่บ้านไบบิวรี่เขตคอตสโวลด์สในยามค่ำคืน กระท่อมเล็กๆ ที่ทำจากหินปลูกเรียงรายลดหลั่นตามระดับพื้นที่ บ้านแต่ละหลังมีสวนดอกไม้หลากหลายพันธุ์ประดับประดาอย่างสวยงาม และมีบ้านบางหลังถูกแปรสภาพเป็นร้านอาหาร ไว้บริการผู้คนที่เดินทางมาเยือนและผ่านไปมา
เมื่อถึงเวลาห้าทุ่มตรง แสงไฟที่ส่องสว่างลอดผ่านช่องหน้าต่างของร้านอาหารที่เปิดให้บริการมาตลอดทั้งวันก็เริ่มจะปิด รวมไปถึงร้านสไบเงิน ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเล็กๆ สองคูหาก็ปิดให้บริการเช่นเดียวกับร้านอื่นๆ
พลับพลึง จันทร์กระจ่าง เจ้าของร้านเปิดประตูออกมาเป็นคนสุดท้าย โดยมีพนักงานพาร์ทไทม์ในร้านสามคนยืนรออยู่
?พี่พีชแน่ใจนะคะว่าไม่ให้พวกเราเดินไปส่ง? หนึ่งในสามเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเวลาดึกแบบนี้ค่อนข้างเปลี่ยวและน่ากลัวสำหรับผู้หญิงที่ต้องเดินกลับบ้านเพียงลำพัง
?แน่ใจสิจ๊ะ บ้านพี่อยู่หลังที่เห็นหลังคานั่นเองนะ ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเรากลับไปพักเถอะ วันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว? พลับพลึงยิ้มให้พนักงานคนไทยที่อาสามาช่วยงานที่ร้านหลังเลิกเรียน
?งั้นพวกเรากลับนะคะ?
?บายจ้ะ?? พลับพลึงยิ้มให้แล้วแยกย้ายกันกลับ หญิงสาวเร่งฝีเท้าเพื่อจะให้ถึงบ้านเร็วๆ ในขณะที่สายลมเย็นยะเยือกพัดมาปะทะกายจนต้องยกลำแขนโอบกอดตัวเอง ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มพ่นลมออกมาด้วยความหนาว ดวงตากลมโตดำขลับมองหลังคาบ้านที่ห่างออกไปอีกสองซอย
รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อระยะทางเหลืออีกเพียงซอยเดียวก็จะถึงบ้าน รองเท้าหุ้มส้นสีดำเร่งเดินเร็วขึ้น แต่ขณะที่กำลังจะข้ามถนนก็มีชายรูปร่างผอมสูงสามคนโผล่ออกมาจากมุมตึกขวางทางเอาไว้ พลับพลึงผงะด้วยความตกใจและถอยไปด้านหลังอย่างระวังตัว
?กลับดึกแบบนี้ไม่กลัวเหรอคนสวย เดี๋ยวพวกเราไปส่งเอาไหม? พวกมันคนหนึ่งเอ่ยออกมาเสียงอ้อแอ้ ร่างโงนเงนเหมือนคนเมาเหล้า
?ฉันกลับได้ กรุณาหลีกทางด้วย? เธอกระชับสายกระเป๋าบนบ่าขณะกวาดสายตามองพวกมันอย่างประเมิน ในใจภาวนาให้ตำรวจท้องที่ขับรถผ่านมาเพราะดูท่าทางแล้วพวกมันไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
?ไปกับพวกเราดีกว่า รับรองมีอะไรสนุกๆ ทำทั้งคืน? คนพูดยกมือลูบคางตัวเอง แววตามองเธอด้วยความหื่นกระหาย พลับพลึงผวากับถ้อยคำที่บ่งบอกความต้องการของพวกมัน
?ไม่ หลีกทางก่อนที่ตำรวจจะมาที่นี่? เธอขู่ ตามองพวกมันด้วยความระมัดระวัง แม้จะกลัวจับใจแต่เธอก็บอกตัวเองว่าต้องตั้งสติเพื่อหาทางรอดให้ได้
?ถนนออกกว้าง หลบไปอีกทางสิคนสวย?
พลับพลึงมองทางที่พวกมันบอก ถ้าเธอไปทางนั้นก็เท่ากับว่าเดินเข้าไปอยู่ในวงล้อมของพวกมัน เท้าเล็กจึงถอยไปข้างหลังและหมุนตัววิ่งกลับไปที่ร้าน
?เฮ้ย! เธอหนีไปแล้ว ตามไปโว้ย?? พวกมันตะโกนบอกกันแล้ววิ่งตามไป พลับพลึงสับขาเร็วที่สุดในชีวิตเพื่อจะไปให้ถึงและกลับเข้าไปในร้าน แต่ช่วงขาที่สั้นกว่าทำให้พวกมันตามเธอจนทันและคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ได้
?กรี๊ดดด! ปล่อยนะพวกบ้า ปล่อย! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!? เธอร้องขอความช่วยเหลือและดิ้นรนช่วยตัวเองสุดกำลังขณะที่พวกมันสองคนช่วยกันจับตัวเธอไว้
?เฮ้?ปิดปากเธอสิวะพวก เดี๋ยวตำรวจก็แห่มาหรอก?
พวกมันคนหนึ่งยกมือปิดปากรูปกระจับ หญิงสาวกัดมือมันเต็มแรงจนมันผลักเธอไปชนกับรั้วไม้สีขาว แม้จะเจ็บแค่ไหนแต่พลับพลึงก็ออกวิ่งอีกครั้ง พวกมันคว้าตัวไม่ทันก็วิ่งตามไปอย่างกระชั้นชิด มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเปรอะเปื้อนใบหน้าซีดเผือด เธอวิ่งไปได้ไม่ไกลก็ถูกจิกผมด้วยมือหยาบกร้านจากด้านหลังและกระชากแรงๆ จนเธอหน้าหงาย
?โอ๊ย??
หญิงสาวร้องเสียงหลงและจับมือมันเอาไว้ อีกสองคนวิ่งตามมาจนทันและเข้าไปล้อมหน้าล้อมหลังเธอ พลับพลึงน้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว
?ได้โปรด ฉันเจ็บ?? เสียงอ้อนวอนปนหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย
พวกมันคนหนึ่งแสยะยิ้มและต่อยหน้าท้องเธอ จุกจนร้องไม่ออก มือกุมท้องทรุดลงไปกองกับพื้น
?เอาตัวไป?? มันคนหนึ่งสั่ง อีกคนก็แบกร่างงามพาดบ่าราวกับเธอไร้น้ำหนัก ก่อนจะเดินหายเข้าไปในเงามืด
คล้อยหลังพวกมันไปไม่ถึงสามนาที ขบวนรถของวิลเซอร์ก็ขับผ่านมา เจ้าฮัสกี้แรกๆ ก็นั่งเกยคางบนต้นขาของชายหนุ่ม แต่พอรถวิ่งมาถึงร้านอาหารของพลับพลึง มันก็ยกตัวขึ้นและเห่าดังลั่นรถ
?โฮ่ง?โฮ่ง?โฮ่ง? ฮัสกี้วางขาหน้าบนขอบกระจก ตามองออกไปนอกตัวรถราวกับจะหาอะไรบางอย่าง จนวิลเซอร์สงสัยและยกมือลูบหัวมัน
?เป็นอะไรวะพวก หรืออยากออกไปวิ่งเล่นตอนดึก?
?โฮ่ง?โฮ่ง?? ฮัสกี้หันกลับไปเห่าสองครั้งและตะกุยกระจกรถอย่างเร่งรีบ วิลเซอร์ขมวดคิ้วมุ่นและสั่งให้คนขับจอดรถ
?จอดรถ?
เสียงทรงอำนาจสั่งไม่ถึงเสี้ยวนาทีรถก็จอดสนิท ลูคัส หัวหน้าบอดี้การ์ดอดีตซีไอเอมือดีลงไปเปิดประตูหลังให้เจ้านายหนุ่ม ทันทีที่ประตูเปิดเจ้าฮัสกี้ก็วิ่งลงจากรถและหายไปในตรอกด้านหน้า
?ตามฮัสกี้ไปลูคัส? วิลเซอร์ออกวิ่ง ลูคัสพร้อมกับการ์ดสี่คนก็วิ่งตามอารักขาเจ้านาย
คนร้ายที่ลักพาตัวพลับพลึงกำลังจะพาเธอไปที่กระท่อมหลังหนึ่ง แต่เสียงเจ้าฮัสกี้ที่ดังแว่วมาแต่ไกลทำให้พวกมันหันไปมองแต่ไม่เห็นจึงพากันเดินต่อ
?โฮ่ง?โฮ่ง? เสียงเห่าใกล้เข้ามาทุกขณะ พวกมันมองหน้ากัน แต่พอหันไปมองข้างหลังอีกรอบ เจ้าฮัสกี้ก็มาถึงตัวและกระโจนใส่
?เฮ้ย! ไอ้หมานรก?อ๊าก??
มันคนหนึ่งร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกเจ้าฮัสกี้กัดเข้าที่แขน อีกคนมองหาไม้หวังจะไล่เจ้าฮัสกี้ไป มันก็ปล่อยอีกคนแล้วกระโจนใส่เสียก่อน คนที่แบกพลับพลึงไว้บนบ่าก็ถอยกรูดด้วยความตกใจ วิลเซอร์และลูคัสมาถึงพอดี ดวงตาสีทองของชายหนุ่มจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กบนบ่าของมัน
?ฮัส ถอยมา? วิลเซอร์บอก เจ้าฮัสกี้ปล่อยแขนคนร้ายและแยกเขี้ยวใส่ จากนั้นก็วิ่งไปเห่าคนที่แบกพลับพลึง
?พวกแกจะพาผู้หญิงไปไหน?
วิลเซอร์เดินไปยืนด้านหน้า แววตาแข็งกร้าวและน้ำเสียงเข้มทำเอาพวกมันผวาและรับรู้รังสีความโหดร้ายที่แผ่ออกจากร่างแกร่ง
?เอ่อ เธอเป็นเมียฉัน เราดื่มกันหนักไปหน่อย? คนที่แบกพลับพลึงบอกเสียงตะกุกตะกัก
วิลเซอร์กระตุกยิ้มที่มุมปาก ตาคมกริบมองพวกมันทีละคนอย่างประเมิน จากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปหาช้าๆ ดวงตาหมาป่าเรืองรองเฉดเข้ม ภาพของมนุษย์หมาป่าตัวใหญ่ปรากฏเป็นเงารางๆ ซ้อนทับร่างชายหนุ่ม ทำเอาพวกมันผงะและถอยหลังห่างไปตามจังหวะก้าวย่างของเขา
สายลมหนาวพัดวูบไหวแรงกว่าเดิม ยิ่งทำให้พวกมันเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ แล้วเสียงหนึ่งก็แว่วเข้ามาในโสตประสาทของวิลเซอร์ในขณะที่คนอื่นไม่ได้ยิน
?ได้?โปรด?ปล่อย?ฉัน?
ด้วยสิ่งพิเศษที่ติดตัวมาทำให้ชายหนุ่มได้ยินเสียงพึมพำที่หลุดออกมาตอกย้ำให้วิลเซอร์มั่นใจว่าร่างบอบบางถูกพวกมันจับตัวมาอย่างแน่นอน
?แต่ฉันมั่นใจว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงของแก วางเธอลงแล้วไสหัวไปซะ? เสียงเข้มบอกเสร็จเจ้าฮัสกี้ก็คำรามในลำคอพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่
พวกมันกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ทั้งเสียดายและหวาดกลัวไปพร้อมๆ กัน หากประเมินกำลังแล้วพวกมันคงต่อกรกับคนมาใหม่ไม่ได้ คนที่แบกร่างพลับพลึงไว้จึงวางเธอลงบนพื้นถนน จากนั้นก็พากันโกยแน่บหายไปในความมืด
ลูคัสหันไปสบตาลูกน้องที่ตามมา ไม่นานการ์ดก็รีบไปดักพวกมันอีกทางและจัดการส่งพวกมันไปทัวร์นรกเพื่อยกแผ่นดินให้สูงขึ้น
วิลเซอร์เดินไปหาร่างบอบบางที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดวงตาสีทองมองวงหน้าอ่อนใสไม่วางตา เจ้าฮัสกี้วิ่งมาใกล้หญิงสาว ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นเธอแล้วนั่งลงข้างๆ จนกระทั่งชายหนุ่มช้อนร่างเล็กขึ้นจากพื้น
ทันทีที่สัมผัสร่างบอบบาง หัวใจแกร่งที่ไม่เคยหวั่นไหวกับสิ่งรอบข้างถึงกับกระตุกวูบ ราวกับเธอมีสนามแม่เหล็กอยู่ในตัว สปาร์กให้ไฟในกายแกร่งวิ่งพล่านไปทั่วร่าง ลูคัสเห็นเจ้านายจ้องใบหน้าของคนในอ้อมแขนนานผิดปกติจึงเอ่ยถาม
?เอาไงต่อครับคุณชาย? ลูคัสเอ่ยถามพลางมองใบหน้าเคร่งขรึมของคนเป็นนาย
?คงต้องเอาไปด้วย พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน? วิลเซอร์พาเธอไปที่รถ โดยมีเจ้าฮัสกี้เดินตาม การ์ดที่ไปจัดการคนร้ายกลับมายืนรอที่รถและเปิดประตูให้ ฮัสกี้วิ่งเข้าไปนั่งประจำที่ตัวเอง ดวงตาสีฟ้าและสีทองของมันจ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา
?ห้ามเห่านะเจ้าฮัส เดี๋ยวเธอตกใจ? วิลเซอร์ปรามเมื่อเห็นเจ้าฮัสกี้ขยับตัว มันเหมือนจะรู้เลยทำหูลู่ลง ส่งเสียงครางหงิงๆ เบาๆ
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป ดวงตาสีทองคมกริบก็หยุดนิ่งที่ใบหน้าของคนในวงแขน แม้แสงสลัวของดวงจันทร์ส่องสว่างเข้ามาไม่มากนัก แต่เขาก็เห็นดวงหน้าเรียวสวยและรับรู้ความนุ่มดุจแพรไหมของผมยาวสลวยที่แนบกับต้นแขนแกร่งได้โดยบังเอิญ สัมผัสอบอุ่นนุ่มละมุนจากร่างงามทำให้ชายหนุ่มกระชับวงแขนแนบแน่นเพื่อสัมผัสความรู้สึกมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
?ตัวเล็กนิดเดียวยังอวดเก่งมาเดินดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ เป็นลูกหลานหน่อยไม่ได้ จะหวดก้นสักทีสองที? วิลเซอร์เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ปลายนิ้วปัดปอยผมที่ระใบหน้าไปด้านหลัง
ใบหน้าหวานซึ้งชัดเจนขึ้นจนคนมองไม่อาจถอนสายตาไปไหนได้ ไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้มโก่งโค้งดุจคันศรที่อยู่เหนือขนตางอนยาว ผิวแก้มเนียนละเอียดเพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสก็รับรู้ได้ จมูกโด่งแหลมสอดรับกับปากรูปกระจับสีชมพูสดซึ่งอยู่ห่างไม่ถึงคืบ ทำให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจหอมหวานของเธอ ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดที่โผล่ออกมาจากเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ยามเมื่อต้องแสงจันทร์เปล่งออร่าออกมาจนคนมองอยากเห็นเนื้อในที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้าว่าจะงดงามอย่างที่จินตนาการไว้หรือเปล่า
?ยิ่งมองผู้หญิงคนนี้ยิ่งสวยสะกดสายตาได้เพียงครั้งแรกที่เห็น เธอคงจะเป็นผู้หญิงเอเชีย แต่ทำไมมาเดินดึกๆ แบบนี้คนเดียวก็ไม่รู้สิ?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วิลเซอร์พาพลับพลึงมาถึงปราสาทบนเกาะส่วนตัวกลางแม่น้ำซึ่งชายหนุ่มได้ทุ่มเงินมหาศาลสร้างสะพานจากถนนสายหลักไปสู่ปราสาทหลังงาม หลังจากเหนื่อยกับภารกิจในฐานะประธานบริหารธุรกิจของตระกูล ชายหนุ่มจึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่และจะกลับไปพักกับมาดามลอเรนซ์มารดาในลอนดอนเดือนละครั้งสองครั้ง แล้วแต่โอกาสจะอำนวย
เมื่อรถคันหรูวิ่งผ่านสะพานไปจอดหน้าปราสาท วิลเซอร์ก็อุ้มร่างบอบบางไปที่ห้องนอน ทำเอาลูคัสคนสนิทรู้สึกแปลกใจ ปกติคนเป็นนายจะไม่พาสาวคนไหนเข้าไปในห้องนอน หากมีกิจกรรมเล่นกีฬาบนเตียงก็จะให้เปิดห้องรับรองแทน
แต่วันนี้กลับตรงกันข้าม แถมสายตาที่เคยแข็งกระด้างอยู่เป็นนิจก็เหมือนจะอ่อนแสงลงความอ่อนโยนที่มีต่ออิสตรีซึ่งเคยมีเพียงมาดามลอเรนซ์เท่านั้นที่ได้รับ แต่บัดนี้เธอคนนี้กลับได้สิ่งที่พิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ
ทันทีที่ลูคัสเปิดประตูเสร็จวิลเซอร์ก็พาเธอผ่านเข้าไปโดยมีเจ้าฮัสกี้วิ่งนำหน้า ลำแขนแข็งแรงวางหญิงสาวบนเตียงกว้าง จากนั้นก็ยืนมองอยู่ข้างเตียงด้วยแววตานิ่งลึก เสื้อผ้ารัดรูปที่เธอสวมใส่ทำให้ชายหนุ่มทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ ก่อนจะตัดสินใจถอดชุดเธอออก
แม้จะมีไม่กี่ชิ้น แต่ช่วงเวลาที่ถอดเสื้อผ้าให้เธอก็เล่นเอาวิลเซอร์เหงื่อซึม เนื่องจากภาพงดงามตรงหน้าทำให้ร้อนฉ่าไปทั้งตัว สายตาคมกริบเล้าโลมเรือนร่างงดงามตั้งแต่เรียวขาสวยไปจนถึงทรวงอกอวบตูมเต่งที่พุ่งตรงมาหา ยิ่งเห็นผิวกายสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดไร้รอยตำหนิ ชายหนุ่มถึงกับอดใจไม่ไหว ลากไล้ปลายนิ้วสัมผัสแผ่วเบาบนผิวนุ่มเนียนละเอียดดุจผ้าแพรชั้นเลิศ เรียกเสียงฮึ่มฮ่ำในลำคอหนา
?อา?นรกชัดๆ? เสียงสบถดังออกมาจากริมฝีปากได้รูป มวลกล้ามทุกมัดเกร็งเครียด ปลายประสาททุกส่วนวูบไหววิ่งพล่านไปรวมกันที่กึ่งกลางตัวจนสัญลักษณ์แห่งมหาบุรุษผงาดแข็งขึงคับไปทั้งหว่างขา
?บ้าฉิบ แค่เห็นหน้าก็ร้อนฉ่าเลยเหรอวะวิลเซอร์?
วิลเซอร์ก่นด่าตัวเองดังๆ ในใจเพื่อสยบความต้องการไม่ให้สำแดงเดช ทุกครั้งที่เมกเลิฟกับคู่นอนด้วยลีลาเร่าร้อน เขาต้องเป็นฝ่ายคุมเกม แต่กับเธอทำไมเขาคุมตัวเองไม่ได้?พระเจ้า ให้ดาวดิ้นเสียเดี๋ยวนี้ ดีกว่าเกิดกำหนัดแล้วไม่ได้รับการเติมเต็ม
?ฮื่อ?? เสียงครางเบาหวิวกับลมหายใจหอมๆ ของคนหลับสนิทเริ่มขยับตัว เรือนร่างสีน้ำผึ้งนวลเนียนบิดกายส่ายไปมาอย่างกระวนกระวายราวกับตกอยู่ในฝันร้าย แต่เจ้าตัวหารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นมันเป็นการปลุกเร้าสันดานดิบอันดุดันของวิลเซอร์โดยไม่ตั้งใจ
?อย่ายั่วให้ฉันตบะแตก ไม่งั้นเธอจะโดนจนนับครั้งไม่ได้คนสวย?? เขากดฝ่ามือลงบนก้อนเนื้อหน้าอกที่ล้นฝ่ามือออกมา บีบเคล้นสลับกับลูบไล้ขึ้นลง สัญชาตญาณแห่งความวาบหวามทำให้หญิงสาวแอ่นร่างทั้งๆ ที่ยังหลับตา เพราะในห้วงของความฝันร้ายนั้นเธอกลับรู้สึกอบอุ่นและซาบซ่านไปพร้อมๆ กัน
?อืม?? นั่นไม่ใช่เสียงครางของเธอ แต่เป็นเสียงคำรามในลำคอหนาที่เกิดจากความพึงใจ ความนุ่มละมุนใต้ฝ่ามือทำเอาประสาททุกส่วนของเขาเต้นเร่า วินาทีนี้เขาอยากเมกเลิฟกับเธอคนนี้ใจจะขาดอยู่แล้ว หากแต่ทำได้เพียงโน้มตัวลงไปจูบริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มเพื่อให้ความปรารถนาอันดำมืดคลายลง
แต่ยิ่งจูบก็ยิ่งเร่าร้อนต้องการเป็นทบทวี ชายหนุ่มเพลิดเพลินกับการจุมพิตและไม่มีท่าทีจะหยุดง่ายๆ จนกระทั่งเสียงเจ้าฮัสกี้ครางหงิงๆ อยู่ที่ปลายเตียง ทำเอาความวาบหวามเสียวซ่านขาดสะบั้นลง
?ให้ตาย?ไอ้หมานรก?? วิลเซอร์สบถพลางตวัดสายตาไปมอง เจ้าฮัสกี้ยกขาหน้าไปวางบนขอบเตียงพร้อมกับเลียปากแผล็บๆ เพื่อประกาศให้เจ้านายรู้ว่าห้ามทำอะไรสาวสวยของมันเด็ดขาด
?ออกไป?? ชายหนุ่มกดเสียงต่ำและขึงตาใส่ แต่เจ้าฮัสกี้หาสนใจไม่ ชายหนุ่มจึงต้องลุกไปจับปลอกคอมันแล้วพาไปที่ประตู ?หวงอะไรวะ ฉันยังไม่ทำอะไรเธอสักหน่อย ออกไปได้แล้ว? เขาเปิดประตู จับมันออกไปนอกห้องแล้วปิดประตู
ร่างสูงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตัวเองมาสวมให้เธอแทนชุดนอน ก่อนจะไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำ ไม่นานร่างกำยำก็สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้มเดินออกมา ดวงตาคมกริบมองไปที่เตียงกว้างแล้วถอนหายใจยาวเหยียดอย่างตัดใจ จากนั้นก็เดินไปยังห้องทำงานที่มีประตูเชื่อมถึงกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากตกอยู่ในห้วงของความฝันยาวนานเกือบห้าชั่วโมง ร่างบอบบางที่หลับอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัว แต่ทันทีที่ขยับก็รู้สึกเจ็บร้าวทั่วหน้าท้องจนต้องร้องอุทานเบาๆ ขนตางอนงามค่อยๆ เปิดขึ้น กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสเปรย์ปรับอากาศกับบรรยากาศโอ่อ่าของห้องนอนโทนสีน้ำตาลทำเอาพลับพลึงตกใจและดีดตัวขึ้นนั่ง ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นกับตัวเองลอยเข้ามาในหัว
?คุณพระ?? เธอยกมือปิดปากตัวเองขณะก้มมองเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ น้ำตาของความเสียใจไหลออกมาอาบแก้มเมื่อคิดว่าพวกนั้นเอาเธอมาขายให้เศรษฐีหื่น หญิงสาวซบหน้ากับฝ่ามือสะอื้นไห้เบาๆ เสียดายความสาวที่เฝ้าหวงแหน เธอร้องไห้นานพอสมควรแล้วจึงสงบลงได้ ก่อนจะคิดหาวิธีหนีออกไปจากที่นี่
เท้าเรียวสวยวาดลงกับพื้น ยืนขึ้นพลางมองหาเสื้อผ้าตัวเอง มือบางปาดน้ำตาออกจากแก้มขณะเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองในตะกร้า?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ร่างสูงสง่าสวมเสื้อกล้ามรัดรูปสีขาวกับกางเกงวอร์มสีเดียวกันยืนมองแผ่นน้ำที่ระเบียง โดยมีคนสนิทและการ์ดอีกสองคนอารักขาอยู่ห่างๆ
?ประวัติของเธอครับคุณชาย? ลูคัสยื่นซองเอกสารให้ แต่วิลเซอร์เพียงรับไว้แล้ววางลงบนโต๊ะเล็ก
?เล่ามาดีกว่า ฉันขี้เกียจอ่าน?
?เธอชื่อพลับพลึง จันทร์กระจ่าง หรือพีช อายุยี่สิบห้า สัญชาติไทย เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยที่ชื่อสไบเงิน เธอเติบโตมาจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าแถบชานเมืองครับ เรียนจบเชฟและการโรงแรมด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง บ้านเธออยู่ใกล้ๆ กับไบบิวรี่?
รายละเอียดที่ลูกน้องรายงานทำให้มีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าดิบเถื่อนอย่างพอใจที่เธอไม่มีพันธะใดๆ กับใคร ขณะที่วิลเซอร์คุยอยู่กับลูคัส ประสาทการรับรู้อันดีเยี่ยมกว่าคนปกติทำให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นของหญิงสาว ร่างสูงจึงก้าวออกไปและตรงไปที่ห้องนอนโดยที่ลูคัสยังไม่ทันได้รายงานเรื่องสำคัญเกี่ยวกับพลับพลึงให้เจ้านายทราบ
เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย พลับพลึงก็เดินไปเปิดประตูแต่พยายามอยู่หลายครั้งก็ไม่สามารถเปิดได้ เธอออกแรงทั้งผลักทั้งดันจนเหนื่อยหอบแต่ไม่สำเร็จ ขณะที่เธอยืนหอบอยู่กลางห้องตาก็มองประตูนิ่ง แล้วจึงตัดสินใจวิ่งกระแทกแต่จู่ๆ ประตูก็เปิดออกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้เธอกระแทกกับกำแพงยักษ์เนื้อแน่นๆ แทน
พลั่ก!!
?โอ๊ย?? พลับพลึงร้องเสียงหลงเพราะเจ็บจนจุก แต่ก่อนที่จะทรุดลงกับพื้นร่างบอบบางก็ลอยหวือไปปะทะอกกว้าง วิลเซอร์ถือโอกาสโอบกอดเธอไว้ทั้งตัว พร้อมกับพาเข้าไปในห้องแล้วประตูอัตโนมัติก็เลื่อนปิดเองช้าๆ
เมื่อได้สติใบหน้าเรียวสวยเงยขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ใบหน้าคมโน้มลงมาหา ดวงตากลมโตดำขลับถูกนัยน์ตาสีทองของคนมาใหม่ตรึงไว้ราวกับต้องมนตร์สะกดจนเธอลืมหายใจ
?คุณ?? เสียงภาษาอังกฤษเบาหวิวหลุดออกมาจากกลีบปากสีชมพูระเรื่อ ดึงให้วิลเซอร์ถอนหายใจจากใบหน้าหมดจดไปมองปากรูปกระจับแทน
?จะไปไหน? เขาถามชิดริมฝีปากนุ่ม
เธอกะพริบตาปริบๆ หัวใจเต้นระส่ำจนควบคุมไม่ได้ มือบางออกแรงผลักอกเขาแรงๆ
?กลับบ้านน่ะสิคนชั่ว ไอ้บ้าตัณหากลับ ลักหลับผู้หญิง ไอ้เศรษฐีลามก? เธอด่าเป็นชุดพร้อมกับดิ้นรนจนหลุดและไม่ทันที่วิลเซอร์จะตั้งตัวทัน ฝ่ามือเล็กก็ฟาดลงบนใบหน้าสากระคายอย่างไม่ออมแรง
เพียะ!! ใบหน้าดิบเถื่อนหันไปตามแรงฝ่ามือเล็ก รอยนิ้วมือแดงเถือกปรากฏบนแก้มโดยไม่ต้องรอเวลา วิลเซอร์หันกลับมาช้าๆ ดวงตาสีทองสาดประกายแข็งกร้าว คิ้วหนาที่ทอดขนานกับดวงตาคมกริบยกขึ้นสูงเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายที่เธอกล่าวหาจนพลับพลึงถอยหลังกรูดในขณะที่ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าคมเข้มที่ออกไปทางดิบเถื่อนน่าเกรงขามและน่ากลัวไปพร้อมๆ กัน ความร้อนจากผิวกายที่สัมผัสเขาเมื่อสักครู่ยังติดที่ผิวเนื้อนวล
?เธอเป็นคนแรกที่กล้าทำแบบนี้กับฉัน?
?น้อยไปด้วยซ้ำ เศรษฐีตัณหากลับ ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก?
วิลเซอร์เพิ่งเข้าใจความคิดของเธอก็คราวนี้ เท้าใหญ่ก้าวเข้าไปหาช้าๆ แต่เธอถอยห่างไปด้านหลัง ตากลมโตชำเลืองมองประตูและภาวนาให้มันเปิดออกด้วยเถอะ เธอจะได้หนีจากคนชั่วสักที
?ตัณหากลับเขาใช้กับคนแก่ ฉันเพิ่งสามสิบสองย่างสามสิบสาม ไม่ถือว่าตัณหากลับ เพราะวัยนี้กำลังคึกคักเมกเลิฟกับสาวๆ ได้ทั้งคืน? เขาไม่พูดอย่างเดียวแต่โลมเลียเธอด้วยสายตาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า พลับพลึงหน้าร้อนผ่าวก้มสำรวจความผิดปกติของตัวเอง เปิดโอกาสให้วิลเซอร์เข้าถึงตัวและรวบเธอเข้าไปกอดอีกครั้ง
?ว้าย ปล่อยนะ? เธอดิ้นรนทุบกำปั้นลงบนอกเขาแรงๆ ซึ่งแรงนั้นเหมือนไปนวดให้เขาผ่อนคลายมากกว่า แต่แรงเสียดสีของผิวกายทำเอาเขาร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
?ไหนๆ เธอก็เข้าใจแบบนั้นไปแล้ว งั้นอยู่กับฉันต่ออีกสักคืนก็แล้วกัน ถ้าเธอลีลาเด็ดโดนใจฉันจะจ่ายให้ไม่อั้น? เขาบอกเสียงพร่า พลับพลึงถึงกับตะลึงงันตกใจกับข้อเสนอของเขา ริมฝีปากอิ่มเตรียมจะประท้วงแต่ไม่ทันเมื่อริมฝีปากถูกเขาปิดสนิทด้วยปากร้อน แถมบดขยี้รุนแรงจนเธอต้องเผยอปากห่างจากกัน
?อื้อ?อื้อ? พลับพลึงออกแรงดิ้นรนหนักจนเหนื่อยหอบ เรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากเล็กอย่างรวดเร็ว ประดุจลิ้นงูยักษ์ที่สอดส่ายปลายลิ้นฉกฉวยโอกาสกวาดเก็บความหวานอย่างตะกละตะกลาม ความหวานหอมที่ได้ลิ้มชิมรสนั้นช่างหวานซ่านทรวง ชนิดที่ว่าไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนไหนมาก่อน
?เยี่ยม สินค้าระดับพรีเมียมทีเดียว? เสียงคำรามลึกดังในลำคอหนา
พลับพลึงชาวาบ ม่านตาขยายด้วยความตื่นตระหนก หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำทั้งหวาดหวั่นและตื่นเพริด จังหวะหัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้วยิ่งเร็วขึ้นไปอีกเมื่อเขารุกหนักทั้งปากและมือ
ไม่นานแรงดิ้นรนก็เริ่มอ่อนลง แต่ไม่ใช่เพราะความอ่อนล้า หากเป็นเพราะความอ่อนไหวเรื่องระหว่างชายหญิง จนถูกความวาบหวามซาบซ่านเล่นงานในเวลาไม่นาน เปิดโอกาสให้คนเจนจัดตวัดลิ้นชิมความหวานตามอำเภอใจ
?ให้ตายเถอะสาวน้อย กลิ่นกายเธอปลุกเลือดในตัวฉันให้ร้อนฉ่าจนระงับไม่ได้แล้ว? เขากระซิบแหบพร่าเหนือริมฝีปากแดงก่ำ ดวงตาสีทองเปล่งประกายเรืองรองเต้นเร่า บ่งบอกสิ่งที่ต้องการพร้อมกับสะกดความรู้สึกเธอให้จมดิ่งเข้าไปในวังวนเสน่หาที่เขานำพา
?คน?ชั่ว?? เธอรวบรวมแรงเปล่งเสียงที่คิดว่าดังที่สุด หากมันเป็นเพียงเสียงพึมพำที่หลุดออกจากริมฝีปากอิ่ม วิลเซอร์คลี่ยิ้มน้อยๆ ลากไล้ฝ่ามือหนาไปตามแผ่นหลังบาง ละเลื่อนขึ้นไปหาลำคอระหง พร้อมกับโอบอุ้มท้ายทอยทุยไว้ ความปรารถนาเต้นเร่าทั่วเส้นประสาท
?เป็นผู้หญิงของฉันคืนหนึ่ง แล้วเธอจะได้ทุกอย่างพร้อมกับอิสรภาพ? เขายื่นข้อเสนอในขณะที่สมองของเธอขาดการประมวลผลจนแยกแยะอะไรไม่ได้
?ฉัน มะ...ไม่?? เสียงตอบเบาหวิวหากเขาได้ยินชัดเจน แต่มีหรือที่คนอย่างคุณชายวิลเซอร์ผู้เกิดมาเพื่อครอบครองทุกอย่างจะยอมถูกปฏิเสธง่ายๆ
?ไม่เคยมีใครปฏิเสธข้อเสนอของฉัน เธอเองก็เช่นกัน? ร่างสูงย่อตัวลงไปอุ้มร่างบอบบางลอยขึ้นจากพื้นแล้วก้าวยาวๆ ไปที่เตียง วางเธอลงช้าๆ แล้วทาบกายลงไปทับ คลุกเคล้ากล้ามเนื้อแกร่งกับผิวกายนุ่มหยุ่น ปลุกเร้าความต้องการและล่อลวงให้เธอเคลิบเคลิ้ม
?อย่าค่ะ?ได้โปรด?? สติที่เหลือเพียงน้อยนิดร้องขอความเห็นใจ ตากลมใสมองหน้าเขาไม่กะพริบ เรียวปากได้รูปยกโค้งขณะกวาดสายตามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเฉดสีแดงระเรื่ออย่างพึงใจ ปลายนิ้วแข็งแรงไล้ไปบนกลีบปากอิ่มสีชมพู
พิษเสน่หาที่กลั่นตัวออกมาเป็นไอร้อนส่งผ่านปลายนิ้ว ไหลผ่านไปหาริมฝีปากอวบอิ่ม วิ่งไปสู่โซนประสาทส่วนอื่นๆ ของเธอจนผนังเส้นเลือดทั่วผิวกายสีน้ำผึ้งเต้นตุบๆ มืออีกข้างโอบกระชับแผ่นหลังดันร่างงามแนบชิด ฝ่ามือเรียวสวยที่กั้นกลางระหว่างสองร่างเลื่อนขึ้นไปวางบนอกกว้างที่มีไรขนอ่อนโผล่ออกมาให้เห็นรำไร
?คืนเดียวสาวน้อย แล้วเธอจะเป็นอิสระพร้อมกับเงินก้อนโต? เสียงแหบพร่าและลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดผิวแก้ม เสี้ยววินาทีต่อมาริมฝีปากร้อนก็ประทับลงมาที่หน้าผากนูน ลากไล้ลงไปตามสันจมูกเล็ก เคลื่อนต่อไปยังผิวแก้มนุ่มหอมลงไปหาลำคอระหง ซุกซบตะโบมจูบและทิ้งร่องรอยตีตราถ้วนทั่วไม่เว้นแม้แต่แอ่งชีพจร
?อย่า?? หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว ปากร้อนระอุบดเบียดกับผิวบอบบางจนเธอสะท้าน สัมผัสเขาปลุกเร้าไฟเสน่หาที่ซุกซ่อนอยู่ในกายเธอให้ลุกโชน ปลายประสาทและจุดอ่อนไหวบนร่างงามเต้นเร่ารอรับสัมผัสของเขาจนรุ่มร้อน เหมือนกับยืนอยู่บนกองเพลิงและไม่มีใครควบคุมมันได้นอกจากเขา
?ลูบไล้เนื้อตัวฉัน? เขาลากริมฝีปากขึ้นไปอยู่เหนือกลีบปากแดงก่ำ หญิงสาวปรือตาสบนัยน์ตาสีทองหวานฉ่ำแล้วค่อยๆ ยกมือลูบเรือนกายกำยำอย่างว่าง่าย ในขณะที่ดวงตายังสบประสานกับดวงตาเขา
?คุณ?? เธอเอ่ยเรียกเขาเบาหวิวไม่เป็นตัวของตัวเอง นี่เธอเป็นอะไรไปทำไมไม่ต่อต้าน เขากำลังจะทำลายและสร้างตราบาปให้เธอแท้ๆ แต่ทำไมร่างกายทุกส่วนไม่เว้นแม้แต่สติสัมปชัญญะกลับถูกเขาครอบงำ ยอมเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างเพียงเพราะสบนัยน์ตาสีทองคู่นี้?
ร่างแกร่งแข็งเกร็งเมื่อฝ่ามือน้อยเคลื่อนไหวช้าๆ ขึ้นไปหาลำคอหนาจนเส้นเลือดปูดขึ้น รอยกรามนูนเป็นสัน เพลิงเสน่หาเต้นเร่าในดวงตาคมกริบ
?กิล ฉันชื่อกิล จำไว้ให้ขึ้นใจสาวน้อย?
?กิล??
?เพราะมากพีช แม่ลูกพีชแสนหวานของฉัน? เขาบอกขณะเคลื่อนปลายนิ้วไปปลดกางเกงเธออย่างเบามือก่อนจะยกสะโพกผายขึ้นนิดๆ ออกแรงรูดอีกหน่อยกางเกงก็ลงไปกองที่ข้อเท้า
หญิงสาวเย็นวาบไปทั่วช่วงขา ริมฝีปากเตรียมทัดทานแต่เขาจัดการปิดปากเธอด้วยริมฝีปากอุ่น บดเบียดเล็มไล้หนักหน่วงอ้อยอิ่งและช่างเรียกร้อง ฝ่ามือหนาลูบไล้สัมผัสเรียวขาเนียนละเอียดดุจแพรไหม ลากไล้ไปหาบั้นท้ายงอนงามที่มีจีสตริงตัวน้อยหุ้มอยู่
?อือ?? เสียงหวานพร่าสั่นครางเบาๆ เมื่อเขายกตัวขึ้นมาถอดเสื้อผ้าเธอ ตามด้วยเสื้อกล้ามบนร่างกำยำและโยนมันลงพื้นอย่างไม่ไยดี ดวงตาคมกริบมองร่างนวลเนียนสีน้ำผึ้งอย่างละลานตา เพราะไม่เคยเห็นสาวคนไหนในหล้าผิวสวยแบบนี้มาก่อน
พลับพลึงสะท้าน ยกมือปิดเรือนกายจากสายตาหิวกระหาย ดวงตากลมโตจ้องมองร่างเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยลอนมัดกล้ามด้วยความตื่นตะลึง จากนั้นก็ไล่สายตาไปตามไรขนอ่อนสีน้ำตาลเรียงรายหนาตา ไล่ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรอยหายเข้าไปในร่องตัววีกลางกายแกร่ง
?ผิวเธอถูกใจฉันมาก? วิลเซอร์กางแขนคร่อมร่างกลมกลึงเอาไว้ สายตาลากไล้ลามเลียผิวกายผุดผ่องละมุนมือราวกับเนื้อผ้าซาตินจากร้านชั้นนำของโลก เมื่อคืนนี้เขาสัมผัสเธอโดยใช้ปลายนิ้วและฝ่ามือ แต่ตอนนี้เขาจะสัมผัสเธอโดยใช้ปากและลิ้น ให้รู้กันไปเลยว่าหวานหอมอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณชายกิล หรือวิลเซอร์ ฌอง คามาโช่ เกิดมาพร้อมคำสาป กายเขาแฝงไปด้วยกลิ่นสาบสางของมนุษย์หมาป่าตั้งแต่ยังเยาว์เพราะเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต กระทั่งได้เจอกับพลับพลึง หญิงสาวที่มีกลิ่นกายหอมจนสามารถลบล้างกลิ่นสาบในตัวเขาลงได้ ทว่าจะทำเช่นนั้นได้เขาต้องคลุกคลีใกล้ชิดสนิทเนื้อกับเธอ จึงจำต้องเล่นบทมาเฟียขาโหดกักร่างหอมกรุ่นเอาไว้โดยยอมให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเศรษฐีหื่นกาม จ้างคนไปจับเธอมาขังไว้บำเรอสวาท

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”