New Release รุกฆาต : ฆาตกรรมล่าแต้ม ซีรี่ส์ชุด เล่นกับผี

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release รุกฆาต : ฆาตกรรมล่าแต้ม ซีรี่ส์ชุด เล่นกับผี

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

เกมโศกนาฏกรรมสุดโหด

?แฮก...แฮก แฮก...?
ในป่ามืดมิด เขากำลังวิ่งด้วยความตกใจกลัวจนไม่ทันเห็นต้นไม้ที่รายรอบและมองไม่เห็นกิ่งไม้หรือก้อนหินใต้เท้า รองเท้าผ้าใบบางๆ ถูกหินคมแทงจนขาด เลือดสดๆ อาบเต็มรองเท้าด้านใน แต่ตอนนี้เขาไม่อาจรู้สึกถึงความเจ็บปวด รู้เพียงตัวเองจะต้องหนี!
ถนนลงเขาอยู่ที่ไหนกันนะ ขอเพียงไปให้ถึงถนนเขาก็จะมีหวังแล้ว!
ท้องฟ้ามืดมิด เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าตอนนี้เป็นเวลาใดแล้ว การมาวิ่งหนีเอาชีวิตรอดในป่าเขาห่างไกลเช่นนี้เป็นสิ่งที่เมื่อยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนเขาไม่แม้แต่จะนึกถึง
ตอนนี้เขาควรจะได้ดื่มกินพูดคุยสนุกสนานอยู่กับเพื่อนฝูงไม่ใช่หรือ ทำไมถึงต้องมาบาดเจ็บและเหนื่อยวิ่งหนีเอาชีวิตรอดในป่าเขาอย่างไม่รู้ทิศทางอย่างนี้ด้วย ไอ้โรคจิ.ิดมนุษย์ข้างหลังนั่นก็ตามติดเขาไม่ปล่อยเสียที!
ฟิ้ว...
?อ๊าก!? ลูกดอกเรียวเล็กแทงทะลุน่องของเขา เขาทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดและล้มลงไปโดนก้อนหินแตกกับกิ่งไม้ทิ่มแทงไปทั้งมือทั้งตัว
?เฮ้ โดนน่องได้แค่ยี่สิบคะแนนนะ? เสียงกลั้วหัวเราะดังมาจากด้านหลัง ?แต่คุณก็ยิงแม่นทีเดียวล่ะ?
?นี่ ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้วมั้ง ยิงโดนน่องตอนกำลังวิ่งอยู่นี่มันยากนะ อย่างน้อยก็ควรจะได้สักยี่สิบห้าคะแนนถึงจะถูก!? อีกเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังทางซ้าย ตามมาด้วยเสียงเคลื่อนไหวในพงหญ้าดังซ่าๆ ?คราวหน้าคะแนนต้องถูกต้องกว่านี้นะ?
เขากัดฟันลุกขึ้นยืน จะหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ คนพวกนั้นตามมาข้างหลังแล้ว! เขาจับต้นไม้ข้างๆ เพื่อพยุงตัวเองแล้วฝืนลุกขึ้น เขาทำได้เพียงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเท่านั้น แต่ทำไมวิ่งหนีมานานขนาดนี้ยังถูกพวกเขาตามมาทันได้อย่างง่ายดายอีกล่ะ
เพียงก้าวไปข้างหน้าก้าวเดียวด้านหน้าขวาก็พลันมีเงาคนโผล่มา เขาไม่ทันมองให้ชัดว่าเป็นใคร เห็นแค่แสงสีเงินวาบขึ้นเบื้องหน้า...ฟึ่บ มือขวาที่เขายกขึ้นครึ่งๆ กลางๆ นั้นถูกเฉือนฝ่ามือขาดไปครึ่งหนึ่ง
?สิบห้าคะแนน!? คนที่ถือมีดพร้าเล่มใหญ่สวมหน้ากากเอาไว้ เขาเงื้อมือที่ถือมีดพร้าขึ้นสูง ?ผมเฉือนฝ่ามือขวาของเขาไปแล้ว!?
?อ๊า...? ความเจ็บปวดจู่โจมทันที เขามองนิ้วและฝ่ามือครึ่งหนึ่งที่หายไปในพริบตา เลือดสดๆ พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดเสียดแทงจนเขาต้องร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
?อย่าปล่อยให้เขาร้อง!? คนด้านหลังวิ่งขึ้นมา ?ในป่าเขามีเสียงก้องสะท้อนเยอะ ถ้าทำให้คนอื่นตกใจคงจะไม่ดี?
ก่อนที่เขาจะเจ็บปวดจนต้องคุกเข่าลง คนข้างหลังก็เกี่ยวคอเขาเอาไว้แล้วปิดปากเขาแน่น
คนที่อยู่ด้านหน้าเขาสะบัดเลือดออกจากมีดพร้าแล้วมองซ้ายมองขวา จากนั้นจึงชี้ไปทางทิศหนึ่ง ?ทางนั้นมีถ้ำอยู่ พาไปตรงนั้นก็โอเคแล้ว?
?เดี๋ยว รอก่อน? อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ?แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมสิ ไปถึงถ้ำนั่นแล้วจะคิดคะแนนยังไงล่ะ?
?นั่นสิ ไม่วิ่งก็ไม่สนุกแล้วสิ? นี่ก็เป็นเสียงอีกคนหนึ่ง
?กฎของเกมก็คือก่อนจะจับตัวเขาได้จะนับคะแนนจากส่วนของร่างกายที่ถูกโจมตี ไอ้หมอนี่ก็นับว่า...ล้มเพราะหน้าไม้ล่ะมั้ง?
?ไม่ถูก เมื่อกี้เขายืนขึ้นมาอีก? คนที่โบกมีดพร้าเล่มใหญ่รู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่เล็กน้อย ?เพราะผมตัดมือขวาเขาต่างหาก เขาก็เลยเจ็บปวดจนขยับเขยื้อนไม่ได้?
เขากัดฟันมองพวกโรคจิตเบื้องหน้าที่กำลังหารือกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างโกรธเคือง ทุกคนล้วนสวมหน้ากากต่างกันออกไป กล้าทำแต่ไม่กล้าเผยหน้าตา ?ไอ้โรคจิต เรื่องแบบนี้พวกแกยังทำได้!?
ทุกคนทยอยกันหันกลับมาหาเขาก่อนจะหัวเราะพรวด
?น่าสนุกจริง! คงไม่ได้จะยกเอาคุณธรรมอะไรออกมาพูดอีกหรอกนะ?
?นั่นสิ ตอนเป็นการ์ตูนสองมิติก็เห็นดูเสียจนสะใจ พอเป็นสามมิติกลับกลัวซะแล้วเหรอ ขี้ขลาดเกินไปแล้วมั้ง?
มีคนตบหน้าเขาเบาๆ ?อย่าบอกนะว่าชาตินี้คุณไม่เคยคิดเรื่องฆ่าคนมาก่อนน่ะ?
?ฉันไม่เคย! ฉันไม่มีทางทำ...? เขาพลันคำรามเสียงดัง อาศัยจังหวะวุ่นวายผลักคนที่เกี่ยวคอเขาเอาไว้แล้วพุ่งไปทางซ้ายอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ว่าทางนั้นไม่มีถนน สิ่งที่รอเขาอยู่มีเพียงต้นไม้ใบหญ้า ก้อนหินระเกะระกะและผาสูงชันที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ ดังนั้นเขาจึงล้มลุกคลุกคลานกลิ้งลงไปเบื้องล่าง
คนด้านบนได้ยินเสียงต้นไม้ดังซ่าๆ เห็นใบไม้ขยับไหวขณะที่เหลือบมองทางที่เขากลิ้งลงไป
?อย่าให้เขาหนีไปได้เด็ดขาด? พวกเขายังหัวเราะ ?ต้องถึงท้ายที่สุดจึงจะรู้ว่ากวางจะตายด้วยน้ำมือใคร ?
?เฮอะ ต้องเป็นฉันอยู่แล้ว!? ทุกคนต่างมั่นใจมาก ครู่เดียวก็แยกกันวิ่งออกไป
คนที่ล้มลุกคลุกคลานจนบาดเจ็บไปหมดนั้นในที่สุดก็หยุดกลิ้ง เขามองท้องฟ้าสีดำมืดมิด ในหัวคิดแต่ว่าทำไมกัน ทำไมโลกนี้ถึงมีเรื่องแบบนี้ได้ ทำไมถึงได้มีคนที่.ึงขนาดนี้
เขากัดฟันลุกขึ้นนั่งจึงพบว่าถนนลาดยางอยู่ห่างออกไปเพียงเอื้อมมือ
ดีเลย! เขาจับมือที่ขาดเอาไว้แล้วเดินกะเผลกไปถึงถนน เส้นทางบนเขาในเวลากลางคืนร้างไร้ผู้คน เขาพยายามทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองดูปกติที่สุดเพื่อไม่ให้คนที่ขับรถผ่านมาต้องตกใจ...เขาต้องโบกรถที่ขับผ่านมาให้ได้สักคัน เขาต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้!
ไฟสูงหน้ารถส่องไปบนหน้าผา เขาทั้งตกใจและดีใจจึงหันหลังกลับและรีบออกไปยืนกลางถนน รอจนเห็นรถวิ่งมาก็รีบโบกสองมืออย่างเอาเป็นเอาตาย รถคันนั้นวิ่งมาด้วยความเร็วและหยุดลงก่อนจะถึงตัวเขาหลายเมตรคล้ายไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนที่เลือดท่วมตัวอยู่ที่นี่ด้วย!
?ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!? เขาตะโกนเสียงดังพลางฝืนความเจ็บปวดโบกมือพร้อมๆ กับเดินไปข้างหน้า ?ช่วยผมด้วย!?
รถที่มานั้นปรับไฟสูงลงเหลือเพียงไฟหน้าธรรมดา ประตูฝั่งคนขับเปิดออก เขาเผยรอยยิ้มดีใจออกมา ทว่าวินาทีต่อมากลับก้มตัวลงด้วยความเจ็บปวด เขาต้องไปโรงพยาบาลโดยด่วน จะต้อง...ปึง
ประตูรถที่เพิ่งจะเปิดออกมากลับปิดลงอีกครั้ง เขาเงยขึ้นมองรถคันนั้นด้วยความสงสัย วินาทีต่อมาก็เห็นรถพุ่งมาหาเขาด้วยความเร็วสูง...
เขาเจ็บปวด ไม่เข้าใจ และถูกชนอย่างแรง เขารู้ว่าตัวเองลอยออกไปไกลมาก รู้ว่าเมื่อตัวเองตกลงบนพื้นก็สำรอกเลือดสดๆ ออกมาคำหนึ่ง แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะอะไร
เขาได้ยินเสียงประตูรถเปิดอีกครั้ง เสียงฝีเท้าวิ่งมาถึงข้างกายเขาอย่างรวดเร็ว
?ความแรงกำลังดีเลย? เสียงนั้นเต็มไปด้วยความยินดี กรรไกรในมืออ้าออกเกิดเป็นเสียงโลหะเสียดสีกันชวนสยอง ?นายเป็นของฉันแล้ว!?
?โอ้! คิลเลอร์นี่!? ตรงไหนสักแห่งบนหัวเขามีเสียงร้องด้วยความเวทนาดังขึ้น ?ทำไมนายไปอยู่ตรงนั้นล่ะ เกลียดชะมัด!?
?คนที่รับผิดชอบจดบันทึกก็จดอันนี้เอาไว้ให้ดีเลยนะ!? เขาก้มลงบีบปากให้เผยอออก ?ริมฝีปาก สามสิบคะแนน!?
ไม่ๆๆๆ! เขาเบิกตากว้างมองกรรไกรนั้นยื่นลงมาที่ปากตัวเอง พวกแกจะทำอะไร ทำไมถึงต้อง...
ฉับ


บทที่ 1

คำเชิญไม่ประสงค์ดี

กลางฤดูหนาวไม่ง่ายเลยที่จะมีวันแดดจ้าติดต่อกันหลายวัน แม้แต่วันนี้ก็มีแสงแดดสว่างจ้าแต่เช้า แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากนั่งรถไปสองชั่วโมงกลับมีเมฆดำหนาหนักปรากฏในพริบตา
เหลียงรั่วซีมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ขมวดคิ้ว แค่คิดว่าทริปดีๆ อาจจะล่มเพราะสภาพอากาศเธอก็อยากจะร้องไห้แบบไม่มีน้ำตาแล้ว ตอนนี้ได้แต่หวังว่าเลวร้ายที่สุดคือฟ้าครึ้ม ขอร้องล่ะ ฝนอย่าตก ฝนอย่าตก ฝนอย่าตก
เธอนั่งอยู่ฝั่งขวาบนที่นั่งตอนหลังของรถซีดาน ประสานมือสวดภาวนา ขณะที่ผู้ชายซึ่งอยู่ที่นั่งด้านซ้ายกลับเงียบผิดปกติ ร่างกายแข็งเกร็งอย่างที่สุด ท่าทีเหมือนกำลังพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา เขามองสำรวจทุกอากัปกิริยาในรถ จับจ้องที่ล็อกประตูรถ มองแม้แต่กิริยาทุกอย่างของคนขับ
ส่วนคนข้างๆ นั่นกำลังทำอะไรอยู่เขาพอเดาได้ เมื่อครู่เพิ่งจะมองฟ้ามืดครึ้มข้างนอกแล้วถอนหายใจเสียงดังจนได้ยินออกไปไกลสักสิบกิโลเมตร
เสียงไลน์ดังติ๊งๆๆ เหลียงรั่วซีรีบหยิบขึ้นมาเปิดดู ตลอดทางที่มานี่เธอยุ่งสุดๆ ไลน์ไม่หยุดหย่อน ยิ่งกว่านั้นยังดูประหม่านิดๆ ด้วย
วันนี้เป็น ?วันหยุดพักผ่อน? ที่หาได้ยากเชียวนะ! พี่เจวี๋ยถิงไม่รู้ถูกฟ้าผ่าหรือกินของผิดสำแดงหรืออาจจะโดนผีสิงก็ได้ จู่ๆ ก็พูดออกมาเองว่าอยากจะพาเธอออกไปเที่ยว แถมยังเป็นเที่ยวแบบค้างคืนอะไรอย่างนั้นด้วย หลายครั้งที่ผ่านมามีแต่ขอร้องเป็นพันครั้งหมื่นครั้งอยู่หลายต่อหลายวันกว่าจะมีโอกาสแบบนี้ แต่ครั้งนี้เขากลับเป็นคนเสนอขึ้นมาเองเลยเชียว
คนนิสัยชอบแยกตัวจากคนอื่นและยังไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับใครอย่างหมอนี่จู่ๆ ก็ยอมพาเธอออกมาเที่ยว ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร หรือต่อให้ถูกผีสิงก็เถอะ เธอก็ตกลงมาทั้งนั้นล่ะ! เธอน่ะรักการเที่ยวเล่นจะตายไป การถูกขังอยู่ในบ้านทั้งวันมันน่าเบื่อจะตาย มีโอกาสออกมาข้างนอกก็ต้องออกมาอยู่แล้ว!
จากที่เขาบอกคือเขาจะมาร่วมงานพบปะของกลุ่มแฟน ทำให้เธอยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก เพราะแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นพี่เจวี๋ยถิงไปเข้าร่วมคอมมิวนิตี้กลุ่มคนชอบอะไรกับเขาสักที แต่ก็กลัวว่าถ้าถามมากความเดี๋ยวอดไปอีก เธอเลยทำตัวเป็นเด็กดีสุดๆ รับหน้าที่แค่พยักหน้าอย่างเดียวก็พอ ใครให้เขามาเป็นผู้ปกครองเธอกันเล่า
ด้วยเหตุผลจำเป็นทำให้เธอจำต้องพักการเรียนและเรียนเองอยู่ที่บ้าน คุณย่าทวดก็มอบตัวเธอให้อินเจวี๋ยถิงเป็นผู้ดูแลโดยเข้าไปอยู่ที่บ้านของเขา คุณย่าทวดยังพูดอีกว่าอินเจวี๋ยถิงมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องเชื่อฟังเขา
เธอเองก็เชื่อฟัง เธอรู้ว่าตัวเองต้องละทิ้งชีวิตวัยมัธยมปลาย ละทิ้งช่วงเวลาที่จะได้ติดต่อคบหากับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน หากต้องการจะมีชีวิตต่อไปก็ต้องสละอะไรบางอย่าง ในเมื่อคุณย่าทวดเชื่อใจอินเจวี๋ยถิงและเชื่อมั่นว่าเขาจะดูแลเธอได้เธอก็ย่อมไม่มีอะไรจะพูด เพียงแต่ตอนแรกเธอไม่คิดว่าเขาจะเงียบขรึมขนาดนี้ เขาไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับคนและยังไม่ชอบออกนอกบ้าน มักทำหน้าเย็นชาแล้วยังบ่นโน่นบ่นนี่...
เธอเพิ่งอายุสิบเจ็ดจึงคาดหวังว่าจะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ หลายครั้งที่ผ่านมาเธอรั้นจนกระทั่งเขายอมพยักหน้าตกลงให้ออกไปเที่ยว ผลคือดวงกุดเอามากๆ เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นไม่หยุดหย่อน ทำเอาเธอไม่กล้าเสนอเรื่องออกไปเที่ยวขึ้นมาแล้ว ขณะกำลังหมดแรงนั้นเองเขากลับเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา!
เธอเดาว่าน่าจะเป็นคดีอะไรอีกนั่นล่ะ อย่าได้มองแค่ว่าอินเจวี๋ยถิงดูอายุยังน้อยเชียวนะ เขาได้รับคดีของเครดิตบูโร ทีเดียว คราวนี้คงเป็นอะไรที่ต้องปลอมตัว หรือว่าไม่แน่นะอาจจะเป็นสายลับที่ต้องเข้าไปแฝงตัวอยู่ก็ได้ ต้องมีคู่ไปด้วยถึงจะดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้นจึงต้องให้เธอมาด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คราวนี้ดูท่าจะสนุกมากทีเดียว อาหารที่พักก็ฟรีด้วย แค่ฟังเธอก็รู้สึกหฤหรรษ์สุดๆ แล้ว อินเจวี๋ยถิงยังบอกด้วยว่าให้ทำตัวสบายๆ เหมือนมาทริปธรรมดาๆ ก็พอ คิกๆ เรื่องดีขนาดนี้ในฐานะเพื่อนที่ดีก็ควรต้องแบ่งปันกันสิ!
?ยิ้มอะไร? อินเจวี๋ยถิงขมวดคิ้ว ยัยนี่แอบยิ้มอยู่คนเดียวนานเกินไปแล้ว
?หือ? อะไรเหรอ? เหลียงรั่วซีรีบนั่งหลังตรงหุบยิ้มไปเสีย ?ไม่...ไม่ๆๆๆ มีอะไรสักหน่อย!?
มี ต้องมีแน่ อินเจวี๋ยถิงตีหน้าขรึมจ้องเธอ เขามองดวงตาเปล่งประกายคู่นั้น น้ำเสียงที่เธอใช้...ไม่ผิดแน่ เธอต้องมีเรื่องปิดบังเขาอยู่แน่!
?เธอทำอะไรอีกล่ะ? เขามองอย่างสงสัย ?ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่นั่นเป็นขนมทั้งหมดน่ะฉันรู้ กระเป๋าใส่ของใช้เธอมีอยู่แค่ใบเดียวที่อยู่บนพื้นนี่เท่านั้นล่ะ?
เหลียงรั่วซีถอนหายใจแรง เบิกตากลมโตจ้องเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ?นาย...นายรู้?? ทั้งที่ตลอดเวลานั้นเธอแบกกระเป๋าเดินทางเองกับมือ ไม่ให้ไปตกอยู่ในมือคนอื่นเลยสักนิดแท้ๆ
?กระเป๋าเดินทางขนาดยี่สิบเก้านิ้วเธอยังยกขึ้นได้ด้วยมือข้างเดียว ไม่ต้องใช้สมองมากมายฉันก็รู้แล้ว? เขาหันหน้าไปอย่างไม่สบอารมณ์ ข้างในคงจะมีแต่ขนมอัดแน่นอยู่ล่ะสิ
?ฉัน...ฉันคิดว่าหลายวันขนาดนี้กันไว้ดีกว่าแก้จะดีกว่า ก็ฉันกลัวกินไม่อิ่มนี่นา!? เธอหัวเราะอย่างขัดเขิน อินเจวี๋ยถิงบอกว่ารอบนี้อาจต้องใช้เวลาหลายวัน ถึงจะบอกว่าอาหารที่พักฟรี แต่กระเพาะหลุมลึกไร้ก้นบึ้งของเธอนี่ก็ไม่ควรจะกินของคนอื่นเขาอยู่ร่ำไปหรือเปล่า
?อือฮึ? อินเจวี๋ยถิงส่งเสียงตอบรับในลำคอ ว่ากันตามจริงเขาก็หวังให้เธอกินไม่อิ่มจริงๆ
คนที่กินอะไรอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างเหลียงรั่วซีไม่ว่ากินมากแค่ไหนก็ยังรู้สึกหิว นั่นเพราะอาหารในโลกมนุษย์ไม่สามารถทำให้เธออิ่มได้ เธอต้องกินจิตชั่วร้ายเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นผีร้ายวิญญาณชั่วหรือปีศาจ ขอเพียงเป็นจิตชั่วร้ายที่ร้ายกาจก็ล้วนกลายเป็นอาหารอันโอชะของเธอได้ทั้งสิ้น
มีเพียงจิตชั่วร้ายเท่านั้นที่ทำให้ท้องของเธออิ่มได้ แต่เธอจะรู้ความลับนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาดตลอดกาล
คนที่รักเธอปรารถนาดีกับเธอ ทุกคนจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ เขารับผิดชอบหน้าที่ดูแลเธอและยังต้องคอยใส่ใจกับ ?ปัจจัยดำรงชีพ? ของเธออีก เขาจะต้องไม่ให้เธอหิวตาย...และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเขาต้องพาเธอออกมาเที่ยวด้วย
อินเจวี๋ยถิงสูดหายใจลึก ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไรเขาก็รู้สึกได้ถึงการดำรงอยู่ของไอ้ปีศาจร้ายน่ารังเกียจในร่างของตัวเองเสมอ มันถูกเขาผนึกเอาไว้ในร่างแต่ยังคงมีชีวิตและคอยคิดหาทางล่อลวงเขา อาศัยอารมณ์ด้านลบของเขาไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธหรือเจ็บปวดเสียใจแล้ววางแผนควบคุมเขาให้ได้
จิตชั่วร้ายที่มีอยู่อย่างไม่หมดสิ้นล้นทะลักออกมาจากในตัวเขา ไม่ว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ที่แปรปรวนของตัวเองอย่างไรจิตชั่วร้ายก็ยังไม่ลดลงและมีมากเกินกว่าเขาจะทนไหว แต่เก็บสะสมเอาไว้เช่นนี้ช้าเร็วก็ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ทว่าตอนนี้เขาไม่ต้องอดทนอีกต่อไป อินเจวี๋ยถิงมองเด็กสาวที่อยู่ข้างกาย ตอนนี้มีคนคอยกินจิตชั่วร้ายให้ ว่ากันตามจริงเขาก็สบายขึ้นมาก
นี่ก็เป็นเหตุผลที่คุณย่าทวดของเหลียงรั่วซีมอบเธอให้เขาดูแลเช่นกัน เรียกให้สวยหรูก็เหมือนเขาเป็นพี่ชาย เป็นผู้ปกครอง เป็นเพื่อนร่วมบ้านที่คอยดูแลเธอ ในความเป็นจริงเหลียงรั่วซีคือคนคนนั้นที่คอยช่วยเขาต่างหาก
เขาผลิตจิตชั่วร้าย เธอรับหน้าที่กินให้หมด พวกเขาเป็นเพื่อน เป็นเพื่อนร่วมบ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกัน และยังมีความสัมพันธ์แบบอยู่ชั้นบนและชั้นล่างของห่วงโซ่อาหารด้วย
?เกิดอะไรขึ้น? อินเจวี๋ยถิงสังเกตได้ว่ารถลดความเร็วลงจึงเอ่ยขึ้นอย่างระแวดระวัง
?ถึงแล้ว? คนขับรถตอบเสียงเรียบ
ถึงแล้วเหรอ เหลียงรั่วซีมองออกไปข้างนอกอย่างสงสัยใคร่รู้ เธอมองเห็นทะเลสีเทาทะมึน ถนนข้างหน้ามีรถซีดานสุดหรูหลายคันจอดอยู่ มีคนหลายคนทยอยกันลงมาจากรถ
ว้าว! เธอกะพริบตาอย่างประหลาดใจ งานพบปะของกลุ่มแฟนนี่มีคนมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้เสียอีก มิหนำซ้ำทุกคนต่างก็มีรถเบนซ์มาส่งกันทั้งนั้น...เหมือนกับพวกเธอ
?แปลกจัง ทำไมไม่ให้พวกเรามาสถานที่รวมตัวนี่ตรงๆ แต่แรกไปเลย? เหลียงรั่วซีเอ่ยถามคนขับรถที่นั่งอยู่ที่นั่งตอนหน้าอย่างไม่เข้าใจ ?ทำไมต้องให้พวกเราไปที่จุดนัดพบแยกต่างหากก่อนแล้วให้ทางคุณพาเรามาส่ง แบบนี้มันไม่ยุ่งยากเหรอ?
นั่นย่อมต้องมีจุดประสงค์น่ะสิ อินเจวี๋ยถิงมองยัยตัวแสบผู้ร่าเริงข้างกายอย่างเงียบๆ เขารู้สึกว่าเธอช่างโง่แล้วก็ใสซื่อเสียจริง
?เรื่องนี้ผมไม่ทราบแน่ชัดครับ ผมมีหน้าที่แค่พาทุกท่านมาส่งเท่านั้น? คำตอบของคนขับรถคงมีคนชี้แนะเอาไว้แล้วแน่ เพราะตอบรับรวดเร็วมาก
?ลึกลับขนาดนี้เชียว!? เหลียงรั่วซีมองไปทางขวา มองไปข้างหน้า แล้วก็มองข้างหลัง...เธอยื่นหน้ามองไปรอบๆ ไม่หยุดหย่อน ในที่สุดรถหรูก็หยุดลง
คนขับรถปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถทันทีเพื่อไปเปิดประตูให้พวกเขา แต่ยังไม่ทันเปิดประตูรถให้เหลียงรั่วซีก็พุ่งออกไปแล้ว
ลมทะเลกระโชกรุนแรง เหลียงรั่วซีลงรถปุ๊บก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว เธอหดคอเดินไปหลังรถเพื่อหยิบสัมภาระ
คนขับรถเอ่ยอย่างสุภาพว่าให้เขาจัดการเอง ตอนที่เขายกกระเป๋าเดินทางของเธอลงมายังมองอย่างสงสัยในน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางใบยักษ์นั้นด้วยซ้ำ
?ฮิๆ เอาให้ฉันเถอะค่ะ? เหลียงรั่วซีรีบย้ายกระเป๋าเดินทางมาไว้ข้างกายตัวเอง เธอรู้ว่าคนขับรถคงสงสัยแน่ๆ ว่าทำไมถึงได้เบาขนาดนี้ อา...มีแต่ขนมก็ต้องเบาน่ะสิ
รถที่ถูกนำมาใช้พิเศษเพื่อการนี้ทั้งหมดจอดตรงริมถนนที่มีทางเดินไม้ต่อออกไป บริเวณโดยรอบโล่งกว้าง มีเพียงต้นหญ้าที่ลอยตามลมมา หลายคนกำลังถือสัมภาระยืนมองออกไปจากบนทางเดินไม้
หลังขนสัมภาระลงจากรถ รถหรูทั้งหลายก็ทยอยกันจากไป เหลียงรั่วซีนั้นมือหนึ่งถือกระเป๋าเดินทาง บนตัวสะพายเป้กับกระเป๋าสะพาย เธอเขย่งเท้าหันหน้าหันหลังอย่างไม่สบายใจ
อินเจวี๋ยถิงมีแค่กระเป๋าเดินทางขนาดยี่สิบนิ้วใบเดียวเท่านั้น เขามองสภาพแวดล้อมรอบๆ อย่างระแวดระวังเป็นอันดับแรก นี่คือท่าเรือขนาดเล็ก เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นท่าเรือส่วนตัว รถที่ผ่านไปมาเส้นทางนี้ก็น้อยมากและแทบไม่มีป้ายบอกทางเลย ไม่แน่ว่าแม้แต่ที่ดินผืนนี้ก็คงเป็นที่ดินส่วนตัวด้วย
ที่ริมฝั่งมีเรือลำหนึ่งจอดอยู่ เรือลำนั้นกำลังเรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนให้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงชัตเตอร์ทยอยดังขึ้น
?เหมือนสุดๆ เลย สุดยอดเลยเนี่ย!?
?เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเลย แม้แต่ท่าเรือนี้ก็ใช่ล่ะมั้ง?
ต่างจากเสียงฮือฮากรี๊ดกร๊าดทางนั้น เหลียงรั่วซีกลับเบิกตาจ้องมองทางตอนที่มา อินเจวี๋ยถิงทนไม่ไหวต้องเดินไปอยู่ด้านหลังเธอแล้วมองไปไกลๆ ตามสายตาของเธอด้วย เขามองไปทางซ้ายแล้วก็มองไปทางขวา...
?ว้าก!? ใบหน้าเธอเกือบจะแนบเข้ากับใบหน้าของเขาแล้ว ทำเอาตกใจจนร้องว้าก
?ตั้งใจมองจังเลยนะ? อินเจวี๋ยถิงหรี่ตา ?มองอะไรอยู่?
?เหอๆๆ...? เหลียงรั่วซีหัวเราะแห้งๆ ?ไม่...ไม่มีอะไร ฉันกำลังดูว่ามีกี่คนน่ะ!?
?มีอะไรพิเศษ อะไรที่อยากเห็น หรือว่ามีใครที่ยังไม่มาอีกเหรอ? อินเจวี๋ยถิงถามทีละคำ ?เธอหาใครล่ะ ท่าทางจะหายากน่าดูนะ?
?ก็ใช่น่ะสิ ควรจะมาถึงแล้วนะ แต่ว่า...? เหลียงรั่วซีพลันเงียบเสียง ?ฉันหมายถึงว่าดูท่าทางคนจะเยอะน่าดูเลยนะ คือ...?
เสียงต่อจากนั้นยังไม่ทันเปล่งออกมาก็มีรถหรูแล่นเข้ามาแต่ไกล เหลียงรั่วซีหันขวับไปมองรถคันนั้นอย่างสนใจ ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะก้มตัวย่อเข่าดูให้ชัดว่าข้างในมีใครอยู่




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกมไล่ล่า...เป็นการ์ตูนสยองขวัญที่โด่งดังจนเกิดการฆาตกรรมเลียนแบบมาแล้ว ใครคนหนึ่งจึงจัดงานพบปะกันของผู้ที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่องนี้ที่เกาะส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นเรือโดยสาร วิลลาที่พักอาศัย หรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แม้กระทั่งกิจกรรมที่ให้พวกเขาเล่นเพื่อฆ่าเวลา ทุกอย่างล้วนถูกสร้างขึ้นมาเหมือนในการ์ตูนอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทว่ามันกลับเหมือนเกินไป เหมือนจนมีคนตายในฉากเดียวกัน เสมือนพวกเขากำลังอยู่ในการ์ตูนที่ต้องเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยองไปทีละคน...แท้จริงแล้วคนที่มาร่วมงานพบปะในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นฆาตกรโรคจิต เป็นคนร้ายในคดีฆาตกรรมเลียนแบบที่ยังลอยนวล ซึ่งเคยไล่ล่าฆ่าคนเพื่อสะสมคะแนนแข่งกันเมื่อห้าปีก่อน ยิ่งทำร้ายเหยื่อให้ต้องทรมานเท่าไรก็ยิ่งได้คะแนนและความสะใจมากขึ้นเท่านั้น พวกเขากำลังกระหายการฆ่าคน แล่เนื้อเถือหนัง ตัดคอ ควักลูกตา อยากเล่นเกมนี้จนตัวสั่น แต่คราวนี้พวกเขากลับถูกตัดหน้า โดยร่างโชกเลือดที่มีแต่เนื้อสดๆ ไร้ผิวหนัง และกำลังจะกลายเป็นเหยื่อที่ต้องตายอย่างทุรนทุรายเสียเอง!

การไล่ล่าคร่าชีวิตเพื่อเก็บคะแนนกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เหล่าฆาตกรโรคจิตที่เคยสนุกสนานกับการฆ่าคนจะยังหัวเราะออกอีกหรือ?


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”