New Release BLY แปล : ค่ำคืนก่อนรักผลิบาน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : ค่ำคืนก่อนรักผลิบาน

โพสต์ โดย Gals »

เด็กหลังค่อมข้างบ้าน

1

มื้อเช้าของวันนี้คือขนมปังปิ้งทามาการีนกับกาแฟที่เริ่มชืดลงแล้ว
นัตสึเมะยืนขึ้นขณะเคี้ยวคำสุดท้ายก่อนหย่อนจานลงซิงก์ ในนั้นมีจานของแม่ซึ่งออกไปทำงานแล้ววางอยู่ จึงลงมือล้างส่วนของทั้งคู่ นี่เป็นหนึ่งในธรรมเนียมของบ้านนัตสึเมะซึ่งมีกันแค่สองคนแม่ลูก ระหว่างที่กำลังวุ่นๆ อยู่นั้น นาฬิกาก็เดินมาถึงเจ็ดโมงสี่สิบห้านาทีซึ่งเป็นเวลาที่ต้องไปโรงเรียน
นัตสึเมะได้ยินเสียงข้างห้องเปิดประตูขณะใส่รองเท้าอยู่หน้าทางเข้าแคบๆ
เขาเคาะหัวรองเท้ากับพื้นแล้วออกไปบ้าง เมื่อเดินลงไปตามบันไดสลัวๆ ของแฟลตก็พบแผ่นหลังกว้างโก่งงอในชุดนักเรียนแขนสั้น และผมสีดำสนิทดั่งอีกาที่ไม่เคยผ่านการย้อมมาก่อน ตรงท้ายทอยถูกปล่อยยาวเสียจนกระดกขึ้นมา นับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
?โทคิโอะ ไปตัดผมได้แล้ว?
พอใช้นิ้วดีดผมเป็ด โทคิโอะก็หันกลับมา เนกไทเบี้ยวไม่ต่างไปจากสภาพผม นัตสึเมะจึงลงมือจัดให้ใหม่แบบลวกๆ เจ้าตัวเอียงคออย่างอึดอัด แสดงออกชัดว่ายุ่งยากน่ารำคาญ แต่ก็ยังเอ่ยขอบคุณ แล้วเดินลงบันไดต่อด้วยท่าทีอ่อนเพลีย
?โทคิโอะ เมื่อคืนอยู่วาดจนดึกอีกแล้วใช่ไหม?
?อืม ใกล้จะถึงเดดไลน์แล้ว?
โทคิโอะเหม่อมองฟ้าราวกับกำลังหมุนปฏิทินในจินตนาการ งานอดิเรกของโทคิโอะคือการวาดการ์ตูน ทว่ามันเกินขอบเขตของงานอดิเรกไปแล้ว เพราะตั้งแต่ขึ้น ม.ปลาย มาโทคิโอะก็เริ่มส่งต้นฉบับ
?จะวาดก็ไม่ว่าหรอก แต่เสียงเพลงหนวกหูชะมัด แถมรสนิยมห่วยอีก เบาๆ หน่อยสิ?
?ฉันไม่อยากได้ยินคำนั้นจากปากคนที่ตะโกนอู้อ้าตอนเล่นเกมหรอก ถึงจะมีผนังก็ทำให้มือเสียสมาธิได้นะ?
การอาศัยอยู่ห้องติดกันโดยมีเพียงกำแพงกั้น ทำให้มองเห็นรูปแบบการใช้ชีวิตของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะพวกเขาเป็นเสมือนครอบครัวมาตั้งแต่เด็กๆ
แสงอาทิตย์ต้นฤดูร้อนสาดส่องจนแสบตาเมื่อออกมานอกตึก นัตสึเมะกับโทคิโอะพร้อมใจกันบ่นว่าร้อนพลางยกมือป้อง พวกเขาเดินทอดน่องไปตามถนนยามเช้าอันสดใส ยืนโยกเยกอยู่ในรถประจำทางซึ่งมุ่งตรงสู่สถานีรถไฟ พลางบ่นงึมงำเหมือนพูดคนเดียวว่า ซวยแล้ว วันนี้โดนเรียกตอบคาบเลขแหงๆ ขี้เกียจเรียนพละด้วย ระหว่างนั้นก็มาถึงสถานีพอดี
?โทคิโอะ เย็นนี้อยากกินอะไร??
นัตสึเมะถามขณะยืนเคียงกันบนชานชาลาหมายเลขแปดตามเคย
?ปลาย่างเกลือพร้อมหัวไช้เท้าขูด แล้วก็อะไรก็ได้ที่ไม่หนักมาก?
?ยังเลือกเมนูไม่สมเป็นเด็ก ม.ปลาย เหมือนเดิมนะ?
?ถ้าปล่อยให้นายจัดการก็มีแต่เนื้อน่ะสิ?
เสียงประกาศดังกลบบทสนทนา ก่อนที่รถไฟจะเข้าเทียบชานชาลา ประตูดีดตัวออกหลังเสียงอัดอากาศดังฟู่
แล้วเจอกัน นัตสึเมะโบกมือให้โทคิโอะก่อนไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมชั้นที่โดยสารมาก่อน หลังจากนี้เขากับโทคิโอะจะแยกกันทางใครทางมันตลอด
?อ๊ะ นัตสึเมะ วันนี้จะไปเจอสาวๆ จากฉะโค นายมาด้วยกันหน่อยได้ไหม??
อากิโมโตะซึ่งเป็นเสมือนหัวโจกของกลุ่มเอ่ยชวนหลังทักทายกันลวกๆ
?ทำไมอยู่ๆ ก็?
?ถ้าพานัตสึเมะไป พวกผู้หญิงจะดีใจนี่นา??
นัตสึเมะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่สาวๆ มากกว่าใครเพื่อน ด้วยเครื่องหน้าที่คล้ายลูกครึ่งและหุ่นผอมเพรียว เวลาแบบนี้จึงถูกใช้เป็นเหยื่อล่ออยู่เสมอ แม้ไม่ได้รู้สึกแย่ แต่ก็ยุ่งยากไม่ใช่เล่น
?อ๊ะ แต่พอสาวๆ กำลังสนุกก็อยากให้รีบปลีกตัวกลับไปอะนะ?
อากิโมโตะแสยะยิ้ม เห็นไหมล่ะ นัตสึเมะนึกเอือมอยู่ในใจ
?กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้?
เขาพ่นลมออกจมูก ทุกคนหัวเราะเสียงดังจนกลายเป็นจุดสนใจเล็กๆ บนรถไฟยามเช้า กลุ่มเพื่อนของนัตสึเมะแต่งชุดนักเรียนสบายๆ ทะมัดทะแมง กระเป๋านักเรียนเบาพอๆ กับสมอง ไม่ได้เอาจริงเอาจังหรือเกเรเป็นพิเศษ เที่ยวเล่นบ้างตามสมควร ไม่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นหมดหวังกับอนาคต
นัตสึเมะร่วมหัวเราะไปกับเพื่อนพลางเหลือบมองอีกฝั่งของตู้ขบวน
โทคิโอะยืนพิงหน้าต่างเป็นมุมเฉียง หลับตาฟังเสียงดนตรีจากหูฟังที่เสียบอยู่ เรือนผมสีดำสนิทดั่งอีกาล้อแสงอรุณ เป็นประกายระยับจับขอบทอง
รูปร่างค่อนไปทางผอม แต่มีกล้ามพอเหมาะและตัวสูง เมื่อก่อนขี้ก้างและเตี้ยกว่านัตสึเมะตั้งเยอะ พอขึ้น ม.ต้น กลับโตเอาๆ เหมือนต้นถั่ว จนตอนนี้สามารถก้มมองนัตสึเมะที่สูงร้อยเจ็ดสิบสามได้อย่างสบาย น่าเจ็บใจนัก
ใบหน้าก็ดูหล่อเหลาสมชาย ติดตรงที่น่าจะดูแลตัวเองอีกนิด แบบนี้เขาเรียกว่ามีของดีแต่ใช้ไม่เป็น ไม่ว่าจะแฟชั่น ทรงผม สเปกผู้หญิง แฟน จำนวนเพื่อน เรื่องที่เด็ก ม.ปลาย อายุสิบเจ็ดให้ความสนใจและแอบขับเคี่ยวกันอยู่เงียบๆ ส่วนใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับโทคิโอะ
โทคิโอะมักอยู่คนเดียวเสมอ ต่างจากนัตสึเมะที่ชอบเกาะกลุ่มกับเพื่อน
เวลาอยู่โรงเรียนก็ไม่ค่อยได้คุยกับนัตสึเมะที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก ไม่ใช่ว่าพยายามหลีกเลี่ยง แต่เพราะไม่มีจุดร่วมเนื่องจากอยู่คนละห้องคนละกลุ่ม โทคิโอะไม่มีเพื่อนที่สนิทเป็นพิเศษ ทั้งที่ในโรงเรียนมีพวกโอตาคุบ้าการ์ตูนหรือนิยายเยอะแยะ แต่โทคิโอะกลับไม่เข้าไปเป็นหนึ่งในนั้น
โดยพื้นฐานแล้วโทคิโอะมัก ?อยู่คนเดียว?
ทว่าดูไม่เหมือนพวก ?หัวเดียวกระเทียมลีบ?
กล่าวคือไม่มีบรรยากาศอันน่าสังเวชเมื่อต้องอยู่คนเดียว ทั้งยังดูไม่แคร์โลกอย่างบอกไม่ถูก นับว่าเป็นประเภทที่หาได้ยาก เมื่อเทียบกับเด็ก ม.ปลาย วัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องการแตกต่างจากผู้อื่น แต่ก็หวาดกลัวความโดดเดี่ยว จะเรียกว่าเท่เลยก็ได้ แต่เขาจะไม่มีวันบอกเจ้าตัวเด็ดขาดเพราะมันน่าอาย
นัตสึเมะยิ้มเพียงมุมปาก แล้วเบนสายตาไปจากโทคิโอะ



2

พ่อกับแม่ของนัตสึเมะหย่าร้างกันตอนเขาอยู่ชั้นประถมปีที่ห้า
บ้านใหม่ที่นัตสึเมะย้ายมาเป็นชุมชนแฟลตทั่วๆ ไปในเมืองส่วนภูมิภาคซึ่งเกิดจากการแผ้วถางภูเขา
กล่องสีขาวตั้งเรียงรายเหมือนเต้าหู้ขนาดเท่าๆ กัน
รถเล็กๆ หลายคัน ทั้งสีแดง สีเหลือง สีฟ้า จอดอยู่ในลานจอดรถซึ่งคั่นอยู่ระหว่างตึก
เด็กประถมวัยไล่เลี่ยกับนัตสึเมะหลายคนเล่นอยู่ในลานอเนกประสงค์ที่อยู่ติดกัน
พอเห็นนัตสึเมะยกลังใส่ของมากับแม่ เด็กๆ ในลานก็หยุดเล่นแล้วจับกลุ่มพูดคุย หันมามองทางนี้ นัตสึเมะไม่ได้ยินบทสนทนา แต่ไม่ชอบท่าทางกระซิบกระซาบเหล่านั้นจึงหันหน้าหนีไปอีกทาง
?แม่ฮะ พวกเราต้องอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไร??
เขาถามหลังจากเข้ามาในห้อง แต่แม่กลับตอบเรียบๆ ว่า ?ตลอดไป?
?ผมชอบบ้านเก่ามากกว่า?
?แม่ก็ชอบบ้านเก่ามากกว่า แต่มันช่วยไม่ได้?
พูดจบแม่ก็ลงมือแกะลังแบบลวกๆ นัตสึเมะกัดริมฝีปาก
?พ่อกับแม่ปรึกษากันแล้วว่าจะแยกกันอยู่?
?จากนี้ไปนัตสึเมะต้องมาอยู่กับแม่สองคน?
?แล้วก็ต้องย้ายโรงเรียนด้วย ไปบ๊ายบายเพื่อนซะนะ?
?ต่อจากนี้แม่ต้องไปทำงานทุกวัน นัตสึเมะเป็นเด็กดีนะ?
?ช่วยไม่ได้ มันช่วยไม่ได้น่ะ ช่วยไม่ได้จริงๆ?
?ผมเกลียดคำว่า ?ช่วยไม่ได้? ?
นัตสึเมะงึมงำเสียงเบา ก่อนจัดเรียงตำราบนโต๊ะอ่านหนังสือด้วยใบหน้าหงิกงอ บ้านเก่าของเขามีสองชั้น ห้องของนัตสึเมะกว้างถึงหกเสื่อ แต่ที่นี่กว้างแค่สี่เสื่อครึ่ง ดังนั้นจึงขนเกมกับการ์ตูนมาได้ไม่หมด
?ตายจริง ผงซักฟอกหมดแล้ว นัตสึเมะ ไปซื้อมาให้หน่อยสิ?
?เอ๋ ผมไม่รู้ว่าซูเปอร์อยู่ที่ไหนนี่?
?ออกไปตรงถนนด้านหน้าแล้วเลี้ยวซ้ายไปอีกหน่อยจะเจอร้านสะดวกซื้อ รีบไปสิ?
แม่ยัดเศษเหรียญใส่มือนัตสึเมะผู้หน้าตาบูดบึ้ง ระหว่างจำใจใส่รองเท้าอยู่หน้าทางเข้าก็ได้ยินเสียงอินเตอร์โฟนดังขึ้น ออกไปดูให้หน่อย แม่ว่าอย่างนั้น จิกหัวใช้กันเกินไปแล้ว นัตสึเมะแอบบ่นในใจขณะเปิดประตู ก่อนจะเบิกตากว้างร้องลั่น ?คุณพ่อ!? ส่วนแม่ก็ร้องเอ๊ะ รีบโผล่หน้าออกมาดู
?เอ่อ...ขอโทษที่มารบกวนตอนกำลังยุ่งนะครับ ผมคือนากามุระที่อยู่ข้างห้องครับ?
คุณลุงที่กล่าวคำทักทายไม่ใช่พ่อของเขา นัตสึเมะแค่เห็นร่างสูงใหญ่ย้อนแสงแล้วดูผิดไปเอง
?เห็นมีลังใส่ของถูกวางทิ้งไว้ข้างล่าง เลยคิดว่าน่าจะเป็นของห้องนี้?
?ตายจริง ขอโทษนะคะ พอดีเพิ่งย้ายมาก็เลยวุ่นๆ?
แม่รับลังใส่ของมาพร้อมกับก้มหัวให้
?ไม่เป็นไรครับ ผมก็เพิ่งย้ายมาอาทิตย์ก่อน ชื่อนากามุระครับ?
?ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฮากิวาระค่ะ ส่วนนี่ลูกชายชื่อนัตสึเมะ อยู่ ป.5 ค่ะ?
?อ้าว อายุเท่าลูกผมเลย โทคิโอะ มาสวัสดีเขาสิ?
ว่าแล้วก็ดันหลังเด็กตัวเล็กผอมแห้งท่าทางมืดมนออกมา
?...นากามุระ โทคิโอะครับ?
ใบหน้านั่นไม่แสดงอารมณ์สักนิด ซ้ำยังหลุบตา ไม่คิดจะมองนัตสึเมะด้วยซ้ำ ไม่ถูกชะตาเอาซะเลย นัตสึเมะจึงตอบแค่ อืม อย่างถือตัว ก่อนจะโดนแม่ลงมะเหงกพร้อมเอ็ดว่าพูดให้มันดีๆ หน่อยสิ บ้าจริง
?ฮากิวาระ นัตสึเมะครับ?
ทางนั้นไม่ยอมเอ่ยว่าฝากตัวด้วย เขาก็เลยไม่พูดเหมือนกัน จากนั้นแม่ก็สั่งให้เขารีบไปซื้อของ พร้อมกับทวนที่ตั้งของร้านสะดวกซื้อให้อีกครั้ง แต่พ่อของโทคิโอะกลับแทรกขึ้นมาอย่างเกรงๆ ว่า
?ร้านสะดวกซื้อตรงนั้น ไม่มีผงซักฟอกสำหรับครัวเรือนขายหรอกครับ?
ตายจริง แม่ยกมือแนบแก้มพลางทำหน้าลำบากใจ
?โทคิโอะ บอกทางไปซูเปอร์ให้นัตสึเมะคุงสิ?
ไม่ต้องหรอก นัตสึเมะคิดอย่างนั้น แต่พูดออกไปไม่ได้เพราะแม่ดันก้มหัวให้เสียก่อน ?ช่วยได้เยอะเลยค่ะ? โทคิโอะพยักหน้าเงียบๆ เหลือบมองทางนี้แวบเดียวแล้วเดินออกไป
?แค่บอกทางมาก็พอ เดี๋ยวฉันไปเอง?
นัตสึเมะบอกขณะลงบันได อีกฝ่ายหันกลับมาหาช้าๆ ด้วยแววตาดั่งปลาตาย ก่อนพึมพำอย่างไม่ใส่ใจว่า ?เหรอ? แล้วชี้ออกไปนอกชานพักบันได
?เลี้ยวขวาตรงสัญญาณไฟอันที่สอง แล้วก็เลี้ยวซ้ายตรงสัญญาณไฟถัดไป จากนั้นเดินต่อไปเรื่อยๆ จะเจอทางแยก...?
ซับซ้อนจัง แถวนี้มีแต่ตึกแฟลตหน้าตาเหมือนกันเป็นแถบ ถนนซึ่งมีต้นไม้เรียงรายก็ดูคล้ายกันไปหมด นัตสึเมะยังไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ แต่มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้กลับคำว่าพาไปหน่อยก็ทำไม่ได้ จึงตอบว่าเข้าใจแล้วก่อนเดินลงบันไดไปคนเดียว
เมื่อออกมาจากกล่องสีขาว ก็เห็นกล่องสีขาวแบบเดียวกันอยู่ข้างหน้า ถัดไปอีกก็ยังเป็นกล่องสีขาว ชวนให้สติหลุดลอยเหมือนติดอยู่ในกระจกสองบานที่หันหน้าชนกันจนไร้ทางออก เด็กๆ ในลานกว้างกำลังเล่นลูกบอลกันอยู่ เสียงเจี๊ยวจ๊าวยิ่งตอกย้ำความโดดเดี่ยวให้นัตสึเมะ แสงแดดต้นฤดูร้อนแผดเผากระหม่อมจนแสบยิบ
ทุกอย่างล้วนช่วยไม่ได้...
นัตสึเมะเม้มปาก กำเศษเหรียญในมือแล้วก้าวออกไป
แม้จะเดินผิดทางอยู่หลายครั้ง แต่ก็พาตัวเองมาถึงซูเปอร์ในที่สุด นัตสึเมะมุ่งหน้ากลับทางเดิม ทว่าเมื่อมาถึงแถวบ้านก็ต้องกุมขมับ ห้องของเขาอยู่ตึกไหนกันนะ เพิ่งย้ายมาก็เลยจำหมายเลขตึกไม่ได้ เหมือนจะเป็นตึกนั้น แต่ก็เหมือนจะเป็นตึกนี้เช่นกัน
ระหว่างที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้ากล่องสีขาว พลันสังเกตเห็นเงาคนตรงบันไดทางเข้าตึก โทคิโอะนั่นเอง อีกฝ่ายนั่งอยู่บนบันไดสลัวๆ กำลังเขียนอะไรบางอย่างลงสมุดโน้ตที่วางอยู่บนหน้าตัก
มีโทคิโอะอยู่ก็แปลว่าบ้านของเขาต้องอยู่ตึกนี้ จึงเดินเข้าไปหาด้วยความโล่งใจ จังหวะนั้นมีผีเสื้อสีน้ำเงินบินตัดหน้ามา นัตสึเมะชะงักทันที
เจ้าผีเสื้อบินวนรอบตัวเขา ก่อนจะหายวับไปจากสายตา วินาทีถัดมาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ บนศีรษะด้านขวา นัตสึเมะขนลุกซู่เมื่อพบว่ามันเกาะอยู่ตรงนั้น
?นะ นี่...!?
โทคิโอะเงยหน้าขึ้นหลังได้ยินเสียงเรียก
ทำปากบึ้งเหมือนรำคาญใจก่อนจะหรี่ตาลง หือ?
?...นาย มีผีเสื้อเกาะอยู่บนหัวแน่ะ?
เรื่องนั้นรู้แล้วน่า ทำอะไรสักอย่างสิ
?ชะ ช่วยปัดออกไปที...?
นัตสึเมะใช้สายตาบุ้ยใบ้ไปทางที่ผีเสื้อน่าจะเกาะอยู่
เขาเกลียดผีเสื้อที่สุดในโลก พอเห็นนัตสึเมะตัวสั่นหน้าแดง โทคิโอะก็วางดินสอกับสมุดไว้บนบันไดแล้วยืนขึ้น เดินมาหยุดตรงหน้านัตสึเมะ ทว่านิ่งค้างอยู่อย่างนั้นแล้วเริ่มมองสำรวจ ด้วยนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นที่กำลังห่อหุ้มเขาไปทั้งตัว แววตาที่เคยเป็นดั่งปลาตายเมื่อครู่ บัดนี้กลับเปล่งประกาย
?มะ มองอะไร รีบๆ...เหวอ?
นัตสึเมะได้ยินเสียงกระพือแผ่วเบา ทั้งหวาดกลัวทั้งขนลุก ขยับตัวไม่ได้ ใครก็ได้ช่วยที น้ำใสๆ รื้นขึ้นมาด้วยความขยะแขยง ก่อนจะเอ่อล้นขอบตลิ่งลงมา
แสงแดดส่งผลให้บันไดของแฟลตยามเที่ยงวันแบ่งเป็นแสงและเงาอย่างชัดเจน นัตสึเมะยืนอยู่ฝั่งที่โดนแดด ส่วนโทคิโอะยืนอยู่ฝั่งที่เป็นเงามืด ราวกับต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันจากคนละโลก โทคิโอะสะกดลมหายใจ ยืนมองนัตสึเมะนิ่งๆ
...ผีเสื้อน่ากลัว ไอ้หมอนี่ก็น่ากลัว
จังหวะที่ความหวาดหวั่นใกล้ทะลุขีดจำกัด โทคิโอะก็พยักหน้าเข้าใจ เอื้อมมือมาปัดผมให้เบาๆ นัตสึเมะเผลอหลับตาปี๋เมื่อได้ยินเสียงกระพือปีกแผ่วเบา
?ไปแล้ว?
โทคิโอะบอก เขาจึงลืมตาขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ พบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ใกล้นิดเดียว นัตสึเมะหันไปมองรอบกาย เจ้าผีเสื้อตัวแสบบินไปตรงนู้นแล้ว พอโล่งอกก็พลันหัวเสียขึ้นมา
?ทะ ทำไมไม่รีบปัดออกให้ฉัน?
นัตสึเมะค้อนใส่ขณะปาดน้ำตา
?ก็มันสวยดี?
โทคิโอะไล่สายตาเหมือนกำลังนึกถึงภาพเมื่อครู่
?ผมของนายเป็นสีน้ำตาล เวลาออกแดดเลยเป็นประกายสีทอง ผีเสื้อสีน้ำเงินเกาะอยู่บนสีทองสวยจะตาย ยิ่งร้องไห้ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่?
ใบหน้าพลันร้อนผ่าว
?ยะ อย่ามามั่วนะ! ฉันไม่ได้ร้อง!?
โทคิโอะเบนสายตากลับมาหลังถูกขึ้นเสียงใส่ นัยน์ตาที่จับจ้องมายังเป้าหมายของโทคิโอะทรงพลังอย่างบอกไม่ถูกจนนัตสึเมะถึงกับสะดุ้ง แต่ใครจะไปยอมแพ้ล่ะ





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นัตสึเมะคอยให้กำลังใจโทคิโอะ เพื่อนข้างบ้านสมัยเด็กซึ่งเป็นเสมือนคนในครอบครัว และฝันอยากเป็นนักเขียนการ์ตูนมาตลอด ในขณะที่โทคิโอะผู้เงียบขรึมและไม่แคร์โลกก็เปิดใจให้นัตสึเมะเพียงคนเดียว ขอแค่มีกันและกันก็เพียงพอแล้วสำหรับโลกใบนี้?ทว่าโทคิโอะกลับตัดสินใจเข้าโตเกียวอย่างกะทันหันเพื่อมุ่งสู่การเป็นนักเขียนการ์ตูนมืออาชีพ!! ในคืนก่อนออกเดินทาง โทคิโอะได้อ้อนวอนต่อนัตสึเมะว่า ?ขอแค่ครั้งเดียวก็พอ? และลงเอยด้วยการมีสัมพันธ์กันในที่สุด?!? ทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้งหลังกาลเวลาผันผ่าน และสานต่อความรักในวัยเยาว์ให้สมดังปรารถนา นี่คือเรื่องราวชีวิตวัยรุ่นอันเปล่งประกายที่ถักทอร้อยเรียงจนกลายเป็นความรัก

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”