New Release BLY แปล : พักหัวใจกับนายกระต่าย

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : พักหัวใจกับนายกระต่าย

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1

พ่อ แม่ ทุกคน ผมจะอธิบายว่าไงดีล่ะ ดูเหมือนผมจะหลุดเข้ามาในแดนมหัศจรรย์ซะแล้ว...

เรื่องราวเริ่มจากตอนกลางวันเมื่อวานนี้ เมื่อผมมาเยือนเกาะโอคุโนะชิมะในทะเลเซโตะใน
เกาะโอคุโนะชิมะแห่งนี้เป็นเกาะรีสอร์ตที่แปลกพิลึกเพราะมีทั้งตึกในสมัยสงครามที่โดนทิ้งร้างและมีกระต่ายป่าอยู่เต็มไปหมด ผมกับเพื่อนที่โรงเรียนช่างทำผมมาตั้งแคมป์ที่นี่ด้วยกันสี่คน เพื่อนที่เสนอไอเดียเป็นพวกคลั่งตึกร้าง แต่เกาะแห่งนี้นอกจากมีตึกร้างแล้ว ยังมีโรงแรม สถานที่ตั้งแคมป์ และหาดทราย ทำให้คนทั่วไปเพลิดเพลินได้ไม่แพ้พวกคลั่งตึกร้าง หมอนั่นจึงชวนทุกคนมาด้วยกัน
ผมไม่สนใจตึกร้างหรือกระต่ายเลยสักนิด แต่ก็ตอบตกลงเพราะคิดว่าการตั้งแคมป์กับทุกคนน่าสนุกดี วันนั้นพวกเรานั่งเรือเฟอร์รี่จากทาดาโนะอุมิมาที่เกาะ ตอนนั้นพวกผมลงเรือลำเดียวกับกลุ่มผู้หญิงสี่คนที่อายุไล่เลี่ยกับพวกเรา พวกเธอเหลือบมองมาเป็นระยะๆ ท่าทางสนอกสนใจ แต่เมื่อเรือออกจากท่าได้สักพัก พวกเธอก็ไม่สนใจอีกเลย
เอาเถอะ ผมเข้าใจจิตใจของสาวน้อยที่อยากทักหนุ่มหล่อแต่ก็ไม่กล้าทักนะ คงคิดว่าถึงจะเค้นความกล้ามาชวนคุย อีกฝ่ายก็คงไม่สนใจตัวเองอยู่ดีสิท่า โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นคนหล่อระดับผมแล้ว แค่จะสบตากัน...อ๊ะ โกหกน่ะ ผมพูดเล่น ขอโทษครับผมเข้าใจดี ถึงจะดูเผินๆ เหมือนเป็นกลุ่มหนุ่มหล่อสี่คน แต่พอดูดีๆ แล้วพวกเธอคงเห็นว่าก็แค่หล่อเพราะบรรยากาศเท่านั้นแหละ คงงั้นสินะ
ถึงอย่างไรก็เป็นหนุ่มอายุยี่สิบที่ตั้งเป้าอยากเป็นช่างทำผมและช่างเสริมสวย พวกเราจึงไวต่อสไตล์และแฟชั่น โดยเฉพาะเรื่องทรงผมจะยิ่งใส่ใจเป็นพิเศษ เส้นผมของผมหยักศกคล้ายกับผ่านการดัด ผมจึงแต่งทรงโดยใช้ประโยชน์จากความหยักศกนั้นอีกที ผมที่ว่านี้ยาวจนปิดบังหูและลำคอ เป็นสีน้ำตาลออกสว่าง
นอกจากนั้นพวกเรายังมีร่างสูง หุ่นผอมเพรียวกันทั้งสี่คน
มองไกลๆ แล้วดูเหมือนจะเท่
แต่น่าเศร้าที่หน้าตาใช่ว่าจะหล่อเหลากันทุกคน พวกเราแค่ใช้บรรยากาศกลบเกลื่อน ความจริงแล้วเป็นเพียงผู้ชายสุดแสนธรรมดากันทั้งนั้น รวมทั้งผมด้วย
ดูเหมือนเพื่อนๆ จะสนใจพวกเธอและคาดหวังว่านี่อาจเป็นการพบพานครั้งใหม่ในระหว่างท่องเที่ยว แต่ไม่ทันไรก็ตัดใจเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เหลียวแล
บอกตามตรงแล้ว ผมโล่งใจที่ไม่มีใครออกปากว่าจะลองทักดู ใช่ว่าเป็นเพราะอยากวางท่าเป็นคนจริงจังอะไร แต่ผมชอบสรวลเสเฮฮากับเพื่อนผู้ชายมากกว่า ผมเล่นเคนโดมาตั้งแต่สมัยประถม หลังเลิกเรียนก็เอาแต่ทำกิจกรรมชมรมกับฝึกดาบอยู่ในโรงฝึกจนไม่เคยคบหากับผู้หญิง...ผมไม่ควรโยนความผิดเรื่องที่ไม่เคยคบหากับใครให้เคนโดสินะ ในเมื่อทุกวันนี้ไม่ค่อยได้ไปโรงฝึกแล้ว ผมก็ยังไม่มีแฟน แถมยังไม่มีใครมาสนใจเหมือนเดิม
เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ไม่มีใครเหลียวแลผมคงเป็นเพราะความพูดไม่เก่ง ผมมักพูดน้อยเกินไปอยู่เสมอ มิหนำซ้ำยังชอบหลุดปากพูดเรื่องที่คิดออกมาตามตรงจนเคยโดนผู้หญิงบ่นว่าใจร้าย ไม่ใส่ใจความรู้สึกคนอื่น แน่นอนว่าการพูดป้อยอคนอื่นก็เป็นสิ่งที่ผมไม่ถนัดเอาซะเลย
ต่อให้เป็นคนสงวนคำพูดหรือปากพล่อย แต่ถ้าหน้าตาดีก็คงเนื้อหอมอยู่นั่นเอง หรือต่อให้ไม่หล่อ แต่ถ้าพูดเก่งก็คงเสน่ห์แรงไม่น้อย คนหน้าตาธรรมดาแถมยังปากไม่ดีเนี่ยไม่มีองค์ประกอบที่จะทำให้เนื้อหอมเลยสินะ ฮะๆๆ
ในเมื่อเป็นแบบนี้ อาจมีคนสงสัยว่าทำไมคนพูดไม่เก่งอย่างผมถึงอยากเป็นช่างทำผมซึ่งเป็นงานบริการ แต่เพราะเหตุนี้นี่แหละ ขืนทำงานที่ไม่จำเป็นต้องพูดคุย อาการพูดไม่เก่งคงยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม ผมไม่ได้รังเกียจการเอ่ยปากซะหน่อย ถ้าทำงานที่จำเป็นต้องพูด ผมอาจพูดเก่งขึ้นมาบ้างก็ได้ใช่ไหมล่ะ? แต่ดูเหมือนว่าช่างทำผมสำหรับผู้หญิงจะต้องมีวาทศิลป์ระดับเดียวกันกับโฮสต์ ผมจึงเลือกเป็นช่างทำผมสำหรับผู้ชายเพราะไม่มีความมั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้น ลูกค้าเป็นผู้ชายน่าจะสบายกว่ากันเยอะ
นอกจากนั้นถึงจะพร่ำบ่นว่าไม่มีใครเหลียวแล แต่ขอบอกไว้เลยว่าผมไม่ได้อยากเป็นคนเสน่ห์แรงอะไรนักหรอก ใช่ว่าผมอยากให้ใครต่อใครมารุมรัก ผมแค่อยากมีความรักแบบที่ใจตรงกันกับคนที่ชอบจริงๆ มากกว่า พ่อแม่ของผมหนีตามกันมาแต่งงาน จนป่านนี้อายุเลยห้าสิบแล้วก็ยังรักกันหวานชื่น รักกันชนิดที่ชอบทำตัวเหมือนพวกคู่รักงี่เง่าต่อหน้าลูกๆ จนบางครั้งผมก็อายแทนพ่อแม่ แต่บางทีก็อดหลงใหลความรักแบบนั้นไม่ได้
ถ้าได้พบคนที่รักมากจนลืมคนรอบข้างแบบนั้นจะมีความสุขแค่ไหนกันนะ ผมสงสัย เพราะเหตุนั้นผมถึงรู้สึกต่อต้านการลองทักอีกฝ่ายแค่เพราะเห็นว่าน่ารักดี หรือการคบกันเพราะสถานการณ์พาไป
เอาล่ะ ถึงผมจะพร่ำพรรณนาข้อแก้ตัวเรื่องที่ไม่มีแฟนยาวเหยียดจนน่าสมเพชแบบนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรมันก็เป็นแค่ข้อแก้ตัวของหนุ่มซิงเท่านั้นแหละ ช่วยฟังเฉยๆ ก็พอ
เมื่อมาถึงที่เกาะ บรรดากระต่ายน่ารักก็ออกมาต้อนรับ พวกเพื่อนๆ จึงหันไปสนใจกระต่ายพวกนั้นแทนสาวๆ
พวกเรามาถึงตอนเย็น หลังจากนั้นจึงทำอาหารกับกางเต็นท์จนฟ้ามืด แล้วค่อยดื่มเบียร์พลางเที่ยวเตร่รอบเกาะอย่างสนุกสนาน ทดสอบความกล้ากันเล็กน้อยด้วยการส่องไฟฉายสำรวจตึกร้าง คืนนี้อยู่ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง แต่อากาศร้อนที่ยังหลงเหลือจากฤดูร้อนช่วยให้อบอุ่นกำลังดี แถมร่างกายยังร้อนผ่าวด้วยฤทธิ์สุรา ผมเดินเตร่ไปตามถนนยามค่ำคืน สวมเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนโดยไม่สวมเสื้อคลุม ความที่ดื่มเบียร์มากไปทำให้เริ่มอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา
?ยูคิ จะไปไหน~??
เพื่อนคนหนึ่งร้องทักเมื่อผมแยกตัวจากกลุ่มออกนอกทาง
?ห้องน้ำ พวกนายไปก่อนเถอะ?
?โอ้ แล้วไปเจอกันที่จุดชมวิวล่ะ?
คุ้นๆ ว่าดูจากในแผนที่แล้วแถวนี้มีห้องน้ำสาธารณะอยู่ด้วย ผมนึกด้วยสมองมึนเมาพลางเดินโซเซก่อนหาห้องน้ำพบในที่สุด หลังจากทำธุระจนเสร็จ ผมจึงมุ่งหน้าไปยังจุดชมวิวตามลำพัง แผนที่อยู่กับเพื่อนๆ ส่วนผมไม่มีแผนที่ติดตัวเลยไม่ได้ตรวจสอบทางไปจุดชมวิวให้แน่ใจ แต่ที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ ที่ภูมิประเทศและถนนหนทางเรียบง่าย แค่มุ่งหน้าไปทางยอดเขาเดี๋ยวก็คงไปถึงเองนั่นแหละ ผมคิดพลางเดินโต๋เต๋ขึ้นไปตามเส้นทางลาดชัน
เมื่อเดินไปตามเส้นทางลาดยางสักพักก็มาถึงจุดที่ถนนแยกเป็นสองเส้น ทางหนึ่งเป็นทางโค้งลาดยาง อีกทางเป็นทางของสัตว์ป่า ทางหลังลาดชันกว่ากันมาก ผมเลือกทางนี้โดยไม่ลังเลเพราะตัดสินใจว่าทางนี้น่าจะช่วยให้ไปถึงยอดเขาได้เร็วกว่า
ผมเดินอาดๆ ไปตามเส้นทางที่แคบและมืดสลัวไร้ซึ่งแสงไฟ จากเดิมที่มืดอยู่แล้วเพราะเป็นคืนเดือนมืด พอปกคลุมด้วยพุ่มไม้หนาทึบแล้วเส้นทางของสัตว์ป่าสายนี้ยิ่งมืดจนน่าหวั่นใจ แต่เพราะเมาอยู่ ผมจึงไม่ได้ใส่ใจนัก
เส้นทางเงียบสงัดไม่มีแม้แต่ลมพัดผ่าน ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าและเสียงหายใจของตัวเอง
?โอ๊ะ?
เข้ามาในเส้นทางสัตว์ป่าได้ไม่ทันไร ผมก็ชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นลูกกระต่ายสีขาวอยู่บนเส้นทางข้างหน้า พอเผลอส่งเสียงออกไป มันก็หันกลับมามองผม
ผมกับกระต่ายจ้องตากันอยู่หลายวินาที
?อา โทษทีนะ ตอนนี้ฉันไม่มีอาหารหรอก?
กระต่ายที่นี่เป็นกระต่ายป่าแท้ๆ แต่พอเจอคนทีไรมักจะเข้ามาคลอเคลียคล้ายขออาหารทุกที ทว่าลูกกระต่ายตัวนั้นไม่ยักเข้ามาใกล้ ราวกับรู้ว่าผมไม่มีอาหารติดตัวทั้งๆ ที่มันไม่มีทางเข้าใจภาษาคน
ผมนึกว่ามันจะหายแวบไปข้างทางในทันที แต่เจ้ากระต่ายกลับหมุนตัวหันหลัง ทำคางพยักพเยิดคล้ายจะบอกว่า ?ตามมาสิ? จากนั้นจึงกระโดดดึ๋งดั๋งราวกับจะนำทางผม จะว่าไปแล้ว พวกกระต่ายที่เห็นอยู่มากมายเมื่อตอนเย็นแทบไม่ค่อยโผล่มาให้เห็นเมื่อตกกลางคืน ถึงจะเห็น อย่างมากก็แค่ขดตัวอยู่นิ่งๆ แทบไม่ขยับเขยื้อน ทว่ากระต่ายน้อยตัวนั้นกลับวิ่งอย่างร่าเริง
ตั้งแต่มาที่เกาะนี้ ผมเพิ่งจะเห็นกระต่ายวิ่งนี่แหละ หางที่ขยับดุกดิกนั่นน่ารักไม่เบาทีเดียว
บริเวณที่กระต่ายอยู่กันมากที่สุดคือรอบๆ ที่พัก รองลงมาคือพวกสถานที่ท่องเที่ยว การที่กระต่ายโผล่มาให้เห็นแสดงว่าจุดชมวิวคงอยู่ไม่ไกล ตามลูกกระต่ายตัวนี้ไปเดี๋ยวก็คงไปถึงเอง
?ตามกระต่ายไป~...กระต่ายน้อย...อร่อยจัง...?
ผมเหม่อลอยตามหางสีขาวนั้นไปโดยไม่คิดอะไร
ดูเหมือนผมจะเมาไม่น้อย ผมจึงจำเรื่องราวหลังจากนั้นไม่ได้เลยสักนิดเดียว

ผมฝัน
ฝันว่าตัวเองกลายเป็นสาหร่ายที่ถูกซัดเข้าหาฝั่ง
ผมยืนกรานว่าตัวเองมีคลอโรฟิลล์อย่างแข็งขัน ฝันบ้าอะไรก็ไม่รู้
ผมมักจะฝันอยู่บ่อยๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฝันเห็นตัวเองกลายเป็นอย่างอื่น ความรู้สึกล่องลอยเคว้งคว้างนั้นไม่ชวนให้รู้สึกดีสักเท่าไร ระลอกคลื่นเย็นเยียบซัดเป็นจังหวะจนรากของผมเปียกปอน ความร้อนถูกช่วงชิงไปจากร่างสีเขียว น้ำทะเลปะปนด้วยเม็ดทรายสาดซัดเข้าใส่แผ่นหลัง
ความเจ็บปวดที่ทรมานผมอยู่นั้นค่อยๆ เปลี่ยนจากเรื่องในความฝันกลายมาเป็นความจริง
หนาว หนาวชะมัด ปวดหัวด้วย เพราะเมาค้างสินะ
ความรู้สึกไม่สบายตัวเหลือทนและแสงแดดยามเช้าที่สัมผัสได้หลังเปลือกตาค่อยๆ เรียกสติกลับคืนมา ได้ยินเสียงคลื่นและได้กลิ่นน้ำทะเล
ดูเหมือนว่าผมจะนอนอยู่บนชายหาด รู้สึกได้ว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่เปียกชุ่ม เพราะเหตุนี้สินะถึงได้ฝันว่ากลายเป็นสาหร่ายทะเล แต่เรื่องฝันนั่นน่ะช่างมันเถอะ ทำไมถึงมานอนอยู่บนชายหาดได้เล่า ผมสะกดอาการปวดหัวครุ่นคิด ตอนนั้นเองที่เสียงต่ำๆ ดังมาจากด้านบน
?รู้สึกตัวแล้วรึ?
เสียงของชายหนุ่มนั้นไม่คุ้นหู ไม่ใช่เสียงของเพื่อน
ผมลืมตาเห็นชายแปลกหน้าชะโงกมองมา อีกฝ่ายเป็นคนญี่ปุ่น หากแต่มีใบหน้าคมเข้ม ดุดันราวกับเป็นหัวหน้าโจรภูเขา อายุน่าจะใกล้เคียงกับผม ผิวเกรียมแดด ผมสีแดงสั้น บนศีรษะมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่
วัตถุทรงยาวงอกขึ้นมาจากบนศีรษะของเขา ดูเหมือนหูกระต่าย นั่นมันอะไรหว่า
โจรภูเขาคุกเข่ามองดูผมที่ยังนอนอยู่ รอบข้างมีคนอยู่อีกหลายคน คนอื่นๆ ที่อยู่ห่างออกไปต่างยืนมองดูผมด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ดูเหมือนจะมีกันราวสิบคน มีตั้งแต่ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบเรื่อยไปจนถึงชายล่วงเข้าวัยชราผมสีขาวโพลน ทุกคนเป็นชายหน้าคมเข้มสวมกิโมโน ร่างสูงใหญ่เหลือเชื่อ น่าจะสูงกันราวๆ สองเมตร ร่างกายดูกำยำล่ำสันผิดธรรมดา เป็นเพราะผมแหงนมองระหว่างนอนอยู่หรือไงกันนะ
ทุกคนมีสิ่งแปลกปลอมที่ดูเหมือนหูกระต่ายติดอยู่บนศีรษะ
เจ้านี่มันคืออะไรกันแน่
ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นเป็นหูกระต่าย นี่ผมละเมออยู่หรือไง หรือว่ายังอยู่ในฝันกันแน่
นอกจากสมองยังไม่ทำงานเพราะเพิ่งตื่นแล้ว อาการปวดหัวจากการเมาค้างยังรบกวนความคิด ไหนจะอารมณ์ค้างจากการฝันว่าตัวเองกลายเป็นสาหร่ายอีก ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่ใช่ความเป็นจริงหรือเปล่า
ท่าทางนุ่มนิ่ม สัมผัสแล้วคงรู้สึกดีสินะ
หูที่สั่นไหวนั่นดูราวกับเชื้อเชิญให้จับซะด้วยสิ
...อยากจับชะมัด
ผมผุดลุกขึ้น จ้องมองศีรษะของโจรภูเขาตรงหน้า จากนั้นจึงค่อยๆ ยื่นมือไปจับหูกระต่ายทั้งที่ยังเหม่อลอย ใช้สองมือจับหูทั้งสองข้างเต็มแรง
โอ้โห ไรขนชวนให้รู้สึกดีสุดๆ จังหวะที่คิดเช่นนั้น ผมก็สังเกตว่าโจรภูเขาเบิกตาโตตัวแข็งทื่อ
พร้อมกันนั้นชายที่อยู่รอบข้างพากันส่งเสียงอย่างตกตะลึง
?บะ บัดสีเหลือเกิน?
?วิตถาร?
?วิตถารชัดๆ?
?ช่างกล้าต่อหน้าผู้อื่น ไร้ยางอายสิ้นดี?
ชายเหล่านั้นเอ่ยปากพลางถอยหลังอย่างพรั่นพรึง ปฏิกิริยานั่นมันอะไรกัน
ส่วนโจรภูเขาที่ตัวแข็งทื่อเพราะโดนจับหูกระต่ายก็ร้องลั่นอย่างตื่นตระหนก
?จะ จะ จู่ๆ ทำอะไรของเจ้า!?
ไม่รู้ทำไมโจรภูเขาถึงหน้าแดงก่ำด้วยความอาย เขาถอยจากผมจนล้มก้นจ้ำเบ้า ผมจึงปล่อยมือจากหูกระต่ายโดยอัตโนมัติพร้อมๆ กัน
?อ๊ะ... ขอโทษ?
ถึงจะได้จับแค่ชั่วครู่ ผมก็รับรู้ได้ว่าหูนั้นอบอุ่น ผิวสัมผัสไม่เหมือนของปลอม แต่ชวนให้รู้สึกดีเหมือนกับกระต่ายที่ได้สัมผัสบนเกาะ นั่นไม่ใช่ของเล่นที่ดึงแล้วจะหลุดออกมา แต่เป็นหูที่งอกออกมาจากศีรษะจริงๆ...
ของจริงเหรอเนี่ย? ว่าแต่ต่อให้เป็นของปลอมก็เถอะ ทำไมทุกคนถึงสวมของพิสดารพรรค์นี้ล่ะ
ปฏิกิริยาของทุกคนก็น่าแปลกใจไม่น้อย หาว่าผมวิตถารสินะ ถึงจะเสียมารยาทที่จู่ๆ ไปจับเข้า แต่ปฏิกิริยาของพวกเขามีบางอย่างผิดปกติ
คนพวกนี้เป็นใครกันแน่
ไม่สิ ที่สำคัญกว่านั้น ที่นี่มันที่ไหนกัน เกิดอะไรขึ้นกับผม?
หัวสมองที่ค่อยๆ กลับมาทำงานเริ่มตระหนักถึงสถานการณ์อันแปลกประหลาด
พอลองเพ่งสมาธิไปยังด้านหลังของเหล่าชายร่างใหญ่ที่มีหูกระต่ายงอกออกมาจึงพบว่าที่นี่คือชายหาดกว้างขวางตามธรรมชาติ เกาะโอคุโนะชิมะซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ไม่มีทางมีชายหาดกว้างขนาดนี้อยู่แน่นอน
ผมสับสน รีบย้อนนึกถึงความทรงจำเมื่อคืน
ผมจำได้ว่าพวกเราดื่มเหล้าด้วยกันตอนกลางคืน สรวลเสเฮฮาพลางเดินเตร่ไปรอบเกาะ ระหว่างทางไปจุดชมวิว ผมผละออกมาตามลำพังเพราะอยากไปเข้าห้องน้ำ แต่หลังจากนั้นผมจำอะไรไม่ได้อีกเลย
ดูเหมือนจะดื่มหนักเกินไปจนไม่เหลือความทรงจำ แต่ผมนึกไม่ออกเลยว่าไปทำอะไรเข้าถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์นี้
?เทพกระต่ายคราวนี้ชอบเล่นวิตถารหรือนี่??
?ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงพรรค์นั้นได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางจะตัณหาจัดยิ่งกว่าเทพกระต่ายของพวกเรา?
?ไม่สิ ทั้งสีผมและสีผิวล้วนต่างจากเทพกระต่าย...ใช่เทพกระต่ายแน่หรือ??
?สวมกิโมโนพิสดารต่างจากในตำนานด้วย?
ผมได้ยินชายเหล่านั้นกระซิบกระซาบพลางมองมาอย่างหวาดหวั่น ดูเหมือนจะพูดถึงผมกันอยู่ แต่ผมกลับไม่เข้าใจความหมายเท่าไรนัก ผมสังเกตท่าทีของพวกเขาพลางตั้งใจจะถามว่าที่นี่มันที่ไหนกันแน่ ตอนนั้นเองผมก็เห็นชายอีกหลายคนกำลังมุ่งหน้ามาแต่ไกล
ชายเหล่านั้นร่างใหญ่ สวมกิโมโน และมีหูกระต่ายเช่นกัน แต่ในบรรดานั้นมีคนที่ไม่มีหูกระต่ายอยู่คนหนึ่ง ร่างกายก็ไม่ได้ใหญ่โต สูงประมาณคนญี่ปุ่นทั่วไป เขาโดนชายร่างใหญ่อุ้มด้วยแขนข้างหนึ่งอยู่ใจกลางกลุ่ม ขณะที่คนรอบข้างสวมกิโมโนสีน้ำเงินเข้มหรือสีน้ำตาล ชายคนนั้นกลับสวมกิโมโนสีสดใสอยู่คนเดียว นอกจากนั้นพวกชายร่างใหญ่ยังมีผมสีแดงสั้น ในขณะที่ชายคนนั้นรวบผมดำยาวเอาไว้ด้วยกัน
มีคนปกติที่ไม่มีหูกระต่ายอยู่ด้วยสินะ ขณะที่เฝ้ามองอย่างโล่งอก พวกเขาก็ก้าวมาถึงใกล้ๆ ผม ชายร่างใหญ่พวกนี้ทั้งตัวโต ทั้งขายาว พวกเขาจึงเดินเร็วมาก
กลุ่มชายร่างใหญ่ที่มาทีหลังชะงักเท้าในระยะห่างจากผมราวสองเมตร ผมสัมผัสได้ว่าพวกเขากำลังระแวดระวัง
ชายที่ไม่มีหูกระต่ายน่าจะอายุราวสามสิบ หน้าตาดูเรียบร้อย ผิวขาว
ส่วนชายร่างใหญ่มีหูกระต่ายที่อุ้มเขาอยู่อายุราวยี่สิบกลางๆ ใบหน้าคมเข้ม ท่าทางองอาจและทรงอำนาจ ให้ความรู้สึกว่าเป็นหนุ่มหล่อเอาจริงเอาจังตามขนบ
ชายผู้ไร้หูกระต่ายมองผมด้วยท่าทางตื่นเต้นพลางเกาะกุมแขนของชายร่างใหญ่ผู้องอาจที่อุ้มอยู่แน่นขึ้น
?ทาคาโทชิคุง ปล่อยฉันลงเถอะ?
ชายร่างใหญ่จ้องมองผมอย่างระแวดระวังพลางส่ายศีรษะ
?มิได้ขอรับ ข้าปล่อยมือจากท่านที่ชายหาดไม่ได้?
?แต่แบบนี้มันคุยกันยากนะ?
?ข้าจะให้คนอื่นเจรจาแทน ข้าปล่อยมือจากท่านไม่ได้ ขืนท่านหายไปในทันทีที่ข้าปล่อยเล่า... ข้าพาท่านมาถึงที่นี่แล้ว ไม่อาจประนีประนอมมากไปกว่านี้?
?ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ฉันว่าไม่เป็นไรนะ?
พอดูดีๆ แล้วผมจึงเห็นว่าข้อมือของชายผู้ไร้หูกระต่ายมีเชือกที่ดูคล้ายสายคาดกิโมโนผูกอยู่ ปลายเชือกผูกเข้ากับแขนของชายร่างใหญ่
?ฝ่าบาท?
โจรภูเขาที่อยู่ข้างผมหันมองชายผู้องอาจด้วยสีหน้าเป็นห่วง
?พาท่านผู้นั้นมาในที่แบบนี้จะดีหรือ?
?ข้าเองก็ไม่อยากพามา แต่ในเมื่อโดนขอร้องว่าอยากดูให้แน่ใจก็ช่วยไม่ได้?
นอกจากโดนเรียกว่าทาคาโทชิแล้ว ชายผู้องอาจยังโดนเรียกว่าฝ่าบาทด้วย ความรู้อันน้อยนิดของผมบ่งบอกว่าคนที่โดนเรียกว่าฝ่าบาทนั้นมีเพียงระดับกษัตริย์หรือจักรพรรดิ ผมไม่รู้ว่าคนที่ชื่อทาคาโทชิเป็นใคร แต่เขาคงเป็นคนใหญ่คนโตสินะ ผมไม่เคยพบคนที่โดนเรียกว่าฝ่าบาทหรอก แต่คนแบบนั้นก็มีอยู่จริงด้วยแฮะ
?ว่าแต่อากิโยชิ สอบประวัติหรือยัง?
ทาคาโทชิเอ่ยถามโจรภูเขา ดูเหมือนโจรภูเขาจะชื่ออากิโยชิ
?กำลังจะตรวจสอบขอรับ?
โจรภูเขาหรืออากิโยชิหันหน้ากลับมาหาผมก่อนจะเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
?เจ้าก็เป็น...เทพกระต่ายงั้นรึ??
?หา??
เทพกระต่าย พูดอะไรของเขานะ? ผมขมวดคิ้ว อากิโยชิถามต่อเสียงต่ำ
?หากไม่ใช่แล้วเจ้าเป็นใคร ไม่ใช่คนที่นี่สินะ มาจากที่ใดกัน?
?...มาจากไหนงั้นเหรอ...ก็มาจากเกาะโอคุโนะชิมะน่ะสิ?
เพราะไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ผมเลยไม่แน่ใจว่าควรตอบอย่างนั้นหรือเปล่า หรือเขาอยากรู้บ้านเกิดของผมกันแน่นะ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่นี่มันที่ไหน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังระแวงอยู่ ผมจึงตอบไปโดยไม่ถามไถ่เพราะคิดว่าก่อนอื่นควรแสดงให้เห็นว่าผมไม่ใช่ศัตรู พอตอบไปแล้วผมก็เหลือบไปเห็นชายผู้ไร้หูกระต่ายทำหน้าตกใจ
?ที่นั่นคือ...ดินแดนแห่งดวงจันทร์...คือญี่ปุ่นใช่หรือเปล่า?
อากิโยชิพูดว่าดินแดนแห่งดวงจันทร์ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคำว่าญี่ปุ่น แม้จะสงสัยว่าดินแดนแห่งดวงจันทร์หมายถึงอะไร แต่ผมก็พยักหน้าเพราะมาจากญี่ปุ่นจริงๆ





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นาสุ ยูคิ นักเรียนโรงเรียนเฉพาะทางออกเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะโอคุโนชิมะกับเพื่อน แต่พอรู้ตัวอีกทีเขาก็โดนพวกชายร่างใหญ่มีหูกระต่ายอยู่บนหัวล้อมอยู่ริมหาดซะแล้ว ยูคิที่นึกอัศจรรย์ใจลองจับหูของอากิโยชิ ชายซึ่งดูภายนอกไม่ต่างจากโจรภูเขา ทว่าคนรอบข้างกลับพากันแตกตื่น เพราะดูเหมือนเกาะแห่งนี้จะถือว่าการสัมผัสหูเป็นเรื่องลามกอนาจารสุดๆ!?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”