New Release : ลิขิตรักวิวาห์ลวง

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : ลิขิตรักวิวาห์ลวง

โพสต์ โดย Gals »

1

วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีเวลานานถึงสี่วัน ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็เป็นที่เรียกติดปากของคนไทยไปแล้วว่า ?ลองวีกเอนด์? แล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนมักจะออกไปพักผ่อนยังต่างจังหวัดใกล้บ้างไกลบ้างแล้วแต่ความสะดวกและกำลังทรัพย์ของแต่ละคน...ซึ่งมันก็ทำให้กระท่อมริมทะเลซึ่งมีเกือบยี่สิบหลังบนเกาะ ?ทรายขาว? แห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนอีกครั้งหนึ่ง...
?ฟาน? หรือ ?ฟานรี? ซึ่งมีหน้าที่เป็นทั้งฝ่ายประชาสัมพันธ์และต้อนรับรวมกันจนมั่วไปหมดในบางครั้งต้องทำงานหนักเลยทีเดียว...โดยเฉพาะวันนี้หล่อนก้มๆ เงยๆ อยู่กับสมุดบันทึกการเข้าพักของผู้คนตั้งแต่เช้ามายันมืดจนมีความรู้สึกว่ามึนหัวไปหมด ไม่อยากจะเงยหน้าพูดกับใครอีก...
กระทั่งมีเสียงเหมือนพวงกุญแจถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ ตามมาด้วยเสียงกระเป๋าที่วางลงกับพื้นหนักๆ และเสียงกดกริ่งเรียกตัวที่ตามมาเป็นระยะ นั่นแหละ...ฟานรีจึงเงยหน้าขึ้นจากถ้วยกาแฟดำแก่จัดๆ ที่แอบหันไปจิบเพื่อที่จะมีแรงกลับไปเปิดลูกกะตารับแขกต่อไป...
ใช่แล้ว...หล่อนรู้ว่าวันนี้ แม้จะสองยามก็ยังจะมีคนมาพัก...เพราะอยู่ใกล้เมืองหลวงมาก ขับรถสองชั่วโมงก็ถึง...และกำลังโฆษณากันหั่นแหลกถึงความสะดวกสบายที่จะมาถึงโดยเรือโดยสารที่มีจอดรับส่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่เอง
หล่อนเปิดดวงตายาวรีชั้นเดียวดำสนิทซึ่งแสดงให้เห็นพันธุกรรมของตนได้ชัดเจนกว่าเพื่อนให้กว้างขึ้นก่อนจะหันไปฉีกยิ้ม ?รับแขก? เต็มที่...
หากแต่เมื่อมองเห็นผู้มาใหม่ได้ถนัด...ฟานรีก็มีความรู้สึกเหมือนจะชาวูบตั้งแต่ศีรษะจนจรดเท้า...ไม่รวมถึงหัวใจที่กระตุกวูบขึ้นอีกต่างหาก
หล่อนถึงกับเซและต้องยกมือขึ้นขยี้ตาเพราะกลัวว่าตัวเองจะตาฝาดไป...
แต่นั่นแหละ...ร่างที่เห็นก็ยังเห็นอยู่ไม่ได้เลือนหายไปไหน...มิหนำซ้ำดวงตาของอีกฝ่ายที่มองสบมานั้นก็มีทีท่าจะจำหล่อนได้เช่นกันเสียด้วย
?เธอนี่เอง...?
หล่อนได้ยินเขารำพึงออกมาเบาๆ เมื่อขยับเข้าไปใกล้โดยมีเคาน์เตอร์กั้นนั้น...และสบตากันอย่างค้นคว้าอยู่ชั่วครู่
?คุณ...ต้องการที่พักหรือคะ?
หล่อนถามออกไปตะกุกตะกัก...ภาวนาเหลือเกินที่จะให้เขาจำหล่อนไม่ได้ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน...
?ใช่...ฉันสั่งจองมาแล้วในนามของชาญชัย?
เสียงทุ้มลึกนั้นตอบขณะที่ดวงตาดำใหญ่ยังทอดมายังร่างบางตรงหน้าไม่คลาดสายตา
แน่นอน...แม้จะนานเท่าไรก็คงจะลืมหล่อนไม่ได้ง่ายๆ หรอก...ชายหนุ่มบอกตนเอง...
?ค่ะ...ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว?
?ใช่...รู้สึกว่าวันหยุดคราวนี้คนมากเชียวนะ?
?ค่ะ...ถ้าคุณไม่จองเอาไว้ก็ไม่มีที่พักเลยค่ะ ทุกหลังเต็มหมดจนต้องโทร.หาที่พักใกล้ๆ นี่ให้จนปวดหัวไปหมดแล้วค่ะ...?
ฟานรีตอบโดยไม่มองหน้า ก้มหน้าก้มตาหยิบโน่นคว้านี่ ทำทีเหมือนจำเขาไม่ได้กระนั้น...แต่อีกฝ่ายไม่ยอมที่จะให้สิ่งที่หล่อนภาวนาเป็นไปอย่างที่คิด
?มาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือ...?
คำถามนุ่มนวลที่ดังต่อมาทำเอามือที่คว้ากุญแจห้องพักมาส่งให้ต้องชะงักไปชั่ววินาที
?ค่ะ...?
หล่อนตอบสั้นๆ พร้อมกับวางกุญแจลงตรงหน้าเขา
?ตั้งแต่จดทะเบียนกันที่อำเภอนั่นน่ะหรือ...?
คำถามที่ตามติดมาอีกทำให้ฟานรีรู้ชัดว่าอีกฝ่ายยัง ?จำได้? แน่นอน...
?ไม่ใช่ค่ะ?
หล่อนตอบก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเต็มตา
?สบายดีหรือ...? ชายหนุ่มถามอีก
?ค่ะ...?
?แล้วเตี่ยล่ะ...สบายดีไหม มาอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า...?
?ค่ะ...?
ดูเหมือนเขาจะยังจำหล่อนได้อย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุมเลยทีเดียว...และคำตอบที่ให้อีกฝ่ายได้ก็ดูเหมือนจะมีอยู่คำเดียวจริงๆ
?ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะ มิสซิสสุรกานต์...?
คัมภีร์ สุรกานต์ ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ให้หล่อนก่อนจะคว้ากุญแจห้องและกระเป๋าเดินจากไป และเวลานั้น...ฟานรีถึงกับทรุดตัวลงนั่งด้วยอาการเข่าอ่อนอย่างหมดแรง...หมดกำลังเลยทีเดียว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มันเป็นเวลาเกือบตีหนึ่งที่หล่อนหยุดงานของตนเองในคืนนั้น และก้าวออกมาจากห้องประชาสัมพันธ์และรับแขก
ถ้าเป็นในโรงแรมใหญ่ๆ ก็คงจะต้องมีเวรคอยรับช่วง...และมีระบบระเบียบอะไรอีกเยอะแยะ แต่ที่นี่...เป็นเพียงกิจการบ้านเช่าเล็กๆ ธรรมดาๆ จึงไม่มีปัญหาอะไรนัก อีกอย่างหนึ่ง...กระท่อมที่พักทุกหลังได้จัดเตรียมข้าวของสำหรับบริการเตรียมไว้พรักพร้อมแล้ว
กลางคืนของที่นี่จึงมีแต่ความสงบเงียบ...เหมาะที่จะนอนพักผ่อนมากกว่าจะประพฤติตนเป็นนกฮูกหรือค้างคาวตามสถานเริงรมย์อย่างที่อื่น
ชีวิตของคนที่นี่คือชีวิตที่อยู่มาโดยสงบสุข...โดยตลอด...และทุกคนก็พอใจจะควบคุมให้มันอยู่เพียงแค่นี้
ฟานรีพาตนเองเดินไปตามทางเดินตรงไปยังกระท่อมที่พักด้านหลังซึ่งสร้างขึ้นง่ายๆ จากวัสดุที่มีอยู่บนเกาะนี่เอง...เป็นกระท่อมสี่เหลี่ยมมุงจากทันสมัยมีห้องน้ำในตัวเรียบร้อย
ในห้องของหล่อนแบ่งออกเป็นสองส่วน...ส่วนหนึ่งเป็นของบิดาและอีกส่วนเป็นของฟานรี
หญิงสาววางกระเป๋าถือใบใหญ่ที่บรรจุของสารพัดลงบนเตียงก่อนจะเดินไปดูบิดาซึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงอีกด้านหนึ่ง
?ฟานหรือ...?
คำถามที่ดังมาจากริมฝีปากสีซีดทั้งๆ ที่ดวงตายังหลับทำให้หญิงสาวต้องรีบพยักหน้า...
?จ้ะเตี่ย...ฟานเอง หลับเถอะจ้ะ...ไม่ต้องห่วงฟาน?
?วันนี้คนมากใช่ไหม ได้ยินเขาพูดกัน...?
?ใช่จ้ะ...เต็มหมดเลย แถมยังต้องส่งต่อที่อื่นอีก...นับว่าปีนี้เป็นปีท่องเที่ยวจริงๆ จ้ะเตี่ย มีลูกค้าตลอดเลย...?
?ดีๆ แต่ต้องระวังอย่าให้พื้นที่ต้องเสีย เพราะความมักง่ายของคน?
ฟานรีหยุดมือที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหันมามองผู้เป็นบิดาแวบหนึ่งก่อนจะทำงานต่อ...
หล่อนไม่กลัวว่าเตี่ยจะเห็นหรอก เพราะท่าน ?ตาบอด? มาหลายปีแล้ว...และเพราะอาการตาบอดนี่แหละที่ทำให้ฟานรีต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาดูแลพ่อถึงที่นี่...
หล่อนถอนใจยาวเมื่อคิดถึงเรื่อง ?ข้ามน้ำข้ามทะเล? ซึ่งมันเป็นเหตุที่ทำให้ต้องมาพบบุรุษคนหนึ่งและเกิดเรื่องตามมาโดยไม่ตั้งใจ...ซึ่งบัดนี้เตี่ยก็ยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงที่ฟานรีสามารถอยู่ในเมืองไทยได้โดยมีสิทธิ์ครบถ้วนเสียด้วย
หญิงสาวคว้าเสื้อคลุมเก่าๆ มาสวมและเดินเข้าไปหยุดอยู่ในห้องน้ำแคบๆ ที่ได้รับการดูแลจนสะอาดอยู่เสมอ...ใช้เวลาอาบน้ำอยู่ไม่นานก็ก้าวกลับออกมาภายนอกและเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเก่าๆ
ฟานรีคว้าแปรงมาแปรงผม...และมองดูหญิงสาวหน้าตาซีดๆ ที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานนั้น
นานเท่าไรแล้วนะที่หล่อนได้เหยียบลงบนพื้นแผ่นดินแห่งนี้...สามปีทีเดียวนะ...สามปี...
สามปีที่เปลี่ยนแปลงเด็กสาวอายุเพียงสิบเก้าให้กลายเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบสอง มีการงาน มีอาชีพที่พอจะดูแลบิดาตาบอดได้ในที่สุด
สามปีแห่งความเหนื่อยยาก การต่อสู้อย่างตีนถีบปากกัด จนกระทั่งได้มาอยู่ถึงนี่...ซึ่งใช่ว่ามันจะสบายเลิศเลออะไรนักหนา...แต่นั่นแหละ มันก็ยังดีกว่าการไปเป็นขอทานอยู่ข้างถนนโดยไม่มีใครดูแลล่ะ
ขณะที่ฟานรีมัวนั่งคิดย้อนไปสู่ความหลังของตนนั้น หญิงสาวไม่รู้หรอกว่านอกกระท่อมกำลังมีคนจ้องมองหล่อนอยู่สองพวก...พวกหนึ่งก็คือคนงานของรีสอร์ตแห่งนี้นี่เอง
?เฮ้ย...ไง...อีหมวยกลับบ้านแล้วรึ?
คำถามมาจากคนคนหนึ่งซึ่งซักอีกคนที่ยืนซุ่มอยู่ใต้ต้นมะพร้าวใหญ่
?เธอกลับมาแล้ว...เมื่อกี้นี้เอง?
?แล้วมึงมาคอยอะไรอยู่ มันกลับแล้วก็หมดหน้าที่สิวะ...เสี่ยสั่งไว้แค่นี้ไม่ใช่เรอะ?
?เออ...กูกำลังจะกลับนี่แหละ?
?กูว่ามันน่าเบื่อหน่ายแทนเสี่ยจริงๆ ว่ะ...เฝ้าอยู่ได้เป็นปี...เป็นกูฉุดให้รู้แล้วรู้รอดไป...?
?มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกโว้ย มึงก็รู้นิสัยเสี่ยว่าแกไม่ชอบบังคับขืนใจผู้หญิง มันเสียฟอร์มเสี่ยรูปหล่อหมด...ทุกอย่างมันต้องให้เขาสมยอมโว้ย สนุกอยู่ข้างเดียวได้ไง...ข้อสำคัญตอนนี้เสี่ยกำลังมีเรื่องอยู่กับเมียๆ ทางโน้นอยู่ เลยต้องเงียบๆ ทางนี้ไว้ก่อน ขืนกระโตกกระตากมีหวังได้ตายกันไปข้าง มึงก็รู้จักอาซ้อนี่หว่า...แกขี้หึงจะตายห่า...?
?แต่เสี่ยก็เจ้าชู้วายร้าย?
คนทั้งคู่ต่างวิพากษ์วิจารณ์เจ้านายก่อนจะเดินหายเงียบไปทางหนึ่งโดยไม่รู้เลยว่า ไม่ไกลจากที่ตนยืนคุยอยู่นั้น...มีใครอีกคนมายืนอยู่ด้วย
คัมภีร์ออกมาจากห้องพักหลังจากอาบน้ำอาบท่าและพักผ่อนไปได้เพียงชั่วโมงกว่าๆ ด้วยเหตุผลที่เป็นมาตลอดนั่นคือ โรคนอนไม่หลับ...
เขาเดินมาเรื่อยๆ จากที่พักจนมาถึงที่ที่หล่อนทำงานอยู่...ฟานรี สุรกานต์...ฟังแล้วน่าหัวเราะให้ตัวเอง
จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วกับผู้หญิงคนหนึ่งและไม่เคยมีโอกาสได้อยู่ใกล้หล่อนเลยนับตั้งแต่แต่งงานกัน...จนแยกจากกัน ทั้งนี้และทั้งนั้นเพราะขณะนั้นคัมภีร์กำลังวุ่นกับงานที่กำลังเพิ่งจะเติบโต จนบัดนี้ได้เติบโตเต็มที่จนสามารถวางมือได้และหันมาสนใจกับตัวเองบ้าง
ฟานรี...ชื่อนี้เขาตั้งให้หล่อนเองหลังจากจดทะเบียนด้วยกันและจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อ...ซึ่งมันก็น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งสำหรับผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาและผ่านออกไปในชีวิตเขา...
หล่อนเป็นคนเดียวที่เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งด้วยเลย...เรียกว่าไม่เคยได้แตะแม้แต่ปลายนิ้ว...หากแต่ต้องจดทะเบียนสมรสด้วย ผิดกับคนอื่นที่ขึ้นเตียงกับเขาง่ายๆ และก็จากไปอย่างง่ายดายโดยไม่มีพันธะผูกพันทางกฎหมายกันแม้แต่ตัวเดียว
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมกับยกมือขึ้นยัดลงไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง...พลางทอดสายตาไปยังกระท่อมมุงจากหลังเล็กๆ นั่น
เวลานี้เขารู้เพิ่มขึ้นอีกอย่างแล้วนี่นะเกี่ยวกับหล่อน...แม่สาวน้อยเมื่อสามปีที่แล้วที่เขาแทบไม่อยากเชื่อว่ามีอายุตั้งสิบเก้า ถ้าหล่อนไม่ให้ดูพาสปอร์ตที่ถือมาเป็นหลักฐาน ทั้งนี้เพราะหล่อนเหมือนเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีเสียมากกว่าในเวลานั้น
ตอนนี้...หล่อนมีคนมาสนใจแล้วสินะ เป็นเสี่ยหนุ่มซะด้วย...แต่ไม่โสด...ฟังๆ ดูเมื่อครู่คงมีเมียหลายคนอยู่ แม้บ้านใหญ่จะขี้หึงขนาดหนักก็เถอะ...มันทำให้เขาอยากรู้อยู่เป็นกำลังว่าหล่อนรู้สึกยังไงกับเจ้าเสี่ยหนุ่มคนนั้น...และจะทำยังไงถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันทั้งๆ ที่ยังมีทะเบียนกับเขาคาราคาซังอยู่
คัมภีร์คิดพลางก้าวเดินห่างจากร่มไม้ตรงไปยังหาดทรายที่อยู่ไม่ไกลนัก...
หาดทรายขาว...เขาไม่รู้ว่าใครตั้งชื่อนี้แต่ก็เห็นด้วยว่าทรายที่นี่มันขาวจริงๆ ขาวสะอาดจนนั่งเล่นนอนเล่นได้อย่างสบายใจเลยทีเดียว
คัมภีร์เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างจ้าเต็มดวง...ก่อนจะก้าวเดินต่อไปอีกและคิดถึงเรื่องระหว่างตนเองกับผู้หญิงคนนั้น




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฟานรีไม่คิดว่าจะได้พบกับเขาอีก...ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีตามกฎหมาย หลังจากจดทะเบียนสมรสกันหล่อนก็หายหน้าไปจากเขาทันที ขณะที่คัมภีร์เองก็แปลกใจไม่น้อยที่พบหล่อนโดยบังเอิญเช่นนี้ เป็นเวลาถึงสามปีแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าทว่าหล่อนสวยบาดตาขึ้นเป็นกอง และการพบกันครั้งนี้เขาคงไม่ยอมให้หล่อนบินหนีไปไหนอีกนอกจากจะทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของที่เขาพึงมีซึ่งหล่อนเองก็รู้ดี จึงไม่กล้าปัดป้องเมื่อมือหนาอุ่นร้อนนั้นสำรวจไปทั่วนวลเนื้อนิ่ม
?ไปห้องฉันไหม...?
?คุยกันที่นี่ก็ได้ค่ะ?
?ตอนนี้น่ะ ไม่อยากคุยแล้วนะ? คำพูดของเขามีความหมายมากมาย
โดยเฉพาะดวงตาที่หลุบลงมองริมฝีปากสีเรื่ออยู่ตลอดเวลา



รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”