New Release BLY แปล : เส้นทางรักสุดปลายฝัน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : เส้นทางรักสุดปลายฝัน

โพสต์ โดย Gals »

เส้นทางรักสุดปลายฝัน


มีละครเรื่องหนึ่งดำเนินอยู่บนรถบัสที่ผมใช้โดยสารไปโรงเรียนมัธยมปลาย
ตัวละครที่เป็นนักเรียนหรือพนักงานบริษัทซึ่งบังเอิญขึ้นรถคันเดียวกันนั้นส่วนใหญ่ยังหน้าเดิมๆ และในแต่ละวันผมก็มีเรื่องราวให้รู้สึกดีหรือใกล้ชิดกับคนเหล่านี้
...รถบัสวิ่งมาถึงป้ายโอโบโระซากะ (ทางลาดมืดสลัว) ในเวลาเจ็ดนาฬิกาสี่สิบนาที สุดสายที่สถานีมิซากิ
ประตูรถเปิดดังฟู่ ผมก้าวขึ้นรถพร้อมชูตั๋วเดือนให้คนขับ จากนั้นชายตามองที่นั่งอันเต็มไปด้วยผู้โดยสาร เห็นดังนั้นจึงก้าวขาไปตามทางเดินบนรถ แล้วทรุดตัวนั่งที่ข้างหน้าต่างแถวหลังสุด
วันนี้ฝนตก คนไหนปกติขี่จักรยานหรือเดินก็หันมาใช้บริการรถบัสแทน ผู้โดยสารจึงแออัด ภายในรถอบอวลไปด้วยกลิ่นฝน กลิ่นกาย และกลิ่นเหล็กขึ้นสนิม ถึงกระนั้นผู้โดยสารก็รักษาท่าทีสงบกันถ้วนหน้า
มีนักเรียนหญิงมัธยมปลายผมสั้นคนหนึ่งอยู่บนรถก่อนหน้าผมทุกเช้า เธอมักนั่งคร่ำเคร่งกับการแต่งหน้าอยู่ตรงที่นั่งด้านในของที่นั่งคู่ ถัดจากผมไปด้านหน้าสามแถว ส่วนคนลอบมองหล่อนอยู่ตรงเก้าอี้ที่เยื้องมาด้านหลัง เป็นนักเรียนชายมัธยมปลายผมสีน้ำตาลท่าทางเสเพล เขากดโทรศัพท์มือถือไปด้วยชำเลืองดูเด็กสาวไปด้วย
รถที่ออกวิ่งเกิดการกระดอนตัว พนักงานบริษัทตาตี่ฟันยื่นจึงเสียการทรงตัวจนเดาะลิ้นดัง ?ชิ? เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอม เส้นผมเริ่มบางแล้ว ผมแอบเรียกเขาตามอำเภอใจว่า ?นายโย่ง?
อีกคนก็ผู้ชายที่ยืนหันหน้าเข้าหาประตูกลางรถ
เขาขึ้นรถป้ายเดียวกับผม โดยมากจะใส่ชุดไปรเวท เช้านี้ก็แต่งตัวเหมือนเคยคือใส่กางเกงทรงเข้ารูป เสื้อถัก สวมเสื้อแจ็กเกตทับ พันผ้าพันคอขนแกะรอบคอ ผมสีน้ำตาลหยักศกธรรมชาติในสภาพใช้นิ้วสางและแว่นตากรอบดำก็เข้ากับเจ้าตัวดี ดูโก้เก๋มีสไตล์ รู้เลยว่าชายคนนี้เข้าใจวิธีดึงเสน่ห์ของตัวเองออกมา
เขามีออร่าสมชายชาตรี โดดเด่นราวกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น มีบรรยากาศขัดแย้งกันเองคือจะมองว่าเฉื่อยชาหรือสดชื่นแจ่มใสก็ได้ ทำให้เขาดูสะดุดตาเป็นพิเศษในรถบัสยามเช้า สังเกตจากกระเป๋าสำหรับนักธุรกิจในมือขวา คิดว่าน่าจะเป็นพนักงานบริษัท ไม่รู้ทำงานประเภทใดกันแน่
?อ๊ะ นั่งนี่สิคะ?
จู่ๆ นักเรียนหญิงมัธยมปลายก็เก็บเครื่องสำอางแล้วลุกยืน สละที่นั่งให้หญิงมีครรภ์ผู้ยกมือโอบท้อง พอหญิงมีครรภ์ยิ้มบอกว่า ?ขอบคุณค่ะ? จิตใจของผมก็รู้สึกผ่อนคลาย แม้ไม่ถูกโรคกับคนแต่งหน้าบนรถ ความรู้สึกนั้นของผมก็ลดลงไปสักครึ่งหนึ่งแล้ว
นี่แหละ สาเหตุที่รู้สึกว่ามันคือละคร
เรื่องราวดำเนินไปเพียงชั่วแวบ ทว่าในฉับพลันนั้นก็แอบเห็นนิสัยหรือน้ำเสียงของคนซึ่งผมรู้จักเฉพาะรูปร่างหน้าตา
ทันทีที่นักเรียนหญิงมัธยมปลายย้ายไปนั่งข้างเด็กหนุ่มท่าทางเสเพล เด็กหนุ่มก็สะดุ้งเหยียดหลังตึง ภาพนั้นทำให้อบอุ่นหัวใจเช่นกัน ยอดเลย มีกระทั่งองค์ประกอบของเลิฟสตอรี่ให้ดูด้วย ผมรู้สึกรื่นรมย์จากใจจริงในฐานะผู้ดูเหตุการณ์ จากนั้นหันสายตาไปมองทางอื่น
ทัศนียภาพนอกหน้าต่างไหลผ่านไปเอื่อยๆ ตามระดับความเร็วของรถบัส เห็นพื้นยางมะตอยเปียกชื้น ดอกไม้ประดับหน้าบ้านเรือน เม็ดฝนเกาะกระจกหน้าต่าง แสงอาทิตย์ส่องแสงละลายเมฆสีเทาเป็นสีขาว
ย่านนี้เต็มไปด้วยเนิน รถบัสต้องแล่นขึ้นลงทางลาดแคบๆ ซึ่งมีเพียงสองเลนเพื่อมุ่งไปยังสถานี จุดหมายปลายทางของผมคือสถานีมิซากิซึ่งอยู่สุดสาย จากป้ายนั้นไปโรงเรียนต้องเดินอีกห้านาที ปกติรวมเวลาโดยสารรถบัสกับเวลาเดินแล้วประมาณยี่สิบนาทีก็ถึง แต่โชคร้ายที่วันนี้อากาศไม่ดี มีแววว่าผมจะไปโรงเรียนสาย
หลังจับจ้องสายตาไปยังทิวทัศน์ขมุกขมัวได้ครู่หนึ่ง ผมก็หยิบหนังสือไซส์บุงโกะ ออกจากกระเป๋า แล้วนั่งอ่านตรงที่นั่งข้างหน้าต่างแถวหลังสุด นี่เป็นสไตล์การฆ่าเวลาไม่ถึงสิบห้านาทีดีของผม ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่เข้าโรงเรียนมัธยมปลายจนตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวของมัธยมห้าแล้ว
?เอาแต่อ่านหนังสืออยู่นั่นแหละ อิบุกิจริงจังเกินไปหรือเปล่าจ๊ะ? เมื่อคืนแม่ผู้ย้ายไปทำงานที่นิวยอร์กตั้งแต่ปีก่อนหยอกเย้าผมเช่นนั้นทางโทรศัพท์ ?เที่ยวเล่นให้เยอะกว่านี้ก็ดีหรอก เกเรนิดหน่อยจะเนื้อหอมในหมู่สาวๆ มากกว่านะ?
แม่หย่าตอนผมอายุได้สี่ขวบ เรามีกันแค่แม่ลูกแถมยังอาศัยอยู่ไกลกัน แม่เลยติดจะขี้กังวล อ้อ แต่ผมรู้สึกเหมือนกันว่าเรื่องบอกให้ ?ทำตัวเกเรสิ? เป็นการให้ความสำคัญผิดประเด็น
ผมรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นเกย์ ไม่คิดอยากเนื้อหอมกับเด็กผู้หญิง เป็นข้อเท็จจริงอันน่าหงอยเหงาก็จริง ถึงกระนั้นผมก็ตั้งใจจะอดทนเรื่องความรักจนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่และออกไปตามหาคนรักได้
หลังพ่อแม่หย่ากัน ผมก็ไม่ได้เจอหน้าพ่อแม้แต่ครั้งเดียว ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อจึงไม่มีความปะติดปะต่อ พ่อกลับบ้านมากลางดึกหลังหมกมุ่นกับการดื่มเหล้าและเล่นพนัน เสียงตวาดทำเอาแก้วหูจะแตก เสียงตบหน้าแม่ รอยบาดของปลายกรรไกรบนแขนซ้ายของผม กาต้มน้ำที่ลอยมาและน้ำเดือดซึ่งกระเด็นมาลวกสีข้าง...
บรืน พอรถบัสจอดก็มีคนขึ้นมาบนรถอีก เสียงฝีเท้าก้าวขึ้นขั้นเหยียบและเร่งรุดเข้ามาด้านในดังไม่ขาดสายสักที จนกระทั่งผู้โดยสารท่วมท้นมาถึงที่นั่งแถวหลังที่ผมอยู่ รถจึงออกตัวจนได้
ขณะรถบัสอันแน่นขนัดส่งเสียงบรืนปีนขึ้นทางลาด ผู้คนที่ยืนเบียดกันเหมือนเล่นโอชิคุระมันจู ตรงหน้าก็เสียหลัก ผมเลยชักรู้สึกผิดที่นั่งอ่านหนังสือสบายอารมณ์อยู่แบบนี้
แถมเห็นคุณยายในชุดแบบญี่ปุ่นอยู่ใกล้ๆ เสียด้วย
?นั่งที่ผมสิครับ?
ผมปิดหนังสือไซส์บุงโกะก่อนลุกขึ้นยืน
ขณะเดินห่างจากที่นั่งโดยระวังไม่ให้ร่มไปทิ่มถูกใครเข้า คุณยายก็ค้อมศีรษะให้อย่างเป็นผู้ดีบอกว่า ?ขอบคุณค่ะ...? และยอมนั่งที่ตรงนั้น ผมแหวกฝูงชนพร้อมรอยยิ้มค้างบนหน้า เดินหาราวจับจนไปหยุดอยู่ข้างซ้ายของพนักงานบริษัทในชุดไปรเวทโก้เก๋คนนั้น
เขาสูงกว่าผมประมาณครึ่งใบหน้าได้ เพิ่งรู้เมื่อลองมายืนข้างเจ้าตัว
กระดูกและกล้ามเนื้อของกำปั้นขวาที่กำราวจับ ความยืดหยุ่นของลำตัวซึ่งชนกับไหล่ขวาของผม รอยยับและเนื้อผ้าของเสื้อแจ็กเกต...ยิ่งมองจากที่ไกลๆ มาตลอด ตัวตนของเขาก็ยิ่งสมจริง ความเจิดจ้านั้นมีอำนาจเหนือผม เวลามองๆ อยู่สติรับรู้แทบจะถูกดูดกลืนเข้าไป
หากมีนักแสดงละครโทรทัศน์มายืนอยู่ข้างตัว จะรู้สึกแบบนี้ไหม
กลิ่นน้ำหอมเย็นสดชื่นลอยล่องมาจากร่างกายของเขา น่าตกใจที่มันกำจายเข้ามาถึงก้นบึ้งของจิตใจ ช่วยเจือจางกลิ่นตัวอับชื้นของผู้โดยสารให้เบาบาง ผมรู้สึกหายใจง่ายขึ้นโดยพลัน
คนแบบนี้ก็มีด้วย
ผมระบายลมหายใจโล่งอกแล้วขยับมือจับราว ในชั่วพริบตาต่อมามือของใครบางคนก็สัมผัสมายังบั้นท้ายขวาผ่านเนื้อผ้าของกางเกงเครื่องแบบ พอนึกสงสัยว่าเอ๊ะ หรือว่า...ได้ไม่ทันไร อีกฝ่ายก็บีบมือแน่นทันทีจนผมต้องกลั้นหายใจ เป็นการจับแบบใจกล้าบ้าบิ่นขนาดลงความเห็นได้ว่ามือนั้นเป็นมือหนาหยาบกร้านของผู้ชาย นิ้วที่โอบรอบบริเวณนั้นเกาะหนึบไม่ยอมปล่อย พอรู้ว่าเจ้าตัวกำลังสำราญใจกับการสัมผัสร่างกายของผม ผมก็ขนลุกซู่
...เอ่อ เดี๋ยวสิ ตาลุงนี่ ดูเครื่องแบบก็น่าจะแยกได้แล้วนี่ว่าผมเป็นผู้ชาย ทำไมมายุ่งกับทางนี้เล่า หรือดูจากรูปร่างหน้าตาอย่างเดียวก็มองออกแล้วหรือว่าผมมีรสนิยมทางเพศแบบไหน? บ้าเอ๊ย ต่อให้ผมเป็นเกย์อย่างไรก็ไม่อยากโดนลวนลามหรอกนะ
ต้องจับตัวเจ้าหมอนี่ให้ได้
ถ้าจะจับให้ได้โดยจำกัดความโกลาหลให้อยู่ในระดับต่ำสุด ก็ต้องจัดการอย่างแม่นยำในชั่วแวบ อุปสรรคคือร่มซึ่งขัดขวางการขยับเขยื้อนของมือข้างหนึ่ง แต่หากอาศัยจังหวะรถโคลงที่ร่างกายขยับตาม ก็น่าจะสามารถคว้าแขนของเจ้าคนจิตทรามในเสี้ยววินาทีได้
ขณะไล่สายตาอย่างระแวดระวังเพื่อเตรียมลงมือ ตาก็บังเอิญสบเข้ากับพนักงานบริษัทผู้แต่งตัวทันสมัย ตอนผมมัวประหลาดใจอยู่ ก็พอดีว่ามือของเจ้าคนจิตทรามวกมาจับข้างหน้า เล่นเอาผมพูดไม่ออก
ชายด้านข้างเกิดอาการงงงวย เขากำลังมองมือของคนจิตทรามที่สัมผัสหว่างขาของผม ดูการเคลื่อนไหวของมือนั้น
?...ฮุ?
เขาหลุบหน้า หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
?น่ารัก...?
พออีกฝ่ายหัวเราะหึๆๆ ความรู้สึกอับอายของผมก็ค่อยๆ รื้นขึ้นมา
?...หมะ หมายความว่าไงครับ?
แม้จะเปล่งเสียงแผ่วเป็นการประท้วง เขาก็ยังยิ้มขื่นพูดต่อว่า
?ก็เห็นหน้าแดงแจ๋ ร้อนรนทำตัวไม่ถูกเลยนี่นา?
อาจเพราะเหตุนั้นกระมัง มือของเจ้าโรคจิตถึงได้ผละออกไป
?เคยได้ยินว่าระยะนี้ผู้ชายก็อันตรายเหมือนกัน แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้มาเห็นกับตา?
ถ้อยคำนั้นมาจากความประทับใจ เพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มของเขาเป็นครั้งแรก
?ผมก็ไม่เคยนึกเหมือนกันครับว่าตัวเองจะมาเจอคนอื่นลวนลาม ไม่นึกว่าจะมีใครมาหัวเราะใส่ด้วย?
?โดนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงหรือเปล่านะ อืม ไม่ใช่มั้ง เห็นจับตรงนั้นซะแน่นเชียว?
ผมข่มกลั้นอารมณ์ที่อยากตวาดว่าอย่าพูดเซ่! ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้
?เสียมารยาทจังเลยนะครับ?
นานแล้วที่ไม่รู้สึกอยากขึ้นเสียงหรือบันดาลโทสะใส่คนอื่น
?โมโหผิดคนแล้วมั้ง??
พออีกฝ่ายเอ่ยเตือน มือของคนจิตทรามก็ยื่นมาตรงหว่างขาของผมอีก เป็นเหตุให้หงุดหงิดจนระเบิด
ไม่รู้จักเข็ดหลาบเอาเสียเลย อะไรของหมอนี่ฟะ น่าจะรู้ตัวแล้วนี่ว่าโดนหัวเราะ เลิกบ้าซะทีเถอะ ตอนผมกำลังจะหมุนตัว แขนก็เสียดสีถูกแผลน้ำร้อนลวกตรงสีข้าง หัวใจเต้นแรงดังตุบเสมือนหนึ่งแผลเป็นคืนชีวิตกลับมาอีกครั้ง
?ปั้ดโธ่...จะจับไปถึงไหนหา ไอ้บ้านี่!?
ผมบิดข้อมือของคนจิตทรามแล้วหันไปมอง ลืมคำนึงถึงคนรอบข้างไปเลย
?จะ เจ็บๆๆ?
?นายโย่...นี่นาย?
คนร้ายผู้ร้องน่าสมเพชด้วยความเจ็บปวดคือนายโย่งนั่นเอง
ทั้งนัยน์ตาตี่ที่มองนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยไม่คิดอะไร ทั้งฟันซึ่งยื่นออกมา ทั้งหัวที่ล้าน ทั้งร่างกายอันผอมโซมีความเดือดดาลถาโถมจนกลายเป็นยักษ์ผู้ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแบบพรวดพราด ตัวตนนั้นเป็นอันตรายในตัวของมันเองทั้งนั้น ความผ่ายผอมของข้อมือที่ผมจับอยู่ไปจนถึงสัมผัสของเส้นเลือดปูดโปนทำผมขยะแขยงไปทุกสิ่งอัน ประตูรถเปิดเมื่อไรก็อยากเตะชายคนนี้ออกไปนอกรถเสียเลย
คนรอบข้างส่งเสียงจ้อกแจ้กพลางถอยห่างจากนายโย่ง แววตาเผยความชิงชังชนิดไม่ปิดบัง
?คนชอบผู้ชายด้วยกันมีอยู่จริงด้วยแฮะ...?
เขาคนนั้นซึ่งยืนอยู่ข้างกันเปล่งน้ำเสียงกึ่งระอากึ่งประทับใจ
อา มีสิ ก็มีอยู่หรอก แต่ทุกคนไม่ได้เป็นขยะเหมือนไอ้หมอนี่หรอกนะ
ไม่ได้คาดหวังว่าละครแบบนี้จะเปิดฉาก ผมไม่ได้อยากดู ไม่ได้อยากเข้าไปเกี่ยวพันด้วย
เป็นยามเช้าที่เลวร้ายที่สุดเลย

เมื่อมาถึงโรงเรียน ฮายาชิดะผู้นั่งที่นั่งหน้าผมก็หันมาถามว่า ?เกิดอะไรขึ้น?? ด้วยความสงสัย
?ดูอารมณ์ไม่ดีอย่างไรไม่รู้นะ?
ครั้นจะให้เล่าว่าเจอคนจิตทรามลวนลามก็ไม่อยาก เลยตอบแค่ว่า ?เกิดเรื่องนิดหน่อยบนรถบัสขามาโรงเรียนน่ะ?
?หืม? ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่คนทำคาวาโนะโกรธนี่ เรียกว่าไม่รักชีวิตตัวเองเลย?
?หมายความว่าอย่างไรนั่น?
?เอ้า แค่แววตาตอนนี้ของนายอย่างเดียวก็น่าหวาดเสียวแล้ว คาวาโนะเป็นประเภทถ้ามีใครมาทำให้โกรธคงน่ากลัวสิเนี่ย??
ไม่เข้าใจ พูดให้ถูกคือจำไม่ได้ว่าเคยโกรธจนคนอื่นรู้สึกกลัว
เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฮายาชิดะก็ระดับผิวเผิน แค่คนนั่งที่นั่งติดกันหน้าหลังในห้องเรียน ผมก็คุยกับเขาตามปกติ ตอบรับคำชวนไปเที่ยวหลังเลิกเรียนบ้าง นั่งโต๊ะเดียวกันเวลาเพื่อนฝูงรวมกลุ่มสังสรรค์บ้างอะไรบ้าง ทว่าก็เพียงเท่านั้น
?อย่าจินตนาการภาพลักษณ์ของคนอื่นตามอำเภอใจสิ?
?ก็คาวาโนะเป็นคนเยือกเย็นนี่นา?
?ฉันแค่คบหาคนอื่นไม่เก่ง?
?เท่ชะมัด?
คนเขาพูดจริงจังแท้ๆ ล้อเลียนกันแบบนี้ ไม่ชอบเลย
?เออนี่ คราวหน้าไปปาร์ตี้กับสาวๆ ด้วยกันสิ?
หัวข้อสนทนามักเอนเอียงไปเรื่อง ?เด็กผู้หญิง? ? แฟนสาว? ?มีอะไรกันหรือยัง? ?ยังไม่มีอะไรกัน? เมื่อเห็นฮายาชิดะยื่นตัวมาหาด้วยแววตาเป็นประกาย ผมก็ตอบว่า ?ไม่เอาหรอก? พร้อมถอนหายใจกลับไป
?ไปเถอะน่า มีคนอย่างคาวาโนะอยู่ด้วยน่าสนุกดีออก สาวคนก่อนหน้านี้ยังบอกเลยว่า ?คาวาโนะคุงลึกลับจังนะ? ฉันว่านายต้องเนื้อหอมแน่นอน?
?ไหงฉันกลายเป็นคนลึกลับไปได้?
?เพราะนายพูดว่าไม่รู้ตัวเองชอบสาวประเภทไหนล่ะมั้ง??
?ใช้เรื่องนั้นเป็นมาตรฐานเนี่ยนะ??
?เล่นไม่รู้กระทั่งชอบสาวผมยาวหรือผมสั้น อกอึ๋มหรืออกแฟบ อายุมากกว่าหรืออ่อนกว่า มันก็แปลกน่ะสิ พวกสาวๆ จะรู้สึกสนใจก็เป็นเรื่องธรรมดา?
วันก่อนผมไปคาราโอเกะแบบรวมกลุ่มชายหญิง ตอนมีคนถามว่าชอบสาวแบบไหน ผมดันตอบซื่อจนเซ่อ ถึงบัดนี้ฮายาชิดะยังเอาคำตอบนั้นมาเป็นมุกแซ็วอยู่เลย
?เลิกแซ็วเรื่องนั้นได้แล้วน่า?
?ฮะๆๆๆ อย่าโกรธสิ?
เขาตบไหล่ผมดังป้าบ
ฮายาชิดะเป็นคนร่าเริงทำตัวสบายๆ โดยมากจะโหวกเหวกเจี๊ยวจ๊าวอยู่กลางห้อง ในสายตาของเขา ผมอาจดูแปลกใหม่ก็เป็นได้ เพราะก็อย่างที่แม่บอก ผมเป็นคนจริงจังเกินเหตุและเอาแต่อ่านหนังสือ
เพียงแต่ตัวผมเองก็รู้ว่าตนไม่เข้าพวก
ยกตัวอย่างเช่น ไม่เคยมีอาจารย์หรือเพื่อนร่วมห้องคนไหนเรียกชื่อตัวของผมเลย ตั้งแต่สมัยประถมคนก็เรียกผมว่า ?คาวาโนะคุง? ?คุณคาวาโนะ? หรือไม่ก็ ?คาวาโนะ? ผมก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเรียกชื่อตัวของคนอื่นก่อนเหมือนกัน แต่กับฮายาชิดะนั้น บางทีเขาก็เรียกตัวเองว่า ?สึโตมุ? และผมก็เรียกชื่อตัวของเขาบ้างเช่นกัน
ไม่รู้สัมผัสถึงความว่างเปล่านั้นตั้งแต่เมื่อใด วิธีเรียกชื่อเป็นสิ่งแสดงระดับความสนิทสนม
ทุกคนคบกันไม่กี่เดือนก็เข้าใจแล้วว่าเป็นเพื่อนที่เรียกชื่อตัวได้โดยไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่รู้จักกันอย่างนั้นหรือ มีการตกลงใจว่า ?ตั้งแต่วันนี้จะเรียกชื่อตัวแล้วนะ? อย่างนั้นหรือ หรือว่าทุกอย่างเป็นไปเองโดยไม่รู้ตัว
หากไม่รู้ตัวก็ยิ่งน่าอิจฉาเข้าไปใหญ่ เพราะผมคอยระวังตัวเพื่อปกปิดรสนิยมทางเพศของตัวเองหรืออย่างไร จึงไม่เคยดูออกเลยว่าระหว่างตนกับคนอื่นสามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ ไม่มีเพื่อนสักคนที่คบหาสนิทสนมและเรียกชื่อตัวของกันและกันประหนึ่งต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกถูกดึงดูดเข้าหากันโดยธรรมชาติ
?อ๊ะ จริงสิ นายพูดเรื่องนั่งรถบัสมาโรงเรียน ฉันก็เลยนึกขึ้นได้ คาวาโนะรู้จักคุบิการิซากะหรือเปล่า?
?คุบิการิซากะ??
?พอดีเพื่อนฉันที่อยู่ห้องข้างๆ ชอบเรื่องน่ากลัวหรือไม่ก็จุดผีดุน่ะ เห็นบอกว่าไอ้ทางลาดใกล้โรงเรียน เอ...โอโบโระซากะใช่ไหม? คือบริเวณที่ว่านี่แหละ ใต้ทางลาดมีป้ายรถเมล์ชื่อเดียวกันอยู่ เลยคิดว่าคาวาโนะน่าจะรู้จัก?
ไม่ใช่แค่รู้จักหรอก เป็นป้ายรถบัสหน้าบ้านที่ผมใช้บริการทุกเช้าเลย บ้านผมอยู่ชั้นห้า เวลามองจากหน้าต่างก็เห็นโอโบโระซากะที่ว่านี้ทอดยาวให้เห็นชัดเจนเบื้องหน้าแล้ว เดินขึ้นทางลาดไม่ถึงสามนาทีจะเจอร้านสะดวกซื้อ กลางดึกผมจึงเดินไปบ้างนานๆ หน
ทว่าเรื่องตรงนั้นเป็นจุดผีดุก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละ
?เขาเล่ากันว่าอย่างไรเหรอ?
?มันอย่างไรนะ ตั้งแต่มีผู้หญิงโดนสตอล์กเกอร์เอามีดทำครัวฟันคอขาด คนไหนทำเรื่องชั่วร้ายก็จะโดนวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นตัดหัวเหมือนกันน่ะสิ สตอล์กเกอร์น่ะแน่อยู่แล้ว แต่ขนาดพวกก่ออาชญากรรมสถานเบาอย่างขโมยของตามร้านค้าก็โดนเหมือนกัน เลยเรียกว่าคุบิการิซากะ (ทางลาดล่าหัว) ไงล่ะ?
?การขโมยของตามร้านค้าไม่ใช่อาชญากรรมสถานเบานี่นา?
?ทุกคนต้องเคยทำกันสักครั้งไม่ใช่เหรอ?
ฮายาชิดะเรียกหาการเห็นพ้องหน้าตาเฉยสนิทจนผมผงะ
?แต่ฉันว่าเธอเป็นวิญญาณดีนะ?
?หา!? พูดอะไรของนายน่ะ คาวาโนะ วิญญาณดีๆ มีที่ไหนกันเล่า นี่จะโดนตัดหัวเอานะ น่ากลัวออก?
?ในเมื่อเธอคอยพิพากษาอาชญากร เท่ากับว่าขอแค่เราไม่ทำเรื่องชั่วร้ายก็สิ้นเรื่อง?
คราวนี้ฮายาชิดะเป็นฝ่ายอุทานโอ้โฮ...พร้อมผงะถอยด้วยนัยน์ตาหรี่เล็ก
?น่าชื่นชมจริงนะ คาวาโนะ น่าชื่นชมเหลือเกินจนฉันถอยหนีเชียวล่ะ นายไม่มีชนักติดหลังสักเรื่องเลยหรือไง อย่างฉันนะ แค่มีตำรวจมาเดินอยู่ใกล้ๆ ก็ตัวสั่นงันงกแล้วแท้ๆ?
?อ๋อ ถ้าความรู้สึกนั้นฉันเข้าใจ?
ฮายาชิดะหลุดหัวเราะพรืดออกมา ผมเลยพลอยหัวเราะนิดหน่อยตามไปด้วย
ต่อให้ไม่เคยมีประวัติก่ออาชญากรรม เวลาอยู่ต่อหน้าตำรวจก็เผลอรู้สึกกดดันไปเองตามสัญชาตญาณ อาจเป็นเพราะหากนับเรื่องพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นหรือการโกหกเล็กๆ น้อยๆ เข้าไปด้วยละก็ ผมก็ไม่ได้มีความผิดเป็นศูนย์เหมือนกัน
เมื่อเช้าคิดอยากจะส่งตัวนายโย่งให้ป้อมตำรวจที่สถานีเอามากๆ เหมือนกัน แต่ที่ล้มเลิกความตั้งใจอาจเป็นเพราะเหตุนั้นก็ได้ หลังลงจากรถบัส ผมขึ้นเสียงกำชับเขาว่า ?ผมขี้เกียจยุ่งยาก ช่างมันเถอะ แลกกับให้คุณอย่าทำอีกก็แล้วกัน? จากนั้นต่างฝ่ายต่างแยกย้าย
ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ผมไม่อยากขายหน้าเวลาโดนซักไซ้ว่า ผู้ชายโดนลวนลามเนี่ยนะ?
?เพิ่งเคยได้ยินว่ามีอีกชื่อคือคุบิการิซากะ แต่ถ้าโอโบโระซากะน่ะฉันรู้จัก?
?จริงดิ? ว้าว สมกับเป็นคนอยู่แถวนี้! เออนี่ งั้นไว้คราวหน้าเราไปที่นั่นกันเถอะ ให้ทุกคนไปค้างบ้านคาวาโนะ แล้วตกดึกก็ไปทดสอบความกล้ากันไง! นายอยู่คนเดียวนี่ เพื่อนๆ ไปค้างได้ใช่ไหมล่ะ?
?ถ้ามาเยอะก็ลำบาก?
?อย่างมากน่าจะสี่ห้าคนมั้ง? พื้นที่น่าจะพอแหละ เดี๋ยวเรียกสาวๆ มาด้วย!?
ผมนึกสงสัยว่าทำไมฮายาชิดะถึงมาชวนผมคุย ต่อให้ที่นั่งอยู่ติดกันหน้าหลัง ก็ถือว่าเขาช่างไร้เดียงสาที่มาขอไปค้างบ้านและชวนคนแปลกแยกอย่างผมไปเล่นสนุกกันโดยปราศจากความประหม่า ถึงรู้ว่าจุดประสงค์อันดับหนึ่งของเขาคือการได้มีปฏิสัมพันธ์กับสาวๆ ก็ยังน่าอัศจรรย์ใจอยู่ดี
?อืม ได้สิ แต่เอาไว้สอบปลายภาคเสร็จก่อนนะ?
?เหวอ เอาจนได้แฮะ จริงจังสุดๆ!?
ผมเคาะหน้าผากที่ไม่มีผมปรกของฮายาชิดะเบาๆ อีกฝ่ายแหงนหน้าหัวเราะร้อง ?เจ็บ~? ผมพลอยหัวเราะไปด้วย ตอนนั้นกริ่งเริ่มชั่วโมงเรียนดังกิ๊งก๊องพอดี
นักเรียนพากันร้อนรนเข้าประจำที่ ฮายาชิดะหันกลับไปข้างหน้าตามคนอื่น ส่วนผมคิดทบทวนเรื่องการทดสอบความกล้า
สัญญาลมปากแบบนี้จะรักษาไว้ได้ไหมหนอ พอย้อนนึกถึงสัญญาที่เคยมีในอดีต อันที่รักษาไม่ได้นั้นมีมากกว่า ความรู้สึกไม่เชื่อถือแกมขมขื่นจึงก่อตัวขึ้นเป็นเขม่าควันในใจ
เพราะอะไรกันนะ การเชื่อใจกันและกันโดยเชื่อมระหว่างหัวใจของคนอื่นที่ตนไม่เข้าไปสัมผัสและหัวใจของตัวเองที่ไม่อาจยอมให้ใครเห็นช่างเป็นเรื่องยาก คิดกระทั่งว่าเรื่องนั้นอาจเป็นไปไม่ได้ชั่วชีวิตสำหรับผม





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เคยคิดว่าความรักเป็นสิ่งน่าหงอยเหงาดุจดังทางลาดตอนรถบัสแล่นผ่านยามค่ำคืน...นักเรียนมัธยมปลายชื่อคาวาโนะ อิบุกิเริ่มสนิทสนมกับพนักงานบริษัทชื่อโอชิบะ เคนจิที่บังเอิญขึ้นรถบัสคันเดียวกันทุกเช้า อีกฝ่ายเอ่ยคำพูดอ่อนโยนปลอบประโลมอิบุกิผู้มีปัญหาหนักอก ในไม่ช้าทั้งคู่ก็ทำความรู้จักกันอย่างลึกซึ้งและสัญญากันว่าจะหาแฟนสาวเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทว่ายิ่งใช้เวลากับเคนจิมากเท่าไร อิบุกิก็ยิ่งตระหนักว่าความรักของตนอยู่ใกล้แค่นี้เอง...


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”