New Release: บุปผาคู่บัลลังก์/ดินแดนแห่งสีเขียวที่แสงสาดส่อง

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release: บุปผาคู่บัลลังก์/ดินแดนแห่งสีเขียวที่แสงสาดส่อง

โพสต์ โดย Gals »

ถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งที่เกลียดที่สุดเป็นลำดับที่สามในโลกนี้ เขาสามารถตอบได้ทันทีอย่างไม่ลังเลเลยว่า ?มนุษย์? ?เขา? เกลียดมนุษย์มากมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

***

การพบเด็กคนนั้นเป็นความบังเอิญจริงๆ
ช่วงเวลาหลังจากที่เด็กคนนั้นคลอดได้ไม่นาน ผู้เป็นแม่บ่นพึมพำ ไม่เต็มใจจะให้นมลูก
พ่อและพวกพี่ชายก็มองดูทารกที่ดูเหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วยสีหน้ารังเกียจ เหมือนเห็นเป็นสิ่งที่ ?ไร้ประโยชน์?
ถ้าการเก็บเกี่ยวผลผลิตในปีนั้นได้น้อยลงแม้เพียงนิดเดียว เด็กทารกคนนั้นก็คงไม่ได้ดื่มแม้แต่น้ำสักหยด และอาจจะถูกฆ่าบีบคอตั้งแต่ยังพลิกตัวไม่เป็นด้วยซ้ำ
แต่ว่าแบบนั้นอาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้
ตั้งแต่เกิด เด็กคนนั้นไม่เป็นที่ต้องการของใครเลย มีแต่ถูกทุบตี ด่าว่า โยนเนื้อเน่าๆ ให้กินเหมือนเป็นสุนัข บางครั้งก็เป็นแค่เด็กที่ถูกฉุดกระชากลากถูในฐานะเครื่องระบายอารมณ์เท่านั้น
การที่เด็กคนนั้นอยู่มาได้จนอายุสี่ปีก็นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์มากแล้ว
และอยู่ๆ ทุกอย่างก็จบลงในคืนนั้น ราวกับสายเครื่องดนตรีที่ขาดผึง
ความมืดมิดและกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง....
พี่สาวของเด็กคนนั้นที่ไม่ใช่ทารกแล้วถูกฟันด้วยความไม่ตั้งใจ เลือดที่พุ่งออกมาจากคอทำให้สายสัมพันธ์ของความเป็นครอบครัวขาดกระเด็นอย่างง่ายดาย
ผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนคลั่งพลางเริ่มกวัดแกว่งมีดอีโต้สะเปะสะปะ แม่กับพวกพี่น้องผู้ชายเป็นเหยื่อของคมมีดที่โหดร้ายเป็นรายต่อมา พวกพี่สาวก็ถูกฆ่าอย่.่รู้เหตุผล
ในหุบเหวลึก แสงจันทร์เสี้ยวมิอาจส่องไปถึง
นั่นทำให้ตัวเขาเองที่กำลังมองอยู่อยากจะยิ้มจากก้นบึ้งของหัวใจ
ที่น่าสมเพชก็คือเรื่องแบบนี้ไม่ใช่สถานการณ์แปลกแต่อย่างใด
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์....ก็ทำให้เขาได้แต่ยิ้มเท่านั้น
....ในที่สุดก็มีอะไรบางอย่างคืบคลานออกมาจากบ้านแห่งความตายที่กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
เด็กที่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดกุมท้องที่ถูกแทง ร้องไห้ ดวงตาที่แหงนมองจันทร์เสี้ยวซึ่งดูราวกับกำลังยิ้มเยาะมีอะไรบางอย่างสะท้อนอยู่ในนั้น.... ทำให้เขารู้สึกอยากจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วเด็กคนนั้นจะไปที่ไหน
ตอนนั้นใครสักคนกำลังเดินมาตามทางในเวลาค่ำคืน และสังเกตเห็นเด็กคนนั้นจึงเดินเข้ามาหา
?....เกิดเรื่องอะไรขึ้น....!?
มีแต่ชายคนนั้นที่จับมือของเด็กคนนั้นเอาไว้ เด็กที่เพิ่งจะมีอายุสี่ขวบและไม่สามารถไขว่คว้าอะไรได้ทั้งนั้น

***

เด็กคนนั้นเสียชีวิตไปก่อนที่จะเช้า
โดยชายที่มาพบเด็กนำเด็กไปไว้ที่วัดร้างที่อยู่ใกล้ๆ และทำการรักษาอย่างสุดกำลัง เมื่อเด็กคนนั้นหมดลมหายใจ ชายคนนั้นก็กอดศพร้องไห้
คนที่มีสายเลือดเดียวกันพยายามฆ่าเพื่อกินเป็นอาหาร แต่คนแปลกหน้าที่ไม่ได้เป็นอะไรกันกลับช่วยเหลือทุกวิถีทางอย่างสุดกำลังและอาลัยต่อการเสียชีวิต
ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องบ้าๆ เกินกว่าจะยิ้มได้สำหรับ ?เขา?
ทั้งการที่ชายคนนั้นพยายามช่วยเหลือเด็ก การที่ชายคนนั้นอาลัยต่อการเสียชีวิตของเด็ก เพราะที่จริงแล้วชายคนนั้นเป็น ?คนอื่น? ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเด็กคนนั้นเลย
ในความเป็นจริง สำหรับครอบครัวแล้ว เด็กคนนั้นเป็นภาระจนถึงขั้นคิดว่า จะฆ่าเพื่อกินเป็นอาหาร ในเมื่อเป็นแรงงานที่ดีไม่ได้ก็เลยฆ่ากินเสีย จะได้ไม่ต้องเสียค่าอาหาร และต่อชีวิตของตัวเองได้ด้วย.... เพราะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่กำลังจนมุมถึงขนาดนั้น จึงคิดได้แค่ว่าเขาช่วยโดยไม่ได้จะรับผิดชอบอะไร
ถ้าชายคนนั้นอยู่ในสถานะเดียวกับครอบครัวของเด็ก นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังอาจทำให้จบชีวิตด้วย
นั่นคือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์เท่าที่ ?เขา? เคยเห็นมา
วิญญาณค่อยๆ ออกจากร่างของเด็กน้อยที่หมดลมหายใจ
ขณะที่มองจ้องไปยังวิญญาณสี่ซึ่งลอยขึ้นสู่ฟ้าและวิญญาณเจ็ด ที่กำลังจะดำลงสู่ดิน.... อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนใจขึ้นมา
เขาเสียดาย ?ร่าง? อย่างไม่เคยเป็นมานานแล้ว
เด็กน้อยคนนี้คุ้นชินแต่กับความเน่าเหม็นของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย มันเป็นเรื่องที่บ้ามากๆ
แต่ในทางตรงข้าม ชีวิตของเด็กคนนี้เป็นหลักฐานได้ดีว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่โง่เง่าและน่าเกลียดแค่ไหน
เมื่อยิ้มหยันด้วยความคิดประชดประชัน ?เขา? ก็หลุดเข้าไปในร่างของเด็กน้อยที่ตอนนี้กำลังว่างเปล่าอยู่พอดี

....แรงกระแทกทำให้ศีรษะสั่นคลอนอย่างแรง
(อะ....อะไรกัน!?)
มันกะทันหันจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อกระแสไฟแลบเปรี๊ยะๆ เหมือนเข้าไปอยู่ในพายุเมฆ ?สติ? ที่ไม่น่าจะมีอยู่แล้วก็กลับฟื้นคืนมา

?อยากจะ....มีชีวิต....ให้นานกว่านี้?

นั่นเป็นความปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่มีต่อชีวิตอย่างแท้จริง
เด็กน้อยไม่ได้กลัวความตาย
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากจะมีชีวิตอยู่ การตะโกนสุดเสียงอย่างน่าตกใจนั้นเป็นไปตามสัญชาตญาณ เพราะฉะนั้นความปรารถนานั้นจึงเป็นความปรารถนาดั้งเดิมอันแรงกล้า แล้วก็....หายไปอย่างรวดเร็ว
(....เด็กคนนี้)
ชีวิตที่เพิ่งมีอายุสี่ปี เกิดมาไม่ทันไรก็ถูกชิงชัง สุดท้ายเกือบถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหาร ไม่เคยรู้จักรสชาติของความสุข มีแต่ความสิ้นหวังและเป็นชีวิตที่กำลังจะตายอยู่ในความมืดมน
แต่ว่าสิ่งเดียวที่เด็กน้อยปรารถนาในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตคือการมีชีวิตอยู่
ทั้งที่ชีวิตไร้ค่าตั้งแต่เกิดจนตาย จนถึงขั้นคิดว่าร่างกายเป็นเพียงภาชนะของจิตวิญญาณ
....เขาคิดจะเปลี่ยนใจเป็นครั้งที่สอง

?อยากจะมีชีวิตอยู่หรือ??

เมื่อรู้ตัว เขาก็รั้งวิญญาณสุดท้ายที่กำลังจะจากร่างไปเอาไว้

?เจ้าชื่ออะไร??
เสียงกระซิบราวกับถอนหายใจตอบกลับมาว่า ?เงสึ? ทำให้เขาหัวเราะเบาๆ
?....ช่างเถอะ เจ้าอยู่ต่อไปเถอะ ถึงจะเป็นเงาของข้าก็ไม่เป็นไร?
ร่างที่ ?ตาย? ไปแล้ว ทางกายถือว่าไม่มีทางจะตายไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ต่อจากนี้ไป ?ความตาย? สำหรับเด็กคนนี้จะกลายเป็นเวลาที่ ?จิตสำนึก? ได้สูญสิ้นไป
เวลานั้นจะมาถึงเมื่อไร ?เขา? เองก็ไม่รู้ อาจจะเป็นพรุ่งนี้ หรืออาจจะอีกสิบปีหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมี ?การอยู่ร่วมกัน? ที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน เขาเคยทำให้จิตวิญญาณที่เหลืออยู่ ?ดับสลาย? ไปอย่างรวดเร็ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำบ้าๆ ด้วยการจงใจทำให้เด็กน้อยคนนี้ ?มีชีวิตอยู่?
(....วิญญาณสี่ลอยหายไปหมดแล้ว วิญญาณเจ็ดก็เหลืออยู่เพียงสอง....เต็มที่ก็คงอยู่ได้ถึงยี่สิบปีล่ะมั้ง?)
ถ้าคำนวณจากอายุของเด็กคนนี้ ต่อให้ยื้อไว้ได้นานที่สุดก็คงยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปี....
แต่ไม่น่าจะอยู่ได้นานถึงขนาดนั้น ชีวิตที่ได้เพียงอยู่ร่วมกับตัวเขามีแต่จะถูกลดทอนไปเรื่อยๆ
ขณะที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ ชีวิตก็จะค่อยๆ หายไปตามวันเวลา เขาก็อยากเห็นว่าเด็กคนนี้จะมีชีวิตอยู่ยังไง
(จะคลุ้มคลั่ง จะตะโกนให้ฆ่าตัวเองหรือเปล่า....ถ้าเกิดข้าเปลี่ยนใจขึ้นมา มันก็จะจบเร็วขึ้น)
?ชีวิต? นี้ จะอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับข้า
?ต่อจากนี้ไปเจ้าคือเอเงซึ.... เป็นเงาของข้าไปจนตาย ส่วนข้าจะใช้ชื่อว่าโยเงซึ?
เมื่อยิ้มเยาะแล้วเขาก็กอบเอาเศษเสี้ยวของ ?เอเงซึ? ที่แสนจะเล็กเข้ามาเหมือนโอบอุ้มเอาไว้

ภายใต้พระจันทร์เสี้ยวที่คล้ายกำลังยิ้มหยัน เสียงหัวใจของเอเงซึกลับมาเต้นอีกครั้ง

***

โยเงซึเสียใจที่เกิดเปลี่ยนใจไม่เข้าท่า ถ้ารู้ว่านายแป๊ะยิ้มนั่นจะเห็นเขาเป็นเด็กในปกครอง มาคอยเกาะติดเขาเหมือนตังเม เขาไม่มีทางช่วยเด็กคนนั้นแน่
หมอกระจอกที่ชื่อ ?คาชิน? พาเขากลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากเห็นต่อหน้าต่อตาว่าเขานำชีวิตคนที่ตายไปแล้วกลับมา หมอคนนั้นทำบ้าๆ เกินกว่าที่โยเงซึจะคาดถึง
?อ๊ะ เจ้าคือ ?โยเงซึ? ที่ช่วยเอเงซึไว้สินะ?
โดชู ที่กำลังบดสมุนไพรในครกทำหน้าตกใจเล็กน้อย เมื่ออยู่ๆ มีดเล็กก็เฉียดปลายจมูกของตัวเองไปปักอยู่ที่กำแพง เขาแค่ตาโตในการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเด็กที่เก็บมาเลี้ยงซึ่งกำลังบดยาอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มอย่างเข้าใจได้ในทันที
?....เจ้าจะโง่ไปถึงไหน? ก็เห็นอยู่ไม่ใช่เรอะว่าเอเงซึตายไปครั้งหนึ่งแล้ว?
?ใช่ เพราะฉะนั้นข้าจึงดีใจมากที่เจ้าทำให้เขากลับมามีชีวิตไงล่ะ?
เขายิ้มแฉ่งไม่เข้าท่า ....ช่างงี่เง่าจนไม่รู้จะทำยังไงดี
?เหอะ แต่ตอนนี้ข้ากำลังฆ่าเขาไปเรื่อยๆ อยู่นะ ข้าจะทำให้เขาหายไปเมื่อไรก็ได้ นั่นเป็นสัญญา เพราะหมอกระจอกไร้ความสามารถที่บังเอิญผ่านมาไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ไงล่ะ?
บาดแผลลึกของเด็กคนนั้นไม่มีหมอคนไหนที่จะช่วยชีวิตได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่คาชินกลับก้มหน้าอย่างเศร้าสลด
?....ใช่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย.... เพราะฉะนั้นข้าจึงดีใจมาก?
คาชินมองตรงมาที่โยเงซึด้วยนัยน์ตาที่อบอุ่น เป็นการมองตัวเขาแน่ๆ ไม่ใช่เอเงซึ
?ถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่ได้พบกับเอเงซึแล้ว ขอบใจนะ....โยเงซึ?
ขอบใจ? โยเงซึไม่เชื่อหูตัวเอง หมอที่ช่างอ่อนไหวคนนี้ไม่รู้ว่าจะมองโลกในแง่ดีและฉลาดน้อยไปถึงไหน
?....พูดไม่รู้เรื่อง บื้อชะมัด?
แต่เขารู้สึกว่าเคยได้ยินคำพูดที่เหมือนกันนี้ที่ไหนสักแห่ง

เจ้าสำนักซื่อบื้อ แต่พวกตาแก่ยายแก่ในหมู่บ้านก็ซื่อบื้อเหมือนกัน
อย่างผู้ใหญ่บ้านหญิงที่เคยเห็นโยเงซึก็หัวเราะเสียงดังแล้วบอกว่า ?ถ่วงดุลกับเอเงซึได้พอดีเลย?
พวกตายายคอยดูแลเขาทุกอย่าง เช่น เอาต้นหอมให้กิน เอานมวัวให้ดื่ม เพราะว่าดื่มแล้วจะฉลาด โดยไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นโยเงซึไม่ใช่เอเงซึ เมื่อถึงวันที่ถูกขอร้องว่า ?ช่วยเก็บเศษเหรียญที่ตกใต้ถุนให้หน่อย เพราะฉันเก็บเองไม่ไหว? โยเงซึจึงน้ำท่วมปากปฏิเสธไม่ออก
เจ้าสำนักไม่ได้ถามอะไรโยเงซึเลย
เขาไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้จะรู้ความจริงทุกอย่างจากคำพูดของโยเงซึมากแค่ไหน แต่สายตาอ่อนโยนของเขาที่มีต่อโยเงซึก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสายตาที่เขาเคยมองเอเงซึสักนิด
ถึงแม้จะรู้ว่ายิ่งโยเงซึปรากฏตัวบ่อยเท่าไร ชีวิตของเอเงซึก็จะสั้นลงเท่านั้น แต่เขาก็ไม่เคยรังเกียจโยเงซึที่ทำเป็นเย็นชาเลย
ฤดูกาลค่อยๆ ผ่านไป
....บางครั้ง เขาก็มีความคิดแปลกๆ ขึ้นมา
?เอเงซึ? น่าจะตายก่อนโดชูแน่นอน ทั้งเอเงซึและโดชูต่างก็ตระหนักในเรื่องนั้นดี
โดชูที่อยู่เคียงข้าง ยิ่งรู้ว่าตัวเองจะถูกทิ้งไว้คนเดียวก็ยิ่งทุ่มเทความรัก ความเอ็นดูให้เอเงซึอย่างเต็มที่ เขาชี้แนะให้เห็น ?ความสุข? มากมาย และมีเพียงแต่รอยยิ้มโดยไม่มีความเวทนาให้เห็นแม้แต่น้อย
ทั้งสองจับมือกัน รู้ว่าต่างคนต่างไม่สามารถอยู่ไปตลอดกาลได้ ขณะเดียวกันก็พยายามจะไม่อาวรณ์เมื่อถึงเวลาที่ถูกทิ้ง
ไม่รู้ว่าคนที่ทิ้ง หรือคนที่ถูกทิ้งจะเจ็บปวดกว่ากัน....

โยเงซึหงุดหงิด
?จะโง่ไปถึงไหนหา? เวลาที่ข้าออกมา ก็เป็นการฆ่าเอเงซึที่น่ารักของเจ้าไปด้วยนะ?
?เจ้านั่นแหละพูดอะไร ข้าไม่ได้ลำเอียงรักพี่หรือน้องมากกว่ากันหรอกนะ ทั้งเจ้าและเอเงซึต่างก็เป็นลูกที่น่ารักของข้า?
โยเงซึอ้าปากค้าง ....ลูก?
?คะ....ใครเป็นลูกเจ้ากันหา เจ้าบ้า! ข้าน่ะมีชีวิตอยู่มานานกว่าเจ้าหลายเท่านะ!!?
?แหม เรื่องนั้นมันก็เหมือนหลักการที่ว่า ถึงพี่ชายจะแต่งกับพี่สะใภ้ที่เด็กกว่าเรา เราก็ต้องเรียกว่า ?พี่สะใภ้? อยู่ดีนะ?
?ใช่ที่ไหนกัน!!?
ใต้ร่มผ้าของโดชูที่หัวเราะร่ามีแผลฟกช้ำที่เห็นได้ชัดจำนวนมาก เพราะถูกครอบครัวของผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทำร้ายด้วยความบ้าคลั่ง เดิมทีแม่ของเด็กคนนั้นเชื่อยาของคนที่อ้างตัวว่าเป็นเซียนหรือพวกที่มีอาคมมนตร์ดำจึงมารักษาช้าไป ถ้าหากโยเงซึไม่ ?ออกมา? กระโดดเตะผู้หญิงที่ทำเป็นลืมเรื่องนั้นแล้วยังคว้าของมีคมจะเข้ามาทำร้ายโดชู โดชูก็คงจะถูกแทงตายไปแล้วแน่ๆ
ส่วนคนไข้ที่ไม่สามารถช่วยได้ ถึงจะบอกให้พากลับไปสักเท่าไรก็ไม่มีใครยอมฟัง กลับร้องไห้ขอให้ช่วยต่อไป
เจ้าแป๊ะยิ้มนี่เจอเรื่องที่ไร้เหตุผล ถูกหลอก ถูกทรยศหักหลังบ่อยๆ จนน่าจะเสียสติไปแล้ว
....ทั้งที่เจ้าตัวก็รู้ดีอยู่แก่ใจแท้ๆ โยเงซึหัวเราะเยาะอย่างเย็นชากับนิสัยเลวทรามโง่เง่าของมนุษย์ที่ทำอะไรไม่ได้ แต่ถึงจะถูกทำร้ายสักกี่ครั้ง เขาก็ยังยืนกรานว่า ?ชอบมนุษย์? อยู่ดี
?....นี่ โยเงซึ ถึงเอเงซึจะเด็ก แต่เขาก็รู้จักเลือกด้วยตัวเองนะ ทั้งเรื่องของ ?เวลา? ที่ขาดหายไปของตัวเอง และสัญญาที่แลกเปลี่ยนกัน ถึงจะเป็นอย่างนั้น ความร่าเริงในทุกๆ วันก็เป็น ?หนทาง? เดียวในการมีชีวิตอยู่ ที่เด็กคนนั้นปรารถนาจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ก็แค่เพราะ ?อยากให้มีความสุข? ยังไงล่ะ?
คาชินเอื้อมมือมาสัมผัสโยเงซึเหมือนสั่งสอนลูก
?ความยืนยาวของชีวิตไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอเพียงอยู่อย่างมีความสุขจนถึงเวลาสิ้นอายุขัย ....เข้าใจไหม? โยเงซึ ทั้งหมดที่เจ้าทำให้ คือความสุขของข้าในตอนนี้และความสุขของเอเงซึด้วย?
รอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่นยิ่งกว่าคำพูด ทำให้ใบหน้าของโยเงซึร้อนผ่าว มีอะไรบางอย่างจุกอยู่ในอก
ทุกอย่างที่เคยดูถูกเหยียบย่ำกลับเป็นสิ่งที่สวยงาม ถ้าหากได้เห็นเอเงซึ ?มีชีวิตอยู่? ก็คงดี
ถ้าเอเงซึมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างนั้น จะมีความสุขแค่ไหนนะ ส่วนตัวเขาเองจะบอกว่าการที่ได้เห็นพ่อแม่พี่น้องที่เป็นแบบนั้นทำให้เขารักมนุษย์ก็คงได้ล่ะมั้ง
?....ไร้สาระ....!?
แต่ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาจากปากกลับมีเพียงแค่นั้น
เขาไม่อยากมองหน้าของโดชูมากไปกว่านี้ ชายคนนี้จะปลดปล่อยปมที่ฝังแน่นในใจของเขา
....เรื่องนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
?....งั้นก็ลองแสดงให้เห็นสิ?
โยเงซึจ้องคาชินด้วยสายตาเย็นชาและสะบัดมือนั้นทิ้ง
?ดูสิว่าเอเงซึจะใช้ชีวิตนี้จนกว่าจะถึงเวลาดับสูญไปยังไง?
พูดง่ายๆ ว่าแล้วแต่ว่าเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาจะทำยังไง
?ข้าจะมอบเวลาให้ ต่อจากนี้ไปข้าจะออกมาเฉพาะเวลาที่เอเงซึดื่มเหล้ากับเวลาที่ข้ารู้สึอยากจะออกมาเท่านั้น?
ลองแสดงให้เห็นสิว่าจะมีชีวิตอยู่ยังไง ทั้งที่ชีวิตยังคงอยู่ในกำมือของข้า ทั้งที่ชีวิตกำลังค่อยๆ ดับสลายไป
ถ้าเลือกที่จะผัดผ่อนไป ความน่ากลัวก็จะคืบคลานเข้ามา หรือถ้าจะขอเวลาคิด ก็จะมองเห็นอนาคตที่รู้ว่าไม่มี สรุปแล้วไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ ด้วยความทรงจำบางช่วงที่ขาดหายและปฏิกิริยาจากคนรอบข้างจะทำให้เจ้าตระหนักได้ว่าข้าไม่มีทางที่จะหายไป
จงแสดงความต้องการทุกอย่างออกมาเท่าที่จะเป็นไปได้ ลืมคุณค่าของความสุขที่น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเสีย
เมื่อไรที่เจ้าคิดว่าตัวเองทุกข์ แล้วโพล่งออกมาว่าข้าน่าจะออกมา เมื่อนั้นข้าก็จะมา
โยเงซึรู้วิธีจัดการกับความคิดของเอเงซึที่อยู่ใต้อาณัติของเขา
(แค่เพียงแวบเดียวที่คิดอย่างนั้น ข้าจะฆ่าเจ้า)
โยเงซึไม่รู้ว่าตอนนั้นโดชูซื่อบื้อทำหน้ายังไง เพราะไม่อยากเห็น เขาจึงหันหน้าไปทางอื่น แล้วจิตสำนึกของเขาก็จมหายไป



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โคชูเร ผู้ว่าราชการมณฑลหญิงแก้ปัญหาเรื่องโรคประหลาดที่กำลังระบาด และรีบกลับไปยังมณฑลซาเพื่อตามหาเอเงซึที่หายตัวไป แต่ว่าที่มณฑลซามีคำสอนของลัทธิเซียนนอกรีต พูดต่อๆ กันไปว่า ?ชูเรคือต้นเหตุของโรคประหลาด? ! ชูเรตัดสินใจเตรียมพร้อมโดยบอกว่า ?ถ้าหากเป็นเพราะฉัน ฉันจะ....? เอนเซที่เป็นรองผู้ว่าฯ และเซรันพยายามปกป้องชูเรที่ตัดสินใจอย่างนั้นสุดชีวิต แต่ว่า!? ชูเรต้องเผชิญกับโรคที่รุกคืบเข้ามาและลัทธิเซียนนอกรีต!? ภาคเอเงซึทั้งหมดกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายที่น่าตกตะลึง....!! ติดตามได้ในนิยายแฟนตาซีหลากสีสันสุดฮิต เนื้อเรื่องหลักเล่ม 8!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”