?เด็กผี ไปให้พ้น พวกข้าไม่อยากเล่นกับเจ้า เจ้าไปไกลๆ เลยนะ ใครเห็นเจ้าเป็นต้องโชคร้ายทุกราย รีบไปให้พ้นเลย!?
?ฮี่! ฮี่! ฮี่! เด็กผี เด็กผี เจ้ามองเห็นผีอีกแล้วใช่หรือไม่ คนบ้านไหนตายอีกเล่า เจ้ารีบไปเล่นกับผีสิ...?
?...ตัวอัปมงคล แม่ของข้าบอกว่าเจ้าเป็นตัวอัปมงคล ดวงตาทั้งคู่กลมโบ๋เหมือนกับผี ต้องเป็นผีมาเกิดแน่นอน มาเพื่อมอบความโชคร้าย...?
?ผีผีผี...ผีที่น่ารังเกียจ รีบไปให้พ้น พ่อแม่ของเจ้ายังไม่ต้องการเจ้าเลย เจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกทำไม รีบไปตายซะ! ตายแล้วก็จะได้กลายเป็นผี ต่อไปก็ไม่ต้องเห็นผีอีก ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า! เด็กผี เด็กผี เจ้าต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะเจ้าเป็นเด็กผี...?
วาจาหยอกล้อที่เด็กๆ พูดตามผู้ใหญ่เหล่านี้ช่างโหดร้าย ต่อให้เป็นคำพูดที่ไม่ได้มาจากใจ แต่เมื่อเด็กสามคนห้าคนรวมกลุ่มกันพูดไม่หยุดก็แปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งร้าย และจากคำพูดว่าร้ายก็เริ่มลามไปสู่การทำร้ายร่างกายในไม่ช้า
หนึ่งในนั้นมีเด็กผู้ชายรูปร่างอวบอ้วนหูกางคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรชายของบ้านตระกูลจางที่ร่ำรวย เขาถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กจนเสียคน วางมาดว่าเหนือกว่าผู้อื่นไปทั่ว เมื่อเขามองเห็นเด็กผีที่มีผิวหน้าเหลืองซีดตัวผอมโซ กำลังแบกตะกร้าไม้ไผ่ไว้บนหลังเดินผ่านสันเขาก็โยนก้อนดินออกไปอย่างคึกคะนอง เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าตนเองนั้นห้าวหาญเพียงใด
ครั้นเด็กคนอื่นเห็นก็พากันก้มลงเก็บก้อนดิน ก้อนหิน กิ่งไม้ แล้วโยนไปยังนางบ้าง พวกเขาหัวเราะกันคิกคัก แม้ว่าในใจจะหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งเลยไม่กล้าขยับไปใกล้นัก เพราะบิดามารดาพร่ำบอกพวกเขาว่านั่นเป็นตัวอัปมงคล พวกเขาเองก็กลัวว่านางจะทำให้พวกเขาต้องเจอกับโชคร้าย ทว่านี่เป็นเพียงการละเล่นของเด็กที่มารวมกลุ่มกันเท่านั้น ดังนั้นขอเพียงมีคนนำย่อมมีคนตาม เด็กๆ ที่เรียนรู้การกระทำมาจากผู้ใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำเหมาะสมหรือไม่ พวกเขาจึงเพียงรู้สึกสนุกสนานเท่านั้น
โชคดีที่ความแม่นยำของเด็กๆ ยังไม่เพียงพอ ทำให้เกือบทั้งหมดปะทะเข้ากับอากาศ มิเช่นนั้นเด็กผู้หญิงที่แบกตะกร้าไม้ไผ่ไว้บนหลังคงจะมีบาดแผลไปทั่วทั้งตัว
ก้อนหินเล็กก้อนหนึ่งเฉียดหน้าผากของนางไปอย่างกระชั้น เหลียงหานยวี่ที่มีใบหน้าค่อนไปทางเหลืองและร่างกายผ่ายผอมกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันเอียงศีรษะหลบ หันไปจ้องเด็กกลุ่มนั้นหนึ่งครั้ง ในสายตาของนางมีทั้งความจนใจและความโมโหที่อยากจับเด็กทะเล้นกลุ่มนี้มาแขวนลงโทษให้สาสม ซึ่งเป็นสายตาที่ไม่ควรมีในเด็กอายุเช่นนาง
มาอีกแล้ว ไม่จบไม่สิ้นกันสักที! ยังเล่นไม่เบื่ออีกรึ?
ใบหน้าเล็กๆ ของนางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าห้ามใครเข้าใกล้นางเด็ดขาด เหลียงหานยวี่รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตของนางมากเสียจนแทบจะไร้ความรู้สึกต่อสิ่งใดๆ ที่เกิดขึ้นอีกแล้วจึงเหลือเพียงการยอมรับทุกอย่างไว้อย่างชินชา
สองปีแล้ว เวลาสองปีมันนานพอจะทำให้คนคนหนึ่งสงบจิตสงบใจลงได้ แล้วหันมายอมรับความจริง
นางกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่านางจะใช้วิธีการใด หรือต่อให้ต้องตายลงอีกรอบก็ตาม
แต่...นางกลัวความเจ็บปวดเหลือเกิน ดังนั้นแน่นอนว่าใช้มีดไม่ได้ บาดแผลเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นบนผิวกาย นางก็ไม่สามารถยอมรับมันได้ ด้วยเหตุนี้ทางเลือกที่เป็นการทรมานตัวเองเช่นนี้จึงเป็นไปไม่ได้
หากจะผูกคอตาย ศพต้องน่าเกลียดมากเป็นแน่ เกิดโชคร้ายถูกใครบางคนช่วยไว้ได้ทัน แต่คอได้รับบาดเจ็บจนส่งเสียงได้เหมือนแม่ไก่ นั่นยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม นางต้องทนฟังเสียงของตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน
ถ้าดื่มยาพิษ...พูดตามความจริง ในยุคสมัยโบราณที่การแพทย์ไม่เจริญเช่นนี้ นางจะไปสรรหายาพิษร้ายแรงที่ถึงแก่ความตายในทันทีได้จากที่ใด ที่สำคัญคือตอนที่นางข้ามมิติมายังโลกแห่งนี้ ร่างนี้เพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ห้าขวบเท่านั้น เป็นเด็กน้อยที่แม้แต่ท้องยังกินไม่อิ่มคนหนึ่ง บนร่างกายไม่มีแม้แต่เงาของเงิน ไหนเลยนางจะมีเงินไปซื้อยาพิษ
แม้บัดนี้นางยังยากจนไม่เปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อยนางยังสามารถกินได้ครึ่งอิ่ม ซ้ำยังชิมรสชาติของเนื้อได้บ้างเป็นบางคราว ถือว่าโชคดีกว่า ?บิดามารดาบังเกิดเกล้า? ของนางที่หน้าสู้ดินหลังสู้ฟ้ามากนัก
เพราะการ ?ทอดทิ้ง? ของพวกเขา นางจึงต้องพยายามอย่างเต็มเพื่อให้มีชีวิตรอด อาศัยที่ดินครึ่งหมู่ กับกระท่อมเก่าๆ ที่นางได้รับแบ่ง นางมีทั้งผักป่าโดยรอบที่มากมายจนกินไม่หมด และนางยังเพาะปลูกอาหารบางอย่างที่เติบโตได้ง่าย เช่น หัวไชเท้า ฟักทอง หัวมัน ซึ่งล้วนเก็บรักษาไว้ได้นาน หากมีผลผลิตมากพอยังสามารถดองเก็บเป็นเสบียงยามคิมหันตฤดู ทำให้นางไม่ต้องนั่งปวดหัวกับเรื่องปากท้องตลอดช่วงเวลาสามถึงสี่เดือนนั้น
นอกจากนี้ในแม่น้ำก็มีกุ้งหอยปูปลา แม้จะตัวเล็กๆ ผอมๆ ไม่ใช่ตัวอ้วนพีสักเท่าใด แต่ยังดีที่มีปริมาณมากพอ กุ้งและปูก็จับมาตากแห้งแล้วป่นเป็นผงสำหรับเป็นเครื่องปรุงรส มีคุณค่าทางอาหารประเภทไคติน ส่วนปลาใหญ่ปลาเล็กนำมาทำเป็นปลาตากแห้งก็สามารถเก็บรักษาไว้ได้เป็นเวลานาน
ทั้งหมดนี้ใช่ว่าเป็นเพราะความสามารถของนางแต่ผู้เดียว ที่จริงชีวิตนางมิได้ย่ำแย่มากนัก เพราะนางยังมีพี่ชายที่ไม่เลวอีกถึงสามคน นางถือว่านี่เป็นรางวัลปลอบใจจากสวรรค์
พี่ใหญ่เหลียงจื้อ อายุสิบสามปี เป็นคนทื่อๆ ไม่พูดมาก ตั้งใจทำการงาน ซื่อๆ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เจอใครก็เกาหูยิ้มให้ ไม่เรียกร้องในสิ่งใด หากมีข้าวหนึ่งคำจะแบ่งปันให้นางเสียครึ่งคำ และมักแอบช่วยนางซ่อมหลังคาห้องน้ำที่มีรูรั่วอย่างเงียบๆ
พี่สองเหลียงหย่ง อายุสิบเอ็ดปี เป็นคนค่อนข้างเจ้าเล่ห์ ฉลาดเป็นกรด หากเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบแล้วจะแอบอู้เป็นประจำ คำพูดของบิดามารดาเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มักลอบขโมยข้าวสาร ขนม และอาหารจากบ้านมาให้นางอยู่เสมอ ผ้าห่มผืนเก่าในห้องของนางเขาก็ขโมยมาให้จนถูกบิดามารดาตีเกือบตาย ทว่าผ้าห่มเก่าๆ นั้นก็ช่วยให้นางรอดพ้นจากการหนาวตายในคิมหันตฤดูปีแรกที่นางมาเยือนที่แห่งนี้
พี่สามเหลียงหนาน อายุเก้าขวบ สนิทสนมกับนางเป็นอย่างยิ่ง ท่อนแขนไม่ใหญ่ไปกว่านางนัก ทว่าชอบมาช่วยนางทำไร่ทำนา ถอนหญ้า หาบน้ำอยู่เป็นนิจ สอนนางว่าจะปลูกผักอย่างไร ขอเพียงมีเวลาว่างจะพานางขึ้นเขาไปขุดหาอาหาร เก็บฟืนมัดใหญ่กลับมา ด้วยเกรงว่านางจะไม่มีฟืนใช้ ไม่มีน้ำดื่ม
?เด็กผี เด็กผี กลางวันเห็นตะวัน กลางคืนเห็นวิญญาณ คนแก่เห็นแล้วหน้าซีด เด็กได้ยินแล้วร้องไห้ไม่หยุด เด็กผี เด็กผี เด็กผีเอ๋ย เจ้าเป็นเด็กผี ไฉนจึงยังไม่เปลี่ยนเป็นผีอย่างแท้จริง จุดธูปให้ทุกคืนวันลงสู่นรก...?
เด็กๆ ร้องเพลงที่แต่งขึ้นเองพลางโยนก้อนดินที่ยังมีหญ้าติดอยู่ไปยังเหลียงหานยวี่ที่ยืนเม้มปากอยู่
ครั้งนี้นางไม่หลบอีกต่อไป ปล่อยให้โยนโดนนางอย่างจัง เด็กพวกนี้หากไม่สาแก่ใจจะไม่ยอมหยุดและคอยตามนางไปทุกที่ ตอนนี้นางยังเด็ก ไม่มีเรี่ยวแรงไปตอบโต้ ซ้ำพวกเขายังมีคนมากกว่า นางมีเพียงคนเดียว ไม่อดทนไม่ได้ หากปะทะกันขึ้นมานางย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ซ้ำร้ายยังอาจทำให้ชื่อเสียงของนางเน่าเหม็นไปกว่าเดิม
นับตั้งแต่ที่นางลืมตาขึ้นบนโลกที่เหมือนกับสมัยโบราณของประเทศจีนแห่งนี้ นั่นเป็นช่วงเวลาที่นางตื่นตกใจจนประสาทสัมผัสทั้งหกแตกกระเจิงกันไปคนละทาง ตลอดเวลาสามวันสามคืนที่นางไม่เอ่ยปากพูดคำใดออกมา ในสมองยังคงคิดใคร่ครวญไปมาอยู่ตลอดว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ที่แท้เอ้อร์นิวที่อายุเพียงห้าขวบ เจ้าของร่างเล็กๆ คนนี้ สามารถมองเห็นสิ่งที่ไม่ใช่ของโลกนี้ได้ตั้งแต่อายุสองสามขวบ เอ้อร์นิวที่อายุเพียงสองขวบยังไม่เข้าใจว่าสิ่งนั้นแตกต่างกับคนเป็นๆ อย่างไร จึงพึมพำชี้ไปมาอยู่อย่างนั้น ส่วนผู้ใหญ่ก็เข้าใจว่าเอ้อร์นิวกำลังฝึกพูดอยู่เท่านั้น พูดได้ไม่ชัดเป็นเรื่องปกติจึงไม่มีใครใส่ใจ
จวบจนเอ้อร์นิวสี่ห้าขวบ ในที่สุดเอ้อร์นิวก็สามารถพูดเป็นประโยคได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่เมื่อคนในครอบครัวได้ยินคำพูดของนางแล้วต่างพากันตกใจ รีบบอกให้นางปิดปาก พยายามเก็บนางไว้ในเรือนอยู่ตลอด ไม่ยอมปล่อยให้นางออกไปเล่นกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน
แต่ไม่ว่าจะพยายามซ่อนอย่างไรก็ไม่เป็นผล วันหนึ่งเอ้อร์นิวออกไปข้างนอกกับบิดามารดา นางชี้ไปยังซ้อสองโจวที่ทั้งปากสว่างและอกตัญญูที่สุดในหมู่บ้าน แล้วพูดขึ้นว่า ?ยายหลี่โกรธท่านมากเลยนะ ตอนนี้นางก็กำลังจ้องท่านอยู่ นางบอกว่าท่านยักยอกเงินยี่สิบตำลึง ที่นางซ่อนไว้ในหลุมส้วมเพื่อเป็นค่าแต่งงานของลูกชายคนเล็กไป ยายหลี่ยังบอกอีกว่าหากท่านไม่ยอมคายออกมาก็จะพาท่านไปอยู่ด้วย...?
ซ้อสองโจวที่ร้อนตัวกลัวว่าจะต้องเสียเงินยี่สิบตำลึงนั้นไปจึงเริ่มด่าว่าพวกเขา สองมือเท้าเอว ด่าเอ้อร์นิวเสียงดัง หาว่าเอ้อร์นิวพูดจาเพ้อเจ้อ อายุแค่นี้กลับรู้จักพูดจาให้ร้ายคนอื่น นางด่าไปร้องไห้ไปราวกับบอบช้ำน้ำใจหนักหนาจากคำพูดของเอ้อร์นิว
เริ่มแรกทุกคนยังเข้าข้างเอ้อร์นิว บอกว่าเอ้อร์นิวเป็นเพียงเด็ก อย่าได้ถือสา ขอให้ซ้อสองโจวจบเรื่องลงเสีย แต่นางยังด่าว่าต่อไปไม่หยุด คำพูดยิ่งอยู่ยิ่งหยาบคาย ซ้ำยังบอกอีกว่าเอ้อร์นิวเป็นเด็กผี โวยวายจะขอให้บ้านเหลียงรับผิดชอบให้ถึงที่สุด จนกระทั่งในมือนางมีเงินหนึ่งตำลึงที่รีดไถมาจากบ้านตระกูลเหลียงแล้วถึงได้ยอมเดินจากไป
ใครจะรู้ว่าไม่กี่วันต่อมาซ้อสองโจวกลับเสียชีวิตลงจริงๆ ซ้ำยังตายอย่างอนาถ ศีรษะของนางปักอยู่ในหลุมส้วมราวกับต้นผัก รองเท้าหลุดไปหนึ่งข้าง กว่าคนในบ้านจะมาพบและช่วยนางออกมาจากหลุมส้วมนางก็สิ้นลมลงแล้ว
ที่น่าประหลาดกว่านั้นคือ ในมือของนางกำเงินยี่สิบตำลึงซึ่งเป็นเงินที่ยายหลี่ซ่อนไว้ให้ลูกชายคนเล็กไว้แน่น
แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ พอญาติฝ่ายหญิงของซ้อสองโจวที่มาช่วยทำความสะอาดร่างกายพลิกตัวนางกลับมา กลับพบว่าแผ่นหลังของซ้อสองโจวปรากฏรอยฝ่ามือสีแดงเลือดสองข้าง นับแล้วรอยมือนั้นมีทั้งหมดแปดนิ้ว
ทุกคนต่างรู้ดีว่ายายหลี่เสียนิ้วไปสองนิ้วจากการเกี่ยวข้าวครั้งหนึ่ง นับแต่นั้นมานางก็มีเพียงแปดนิ้ว คนหนุ่มสาวในหมู่บ้านต่างพูดถึงนางว่าเป็นยายแปดนิ้ว
ครั้นเกิดเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้ขึ้น เอ้อร์นิวที่เป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ใครถามอะไรก็พูดไปตามความจริงจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเมื่อคนได้ฟังคำพูดของนางแล้วถึงพากันวิ่งหนีอย่างหวาดกลัว คอยหลบหลีกนางราวกับนางเป็นผีร้าย
ปีนั้นค่อนข้างแห้งแล้ง เก็บเกี่ยวได้น้อย ต้านิวพี่สาวของเอ้อร์นิวกำลังจะออกเรือน คนบ้านเหลียงจึงพยายามช่วยกันจนจัดเตรียมเจี้ยจวง ไว้ได้จำนวนหนึ่ง ทำให้บ้านเหลียงไม่เหลือทรัพย์สินใดๆ พวกเขายากจนจนแทบขายลูกกิน ซ้ำร้ายเอ้อร์นิวยังมาก่อเรื่องในช่วงนี้ วันหนึ่งนางชี้ไปยังเด็กชายคนหนึ่งที่เพิ่งจะเสียบิดาไป บอกว่ามารดาของเด็กคนนี้คบชู้ ซ้ำยังพูดต่อไปว่าบิดาของเขาถูกมารดาของเขากับชู้ของนางร่วมกันลงมือสังหาร คำพูดนี้ออกไปได้ไม่ถึงครึ่งวัน เอ้อร์นิวก็ถูกผลักตกจากเนินเขาจนศีรษะของนางกระแทกกับก้อนหินอย่างแรง
เอ้อร์นิวเสียชีวิตลง แต่คนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาคือเหลียงหานยวี่ที่มาจากโลกใบอื่น นางที่เดิมอายุยี่สิบเจ็ดกลายมาเป็นเด็กอายุห้าขวบ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายผ่ายผอมเพราะขาดสารอาหาร เพียงลมพัดเบาๆ ร่างของนางก็คงปลิว
แม้คนจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่เรื่องยุ่งยากกลับตามมาไม่น้อย
มารดาของเด็กคนนั้นที่ยังสวมชุดไว้ทุกข์บุกมาหาถึงบ้าน ร้องห่มร้องไห้และเอะอะอาละวาด บีบบังคับให้บิดามารดาของเอ้อร์นิวจับเอ้อร์นิวถ่วงบ่อน้ำเพราะนางเป็นเด็กผี
ชื่อเสียงของนางในฐานะเด็กผีจึงเริ่มแพร่กระจายจากเหตุนี้ ข่าวลือยิ่งอยู่ยิ่งบานปลาย บอกว่าดวงตาทั้งคู่ของนางที่มองเห็นวิญญาณเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ควรมี เป็นดวงตาวิญญาณที่มาจากส่วนลึกสุดในปรโลก นางมาพร้อมกับคำสาป จะนำพาหายนะมาสู่หมู่บ้าน หากเอ้อร์นิวไม่ตาย หมู่บ้านจะไม่มีวันสงบ วิญญาณต่างๆ จะตามมารังควาน...
เพื่อปกป้องชีวิตลูกสาวไว้ และอาจเพราะไม่มีอาหารเพียงพอจะเลี้ยงนางได้อีก ภายหลังจากคนในหมู่บ้านยินยอมแล้ว ในที่สุดสามีภรรยาบ้านเหลียงก็ส่งบุตรสาวที่อายุเพียงห้าขวบและเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัสไปยังที่ราบระหว่างภูเขาตรงท้ายหมู่บ้าน ในนั้นมีกระท่อมซอมซ่ออยู่ และยกที่ดินครึ่งหมู่ให้นางไว้ยังชีพ
หากนางมีชีวิตรอดก็ถือเป็นชะตาของนาง ในทางกลับกันนางก็โทษคนอื่นไม่ได้เพราะไม่มีผู้ใดเรียกร้องให้นางมีดวงชีวิตที่ไม่ดี
โชคดีที่นางยังมีพี่ชายแสนดีสามคน คอยให้ความช่วยเหลือและดูแลนางอย่างเงียบๆ ในที่สุดพวกเขาก็ช่วยกันดึงนางกลับมาจากหน้าประตูผีจริงๆ
เหลียงหานยวี่ที่ได้มีชีวิตอีกครั้งย่อมไม่ใช่เด็กโง่คนนั้นอีก นางยังสามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับได้เช่นเดิม แต่เรียนรู้ที่จะปิดบัง ไม่พูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งเหมือนเอ้อร์นิวคนเดิม
เสียดายที่ชื่อเสียงในฐานะ ?เด็กผี? ติดตัวนางแน่นเหนียวราวกับหมากฝรั่ง ต่อให้นางทำตัวปกติ คล้ายกับเด็กสาวทั่วไปในหมู่บ้านสักเพียงใด ผู้ใหญ่และเด็กในหมู่บ้านเมื่อเห็นหน้านางแล้วก็ยังคงมีสีหน้าหวาดกลัว พยายามหลบหลีกนางอยู่เสมอ ซ้ำยังร้องตะโกนว่าเด็กผีมาแล้ว
ดังนั้นคนที่ไม่รังเกียจเหลียงหานยวี่อาจถือได้ว่าติดลบเลยทีเดียว! นอกจากพี่ชายไม่กี่คนของนางแล้ว ไม่มีใครยอมพูดคุยกับนางเลย ทำเอานางสงสัยอยู่บ่อยๆ ว่าตนเองคงจะเป็นโรคชอบเก็บตัวอีกในไม่ช้า
?ห้ามรังแกน้องสาวของข้านะ หลีกไป เอ้อร์นิวบ้านข้าไม่ใช่เด็กผี พวกเจ้าที่พูดจาเพ้อเจ้อระวังปากจะเน่า หน้าจะเต็มไปด้วยฝีไว้ให้ดีเถอะ?
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่สวมอาภรณ์เก่าๆ ร่างกายที่เติบโตขึ้นทำให้แขนเสื้อสั้นกุดจนท่อนแขนโผล่ออกมานอกแขนเสื้อประมาณสามนิ้วกำลังวิ่งมาอย่างโมโห ในมือถือไม้ยาวสำหรับเก็บผลไม้ไว้แน่น วิ่งร้องมาพร้อมกับยืดอกผอมๆ ให้ตรงมากที่สุด
?พี่สาม? เห็นเด็กผู้ชายที่ตัวสูงกว่าตัวเองเพียงครึ่งศีรษะวิ่งมา เหลียงหานยวี่ก็ร้องขึ้นอย่างตื้นตัน
การที่นางซึ่งมีวิญญาณอายุใกล้จะสามสิบ ต้องเอ่ยปากเรียกเด็กผู้ชายตรงหน้าที่เพิ่งจะเก้าขวบว่าพี่ นางต้องฝึกฝนอย่างหนักทีเดียวกว่าจะข้ามผ่านกำแพงในใจจนเรียกพี่สามได้อย่างคล่องปาก
เพราะอย่างไรเสียเจ้าของร่างนี้ก็เป็นน้องสาวของเขา ในเมื่อนางกลับไปไม่ได้แล้ว การยอมรับและใช้ชีวิตอยู่ในฐานะเอ้อร์นิวทำให้นางต้องยอมปรับตัว เริ่มทำตัวเป็นน้องสาวของเด็กชายสามคน และพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป คิดหาทางให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
?เอ้อร์นิวไม่ต้องกลัว พี่มาปกป้องเจ้าแล้ว? ร่างกายของเหลียงหนานผอมเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์นั้นเต็มไปด้วยความตั้งมั่น
เห็นเขาทำท่าทางราวกับผู้ใหญ่ เหลียงหานยวี่เกือบหัวเราะออกมา แต่ยังคงตื้นตันจนน้ำตารื้นเล็กน้อย มือน้อยตบพี่สามที่อยู่ตรงหน้าเบาๆ ?เอ้อร์นิวไม่เป็นไร พี่สามไม่ต้องเป็นห่วง ข้าสบายดี?
?ไม่จริง เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมไปหมดแล้ว เจ้ามีเสื้อผ้าเพียงสองสามชุดเท่านั้น หากว่าสกปรกทั้งหมดเจ้าจะใส่อะไร พวกเขาใจร้ายมาก? ระหว่างที่พูดเขาก็จ้องกลุ่มเด็กที่ยืนหัวเราะเยาะอยู่ห่างๆ เขม็ง ในมือกำไม้ยาวไว้แน่นราวกับว่าพร้อมจะพุ่งออกไปเคาะศีรษะเด็กเหล่านั้นทีละคนคนละที ดูว่าใครจะกล้ามาหาว่าน้องสาวที่น่ารักและจิตใจดีของเขาคนนี้เป็นเด็กผีอีก
?สกปรกแล้วก็ซักได้นี่! ในเมื่ออากาศร้อนออกอย่างนี้ ประเดี๋ยวเดียวก็แห้งแล้ว ไม่เป็นไรหรอก? เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ ขอเพียงนางไม่พูด ?เรื่องเพ้อเจ้อ? อีก และใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติ ผ่านไปสักสามปีห้าปีทุกคนก็จะค่อยๆ ลืมเรื่องนี้ไปเอง
ยังจำได้ว่าปีแรกที่นางมายังโลกแห่งนี้ สุขภาพของนางย่ำแย่เสียจนจะขาดลมหายใจไปเมื่อใดก็ไม่แปลก อย่าว่าแต่จะลงจากเตียงเลย แม้แต่พลิกตัวหรือดื่มน้ำยังลำบาก ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนั้นที่แม้แต่ตัวนางเองยังคิดว่าตนเองคงไปไม่รอดแล้ว กลับยังมีกลุ่มคนที่ร้องปาวๆ ว่าจะเอาชีวิตนาง หากนางที่เป็นเด็กผีไม่ตายไปเสีย หมู่บ้านนี้จะต้องพบเจอแต่ความหายนะ
คิมหันตฤดูปีแรก นางมองดูหิมะโปรยปรายลงมาขณะที่มีไข้สูง คำสาปแช่งดังจากทุกหนแห่ง ความคิดมุ่งร้ายมาจากคนรอบข้าง ถึงกระนั้นนางก็ยังมีชีวิตรอดมจนวสันตฤดูได้
เมื่อเข้าสู่วสันตฤดูซึ่งเป็นฤดูแห่งการหว่านเมล็ดพันธุ์ ทุกครัวเรือนต่างยุ่งกับสวนกับไร่ของตนจึงทำให้คนที่นินทาว่าร้ายและหาเรื่องลดลงไปไม่น้อย เรื่องราวของนางค่อยๆ ถูกลืมเลือนไป แม้ว่าจะยังมีคนคอยพูดติดปากอยู่บ้าง แต่จากผลผลิตในปีถัดมาทำให้ข่าวลือที่ว่านางเป็นตัวอัปมงคลถูกลบล้างไป ทว่าฉายาเด็กผีของนางยังคงติดตัวนางมาเช่นเดิม เดินไปถึงไหนก็ถูกคนรังเกียจถึงนั่น
ยังดีที่นางอาศัยอยู่อย่างสันโดษ มิเช่นนั้นหากมีผู้พบเห็นการกระทำที่แปลกประหลาดของนางเข้า เกรงว่าคงจะมองว่านางเป็นปีศาจแล้วจับนางมัดไว้กับเสาและเผาเสียก็เป็นได้
?เจ้าจะปล่อยไว้เฉยๆ อย่างนี้ไม่ได้นะ เพราะเจ้าใจดีเกินไปถึงได้ถูกรังแกอยู่เรื่อย ขอเพียงมีพี่สามอยู่ ใครก็จะมาแตะต้องเจ้าไม่ได้แม้เพียงปลายเล็บ?
เหลียงหนานโบกไม้ยาวในมือไปมา ทำเอาเด็กขี้ขลาดหลายคนตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว แต่พวกเขายังคงทำหน้าตายียวนอย่างไม่ยอมแพ้แล้ววิ่งจากไป
?พี่สาม ดูเหมือนบ้านข้าจะรั่วอีกแล้ว อาศัยช่วงนี้ที่อากาศดีไม่มีฝน พี่ช่วยข้าหาดินเหนียวมาอุดรูรั่วให้หน่อยนะ? การใช้ ?แรงงานเด็ก? นั้นเหลียงหานยวี่ไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย กลับออกคำสั่งได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะหากว่านางไม่ขอให้เหลียงหนานทำแต่ลงมือเอง เหลียงหนานนั่นเล่าที่จะหันกลับมาโมโหนาง จากนั้นก็พูดจาสั่งสอนนางพร้อมกับวางท่าทีเป็นพี่ชายที่นางต้องเชื่อฟังทุกอย่าง
เด็กจากครอบครัวยากจนจะมีความเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่า อย่ามองว่าเหลียงหนานอายุเพียงแค่เก้าขวบ ตอนนี้เขาทั้งผ่าฟืน หาบน้ำ และลงไร่เพาะปลูกได้อย่างเชี่ยวชาญ สามารถปลูกข้าวฟ่างเป็นแถวๆ ที่ตรงดิ่งยิ่งกว่าไม้บรรทัดได้
?อะไรนะ รั่วอีกแล้วหรือ เจ้ารอสักพักนะ เดี๋ยวพี่กับพี่สองจะเข้าไปขุดดินในป่า แล้วจะกลับบ้านไปขโมยแป้งข้าวเหนียวมาสักสองจิน เพื่อผสมกับดิน อย่างนี้เมื่ออุดรูแล้วก็จะไม่รั่วอีก มิเช่นนั้นพอลมพัดมาหน่อยกำแพงจะยิ่งบางลงไปอีก? ยิ่งเมื่อถึงคิมหันตฤดู หากปล่อยให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยลมหนาวที่พัดผ่านอาจทำให้นางล้มป่วยลงได้ง่าย
?ไม่ดีกระมัง! พี่สาม ท่านแม่...จะไม่พอใจ...? พี่ใหญ่ของนางตอนนี้อายุสิบสามแล้ว มารดาของนางในยุคโบราณคนนี้ไม่ต่างกับคนอื่นที่ให้ความสำคัญกับบุตรชายมากกว่าบุตรสาว ดังนั้นตอนนี้มารดาของนางจึงกำลังเก็บหอมรอมริบเป็นการใหญ่สำหรับใช้สู่ขอสะใภ้มาให้พี่ใหญ่ในอนาคต เพื่อให้นางได้อุ้มหลานโดยเร็ว ผู้ชายบ้านเหลียงทุกคนรักครอบครัวเป็นอย่างมาก กับคนในครอบครัวแล้วให้ได้ทุกอย่าง ไม่มีกลัวว่าจะให้มากไป กลัวแต่ว่าจะให้ไม่พอเสียมากกว่า ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางไปสำหรับเด็กหญิงในบ้านให้เรียบร้อยเสียก่อน เรื่องนี้เหลียงหานยวี่รู้สึกดีมากเป็นพิเศษ คนบ้านเหลียงที่ใสซื่อกลุ่มนี้ทำให้ ?เด็กใหม่? อย่างนางรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ
แม่ของเจ้าของร่างเดิมจ้าวซื่อ ใช่ว่าจะไม่ดูแลบุตรสาวเลย แต่เพราะในใจของนางมีลำดับความสำคัญที่แตกต่างกัน ในใจของจ้าวซื่อนั้นเห็นบุตรชายทั้งสามคนสำคัญกว่า เพราะต่อไปภายหน้าเมื่อแก่ตัวลงยังจะต้องพึ่งพวกเขาทั้งสามในการเลี้ยงดูจนถึงฝังศพให้ จะไม่ให้ความสำคัญมากกว่าได้อย่างไร
ส่วนบุตรสาวนั้นในที่สุดก็ต้องออกเรือนไป เหมือนกับถือถ้วยข้าวของคนอื่นอยู่ การจัดเตรียมเจี้ยจวงให้พอประมาณก็ถือว่าเพียงพอแล้ว อะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด ขอเพียงสามารถอาศัยอยู่ได้เป็นพอ ไม่สนใจว่ามันจะชำรุดทรุดโทรมเพียงใด ซ้ำอีกสักเจ็ดแปดปีบุตรสาวคนนี้ก็ต้องออกเรือนไป ถือเป็นคู่กรรมที่มีวาสนาต่อกันเพียงน้อยนิด
อาจเป็นเพราะสายใยระหว่างแม่ลูกที่บางเบา ต้านิวที่ออกเรือนไปนั้นนอกจากกลับบ้านในวันที่สามหลังจากงานแต่งซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแล้วนางแทบไม่เคยกลับบ้านอีกเลย มิหนำซ้ำปกติก็ไม่ค่อยไปมาหาสู่กันเท่าใดนัก ทำให้จนถึงบัดนี้เหลียงหานยวี่ยังไม่เคยพบหน้าพี่สาวคนโตคนนี้เลยแม้สักครั้ง
?เจ้าวางใจเถอะ ท่านแม่ไม่มีทางรู้หรอก พี่จะแอบไปขโมยออกมาเองและจะผสมข้าวสารเก่าลงไปด้วย ท่านแม่ต้องดูไม่ออกแน่นอน? เหลียงหนานยิ้มอย่างภาคภูมิ ตบหน้าอกตัวเองหลายทีเป็นการรับรองว่าเรื่องนี้ต้องสำเร็จ
เรื่องพวกนี้เขาไม่ได้ทำเพียงครั้งสองครั้ง แต่ทำนับครั้งไม่ถ้วนจนเกิดความชำนาญ เขาเอาข้าวสารเก่าที่เก็บไว้มาผสมเข้ากับข้าวสารใหม่ แม้ว่าแม่ของพวกเขาจะรู้สึกแปลกแต่ก็ไม่รู้ว่ามันแปลกตรงไหน ซ้ำยังจะพานนึกไปว่าเพราะมีลูกมากทำให้ความจำแย่ ท้ายสุดก็ลืมไปเอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การขายโลงศพให้กับนายทหารกลุ่มนั้นถือเป็นการค้าขายที่คุ้มค่าที่สุดนับตั้งแต่นางข้ามมิติมายังโลกแห่งนี้! มิเช่นนั้นนางคงไม่มีโอกาสสังเกตเห็นว่าเขาที่ถูกลูกธนูปักกลางอกและกำลังถูกจับนอนในโลงนั้นยังมีชีวิตอยู่ นางจึงใช้ความดีที่เหลืออยู่น้อยนิดช่วงชิงชีวิตของเขาที่ได้ชื่อว่าแม่ทัพผู้เก่งกาจกลับมาจากมือยมบาล ให้เขาพักฟื้นรักษาตัวที่ร้านของนางจนกระทั่งเขาตัดสินใจจะเคียงคู่กับนางตลอดไป
สำหรับนางที่เป็นทาสของเงินทองแล้ว ย่อมมิอาจปล่อยให้ภูเขาเงินภูเขาทองลูกนี้หนีรอดไปได้ ทว่าที่นางตัดสินใจรับคำขอแต่งงานของเขาเป็นเพราะใจของนางหวั่นไหวไปกับเขาเสียแล้วต่างหาก แต่เรื่องยุ่งยากที่ลำบากที่สุดนั้นคือ มือมืดที่เป็นผู้บงการในการลอบทำร้ายเขา เมื่อแผนการที่หนึ่งล้มเหลวก็ใช้แผนการที่สองเล่นงานต่อ ครั้งนี้ถึงกับใช้วิธีชั่วช้าต่ำทราม หวังให้เขาสิ้นลมอย่างอนาถที่สุด...
