พอรู้สึกกังวลก็ชักอยากจะเรียกฮิคารุออกมา ทว่าเด็กหนุ่มผู้เป็นดั่งพี่น้องของเขากลับซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่ยอมเผยแม้แต่กลิ่นอาย โชเข้าใจ เพราะฮิคารุก็เกลียดโรงพยาบาลเหมือนกัน
จะเอาแต่พึ่งฮิคารุไม่ได้ เขาสูดหายใจลึก
?นี่ จิอากิ เมื่อไรเอริคจะได้ออกจากโรงพยาบาลเหรอ?
?ไม่รู้สิ? เซนะ จิอากิที่เดินอยู่ข้างๆ ยิ้มให้เขา เซนะมีรอยยิ้มอันงดงาม มุมปากยกขึ้นเป็นองศาพอเหมาะ เผยให้เห็นฟันขาวนิดๆ เหมือนรอยยิ้มปั้นแต่ง แต่เจ๋งตรงที่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเลย ไม่แน่เซนะอาจจะฝึกยิ้มอย่างมีเสน่ห์อยู่หน้ากระจกทุกวันก็เป็นได้
?ผ่าตัดเสร็จแล้วทำไมยังกลับไม่ได้อีก??
?อาการยังไม่คงที่ร้อยเปอร์เซ็นต์น่ะ เอริคมีโรคประจำตัวอยู่ด้วย?
เรื่องนี้เขารู้ ไตมีปัญหา แต่มันเกี่ยวอะไรกับการผ่าตัดรักษาแผลในกระเพาะอาหารด้วยเหรอ
เอริค วอลเลซ พ่อบุญธรรมของโช เป็นจิตแพทย์สูงวัยที่อายุใกล้เจ็ดสิบ สองเดือนก่อนเขาปวดท้องอย่างรุนแรงจนต้องหามส่งโรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่าต้องเข้ารับการผ่าตัดเพราะเป็นโรคกระเพาะชนิดเฉียบพลัน การผ่าตัดลุล่วงไปด้วยดี แต่เอริคก็ต้องเสียสองในสามของกระเพาะไป
?โช อย่าลืมยิ้มทักทายเอริคด้วยนะ ทำหน้าแบบนั้นเดี๋ยวเอริคก็เป็นห่วงหรอก?
เซนะตบแก้มเขาเบาๆ โชจึงปั้นรอยยิ้มขึ้นมา
?ดี อย่างนั้นแหละ?
เซนะเคาะประตูห้องผู้ป่วยก่อนเปิดออก โชมองเห็นใบหน้าด้านข้างของเอริคที่นอนอยู่บนเตียง เขาเขยิบเข้าไปใกล้แล้วใช้ปลายนิ้วลูบหนวดขาวๆ บนคางเอริคอย่างเบามือ
?เอริค อาการเป็นไงบ้าง??
?อ้าว โชเหรอ ก็เรื่อยๆ แหละ ...วันนี้จะบินไปญี่ปุ่นแล้วใช่ไหม อย่าเถลไถลนะ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอา?
?ไม่เป็นไรหรอก ยังเหลือเวลาอีกตั้งสี่ชั่วโมง? โชยิ้มแล้วก้มลงจูบหน้าผากเอริค
?จิอากิ ฝากโชด้วยนะ ถ้าฉันได้ไปด้วยก็ดีสิ?
?ไม่ต้องห่วงนะครับ มีผมอยู่ด้วย เอริครีบรักษาตัวให้หายไวๆ เถอะ?
เซนะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงแล้วกุมมือเหี่ยวย่นของเอริคเบาๆ
?อา นั่นสินะ ถ้าไม่รีบออกจากโรงพยาบาล คงโดนมาร์ธาบ่นหูชา?
มาร์ธาคือแม่บ้านที่อาศัยอยู่กับเอริค หล่อนเป็นสาวผิวสีร่างใหญ่ แม้จะอ่อนกว่าเอริคถึงสิบปี แต่ก็ดูน่าเกรงขามเหมือนคุณแม่
?โช ฮิคารุสบายดีหรือเปล่า? หมู่นี้ไม่ค่อยมาเยี่ยมเลย?
?ฮิคารุเกลียดโรงพยาบาลยิ่งกว่าผมอีก แถมยังอิดออดไม่อยากไปญี่ปุ่นด้วย?
?ไม่ต้องคิดมากหรอก เด็กนั่นก็บ่นทุกเรื่องแหละ?
รอยยิ้มแสนอ่อนโยนของเอริคทำให้พลันรู้สึกเศร้าขึ้นมา แม้คนที่ตัดสินใจจะไปญี่ปุ่นก็คือตัวโชเอง แต่เขาก็หวาดกลัวและทรมานที่ต้องแยกจากเอริค
โชโผกอดชายชราด้วยใบหน้าใกล้จะร้องไห้เต็มแก่ ตั้งใจจะมาล่ำลาด้วยรอยยิ้มแท้ๆ แต่เอาเข้าจริงกลับทำไม่ได้
เอริคลูบหัวเขาอยู่หลายครั้งราวกับจะช่วยรับความกังวลเหล่านั้นไว้ทั้งหมด
?โช ไม่ต้องห่วงนะ จิอากิก็อยู่ด้วย ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก?
?อืม? โชผงกหัว ฝืนยิ้มออกมาแล้วเงยหน้าขึ้น
?เอริคต้องรีบหายดีก่อนผมกลับมานะ สัญญาสิ?
?อืม สัญญา?
ชายชราพยักหน้าหนักแน่นก่อนยิ้มจนเห็นร่องลึกตรงหางตา
1
?อูย หนาวชะมัด?
คามิโจ โยชินาริรีบกระชับเสื้อดาวน์แจ็กเกตที่สวมทับสูททันทีเมื่อถูกลมเย็นๆ ปะทะหลังลงจากรถ แม้จะย่างเข้าสู่เดือนมีนาคมแล้ว แต่ก็ยังห่างไกลจากกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิ เพราะรู้สึกว่าอุณหภูมิยามเช้าและค่ำไม่ต่างจากตอนอยู่กลางฤดูหนาวเท่าไร
?คามิโจซัง ทางนั้นครับ?
ทาคิตะ ฮารุมิปิดประตูฝั่งคนขับแล้วชี้ไปทางด้านหลังคามิโจ เมื่อหันไปก็เห็นคนจากสถานีตำรวจยืนชุมนุมกันอยู่ตรงมุมหนึ่งของสวนสาธารณะร้างผู้คนยามราตรี แสงจากกระบอกไฟฉายและเพนไลท์สาดส่องไปทั่วพื้นที่
บนถนนใกล้ๆ มีรถตำรวจเปิดไซเรนสีแดงและรถของหน่วยพิสูจน์หลักฐานจอดเรียงกันอยู่ หนึ่งในนั้นคือรถตู้ขนาดย่อมสีดำที่มีธงสามเหลี่ยมเล็กๆ ปักอยู่ตรงกันชน มันคือรถของหน่วยชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา
คามิโจเดินเข้าไปแล้วชะโงกมองในรถ ชายมีอายุคนหนึ่งสวมเสื้อกาวน์นั่งอยู่บนเบาะคนขับ พอสังเกตเห็นเขาก็ลดกระจกลงทันทีก่อนส่งยิ้มมาให้อย่างมีอัธยาศัย ?สวัสดีครับ? เห็นใส่เสื้อกาวน์แบบนี้แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนขับรถของสถาบันนิติเวชวิทยา
?เหนื่อยหน่อยนะครับ หมอชิบะโนะกำลังดูสภาพศพอยู่เลย?
คนขับรถรู้ว่าเขาสนิทกับชิบะโนะ เอริ จึงบอกให้อย่างเป็นมิตร
คามิโจเดินเข้าไปพร้อมทาคิตะ กลิ่นเกลือทะเลจางๆ ปะปนมากับสายลมเย็นเฉียบ จากที่ลองเช็กแผนที่ก่อนมา อ่าวโตเกียวอยู่ใกล้นิดเดียว ไม่สิ หรือควรจะเรียกว่าปากแม่น้ำอาระคะวะมากกว่าเพราะผิวน้ำเชื่อมถึงกัน คามิโจไม่รู้หรอกว่าตรงไหนคือเส้นแบ่งของแม่น้ำกับทะเล
ศพน่าสงสัยถูกพบโดยนายตำรวจในเครื่องแบบที่มาขี่จักรยานตรวจตราแถวนี้ตอนประมาณสามทุ่ม สถานที่เกิดเหตุคือสวนสาธารณะย่านยูเมะโนะชิมะในเขตโคโต อยู่ใกล้กับสถานีชินคิบะของรถไฟสายเคโย
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสวนสาธารณะ แต่เมื่อมาถึงกลับไม่พบพวกของเด็กเล่นเลย มีเพียงต้นไม้ใหญ่กับพงหญ้าสูงระดับเอวขึ้นอยู่เป็นหย่อมๆ ติดกันนั้นคือถนนทางหลวงหมายเลขสามห้าเจ็ดที่ทอดขนานไปกับทางด่วนเลียบอ่าว
คามิโจเหม่อมองไฟสีส้มที่ส่องสว่างบนทางด่วนพลางนึกในใจว่าช่างเป็นที่ที่เปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน ถึงจะมีรถสัญจรไปมาอยู่บ้าง แต่กลับไม่มีกลิ่นอายของผู้คนเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเดินเข้าไปก็เริ่มมองเห็นสภาพที่เกิดเหตุ หน่วยพิสูจน์หลักฐานกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ส่วนซาเมะกับคุมะอิที่อยู่ทีมเดียวกันกำลังคุยกับคนจากสถานีตำรวจ พวกคามิโจเป็นคนของกองบัญชาการใหญ่ หรือที่เรียกว่ากรมตำรวจนครบาลโตเกียว เขาสังกัดกองกำกับการคดีอาญา แผนกสืบสวนสอบสวนหนึ่ง หน่วยอาชญากรรมที่สี่ ชุดสืบสวนคดีฆาตกรรมที่เก้า
?แย่ล่ะ พวกซาเมะซังมาถึงแล้วนี่นา ต้องรีบแล้ว?
?ไม่ต้องรีบหรอกน่า หน่วยพิสูจน์หลักฐานยังทำงานไม่เสร็จเลย?
คามิโจพูดเสียงเนิบนาบ ?ไม่ได้ครับ ต้องรีบ? ทาคิตะตอบทันควันก่อนเร่งฝีเท้า หากบอกว่าเป็นคนมีระเบียบก็ฟังดูดีอยู่หรอก แต่ชายคนนี้เป็นคนใจเสาะมากกว่า
ทาคิตะตัวใหญ่กว่าคามิโจซึ่งสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตร เมื่อผนวกกับความกำยำล่ำบึกจากการเล่นยูโด จึงดูทรงพลังราวกับนักมวยปล้ำก็มิปาน แต่น่าเสียดายที่เปิดปากแล้วความอ่อนแอจะปรากฏออกมาทันที
ทาคิตะอายุยี่สิบแปด อ่อนกว่าคามิโจหกปี ถือเป็นเด็กใหม่ของแผนกสืบสวนสอบสวนหนึ่งแห่งกรมตำรวจนครบาล สี่เดือนก่อน ทาคิตะได้รับการพิจารณาจากผลงานสมัยอยู่ที่ สน. ให้เข้ามาทำงานในแผนกนี้ตามคำร้องขอ หัวหน้าจึงสั่งให้คามิโจช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ พวกเขาเลยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย
ทาคิตะไม่ใช่คนเลวร้าย แต่บางครั้งก็ทำให้เขาหงุดหงิดเพราะไม่รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว เนื่องจากคามิโจมีนิสัยยืดหยุ่น ชอบปรับตัวตามสถานการณ์ ขอแค่ผลลัพธ์โอเคเป็นใช้ได้ เขาเคยโดนวิจารณ์ว่าเป็นคนขอไปที ชอบทำอะไรตามอำเภอใจ แต่คามิโจก็ไม่คิดมาก เพราะมันจริงอย่างที่เขาว่า
คามิโจชูตราตำรวจให้เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบดู จากนั้นเดินข้ามเทปกั้นเข้าไป
?ขอโทษที่มาสายครับ?
?อือ เหนื่อยหน่อยนะ? ซาเมะพยักหน้าตอบรับคำทักทายของเขา ส่วนคุมะอิซึ่งยืนอยู่ข้างๆ บ่นว่า ?ช้าจริงๆ?
ซาเมะเป็นชายร่างเล็กอายุสี่สิบสี่ผู้มีแววตาเฉียบคม และมีออร่าของนายตำรวจที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ส่วนคุมะอิที่เพิ่งอายุครบสามสิบเจ็ดเป็นคนหล่อเหลาใจดี สายตาเฉียบแหลม และมีทักษะในการสังเกตพอตัว ทั้งสองถือเป็นตำรวจสืบสวนรุ่นพี่ผู้มีความชำนาญในการลงพื้นที่ จึงรู้สึกอุ่นใจเวลาทำงานด้วย
คามิโจสวมถุงมือสีขาวขณะมองลอดหน่วยพิสูจน์หลักฐานเข้าไปยังที่เกิดเหตุ เขาเห็นร่างของผู้เคราะห์ร้ายนอนอยู่กลางพงหญ้า ดูจากกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อฮู้ดสีแสบสันก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นคนหนุ่ม
ถัดจากเหยื่อไปเล็กน้อย มีชายหญิงสองคนที่อายุห่างกันคราวพ่อกำลังยืนคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หนึ่งในนั้นคือทามุระ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์คดีจากกรมตำรวจนครบาล ทามุระผู้ใกล้เกษียนอายุคนนี้เป็นถึงผู้กำกับการ จึงถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในที่เกิดเหตุแห่งนี้
ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อกาวน์ที่ยืนอยู่ข้างทามุระคือแพทย์นิติเวช ชิบะโนะ เอริ เพราะการชันสูตรพลิกศพของเจ้าหน้าที่วิเคราะห์คดีจะต้องกระทำร่วมกับแพทย์ ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเอริคือผู้ช่วยชื่อ คุซากะ
ผู้ช่วยแพทย์ชันสูตรไม่ใช่หมอ แต่คุซากะมีหน้าตาเฉลียวฉลาด เมื่อสวมเสื้อกาวน์จึงดูไม่ต่างจากหมอเท่าไร
สามสิบนาทีก่อน พวกเขาถูกทามุระเรียกมายังสถานที่เกิดเหตุ แสดงว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติที่ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือการฆ่าตัวตาย แต่เขายังไม่รู้รายละเอียดว่าสภาพศพเป็นแบบไหน
?ซาเมะซัง ผู้ตายมีสมบัติติดตัวหรือเปล่าครับ??
?อือ ในกระเป๋ากางเกงมีมือถือกับกระเป๋าสตางค์ มือถือปิดอยู่ ไม่รู้แบตหมดหรือพัง ตอนนี้กำลังส่งไปตรวจสอบ ส่วนในกระเป๋ามีเงินสดประมาณสองหมื่นเยน กับบัตรเครดิตและบัตรสมาชิกอื่นๆ อีกหลายใบ ถ้านี่เป็นกระเป๋าของเจ้าตัวจริงๆ ก็เท่ากับว่าเหยื่อชื่อมิซาวะ เรียวตะ อาศัยอยู่ที่เขตอาดาจิ อายุยี่สิบเอ็ดปี?
ไม่นานหน่วยพิสูจน์หลักฐานก็ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุจนเสร็จ พวกคามิโจจึงเข้าไปแทนที่ ทุกคนยืนพนมมือล้อมร่างของผู้เคราะห์ร้ายซึ่งมีผ้าสีขาวคลุมอยู่
เอริกับทามุระยังยืนรออยู่ที่เดิมเพื่อให้คำอธิบาย พอสบตากันเอริก็ยกมือทักอย่างเป็นกันเองว่า ?เหนื่อยหน่อยนะ? คามิโจจึงพยักหน้ารับว่า ?อืม? เขาสัมผัสได้ว่าคุซากะกำลังจ้องเขม็งมาทางนี้จึงเหลือบมองนิดๆ แต่ยังไม่ทันสบตากันอีกฝ่ายก็หันหน้าหนีไปเสียก่อน
อะไรเนี่ย ถึงเขาจะไม่ได้สนิทกับคุซากะนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่กินเส้นกัน
?ทามุซัง สาเหตุการตายคืออะไรครับ??
?อา ลองดูสภาพศพก่อนเถอะ? ทามุระตอบซาเมะก่อนตลบผ้าสีขาวออกจนร่างครึ่งบนของผู้ตายปรากฏสู่สายตา
?เหวอ...?
ทาคิตะที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องออกมา คามิโจก็ตกใจไม่แพ้กัน
?หมอนี่...ดูไม่จืดเลยแฮะ?
คุมะอิพึมพำพลางนิ่วหน้าอันหล่อเหลา คามิโจไม่รู้หรอกว่า ดูไม่จืด เป็นคำบรรยายที่เหมาะสมแล้วหรือไม่ แต่เขาเข้าใจความรู้สึกที่อยากพูดแบบนั้น ขนาดคามิโจเห็นศพแปลกๆ มามาก ยังรู้สึกว่าศพนี้พิลึกทีเดียว
ร่างของผู้เคราะห์ร้ายผอมแห้งติดกระดูก ผิวแตกกร้านเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ดวงตาลึกโบ๋ แก้มซูบตอบจนน่าใจหาย เขาอาจใช้คำเปรียบเทียบไม่ดีนัก แต่มันเหมือนมัมมี่ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ไม่มีผิด
ตั้งแต่ทำอาชีพนี้มา คามิโจผ่านศพน่าขนลุกขนพองมานับไม่ถ้วน ตั้งแต่ศพที่ถูกชำแหละเป็นชิ้นน่าสยดสยอง ศพที่บวมอืดจากแก๊สในร่างกาย หรือศพเน่าเปื่อยที่มีหนอนชอนไชเต็มปากและเบ้าตา เหยื่อรายนี้จึงไม่ใช่ศพที่เห็นแล้วถึงกับต้องเบือนหน้าหนี
ทว่ามันช่างพิสดาร มนุษย์สามารถผอมซูบได้ขนาดนี้เชียวหรือ เขาอึ้งตรงจุดนี้มากกว่า
?ไม่ใช่ผอมธรรมดาด้วยนะ แบบนี้มันหนังหุ้มกระดูกชัดๆ?
?อืม ตรงตามตัวอักษรเลย? ทามุระพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของซาเมะ
?เหยื่อมีชีวิตอยู่ในสภาพนี้มาพักหนึ่งแล้ว เรื่องรายละเอียดคงต้องนำไปผ่าก่อนถึงจะบอกได้ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตมาประมาณหกถึงแปดชั่วโมง?
?เสียชีวิตเพราะอดตายเหรอครับ? คามิโจถาม ?เรื่องนี้ก็ต้องรอการชันสูตรก่อน? ทามุระตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพลางยกมือกอดอก เอริจึงช่วยอธิบายเพิ่มเติม
?ผู้ตายมีสภาพซูบผอมขั้นรุนแรง ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นและมีอาการบวมน้ำ โลหิตจางอย่างหนัก เท่าที่เห็นก็เหมือนจะอดตาย แต่ดูจากสภาพผอมแห้งอย่างเดียวคงฟันธงไม่ได้ เพราะยังมีสาเหตุอื่นๆ อีก เช่นติดเชื้อแทรกซ้อน อวัยวะภายในล้มเหลวจากการขาดสารอาหาร หรืออีกหลายอย่างที่เป็นไปได้?
อย่างไรก็ตาม ผอมแห้งขนาดนี้ถือว่าผิดปกติ ไม่ว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงจะเป็นอะไร แต่กรณีนี้เรียกว่าอดตายก็น่าจะได้
?คนเราจะอยู่ได้นานแค่ไหนถ้าไม่ได้กินอาหาร??
?ระบุแน่นอนไม่ได้ ถ้าไม่มีทั้งน้ำและอาหาร ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะขาดน้ำในไม่ช้า ผู้ใหญ่น่าจะอยู่ได้ราวเจ็ดถึงสิบวัน แต่ถ้าขาดอาหารอย่างเดียวอาจจะอยู่ได้สามสิบถึงสี่สิบวัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและตัวบุคคลด้วย คนอ้วนที่มีไขมันเยอะก็อาจจะอยู่ได้ถึงสองหรือสามเดือนก่อนเสียชีวิต?
?กินแต่น้ำสามเดือนเลยเหรอครับ? ทาคิตะพึมพำหน้าเศร้า เจ้าตัวเป็นคนช่างกิน คงรู้สึกยิ่งกว่าตกนรกเป็นแน่
?แบบนี้ก็ไม่ใช่พวกจรจัดที่ตายข้างถนนใช่ไหมครับ?
คามิโจถามทามุระ พวกไร้บ้านมักมีอัตราการเสียชีวิตในเดือนกุมภาพันธ์สูงที่สุด สาเหตุอันดับต้นๆ คือหนาวตายกับอดตาย หากเหยื่อรายนี้คือมิซาวะ เรียวตะจริงก็ถือว่ายังหนุ่ม ดูจากเสื้อผ้าแล้วไม่เหมือนคนจรจัด แต่เขาก็ลองถามดูเพื่อความแน่ใจ
?ร่างกายอ่อนแอขนาดนี้ คิดว่าคงเดินเองไม่ไหวมาสักพักแล้ว ถ้ายังสอบปากคำไม่เสร็จก็คงระบุอะไรไม่ได้ ไม่มีร่องรอยว่าผู้ตายใช้แถวนี้เป็นที่หลับนอน มีแต่ร่องรอยว่าถูกเคลื่อนย้ายหลังเสียชีวิต เลยสันนิษฐานว่าคงมีคนนำศพมาทิ้งไว้ที่นี่?
กรณีที่ศพถูกนำมาทิ้ง ส่วนใหญ่จะเป็นการฆาตกรรมหรือถูกปล่อยทิ้งไว้จนเสียชีวิต ถ้าสาเหตุของการเสียชีวิตคืออดตาย ก็ยากที่จะจำแนกหากยังระบุตัวผู้ต้องสงสัยไม่ได้
?เอาเป็นว่าสาเหตุตอนนี้คืออดตายแล้วกัน ปัญหาคือบาดแผลภายนอกต่างหาก?
?เอ๋? ผู้ตายบาดเจ็บด้วยเหรอครับ?
ทาคิตะทำหน้าประหลาดใจ คงจะคิดเอาเองว่าคนอดตายไม่น่ามีบาดแผลภายนอก
?ไม่ได้บาดเจ็บหรอก แต่อวัยวะส่วนหนึ่งถูกตัดออกไป คิดว่าคงถูกตัดหลังเสียชีวิตแล้ว เพราะไม่พบปฏิกิริยาแห่งชีวิต ส่วนที่ถูกเฉือนออกมาคืออวัยวะเพศน่ะ?
ผู้ชายทุกคนในที่นั้นต่างทำหน้าพูดไม่ออก พนักงานสืบสวนหนุ่มๆ จากสถานีเผลอยกมือกุมเป้าโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนำศพมาทิ้งแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายอีกด้วย ชักได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลแล้วสิ
?คามิโจ ตรงนี้พอแล้วล่ะ นายกับทาคิตะช่วยไปสอบปากคำผู้พบศพรายแรกที่สถานีตำรวจฟุคางะวะมินามิที?
?อ้าว? ผมได้ยินว่าผู้พบศพรายแรกเป็นตำรวจนี่ครับ?
ซาเมะลากตัวเขาออกมาแล้วเริ่มพูดด้วยเสียงกระซิบ
?มีเด็กคนหนึ่งพบศพก่อนตำรวจ แต่เรื่องมันออกจะพิลึกหน่อย ตอนนี้เลยยังไม่รู้อะไรเท่าไร?
?หมายความว่าไงครับ??
?ตอนแรก นายตำรวจที่กำลังออกตรวจพื้นที่สังเกตเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่กลางพงหญ้า เลยเข้าไปหาเพราะสงสัยว่ามาทำอะไรตรงนี้ตอนค่ำมืด จากนั้นถึงเห็นว่ามีศพนอนอยู่ข้างๆ พอลองซักดูเด็กคนนั้นก็ตอบแค่ว่าไม่ทราบเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว เลยยังจับประเด็นไม่ได้สักอย่าง?
?เขาเมายาหรือเปล่าครับ??
?ฉันไม่รู้รายละเอียดหรอก ตอนนี้ฝากตัวไว้กับสถานีฟุคางะวะมินามิ ช่วยไปคุยให้ทีสิ นายถนัดรับมือกับเด็กไม่ใช่เหรอ??
?เปล่า ไม่ได้ถนัดหรอกครับ แค่เคยอยู่แผนกคดีเยาวชนมาก่อน?
?นั่นแหละ? ซาเมะตบหลังคามิโจแรงๆ
?ไปถามมาที เรื่องอะไรก็ได้?
?ครับ?
พอขึ้นรถปุ๊บ ทาคิตะก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงปนอิจฉาทันที
?คามิโจซังสนิทกับหมอชิบะโนะจังเลยนะครับ ผมได้ยินว่าพวกคุณเป็นเพื่อนดื่มกัน?
?เพื่อนดื่มเหรอ เรียกว่าตัดกันไม่ขาดดีกว่า ยัยนั่นเป็นเพื่อนสมัย ม.ต้น กับ ม.ปลาย ฉันอยู่ชมรมเคนโดมาตลอดหกปี ส่วนรายนั้นก็เป็นผู้จัดการมาตลอด?
เขาตอบพลางล้วงบุหรี่ในกระเป๋าออกมา ทาคิตะหรี่ตามอง ?น่าอิจฉาจังที่มีดวงสมพงษ์กับสาวสวยแบบนั้น?
คามิโจนึกภาพเอริในเสื้อกาวน์ที่มัดผมขึ้นไปลวกๆ อืม ก็สวยและหุ่นดีจริงๆ นั่นแหละ เขาพอจะเข้าใจที่ทาคิตะรู้สึกอิจฉา แต่เอริมีนิสัยเหมือนผู้ชาย พูดในแง่ดีคือเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่ในทางกลับกันก็ไม่ค่อยมีเสน่ห์เย้ายวน เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่เคยสนใจเอริในฐานะเพศตรงข้ามเลย
?หมอชิบะโนะยังโสดอยู่นี่นา? ไม่ลองจีบดูล่ะครับ??
?ไม่มีทาง? คามิโจตอบชัดเจน ทาคิตะคงไม่รู้ว่าเอริคือเพื่อนสนิทของภรรยาเก่าเขาเอง
เมื่อไปถึงสถานีฟุคางะวะมินามิ คามิโจกับทาคิตะก็ได้ฟังเรื่องราวของเด็กที่ทางสถานีรับฝากไว้จากหัวหน้าแผนกคดีอาญา
จากคำบอกเล่าของเจ้าตัว เด็กคนนี้ชื่อมามิยะ โช อายุสิบเจ็ดปี ไม่ได้ทำงาน เรื่องที่น่าตกใจก็คือเขาอาศัยอยู่ที่ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ที่ญี่ปุ่นชั่วคราว
เด็กหนุ่มมาเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลแถวคะซะอิ และผ่านสวนสาธารณะนั้นระหว่างมุ่งหน้าไปยังสถานีชินคิบะเพื่อกลับบ้าน เจ้าตัวจำได้ถึงแค่ตรงนี้ หลังจากนั้นความทรงจำก็ขาดหาย จนกระทั่งนายตำรวจมาเรียก
?ความทรงจำขาดหาย หมายความว่าไงครับ??
?ตอนแรกผมก็สงสัยว่าเขาโกหก แต่เราลองคุยกับคนที่กลับมาญี่ปุ่นพร้อมกับเขาแล้ว ทางนั้นบอกว่าเด็กมีความผิดปกติทางจิต และบางครั้งก็มีปัญหาด้านความทรงจำ?
หัวหน้าแผนกเสริมต่ออีกว่าชายคนนั้นกำลังมุ่งหน้ามารับตัวเด็ก คามิโจขอเข้าไปคุยกับโชก่อน จึงถูกพามายังห้องรับรองของแผนกคดีอาญา
มามิยะ โชนั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา ไม่ยอมถอดเสื้อโค้ทออก เขาสวมโค้ทสีเบจ กางเกงยีนสีกรมท่า และรองเท้าหนังสีดำ พูดง่ายๆ ก็คือเป็นเด็กหนุ่มที่ดูเรียบร้อยจริงจัง
?สวัสดี ฉันชื่อคามิโจ มาจากกรมตำรวจนครบาล ส่วนนี่ทาคิตะ?
คามิโจนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามแล้ววางนามบัตรไว้บนโต๊ะไม้ราคาถูก โชก้มศีรษะให้เล็กน้อย แต่ไม่คิดจะเหลือบมองนามบัตร
เด็กหนุ่มร่างเล็กนั่งเข่าชิดไม่เต็มก้น ท่าทางวิตกกังวล ทั่วทั้งร่างกำลังฟ้องว่าผมกลัวจะตายอยู่แล้วครับ ดูละม้ายคล้ายสัตว์ตัวจ้อยที่กำลังตัวสั่นงันงกไม่มีผิด
มามิยะ โชมีรูปร่างผอมบาง ตาโต แก้มป่อง ผิวของเขาดูอ่อนนุ่มราวกับเด็กเล็กๆ และหน้าเด็กกว่าอายุจริงมาก หากบอกว่าอยู่ ม.ต้น ก็คงไม่แปลกใจ
ผมของเขาเป็นประกายน้ำตาล ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากการย้อม เมื่อประกอบกับผิวขาวๆ จึงดูเหมือนเด็กลูกครึ่ง
?เธอคือมามิยะ โชคุงสินะ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม??
คามิโจพยายามปั้นหน้าใจดีด้วยการยิ้มนิดๆ และพูดด้วยเสียงอ่อนโยนสุดชีวิต แต่หน้าตาดิบเถื่อนกับเคราที่คางของเขาคงไม่ช่วยสักเท่าไร
?ครับ? โชตอบเสียงเบาหวิวจนเขารู้สึกเหมือนกำลังรังแกเด็กอยู่
?ได้ยินว่าเธอเดินผ่านสวนสาธารณะนั่นหลังกลับจากเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลใช่ไหม ถ้าเป็นโรงพยาบาลที่คะซะอิละก็ ขึ้นที่สถานีคะซะอิรินไคโคเอ็นไม่ใกล้กว่าเหรอ ทำไมต้องเดินข้ามแม่น้ำอาระคะวะไปที่สถานีชินคิบะด้วยล่ะ??
?...ไม่มีเหตุผลเป็นพิเศษหรอกครับ ผมแค่ชอบเดินเล่น เลยกะจะเดินไปถึงสถานีชินคิบะเฉยๆ?
?เดินเล่นเหรอ?
ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยในตัวเด็กหนุ่ม เพียงแต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเมคเซนส์ ถ้าเป็นช่วงกลางวันก็ว่าไปอย่าง คามิโจไม่เข้าใจว่าเด็กคนนี้คิดอะไรอยู่ถึงมาเดินตากลมทะเลเย็นเฉียบในสถานที่เปล่าเปลี่ยวซึ่งมีแต่โรงงานแบบนี้
?ได้ยินว่าความทรงจำของเธอขาดหายไป ช่วยบอกได้ไหมว่าจำได้ถึงตรงไหน??
?หลังจากข้ามแม่น้ำอาระคะวะ ผมก็เดินต่ออีกสักพัก จนไปถึงบริเวณที่มีต้นไม้ร่มรื่น...ผมจำได้แค่นั้นครับ รู้ตัวอีกทีก็ตอนนั่งอยู่บนพงหญ้าแล้วถูกนายตำรวจเขย่าตัว จากนั้นก็เห็นคนนอนอยู่ตรงหน้า...?
?พอจะบอกคร่าวๆ ได้ไหมว่าเดินผ่านสวนสาธารณะกี่โมง??
?น่าจะยังไม่ถึงสองทุ่มครับ เพราะผมออกจากโรงพยาบาลตอนทุ่มกว่า?
ตำรวจพบตัวโชตอนสามทุ่ม แสดงว่าเด็กคนนี้นั่งอยู่ข้างศพถึงหนึ่งชั่วโมง ถ้าไม่หมดสติอยู่ คนเราจะสามารถนั่งเหม่ออยู่กลางอากาศหนาวได้นานขนาดนั้นเชียวหรือ
คนปกติคงทำไม่ได้ คามิโจจึงเดาว่าอาการป่วยของโชน่าจะสาหัสทีเดียว ถึงตอนนี้จะถามตอบรู้เรื่องก็เถอะ
?ขออนุญาตครับ ผมเป็นผู้ปกครองของมามิยะ โชครับ?
ผู้ที่เปิดประตูเข้ามาเป็นชายร่างเพรียว สวมแว่นกรอบเงินกับสูทมีราคา และพาดเสื้อโค้ทสีดำไว้บนแขนข้างหนึ่ง
อายุน่าจะราวๆ สามสิบ เป็นหนุ่มรูปงามทีเดียว ผมหน้าเสยขึ้นไปจนเห็นหน้าผาก ทำให้ดูเฉลียวฉลาดและเฉียบขาด ทว่าดวงตาเรียวยาวหลังกรอบแว่นกลับมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างน่าประหลาด
?คามิโจจากกรมตำรวจนครบาลครับ?
เขาลุกขึ้นแล้วก้มศีรษะให้เล็กน้อย แต่ชายคนนั้นกลับยืนนิ่ง จ้องมองมาด้วยความสงสัย อะไรของหมอนี่เนี่ย คามิโจขมวดคิ้วพลางนึกในใจ กระทั่งอีกฝ่ายพึมพำเบาๆ ?คามิโจซัง??
?ครับ? คามิโจพยักหน้า เมื่อกี้ก็บอกแล้วไงว่าชื่อคามิโจ
?คามิโจซังที่เป็นกัปตันทีมเคนโดของโรงเรียน ม.ปลาย ซาคะอินิชิใช่ไหมครับ?
?...ใช่ครับ?
ขณะที่กำลังตกใจว่ารู้ได้อย่างไร ชายคนนั้นก็ส่งยิ้มเฝื่อนๆ มาให้ ?ดูไม่ออกเหรอครับ?
?เซนะที่เป็นรุ่นน้องคุณสองปีไงครับ เซนะ จิอากิ จำได้ไหมครับ??
?เอ๋...เซนะ? เซนะคนนั้นน่ะเหรอ??
คามิโจถึงกับตกตะลึง เขาจำเซนะได้ แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าเหมือนเป็นคนละคน เซนะที่เขารู้จักตัวเล็กและผอมกว่านี้ ซ้ำยังดูบอบบางราวกับจะแตกหักได้ทุกเมื่อ
ใบหน้าก็หวานเหมือนเด็กผู้หญิงจนเห็นแล้วนึกสงสัยว่าใช่ผู้ชายแน่หรือ
เซนะคนนี้ยังมีรูปโฉมงดงามเหมือนเคย เพียงแต่ไม่เหลือเค้าที่ทำให้มองผิดว่าเป็นผู้หญิงอีกแล้ว กลับกัน เขาเหมาะจะมีสาวงามหยดย้อยเดินอยู่เคียงข้างมากกว่า
?ตั้งแต่คามิโจซังเรียนจบไปก็ไม่ได้เจอกันเลยนะครับ น่าจะสิบหกปีได้แล้ว?
คามิโจลองคำนวณในใจหลังได้ยินคำว่าสิบหกปี เด็กหนุ่มที่อายุสิบหกในตอนนั้น คือชายอายุสามสิบสองในตอนนี้ เวลาล่วงเลยมานานนับสิบปี จึงไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน
เซนะ จิอากิอยู่ชมรมเคนโดเหมือนกับเขา ตอนที่คามิโจขึ้นปีสาม เซนะซึ่งเป็นเด็กปีหนึ่งก็เข้ามาเป็นสมาชิกในชมรม และได้เขาคอยช่วยเหลือดูแล
เซนะตัวผอมบาง เลยไม่ค่อยมีพละกำลังนัก แต่มีเซนส์และพื้นฐานดี ฝีมือจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะได้คามิโจช่วยชี้แนะ เซนะไม่ค่อยเปิดใจให้ใคร และมีนิสัยบางอย่างที่รับมือยาก แต่คามิโจก็ชอบเซนะเพราะเป็นเด็กเอาจริงเอาจังและอุตสาหะ พวกเขาเลยอยู่ฝึกกันสองคนหลังเลิกชมรมเป็นประจำ
?นายเล่นเปลี่ยนไปขนาดนี้ ฉันก็ดูไม่ออกสิ?
?งั้นเหรอครับ คามิโจซังก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน เมื่อก่อนดูสดใสร่าเริง แต่ตอนนี้...กลายเป็นผู้ใหญ่มาดเข้มไปซะแล้ว?
คามิโจมองเห็นรอยยิ้มในแววตา แต่รู้สึกเหมือนโดนเหน็บแนมอย่างไรชอบกล แค่ ผู้ใหญ่มาดเข้ม เฉยๆ อาจถือเป็นคำชมได้ แต่ถ้าต้องการจะสื่อว่าความสดใสที่เคยมีหายไป ใจจริงอาจจะหมายความว่าเขาดูซกมกมากกว่า
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ชายคนหนึ่งถูกพบเป็นศพในสภาพอดตายอย่างพิสดารในย่านยูเมะโนะชิมะ!? คามิโจ โยชินาริ เจ้าหน้าที่จากกรมตำรวจนครบาลจึงต้องเข้ามารับผิดชอบคดีนี้ และผู้ที่กุมกุญแจสำคัญไว้ก็คือเด็กหนุ่มผู้พบศพเป็นคนแรก ทว่าผู้ปกครองของเด็กคนนั้นกลับกลายเป็นเซนะ จิอากิ นักจิตวิทยาคลินิก อดีตรุ่นน้องสมัย ม.ปลาย ที่เขาเคยรักและเอ็นดู!! คามิโจรู้สึกตกใจที่ได้พบกับเซนะอีกครั้ง ขณะเดียวกันเซนะก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน?!? คดีฆาตกรรมต่อเนื่องปริศนากำลังนำพาโชคชะตาที่เคยสิ้นสุดไปแล้วของทั้งสองให้กลับมาบรรจบกันอีกครั้ง...เชิญพบกับนิยายซีรี่ส์ของไอดะ ซากิได้ ณ บัดนี้!!
