ณ โรงพยาบาลพัฒนะกิจ เมดิคอล เซ็นเตอร์ บุรุษหนุ่มร่างสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรก้าวเดินออกจากลิฟต์อย่างมั่นใจ เรียวปากยิ้มแย้มเล็กน้อยพร้อมกับการก้มศีรษะรับไหว้บรรดาพนักงานที่เขาเดินผ่าน ไม่มีใครไม่รู้จักประธานบริหารคนใหม่ หนุ่มไฟแรงซึ่งเข้ามาบริหารเพียงสามปีก็สร้างกำไรให้กับโรงพยาบาลแห่งนี้หลายร้อยล้านบาท ด้วยวัยเพียง สามสิบห้าปี เขากลับได้รับความไว้วางใจจากคณะบริหารของโรงพยาบาล ทุกคนภาคภูมิใจที่ได้เขาเข้ามาบริหาร
นายแพทย์แผนไทย เลย์อา ชนม์พัฒนะกิจ เป็นกุมารแพทย์ เขาเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน เกิดที่เมืองไทย เพราะฉะนั้นบิดาจึงให้เขามีชื่อแรกเป็นชื่อไทย และมารดาตั้งชื่อรองให้กับเขา แผนไทย หรือหมอแผน ได้รับคำร่ำลือภายในโรงพยาบาลจนพยาบาลสาวน้อยใหญ่ รวมทั้งพนักงานทุกระดับยันแม่บ้านทำความสะอาดตึกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านประธานหล่อขั้นเทพ ยิ้มสวย มองไปที่สาวคนไหน ตัวแทบละลายกันทุกคน
?สวัสดีค่ะคุณหมอแผน?
พนักงานสาวประชาสัมพันธ์หน้าเคาน์เตอร์ใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าร้องทักทาย แล้วก็ต้องยิ้มค้างตาลอย เอามือกุมกันที่อก นัยน์ตาเพ้อฝันกับรอยยิ้มทักทายของคนเป็นเจ้านาย
?พี่เพ็ญครับ วันนี้มีนัดตรวจเด็กกี่คนครับ? เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังเอ่ยถามขึ้น
?สิบห้าคนค่ะ นี่ขนาดไม่นัดคนไข้เพิ่มเพราะหมอแผนต้องออกเที่ยง หมอหน้าตาดีก็อย่างนี้แหละ ไม่รู้ว่าแม่มาหาหมอ หรือลูกมาหาหมอกันแน่? เพ็ญพรเอ่ยเหน็บแนมแกมประชด ยิ่งทำให้คุณหมอหนุ่มยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ
?ก็ดีไม่ใช่เหรอครับ ผมจะได้สร้างรายได้ให้โรงพยาบาลเราเยอะๆ ไงล่ะครับ?
?หมอแผนไม่เหนื่อยหรือคะ พี่เห็นแล้วเหนื่อยแทน?
?พี่เพ็ญไม่รู้หรือครับ ว่าผมชอบมองแม่สาวๆ ของเด็กที่มาตรวจ?
?ถ้ามองแต่แม่ของเด็กที่มาตรวจล่ะก็ ทำไมไม่สละความโสดเสียทีล่ะคะ พี่เพ็ญอยากไปร่วมงานแต่งจะตายแล้วค่ะ?
?พอดีเนื้อคู่ผมยังไม่เลิกกับสามีเขามั้งครับพี่เพ็ญ?
พูดจบคุณหมอหนุ่มก็ส่งยิ้มหวานให้เพ็ญพร ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องตรวจซึ่งเป็นห้องประจำของเขา
?พี่เพ็ญ หมอแผนนี่น่ารักเนอะ ยิ้มก็สวย ตาก็หวาน มีเครานิดๆ โอ๊ย! ขวัญชอบจัง? ขวัญตา พยาบาลอีกคนหนึ่งตาเยิ้ม ยิ้มเพ้อฝัน
?เพ้ออีกแล้ว เอ้า! เอายาไปกินแล้วพักผ่อนนอนเยอะๆ?
?พี่เพ็ญ!?
ขวัญตาเน้นเสียง สะบัดค้อนใส่พยาบาลรุ่นพี่ กระแทกเท้าเดินไปนั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง เช่นเดียวกับเพ็ญพรและผู้ช่วยพยาบาลอีกสองคนที่มาถึง การตรวจเด็ก ฉีดวัคซีนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงช่วงเกือบบ่าย คนไข้คนสุดท้ายออกจากห้องตรวจ ไม่นานร่างสูงสมาร์ทของแผนไทยก็ออกมาโดยไร้เสื้อกาวน์ ส่งยิ้มให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอย่างขอบคุณที่เหนื่อยไปกับเขาในวันนี้ด้วย
?เจอกันอีกทีเดือนหน้านะครับทุกคน?
?เที่ยวให้สนุกนะคะคุณหมอ?
เพ็ญพรเอ่ยออกมา พนักงานที่ประจำเคาน์เตอร์อีกสามสี่คนมองหน้าคุณหมอหนุ่มพลางส่งยิ้มหวาน เป็นการยืนยันคำพูดของเพ็ญพรด้วย
?เดี๋ยวจะซื้อขนมอร่อยๆ มาฝากนะครับ?
?หมอแผนน่ารักก็ตรงนี้แหละค่ะ? ขวัญตาเอ่ยเย้าพร้อมส่งยิ้มหวาน
?พูดแบบนี้ แสดงว่าทุกวันหมอไม่น่ารัก?
?ใช่ค่ะ! ไม่น่ารัก แต่หล่อ?
?พูดแบบนี้น่าให้รางวัล?
?จะกอดก็ได้นะคะ ให้หอมแก้มเลยค่ะ มาค่ะขวัญพร้อม?
ขวัญตาทำท่ากางแขนเดินเข้าไปหาแผนไทย เพ็ญพรเดินมาตัดหน้า ส่งตาเขียวให้ขวัญตา พยาบาลรุ่นน้องทำหน้าเซ็ง
?หมอแผนไปเถอะค่ะ ยิ่งอยู่ยิ่งเปลืองตัว?
แผนไทยยิ้มหวานส่งให้เพ็ญพร พยาบาลวัยสี่สิบกว่าทำตาเคลิ้ม แพ้รอยยิ้มสุดหล่อของคุณหมอรุ่นน้อง เดินเข้าไปกอดชายหนุ่มแน่น ขวัญตาร้องอุทานเสียงหลง
?พี่เพ็ญ!?
?ก็หมอแผนร่ายมนตร์ใส่ฉันนี่ ใครจะทนไหว ยิ้มแบบนั้นกระชากใจสาววัยทองอย่างฉันชัดๆ?
ขวัญตาเขวี้ยงค้อนใส่พยาบาลรุ่นพี่ในขณะที่คุณหมอหนุ่มหัวเราะอย่างชอบใจ โบกมืออำลาก่อนจะเดินออกไป
ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับแผนไทย ที่เดินลงไปชั้นล่างของโรงพยาบาลก็จะมีเจ้าหน้าที่ส่งยิ้มให้เป็นระยะ แม้กระทั่งรปภ. ที่ดูแลรถยนต์ของเขาโดยเฉพาะ
?วันนี้กลับเร็วนะครับคุณหมอ?
?ไปเที่ยวครับน้ายม พักผ่อนเสียหน่อย เหนื่อยมาทั้งเดือนแล้ว?
?เดินทางปลอดภัยนะครับ?
?ขอบคุณครับน้ายม?
แผนไทยสอดตัวเข้ารถยุโรปครอสส์โอเวอร์ คูเป้คันหรูสีดำมันปลาบและขับเคลื่อนออกไปในไม่ช้า เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น แผนไทยเอื้อมไปหยิบบลูทูธสวมที่หู กดรับก่อนจะกรอกเสียงนุ่มลงไป
?สวัสดีครับ?
?สวัสดีครับคุณหมอ ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ?
?ถามเหมือนเป็นเมียฉันเลยว่ะ คุณพันภพ?
พันภพ เรืองอัศวมิตร?คือเพื่อนสนิท เรียกว่าสนิทกันมาตั้งแต่เด็กก็ว่าได้ เรียนที่เดียวกันมาตลอด จนถึงมหาวิทยาลัยก็ที่เดียวกัน แค่แยกแผนกตามที่อยากเรียน ขนาดเรียนต่อต่างประเทศยังมหาวิทยาลัยเดียวกัน
?คุณหมอสนใจไหมล่ะครับ?
?ไอ้บ้า!?
?ฉันมีเรื่องจะบอก เรื่องที่นายให้ไปสืบเกี่ยวกับการยักยอกเงินภายในโรงพยาบาล ฉันได้ข้อมูลแล้วนะ มันมีเค้ามากที่หมอภาคย์จะทุจริตเกี่ยวกับการซื้อเครื่องมือแพทย์เมื่อปีก่อน?
คราวนี้สีหน้าแผนไทยกลับเคร่งเครียด อาจารย์หมอภาคย์ท่านนี้เป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร ร่วมงานกันมานาน แต่พักหลังมีข่าวเกี่ยวกับครอบครัวว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ด้วยเหตุอะไรเขาก็ไม่ทราบได้
?ถ้าอย่างนั้นนายช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน อย่าให้ข่าวรั่วถึงกลุ่มผู้บริหาร ฉันกลัวมีปัญหา อย่างไรเสียฉันก็อยากคุยกับลุงภาคย์ก่อน คนทำงานกันมานาน ถ้ามีเหตุผลที่ยักยอกเงินของโรงพยาบาลที่ฟังขึ้น ฉันอาจจะไม่เอาความ แค่เชิญให้ออกไปเท่านั้นก็คงพอ แต่ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้น เราค่อยมาคุยกันอีกที?
?ตกลง! ว่าแต่นายกำลังออกต่างจังหวัดใช่หรือเปล่า?
?อื้อ?พักสมองนิด ช่วงนี้เครียดเยอะไปละ?
?ขึ้นเป็นผู้บริหารมามีแต่สร้างกำไร แถมยังรับตรวจเด็กอีก นายใช้ร่างกายเปลืองเกินไปหรือเปล่า?
?ครับคุณหมอ นี่ไงครับ ผมกำลังจะไปพักผ่อนอยู่นี่ไงครับ?
?ไอ้บ้า! ถ้าฉันเป็นหมอจริงนะ ฉันจะสั่งให้นายหยุดยาวเลย?
?พอแล้ว เดือนหนึ่งนี่กลับไปก็งานยุ่งจะตายชัก?
?เออ! เดินทางปลอดภัยล่ะ แล้วบอกว่าที่แฟนนายหรือยัง?
?แฟนฉันคือใคร??
?อย่าใสซื่อครับหมอแผน อย่าให้ต้องเอ่ยชื่อ?
?ถ้านายหมายถึงวิกกี้ล่ะก็ งดการติดต่อชั่วคราว อยากเบาสมอง?
?ฮ่าๆ นี่ถ้ายายวิกกี้รู้ว่าเป็นตัวทำให้นายหนักสมองล่ะก็ คงกรี๊ดโรงพยาบาลแตก ดีนะที่ตอนนี้แม่คุณอยู่ต่างประเทศ?
?ถ้าวิกกี้รู้ก็มาจากนายนั่นแหละ แค่นี้นะ เบื่อเสียงนายแล้ว?
พูดจบก็กดตัดสายเพื่อนรักทันที แผนไทยหยิบแว่นตากันแดดราคาแพงแบรนด์ดังขึ้นมาสวม เมื่อขับรถออกนอกเมืองข้ามจังหวัดแรกที่ต้องผ่านมาได้พอสมควร วันนี้เขาไม่ต้องรีบเพราะที่พักก็คือบ้านพักตากอากาศส่วนตัวของครอบครัว ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
พลันความคิดของคุณหมอหนุ่มต้องหยุดแค่นั้น เมื่อสัญญาณเตือนบ่งบอกว่ามีการรั่วของลมที่ล้อรถ แผนไทยรีบเลี่ยงรถมาจอดข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน รถคันนี้ไม่มีล้ออะไหล่เพราะเป็นรถรุ่นใหม่ ถึงแม้ล้อจะรั่ว แต่สามารถวิ่งไปได้อีกหลายร้อยกิโล
แผนไทยเปิดประตูลงจากรถ มองล้อทั้งสี่ล้อ ถึงแม้จะวิ่งต่อได้อีกเขาก็ไม่ควรไว้ใจ แล้วชายหนุ่มก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองไปทางด้านหน้า เมื่อเห็นรถญี่ปุ่นคันเล็กเปิดไฟฉุกเฉินจอดด้านหน้ารถของเขา คิ้วหนาได้รูปย่นเข้าหากัน อย่าบอกนะว่ารถคันนั้นมาจอดช่วยเหลือเขา
แผนไทยยืนอยู่ท้ายรถ เท้ามือไว้กับหลังคารถ ดึงแว่นกันแดดที่สวมอยู่ออกจากใบหน้า สายตามองไปยังรถคันข้างหน้าอย่างสงสัย เรียวปากเม้มเข้าหากันนิดเพราะคนที่ลงจากรถคันเล็กนั้นกลับเป็นผู้หญิง สีหน้าดูร้อนรน ตอนนั้นนั่นเองที่แผนไทยมองไปยังล้อรถจึงเห็นล้อหลังด้านซ้ายมือเหมือนจะฟุบแฟบ
?โอ๊ย! มาแบนอะไรตอนนี้นี่ แม่ต้องรีบไปทำงานนะลูก?
เสียงเง้างอดที่ตัดพ้อรถตัวเองทำให้แผนไทยอดยิ้มไม่ได้ ยังไม่เห็นหน้านั่นตรงๆ เห็นด้านข้างกับด้านหลังวัดระยะความสูงดูแล้วไม่น่าจะเกินร้อยหกสิบเซนติเมตร สงสัยตอนเด็กขี้เกียจกินนมแน่ แผนไทยมองพวงผมที่พ้นหมวกแก็ปสีสวยปักด้วยคริสตัลหลายสี เรียวปากอดยิ้มไม่ได้ ยิ่งเห็นต้นคอขาวๆ มีไรผมเส้นเล็กขึ้นประปรายน่าลูบเล่น คุณหมอหนุ่มก็ชะงัก ส่ายหน้ากับตัวเอง
สงสัยตากแดดนานท่าจะเพี้ยน ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ มองคนที่พยายามดึงล้ออะไหล่ออกมา คิ้วหนาเลิกสูงขึ้นกับกิริยากระฉับกระเฉง ถึงตัวเล็กแต่ดูแข็งแรงของเธอ
?รถเป็นอะไรครับ?
แพรทิวา เปรมนิมิต หันขวับตามเสียงที่ได้ยิน หญิงสาวเบิกตากว้าง มือที่จับล้ออะไหล่ไร้เรี่ยวแรงจนมันล้มกองกับพื้น เพราะตะลึงกับหน้าตาที่หล่อเหลาของชายหนุ่ม
?อ่ะ?เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ แพร?เอ่อ ฉันทำได้ค่ะ เปลี่ยนล้อรถแค่นี้จิ๊บๆ?
แพรทิวากล่าวยิ้มๆ พยายามปรับหัวใจตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ ยกล้ออะไหล่ขึ้น หยิบเครื่องมือเปลี่ยนล้อออกมา แต่หญิงสาวก็ต้องชะงักเพราะมือขาว นิ้วเรียวยาวยื่นมาจับล้ออะไหล่ให้
แพรทิวาใจเต้นรัวกับสัมผัสใกล้ชิด หน้าตาตื่น รีบถอยกายออกมาห่างจากเขา ดูเหมือนคุณหมอหนุ่มจะรู้ จึงพยายามซ่อนรอยยิ้มของตัวเอง เหลือแต่ดวงตาพราวระยับ แล้วชายหนุ่มก็กลับกลั้นหัวเราะไม่ได้ เมื่อสบตาเขียวขุ่นเอาเรื่องของแม่สาวตรงหน้า
แพรทิวาพยายามไม่คิดอะไร จัดการไขประแจกับน็อตที่ติดกับล้อ แผนไทยทำท่าทางจะเข้าไปช่วย แต่พอนึกว่าเดี๋ยวจะเห็นตาเขียวๆ นั้นตวัดใส่เขาอีกจึงได้แต่มองเงียบๆ ให้อีกฝ่ายแสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่ ไม่นานทุกอย่างก็เสร็จสิ้น แพรทิวาปัดมือไปมาเบาๆ ยิ้มกริ่ม มองผลงานของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
?เก่งนะครับ เห็นตัวเล็ก แต่แข็งแรง?
?พ่อฉันก็บอกอย่างนี้แหละค่ะ ถึงตัวจะเตี้ยแต่แข็งแรง พ่อสอนฉันเปลี่ยนล้อพวกนี้เองกับมือเลยนะ ท่านบอกว่าเวลามีปัญหาอะไรจะได้ไม่ต้องพึ่งพิงใคร ทำเองได้?
แผนไทยพยักหน้าหงึก สายตามองคนตัวเล็ก อดขำไม่ได้กับท่าทางภาคภูมิใจของเธอ แพรทิวามองไปยังรถของเขาที่จอดอยู่
?แล้วรถคุณเป็นอะไรคะ?
?รู้สึกเหมือนยางจะอ่อนน่ะครับ?
?ถ้าอย่างนั้น ฉันเปลี่ยนล้อให้ค่ะ?
แผนไทยยิ้มกับความมีน้ำใจของอีกฝ่าย ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ
?ไม่ต้องหรอกครับ รถรุ่นนี้สามารถวิ่งต่อได้อีกหลายร้อยโลครับ ไม่ต้องเปลี่ยนยาง?
แพรทิวามองยี่ห้อรถของเขาแล้วก็มองมาที่รถของตัวเอง ยิ้มแหยให้ชายหนุ่ม
?ลืมไปค่ะ รถแพงกับรถถูกมันต่างกัน ถ้าอย่างนั้นฉันไปนะคะ?
แพรทิวายกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ ปาดไปปาดมา แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นดวงตาสีเทาเข้มคู่นั้นพราวด้วยรอยยิ้ม ถึงปากเขาจะไม่ได้ยิ้มด้วยก็เถอะ แผนไทยล้วงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้ แพรทิวามองผ้าเช็ดหน้าที่ถูกยื่นมาให้ สายตาออกอาการไม่ไว้วางใจ
?ไม่มียาสลบหรอกครับ มาระวังตัวอะไรตอนนี้ ถ้าผมเป็นคนร้ายจริง ป่านนี้หิ้วคุณขึ้นรถไปแล้ว ตัวแค่คืบแค่นี้หิ้วแขนเดียวก็ลอยแล้ว หน้าคุณเปื้อนน่ะ?
แล้วคนหน้าเปื้อนก็ยิ่งเช็ดไปทั่วใบหน้า
?จะเช็ดให้มันเลอะยิ่งกว่าเก่าทำไมล่ะครับ มือก็เลอะ ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะ ทำไมพวกเด็กสาวเพิ่งโตนี่ถึงได้ดื้อด้านแบบนี้ รับผ้าเช็ดหน้าไปก็แล้วกัน?
?ฉันยี่สิบสี่แล้ว ทำงาน มีความรับผิดชอบ ไม่ใช่เด็กเพิ่งสาวอย่างที่คุณว่าแน่นอน? เท่านั้นคนที่โดนกล่าวหาว่าเพิ่งเป็นเด็กสาวก็ตาลุกวาวมองคนพูดอย่างไม่พอใจ
?ถ้าไม่ใช่ก็รับไปสิครับ?
แผนไทยพนักหน้าไปยังผ้าเช็ดหน้าที่ถูกยื่นไปตรงหน้าหญิงสาว แพรทิวามองไปที่มือนั้น ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาอย่างแรง เรียกว่าดึงคงไม่ถูก กระชากออกมาถึงจะถูก แผนไทยมองการกระทำของหญิงสาวแล้วนึกขำ แต่ก็ต้องห้ามตัวเอง แพรทิวารู้สึกประหลาดกับสายตาที่มองเธอ วูบวาบร้อนอย่างไรก็ไม่ทราบ
?ผมแผนไทยนะครับ เรียกแผนก็ได้ คุณ??
ไม่มีการบอกชื่อตอบ เพราะแพรทิวากลับสะบัดหน้าพรืดกลับไปที่รถ เปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างไร้มารยาท แพรทิวามองกระจกมองหลังพลางเบ้ปาก ผู้ชายอะไร หล่อก็หล่ออยู่หรอกนะ แต่สายตาที่มองเธอเป็นเด็กเหมือนที่บิดามองนี่สิ ทำให้ไม่ชอบใจ ทำไมไม่มีใครมองว่าเธอโตพอที่จะรับผิดชอบหรือรับรู้เรื่องภายในครอบครัวบ้าง และนี่ก็คือเหตุผลที่เธอต้องดิ้นรนไปถึงเกาะเสม็ด เธอต้องไปสอนพิเศษให้เด็กคนหนึ่ง อาทิตย์ละสองวัน ถึงแม้ต้องขับรถไกลเธอก็ยอม เพราะค่าจ้างที่ได้มานั้นคุ้มแสนคุ้ม และคนที่หางานนี้ให้เธอนั่นก็คือพี่ดรุณี เจ้าของโรงเรียนอนุบาลคิดดี้ที่เธอทำงานประจำนั่นเอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ณ ท่าเรือที่จะต่อไปยังเกาะเสม็ด แผนไทยแบกเป้ใบใหญ่สะพายขึ้นหลัง เตรียมตัวลงเรือสปีดโบ๊ทที่เช่าต่างหาก เพราะไม่อยากรอเรือใหญ่ที่ออกจะช้าไปเสียหน่อยสำหรับเขา ชายหนุ่มกลับชะงักเมื่อสายตาพานไปเห็นใครคนหนึ่งที่นั่งชะเง้อมองเรือ สะบัดมือใกล้ๆ ใบหน้าของตัวเองเพื่อคลายร้อน มุมปากหนาบิดสูง ตาพราวโดยไม่รู้สาเหตุ ขณะเดินเข้าไปใกล้ ชะโงกหน้ามองให้ถนัดเต็มสองตา
?คุณ?คนไร้มารยาท? แพรทิวาพยายามไม่สนใจ ทำเป็นไม่ได้ยิน
?คุณจะไปไหนน่ะ คนไร้มารยาท?
คำว่าไร้มารยาทครั้งที่สองทำให้แพรทิวาตวัดตาเขียวขุ่นมองมาที่คนพูด แต่แผนไทยกลับยิ้ม ไม่ได้กลัวกับสายตาขุ่นคลั่กของเธอสักนิด
?ฉันไม่ได้ชื่อคนไร้มารยาท?
?อ้าว! เหรอครับ ก็เห็นว่าผมแนะนำชื่อตัวเองแล้วคุณกลับเฉย ไอ้ผมก็เลยคิดว่าคุณชื่อคนไร้มารยาท?
แพรทิวาเม้มปากแน่น ตาเบิกกว้างก่อนจะสะบัดหน้าพรืดไปทางอื่น เอ่ยเสียงกระแทกกระทั้น
?แพร! แพรทิวา?ค่ะ?
แผนไทยเกือบหัวเราะลั่น เพราะคำว่าค่ะนั่น คนเอ่ยไม่ได้เต็มใจพูดอย่างเห็นได้ชัด
?ชื่อก็เพราะ ไม่เห็นต้องอายเลย?
?ฉันไม่ได้อาย แค่ไม่อยากจะคุยกับคนแปลกหน้า?
?โธ่! เด็กน้อย มาแปลกหน้าอะไรตอนนี้ คุณควรกลัวตั้งแต่ตอนจอดรถเปลี่ยนยางข้างทางนั่นแล้ว เป็นผู้หญิงมาคนเดียว ยังทำใจดีเปลี่ยนยางให้ผู้ชายที่ไม่ได้รู้จักอย่างผมอีก?
?ฉันแค่เห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็เท่านั้นเอง?
?แล้วถ้าไอ้เพื่อนมนุษย์คนนั้นที่คุณเห็นเป็นคนเลว ฉุดคุณขึ้นรถ ทำมิดีมิร้าย คุณจะร้องให้ใครช่วย ที่ผมพูดนี่ไม่ได้บอกให้คุณเห็นแก่ตัว แต่คุณเป็นผู้หญิง ควรระวังตัวบ้าง?
?อ้อ! ถ้าอย่างนั้นคุณก็เลวงั้นสิคะ?
แผนไทยปรายตามองเหมือนฝากเอาไว้ก่อนที่เธอหลอกด่าเขา
?คุณจะไปไหน นั่งเรือไปกับผมไหม?
อาการลังเลของแพรทิวา ทำให้แผนไทยถอนหายใจ
?กว่าเรือใหญ่จะมาอีกเกือบชั่วโมง ผมเช่าเรือสปีดโบ๊ทไปที่บาลาน่า มาลาตีไว้แล้ว จะไปด้วยกันไหม แต่ถ้าไม่ไว้ใจ อยากรอเรือใหญ่ก็ได้นะ ผมจะได้ไปก่อน?
คำว่าบาลาน่า มาลาตี ทำให้แพรทิวาตาลุก เธอกำลังจะไปที่นั่นพอดี หญิงสาวยกมือขึ้นมองนาฬิกาข้อมือ นี่มันก็ใกล้เวลาที่นัดไว้แล้วด้วย
?โอ๊ย! แม่คุณ ถ้าจะต้องคิดหนักขนาดนี้ เชิญรอเรือใหญ่ไปเถอะครับ ผมไม่เดือดร้อนหรอกถ้าไม่มีคุณไปด้วย?
พูดจบแผนไทยก็ลุกขึ้น เดินลงไปยังเรือที่เทียบท่ารออยู่นานแล้ว แพรทิวาหน้าเลิ่กลั่ก ตัดสินใจไม่ถูก ในที่สุดก็คว้ากระเป๋าเดินทางแบบล้อลากรีบเดินตามหลังแผนไทยพร้อมเอ่ยปากเรียกเขา
?คุณ?คุณ ฉันไปด้วยสิ?
คนถูกเรียกชะงัก ยกมือเท้าเอว มองหน้าคนที่อยู่บนท่าเรืออย่างเบื่อหน่าย
?ผมว่าผมแนะนำชื่อตัวเองกับคุณแล้วนะครับ ช่วยเรียกชื่อผมด้วย?
?แพรขอไปด้วยนะคะคุณแผน?
เท่านั้นรอยยิ้มก็ฉายชัดบนใบหน้าของแผนไทย ชายหนุ่มยื่นมือมาตรงหน้าเพื่อให้หญิงสาวจับยามที่ลงเรือ แพรทิวาเห็นก็เกิดอาการเงอะงะลังเล แผนไทยตัดความรำคาญขยับตัวเข้ามาใกล้ คว้าหมับเข้าที่เอวเล็ก ยกร่างแพรทิวาลอยหวืออย่างไร้น้ำหนักลงมาวางที่พื้นเรืออย่างถือวิสาสะ หญิงสาวเบิกตาโพลง เตรียมแหวใส่อีกฝ่าย
?ถ้าขืนรอคุณตัดสินใจอีกนะ คนขับเรือคงไม่รอเราแล้วล่ะ?
คำที่กำลังจะต่อว่าถูกกลืนลงไป เอ่ยออกมาได้เพียงคำขอบคุณ
?ขะ...ขอบคุณค่ะ?
แผนไทยกระตุกยิ้ม ส่ายหน้าเล็กน้อย ทั้งคู่นั่งเงียบมาตลอดเส้นทางจนเรือสปีดโบ๊ทเข้าจอดหน้าหาดอย่างใกล้ที่สุด แต่อย่างไรเสียก็ต้องเดินลุยน้ำทะเลไปยังหน้าหาดเพื่อเดินไปยังรีสอร์ท
?ผมไปก่อนนะ เดี๋ยวเรือเขาจะไปส่งถึงที่พักคุณ?
แผนไทยพูดจบก็หมุนตัว เตรียมจะเดินลุยน้ำทะเลขึ้นหาด แต่ต้องชะงักเพราะเสียงของคนที่อยู่ด้านหลัง
?ฉันมาที่บาลาน่านี่แหละ? เท่านั้นร่างสูงก็หมุนตัวกลับไปมองหญิงสาวบนเรือ เลิกคิ้งสูง
?คุณพักที่บาลาน่าเหรอ บังเอิญไปมั้ง แอบตามผมมาหรือเปล่า?
แพรทิวาตาลุกวาว เบ้ปากมองคนพูดอย่างดูแคลน
?ทำไมคะ คุณเป็นเทพบุตร ดารา นักร้องชื่อดัง หรือเทวดา มหาเศรษฐีที่ไหนเหรอคะ ฉันถึงต้องตามคุณ คนหลงตัวเอง แหวะ!? จบท้ายด้วยการเบ้ปาก ทำหน้าเหยเก แลบลิ้นคล้ายจะอาเจียน
?เอ๊า! ใครจะรู้ อาจจะตั้งใจจอดรถข้างทางเพราะแอบตามผมมาก็ได้ เห็นหน้าตาพอดูได้แบบนี้ ใช่ว่าจะไม่เป็นโรคจิต ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัว เห็นผู้ชายไม่ได้ จะเอาๆ ท่าเดียว?
?น่าเกลียด คุณนี่เป็นผู้ชายที่น่าเกลียดที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเจอมาเลย?
?คุณแพร! อย่ามาโกหกผมน่า ผมรู้ว่าตัวเองหล่อ ไม่ใช่หล่อธรรมดานะ โคตรหล่อเลยล่ะ ไม่เชื่อมาดูใกล้ ๆ มา...ผมช่วยถือของ คุณจะได้เดินสะดวก?
?ไม่ต้อง?ค่ะ ฉันถือเองได้ ไม่รบกวนคนหล่อโคตรอย่างคุณถือหรอก?
แพรทิวาอุ้มกระเป๋าเดินทางไว้แนบอก ลงจากเรือยืนอยู่กลางน้ำ ดีนะที่กระเป๋าไม่หนักสักเท่าไหร่ แผนไทยส่ายหน้าไปมากับอาการดื้อของหญิงสาว ชายหนุ่มเดินลุยน้ำนำหน้าไปก่อน ไม่เหลียวมองคนที่ยืนเก้กัง ก้าวเท้าเดินอย่างไม่มั่นคง ตัวเอนไปมาเพราะพื้นทรายที่อยู่ด้านล่าง แผนไทยหันไปมอง กำลังอ้าปากบอกคนที่เดินตามหลังว่าทางตรงหน้าพื้นไม่เรียบ มีหลุมทรายให้ระวัง แต่เสียงกรีดร้องของแพรทิวากลับดังขึ้นพร้อมกับน้ำทะเลที่กระเซ็นใส่เขา
?อ๊ายยยยย!?
ตูม! ในสายตาของแผนไทยในตอนนี้ก็คือ แพรทิวาลงไปกองกับผืนน้ำทะเลครึ่งท่อน แต่คุณเธอยังไว ยกกระเป๋าเดินทางใบเล็กขึ้นสูงกลางอากาศเหนือศีรษะ ถ้าไม่เห็นหน้าเหยเกเหมือนจะร้องเพราะอายของแพรทิวา เขาคงหัวเราะออกไปแล้ว แต่ความเป็นสุภาพบุรุษที่ยังเหลืออยู่ทำให้แผนไทยห้ามตัวเองได้ทัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปดึงกระเป๋าเดินทางที่ชูสูงของแพรทิวามาถือเอาไว้ มองหญิงสาวพร้อมกับเอ่ยเสียงเข้ม
?กระเป๋าผมถือให้ ส่วนตัวคุณ ลุกขึ้นเองนะ?
แพรทิวามองคนพูดหน้าบึ้งตึง อายก็อาย ถึงเขาจะไม่หัวเราะออกมา แต่นัยน์ตาพราวระยับของแผนไทยไม่ได้เก็บอาการแม้แต่น้อย แพรทิวาตาคว่ำ พยายามทรงตัวให้ลุกขึ้นยืนให้มั่น ก้มลงมองสภาพท่อนล่างที่เปียกซ่ก พวงแก้มแดงก่ำ นึกอายคนที่เดินถือกระเป๋าเดินทางของเธอนำหน้าไปก่อน
แผนไทยวางกระเป๋าเดินทางใบเล็กไว้บนหาดทรายสีขาว หมุนกายมองคนที่เดินหน้าง้ำอยู่กลางน้ำ ในสภาพครึ่งล่างเปียกชุ่ม แพรทิวาลุยน้ำมายืนตรงหน้าเขา สายตาของทั้งคู่สบกัน หญิงสาวอยากจะกรีดร้องเพราะเห็นรอยหัวเราะเต็มดวงตาทั้งสองข้างของแผนไทย
?ถ้ามันฝืนยากนัก คุณหัวเราะออกมาก็ได้นะ?
แผนไทยไหวไหล่ มองแพรทิวาพลางเหยียดยิ้มน้อยๆ
?บังเอิญผมมีมารยาท? พูดจบก็เดินจากไป แพรทิวาก้มมองตัวเอง ทำไมเธอต้องมาทำอะไรน่าขายหน้าต่อหน้าผู้ชายคนนั้นด้วย
หญิงสาวกระแทกเท้าเดินตามแผนไทย แพรทิวาเดินไปดึงกระเป๋าเดินทางในมือของเขาด้วยกิริยากระแทกกระทั้น นัยน์ตาวาววับยามที่เหลือบมองแผนไทยนั่นเท่ากับยิ่งสร้างความสุนทรีให้กับคนมองเพิ่มขึ้น
?ขอบคุณ!?
?ฟังเหมือนไม่เต็มใจ แต่ก็เอาเถอะ เห็นสภาพคุณตอนนี้แล้วก็ถือเป็นรางวัลแทนคำขอบคุณเป็นไหนๆ ที่ทำให้ผมอารมณ์ดีหัวเราะได้ ต่อชีวิตได้อีกหลายปี?
แพรทิวาเบิกตากกว้าง เรียวปากบางเม้มแน่น หญิงสาวหลับตาลง ภาวนาอย่าให้เจอเขาอีกเลย มือเล็กเอื้อมไปลากกระเป๋าเดินเข้าไปติดต่อตรงลูกค้าสัมพันธ์
?สวัสดีค่ะ แพรทิวาค่ะ มาพบคุณอธิวรรธ นัดไว้แล้วค่ะ?
พนักงานคนหนึ่งพยักหน้ารับบอกให้เธอรอสักครู่ ก่อนจะกดโทรศัพท์ติดต่อหาอธิวรรธ ไม่นานพนักงานคนดังกล่าวก็ส่งยิ้มให้ พลางเอื้อมมือไปยกกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอ
?คุณอธิวรรธให้รอสักครู่นะครับ ตอนนี้ท่านกำลังมีแขกอยู่ครับ มาครับ เดินตามผมมา?
แพรทิวาพยักหน้า ส่งยิ้มหวานกลับไป สายตากวาดมองบรรยากาศอันร่มรื่นด้วยต้นไม้ ดอกไม้ สวนที่จัดเป็นแนวตะวันตก ดูสวยงามสบายตา พนักงานหนุ่มคนนั้นพาเธอมาหยุดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ อยู่ลึกเข้ามาในส่วนของรีสอร์ท ซึ่งกั้นรั้วไม้ไว้อย่างเป็นส่วนตัว
?หลังนี้เป็นบ้านพักของคุณอธิวรรธครับ เชิญคุณแพรทิวาเข้าไปรอที่ห้องรับแขกเลยครับ?
พนักงานหนุ่มเอ่ยปากชวนพร้อมกับผายมือเข้าไปภายในบ้าน เป็นการเชิญเธอให้เดินตาม แพรทิวากวาดตามองไปทั่วห้องรับแขก ส่งยิ้มขอบคุณให้กับพนักงานที่พาเธอมา จังหวะนั้นสายตาของเธอเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่ตั้งโชว์ หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปดูอย่างถือวิสาสะ
ภาพเด็กน้อยคนหนึ่งบนรถเข็นส่งยิ้มหวานให้กับกล้อง ภาพที่ถ่ายออกมาจึงดูสดชื่น นี่คงเป็นลูกศิษย์ของเธออย่างแน่นอน คิ้วเรียวขมวดมุ่นยามที่ได้ยินเสียงหัวเราะ กรีดร้องอย่างถูกใจของเด็กลอยเข้ามา พร้อมกับเสียงหัวเราะห้าว นุ่มทุ้ม ฟังดูสดชื่น แพรทิวาเดินตามเสียงหัวเราะนั้นออกไปโดยไม่รู้ตัว เท้าเล็กชะงักหยุดก้าวต่อ สายตามองรอยยิ้มกว้างด้วยความเผลอไผล
?ไหนคะคนเก่ง อ้าปากให้ลุงแผนดูฟันหน่อยซิ มีผุหรือเปล่า?
เด็กน้อยที่นั่งบนรถเข็นอ้าปากกว้างอย่างไม่เกรงกลัว คนที่ร้องขอให้อ้าปากสำรวจฟันที่เรียงกันเป็นระเบียบจนครบ จึงเอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้ม
?โอ้โฮ! เก่งมาก ฟันไม่ผุเลย แสดงว่าแปรงฟันทุกวันอย่างที่ลุงบอกใช่ไหมคะ?
?แปรงทุกวันเลยค่ะ กลัวลุงแผนไม่รัก?
น้ำเสียงฉอเลาะนั้นทำให้คนที่ถูกเรียกว่าลุงแผนหัวเราะอย่างชอบใจ มือหนายกสูงขึ้นลูบศีรษะของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
?ทีพ่อสั่งไม่เคยเชื่อเลย พอลุงแผนขู่ว่าจะไม่รัก ใครบางคนรีบทำตามเชียวนะ อย่างนี้พ่อควรน้อยใจดีหรือเปล่าครับ?
แพรทิวาเลื่อนสายตาไปยังผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่หลังรถเข็น นั่นคงเป็นอธิวรรธ ว่าที่เจ้านายของเธอนั่นเอง เธอถูกจ้างมาช่วยสอนหนังสือให้เด็กหญิงอธิวรา หรือน้องลูกหว้าผู้น่าสงสาร ขาพิการเดินไม่ได้
?แล้วตอนนี้ลูกหว้ายังปวดขาอยู่หรือเปล่าคะ?
มุมปากบางยกสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัวกับเสียงคะขาที่เธอได้ยิน
?ไม่ปวดแล้วค่ะลุงแผน พี่หนูนวด ทายาให้ลูกหว้าทุกวัน เหมือนที่ลุงแผนสั่งเอาไว้เลยค่ะ?
?ดีมาก! ถ้าอย่างนั้นของรางวัลที่ลุงเตรียมมาก็ต้องให้พี่หนูล่ะสิ ใช่ไหม?
?ถึงพี่หนูจะนวดทุกวัน แต่ลูกหว้าเป็นคนคอยเตือนพี่หนูทุกวันนะคะ ลูกหว้าก็ต้องได้รางวัลเหมือนกัน?
เสียงเล็กที่เง้างอดนั้นเรียกรอยยิ้มจากแผนไทย พลอยทำให้คนที่แอบมองยิ้มตามกับรอยยิ้มอ่อนโยนของชายผู้นั้น จนได้ยินเสียงเอ่ยทักทาย
?อ้าว! สวัสดีครับ ใช่คุณแพรทิวาไหมครับ?
ชื่อนั้นทำให้คนที่นั่งหันหลังให้หันกลับมามอง และจังหวะนั้นเองที่แพรทิวาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเจ้าของรอยยิ้มอ่อนโยนนั่นจะเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่เธอไม่อยากจะเจอหน้าที่สุด แพรทิวาได้สติ ส่งยิ้มหวาน ยกมือไหว้อธิวรรธ จึงไม่เห็นสายตาประหลาดใจของแผนไทยที่มองเธออยู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพราวระยับ ยิ้มอย่างถูกใจ
?สวัสดีค่ะคุณอธิวรรธ ดิฉันแพรทิวา ครูพิเศษที่จะมาสอนน้องลูกหว้าค่ะ ขอโทษที่ถือวิสาสะเดินเข้ามา พอดีได้ยินเสียงหัวเราะน่ะค่ะ แพรเลยเดินมาดู?
คิ้วหนาของแผนไทยเลิกสูง หันมองอธิวรรธเป็นเชิงถาม
?ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเองก็ว่าจะไปหาที่ห้องรับแขก ไหนๆ ก็มานี่แล้ว มาครับ ผมจะแนะนำให้รู้จัก คนที่นั่งตรงหน้าเด็กสาวแสนสวยนั่นคือ นายแพทย์แผนไทยครับ ส่วนเด็กน้อยแสนสวยนั่นคือลูกศิษย์ของครูครับ น้องลูกหว้า?
แพรทิวารับไหว้ลูกศิษย์ตัวน้อยที่ส่งยิ้มหวานให้อย่างผูกมิตร แล้วต้องชะงัก ยกมือไหว้ค้างเมื่อสบตาพราวระยับของแผนไทย ปากบางเม้มแน่น รู้สึกได้ถึงการมองของสายตาหลายคู่ที่เห็นเธอยกมือไหว้ค้างไม่เอ่ยอะไร หญิงสาวจึงเอ่ยเสียงค่อนข้างสะบัด
?สวัสดีค่ะ?
?โอ๊ะ! ไม่รู้มาก่อนเลยนะครับ ว่าคุณจะมาเป็นครูสอนยายลูกหว้า เห็นผ่านๆ นึกว่าเด็กสก๊อยที่ไหนเสียอีก?
คำทักทายของแผนไทยทำให้อธิวรรธมองอย่างประหลาดใจ
?รู้จักกันหรือครับ?
มุมปากหนายกสูงขึ้นนิด เมื่อได้ยินคำถามของอธิวรรธ
?รู้จักกันวันนี้แหละ ตอนนั่งเรือมาหานาย?
?เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นเราก็คนกันเอง ดีครับ?จะได้ไม่ต้องเกร็ง?
?ลองถามครูลูกหว้าอีกทีไหมนายวรรธ ว่าเขารู้จักฉันเหมือนที่ฉันรู้จักเขาหรือเปล่า?
?เอ่อ! มีอะไรกันหรือเปล่าครับ? อธิวรรธเอ่ยถามอย่างตามไม่ทันว่าแผนไทยพูดเรื่องอะไร
?ไม่มีค่ะ เรารู้จักกันตอนที่มาที่บาลาน่าค่ะ แพรอาศัยเรือคุณ?เอ่อ?คุณแผนมาด้วย?
?ครูของลูกหว้าสวยจังค่ะ? คำเอ่ยของเด็กน้อยทำให้ทุกคนเปลี่ยนเรื่องสนใจ
?อุ๊ย! หนูลูกหว้าชมซึ่งหน้าแบบนี้ ครูแพรก็เขินสิคะ?
?ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ ลูกหว้าพูดจริง ไม่เชื่อถามลุงแผนสิคะ ว่าไงคะลุงแผน ครูของลูกหว้าสวยไหมคะ?
คำถามของเด็กหญิงลูกหว้าทำให้แพรทิวาหน้าตาตื่น ตวัดสายตามองคนถูกถามทันควัน รู้สึกหวั่นกับคำตอบของชายหนุ่ม
?สวยสิคะ เสียแต่ว่าดื้อไปหน่อย ดื้อ! ไม่น่ารักเหมือนลูกหว้าเลย?
เด็กหญิงอธิวราหัวเราะคิก
?นั่นไงคะ ยังแอบถลึงตาใส่ลุงเลย น่ากลั๊ว น่ากลัว?
แพรทิวาแอบค้อนคมให้คนที่พูดว่ากลัวเธอ เพราะรู้ดีว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้กลัวสักนิด
?ในเมื่อรู้จักกันแล้ว ผมขอคุยเรื่องรายละเอียดการสอนของลูกหว้าหน่อยนะครับ พี่แผน ผมฝากลูกหว้าสักครู่นะครับ เชิญครับคุณแพร?
อธิวรรธผายมือเชิญแพรทิวาให้เดินนำไปด้านหน้า อดไม่ได้ที่จะปรายตามองคนที่นั่งยองๆ อยู่กับลูกหว้า เธอจึงเห็นนัยน์ตาพราวระยับของแผนไทย แพรทิวาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกคันหัวใจยิบๆ กับสายตาที่ยิ้มได้ของเขา มันเหมือนกับว่าเขาจะรู้เท่าทันความคิดของเธอไปเสียทุกอย่าง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นายแพทย์แผนไทย เลย์อา ชนม์พัฒนะกิจ เป็นหมอหนุ่มเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง ด้วยความหล่อและอัธยาศัยดีทำให้สาวๆ หลายคนหลงใหลในตัวเขาอย่างง่ายดาย หากทว่ามีเพียงแพรทิวา ครูสอนพิเศษของลูกสาวเพื่อนเท่านั้นที่ต้องหัวใจของหมอหนุ่ม และดูเหมือนหญิงสาวเองก็มีใจปฏิพัทธ์ในตัวเขาเช่นกัน ยิ่งเมื่อรู้ความจริงว่าเขาเป็นใคร...เธอก็คิดจะช่วยบิดาที่ยักยอกเงินจากโรงพยาบาลของชายหนุ่มด้วยการยอมเป็นของเขา และความผิดพลาดนี้เองที่แปลงเทพบุตรแสนดีให้กลายเป็นซาตานใจแข็ง เปลี่ยนตำแหน่งหญิงคนรักให้กลายเป็นนางบำเรอสวาทเพียงชั่วข้ามคืน
