New Release : FULL METAL PANIC! ANOTHER VOL.6

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : FULL METAL PANIC! ANOTHER VOL.6

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

ครั้งแรกที่มิโซโรงิได้เผชิญหน้ากับสิ่งนั้น เกิดขึ้นเมื่อประมาณสิบสามปีก่อน
?ชิ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะเฟ้ย?
ผมย้อมสี เจาะหูกับสวมแหวนที่ดูบาดตา ลักษณะดังกล่าวดูไม่เข้ากับชุดกาวน์สีขาว ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันชายผู้นี้ก็ยังคงภาพลักษณ์ของความเป็นร็อกแอนด์โรลไม่เปลี่ยน
บนระเบียงทางเดินในอาคารที่มืดสลัวซึ่งปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเป็นระยะๆ
?เท่าที่ฟังจากอาจารย์ มีเจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเองลึกลับรอพบฉันอยู่ แต่เริ่มมาก็จับขึ้นรถปิดตา กว่าจะถึงที่หมายก็ใช้เวลากว่าครึ่งวัน แถมโดนตรวจค้นอย่างละเอียดยิบด้วยแบบนี้มันก็นะ?
?เป็นมาตรการจำเป็นของที่นี่น่ะครับ ดอกเตอร์มิโซโรงิ?
เจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเองที่เดินนำหน้าอยู่คือร้อยเอกที่มีชื่อว่าชิโมมุระ เขาพูดพลางคำนับอย่างสุภาพ
?สิ่งที่อยู่หลังจากนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความลับทางกลาโหมอย่างเดียว แต่ในมุมมองทางด้านการเมืองแล้วถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากครับ แม้อาจารย์ซุซุกิจะให้การรับรองคุณ พวกเราก็จำเป็นต้องเตรียมการรับมือให้พร้อม จุดนี้พวกเราต้องขอประทานโทษด้วยครับ?
?ตั้งแต่วันที่ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีกับไอ้แก่ขี้เมานั่นกำหนดให้เรื่องพวกนี้เป็น ?เรื่องลับภายใน? ฉันก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะเฟ้ย แต่มันก็ควรจะมีลิมิตกันบ้างรึเปล่าฟะ ความพอดีน่ะพวก?
มิโซโรงินั้นเป็นคนอินดี้ ขนาดตอนไปเรียนต่างประเทศก็ไปด้วยอารมณ์เหมือนไปเที่ยว ในเรื่องการศึกษาเขาคนนี้จบจากมหาวิทยาลัยดังหลายแห่ง เช่น MIT พรินซ์ตัน นอกจากนี้ยังสั่งสมวีรกรรมกล้าหาญและชื่อเสียงทางลบไว้มากมาย แต่อย่างไรก็ตามอาจารย์ซุซุกิซึ่งเป็นอาจารย์สมัยอยู่มหาวิทยาลัยนั้นถือเป็นคนที่เขาไม่กล้าหือ
ส่วนศูนย์วิจัยเทคโนโลยี หรือชื่อเต็มคือศูนย์วิจัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่วิจัยพัฒนาและทดสอบยุทโธปกรณ์และเครื่องจักรต่างๆ สำหรับกองกำลังป้องกันตนเอง แม้จะดำเนินการโดยเอกชนแต่ก็ถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงกลาโหม สำหรับมิโซโรงิซึ่งทำงานเป็นนักวิจัยอยู่ในอุตสาหกรรมหนักเอบิสึ (EHI) แล้ว ที่แห่งนี้คือที่อยู่ของคนประเภทเดียวกับเขา
ในความเป็นจริงนั้นมิโซโรงิก็คาดเดาเหตุผลที่ตนเองโดนเรียกตัวมาไว้อยู่บ้างแล้ว จากข่าวที่ลือกันอย่างลับๆ ในวงการนี้เมื่อกว่าครึ่งปีก่อน....
?ที่นี่ครับ?
สุดทางเดินในตัวอาคารเป็นประตูที่แน่นหนา ชิโมมุระซึ่งรับหน้าที่นำทางเดินเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพักหนึ่ง แล้วจึงนำคีย์การ์ดไปใช้กับเครื่องอ่านบัตร
ชิโมมุระเช็กดูสิ่งที่อยู่ในความมืดหลังประตูก่อนพยักหน้าให้มิโซโรงิ
?โอเค เข้ามาได้เลยครับ?
?เอ้อๆ รบกวนหน่อยละกันนะพวก?
มิโซโรงิเดินผ่านประตูเข้าไปด้วยท่าทีที่ดูสบายๆ ตามคำเชิญชวน
?มืดจนมองอะไรไม่เห็นเลยวุ้ย.... โอ๊ะ?
ในจังหวะที่มิโซโรงิพยายามเพ่งสายตาเพื่อพิจารณาสิ่งที่อยู่ในความมืดนั้นเอง ไฟในห้องก็ส่องสว่างขึ้นพร้อมกัน แสงที่สว่างจ้าของมันทำให้มิโซโรงิถึงกับแสบตา
?ต้องขอโทษด้วย?
?....นี่แกตั้งใจทำแบบนี้แต่แรกอยู่แล้วใช่มั้ยเนี่ย?
ความสามารถในการมองเห็นเริ่มค่อยๆ กลับคืนมา เงาสีดำปรากฏอยู่เบื้องหน้าในทัศนวิสัยที่เลือนรางเล็กน้อย พอรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร มิโซโรงิถึงกับอึ้ง
?ไอ้นี่มัน....?
ตรงตามที่คาดไว้อยู่ระดับหนึ่ง แต่ก็อดตกใจไม่ได้
พอได้เห็นมันเข้ามิโซโรงิก็นึกออก สิ่งนั้นทำให้เขาตัวแข็งไปทั่วร่างด้วยความสะพรึงกลัว
แม้จะเป็นแค่ซากที่ผุพังไปนานจนเหลือแต่โครง แต่ก็ทำให้นึกภาพในสมัยที่มันยังคงมีชีวิตขึ้นมาได้
เจ้านั่นก็เป็นจำพวกเดียวกัน
?ไม่ผิดแน่ บ้าเอ๊ย ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้นิทานหลอกเด็กนั่นจะเป็นเรื่องจริง....?
ส่วนหัวแตกละเอียด แขนขาถูกกระชากขาดวิ่น ร่างกายถูกฉีก ซากที่แน่นิ่งตรงหน้านี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นร่างโลหะที่เหมือนเอาร่างของมนุษย์มาขยายขึ้นห้าเท่า ร่างของมันถูกทาเคลือบไว้เป็นสีขาว แม้ว่าจะพังยับเยิน แต่ภาพความน่าเกรงขามและเก่งกาจของมันในอดีตก็ยังคงเหลืออยู่
ใช่แล้ว มันคือ AS รูปร่างมนุษย์ ที่สำคัญเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของยุคสามที่สหรัฐฯ และโซเวียตนำมาใช้จริงแล้ว
?M9 รึ? ไม่ใช่ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แต่โครงในแบบนี้มัน....?
มิโซโรงิทนยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เขาเดินเข้าไปหา AS ตัวที่ว่า ท่าทางของเขาราวกับเด็กที่มุ่งเข้าหาของเล่น ชิโมมุระอดขำไม่ได้
?แค่คุณชอบ ผมก็ดีใจแล้วล่ะครับ?
?อือ?
มิโซโรงิพยักหน้ารับ ก่อนโค้งคำนับ AS ตัวดังกล่าวอย่างเต็มที่
?หมอนี่ ร็อกจริง?

ทัตสึยะถอนหายใจหลังจากมิโซโรงิเล่าเรื่องในอดีตที่ยาวนานของตนจบไปหนึ่งพาร์ท
?ที่ว่าเก็บได้ที่โจฟุ คือเจ้านั่นเองรึครับ?
ทัตสึยะถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสบายๆ แสงที่คงเหลือของตะวันซึ่งจมสู่มหาสมุทรแปซิฟิกส่องให้เห็นใบหน้าทางด้านข้างของเขา
ที่นี่คือดาดฟ้าของเรือ <ซินแบด> ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกที่ถูกตบแต่งภายนอกเพื่ออำพราง ณ เวลานี้มันคือฐานที่มั่นแบบเคลื่อนที่ได้ของ D.O.M.S. ตั้งใหม่ บริษัททหารรับจ้าง (PMC) ที่พวกทัตสึยะสังกัดอยู่
?อืม ประมาณนั้นแหละ?
มิโซโรงิ คัตสึโร่จุดบุหรี่ขึ้นพลางหัวเราะ อเดลีน่า เคเรนสกาย่าที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้ว มองดูเหตุการณ์โดยไม่พูดอะไร
บริษัท D.O.M.S. ตั้งใหม่นี้ได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้ชิงตัว AS-1 <เบลซ เรเวน> กับมิโซโรงิซึ่งเป็นผู้ดูแลพัฒนา โดยทัตสึยะกับอเดลีน่าได้ลอบเข้าไปในสถาบันวิจัยยูคอนเหนือของบริษัทจิโอตรอน ซึ่งในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถช่วยมิโซโรงิ และชิง <เรเวน> กลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่ในขณะที่หนีออกมาทั้งคู่ก็ปะทะกับหุ่นรุ่นใหม่ที่มิโซโรงิเรียกว่า <เคนทูเรีย>
ความสามารถในการสู้รบที่เหนือกว่าของ <เคนทูเรีย> ทำให้ <เรเวน> ของทั้งคู่ต้องลำบาก แต่สุดท้ายพวกเขาก็เอาชนะมาได้อย่างหวุดหวิด ทว่าที่น่าตกใจคือ <เคนทูเรีย> ที่พวกเขาสู้ด้วยนั้นไม่ได้ถูกควบคุมโดยมนุษย์ หากแต่เป็นสมองกล (AI)
แม้ในการสู้รบปัจจุบัน AS แบบไร้คนขับจะถูกใช้ในงานลาดตระเวน แต่ AI ก็มีขีดจำกัดของมันอยู่ ด้วยว่ามันไม่อาจต่อกรกับ AS ที่ควบคุมโดยมนุษย์ในการต่อสู้ได้
ทว่า <เคนทูเรีย> กลับสามารถสู้กับอเดลีน่าและทัตสึยะได้อย่างสูสี และที่น่าทึ่งกว่าสิ่งอื่นใดคือ มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล้ายคลึงกับทัตสึยะแทบจะทุกจุด
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ทัตสึยะกับอเดลีน่าจึงมาหาคำตอบนี้กับมิโซโรงิ แต่ก็ไม่นึกว่าจะได้ยินเรื่อง ?สิ่งที่เก็บได้เมื่อสิบสามปีก่อน? ด้วย
?การก่อการร้ายด้วย AS ที่เกิดขึ้นในชานเมืองโตเกียวเมื่อสิบสามปีก่อน พวกนายรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน??
?นั่นเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ตอนนั้นผมยังอยู่อนุบาลอยู่เลยแต่ก็พอจำได้ เช่นเรื่องที่ครูโรงเรียนอนุบาลแตกตื่นกันยกใหญ่ เรื่องที่แม่ต้องเอารถของทางบริษัทมารับ หรืออย่างเรื่องที่ต้องเอาอาหารกล่องไปส่งให้พ่อที่ออกไปซ่อมแซมเมือง อืม แต่....?
?แต่??
?แต่จะว่าไป ผมก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไหร่เลย รู้แค่ว่ามี AS อาละวาด?
?นั่นสินะ?
มิโซโรงิพยักหน้าเอื่อยๆ หลังจากได้รับคำตอบที่เขารู้สึกว่าไม่ได้ช่วยให้เข้าใจอะไรขึ้นมากนัก
ข้อเท็จจริงคือ ปลายเดือนมกราคม ปี ค.ศ.1999 มีการก่อการร้ายเกิดขึ้นทางตะวันตกของโตเกียว ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังคงมีปริศนาที่ไม่ได้รับการคลี่คลายอยู่หลายจุด
เรื่องที่มีการยิงต่อสู้กันตั้งแต่ช่วงเช้าและมีเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพตก ปิดท้ายด้วยการสู้รบระหว่าง AS ยุคสามไม่ทราบฝ่ายกลางเมือง ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ยังคงเป็นปริศนา
จนกระทั่งตอนนี้ความจริงยังคงอยู่ในความมืดมิด เป็นเรื่องน่าแปลกที่สื่อมวลชนเองก็ปล่อยให้เรื่องผ่านไป
?หลังจากมีการนำเสนอข่าวว่าเป็นผู้ก่อการร้ายต่างชาติที่ไม่เคยมีใครรู้จัก หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวออกมาอีกเลย ไม่รู้ว่าพวกเบื้องบนวางแผนอะไรอยู่ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน?
มิโซโรงิพูดก่อนทิ้งก้นบุหรี่ลงไปในทะเล ทว่าทัตสึยะกับอเดลีน่าต่างไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะตำหนิเขาเรื่องทำลายธรรมชาติ
?ไม่ใช่ว่าดอกเตอร์เป็นฝ่ายเดียวกับพวกที่วางแผนหรอกรึ??
?จะบ้ารึ พวกฉันเป็นผู้เสียหายที่โดนพวกเบื้องบนปั่นหัวเล่นต่างหากล่ะ?
มิโซโรงินิ่วหน้ากับคำถามยั่วยุของอเดลีน่า
?กว่าจะได้เห็นซาก AS ที่เก็บมาก็ผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้ว แถมทั้งๆ ที่น่าจะมีสี่เครื่อง แต่กลับเหลืออยู่แค่เครื่องเดียว?
?ไม่ชอบมาพากลจริงๆ ด้วยสิ?
มิโซโรงิขำแบบเจื่อนๆ กับคำพูดของอเดลีน่า
?เรื่องแผนการนั่นจะยังไงก็ช่าง แต่หน้าที่หลักสำหรับฉันในตอนนั้นคือ AS ตัวนั้น ถึงจะพังยับแต่ก็เหมือนกองทรัพย์ที่มีค่ามหาศาล เพราะนี่คือหุ่นยุคสามของจริงตัวแรกสำหรับพวกเรา สมัยนั้นญี่ปุ่นยังไม่ได้มีแผนที่จะศึกษาเรื่องพวกนี้เลย แต่....?
มิโซโรงิหยุดพูดไปกลางคัน
?เป็นอะไรไปครับ อาจารย์??
?เรื่องที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ ห้ามเอาไปบอกใครเด็ดขาด?
?หา??
เป็นครั้งแรกที่ทัตสึยะได้เห็นใบหน้าจริงจังของมิโซโรงิ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ แต่เหมือนเซนส์การมองเรื่องของอเดลีน่าจะไวกว่า
?หรือว่าจะเป็นเรื่องที่ขัดต่อความลับทางการทหารของญี่ปุ่น??
?ก็ประมาณนั้นแหละ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจะเกิดเรื่องแย่ๆ หลายเรื่องตามมา....คิดว่างั้นน่ะ?
?แบบนี้จะดีเหรอครับ??
?เอาน่า บอกแต่แรกแล้วไงว่ายังไงฉันก็ต้องเล่าให้พวกนายฟัง?
มิโซโรงิตอบรับอย่างแข็งขัน ส่วนทัตสึยะอยู่ๆ ก็รู้สึกไม่มั่นใจในสวัสดิภาพขึ้นมา
?นั่นเพราะฉันลากพวกนายเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้วไงล่ะ ถึงขั้นนี้จะให้ปิดต่อฉันทนทำไม่ได้จริงๆ ว่ะ?
?เข้าใจแล้ว งั้นเล่าต่อเลย?
?เอ้อ?
พวกอเดลีน่าขมวดคิ้วหลังจากได้ยินเสียงตอบรับของมิโซโรงิ

?ก่อนอื่นก็ นี่?
?อื้อ?
มิโซโรงิไต่ขึ้นไปบนร่างที่ถูกทาด้วยสีขาวตามคำชวนของชิโมมุระ ไปเผชิญหน้ากับส่วนหัวที่โดนทำลายไปครึ่งหนึ่ง
?นี่เป็น M9 ไม่ผิดแน่ แต่นี่มันเมนเซนเซอร์แบบสองตารึ ถ้าจำไม่ผิดนี่เป็นซีรี่ส์ D ที่สร้างในเยอรมันนี่นา มีรุ่นแบบนี้ด้วยรึ??
มิโซโรงิบ่นพลางสไลด์ตัวเข้าไปในค็อกพิท
?สภาพแย่สุดๆ ไปเลยวุ้ย?
ส่วนอกของหุ่นถูกกระชากออกไปอย่างแรง ทำให้ตรงหน้าค็อกพิทเป็นรูใหญ่ ขนาดที่ว่ามิโซโรงิมองลอดจากรูตรงนั้นเห็นผนังของโรงเก็บได้ชัดเลยทีเดียว
?ฟิลด์การมองเห็นกว้าง ลู่ลม เจ๋งเหมือนคอร์เวทท์ของฉันเลย?
มิโซโรงิพูดชื่อรุ่นสปอร์ตคาร์แบบเปิดประทุนของอเมริกาคันโปรดขึ้นมา พลางกดไปยังสวิตช์ที่เหลืออยู่ในหุ่น ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ไม่มีการตอบสนอง หุ่นตัวนี้หมดสภาพไปแล้วจริงๆ
?CCU (หน่วยควบคุมศูนย์กลาง) เป็นยังไงบ้าง? ถ้ามีล็อก เหลือไว้ก็อยากดูหน่อย?
?เรื่องนั้น....?
ชิโมมุระเงียบไปกับคำขอของมิโซโรงิ
?อ้อ เจ๊งไปแล้วงั้นสินะ? ช่วยไม่ได้นะ?
?เปล่า คือเราหามันไม่เจอต่างหากล่ะครับ?
?หา??
มิโซโรงิทำตางุนงงอยู่ใต้แว่นกันแดดกับคำตอบที่ไม่คาดคิด
?ทั้ง CCU แล้วก็อุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมอยู่โดยรอบหายไปน่ะครับ?
?ว่าไงนะ?
?ต้องขอประทานโทษ ถึงเพิ่งจะนำหุ่นตัวนี้มาส่งมอบให้กับศูนย์วิจัย แต่ที่มาของมันก็ไม่ชัดเจนอย่างยิ่ง และไม่มีการลงบันทึกไว้เลย?
?โอเค ฉันพอเข้าใจละ?
มิโซโรงิพูดพร้อมกับสะบัดมือให้ชิโมมุระที่พยายามชี้แจงเหตุผลหยุด เขามองไปรอบๆ ค็อกพิทด้วยใบหน้าที่ดูไม่พอใจมากนัก
?งั้นก่อนอื่นฉันจะแยกชิ้นส่วนเจ้านี่ แล้วดูดเอาข้อมูลที่เหลืออยู่ใน Vetronics ถ้ามันยังไม่เดี้ยงก็คงจะดีอยู่....?
คำพูดของเขาขาดลงไปกลางคัน
?....นี่มันอะไรกัน??
ผนังด้านในส่วนบนของค็อกพิทใกล้กับบริเวณหลังศีรษะคนขับมีการหลุดลอกและร่วงตกลงมา เมื่อมองเข้าไปก็เห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษถูกพิมพ์ไว้อย่างประณีต
ดูเหมือนจะถูกเขียนไว้บนอุปกรณ์อะไรบางอย่างที่ถูกติดตั้งอยู่ภายใน แต่เพราะได้รับความเสียหายทำให้กว่าครึ่งหนึ่งหลุดล่อนไป
?Transfer And Response ?Om --- Sp ---? ....บ้าเอ๊ย อ่านไม่ออก?
?โอนถ่ายและตอบสนองรึครับ หมายความว่าไงกัน?
ชิโมมุระที่ตามขึ้นมาชะโงกหน้าเข้ามาในค็อกพิทด้วยท่าทางสงสัย มิโซโรงิชำเลืองด้วยหางตาแล้วกระซิบขึ้น
?Operation System ไม่น่าใช่ มี m กับ p เกินมา แล้วนี่มันอะไร....TAROS??
มีตัวย่อของอะไรบางอย่างที่ไม่ทราบความหมายถูกเขียนไว้อยู่ ทว่าเป็นเรื่องน่าแปลกที่อยู่ๆ มิโซโรงิก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา

?ถ้าแยกชิ้นส่วนออกมาดูเลยก็อาจจะทำให้รู้ได้ว่ามันคืออะไร เพียงแต่ TAROS นี่ดูเต็มไปด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มากมายเลยน่ะ?
?TAROS ไม่เคยได้ยินเลย?
อเดลีน่าขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินชื่อดังกล่าว
?เฟรมที่อยู่รอบค็อกพิทมีชิ้นส่วนรูปทรงผลึกแก้วที่มีโครงสร้างละเอียดอ่อนวางเรียงกันอยู่ ซึ่งชิ้นส่วนพวกนี้เหมือนกับเซลล์สมองที่เชื่อมต่อกันแบบสามมิติ วงจรการต่อเชื่อมก็ดูซับซ้อนและมีขนาดใหญ่มาก?
?ว่าแต่ทำไมถึงเอาอุปกรณ์ไปติดตั้งไว้ในที่แบบนั้นล่ะ หรือว่าจะใช้เป็นตัวนำทางรถยนต์?
?ถ้าใช้นำทางรถยนต์จริง คงรองรับได้เป็นล้านคันเลยมั้ง?
?ล้านคันเลยรึ!? สุดยอด?
มิโซโรงิยิ้มให้ทัตสึยะที่กำลังทึ่งอยู่กับความเข้าใจแบบผิดๆ
?สุดยอดเลยล่ะ ทีแรกเราคิดว่ามันคงเป็นเครื่องที่ใช้เรโซแนนซ์แม่เหล็กเหมือนเครื่อง MRI แต่ระบบของมันซับซ้อนไปกว่านั้นมาก หรือถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ คือ ประยุกต์เอาการกระจายตัวของคลื่นอนุภาคทาว ในแง่ปริภูมิเวลา....?
?ใจเย็นก่อนครับอาจารย์ ผมงงไปหมดแล้วครับ?
?ฟังดูไม่ง่ายสักนิดเลยนะคะเนี่ย?
อเดลีน่ากับทัตสึยะช่วยกันเบรกมิโซโรงิที่พอคุยเข้าก็ชักติดลม จนเริ่มพูดเรื่องที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจ
?เฮ้อ พวกนายนี่เข้าใจอะไรยากจริงๆ?
มิโซโรงิทำเสียงจิ๊ แต่หลังจากตรองสักพักเขาก็เลือกใช้คำพูดใหม่
?ถ้าสรุปให้ฟังง่ายๆ ก็คือ อุปกรณ์ที่เรียกว่า TAROS นั่นจะทำการอ่านคลื่นไฟฟ้าจำเพาะที่เกิดขึ้นในสมองของคนขับ แล้วส่งต่อไปยังระบบควบคุมเครื่องน่ะ?
?....หา??
?....??
อเดลีน่ากับทัตสึยะอึ้งกับเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน
?เอ่อ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรเหรอครับ??
?เอาตามตรงแรกๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จากโครงสร้างของมันทำให้รู้ว่ามันเชื่อมเข้ากับ CCU โดยตรง แต่ CCU ที่ว่านั่นก็ดันไม่มีให้ดูต่อ?
ใบหน้าของมิโซโรงิดูทุกข์ทรมานใจมาก
?ทีมที่ทำการวิเคราะห์คาดเดาว่ามันน่าจะใช้สำหรับทำ Man Machine Interface เพื่อให้หุ่นเลียนแบบท่าทางที่ละเอียดอ่อนของมนุษย์ซึ่งระบบมาสเตอร์สเลฟแบบเก่าทำไม่ได้ อย่างเช่นชูนิ้วเป็นรูปตัววี หรือชูนิ้วโป้งอะไรพวกนี้?
?เรื่องพวกนี้ให้ AS ทำไปจะมีประโยชน์อะไรครับ??
?เรื่องสัญญาณมือนั่นดูเหมือนเป็นเรื่องตลกก็จริง แต่ยังไงเจ้านี่คงช่วยทำให้การตอบสนองของหุ่นเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลยล่ะ?
อเดลีน่าคิดพลางพูดออกมาในระหว่างได้ยินคำถามของทัตสึยะ
?ถ้าระบบควบคุมการเคลื่อนไหวปราศจากข้อจำกัด หุ่นสามารถเคลื่อนไหวตามที่คนขับต้องการได้ละก็ จะทำให้ได้เปรียบมากในการปะทะกัน?
?อืม แต่มันก็ไม่ง่ายนักหรอก เพราะระดับความเชื่อมั่นยังต่ำจึงเป็นการยากที่เราจะยกการควบคุมเครื่องทั้งหมดให้กับมัน หรือแม้แต่จะเอามาใช้ร่วมกับระบบมาสเตอร์สเลฟเองก็เสี่ยงเกินไป ความจริงแล้วใน AS-1 ก็มี TAROS ติดตั้งอยู่ แต่มันถูกแยกออกจากระบบการควบคุม?
?บน <เรเวน> นั่นน่ะนะ? ทำไมถึงต้องเอาของแบบนั้น....?
อยู่ๆ อเดลีน่าก็เงียบไป
?อย่าบอกนะว่า เป็นเจ้านั่น.... ไม่สิ แต่ว่า....?
?แม่สาวน้อย บางทีสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่อาจเป็นคำตอบที่ถูกแล้วก็ได้ เมื่อใช้ TAROS เลยทำให้ AS สามารถเลียนแบบการกระทำบางอย่างที่ระบบมาสเตอร์สเลฟทำไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ยังมีต่อ?
มิโซโรงิหยุดคำพูดไปพักหนึ่ง ก่อนพูดต่ออย่างช้าๆ ราวกับเป็นการย้ำ
?หลักการคืออาศัยจินตนาการของผู้ขับ แม้เป็นอวัยวะที่ไม่เคยมีมาก่อนในร่างกายมนุษย์ก็สามารถเข้าไปควบคุมได้?
?อ๊ะ....?
ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านสมองของทัตสึยะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจในสิ่งที่มิโซโรงิพยายามจะสื่อ
?....อาไจล์ ทรัสเตอร์??
?ถูกต้อง?
ทัตสึยะตกใจ แต่อีกใจหนึ่งก็เข้าใจ
คำอธิบายอาไจล์ ทรัสเตอร์ในทีแรกนั้นคือเป็นระบบนำร่องด้วยตา ทว่าบางครั้ง <เรเวน> ก็ทำในสิ่งที่อธิบายตามหลักการนี้ไม่ได้
ไม่ต้องไปดูตัวอย่างที่ไหนไกล เอาที่ตัวทัตสึยะก็พอ ในครั้งแรกที่เขาขึ้นขับ <เรเวน> ตอนอยู่ในสถานการณ์คับขัน <เรเวน> ก็ใช้ทรัสเตอร์พ่นใส่ตาของคู่ต่อสู้ นอกจากนี้ยังหันทรัสเตอร์ซ้ายขวาให้ตรงข้ามกันเพื่อจะได้หมุนตัวฟันได้ด้วย ทั้งสองเรื่องนี้คงเป็นไปได้ยากที่จะใช้เพียงการนำร่องด้วยตา
?เรื่องระบบนำร่องด้วยตานั้นไม่ใช่เรื่องโกหก มันอยู่ในตัว <เรเวน> จริง เพียงแต่ถ้าพูดตามหลักการจริงๆ แล้วมันก็แค่การควบคุมโดยผ่าน TAROS?
มิโซโรงิเริ่มจุดบุหรี่ต่อ พลางจ้องไปทางทัตสึยะ
?ยังไงก็ตามมันเป็นของที่ไม่สมบูรณ์และไม่เสถียร ซึ่งคนที่ควบคุมมันได้จริงๆ มีเฉพาะนายกับเด็กชื่อคิคุโนะที่ยูคอนเท่านั้น?
?เอ่อ แปลว่าที่เลือกฉันให้เป็นนักบินประจำเครื่องหมายเลขหนึ่ง ก็ไม่ได้ดูจากฝีมือการขับ AS....?
?ก็เพราะแค่นายเป็นคนเดียวที่มีความเข้ากันได้กับ TAROS มากสุด?
?เป็นงั้นไป....?
ทัตสึยะตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนแรง
?ถ้าเอาแต่ฝีมือเพียวๆ ละก็ แม่สาวเธอน่ะเจ๋งสุดแล้ว ขนาดใช้ตัวนำร่องด้วยตาได้ไม่เต็มที่ ยังบังคับทรัสเตอร์ได้ขนาดนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลย?
?ที่ให้ฉันขับหมายเลขสองก็เพราะสาเหตุนั่นเองรึ?
อเดลีน่าพูดตอบด้วยน้ำเสียงโล่งใจ ตรงกันข้ามกับทัตสึยะ
?เอาเถอะ ทำได้เพียงเท่านี้แหละดีแล้ว?
?หมายถึงถ้ามากกว่านั้นจะก่อให้เกิดผลเสียที่คาดไม่ถึงขึ้นเหรอ??
?ก็ไม่เชิงผลเสียหรอก การประสานกันระหว่าง AI ขั้นสูงที่ใช้ในการควบคุม AS กับ TAROS อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ทวีคูณเกินกว่าจะคาดคะเนได้....?
?หมายความว่ายังไง??
?พูดง่ายๆ ก็คือ รูปแบบความนึกคิดของคนขับที่ TAROS อ่าน จะถูกสำเนาต่อไปสู่ AI เช่นพวกการตัดสินใจของคนขับ หรือการตอบสนองด้วยสัญชาตญาณ ในสภาวการณ์คับขันอย่างตอนสู้รบอะไรทำนองนี้?
?อะ....เอ่อ....?
มิโซโรงิเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเมื่อเห็นทัตสึยะอยู่ในสภาพงุนงงสับสน
?จริงอยู่ว่าสมองกลที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์นั้นฉลาด คิดคำนวนได้รวดเร็ว แต่ก็มีเรื่องที่มันโง่อย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน รู้รึเปล่าล่ะว่ามันคืออะไร??
?ถ้าเรื่องแค่นี้ก็พอรู้อยู่?
?อืม?
อเดลีน่ากับทัตสึยะพยักหน้าไล่ๆ กัน
ตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ การแยกแยะระหว่าง ?มะเขือเทศกับแอปเปิล? สำหรับคอมพิวเตอร์แล้วเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเมื่อวิเคราะห์แยกแยะด้วยการมองเห็น เช่นขนาด รูปทรง สี หลายอย่างมีความคล้ายคลึงกันทำให้คอมพิวเตอร์ไม่อาจสรุปผลการวิเคราะห์ได้ แต่เมื่อไหร่ที่ใช้การดมกลิ่น การตรวจสอบทางโครงสร้างเคมี หรือการวิเคราะห์สารพันธุกรรม คอมพิวเตอร์จะสามารถจำแนกสองสิ่งนี้ได้
ตรงกันข้ามกับมนุษย์ ต่อให้เป็นเด็กแค่ใช้สัญชาตญาณก็สามารถตอบได้ แต่คอมพิวเตอร์ทำเช่นนี้ไม่ได้
?AS ก็เช่นเดียวกัน พวกระบบไร้คนขับทั่วไปไม่ว่าจะของที่ไหน พวกนายก็พอจะรู้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะว่ามันเป็นยังไง??
?พูดตามตรง ดีกว่าหุ่นไขลานขึ้นมาหน่อยเท่านั้นเอง แต่อย่างเจ้า <เคนทูเรีย> ที่ไม่ธรรมดานี่....?
ทัตสึยะพูดขึ้นมาลอยๆ ทว่าอยู่ๆ เขาก็หยุดคำพูดไปราวกับมีก้างติดอยู่ในลำคอ
?ก็นั่นแหละ พวกบ้าที่ไหนไม่รู้คิดขึ้นมา เอา AI ที่สำเนารูปแบบความคิดโดย TAROS ไปใช้กับหุ่นแบบไร้คนขับ สงสัยพวกมันคงอยากรู้ว่าผลที่ได้จะเป็นยังไง?
?!!?
เสียงของมิโซโรงิที่เงียบไปพักหนึ่งดังขึ้น เหมือนเสียงสายฟ้าฟาดลงในหูของทัตสึยะ
?สัญชาตญาณ ความยืดหยุ่น ความคิดสร้างสรรค์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้มีอยู่ในตัวมนุษย์ พูดง่ายคือถ้าใส่สิ่งเหล่านี้เข้าไปก็จะสามารถสร้าง AS แบบไร้คนขับที่ฉลาดได้?
ภาพท่วงท่าต่างๆ ที่ <เคนทูเรีย> เคยแสดงให้เห็นที่อลาสก้าค่อยๆ ผุดขึ้นมาในหัวของทัตสึยะ
การคว้าปลายหอกของ <ดราก้อนฟลาย> ที่ถูกปล่อยออกไปในระยะประชิด หรือการใช้ท่าทุ่มโทโมเอะเมื่อถูกโถมเข้าหาด้วยอาไจล์ ทรัสเตอร์
ทัตสึยะจำท่วงท่าเหล่านั้นได้อย่างดีมากกว่าใครทั้งหมด
?สรุปคือ เจ้าพวกนั้น....?
เสียงของทัตสึยะแหบพร่า เขารู้สึกเกร็งและเย็นที่หน้าท้องจึงใช้มือกดลงไปที่กระเพาะซึ่งอยู่ๆ ก็รู้สึกปวดขึ้นมา
?ไอ้หนุ่ม....ไม่ใช่ ทัตสึยะ เจ้า AI ที่ควบคุม <เคนทูเรีย> มันใช้ข้อมูลของนายที่ดูดมาจาก <เรเวน>?
?........?
ทัตสึยะรู้สึกวิงเวียน
แขนขาหมดแรงจนพยุงน้ำหนักตัวต่อไม่ไหว สักพักก็เอียงจนล้มลงเอาก้นกระแทกพื้นอย่างแรง
?ทัตสึยะ!?
ทัตสึยะไม่รับรู้แม้แต่อเดลีน่าที่รีบลงมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ
รู้สึกตัวอีกที ตะวันก็ลับขอบฟ้า



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และแล้วจุดต่อเชื่อมที่เคยขาดหายไประหว่างภาคหลักกับภาคอนาเธอร์ก็ได้รับการเปิดเผย ความลับของเมื่อสิบสามปีก่อนที่ถูกซ่อนอยู่ในเรเวน นำพาทัตสึยะกับอเดลีน่าเข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหม่ ทางด้านบริษัทจิโอตรอนที่หมกมุ่นอยู่กับ AS ไร้คนขับได้ก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำอย่างลับๆ ขึ้นในโลก โดยมีคิคุโนะและอากิระเป็นแนวหน้าคอยปฏิบัติการลับ ตามมาด้วยการปะทะกันระหว่าง D.O.M.S. เก่าและใหม่ในป่าดงดิบอินโดจีนกับบนเทือกเขาคาร์เพเทียนที่เต็มไปด้วยหิมะ ในการต่อสู้ครั้งนี้เอง ทัตสึยะได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ และนี่คือก้าวแรกสู่ "เส้นทางแห่งนักรบ"
พาร์ทใหม่ของนวนิยายแนวไซไฟอันดุเดือดกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”