ร่างบางในชุดทำงานกลางเก่ากลางใหม่ก้าวลงจากรถเมล์แล้วเดินอย่างเร่งรีบเข้าไปในบริเวณของโรงพยาบาลท่ามกลางอากาศอันแสนร้อนอบอ้าวในยามเที่ยงวัน
ทว่า...แสงแดดที่แผดเผาและอากาศร้อนระอุที่แทบทำให้ผู้คนเป็นลมเป็นแล้งได้ ไม่ได้ทำให้ ?ไอริณ? ลดฝีเท้าในการก้าวเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งนี้
ในใจของไอริณร้อนรุ่มซะยิ่งกว่าไอแดด ใบหน้างามอมทุกข์ ดวงตาเต็มไปด้วยความหมองเศร้าขณะนึกถึงคำพูดของพยาบาลที่ได้โทรศัพท์ไปหาเธอเป็นการเร่งด่วน
?คุณไอริณคะ คุณแม่ของคุณอาการทรุดหนัก คุณหมอให้ตามตัวคุณเป็นการด่วนค่ะ?
?แม่...รอไอริณก่อนนะคะ ไอริณมาแล้วค่ะ...?
ไอริณเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ กลืนก้อนสะอื้นจนปวดร้าวไปทั่วลำคอ หยาดน้ำตาอุ่นเอ่อคลอเบ้า รีบเร่งก้าวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งเข้าไปในบริเวณโรงพยาบาลแล้วตรงดิ่งไปยังลิฟต์ มือเล็กสั่นเทาอย่างระงับไว้ไม่อยู่ขณะค่อยๆ เอื้อมไปกดหมายเลขชั้นที่มารดานอนรักษาตัวอยู่
จากชั้นล่างไปสู่ชั้นหกของอาคารแห่งนี้ เข็มนาทีเดินทางไม่ถึงสองนาที แต่ไอริณกลับรู้สึกว่าเนิ่นนานชั่วกัปชั่วกัลป์จนแทบทนรอไม่ไหว และทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง ร่างบางก็พุ่งออกจากลิฟต์อย่างรีบเร่งจนแทบชนกับผู้คนที่ยืนรออยู่ด้านหน้าลิฟต์
เจ้าของใบหน้าอมทุกข์ถลาเข้าไปในห้องผู้ป่วยหนัก ตรงไปยังเตียงของมารดา มือเล็กที่สั่นเทาเอื้อมไปจับมือเล็กขาวซีดของมารดามากุมไว้ขณะเอ่ยเรียกท่านด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
?คุณแม่คะ...ไอริณมาแล้วค่ะ...?
บุษกรผู้เป็นมารดาเปิดเปลือกตาได้อย่างยากเย็น ค่อยๆ หันมามองใบหน้าของลูกสาว ริมฝีปากที่ซีดเซียวเผยอขึ้นเอ่ยเรียกลูกสาวเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
?ระ...ริณ...ริณ...มา...แล้วหรือ...ลูก?
?ค่ะ...ค่ะคุณแม่...?
ไอริณรับคำเสียงสั่นเครือ พยายามไม่ให้หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าหลั่งรินออกมา พร้อมกันนั้นก็พยายามฝืนยิ้มให้กับมารดาด้วย
?วันนี้ไอริณลางานครึ่งวัน ริณจะมาอยู่กับคุณแม่นะคะ?
?ริณ...แม่มีเรื่อง...จะขอร้องริณ...?
ไอริณต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอให้ไหลย้อนกลับเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นมารดาหายใจหอบ มีอาการเหน็ดเหนื่อยกว่าจะเอ่ยพูดจบ
?คุณแม่นอนพักก่อนนะคะ...อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยค่ะ?
ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ ค่อยๆ ยกมือเล็กแห้งเหี่ยวเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกมาจับยึดต้นแขนของลูกสาวไว้
?ริณ...ให้แม่พูด...?
?ค่ะ..ค่ะ...?
ไอริณกลืนก้อนสะอื้นลงคอ รับคำตามคำขอร้องของมารดาก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปกติที่สุด
?คุณแม่จะให้ไอริณทำอะไรคะ...?
?ไป...ไปตามหาพ่อ...?
ไอริณถึงกับนิ่งงันไปหลายนาทีกับคำขอร้องของมารดา พอตั้งสติได้ก็เอ่ยถามในประโยคเดียวกันกับที่มารดาได้พูดออกมาก่อนหน้านี้
?ไปตามหาคุณพ่อยังงั้นหรือคะ?
?ใช่...แม่อยากให้...ริณ...ไปตามหาพ่อ...?
?ทำไมไอริณต้องไปตามหาคนที่ทิ้งพวกเราไปด้วยคะ?
เมื่อพูดถึงบิดา น้ำเสียงก็เริ่มแข็งห้วน ริมฝีปากกัดเม้มเข้าหากันเพื่อระงับความโกรธที่มีต่อบิดาซึ่งตนเองไม่เคยเห็นหน้าตั้งแต่เกิด
?ริณ...ฟังแม่นะลูก...แม่...?
?ริณไม่อยากฟังเรื่องของเขาอีก คุณแม่พักผ่อนนะคะ?
ไอริณเอ่ยห้ามก่อนมารดาจะทันพูดจบ ขณะเดียวกันก็ประคองให้มารดานอนลงบนเตียงเหมือนเดิม ทว่า...มารดาหาได้ยอมไม่!
?แม่...แม่โกหกริณเรื่องพ่อ...?
แม้มารดาจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเท่าที่มีแรงน้อยนิด แต่กระนั้นไอริณก็ได้ยินอย่างชัดเจน และนั่นทำให้หญิงสาวนิ่งงันไปหลายนาที
?โกหกเรื่องคุณพ่อ??
ไอริณถามซ้ำ ใจหนึ่งก็อยากให้มารดาได้พักผ่อน เพราะเห็นได้ว่าท่านอ่อนแรงลงไปมาก แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้เรื่องของบิดาเช่นเดียวกัน
?ใช่แล้วลูก...แม่โกหกเรื่องพ่อทั้งหมด...?
บุษกรพยายามเอ่ยพูด แม้รู้สึกได้ว่ากำลังหมดแรงไปทุกขณะ แต่กระนั้นก็บอกกับตัวเองว่าต้องบอกความจริงกับลูกให้ได้ และที่สำคัญนางต้องการขอร้องให้ลูกสาวทำบางสิ่งบางอย่างให้ เพื่อให้ตนเองนอนตายตาหลับ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
?คุณแม่กำลังจะบอกไอริณว่า คุณพ่อไม่ได้ทิ้งพวกเราไปหรือคะ? เอ่ยถามไปแล้วไอริณก็กลั้นหายใจรอคอยคำตอบจากมารดา
บุษกรพยักหน้าช้าๆ รับคำ ก่อนจะเอ่ยย้ำว่า
?ใช่แล้วริณ...พ่อไม่ได้ทิ้งพวกเราไป...แต่...แต่...แม่ต่างหาก...ที่เป็นฝ่ายหนีพ่อมา...?
หยาดน้ำตาอุ่นไหลรินพร้อมกับถ้อยคำที่เอ่ยบอกด้วยเสียงขาดห้วงปนหอบ และเมื่อยิ่งคิดถึงการตัดสินใจในอดีตที่ผ่านมาก็ยิ่งร้องไห้จนไอริณต้องซับน้ำตาให้ด้วยทิชชูพร้อมกับเอ่ยห้ามไปในตัวด้วย
?คุณแม่คะ..อย่าเพิ่งพูดถึงคุณพ่อเลยนะคะ?
ไอริณอยากรู้ความจริงใจจะขาด แต่พอเห็นมารดาร่ำไห้ด้วยความสะเทือนใจแถมยังหายใจหอบเหนื่อยมากกว่าเดิมก็ไม่อยากให้ท่านพูดถึงบิดาในยามนี้
ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าปฏิเสธ รู้ดีว่าตนเองมีเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว และต้องบอกความจริงกับลูกสาวให้จงได้
?ริณ...แม่เป็นฝ่ายหนีพ่อมา พ่อไม่ได้ทิ้งพวกเรา...และ...พ่อไม่รู้ด้วยว่าแม่กำลังท้องตอนหนีพ่อกลับมาประเทศไทย...?
เจ้าของใบหน้างามที่มีเลือดผสมไทย-รัสเซีย สวยคมเข้มชนิดที่หนุ่มๆ เห็นแล้วต้องเหลียวหลังมองตามได้แต่นั่งนิ่งเงียบ หัวสมองเต็มไปด้วยคำพูดของมารดาที่เคยพร่ำบอกในยามเธอเอ่ยถามถึงบิดาในตอนเด็กๆ
?คุณแม่คะ ทำไมไอริณไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นๆ?
?ทำไมไอริณไม่มีพ่อเดินจูงมือส่งไปโรงเรียนเหมือนเพื่อนๆ?
?แม่คะ ไอริณอยากให้พ่อมาดูไอริณแสดงละครที่โรงเรียน?
?ทำไมพ่อไม่รักไอริณ?
นับร้อยๆ คำถามที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างไอริณเพียรเฝ้าถามถึงบิดา และคำตอบที่ได้รับจากมารดาในทุกครั้งก็คือ...
?อย่าถามถึงพ่อ...ผู้ชายคนนั้นเขาทิ้งแม่กับไอริณไป?
?พ่อไม่รับผิดชอบแม่ เขาไม่ต้องการพวกเรา เขาไม่ต้องการไอริณ?
?เลิกถามถึงพ่อ ป่านนี้เขามีลูกเต็มบ้านไปแล้ว ต่อให้เขารู้ว่ามีไอริณเป็นลูก เขาก็ไม่มีทางสนใจหรืออยากรับไอริณไปอยู่ที่รัสเซียด้วยหรอกลูก?
แม้จะถูกมารดาสั่งห้ามไม่ให้ถามถึงบิดา แต่ด้วยความอยากเห็นหน้าท่านสักครั้ง ไอริณก็ยังพร่ำถามไม่มีหยุด กระทั่งครั้งสุดท้าย เด็กน้อยถูกมารดาทำโทษด้วยการตีหลายครั้งถึงขั้นนอนซมจากพิษไม้เรียวไปหลายวัน
และนั่นก็ทำให้ไอริณเลิกถามถึงบิดาอีก พร้อมกับมอบความเกลียดชังให้กับท่าน เพราะเชื่อในคำพูดของมารดาที่เอ่ยบอกกับเธอเช่นนั้นตั้งแต่เล็กจนโต
ไอริณถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เอ่ยถามซ้ำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
?คุณพ่อไม่ได้ทิ้งพวกเรา คุณพ่อไม่รู้ว่าคุณแม่มีไอริณ?
?ใช่แล้ว ริณ แม่ต่างหากที่เป็นฝ่ายทิ้งพ่อมา...แม่หนีมาตอนท้องไอริณได้เดือนเศษ...?
ด้วยรู้ว่าตนเองทำผิดกับลูก ที่หลอกลูกให้จงเกลียดจงชังผู้เป็นพ่อตลอดเวลา น้ำตาจึงไหลรินเป็นสาย พร้อมกันนั้นก็พยายามยกมือที่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงไปจับมือเล็กของลูกมากุมไว้
?แม่ขอโทษ...ที่แม่โกหกริณ...ตลอดเวลา...?
ไอริณซับน้ำตาให้มารดา คลี่ยิ้มบางๆ โดยไม่ลืมบีบมือเล็กของมารดาขณะเอ่ยบอกให้ท่านสบายใจและไม่ต้องรู้สึกผิดกับการโกหกนานนับสิบๆ ปี
?ไม่เป็นไรค่ะ ไอริณไม่โกรธคุณแม่หรอกค่ะ คุณแม่คงมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น แค่รู้ว่าคุณพ่อไม่ได้ทิ้งคุณแม่กับไอริณไปก็ดีใจแล้วค่ะ คุณแม่นอนพักนะคะ จะได้หายเร็วๆ เราจะได้กลับบ้านกันค่ะ?
แม้อยากรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต แต่พอเห็นมารดาหายใจหอบและดูเหนื่อยกว่าเดิมจึงอยากให้ท่านพักผ่อนมากกว่าพูดถึงบิดาที่เธอไม่เคยเห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว
บุษกรส่ายหน้าช้าๆ ปฏิเสธลูกสาว
?ไม่...ริณ เวลาของแม่เหลือน้อยเต็มทีแล้ว?
?โธ่...คุณแม่...อย่าพูดแบบนี้เลยนะคะ คุณแม่ต้องอยู่กับไอริณ อย่าทิ้งริณไปไหน?
หยาดน้ำตาอุ่นเอ่อคลอเบ้า ขอบตาแดงก่ำร้อนผ่าว และไม่ว่าจะพยายามหักห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลรินมากเพียงใด หยาดน้ำตาก็ยังคงร่วงเผาะลงมาตามพวงแก้มขาวซีด นั่นก็เป็นเพราะรู้ว่ามารดามีเวลาอยู่กับเธอได้ไม่นานดั่งที่ท่านได้เอ่ยออกมา
?ริณ...ฟังแม่นะลูก...ไปตามหาพ่อ...ถ้าแม่ตายไปแล้ว...ริณต้องไปอยู่กับพ่อ...?
ไอริณส่ายหน้าปฏิเสธแทบจะทันทีที่ได้ยินคำสั่งเสียแกมขอร้องจากมารดา แค่เพียงนึกถึงความตายที่รอมารดาอยู่ อีกทั้งถ้อยคำของคุณหมอผู้เป็นเจ้าของไข้ ซึ่งได้เอ่ยบอกเมื่อหลายวันที่ผ่านมา ยิ่งทำให้หยาดน้ำตาร่วงรินอย่างไม่อาจหักห้ามไว้ได้
?คุณแม่ของคุณอาการทรุดลงมาก หมออยากให้คุณไอริณทำใจ คนไข้คงอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน...?
?ไม่ค่ะ...ไอริณจะไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณแม่จะต้องหายดี คุณหมอบอกว่าอาการของคุณแม่ดีขึ้นมากแล้ว อีกไม่นานคุณแม่ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ?
ไอริณหลอกมารดาและหลอกตัวเอง ทั้งๆ รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้แม้แต่นิดเดียว มารดาของเธอถูกโรคร้ายอย่าง ?มะเร็ง? ทำร้ายลามไปทั่วร่างกายแล้ว
?แม่คุยกับคุณหมอแล้วนะริณ...อย่าหลอกแม่เลย...แม่รู้ตัวเองดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน...?
ผู้เป็นมารดาเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบา ยกมือห้ามเมื่อไอริณทำท่าจะหลอกท่านอีกรอบ
?ริณแม่ขอร้อง...ทำตามที่แม่ต้องการ ทำให้แม่ได้นอนตายตาหลับนะริณ?
เมื่อไม่อาจโกหกมารดาได้ ไอริณจึงจำต้องพยักหน้ารับ เอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
?คุณแม่จะให้ริณไปตามหาคุณพ่อจริงๆ หรือคะ?
?ใช่แล้วลูก...เพราะความโกรธ...น้อยใจ แม่จึงหนีจากพ่อมา และที่สำคัญแม่ไม่ยอมบอกพ่อด้วยว่าแม่กำลังตั้งท้องได้เดือนเศษแล้ว...?
?เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณแม่ถึงหนีคุณพ่อมา?
?คุณย่าไม่ชอบสะใภ้คนไทย ต้องการให้คุณพ่อแต่งงานกับชาวรัสเซียด้วยกัน และคุณพ่อก็ทำตามที่คุณย่าต้องการ เขากำลังจะพาผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในบ้าน...? บุษกรเอ่ยบอกลูกสาวพร้อมกับน้ำตานองหน้าเมื่อถึงอดีตอันแสนเจ็บปวดของตนเอง
?แม่เสียใจ ใจสลายกับการกระทำของคุณพ่อ แม่จึงหนีกลับมาประเทศไทย และเพราะโกรธคุณพ่อ แม่จึงโกหกริณว่าพ่อทิ้งพวกเราไป แม่ขอโทษที่โกหกริณแบบนั้น?
?คุณแม่ไม่ต้องขอโทษไอริณนะคะ คุณแม่ไม่ผิดหรอกค่ะ? ไอริณคลี่ยิ้มให้มารดาพร้อมกับกุมมือท่านไว้แน่น ขณะเอ่ยถามต่อ
?ทำไมคุณแม่ถึงต้องการให้ไอริณไปหาคุณพ่อคะ?
?แม่อยากให้พ่อรู้ว่าเขามีริณเป็นลูกอีกคน แม่อยากให้ริณไปอยู่กับพ่อ พ่อของริณเป็นมหาเศรษฐี ริณควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้?
ไอริณส่ายหน้าปฏิเสธในทันที
?ไม่ค่ะ ไอริณไม่ไป ริณจะอยู่กับคุณแม่?
?แม่คงอยู่ได้อีกไม่นาน แม่เขียนจดหมายถึงคุณพ่อ ริณเอาจดหมายฉบับนี้ไปให้คุณพ่อนะลูก?
จดหมายที่เขียนด้วยภาษารัสเซียถูกเขียนขึ้นหลังจากรู้ว่าตนเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน บุษกรจึงเขียนขอโทษสามีที่หนีอีกฝ่ายมาพร้อมกับลูกน้อยในท้อง นอกจากนั้นได้วิงวอนระคนขอร้องให้สามีได้ดูแลไอริณหลังจากนางตายไปแล้ว
ไอริณมีสีหน้าเศร้าหมอง ขอบตาร้อนผ่าว มีน้ำตาเอ่อคลอตลอดเวลา หญิงสาวพึมพำเอ่ยปฏิเสธกับคำขอร้องของมารดา
?ไอริณไม่อยากทิ้งคุณแม่ไปในตอนนี้ค่ะ เราโทรศัพท์หรือติดต่อคุณพ่อด้วยวิธีอื่นไม่ได้หรือคะ?
บุษกรส่ายหน้าปฏิเสธ ใบหน้าซีดเซียวผอมโซเพราะพิษโรคร้ายเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
?แม่เคยลองโทรศัพท์ไปหาคุณพ่อแล้ว แต่หมายเลขนั้นถูกปิดบริการไม่สามารถติดต่อได้ ริณต้องไปหาคุณพ่อที่มอสโคว์ เอาจดหมายไปให้คุณพ่อ...คุณพ่อจะได้เห็นริณด้วย?
?ไอริณจะตามหาคุณพ่อเจอได้ยังไงคะ แล้ว...คุณพ่อจะเชื่อหรือคะว่าไอริณเป็นลูกของเขา อีกอย่างเราก็ไม่มีเงินมากพอสำหรับซื้อตั๋วเครื่องบินไปประเทศรัสเซีย?
ไอริณเต็มไปด้วยความกังวลใจ บิดาของเธอเป็นถึงมหาเศรษฐี จู่ๆ เธอจะโผล่ไปบอกว่าเป็นลูก! แน่นอนว่าเขาคงไม่เชื่อในคำพูดของเธอ อีกทั้งยังทุกข์ใจเรื่องเงินทองสำหรับใช้จ่ายในการเดินทางไปตามหาบิดาด้วย
?เชื่อสิลูก แค่เพียงเห็นหน้าริณ คุณพ่อก็จะรู้ได้ทันทีว่าริณเป็นลูกของเขา...นั่นก็เป็นเพราะว่าริณมีใบหน้าที่เหมือนคุณพ่อมาก ส่วนเรื่องค่าตั๋วเครื่องบิน...แม่...มีเงินเก็บในบัญชีธนาคาร...ริณไปถอนมาแล้วเอาไปซื้อตั๋วเครื่องบินและไว้ใช้จ่ายตอนอยู่รัสเซียนะลูก?
?ไอริณ...กลัวว่าคุณพ่อจะไม่เชื่อค่ะ? ไอริณเผยความหวาดหวั่นให้มารดาเห็นอีกรอบ
?ไม่ต้องกลัวลูก พ่อจะต้องเชื่อในหลักฐานที่ริณนำไปด้วย คุณพ่อให้แหวนแต่งงานกับแม่ บนตัวแหวนสลักนามสกุลของคุณพ่อไว้ แม่เก็บแหวนพร้อมกับจดหมายที่เขียนถึงคุณพ่อไว้ในลิ้นชักในห้องนอนของแม่ ริณเอาแหวนไปให้คุณพ่อด้วยนะลูก?
?คุณแม่คะ...ไอริณไม่อยากไปมอสโคว์ ไม่อยากไปตามหาพ่อเลยค่ะ...ถ้า...ถ้าไอริณไปแล้ว ไอริณกลัวว่ากลับมาจะไม่ได้เห็นคุณแม่อีก?
?อย่าร้องไห้ลูก...? ผู้เป็นแม่พยายามยกมืออันไร้เรี่ยวแรงไปซับน้ำตาให้ รู้ว่าลูกสาวกำลังหมายถึงอะไร
?ทำเพื่อแม่สักครั้ง ให้แม่มีความสุข...แม่สัญญาว่าจะอยู่รอจนกว่าริณจะกลับมานะลูก?
?สัญญานะคะ สัญญาว่าแม่จะอยู่รอไอริณกลับมา? ดวงตาอันแดงก่ำทอดมองมารดา บีบมือเล็กเหี่ยวย่นไว้แน่นขณะขอคำมั่นสัญญาจากท่าน
?ไอริณจะเอาจดหมายและแหวนไปให้คุณพ่อ แต่...ไอริณขอเวลาแค่เพียงเจ็ดวันเท่านั้น ไม่ว่าจะพบคุณพ่อหรือไม่ และไม่ว่าคุณพ่อจะยอมรับหรือปฏิเสธ ไอริณจะกลับประเทศไทย คุณแม่สัญญาแล้ว คุณแม่ต้องรอไอริณกลับบ้านนะคะ?
?จ้ะ...แม่สัญญาจ้ะ...?
ผู้เป็นมารดารับคำลูกสาวพร้อมกับฝืนยิ้มให้ด้วย ทว่าไอริณกลับรู้สึกใจคอไม่ดี แม้ไม่อยากทำตามที่มารดาขอร้อง แต่พอเห็นแววตาอันเต็มไปด้วยความหวังของท่านก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เธอต้องไปประเทศรัสเซีย ไปตามหาพ่อ ไปทำตามความปรารถนาของมารดาซึ่งเป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายในชีวิตของท่าน...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพราะคำขอร้องสุดท้ายของมารดาที่กำลังจะสิ้นใจด้วยโรคร้าย
ไอริณ จึงต้องออกตามหาบิดาไกลถึงรัสเซียเพียงลำพัง
จนเข้าไปพัวพันกับจอมมาเฟียร้ายอย่าง นิโคไล เทราคอฟ โดยบังเอิญ
และเมื่อเขารู้ว่าเธอคือลูกสาวของศัตรูตัวฉกาจ
ความแค้นที่สุมลึกอยู่ในอกจึงได้โอกาสปลดปล่อยกับร่างบางที่หลงเข้ามาอยู่ในเงื้อมมือ
และไม่รู้สึกเห็นใจแม้แต่น้อยที่เห็นร่างนวลบิดเร่าด้วยความรัญจวนใต้ร่างเขา
มีแต่จะยิ่งเพิ่มความทรมานซ่านเสียวให้ทบเท่าทวีคูณยิ่งขึ้น
?ได้โปรด...?
ถ้อยคำที่เหลือขาดหายไปในลำคอด้วยฤทธิ์ของริมฝีปากร้อนรุ่ม
ที่ฉกวูบบดขยี้จุมพิตเร่าร้อนลงมาอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน
?เตรียมตัวเตรียมใจไว้ไอริณ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
คุณจะต้องตกเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นของนิโคไล เทราคอฟแล้ว?
