New Release BLY แปล : nez -Your Lovely Smell- (เล่ม 4 จบ)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : nez -Your Lovely Smell- (เล่ม 4 จบ)

โพสต์ โดย Gals »

1

?ฉันจะอธิบายสถานการณ์ให้ฟังนะ?
อาริจังเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งเป็นปกติขณะนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมในสำนักงาน CAS อันคุ้นเคย...แต่ผมรู้ว่าจิตใจของเธอกำลังว้าวุ่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงรับรู้ได้ด้วยกลิ่น เพราะกลิ่นเหงื่อที่เกิดจากความเครียดแรงกว่ากลิ่นเหงื่อที่เกิดจากการออกกำลังกายหลายเท่า ไม่มีทางที่จะรอดพ้นจมูกผมไปได้
ทว่าตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น
ประสาทรับกลิ่นที่เฉียบคมเยี่ยงสุนัขของผมเสื่อมลงจนอยู่ในระดับต่ำกว่าคนทั่วไป เจ้าจมูกไร้ประโยชน์ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรแก่ผมเลย ที่รู้ว่าอาริจังกำลังว้าวุ่นก็เป็นเพราะสีหน้าไม่สู้ดีนั่นต่างหาก คงไม่ได้นอนพักเป็นเรื่องเป็นราวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว หน้าตาซีดเซียวชนิดที่ใครเห็นก็ดูออก...แต่ผมคงไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์คนอื่นนักหรอก
สึกุมิจังหายตัวไป
อยู่ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในคืนวันคริสต์มาส
?พวกเขาติดต่อสึกุมิจังไม่ได้มาตั้งแต่วันที่ยี่สิบห้าตอนเย็น ซึ่งก็คือเมื่อวานนี้?
ผม ทาคาเมะ และเรย์กำลังนั่งฟังเรื่องราวจากอาริจัง ปกติแล้วเรย์จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับงานของ CAS เว้นเสียแต่เป็นกรณีฉุกเฉิน ได้ยินว่าเมื่อครู่พ่อกับแม่ของสึกุมิจังก็มาที่ CAS เหมือนกัน และตอนนี้ได้กลับไปแล้ว
?สึกุมิจังบอกว่าจะออกไปดูหนัง แต่เลยสามทุ่มแล้วก็ยังไม่กลับมาตามสัญญา คุณแม่พยายามโทรเข้ามือถือหลายครั้งก็โทรไม่ติด?
?เด็ก ม.ต้น ออกไปดูหนังคนเดียวตอนเย็นหรือครับ??
ทาคาเมะถาม อาริจังจึงตอบว่า ?ไม่ใช่คนเดียวหรอก?
?เห็นบอกว่าไปกับคุณโยโกะ คุณแม่เลยอนุญาต?
?เอ๋ คุณโยโกะ??
ผมตกใจ
คุณโยโกะ...คุโรฮะ โยโกะ คือภรรยาคนใหม่ของพ่อสึกุมิจัง ไม่สิ เขายังไม่ได้แต่งงานกัน ต้องเรียกว่าที่ภรรยาคนใหม่ต่างหาก
พ่อกับแม่ของสึกุมิจังตัดสินใจหย่าร้างกัน ต่างฝ่ายต่างก็มีคู่สมรสใหม่ สึกุมิจังลังเลว่าจะไปอยู่กับใคร แต่สุดท้ายก็เลือกคุณแม่ นั่นแปลว่าเธอไม่จำเป็นต้องไปอยู่กับคุณโยโกะแล้ว ช่วงแรกๆ ทั้งสองต่างก็รู้สึกอึดอัด แต่หลังจากผลออกมาว่าไม่ต้องอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่คงจะสบายใจขึ้น ได้ข่าวว่าหมู่นี้คบหากันในฐานะที่ใกล้เคียงกับเพื่อนด้วย ถ้าจะออกไปดูหนังกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก...
?อย่าบอกนะว่า คุณโยโกะก็หายตัวไปด้วย...??
?โชคไม่ดีเลย? อาริจังขมวดคิ้วแทนคำตอบ
?เป็นอย่างที่จิริจังว่านั่นแหละ ติดต่อคุณโยโกะไม่ได้เหมือนกัน รู้แค่ว่าทั้งสองคนนัดเจอกันที่ชิบุยะตอนหกโมงเย็น แต่หลังจากนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แถมยังเช็กตำแหน่งจากสัญญาณมือถือไม่ได้ด้วย?
?มีความเป็นไปได้ไหมครับว่าจะเกิดจากความตั้งใจของเจ้าตัว??
ทาคาเมะถาม ดูสุขุมเยือกเย็นตามเคย ทั้งที่รีบแต่งตัวออกมาแต่ก็ยังสวมสูทเนี้ยบ ผมเผ้าเรียบกริบ
?เป็นไปได้ไหมว่าสึกุมิจังต้องการหนีออกจากบ้านด้วยเหตุผลบางประการ...แล้วคุณโยโกะก็เป็นคนให้ความร่วมมือ?
?ทำไมคุณโยโกะต้องให้ความร่วมมือด้วย?
?จะไปรู้เหรอ ฉันหมายถึงความเป็นไปได้?
?แต่สึกุมิจังไม่มีเหตุผลต้องหนีออกจากบ้านสักหน่อย...?
?เปล่าหรอก? อาริจังแทรกขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังโต้เถียงกับทาคาเมะ
?สึกุมิจังกับคุณโยโกะถูกลักพาตัวไป ไม่ได้หนีออกจากบ้านแน่นอน?
อาริจังยืนยันเสียงแข็ง ก้มหน้ากุมขมับ ความวิตกกังวลเหล่านั้นถ่ายทอดมาถึงผม ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอีกฝ่ายกลัดกลุ้มขนาดนี้
แน่นอนว่าการที่สึกุมิจังหายตัวไปเป็นเรื่องร้ายแรง...แต่ผมก็ยังสัมผัสได้ว่ามีบรรยากาศวิตกจริตอีกอย่างที่ยากจะบรรยายปะปนอยู่ด้วย
?คนร้ายส่งข้อความข่มขู่มา?
เรย์ผู้ยืนอยู่ด้านหลังโซฟาของอาริจังอธิบายให้ฟัง ?มีเมลพร้อมรูปถ่ายถูกส่งเข้ามาในมือถือของคุณพ่อ? รอยยิ้มสบายๆ ซึ่งเคยประดับอยู่บนใบหน้าถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียด
แปลบ
เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบจนปวดร้าวขึ้นศีรษะ
?รูปที่แนบมาเป็นรูปคุณโยโกะกับสึกุมิจังโดนจับมัดปิดตา นั่งอยู่ในห้อง แต่ในนั้นไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าคือที่ไหน แถมเมลที่ส่งมาก็สืบอะไรไม่ได้สักอย่าง?
?แปลว่าคนร้ายเป็นมืออาชีพสินะครับ แล้วหมอนั่นเรียกเงินค่าไถ่หรือเปล่า??
?เปล่า?
?ไม่มีเลย??
ทาคาเมะขมวดคิ้ว อาการปวดศีรษะของผมยิ่งกำเริบหนัก กล้ามเนื้อใต้ตาเต้นกระตุก
?คนร้ายส่งรูปถ่ายมาเฉยๆ หรือครับ??
?เปล่า มีข้อความแนบมาด้วยว่า....ห้ามแจ้งตำรวจ ไม่งั้นจะฆ่าเด็กกับผู้หญิง ให้ขอความช่วยเหลือจาก CAS?
เงียบ
ทั้งผม ทาคาเมะ อาริจัง เรย์ ทุกคนเงียบสนิท
?....ทะ?
ผ่านไปสักพักผมตั้งท่าจะเอ่ยถาม แต่โดนทาคาเมะตัดหน้าไปเสียก่อน
?ทำไมถึงมีชื่อ CAS มาเกี่ยวข้องด้วยล่ะครับ??
?ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้บอกได้อย่างเดียวว่า นี่ไม่ใช่คดีลักพาตัวทั่วไปที่หวังเงินค่าไถ่....จิริ ไหวหรือเปล่า? หน้าซีดมากเลยนะ? เรย์ถาม
ทาคาเมะซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ หันมามองหน้าผม จากนั้นก็ตีหน้าเครียดพูดเสียงห้วน ?โทรมชะมัด? ไอ้คนไร้มารยาท แต่เอาเถอะ สภาพผมคงดูไม่จืดจริงๆ ขนาดคำที่จะใช้เถียงยังนึกไม่ออกเลย
แล้วจู่ๆ หมอนั่นก็คว้ามือผมไปกุม อุ่นดีแฮะ แสดงว่ามือของผมคงจะเย็นเฉียบ พอรู้ดังนั้นทาคาเมะก็ทำเสียงจึ๊กจั๊กแล้วหันมาจับชีพจรต่อ
?....อะไร ฉันยังไม่ตายสักหน่อย?
?หน้านายโทรมอย่างกับศพ แถมยังหายใจตื้นอีก สูดเข้าไปให้มันลึกๆ หน่อย?
น่ารำคาญจริง กะอีแค่วิธีหายใจ ให้อิสระกันหน่อยไม่ได้หรือไง...แต่ผมเองก็รู้สึกทรมานเหมือนกัน จึงลองหายใจลึกๆ หลายครั้ง ไม่นานอาการปวดศีรษะก็เริ่มทุเลาลงจนรู้สึกสบายขึ้นมาหน่อย
ทาคาเมะกดนวดปลายนิ้วของผมแรงๆ แต่มันไม่เจ็บเลยสักนิด กลับรู้สึกดีเสียอีกที่เลือดลมถูกกระตุ้นจนสัมผัสได้ว่าเลือดกำลังสูบฉีดไปทั่วร่าง
?จิริจัง ไปนอนพักบนเตียงก่อนเถอะ?
?แค่นี้สบายมาก? ผมบอกอาริจังขณะที่มือถูกปล่อยเป็นอิสระ ความจริงจับต่ออีกหน่อยก็ได้แท้ๆ แต่ผมไม่พูดออกไปหรอก
?ในเวลาคับขันแบบนี้ จะให้ผมไปนอนกรนสบายใจเฉิบคนเดียวได้ไง อาริจังก็สีหน้าไม่ค่อยดีเหมือนกันนั่นแหละ?
?ไม่เป็นไรหรอก ฉันถึกกว่าจิริจังตั้งเยอะ?
?พูดอะไรน่ะ อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว อย่าฝืนสังขาร....?
?เงียบนะ ทาคาเมะคุง ลากตัวเขาออกไปที?
อาริจังสั่ง ชี้นิ้วไปทางประตูห้องนอนซึ่งอยู่ติดกับห้องรับแขกเนื่องจาก CAS ใช้ห้องสวีทเป็นสำนักงาน ?ได้ครับ? ทาคาเมะยืนขึ้น คว้าต้นแขนผม
?เฮ้ย อย่านะ?
?คำสั่งเจ้านาย?
?อาริจัง ไม่เอานะ อย่ากันผมออกไปสิ?
?ไม่ใช่อย่างนั้น? อาริจังปลอบเสียงนุ่มเมื่อเห็นผมยังตื๊อไม่เลิก
?งานของจิริจังคือลงสนาม ไม่เหมือนฉันกับพี่ หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่มีใครรู้...ดังนั้นจนกว่าจะได้รับข้อความต่อไปจากคนร้าย พักผ่อนเอาแรงไว้ก่อนดีกว่า?
?มันก็จริง แต่ว่า...?
?พอๆ ทาคาเมะคุง เอาเด็กคนนี้ไปเก็บที่เตียงที?
?เฮ้ย เดี๋ยว...?
ผมโดนลากถูลู่ถูกังไปจนถึงห้องนอน
?เอ้า? ทาคาเมะตลบผ้านวมซึ่งปูไว้อย่างดีออกจนมองเห็นผ้าสีขาวตึงเรียบด้านใน แล้วพยายามผลักผมลงไปนอนบนนั้น ทำอย่างกับคนอื่นเป็นลูกแมวไปได้ พอลองขัดขืนเพราะเริ่มยัวะขึ้นมานิดหน่อยก็ลงเอยด้วยการถูกจับอัดหมอน สภาพร่างกายของผมคงไม่พร้อมจริงๆ แถมทาคาเมะยังเป็นต่อทางสรีระด้วย
แก้มของผมแนบอยู่บนปลอกหมอนชั้นดี ผิวสัมผัสของมันเย็นสบาย ร่างกายอันแสนเหนื่อยล้าฟ้องว่าผมอาจจะมีไข้ต่ำๆ
?...ไม่ นี่ไม่ใช่เวลามานอนจริงๆ นั่นแหละ?
ว่าแล้วผมก็ใช้ศอกยันร่างที่ใกล้จะหมดแรงขึ้นมา
?นอนซะ?
?อุ๊บ?
ผมโดนผลักกลางหลังจนหน้าจูบหมอนอีกครั้ง เฮ้ย มันจะรุนแรงเกินไปแล้ว เมื่อคิดได้ก็พลิกตัวนอนหงายใต้ผ้านวมเพื่อจะหันมาด่า
?ทาคา....?
คำพูดเป็นอันหยุดชะงักเพราะฝ่ามือใหญ่แนบลงมาบนหน้าผาก ผมหลับตาลงโดยอัตโนมัติเมื่อริมฝ่ามือแตะโดนแพขนตา
?ปวดหัวอยู่ใช่ไหม?
?...นายรู้ได้ไง?
ผมถามทั้งที่ตายังปิดอยู่
?เห็นใช้มือกุมขมับแล้วก็นวดต้นคอบ่อยๆ...มันคืออาการเฉพาะของคนปวดศีรษะ?
?อ้าวเหรอ?
?ไม่ต้องมาอ้าวเลย กินยาแก้ปวดหัวแล้วนอนซะ?
?แต่สึกุมิจังกับคุณโยโกะ?
?ตอนนี้ไม่มีอะไรที่นายช่วยได้หรอก ฉันจะไปคุยให้รู้เรื่องเอง เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง...อย่าทำให้คุณอาริเป็นห่วง?
ฝ่ามือบนหน้าผากเลื่อนลงมาที่แก้มแล้วตบเบาๆ สองที
อะไรของเขา ทำอย่างกับกล่อมเด็กงั้นแหละ ดูถูกกันอยู่เหรอ ผมควรจะโมโห...แต่พอลืมตาเห็นทาคาเมะนั่งอยู่ตรงขอบเตียงด้วยสีหน้าอ่อนโยนแปลกๆ ก็ตอบได้แค่ ?เข้าใจแล้ว?
อาริจังขี้เป็นห่วงเกินเหตุจริงๆ นั่นแหละ...เรย์ก็เหมือนกัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน พวกเขาก็คงลืมภาพสมัยที่ผมยังเป็นเด็กน้อยแสนเปราะบางไม่ลง
?ยาอยู่นี่?
ทาคาเมะหยิบยาเม็ดออกมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
?เตรียมพร้อมอยู่เสมอเลยนะ...ขนาดถุงยางฉันยังไม่รู้เลยว่านายแอบไปใส่ตอนไหน...?
?พูดเรื่องอะไร?
?ถ้ามีแข่ง ?ชิงแชมป์นักสวมถุงยางมือไว? นายน่าจะได้อันดับต้นๆ เลยล่ะ...?
ผมแค่ล้อเล่นไปอย่างนั้นเพื่อหลีกหนีจากอาการปวดหัวและความกังวล แต่ทาคาเมะดันซื่อตรงกับเรื่องไม่เข้าเรื่องด้วยการตอบกลับมาอย่างจริงจัง ?การใส่ถุงยางเป็นมารยาทขั้นพื้นฐาน?
?ทำเป็นพูดดี ตัวเองก็เคยไม่ใส่เหมือนกัน?
?นั่นเพราะนายขอร้องต่างหาก?
?...ไม่ได้ขอ...?
?ขอ นายพูดชัดเจนเลยว่า ไม่ต้องใส่ก็ได้ ฉันอยากสัมผัสโดยตรง เข้ามาทั้ง...?
โป๊ก!
ผมเอาหัวโขกคนที่โน้มหน้าเข้ามาอธิบายใกล้ๆ จนอีกฝ่ายต้องร้อง ?โอ๊ย? ผงะออก ทางนี้เองก็เจ็บไม่แพ้กัน แค่อยู่เฉยๆ ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ไม่รู้จะหาเรื่องเจ็บตัวเพิ่มอีกทำไม...ผมจิกกัดตัวเองในใจ
?มันเจ็บนะ...?
ทาคาเมะใช้มือกุมหน้าผาก ถลึงตาใส่
?หนวกหู ไอ้หื่นกาม?
?ฉันแค่อ้างตามความจริง ไม่ได้แกล้งนายสักหน่อย?
มันแย่ตรงที่เขาพูดถูกแล้วนั่นแหละ สมองของผมก็เหลือเกิน แทนที่จะลืมๆ ไปซะ ดันนึกภาพออกเสียอย่างนั้น ถึงจะจำได้ไม่แม่นเพราะกำลังเข้าจังหวะกัน...แต่ก็ยังไม่ลืม
ผมกอดร่างของทาคาเมะเอาไว้ ร้องขอเขาขณะที่ลมหายใจติดขัด
มันช่วยไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมต้องการเขาจนแทบขาดใจ ช่างเป็นความรู้สึกที่ประหลาดเหลือเกิน ในฐานะผู้ชาย ผมเข้าใจความปรารถนาที่อยากเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายดี...แต่มันแปลกที่ผมกลับรู้สึก ?อยากให้เขาเข้ามา?
รสสัมผัสยามที่ทาคาเมะอยู่ในตัวผม
แม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ก็ให้ความรู้สึกราวกับได้กลืนกินเขาไปทั้งตัว ขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนถูกขย้ำ ทั้งปั่นป่วนและแสนเร่าร้อน แค่นึกก็แทบแย่แล้ว
?หน้าเริ่มมีสีเลือดแล้วนี่?
?...หนวกหูน่า?
ว่าแล้วผมก็ตวัดผ้าคลุมโปงเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นหน้า ทาคาเมะตลบมันออกอย่างไม่เกรงใจแล้วยื่นเม็ดยามาให้ ?กินซะ? ผมยอมอ้าปากแต่โดยดีเพราะหมดแรงจะขัดขืน
ยาสีขาวเม็ดหนึ่งถูกป้อนเข้ามาแล้วคาอยู่บนลิ้น ผมรับขวดน้ำบนโต๊ะข้างเตียงที่เขาส่งมาให้
พยายามจะเปิดฝา...แต่ว่า ไอ้นั่นน่ะ มันเรียกว่าอะไรนะ? พลาสติกที่หุ้มอยู่รอบฝา? เพราะติดไอ้นั่นก็เลยเปิดไม่ออกสักที ระหว่างที่ปลุกปล้ำกับมัน ยาบนลิ้นก็เริ่มละลายจนรสขมแผ่ซ่าน ทาคาเมะเห็นผมชักจะร้อนรนก็แย่งขวดน้ำไป แกะพลาสติกออกอย่างคล่องแคล่วแล้วเปิดฝาให้ โอ๊ะ ช่วยได้เยอะเลย ผมตั้งท่าจะรับขวดคืนมา...
?หือ??
หมอนั่นกรอกน้ำเข้าปากตัวเองแล้วโน้มตัวลงคร่อมผม
ประกบริมฝีปากลงมา
พร้อมกับสัมผัสเย็นๆ ของกรอบแว่น
น้ำในปริมาณที่ไม่มากนักไหลเข้ามาในโพรงปาก ผมกลืนลงไปแต่เม็ดยาก็ยังไม่ยอมไหลตาม รู้สึกว่าจะติดอยู่แถวลำคอ จึงร้องบอกใบหน้าที่อยู่ใกล้จนปลายจมูกแทบชนกันว่า ?ขออีก? และโดนถามกลับมา ?จะเอาอันไหน??
คงหมายถึง
น้ำ หรือ จูบ
ก็ต้องเป็นน้ำสิ...ผมควรจะตอบกลับไปอย่างนั้น แต่ปากเจ้ากรรมดันบอกว่า ?ทั้งสองอย่าง? คงเป็นเพราะอาการไม่ดี ผมถึงขี้เกียจคิดแล้วปล่อยไปตามสัญชาตญาณ...เดี๋ยว งั้นก็แปลว่าลึกๆ แล้วผมอยากจูบกับเขาน่ะสิ? แบบนี้เรียกมีปัญหาหรือเปล่า? อา แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะเก็บเอามาคิดเสียแล้ว
ทาคาเมะถอดแว่นตา กรอกน้ำเข้าปาก
ก่อนจะประกบจูบลงมาอีกครั้ง
น้ำที่อุ่นขึ้นจากอุณหภูมิร่างกายถูกป้อนเข้ามา
ส่วนที่เอ่อล้นไหลเป็นทางจากคางสู่ลำคอ แต่ผมไม่ใส่ใจแล้วกลืนน้ำที่เหลือเพื่อดันเม็ดยาให้ลงไปนอนในกระเพาะ อึก เรียบร้อย คราวนี้หมดทั้งเม็ด ทาคาเมะก็น่าจะรู้แล้วแต่ยังไม่ยอมถอนริมฝีปาก ส่วนผมก็ไม่คิดจะผลักเขาออกเหมือนกัน
อย่าว่าแต่ผลักเลย ผมตวัดแขนโอบรอบแผ่นหลังแล้วดึงเขาเข้ามาใกล้
เพราะต้องการที่ยึดเหนี่ยวเพื่อยืนยันว่าผมมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ ลำพังแค่ตัวคนเดียวคงไม่สามารถทำได้ มนุษย์จำเป็นต้องสัมผัสกับใครสักคน ไม่อย่างนั้นจะไม่มั่นใจว่ามีตัวตนอยู่ตรงนี้
น้ำหนักของทาคาเมะกดทับจนผมยิ่งจมลึกไปกับเตียง
ชั่วขณะหนึ่งผมเกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาและเผลอคิดว่าอยากดำดิ่งลงไปทั้งอย่างนี้เลย มันคืออะไรกันนะ ความรู้สึกที่อยากหลบเร้นหรือหนีไปที่ไหนสักแห่งแบบนี้
ปลายลิ้นแทรกเข้ามา ตวัดคลอกับลิ้นของผมที่หดหนีโดยสัญชาตญาณ
?...อุ๊บ...?
จูบของทาคาเมะลุ่มลึกดูดดื่ม ทว่านุ่มนวลราวกับกำลังปลอบโยน...แม้จะรู้สึกสมเพชตัวเองนิดหน่อย แต่ก็อดยินดีไม่ได้ นิ้วอันอบอุ่นไล้บนแก้มเบาๆ
?จิริ?
ริมฝีปากขยับออกเล็กน้อยก่อนกระซิบเรียก ผมมองตาเขาแทนคำตอบ มันใกล้มากจนแทบสบกันไม่ได้ ทาคาเมะโน้มหน้าผากมาชนกับหน้าผากของผมเบาๆ สัมผัสนั้นช่างอ่อนโยนผิดจากที่ผมเอาหัวโขกเมื่อกี้ราวฟ้ากับดิน
?จิริ หลับซะ?
จุมพิตแผ่วเบาจรดลงมาอีกครั้ง
ผมตั้งใจจะตอบรับว่า ?อืม? แต่ไม่แน่ใจว่าได้พูดออกไปหรือเปล่า เสียงของทาคาเมะออกฤทธิ์ดุจมนตร์สะกด ส่งผลให้ผมง่วงขึ้นมาอย่างร้ายกาจ อาจเป็นเพราะเมื่อวานเราออกกำลังกันจนดึก แถมตื่นมายังเกิดเรื่องขึ้นอีก...ใช่แล้ว สึกุมิจังกับคุณโยโกะ...นี่ไม่ใช่เวลามานอนพักจริงๆ นั่นแหละ...แต่ว่า...ร่างกายของผมอ่อนเพลียเหลือเกิน
?สึกุมิจัง?
?รู้แล้ว ตอนนี้หลับเถอะ?
สัมผัสอุ่นๆ แนบลงบนเปลือกตา นี่ก็จูบอีกใช่ไหม แปลว่าผมหลับตาไปเรียบร้อยแล้วสินะ?
มิน่าล่ะ ถึงได้มืดนัก
ง่วง แต่ก็ไม่อยากหลับ
ผมไม่อยากนอนเพียงลำพัง เพราะกลัวว่าจะฝัน...ใช่ ฝันนั้นแหละ
บ่อน้ำกับป่านกโมสึบนเขา
โรงเรียนที่ซ่อนอยู่กลางป่าลึก ภาพของครูฮินะผลุบๆ โผล่ๆ ขึ้นมาในสมอง...ต่อจากนั้น ใครนะ? คุณครูคนนั้น...คนที่สอนวิชาสนุกๆ คนที่ใจดีกับผมและมีรอยยิ้มประดับใบหน้าเสมอ...
'เธอก็คือเธอ คนที่วิเศษสุดเพียงหนึ่งเดียว?
ทำไมถึงนึกหน้าไม่ออกนะ? แล้วกลิ่นล่ะ? สมัยนั้นผมมักจดจำผู้คนด้วยกลิ่นมากกว่า กลิ่นของครูฮินะ เหมือนกลิ่นของต้นอ่อนที่เพิ่งแตกหน่อในทุ่งหญ้าฤดูใบไม้ผลิและหยดกลิ่นอัลมอนด์ลงไปนิดหน่อย ผมจำกลิ่นนั้นได้แม่นยิ่งกว่าใบหน้าเสียอีก




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถ้าอย่างนั้น ทำไมนายยังยอมให้ฉันกอดอยู่?

สึบาคุระ จิริ และทาคาเมะ คิซาชิ คือคู่หูประจำบริษัทวิเคราะห์และประเมินความเข้ากันนามว่า CAS จิริเป็นจอมเหลวไหลไร้ระเบียบ เจ้าของประสาทสัมผัสรับกลิ่นที่เฉียบคมเยี่ยงสุนัข ส่วนทาคาเมะคืออดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองหัวกะทิผู้มากประสบการณ์ เจ้าระเบียบ และอนามัยจัด แรกเริ่มความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ต่างจากหมาและแมว แต่ระหว่างที่ร่วมกันแก้ปัญหาของผู้ว่าจ้าง ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มขาดกันและกันไม่ได้ หากอีกฝ่ายเป็นทุกข์ ตนก็จะปวดร้าวไปด้วย และเมื่อไรที่อีกฝ่ายเป็นสุข ตนก็จะยินดีเช่นกัน
ความรู้สึกเหล่านี้เกิดมาจากไหน...ในช่วงที่กำลังจะรู้ใจตัวเอง ศัตรูตัวฉกาจก็มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา!?
nez ซีรี่ส์ยอดฮิตเดินทางมาถึงบทสรุปแล้ว!!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”