New Release ร้อยรัก : สัญญารักนาดาฟาติน ซีรี่ส์รีมซีร่า

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก : สัญญารักนาดาฟาติน ซีรี่ส์รีมซีร่า

โพสต์ โดย Gals »

1
ที่นั่น...พระราชวังอัลมาลิก...กำลังมีงานฉลองพระชนมายุครบเจ็ดสิบเจ็ดพรรษาของกษัตริย์ฮาคิม รีฮาน อัลมาลิก รถยนต์คันใหญ่ยาว...ราคาเป็นร้อยล้านคันแล้วคันเล่าวิ่งเข้ามาจอดแล้วก็วิ่งออกไป
ปล่อยให้แขกเหรื่อทั้งในและนอกพระราชวงศ์เดินผ่านบันไดที่ปูด้วยพรมสีแดงตลอดความกว้างใหญ่ขึ้นสู่ด้านในพระราชวังที่จัดงานเฉลิมฉลองพระชนมายุแห่งนั้น
ในจำนวนบุรุษสตรีที่แต่งตัวมาอย่างเลิศหรู...สวยงามเหล่านั้น มีพระวรกายสูงปะปนมาด้วยรูปลักษณ์ที่เรียกสายตาของสตรีทุกคนให้หันมามองและจ้องอยู่อย่างนั้นอย่างตกตะลึง
แน่นอน...คงไม่มีใครที่มาในงานแล้วไม่รู้จักเจ้าชายไอยมาน รีฮาน อัลมาลิก?อย่างแน่นอน
เพราะพระสิริโฉมนั้นสง่างามกว่าใคร ไม่ว่าจะเป็นพระเกศาดำสนิท หวีเรียบรับกับพระพักตร์รูปข้าวหลามตัด...โหนกแก้มสูง พระขนงสีเข้มดำสนิท ดวงพระเนตรสีนิล...พระนาสิกโด่งตรง...และริมพระโอษฐ์เป็นรูปคันธนูงดงาม
ยิ่งผสมกับพระฉวีค่อนข้างขาวแบบพระมารดาเข้าแล้ว...เจ้าชายไอยมานทรงมีรูปงามราวกับเทพบุตรจุติลงมากระนั้น
เสียเพียงนิดเดียวที่ทรงเฉยเมย...และไม่จริงจังกับสิ่งใดจนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว...
พระวรกายสูงตรงในสูทแบล็กไทสง่างาม ปะปนกับผู้คนมากมายที่แต่งตัวมาทั้งแบบอาหรับโบราณและสมัยใหม่ผสมกัน เสด็จผ่านประตูสูงใหญ่นั้นเข้าไปภายในงาน โดยมีพนักงานต้อนรับที่รู้จักพระองค์ดีอยู่แล้วคอยถวายการดูแลต้อนรับอย่างดียิ่ง
ทรงน้อมพระเศียรลงรับการโค้งคำนับนั้นนิดหนึ่งก่อนจะกวาดพระเนตรไปทั่วบริเวณงานที่คลาคล่ำไปด้วยแขกรับเชิญระดับวีไอพีล้วนๆ
ก่อนจะเสด็จตรงไปเรื่อยๆ มุ่งสู่บันไดที่ทอดขึ้นสู่ชั้นบนของพระราชวัง โดยทรงปฏิเสธทั้งเครื่องดื่มและอาหารที่พนักงานตรงมาถวายให้ได้ทรงพิจารณา
ทรงหยุดทักทายปฏิสันถารกับบุคคลหลายคนที่ทรงรู้จักมักคุ้น แต่เพียงไม่กี่คำพระองค์ก็ทรงเสด็จไปต่อ จนกระทั่งทรงพบกับบารัค ฮัสซัน พ่อค้าสูงวัยที่ทรงคุยด้วยได้อย่างถูกคอมาหลายเพลา
บารัคพาร่างสูงใหญ่ในชุดประจำชาติสีขาวคลุมศีรษะด้วยผ้าขาว สวมทับด้วยอะกาละ หรือ...อเกล (เสวียนถักด้วยเชือก) สีดำธรรมดาตรงเข้ามาหา...
?เจ้าชาย...กระหม่อมดีใจจังที่ได้เห็นพระองค์ในวันนี้ นึกว่าจะทรงหลงทะเลทรายจนไม่ยอมกลับวังเสียแล้ว...?
?กลับสิ...วันสำคัญแบบนี้มาแน่ ว่าแต่ท่านบารัคมาคนเดียวหรือ...ไม่ได้ ?พาใคร? มาด้วยหรือ...?
ทรงถามและกวาดพระเนตรหา ?ใคร? คนหนึ่งที่ผู้เป็นพ่ออย่างบารัคมาคุยเอาไว้จนพระองค์อยากทอดพระเนตรเห็นตัวจริง
?ก็พระองค์ทรงออกพระโอษฐ์ว่าจะไปเยี่ยมกระหม่อมที่บ้านยังไงล่ะ...แล้วเมื่อไหร่จะเสด็จไปเสียที...?
เมื่อถูกทวงรับสั่งก็ทรงอึ้งไปชั่วอึดพระทัย...
?คราวนี้แหละได้ไปแน่...แล้วท่านจะว่างวันไหนเล่า?
?งั้นพรุ่งนี้ดีไหมฝ่าบาท กระหม่อมจะเตรียมการรับเสด็จให้พร้อม...?
?ตกลง...พรุ่งนี้นะ บ่ายโมงหรือเที่ยงดี...จะได้ไปทานอาหารกลางวันด้วย?
?เที่ยงก็ดี กระหม่อมจะจัดโต๊ะเสวยไว้ต้อนรับกระหม่อม...?
?งั้นแยกกันก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้...?
แล้วเจ้าชายไอยมานก็พาพระวรกายสูงตรงของพระองค์หลบหลีกผู้คนห่างไปเรื่อยๆ จนถึงประตูด้านหลัง...แล้วทรงอาศัยความมืดหลบออกไปเงียบๆ
ทรงก้าวเดินไปตามอิฐสีชมพูที่ทำเป็นทางเดินไปสู่ตึกอีกตึกใกล้ๆ กันที่บุคคลภายนอกไม่มีทางจะรู้จักนอกจากจะเป็นพระญาติพระวงศ์และบุคคลภายในเท่านั้น...
ทรงเสด็จตรงเข้าไปในตึกนั้นที่ว่างเปล่า...ไม่มีใครเลย
ผิดกับตึกใหญ่ด้านหน้าที่ถูกจัดให้เป็นสถานที่จัดเลี้ยง...จนกระทั่งเสด็จไปถึงบันไดที่ปูด้วยพรมหนาตลอดทางที่ก้าวพระบาทขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว
ชั้นบนนั้นไม่มีใครเลย นอกจากองครักษ์รักษาการณ์ไม่กี่คน เป็นระยะๆ ไป...
เจ้าชายทรงเสด็จเลี้ยวซ้าย...เลี้ยวขวาไปตามลาดพระบาทจนถึงห้องห้องหนึ่งก็ทรงหยุด ทรงใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งเปิดบานพระทวารเข้าไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ต้องผ่านบานพระทวารไปอีกสองสามบานกว่าจะถึงห้องที่เป็นจุดหมายปลายทางที่มีใครต่อใครมารออยู่แล้ว...ครบองค์ประชุม
ทรงเสด็จเข้าไปยังเก้าอี้ของผู้เป็นประธาน ประทับลงชั่วไม่กี่นาทีการประชุมก็เริ่มขึ้น...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อบารัค ฮัสซันกลับมาถึงบ้าน แม่บ้านก็เข้ามาแจ้งให้ทราบว่ามีแขกมาพบ...
บ้านของเขาเป็นบ้านพ่อค้าใหญ่แห่งอัลมาลิก...กว้างขวางใหญ่โต...แสดงให้รู้ถึงฐานะอันร่ำรวยเป็นปึกแผ่นของครอบครัว
ขณะที่บารัคตรงไปยังห้องรับแขกใกล้ๆ กันนั้น...ร่างกลมกลึงของสาวน้อยสองคนก็วิ่งตามกันลงมาจากชั้นบน...
คนหนึ่งคือนาดาฟาติน อายุยี่สิบสอง...เป็นคนพี่...และไอชาเป็นน้องสาวอายุเพียงสิบขวบ ห่างกันรอบหนึ่งพอดี
ขณะนั้นนางนอม่า มารดาของทั้งคู่ก็ออกมาจากห้องอาหารด้านในพอดี
?มาเด็กๆ มากินข้าวกันลูก...?
?เราจะเข้าไปหาพ่อกันก่อนค่ะ เดี๋ยวออกมาพร้อมๆ กันนะคะ...?
นางนอม่าไม่ว่าอะไร...จึงหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องรับประทานอาหารอีกครั้ง
ขณะที่นาดาฟาตินและน้องสาวตรงเข้าไปในห้องรับแขก...หล่อนเห็นบิดากำลังพูดกับผู้มาเยือนที่หน้าตาไม่น่าไว้วางใจเลยสักคน
ทุกคนสวมเสื้อคลุมดำ...คลุมหน้าด้วยผ้าดำ...เปิดให้เห็นดวงตานิดเดียว ทำให้หญิงสาวและเด็กหญิงทั้งคู่รู้สึกหวาดหวั่นกับแขกของผู้เป็นบิดามาก
เวลานั้น...บารัคมองผู้คนทั้งหมดที่มารอรับคำตอบครั้งสุดท้ายจากเขา
?กลับไปบอกนายแกว่าฉันไม่เอาด้วย...แค่นี้แหละ...?
เขาบอกกับพวกมันทั้งสามคนขณะที่ลูกสาวทั้งสองเข้าไปยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วเดินนำไปยังประตู...
?นาดา...ไอชา...ตามพ่อมา...?
บารัคหันไปเรียกลูกให้เดินตามไป...แต่ลูกสาวทั้งคู่ไม่ทันได้ขยับตัว...เสียงปืนกลก็ดังขึ้นลั่นห้อง ดับชีวิตของบารัคลงไปกองอยู่กับพื้นทันที
ขณะที่ลูกสาวทั้งสองคนมัวยืนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก...คนที่ยิงพ่อของหล่อนก็วิ่งออกไปข้างนอก และยิงทุกคนที่ออกมาเห็น...
นางนอม่าวิ่งออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงปืน นางถูกยิงเป็นคนที่สอง
คนใช้ที่วิ่งออกมาอีกหลายคนถูกยิงตายเป็นแถว ส่วนมันที่เหลือจะตรงเข้ามาจับนาดาและน้องสาวปิดปากและลากเอาไปด้วย แต่หญิงสาวดิ้นรนสุดฤทธิ์ไม่ยอมมันง่ายๆ
หล่อนดิ้นจนหลุดมือแล้วอ้าปากงับมันเต็มแรง เป็นผลให้ไอ้หมอนั่นโกรธจัด ดึงปืนออกมาจากเอวทุบลงบนท้ายทอยหล่อนเต็มแรง ทำให้นาดาหมดสติไปทันที
ส่วนอีกคนก็หันไปทุบหัวไอชาจนสลบแล้วแบกออกจากบ้านไป
พวกมันหันมามองตากันบนรถ...ก่อนจะก้มลงมองหญิงสาวหน้าตาสวยงามจับตาที่หมดสติคนหนึ่งกับเด็กหญิงอีกคนหนึ่ง...
?กูจะเอามันไปขาย...ให้ทุกคนได้รู้ว่าใครที่ปฏิเสธนาย จะได้ผลลัพธ์ยังไง...?
พวกมันบอกกันแล้วยิ้มกริ่ม...มองเห็นเงินที่จะได้มาอย่างง่ายดายโดยไม่นึกถึงบาปกรรมที่จะตามมาแม้แต่น้อย
พวกมันพารถสีดำคันนั้นบุกเข้าไปในทะเลทรายไกลออกไปหลายสิบกิโลเมตรจนถึงกระโจมที่กางกันอยู่เป็นกลุ่ม
หน้ากระโจมมียามถือปืน แต่งตัวด้วยกางเกงยีนเก่าๆ และเสื้อเชิ้ตธรรมดาอยู่สองสามคน...
?ข้ามาพบ ซอกร...?
มันบอกแล้วลากร่างของหญิงสาวลงจากรถ...ตามด้วยเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้น...
ภายในเต็นท์มีแสงตะเกียงส่องสว่างไสวทำให้พอมองเห็นกันได้ถนัด
ซอกรนั่งอยู่บนพรมเก่าๆ มันเป็นคนผอมหน้าตาเต็มไปด้วยหนวดเครา จนไม่เห็นดวงหน้าเดิมว่าเป็นอย่างไร...
รอบดวงตาดำคล้ำเหมือนคนอดนอน...และดวงตาคู่นั้นเหมือนสัตว์มีปีกชนิดหนึ่ง สมชื่อเลยทีเดียว...แต่งตัวแบบชาวอาหรับโบราณสีตุ่นๆ คลุมศีรษะด้วยผ้าสีเดียวกันทับด้วยเสวียนสีดำธรรมดา
?เจ้าต้องการพบข้าเรื่องอะไร...?
?นี่ไง...?
โจรที่ลากหญิงสาวเข้ามาจับหล่อนให้เงยหน้าขึ้นเป็นคำตอบ...
ซอกรมองดูหญิงสาวหน้าตาสวยงาม...ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใยในเสื้อผ้าสะอาดทันสมัย แสดงให้รู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนอย่างแน่นอน...
ดวงตาเหมือนเหยี่ยวของมันกวาดไปทั่วเนื้อตัวของหล่อน...ซึ่งเวลานั้นนาดาฟาตินเริ่มรู้สึกตัวแล้ว และกะพริบตามองไปรอบตัวอย่างหวาดกลัวและหวาดหวั่น...
ก่อนจะมองไปยังซอกรที่จ้องนิ่งมาด้วยดวงตาที่อ่านไม่ออก...
?จะเอาเท่าไหร่...?
มันถามและกวาดตามองหล่อนไปทั่วร่างอีกครั้งอย่างพิจารณา
?แค่ร้อยเหรียญทองก็พอ...?
?ร้อยเหรียญทองสำหรับสาวบริสุทธิ์เท่านั้น...?
ซอกรตอบและมองพวกมันอย่างชั่งใจ
?มาดูสิ...เราเพิ่งลากหล่อนออกมาจากบ้าน?
มันคนหนึ่งตอบแล้วดึงขาของหญิงสาวยื่นไปข้างหน้า ให้มันเห็นเท้าสวยๆ ของหล่อนที่ยังขาวสะอาด ไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนอะไรเลย
?ดูเนื้อตัวของหล่อน...ลองสูดดมดูก็ได้ เพิ่งอาบน้ำลงมาเลยนะ...ได้กลิ่นสบู่หอมกรุ่นไปเลย...?
มันอวดสรรพคุณขณะที่ซอกรขยับตัวจากที่นั่งออกมาสำรวจหล่อนอย่างใกล้ชิด
มันมองดูดวงหน้าขาวสะอาดสวยงามกว่าผู้หญิงคนไหนที่มันเคยเห็นมาตลอดชีวิต...และก้มลงสูดดมกลิ่นจากเสื้อผ้าหล่อนตามที่ได้ยิน ก่อนจะค่อยๆ ยิ้ม...
?ให้ข้าพิสูจน์ก่อน...?
ซอกรยังไม่แน่ใจ?
?ถ้าไม่ให้...เราจะไปที่อื่น?
โจรอีกคนตอบแล้วจะลากหล่อนออกไป...แต่ซอกรยกมือขึ้นเสียก่อน
?เอาล่ะตกลง ข้าให้ร้อยเหรียญ...?
?ยังมีอีกคนในรถ...แต่เป็นเด็ก?
อีกคนเสนอ...
?เอาไปขายให้ฟัดวา...ใกล้ๆ นี่แล้วกัน ที่นี่ไม่เอาเด็ก...?
ซอกรตอบโดยไม่เปลี่ยนสายตาไปจากนาดาฟาตินเลยแม้แต่แวบเดียว...แล้วโยนถุงเงินให้ พวกมันจึงปล่อยหล่อนแล้วหันไปคว้าเงินเอามานับอย่างรวดเร็ว
พอครบก็พากันออกไปโดยไม่สนใจอะไรอีก...
เวลานั้น...นาดาฟาตินหัวใจเต้นแรงราวจะโดดออกมานอกอก...ห่วงน้องแทบขาดใจแต่ก็กลัวสัตว์มนุษย์ตรงหน้านี่มากกว่า...
สมองของหล่อนทำงานอย่างรวดเร็ว คิดว่าจะหลุดพ้นไปจากมืออันสกปรกของพวกมันได้อย่างไร...
ขณะที่ถอยหนีร่างของมันที่ขยับเข้ามาใกล้หล่อน...มองหล่อนเหมือนเสือมองเหยื่อ ดวงตาของนาดาฟาตินก็ไปกระทบเข้ากับด้ามมีดที่เอวของมันพอดี...
หล่อนไม่มีอะไรเลยที่จะใช้ช่วยตัวเอง...มองเห็นแต่อาวุธของมันและมือของตัวเองที่ถูกผูกเอาไว้ด้วยเชือกปอธรรมดา
แล้วหล่อนก็เห็นเล็บมือของตัวเอง...เล็บบางใสแต่ยาวและคม
นาดาจ้องมองเล็บมือเหมือนเห็นอาวุธของตัวเอง...แต่จะจัดการอะไรกับพ่อค้าทาสใจร้ายนี้ได้ด้วยเล็บมือเล่า...
หล่อนเหลือบมองมันที่เข้ามาใกล้ มองหาจุดอ่อนที่สุดขณะที่มันจรดจมูกสูดดมไปตามร่างกายของหล่อนอย่างถูกใจ...เพราะนานๆ จะได้ผู้หญิงที่มีกลิ่นสะอาดทั้งตัวมาให้ดมเสียที...



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กองกำลัง รีมซีร่า ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อกลุ่มกบฏที่ต้องการล้มล้างราชบัลลังก์เริ่มเคลื่อนไหว
ทำให้ เจ้าชายไอยมาน ต้องปลอมพระองค์ออกร่อนเร่ในทะเลทรายเพื่อสืบข่าว
กระทั่งได้พบกับเจ้าของดวงหน้างดงามและนวลเนื้อนุ่มนิ่มภายใต้แสงจันทร์กระจ่างแห่งราตรีกาลที่เงียบสงัด
นาดาฟาติน ยอมทำสัญญากับพระองค์ทั้งที่ไม่รู้ฐานันดรศักดิ์จริงแท้ของชายหนุ่มตรงหน้า
เพื่อให้เขาช่วยตามหาน้องสาวที่ถูกขายไปเป็นทาสเช่นเดียวกัน
ซึ่งทุกคราวที่มีข่าวของน้องสาวเข้ามา เธอจะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยจุมพิตหวาน
จนร่างบอบบางในอ้อมแขนแกร่งอันอบอุ่นถูกหลอมแทบละลาย
แล้วปล่อยให้เขาพาเธอล่องลอยไปกับรสรักอันอ่อนหวานที่บรรจงป้อนให้เสียทุกคราว


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”