New Release ร้อยรัก : ปล้นรักนางฟ้า

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release ร้อยรัก : ปล้นรักนางฟ้า

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ
กรุงแบกแดด ประเทศอิรัก
บึ้มมม?บึ้มมม
ท่ามกลางอุณหภูมิอันร้อนระอุของทะเลทราย เสียงระเบิดและเสียงปืนดังกึกก้องไปทั่ว การโจมตีจากทหารของประเทศมหาอำนาจที่ต้องการปิดบัญชีผู้นำอิรัก ยังคงเกิดขึ้นทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน ร่องรอยของการต่อสู้เหลือเพียงซากปรักหักพัง ซากศพและความเจ็บปวดของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต่างฝ่ายต่างสูญเสียจนประเมินค่าไม่ได้ แต่กระนั้นการสู้รบยังคงดำเนินต่อไปไม่หยุดเพื่อชัยชนะ
ทหารหลายคนถูกเกณฑ์เข้าไปต่อสู้ในอิรักและหนึ่งในนั้นก็คือ พันตรีอะเดล เมอร์แกน นายทหารหนุ่มวัยสามสิบห้า ทายาทมหาเศรษฐีด้านสื่อไอทีที่ใหญ่ที่สุดในเพนซิลเวเนีย แต่ผันตัวเองมารับใช้ชาติเพราะคำขอของคนเป็นปู่อย่างนายพลอัลแบร์โต้ เมอร์แกน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา
?วันนี้ดูเงียบผิดปกติไปหรือเปล่าครับผู้พัน? นายทหารยศจ่าสิบเอกคนหนึ่งเอ่ยถาม ขณะเดินลาดตระเวนไปเรื่อยๆ
ใบหน้าคมเข้มของพันตรีอะเดลมองรอบกายเพื่อหาความผิดปกติ ด้วยตัวเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
?บางครั้งความเงียบก็ทำให้เราเห็นอะไรชัดขึ้นนะจ่า? อะเดลบอกพลางยกมือตบบ่าลูกน้อง ก่อนจะเดินแซงหน้าไป นายทหารอีกหกคนก็สอดส่ายปลายปืนและเดินย้ำบนพื้นทรายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงโอเอซิสขนาดกลางที่มีต้นปาล์มและต้นตะบองเพชรขึ้นอยู่รอบๆ โขดหินรูปร่างต่างๆ วางเรียงรายสลับซับซ้อนอย่างไม่เป็นระเบียบ สัญชาตญาณของนักล่าทำให้ผู้พันหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นเสมอไหล่ นายทหารทั้งหกช่วยกันมองหาความผิดปกติ
ดวงตาคมกริบภายใต้แว่นกันแดดของอะเดลมองโขดหินที่อยู่รอบบริเวณ ลางสังหรณ์บางอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อสายตามองเห็นเงาปลายปืนโผล่ออกมา
?ทุกคนระวัง? สิ้นเสียงผู้บังคับบัญชา นายทหารอีกหกคนก็กราดยิงอย่างไร้ทิศทาง จากนั้นก็กระจายกันหาที่หลบ ฝ่ายซุ่มโจมตีก็ยิงตอบโต้กลับมาด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกัน
ปังๆๆๆๆๆๆ
ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด อะเดลมองฝ่ายตรงข้ามอย่างประเมินสถานการณ์ มือหนายกขึ้นให้สัญญาณ นายทหารแยกออกเป็นสองทางเพื่อตลบหลังฝ่ายตรงข้าม ทุกคนเคลื่อนไหวเงียบกริบและรวดเร็วสมกับเป็นหน่วยอินทรีทะเลทราย แต่ยิ่งสู้พวกมันก็ยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทหารแค่เจ็ดคนหรือจะไปสู้กับไอ้โม่งเกือบยี่สิบคนได้
?อ๊ากกก?? นายทหารคนหนึ่งถูกยิงเข้าที่ขา เพื่อนทหารสองคนช่วยกันลากมาหลบให้พ้นวิถีกระสุน
อะเดลหันไปมองอาการของลูกน้องอย่างกังวล
?เป็นไงบ้างโจ?
?ไกลหัวใจผู้พัน? แม้จะเจ็บแต่นายทหารก็ยังคงเข้มแข็ง
?เอาไงดีครับผู้พัน ขืนแลกกับพวกมันแบบนี้กระสุนเราหมดแน่?
อะเดลเช็คกระสุนที่เหลือของตัวเองอย่างรวดเร็ว
?เหลือยี่สิบ พวกเราก็คงเหลือไม่มากไปกว่านี้นายสามคนอ้อมไปด้านโน้น ฉันจะไปแลกกับมันด้านหน้า ถ้ามีโอกาสให้กลับไปที่ฐานทันที? อะเดลสั่งเสียงเครียด
?แล้วผู้พันล่ะครับ? ลูกน้องคนหนึ่งถามพลางหันกลับไปช่วยยิง
?ไม่ต้องห่วงฉัน รีบหนีไปแล้วค่อยกลับมาคิดบัญชีพวกมันทีหลัง รีบพาโจกลับไปที่ฐาน ฉันจะยิงสกัดไว้ให้เร็วเข้า?
?ไม่?เราจะไม่ทิ้งกันไปไหนผู้พัน ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกัน? นายทหารทุกคนต่างมองผู้บังคับบัญชาด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว
?ชีวิตพวกนายสำคัญกับลูกเมียที่รออยู่ข้างหลัง แต่ฉันไม่มีใครต้องห่วง รีบกลับไปที่ฐานนี่เป็นคำสั่ง? อะเดลตะคอกจังหวะนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ยิงเข้าใส่ ร่างสูงก้มหลบและยิงสวนกลับไป พอได้จังหวะก็หันไปมองลูกน้อง ?รีบไป?? เสียงเข้มดังขึ้นอีกครั้ง นายทหารทั้งหกมองผู้บังคับบัญชาอย่างซึ้งใจ
?เราจะได้พบกันอีกใช่ไหมครับผู้พัน? โจถามใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ
?แน่นอนทหาร เราต้องได้เจอกันอีกแน่นอน รีบไป??
ทุกคนมองผู้พันหนุ่มเป็นจุดเดียวเพื่อบอกลา แล้วพากันถอยหลังกลับไป อะเดลเป่าลมหายใจออกจากปากหันกลับไปยิงต่อสู้อย่างดุเดือด แล้วนาทีวิกฤตของอะเดลก็มาถึงเมื่อชายหนุ่มไม่มีกระสุนเหลือแม้แต่นัดเดียว ครั้นเสียงปืนเงียบลงเสียงของฝ่ายตรงข้ามก็ดังขึ้นมา
?ยอมไปกับเราดีกว่าผู้พันอะเดล? อะเดลมองหาต้นเสียงแต่ก็ไม่เห็นใคร ร่างสูงเคลื่อนไปด้านหลังเพื่อซุ่มโจมตีแบบกองโจร มีดพกที่เหน็บอยู่บนเอวเป็นอาวุธชิ้นเดียวที่เขามี คมมีดกรีดลึกลงบนลำคอศัตรูสามสี่คนติดๆ กันเลือดสีแดงฉานอาบทั่วพื้นทราย แต่สุดท้ายร่างสูงก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีวัตถุบางอย่างจ่อมาที่แผ่นหลัง
?ฝีมือไม่เลวนี่ผู้พัน? เสียงชมกึ่งเย้ยหยันของชายร่างยักษ์ที่ปกปิดใบหน้าจนมิด ทำให้อะเดลชำเลืองมองไปข้างๆ ?วางอาวุธแล้วไปกับเรา?
?ทำตัวเยี่ยงโจร? อะเดลกดเสียงต่ำมือกำเข้าหากันแน่น อีกฝ่ายหัวเราะลั่น ก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม ดวงตาสีอำพันสบนัยน์ตาสีน้ำเงินนิ่งนาน
?ประเทศคุณต่างหากที่เป็นโจรในคราบผู้ดี ย่ำยีประเทศเล็กอย่างเราเพราะต้องการครอบครองโลกทั้งใบ? น้ำเสียงของคนพูดบ่งบอกถึงแรงกดดันที่ซ่อนอยู่ในใจ
?ไม่สหาย ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมัน? อะเดลเถียงถ่วงเวลาเพื่อหาทางรอด
?เหตุผลเพียงเพราะต้องการน้ำมันน่ะสิ อย่าคิดว่าใหญ่แล้วจะทำได้ทุกอย่าง เราจะต่อต้านทุกวิถีทางตามแบบของเรา? ชายชุดดำตอบด้วยแววตามุ่งมั่น อะเดลกวาดสายตามองคนชุดดำที่เดินออกมาจากที่ซ่อน
?ผู้คนล้มตายหมดก่อนหรือไงถึงจะหยุด? อะเดลตวัดสายตาไปมอง การสูญเสียลูกน้องและชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายพันชีวิตทำให้อะเดลขยาดกับสงครามไปแล้วตอนนี้
?เราไม่ใช่คนเริ่มแต่จะเป็นคนจบมันเองพันตรี? พูดจบมันก็หัวเราะอย่างสะใจ แววตาเย็นชาจ้องมองมา อะเดลก็จ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว แม้กระสุนจากปลายกระบอกปืนจะวิ่งเข้าร่างเมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ หากต้องตายเขาก็ขอตายอย่างมีศักดิ์ศรี คิดมาถึงตรงนี้อะเดลก็อาศัยความเร็วพลิกกายไปจับปลายกระบอกปืนที่จ่ออยู่ด้านหลัง แล้วใช้เจ้าของปืนเป็นโล่กำบัง ก่อนจะกราดยิงใส่ไม่ยั้ง
ปังๆๆๆๆๆ?กระสุนทุกนัดเจาะเข้าร่างฝ่ายตรงข้ามล้มตายไป แต่กระสุนจากปืนอีกนับสิบกระบอกก็ยิงไปที่ร่างของอะเดลจนพรุนเช่นกัน ไม่มีเสียงร้องขอชีวิต ไม่มีเสียงของความเจ็บปวดหลุดออกมาจากริมฝีปากได้รูปของผู้พันหนุ่ม ร่างกำยำชุ่มไปด้วยเลือดแต่ยังคงยืนหยัดอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ลมหายใจรวยรินลงทุกขณะ ดวงตาคมกริบพร่าเบลอมองชายชุดดำที่ยืนเรียงรายอยู่รอบตัว แล้วทุกอย่างก็มืดดับลงพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของพันตรีหนุ่มที่หลุดลอยออกจากร่าง
ร่างสูงทรุดตัวลงช้าๆ ก่อนจะคว่ำหน้ากับพื้นทรายอันร้อนระอุ สายตาทุกคู่มองความตายของศัตรูด้วยแววตาเรียบเฉย เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นกลุ่มคนชุดดำก็เดินห่างออกไป ไม่นานพวกมันคนหนึ่งก็โยนระเบิดลูกเล็กข้ามศีรษะมากระทบพื้นทรายใกล้ๆ กับร่างของอะเดล
บึ้มมม?
เสียงระเบิดดังกึกก้อง ทำให้นายทหารหน่วยลาดตระเวนตกใจหันกลับไปมองดวงไฟที่ลุกโชนขึ้นแข่งกับแสงร้อนของดวงตะวันใบหน้าของทุกคนเคร่งเครียดแล้วจึงพร้อมใจกันทำความเคารพให้กับผู้บังคับบัญชา บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่?สงครามไม่เคยก่อผลดีให้ใคร นอกจากทำลายทุกอย่างให้ย่อยยับ หากผู้นำยังกระหายในอำนาจการต่อสู้ก็ไม่มีวันสิ้นสุดลง?นั่นคือสิ่งที่ทุกคนรู้ซึ้งมาตลอด
***
แฮร์รัสเบิร์ก เมืองหลวงของเพนซิลเวเนียสหรัฐอเมริกา

บรรยากาศหน้าหลุมฝังศพทายาทของเจ้าพ่อไอทีคนสำคัญของเพนซิลเวเนีย คาคั่งไปด้วยนักธุรกิจในวงการไอทีมากหน้าหลายตา นายพลอัลแบร์โต้ยืนอยู่หน้าหลุมศพของหลานชายด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ด้านข้างมีนายวิลเลี่ยมเจ้าของไอดีเอ็ม ซอฟแวร์ บิดาของอะเดลยืนอยู่ข้างๆ
?หลับให้สบายนะอะเดล คุณงามความดีที่หลานทำเพื่อประเทศชาติ ชาวอเมริกันทุกคนจะจดจำหลานไว้ในใจ หลานคือวีรบุรุษของทุกคน? นายพลชราเอ่ยต่อหน้าศพหลานชายเสียงเครือ
นายวิลเลี่ยมกัดกรามแน่นอย่างสุดระทม การสูญเสียทายาทคนเดียวไปทำให้คนเป็นพ่อหมดกำลังใจแต่ที่ยืนอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพื่อคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วต่อไปคนแก่ทั้งสองจะฝากผีฝากไข้กับใครกัน?
?พ่อรักลูกอะเดล ถ้าลูกได้เจอแม่บนสวรรค์ บอกแม่ด้วยว่าพ่อขอโทษที่ดูแลลูกได้ไม่ดีอย่างที่สัญญาไว้?
นายพลอัลแบร์โต้ยกมือบีบไหล่ของบุตรชายก่อนจะถอยห่างจากหลุมฝังศพเพื่อให้คนอื่นๆ ได้เข้าไปแสดงความอาลัยครั้งสุดท้ายก่อนที่หลานชายสุดที่รักจะอยู่ในอ้อมกอดของแม่ธรณีชั่วนิจนิรันดร์
?เสียใจด้วยนะครับคุณวิลเลี่ยม? แมทธิว ซัน ประธานบริหารซันเซิร์ฟเวอร์กรุ๊ป นักธุรกิจหนุ่มสายเลือดไทย-อเมริกันและวีด้า ซันน้องสาว เดินเข้าไปหาและแสดงความเสียใจกับนายวิลเลี่ยมในฐานะคนคุ้นเคย
?ขอบใจนะหลานชาย เสียดายที่อะเดลไม่ได้สืบทอดงานต่อ หลานชายเลยไม่ได้รู้จักกับลูกชายฉัน? นายวิลเลี่ยมเอ่ย ก่อนจะเบนสายตาไปที่ร่างโปร่งระหงในชุดดำที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน
?วีด้า ซัน น้องสาวผมเองครับ เพิ่งมาช่วยงานที่บริษัทไม่นาน? แมทธิวแนะนำน้องสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพ วีด้ายื่นมือไปรอจับด้านหน้า
?เสียใจด้วยนะคะ? เธอยิ้มให้กำลังใจ
นายพลอัลแบร์โต้มองหญิงสาวพลางยื่นมือไปจับและเขย่าเบาๆ
?น่าเสียดายที่อะเดลไม่มีโอกาสได้เห็นแม่หนู?
วีด้าเอียงหน้ามองนายพลชราอย่างสงสัย แต่เธอไม่มีโอกาสได้ถามเพราะมีเสียงใครอีกคนแทรกขึ้นมาก่อน
?ขอแสดงความเสียใจกับท่านและคุณวิลเลี่ยมด้วยใจจริงครับ?
สายตาทุกคนหันมามอง คนมาใหม่ก็ก้มศีรษะและยิ้มทักทาย ?ผมจาคอบ ลินคอร์น เจ้าของบริษัทไวโอไมโครซอฟต์ครับ? จาคอบแนะนำตัวเองเสร็จก็มองสบตาวีด้าจนคนถูกมองแก้มแดงระเรื่อ
?ไวโอไมโครซอฟต์เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อสองเดือนก่อน ยินดีด้วยนะหลานชาย? นายวิลเลี่ยมเอ่ยอย่างจริงใจ จาคอบยิ้มรับและหันไปทักทายแมทธิว
?สวัสดีครับคุณแมทธิว ดีใจที่ได้เจอตัวจริงเจ้าพ่อไอทีของวอชิงตัน? จาคอบยื่นมือไปรอข้างหน้า แมทธิวจำต้องยื่นมือไปจับอย่างเลี่ยงไม่ได้
?แล้วสาวสวยคนนี้เป็นใครครับ?
วีด้าสบนัยน์ตาสีเขียวของจาคอบ แล้วจึงยื่นมือไปเพื่อจะสัมผัสมือกับชายหนุ่มแต่มือใหญ่ของพี่ชายยึดไว้
?วีด้าน้องสาวผมเอง? แมทธิวแนะนำสั้นๆ
จาคอบยิ้มกับอาการหวงน้องสาวของแมทธิว แววตาหวานมองดวงหน้าคมสวยรูปใบโพธิ์อย่างสนใจ
เมื่อแต่ละฝ่ายทำความรู้จักกันพอสมควร พิธีฝังศพก็ได้เริ่มขึ้น นายพลอัลแบร์โต้และวิลเลี่ยมเดินไปยืนด้านหน้าเพื่อส่งร่างของพันตรีอะเดลลงสู่อ้อมกอดของแม่ธรณี บาทหลวงยืนสวดอยู่เบื้องหน้าจนกระทั่งร่างของอะเดลลงสู่เบื้องล่างชั่วนิรันดร์
พิธีการต่างๆ เสร็จสิ้น แขกเริ่มทยอยกลับทำให้บรรยากาศภายในสุสานเงียบกริบ นายพลอัลแบร์โต้ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วเดินไปขึ้นรถพร้อมกับบุตรชาย แต่ก่อนไปสายตาก็หันกลับไปมองหลุมฝังศพของหลานชายสุดที่รักอีกครั้งเพื่ออำลา
?หลับให้สบายนะอะเดล ปู่รักเจ้าที่สุด ขอบใจที่ทำเพื่อคนแก่ใกล้ตายอย่างปู่ให้ได้ภาคภูมิใจกับอาชีพทหาร? นายพลชราเอ่ยพร้อมกับน้ำตาที่ซึมออกมา วิลเลี่ยมประคองบิดาเข้าไปนั่งในรถ
ขบวนรถเคลื่อนไปตามถนนแคบๆ ภายในสุสานนายพลชรามองออกไปนอกตัวรถ และหยุดที่คนดูแลสุสานซึ่งยืนกวาดใบไม้อยู่ข้างทาง ใบหน้าที่ปกคลุมด้วยหนวดเครากว่าครึ่ง เงยขึ้นมองรถที่กำลังวิ่งผ่านไป นายพลอัลแบร์โต้หัวใจกระตุกวูบก่อนจะมองผ่านไป
เมื่อสุสานไร้ผู้คน คนดูแลที่กวาดเศษใบไม้ใบหญ้าอยู่ก็หยุดทำงาน ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปที่หลุมฝังศพของอะเดล เมอร์แกนในมือถือดอกกุหลาบสีขาว เขานำไปวางบนแท่นหินอ่อน ดวงตาคมกริบมองภาพชายหนุ่มหน้าตาคมสันในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศที่ติดอยู่บนแผ่นหินอ่อนสีเงินด้วยแววตาสงบ
?ชีวิตคนเราก็แค่นี้ เกิดแก่เจ็บตาย ใครก็หนีไม่พ้น แต่ความดีต่างหากที่ยังคงอยู่บนโลกใบนี้แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการผู้พันอะเดล? พูดจบหมวกปีกกว้างที่ช่วยปกปิดใบหน้ารุงรังก็ถูกดึงออกจากศีรษะ ร่างสูงใหญ่ก้มคำนับหลุมฝังศพแล้วเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งแสงสุดท้ายของวันและความวังเวงเงียบสงบไว้เบื้องหลัง
***
กรุงวอชิงตันดีชี สหรัฐอเมริกา

เช้าของวันทำงาน รถสปอร์ตรุ่นพิเศษแลมโบกินี่สีดำวิ่งไปตามถนนสายธุรกิจของวอชิงตัน ผู้คนที่เดินอยู่สองข้างทางต่างหันมองรถคันหรูอย่างสนใจแมทธิว ซันขับรถไปด้วยความเร็วปกติจนกระทั่งถึงสี่แยก สัญญาณไฟสีเขียวก็เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ชายหนุ่มลดความเร็วก่อนจะไปหยุดต่อท้ายรถคันหน้า ขณะที่แมทธิวนั่งรอสัญญาณไฟอย่างใจเย็น กระจกรถคันข้างๆ ก็เปิดออก ชายหนุ่มหันไปหันแล้วต้องตกใจ เมื่อชายชุดดำมีฮู้ดอำพรางใบหน้าเล็งปลายปืนเก็บเสียงมาหา จากนั้นคมกระสุนก็วิ่งมากระแทกกระจกหลายสิบนัดติดๆ กันแต่เจาะผ่านกระจกกันกระสุนไม่ได้ จังหวะนั้นไฟก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวรถคันหน้าจึงเคลื่อนตัวออกไป แมทธิวอาศัยประสิทธิภาพของรถเบียดแซงรถคันหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่มาดหมายเอาชีวิตขับตามไม่ทัน
เอี๊ยดดด?
ล้อรถบดเบียดพื้นถนนเสียงดังสนั่น รถหลายคันต้องเบรกกะทันหัน บางคันเฉี่ยวชนกันบนท้องถนนวุ่นวาย รถคนร้ายเร่งความเร็วตามไป แมทธิวเหยียบคันเร่งจนมิดโดยไม่สนใจป้ายบอกความเร็วที่ติดอยู่สองข้างทาง เมื่อรถวิ่งมาถึงทางแยกรถบรรทุกสองคันก็วิ่งมาขวางอย่างจงใจ ทำให้รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสามร้อยห้าสิบห้ากิโลเมตรต่อชั่วโมงเบรกกะทันหัน
เอี๊ยดดด?
รถสปอร์ตคันหรูหมุนเป็นลูกข่างอยู่กลางถนนนานหลายนาที ก่อนจะพลิกคว่ำหลายตลบ ถุงลมนิรภัยพองตัวออกมาโอบร่างคนขับไว้ แมทธิวพยายามตั้งสติแต่ก็มองไม่เห็นด้านนอก รู้แค่ว่ารถยังคงพลิกเร็วจนนับรอบไม่ทันก่อนจะหยุดข้างไหล่ทาง จังหวะนั้นรถคนร้ายที่หมายเอาชีวิตก็วิ่งตามมาทัน พร้อมกับเสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณ
แมทธิวใช้เท้ากระแทกเศษกระจกประตูแตกออก ตากวาดมองเหตุการณ์ด้านนอกเมื่อไม่เห็นใครร่างสูงจึงคลานออกมานอกตัวรถ มือข้างหนึ่งยกขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลออกมาทางหางตา สายตามองหาเจ้าของกระสุนปริศนาที่ยิงต่อสู้กับคนร้าย คนร้ายเห็นชายหนุ่มยังมีชีวิตอยู่ก็ยิงเข้าใส่
ปุๆๆๆๆๆ?
แมทธิวพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว คมกระสุนเจาะเข้าถังน้ำมันไหลออกมา ชายหนุ่มรีบพุ่งตัวกระโดดออกห่างจากตัวรถ เพียงเสี้ยววินาทีเสียงระเบิดก็ดังกึกก้องขึ้นคนร้ายเหยียดยิ้มมองไฟลุกท่วมรถคันหรูอย่างสะใจ
บึ้มมม?.
?อ๊ากกก?? แมทธิวร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อร่างกระแทกกับพื้นแข็ง แต่กระนั้นชายหนุ่มก็กระเสือกกระสนวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ เจ้าของคมกระสุนที่เสี่ยงตายมาช่วยหันไปมองแล้ววิ่งไปหา แมทธิวสบนัยน์ตาสีน้ำเงินที่โผล่ออกมาจากเสื้อมีฮู้ดสีดำอย่างระวังตัว
?ต้องการอะไร? แมทธิวถามพลางขยับตัวเมื่อปืนของคนตรงหน้าเล็งมาที่ตน ริมฝีปากหยักได้รูปยิ้มน้อยๆ แมทธิวจ้องรูมัจจุราชสีดำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
?ปกป้องชีวิตนาย? เสียงหนักแน่นและมั่นคงดังขึ้นพร้อมกับกระสุนที่วิ่งเฉียดใบหูของแมทธิวไปด้านหลัง ตามด้วยเสียงร้องเพราะความเจ็บปวดที่ดังขึ้น
?อ๊ากกก??
แมทธิวเอี้ยวตัวไปมอง กระสุนปืนจากคนร้ายจึงกราดยิงเข้าใส่ คนปริศนากระชากมือของแมทธิวเต็มแรงเพื่อให้พ้นจากคมกระสุน จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เปิดฉากยิงกันอย่างดุเดือด
?มีปืนเหลือไหม ฉันจะช่วยนายยิง? แมทธิวถามพลางหอบหายใจแรงรัว เลือดที่หางคิ้วซ้ายไหลออกมาผสมกับเหงื่อเม็ดโต
ริมฝีปากได้รูปของคนปริศนากระตุกยิ้มมือบรรจุกระสุนเต็มรังเพลิงคนที่หมายเอาชีวิตรุกคืบเข้ามาใกล้ ปืนในมือคนปริศนาเล็งไปที่ศีรษะคนร้าย ก่อนจะเหนี่ยวไกยิงเข้าจุดตายอย่างแม่นยำ พวกมันที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
?รอที่นี่ เดี๋ยวผมมา? แมทธิวมองคนสั่งแล้วพยักหน้าช้าๆ พลางหอบหายใจแรงๆ ร่างบึกบึนวิ่งอ้อมไปอีกทางเพื่อตลบหลังฝ่ายตรงข้าม คนร้ายสนใจเพียงเป้าหมายจนลืมระวังภัยที่อยู่ด้านหลัง
คนปริศนายิงมันคนหนึ่งล้มลง คนที่เหลือตวัดปลายปืนกลับมาแต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อคมกระสุนจากปืนของคนปริศนาเจาะเข้าที่หน้าผากของมันแต่ละคนอย่างแม่นยำ
?อ๊ากกก??
คนสุดท้ายมีโอกาสร้องเพียงเท่านั้นวิญญาณก็หลุดลอยออกจากร่าง เมื่อคนปริศนามั่นใจว่าเก็บกวาดชีวิตคนร้ายหมดจึงแตะสองนิ้วที่ใบหู
?เคลียร์?แต่เป้าหมายบาดเจ็บ ขอรถพยาบาลด้วย? คนปริศนากรอกเสียงไปตามสายเพื่อรายงานสถานการณ์
?ขอบใจเหยี่ยวยมทูต เราจะส่งรถพยาบาลไปเดี๋ยวนี้?
เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น เจ้าของฉายาเหยี่ยวยมทูตก็เตรียมจะผละไป แต่เสียงห้วนที่ดังอยู่ด้านหลังบังคับให้เท้าที่กำลังจะก้าวชะงักแต่ไม่ยอมหันกลับไปมอง
?หยุดอยู่ตรงนั้น? ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของเสียงเล็งปืนมาที่ศีรษะตน ?ยกมือขึ้น?ช้าๆ?? คนสั่งเดินเข้ามาใกล้ ทำให้พระเอกที่มาช่วยตกเป็นจำเลยไปโดยปริยาย
?ถ้าตอบแทนด้วยการเอาชีวิตกันก็ยิงมาได้เลยคุณแมทธิว? เหยี่ยวยมทูตบอกพลางชำเลืองด้านข้างอย่างระวังตัว
?ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใครหรือสังกัดหน่วยงานไหน แต่ก็ขอบใจที่เสี่ยงภัยมาช่วยบุญคุณยังไงก็ต้องทดแทนแต่ต้องรู้ชื่อเสียงเรียงนามกันก่อน?
?คุณไม่จำเป็นต้องรู้ แต่สิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้ก็คือหาบอดี้การ์ดคุ้มกัน?
?ผมไม่ชอบให้คนตามกันเป็นพรวน เพราะชีวิตเหมือนขาดอิสระ? แมทธิวบอกน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะยกปลายปืนจ่อที่แผ่นหลังหนาเหยี่ยวยมทูตสะดุ้งมือทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอไหล่
?นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำเร่งด่วนเพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง หรือบางทีอาจจะรวมไปถึงน้องสาวคนสวยของคุณด้วย?
แมทธิวถึงกับเงียบงัน แม้จะรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรข้ามชาติกลุ่มหนึ่ง แต่เขาไม่คิดจะมีบอดี้การ์ดส่วนตัวเพราะสามารถเอาตัวรอดได้ แต่น้องสาวสุดที่รักก็ถูกหมายหัวด้วยนี่สิคือสิ่งที่ต้องคิดหนัก
?คุณรู้ว่ามีคนลอบสังหารผมคุณก็ต้องรู้สิว่าพวกมันเป็นใคร?
?ผมไม่ทราบแค่มาตามหน้าที่? เหยี่ยวยมทูตบอก ขณะที่เสียงหวอของรถตำรวจและรถพยาบาลดังแว่วมาแต่ไกล
?ผมไม่ชอบมีคนติดตาม อีกอย่างบอดี้การ์ดที่ไว้ใจได้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ?
?เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้เขาจะเดินไปสมัครเป็นบอดี้การ์ดด้วยตัวเอง ผมรับรองว่าคนนี้สามารถปกป้องและตายแทนคุณได้?
เหยี่ยวยมทูตตอบคำถามแล้วหันมาเผชิญหน้าช้าๆ สายตาสองคู่มองกันอย่างประเมิน
?คุณทำงานให้องค์กรไหน ทำไมต้องออกโรงมาปกป้องผม?
?ประธานบริหารของซันกรุ๊ปคือบุคลากรที่มีอิทธิพลด้านระบบการสื่อสารที่สำคัญ องค์กรของเราจึงต้องกางปีกปกป้องเพื่อไม่ให้เสียคนมีฝีมือไป เหตุผลแค่นี้พอฟังขึ้นไหม?
?รัฐบาลกลัวทางเราใช้ดาวเทียมเจาะข้อมูลเชิงลึกมากกว่าล่ะมั้ง? แมทธิวบอกเสียงเย้ยหยัน เพราะสายข่าววงในเขาก็พอรู้มาบ้าง
?เพราะคุณเป็นเจ้าของบทความเรื่องสงครามไซเบอร์เมื่อสองวันก่อน?
แมทธิวขมวดคิ้ว ก่อนจะนึกออกว่าเคยให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่งเกี่ยวกับการทำสงครามยุคใหม่
?พวกเขากลัวผมทำอย่างที่พูด เลยส่งคนในเงามืดอย่างคุณมาใช่ไหม?
?เหยี่ยวยมทูตอย่างผมมาเพื่อปกป้อง แต่พวกมันมาเพื่อทำร้าย? เหยี่ยวยมทูตชำเลืองมองศพคนร้ายที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ?พวกมันต้องการฆ่าทุกคนที่มีความสำคัญในการสื่อสาร เพื่อเข้ามาแทนที่?
แมทธิวหน้าเครียดมือกำปืนแน่น ?ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลสินะ?
เหยี่ยวยมทูตไหวไหล่แล้วมองเลยบ่าของแมทธิวไปด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยทักทายออกไปเพื่อดึงความสนใจของคนตรงหน้า
?สวัสดีครับคุณตำรวจ? แมทธิวหลงกลเอี้ยวตัวไปด้านหลัง เหยี่ยวยมทูตอาศัยจังหวะนั้นผลักร่างของแมทธิวจนตัวงอแต่พอยืดตัวตรงคนที่มาช่วยก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ดวงตาคมรีสีเขียวมรกตกวาดสายตามองหาพอดีกับที่ตำรวจนายหนึ่งวิ่งเข้ามาประคอง
?เป็นไงบ้างครับคุณแมทธิว? เจ้าของชื่อมองหน้านายตำรวจหนุ่ม แล้วยื่นมือไปจับทักทาย
?เจ็บนิดหน่อยครับ ขอบคุณคุณตำรวจที่มาช่วยทันเวลา?
?อย่าบอกนะว่าคุณจัดการคนร้ายพวกนี้คนเดียว?
แมทธิวมองศพที่ถูกลำเลียงขึ้นรถด้วยแววตาเคร่งขรึม
?อาจจะเป็นวันตายของมันแต่เป็นวันรอดของผมก็ได้นะคุณตำรวจ? แมทธิวตอบเลี่ยงๆ เพราะไม่แน่ใจว่าคนที่มาช่วยเป็นใครมาจากไหน ถ้าพรุ่งนี้มีคนมายื่นใบสมัครเป็นบอดี้การ์ดจริงๆ เขาก็คงจะรู้อะไรเพิ่มเติมบ้าง
เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมให้ปากคำใดๆ พยาบาลจึงพาชายหนุ่มไปขึ้นรถ จากนั้นรถก็เคลื่อนจากไป ทิ้งเงื่อนงำของการลอบสังหารไว้ข้างหลัง
***
เสียงส้นรองเท้ากระแทกพื้นถี่รัวที่บ่งบอกถึงความเร่งรีบของวีด้า ซันดึงดวงตาคมกริบภายใต้แว่นกันแดดหนาของแม็กซ์ คาร์เตอร์ให้หันไปมองดวงหน้ารูปใบโพธิ์ด้วยแววตานิ่งลึก แต่คนถูกมองมัวแต่เดินแกมวิ่งเพื่อให้ทันก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด จึงไม่เห็นคนอื่นยืนอยู่ข้างประตูลิฟต์จนกระทั่งเสียงทุ้มถามขึ้น
?ชั้นไหนครับคุณผู้หญิง?
วีด้าเพิ่งรู้ว่าไม่ได้อยู่ในลิฟต์ตามลำพัง เธอจึงขยับออกห่างก่อนจะเงยขึ้นไปมองคนถามอย่างระวังตัวดวงตาภายใต้แว่นกันแดดหนากับริมฝีปากได้รูปที่ล้อมรอบไปด้วยหนวดเครารกรุกรังคลี่ยิ้มทักทาย
?ชั้นยี่สิบค่ะ? วีด้าตอบคำถามเสียงห้วน
ปลายนิ้วแกร่งกดชั้นที่เธอต้องการ แต่ลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปถึงชั้นสิบห้าก็หยุดกึก ไม่นานไฟสีแดงก็กะพริบขึ้นแสดงให้รู้ว่าลิฟต์ค้าง
?บ้าจริง คนกำลังรีบอยู่เชียว? ความห่วงใยที่มีต่อพี่ชาย ทำให้ใบหน้าคมสวยตึงขึ้นอย่างหงุดหงิด
แม็กซ์ คาร์เตอร์มองสันจมูกรั้นเชิดขึ้นพร้อมกับแอบชมเธอในใจ?ผู้หญิงอะไรวะอยู่ในอารมณ์ไหนก็สวย
ร่างโปร่งระหงเดินวนไปกดขอความช่วยเหลือหลายครั้งแต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับมา หญิงสาวจึงควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายแล้วหยิบออกมา
?อะไรเนี่ยไม่มีสัญญาณ? วีด้าบอกอย่างหงุดหงิด
แม็กซ์มองริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อขยับขึ้นอยู่เพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อสายตาคมโตตวัดมามอง
?นี่คุณ?ช่วยกันทำมาหากินบ้างสิ ยืนเฉยๆ แบบนี้เดี๋ยวก็ขาดอากาศหายใจกันพอดี?
แม็กซ์คลี่ยิ้มเอนหลังพิงผนังลิฟต์อย่างไม่ยี่หระกับสถานการณ์ เมื่อไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากชายหน้าคมหนวดเคราขึ้นเต็มหน้า วีด้าก็สะบัดหน้าหนีใบหน้างามบึ้งตึงด้วยความโมโห
?กินแรงผู้หญิง ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย? เธอพึมพำเบาๆ แต่คนข้างๆ ก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
แม็กซ์คลี่ยิ้มนัยน์ตาคมกริบวาวขึ้นก่อนจะทิ้งมือลงข้างตัว
?บังเอิญว่าผมสะกดคำนั้นไม่เป็นด้วยสิ แต่การเดินไปเดินมาของคุณยิ่งทำให้อากาศน้อยลงเพราะคุณหายใจเข้าออกเร็วกว่าผม อากาศก็ยิ่งหมดไปเรื่อยๆ?
เมื่อถูกตำหนิซึ่งๆ หน้า วีด้าก็ทนไม่ไหวอารมณ์โกรธกรุ่นพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที เพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าต่อว่านอกจากพูดจาอ่อนหวานกับเธอ แต่ผู้ชายหน้าโหดเหมือนโจรห้าร้อยแถมนิสัยแย่มาต่อว่าเธอแบบนี้ได้ยังไง
?ไม่ช่วยก็อย่ามาโทษคนอื่น? สายตาคมคู่งามตวัดค้อนให้หัวใจแกร่งกระตุกเล่น ก่อนจะขยับไปกดสัญญาณขอความช่วยเหลืออีกครั้ง
?ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยมีคนติดอยู่ในลิฟต์? เธอตะโกนบอกจนเจ็บคอ ใบหน้านวลเนียนชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อจนเจ้าตัวต้องยกมือเช็ดออก ไม่ต่างกับเสื้อผ้าบนร่างกำยำก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกัน
เมื่อเวลาผ่านไปนานผิดปกติแม็กซ์ก็จับมือเธอดึงออกห่างประตูลิฟต์แล้วตัวเองก็เข้าไปแนบใบหูกับประตู วีด้าหน้างอและไม่ยอมอยู่นิ่งเข้าไปแนบใบหน้ากับประตูเช่นกันใบหน้าเธอและเขาห่างกันไม่ถึงคืบจนรับรู้ลมหายใจของกันและกัน ต่างคนต่างนิ่งงันสบตากันในระยะประชิดเนิ่นนานจนกระทั่งเสียงกึกกักที่ดังอยู่ด้านนอกดึงสติของแม็กซ์กลับมา
?เจ้าหน้าที่คงกำลังช่วยอยู่? เขาจับมือเธอเดินห่างออกมา วีด้าสะบัดมือออกจากการเกาะกุม พอเขาปล่อยมือร่างงามก็เอนหลังพิงผนัง แม็กซ์ขยับเข้าไปใกล้ด้วยความหวังดี ?อยู่เฉยๆ? เขาสั่งเสียงเข้ม
?ก็ฉันอึดอัด? เธอเถียงพลางยกมือกอดตัวเองแล้วสูดลมหายใจยาวๆ เพื่อเก็บอากาศเข้าไปในปอด แม็กซ์เห็นใบหน้านวลซีดลงเรื่อยๆ ก็เอื้อมมือไปจับต้นแขนเรียวไว้
?อากาศเหลือน้อยแล้ว คุณไหวหรือเปล่า? เขาถามน้ำเสียงแฝงไปด้วยความห่วงใย แต่วีด้ากำลังโมโหจึงไม่รับรู้อะไรเพราะเธอหายใจไม่สะดวกแล้วตอนนี้
?ถามทำไม นายจะเอาลมหายใจให้ฉันหรือไง?
?แล้วคุณอยากได้ไหมล่ะ? เขาถามเสียงยียวนมากกว่าต้องการช่วย แม้ตาจะเริ่มพร่าลายร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่หญิงสาวก็ยังอวดเก่งตามนิสัย
?ไม่?? เธอตอบเสียงแหบพร่าก่อนจะสูดลมหายใจเข้า มือบางกำราวจับด้านข้างแน่นแม็กซ์กลัวร่างงามล้มก็เข้าไปรวบเอวคอดเข้าหาตัว วีด้าเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกตะลึง มือบางยันแผ่นอกหนาที่เธอสัมผัสได้ถึงมวลมัดกล้ามออกห่าง ?จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ?
?ยืนไม่ไหวยังอวดเก่ง ผู้หญิงเป็นเพศที่น่าเบื่อและปากกับใจไม่ตรงกันเลยจริงๆ ให้ตายสิ? เขาเอ็ดเบาๆ พร้อมกับโน้มใบหน้าคมก้มลงมาใกล้
?ไอ้ผู้ชายเส็งเค็ง หน้าตาอย่างกับหลุดออกมาจากชุมโจรยังมีหน้ามาว่าฉันอีกเหรอ? เธอต่อว่าพร้อมกับหอบหายใจเร็วรัว แม็กซ์เห็นลมหายใจเธอขาดเป็นช่วงๆ ก็ประกบปากกับริมฝีปากอวบอิ่ม หญิงสาวไร้เรี่ยวแรงขัดขืนสูดลมหายใจเขาเข้าจนเต็มปอด
การสูดลมหายใจเข้าของเธอเหมือนการจูบตอบ แม็กซ์คำรามในลำคออย่างถูกใจ ริมฝีปากหวานยิ่งกว่าน้ำตาลทำให้เขาไม่อยากถอนจูบออก ริมฝีปากร้อนกดคลึงลงไปเหมือนคนขาดความหวานมาแรมปี วงแขนแข็งแรงโอบรัดแน่นจนร่างนุ่มหยุ่นบดเบียดร่างแกร่งทุกอณูกาย
วีด้าวาบหวามในอก หัวใจเต้นแรงรัวหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาคมโตเปิดมองใบหน้ารกรุงรังที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า ผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้ามาทำกับเธอแบบนี้ได้ยังไง?ไอ้สารเลว?เธอก่นด่าในใจแล้วรวบรวมเรี่ยวแรง ยกเข่าขึ้นไปกระแทกเป้ากางเกงเขาเต็มแรง แม็กซ์มัวแต่ชื่นชมความหวานซ่านทรวงเลยไม่ทันระวังตัว เข่าเล็กจึงกระแทกเจ้าลูกชายอย่างจัง
?อ๊ากกก?? แม็กซ์ร้องลั่น หน้าเขียวคล้ำด้วยความเจ็บ มือหนายันผนังไว้ วีด้าขยับออกห่างตามองเขาอย่างเอาเรื่อง
?สมน้ำหน้า อยากทำบ้าๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่นายจะมาเล่นจ้ำจี้ด้วยนะจะบอกให้?
แม็กซ์อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ กับจ้ำจี้ที่เธอว่า
?ผู้หญิงผู้ชายเขาเล่นจ้ำจี้กันบนเตียง ในลิฟต์แบบนี้สถานที่ไม่อำนวย แต่ถ้าอยากให้ช่วยก็บอก? แม้จะเจ็บแต่ก็มีแรงยั่วให้ใบหน้าเนียนแดงจัดขึ้นไปอีก วีด้ากระทืบเท้าถี่ยิบอย่างโมโหแต่ก็ไม่เข้าไปหา
?เดี๋ยวจะเอาให้ลูกชายใช้การไม่ได้เลยไอ้เฒ่าหัวงู?
?ลูกชายผมใช้การไม่ได้สายพันธุ์ผมก็ไม่มีคนสืบทอดสิคุณ?
?เป็นหมันไปเลยยิ่งดีคนสารเลว?
แม็กซ์ฝืนเจ็บขยับเข้าไปใกล้ วีด้ายกกระเป๋าสะพายขึ้นสูงเตรียมจะฟาดลงบนร่างกำยำ
?อย่าเข้ามานะ ฉันตีหัวแตกหมอไม่รับเย็บจริงๆ ด้วย? ร่างสูงเดินวนช้าๆ ทำให้เธอต้องขยับหนีสายตาจ้องกันไม่ยอมหลบ วีด้าชำเลืองมองประตูลิฟต์และภาวนาให้เจ้าหน้าที่เปิดออกเร็วๆ เพราะจะได้หนีห่างจากผู้ชายบ้าๆ คนนี้สักที
?ผมยอมหัวแตกแลกกับการได้จูบปากหวานๆ ของคุณ? เขาบอกนัยน์ตาพราว มือหนาเตรียมจะคว้าร่างเธอเข้าไปกอดอีกครั้ง แต่ระฆังก็ช่วยชีวิตเธอทันเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก วีด้าได้จังหวะก็วิ่งออกไปยืนหอบหายใจอยู่ด้านนอก
เจ้าหน้าที่สี่คนมองชายหนุ่มรูปหล่อกับสาวสวยสลับกันไปมา
?คุณสองคนเป็นยังไงบ้างครับ?
?ผมโอเค? แม็กซ์บอกตามองร่างโปร่งระหง แต่วีด้ามองต่ำลงไปที่เป้ากางเกงชายหนุ่มรีบไขว้มือทั้งสองข้างไปกุมไว้ริมฝีปากอิ่มเหยียดยิ้มอย่างสะใจ
?คุณผู้หญิงล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง? เจ้าหน้าที่คนเดิมหันไปถามหญิงสาว
?ฉันไม่เป็นไร คราวหน้าฉันหวังว่าเจ้าหน้าที่คงจะมาช่วยเร็วกว่านี้นะคะ? เธอบอกหน้าตึง
?ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ทางเราก็ทำงานเต็มที่แล้ว?
หญิงสาวขยับจะเถียง แต่แม็กซ์ก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
?ขอบคุณนะครับที่ช่วย? เขาเหลือบตามองหน้าเนียนก่อนจะก้าวออกจากลิฟต์ วีด้ารีบวิ่งเข้าไปในลิฟต์อีกตัวแล้วปิดประตูทันที แม็กซ์คาดโทษเธออยู่ในใจก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ร่างโปร่งระหงของวีด้าก็ก้าวออกมา ดวงตาคมโตมองชายฉกรรจ์สี่คนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูอย่างสงสัย
?พวกคุณเป็นใคร?
?สวัสดีครับคุณวีด้า พวกผมมาจากหน่วยพิทักษ์พยานครับ? คิ้วโก่งสวยขมวดเป็นปม ตาคมสวยมองนายตำรวจทั้งสี่ แล้วรีบก้าวเข้าไปในห้องพักฟื้นทำให้คนที่คุยกันอยู่ในห้องหันมามอง
?พี่ใหญ่?
แมทธิวมองน้องสาวที่วิ่งเข้าไปหา วีด้าจับมือหนาไปกุมขณะมองสำรวจตามร่างกายของพี่ชายอย่างเป็นห่วง
?ตกใจล่ะสิ? แมทธิวยกมือวางบนศีรษะนุ่มแล้วโยกไปมาเบาๆ ?พี่ไม่เป็นอะไรมากหรอกแค่ฟกช้ำตามตัวนิดหน่อย? แมทธิวบอกพร้อมรอยยิ้มเพื่อให้น้องสาวคลายกังวล
?ไม่นิดแล้วล่ะค่ะ ดูสิหน้าตาดูไม่ได้เลย? วีด้ามองผ้าพันแผลที่หางคิ้วซ้ายอย่างสงสาร ครอบครัวของเธอมีกันอยู่สองคน หากคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไปอีกคนจะอยู่ยังไงกัน แมทธิวเหมือนเข้าไปนั่งในใจของน้องสาว มือหนาจึงรั้งร่างงามไปกอดไว้หลวมๆ ฝ่ามืออบอุ่นก็ลูบลำแขนกลมกลึงไปมาอย่างปลอบโยนวีด้าโอบเอวหนาและเบียดกายเข้าหาไออุ่น
?พี่จะอยู่ดูแลวีด้าจนกว่าจะมีคนมารับช่วงต่อ?
ร่างงามเอนตัวออกห่าง ใบหน้าคมสวยบึ้งตึงอย่างแง่งอน
?ไม่เอาหรอก วีด้าจะอยู่กับพี่ใหญ่แบบนี้ตลอดไป จะไม่แต่งงานเพราะผู้ชายหาดีไม่ได้สักคน? เสียงหวานห้วนสั้นและพานคิดถึงใบหน้ารกรุงรังของคนที่รังแกเธอเมื่อสักครู่ คำต่อว่าเพศตรงข้ามทำเอาคนที่ยืนอยู่ในห้องกระแอมออกมา
?ผู้ชายดีๆ ก็มีถมไปนะครับคุณวีด้า?
หญิงสาวหันไปทางเจ้าของเสียง จาคอบยิ้มให้พร้อมกับขยับไปใกล้แล้วยื่นมือไปรอจับทักทาย
?คงจำผมได้นะครับ?
วีด้ามองหน้าพี่ชายอย่างเกรงใจ เมื่อไม่มีปฏิกิริยาห้ามใดๆ เธอก็ยื่นมือไปจับกับจาคอบ พอจะดึงมือกลับชายหนุ่มก็ยึดไว้ แมทธิวจึงต้องจับข้อมือน้องสาวเพื่อเตือนเพื่อนใหม่ จาคอบยิ้มสายตาจับจ้องใบหน้าคมสวยอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก
?ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ? แมทธิวบอกเป็นนัย จาคอบยิ้มบางๆ อย่างไม่ถือสา
?เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะแวะมาเยี่ยมใหม่นะครับ วันนี้มาถามข่าวคราวและอยากผูกไมตรีเพื่อนร่วมอาชีพ เพราะผมยังใหม่ในวงการสื่อสารมาก ยังไงคงต้องขอคำชี้แนะจากคุณแมทธิวอีกเยอะ?
?ถ้ามาด้วยไมตรีผมก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามาเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝงเราคงต้องเจอกันสักตั้ง? แมทธิวบอกขณะสบตาของจาคอบอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเซนส์บางอย่างบอกให้รู้ว่าคนๆ นี้ไม่น่าจะเชื่อใจได้
?วันนี้คุณอาจจะไม่ไว้ใจผม แต่วันหน้าผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมจริงใจในการคบหาคุณและน้องสาวมากแค่ไหน? ประโยคท้ายจาคอบหันไปสบตาคมคู่งาม
วีด้าเงยหน้ามองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจว่าแมทธิวระแวงอะไรในตัวจาคอบกันแน่
?เรื่องนั้นปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จะดีกว่าคุณจาคอบ เพราะจิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึง?
?หวังว่าผมคงได้รับโอกาสนั้นจากคุณและคุณวีด้านะครับ? จาคอบบอกก่อนจะก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อบอกลา
แมทธิวมองตามแผ่นหลังหนา สีหน้าและแววตานิ่งลึกของคนเป็นพี่ทำให้วีด้าจำต้องถามออกไป
?ดูพี่ไม่ค่อยชอบคุณจาคอบเลยนะคะ? วีด้าถามขณะจับแขนพี่ชายไปที่เตียงแมทธิวยกมือเขย่าศีรษะเล็กเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
?เป็นหมอดูหรือไงเรา?
?แล้วใช่ไหมคะ? วีด้ามองหน้าคมสันอย่างรอคำตอบ แมทธิวทำทีครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะบอกออกไป
?ไม่รู้สิ พี่รู้สึกว่าที่เขาเข้ามาไม่ได้หวังแค่มิตรภาพ?
วีด้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงตาโตอย่างตื่นเต้นและใคร่รู้
?เขาหวังอะไรคะ?
?เขาหวัง?? แมทธิวลากเสียงยาว ตาจ้องดวงหน้างดงามด้วยประกายตาล้อเลียน ?จะมาจีบน้องสาวพี่หรือเปล่าก็ไม่รู้สิ? ปลายนิ้วขาวสะอาดหนีบสันจมูกเล็กรั้นอย่างรักใคร่ วีด้าหน้าแดงซ่านทำแก้มป่องกลบเกลื่อนความขัดเขินของตัวเอง มือบางจับมือพี่ชายไปกุมไว้
?ไม่เอา วีด้าจะอยู่กับพี่ใหญ่ แล้วขอบอกไว้เลยว่าคนที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ถ้าวีด้าสแกนไม่ผ่านพี่ใหญ่ก็ห้ามเลือกเด็ดขาด?
แมทธิวหัวเราะอย่างถูกใจ เพราะการแต่งงานยังห่างไกลสำหรับเขาแต่ชายหนุ่มหารู้ไม่ว่าอีกไม่นานความรักจะทักทายเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
?ไม่ต้องมาอ้อน เจอคนที่ใช่เมื่อไหร่จะรีบแต่งสิไม่ว่า?
?เราหยุดพูดเรื่องไร้สาระก่อนดีกว่าค่ะ? เธอทำหน้าจริงจัง ?รู้ตัวคนร้ายหรือยังคะ?
?ยังจ้ะ รู้แต่ว่ามือปืนเป็นอาชญากรข้ามชาติจากรัสเซีย? แมทธิวบอกแววตาแข็งกร้าว วีด้าตาโตมองหน้าคมสันอย่างเป็นห่วง หลายปีที่ครอบครัวทำธุรกิจมาไม่เคยเกิดเรื่องร้ายๆ แบบนี้มาก่อน จนกระทั่งพ่อกับแม่เธอเสียชีวิต พี่ชายจึงเข้ารับงานต่อจากบิดา ก่อนจะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงหลายอย่างจนบริษัทขึ้นแท่นเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของวอชิงตันผลประโยชน์มากมายในซันอาจจะเป็นเหยื่อล่อชั้นดีก็ได้
?พวกมันต้องการอะไรคะ?
?ตอนนี้เราไม่รู้ แต่ที่รู้ตอนนี้คือพี่มีคนอารักขาเป็นสิบ? แมทธิวบอกอย่างไม่สบอารมณ์ วีด้าถึงกับหัวเราะออกมา
?ดีนะคะตำรวจอารักขาพี่คนเดียว ถ้าเป็นวีด้าคงอึดอัดแย่?
?ใครว่าพี่คนเดียว เราก็ด้วย?
วีด้าชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะตบหน้าผากนูนอย่างเซ็งสุดขีด
?ไม่เอานะคะ วีด้าไม่อยากมีบอดี้การ์ด? เธอทำแก้มป่องอย่างไม่ชอบใจนัก
?ถ้าไม่อยากมี เดี๋ยวเจอเหยี่ยวยมทูตพี่ไม่รู้ด้วยนะ? แมทธิวบอกทีเล่นทีจริง วีด้าได้ยินชื่อแปลกๆ หลุดออกมาก็จ้องหน้าพี่ชายเขม็งเพื่อรอคำอธิบาย
?ใครคะ??
?พี่ก็ไม่รู้ แต่เขามาช่วยพี่จนรอดมานั่งคุยกับเราอยู่นี่ไง?
?ดีสิ ถ้าเจอเหยี่ยวยมทูตตัวเป็นๆ วีด้าจะแกล้งให้เข็ดเลย? วีด้าบอกติดตลก รอยยิ้มกระจายอยู่บนใบหน้างาม แมทธิวหัวเราะวางมือบนศีรษะนุ่มแล้วโยกไปมา แต่ในใจก็คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากเป็นไปตามที่เหยี่ยวยมทูตบอก พรุ่งนี้เขาคงได้พบคนที่จะให้รายละเอียดเรื่องนี้อย่างแน่นอน



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แม็ก คาร์เตอร์ แฮกเกอร์โนเนมปรากฏตัวขึ้นหลังการตายของผู้พันอะเดล เมอร์แกน ในขณะที่มีข่าวว่าทำเนียบขาวถูกมือดีแฮกข้อมูล จึงมีการประมูลโครงข่ายระบบสื่อสารใหม่ วีด้า ซันและพี่ชายจึงได้เข้าร่วมงานสำคัญนี้และตกเป็นเป้าโจมตีจากผู้ก่อการร้าย และทุกครั้งที่ตกอยู่ในอันตรายก็จะมีเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายคอยปกป้อง แม้จะช่วยให้พ้นภัยแต่เธอก็ต้องแลกไปด้วยจุมพิตหวามไหวตอบแทนเสมอ ถึงอยากจะคัดค้านเมื่ออยู่ในอ้อมกอดคราใด แต่ประกายวูบไหวสีน้ำเงินในดวงตานั้น กลับทำเธอเหมือนต้องมนต์เสียทุกครั้งจนอ่อนเปลี้ยให้เขาทำตามอำเภอใจ

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”