?มีอะไรโชโกะ??
?....การเรียนเสริมพิเศษจะมีไปถึงเมื่อไหร่เหรอ??
?รู้สึกว่าจะถึงสุดสัปดาห์นี้นะ ให้ตายสิ ทั้งที่หมดเทอมหนึ่งแล้ว แต่ยังต้องไปโรงเรียนทุกวันอีก อยากถามยัยแก่ว่าไม่รู้ความหมายของวันหยุดหน้าร้อนรึไงกัน?
?....แต่สำหรับห้อง F ของพวกยูจิก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะเสียชั่วโมงเรียนปกติไปตั้งเยอะ?
?อืม ก็จริงแฮะ.... แต่เรื่องนั้นช่างก่อน เพราะอะไรเธอถึงไปโรงเรียนอยู่ทุกวันล่ะ? ห้อง A ไม่มีเรียนเสริมไม่ใช่เรอะ??
?....ไม่มีเรียนเสริมก็จริง แต่มีหลักสูตรภาคฤดูร้อน?
?หลักสูตรภาคฤดูร้อน? ถ้าจำไม่ผิด มันแค่เฉพาะผู้แสดงความประสงค์จะเข้าเรียนใช่มั้ย??
?....อืม?
?ไม่อยากเชื่อ ยอมไปโรงเรียนกระทั่งวันหยุดแบบนี้ ช่างตั้งใจเรียนซะจริง สมแล้วที่เป็นท่านเด็กห้อง A?
?....ไม่เกี่ยวกับเรื่องห้อง A เลย เพราะมียูจิอยู่ ฉันถึงไปโรงเรียนด้วย?
?พูดเรื่องพรรค์นั้นอีกแล้วนะเธอ....?
?....ถ้ายูจิไม่ไปโรงเรียน ฉันก็จะไม่ไป ไม่ว่าจะมีหลักสูตรภาคฤดูร้อนหรือไม่ก็ตาม?
?เออ รู้แล้วๆ?
?....ถ้ายูจิไม่ยอมไปเข้าพิธีแต่งงาน ฉันก็จะพาไปเอง ไม่ว่ามีความตั้งใจที่จะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม?
?คำพูดฟังดูเท่ก็จริง แต่จำไว้ซะว่านั่นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนชัดๆ! จะว่าไป ขืนเกิดเรื่องพรรค์นั้นขึ้น ฉันจะขัดขืนสุดชีวิตเลย!?
?....ขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะฉันจะพยายาม?
?ทำไมถึงพยายามในเรื่องพรรค์นั้นได้เล่า! อย่าเอาความพยายามมาใช้อย่างสูญเปล่าสิ!?
?....ก่อนหน้านี้?
?หา??
?....ก่อนหน้านี้โยชิอิเคยพูดไว้?
?อะไรล่ะ? เจ้าบ้านั่นพูดอะไรไว้เรอะ??
?....พูดว่า ?สามารถพยายามเพื่อคนที่ชอบได้? ?
?นั่นมันต่างกันนะ!? ความหมายแตกต่างจากเรื่องที่หมอนั่นตั้งใจจะพูดอย่างสิ้นเชิงเลยนะ!??
?....พักหลังนี่ฉันก็คิดแบบนั้นจากใจจริงเลย?
?ฉันก็ซะที่ไหนกันเล่า! ต่อให้ไปหาทั่วโลกก็มีเธอคนเดียวแหละที่คิดเรื่องพรรค์นั้น!?
?....ฉันจะแต่งงานกับยูจิด้วยการประลองกำลังโดยปราศจากลูกไม้ให้ดู?
?ก็บอกแล้วว่าเรื่องกำลังไม่เกี่ยวกับการแต่งงาน อ๊ากก! กะโหลกฉัน! กะโหลกลั่นเปรี๊ยะแล้ว!?
?....แต่งงานกับฉันได้มั้ย??
?ไม่แต่งเฟ้ย! จะว่าไป แต่งไม่ได้หรอก! มันยังเร็วเกินไปนี่!?
?....อ๊ะ....จริงด้วย....?
?แฮก....แฮก.... ยะ ยอมเข้าใจแล้วเรอะ....?
?....อืม ฉันใจร้อนไปหน่อย....?
?นั่นสินะ ฉันเพิ่งอายุ 17 เอง ถึงจะอยากแต่งงานก็....?
?....ช่วงเวลานี้ทั้งสถานที่จัดพิธีและที่ทำการเขตไม่เปิด?
?นั่นใช่ปัญหาซะที่ไหนล่ะ!??
?....อืม ฉันรู้ พูดเล่น?
?....จะว่าไงดี หมู่นี้เธอชักจะบ๊องขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ?
?....โหดร้าย?
?เรื่องจริงนี่?
?....โหดร้าย?
?เฮอะ?
?....แต่ว่ายูจิ?
?หือ??
?....จากคำพูดเมื่อกี้ แปลว่าพออายุ 18 แล้วจะยอมแต่งงานกับฉันเหรอ??
?แค่ก แค่ก! พะ พูดอะไรออกมา!?
?....ฉันจะตั้งตาคอยนะ?
?นี่เธอ.... จะมัวพูดเรื่องบ้าบอพรรค์นั้นไปถึงไหนกัน.... หัดมองความเป็นจริงซะที?
?....ไม่ต้องห่วง?
?ไม่ต้องห่วงเรื่องอะไรล่ะ?
?....ฉันจะชอบยูจิตลอดไป?
?แค่ก แค่ก!?
โรงเรียนป่วนก๊วนคนบ๊อง
ภาษาอังกฤษ
[ข้อที่ 1]
จงแปลคำดังต่อไปนี้เป็นภาษาอังกฤษ
?ภาษาสเปน?
คำตอบของฮิเมจิ มิสึกิ
?Spanish?
ความเห็นของอาจารย์
นี่เป็นศัพท์อังกฤษขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งนะ บางครั้งก็จะมีคนที่ลืมเขียนอักษรนำ S เป็นตัวใหญ่อยู่ ขอให้ระวังความผิดพลาดที่เกิดจากความเลินเล่อแบบนั้นให้เพียงพอด้วย
คำตอบของสึจิยะ โคตะ
?Speines....?
ความเห็นของอาจารย์
คงอยากเขียนว่า ?Spainese? ในลักษณะเดียวกับ ?Japanese? สินะ เสียใจด้วยที่ผิดนะ
คำตอบของโยชิอิ อาคิฮิสะ
?Spaget....?
ความเห็นของอาจารย์
ไม่ว่าจะตีความยังไง ก็เห็นได้แค่ว่าพยายามจะเขียนว่าสปาเกตตีเท่านั้น
การสอบปลายภาคจบลง ทำให้พวกเราถูกห้อมล้อมด้วยบรรยากาศปลอดโปร่งอันบรรยายไม่ถูกอยู่ในช่วงเวลานี้ เดือนกรกฎาคมก็เหลืออีกเพียงไม่กี่วัน สภาพรอบข้างพวกเราได้รับการแต่งแต้มด้วยสัญลักษณ์ของช่วงกลางฤดูร้อน อย่างเสียงจักจั่นดังสนั่นกับกลุ่มเมฆหนาสูงตระหง่าน
ฤดูกาลที่มีแสงแดดแผดเผาสาดส่องลงมา....สำหรับหญิงสาวที่กังวลเรื่องผิวเกรียมแดดอาจจะไม่ชอบใจนัก
ไม่ใช่แค่เรื่องผิวเกรียมแดดเท่านั้น ฤดูกาลที่มีชื่อว่าฤดูร้อนนั้น ทั้งร้อน หนวกหู และมีแมลงออกมาด้วย
แต่ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นฤดูที่ผมชอบมากที่สุดในหนึ่งปี
เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวอันหนาวเหน็บไปได้ ก็จะถึงฤดูใบไม้ผลิที่มีชีวิตมากมายเริ่มแตกหน่อ
สีสันของภูเขาจะแปรเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีแดง และเตรียมรับคลื่นความเย็นที่จะมาเยือนเงียบๆ ในฤดูใบไม้ร่วง
ท้องฟ้าจะสดใสและรู้สึกว่าแสงดาวอยู่ใกล้กว่าปกติในฤดูหนาว
ฤดูอื่นๆ ต่างก็มีข้อดีอยู่มากมายเช่นเดียวกัน
แต่ผมก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่าฤดูร้อนมีบางอย่างที่พิเศษ เมื่อเทียบกับฤดูกาลอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็นความร้อนที่ทำให้อ่อนล้า การแสดงตัวของแมลงที่ก่อเสียงดังหูแทบแตก และเสียงเอะอะของชมรมฟุตบอลที่ได้ยินมาจากสนามโรงเรียน ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องเทศที่ช่วยให้เพลิดเพลินกับฤดูกาลอันพิเศษนี้ทั้งสิ้น
ผมอยากออกไปข้างนอก แล้วสัมผัสกับความร้อนที่มีเฉพาะในช่วงเวลานี้ อยากไปนิ่วหน้านิดๆ ให้กับเสียงเอะอะจอแจ และอาบแดดร้อนๆ เหมือนจะทำให้เกรียมให้ทั่วทั้งตัว อยากจะเช็ดเหงื่อที่ไหลไม่ยอมหยุด และขยับร่างกายให้เต็มที่ นั่นคงเป็นวิธีเพลิดเพลินกับช่วงเวลากลางวันในฤดูร้อนที่ถูกต้อง
ใช่แล้ว ตอนนี้คือฤดูกาลอันพิเศษที่ทำให้ใจลิงโลดซึ่งมีชื่อว่าฤดูร้อน เพราะฉะนั้น....
(หนีกันเถอะยูจิ หนีไปจากเรือนจำแห่งดวงวิญญาณนี่)
(พูดได้ดีนี่หว่าอาคิฮิสะ ฉันกำลังเบื่อหน่ายการเรียนเสริมพร้อมกำปั้นแบบเต็มสูตรนี่อยู่พอดี)
....ด้วยเหตุนั้นพวกเราจึงตกลงใจที่จะหลบหนีจากการเรียนเสริมโดยคนเหล็ก
(ที่สำคัญ การที่ต้องเรียนหนังสือทั้งที่เข้าวันหยุดหน้าร้อนแล้วมันเป็นเรื่องที่ผิดล่ะนะ ยิ่งกว่านั้นในห้องเรียนนี่ยังเป็นผู้ชายเกือบหมด อย่าว่าแต่จะให้เรียนเลย แค่หายใจก็ลำบากแล้ว)
ซาคาโมโตะ ยูจิ เพื่อนตัวแสบซึ่งนั่งที่นั่งข้างๆ ผมกระซิบกระซาบพลางนิ่วหน้าที่ดูห้าวสุดๆ ของเขา
(แถมคนที่มาสอนยังเป็นคนเหล็กอีกนี่นะ.... ขนาดหน้าหนาวยังทำให้รู้สึกร้อนอึดอัดเลย ยิ่งเจอสภาพแวดล้อมแบบนี้ ภาพของคนเหล็กก็เท่ากับเป็นการทรมานกันชัดๆ....)
ณ แท่นหน้าชั้น ครูเลือดร้อนผู้บึกบึนกำยำ คนเหล็กหรืออาจารย์นิชิมุระกำลังทำการสอนเสริมอยู่โดยไม่มีเหงื่อให้เห็นสักหยด การที่ไม่เผยอาการเหนื่อยอ่อนให้เห็นแม้แต่น้อย เป็นเพราะเรี่ยวแรงที่ผ่านการขัดเกลามาเป็นอย่างดีจากไตรกีฬาที่เป็นงานอดิเรกรึเปล่านะ
(ในสภาพแบบนี้ฮิเมจิยังตั้งหน้าตั้งตาจดเลคเชอร์ได้อีกแฮะ.... ยัยนั่นเป็นสัตว์ประหลาดรึไง?)
(อยากบอกว่า....สมเป็นนักเรียนดีเด่นผู้มีความสามารถจริงระดับห้อง A อยู่หรอกนะ แต่ฮิเมจิซังร่างกายอ่อนแอซะด้วย จะเป็นอะไรมั้ยนะ.... พักหลังนี่ดูเหมือนจะสุขภาพดีก็จริง แต่ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี)
ถึงยังไงฮิเมจิซังก็ได้รับตำแหน่งดีที่สุดในบรรดาที่นั่งริมหน้าต่างซึ่งมีลมโกรก โดยอยู่ในร่มเงาของเสา ขอเพียงไม่ลืมดื่มน้ำบ่อยๆ ก็ไม่น่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาง่ายๆ....
(คนเหล็กก็คอยใส่ใจเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว คงไม่เป็นไรหรอก ถึงภายนอกจะเป็นอย่างนั้น แต่ก็รู้จักเอาใจใส่ไปตามแต่อีกฝ่ายน่ะนะ)
(อืม.... เขาคอยดูอีกฝ่ายเป็นอย่างดีจริงๆ นั่นแหละ....)
คงเพราะเหตุนั้นพวกเราถึงได้อยู่ในตำแหน่งท้ายแถวริมหน้าต่างที่แดดส่องทั่วถึงและลมสงบนิ่งกระมัง แบบนี้มันแบ่งชนชั้นกันชัดๆ
(ว่าแต่ยูจิ เราจะหลบออกไปยังไงล่ะ? ในเมื่ออีกฝ่ายคือคนเหล็ก ถ้าโดนเจอเข้าก็จะเกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเลยนะ)
(อะไรกันอาคิฮิสะ นี่นายมาชวนคนอื่นหลบหนี แต่ไม่ได้คิดแผนอะไรไว้เลยเหรอ)
(ถ้าคิดไว้ ผมก็รีบดำเนินการไปตามลำพังแล้วล่ะ)
(อืม มันก็จริงแฮะ เอายังไงดีนะ....)
ระหว่างที่หารือกับยูจิด้วยเสียงกระซิบ ผมก็คอยเล็งหาช่องว่างของคนเหล็กไปด้วย แน่นอนว่าไม่มีทางพลาดให้ถูกสังเกตเห็นว่าขยับปากเอาได้ เราสนทนากันโดยลดการขยับปากให้เหลือน้อยที่สุด เหมือนกับเทคนิคการเปล่งเสียงโดยไม่ขยับปาก มันเป็นทักษะที่จำเป็นต่อนักเรียนชายในห้อง F ผู้ซึ่งถูกคนเหล็กหมายหัวไว้
?สำหรับตรงนี้ เมื่อความสูงเริ่มต้นเป็น h หากเกิดการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง ความเร็ว v ณ เวลานั้นจะขึ้นอยู่กับความเร่งจากแรงโน้มถ่วง g และความสูง h ตามสมการเท่านั้น?
คนเหล็กมองมาทางพวกเราขณะที่อ่านหนังสือเรียนออกเสียงไปด้วย
การเคลื่อนไหวในตอนนี้ไม่ใช่วิธีที่ฉลาด ถ้าหากเคลื่อนไหวอะไรไม่เข้าท่าให้เห็นคงถูกจับตัวในทันที ควรทำยังไงดีนะ....
(เฮ้ โยชิอิ ซาคาโมโตะ พวกนายจะหนีเรอะ?)
(ถ้าจะหนีละก็ให้พวกฉันมีส่วนร่วมด้วยสิ ฉันทนอยู่ในนรกพรรค์นี้ไปจนจบไม่ไหวหรอก)
(ฉันก็เหมือนกัน ขืนอยู่อย่างนี้ต่อไป ฉันมีหวังเฉาตายแน่)
ระหว่างที่กำลังกุมขมับ เหล่าเพื่อนร่วมชั้นในที่นั่งใกล้เคียงก็เอ่ยขึ้นมา แน่นอนว่าใบหน้ายังคงหันไปทางกระดานดำ ปากก็ขยับเพียงน้อยนิดจนไม่น่าเชื่อว่ากำลังพูดคุยอยู่ คนที่ไม่ได้ถูกคนเหล็กหมายหัวในชั้นเรียนนี้มีแค่เพียงฮิเมจิซังกับมินามิเท่านั้น เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่มีทักษะนี้กันหมด
(งั้นยูจิ ถ้ามีจำนวนคนเท่านี้ ใช้แผนหนีไปพร้อมๆ กันทีเดียวได้มั้ย)
(กลยุทธ์คนหมู่มากสินะ ตรงไปตรงมาก็จริง แต่เป็นแผนที่ได้ผลแน่นอนล่ะนะ.... ดีล่ะ ตกลง)
ยูจิพยักหน้าเล็กน้อยชนิดที่มองจากที่ไกลๆ แทบไม่ออก
ยักษ์มีคนเหล็กแค่คนเดียว ถ้าพวกเราแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศละทางพร้อมๆ กันหมด ต่อให้เป็นครูยักษ์ร้ายก็คงจับได้ไม่หมดหรอก
(ทุกคนจะเอาอย่างนั้นด้วยมั้ย? ไม่ว่าใครจะถูกจับก็ห้ามมาแค้นกันทีหลัง ถ้าไม่มีปัญหาก็ช่วยพยักหน้านิดๆ ทีนะ?)
พอผมพูดแบบนั้น ทุกคนยกเว้นฮิเมจิซัง มินามิ และฮิเดโยชิก็พยักหน้านิดๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน ใน 50 คนจะหลบหนีไปตั้ง 47 คนเชียวเหรอ.... ถึงผมจะเป็นคนเสนอเองก็เถอะ แต่ห้องนี้มันแปลกจริงๆ ด้วยมั้ง
ถึงกระนั้นก็ตาม ถ้ามีจำนวนคนเยอะขึ้น โอกาสที่ผมจะถูกจับก็มีน้อยลง เหมาะเหม็งเลย
ที่เหลือก็แค่หาช่องเท่านั้น
?....สรุปคือความเร็วในการหล่นของวัตถุไม่ได้ขึ้นอยู่กับมวลของวัตถุนั้นนั้น แต่ว่าความเป็นจริงจะต่างกับทฤษฎีตรงที่ว่ามีแรงต้านอากาศอยู่ การที่ปุยฝ้ายกับลูกเหล็กไม่หล่นด้วยความเร็วเท่าๆ กันมีสาเหตุหลักมาจากแรงต้านอากาศที่ว่านี้ โดยเขียนเป็นสมการได้ว่า....?
อาจเพราะอธิบายมาถึงประเด็นสำคัญที่สุดแล้ว คนเหล็กจึงหันเข้าหากระดานดำและตั้งต้นเขียนหนังสือลงไป
จะยอมพลาดจังหวะที่หันหลังให้พวกเราไปไม่ได้!
พวกเราลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะหลบหนีไป....
?ทุกคนอย่าขยับ!?
?....อึก!!?
แต่พริบตานั้นคนเหล็กก็ชิงตัดหน้าปรามไว้ก่อน บ้าน่า! โดนอ่านเกมออกเหรอ!?
?พวกเธอ.... ใจถึงนักนะที่คิดหนี การสอนของฉันน่าเบื่อขนาดนั้นเชียวเหรอ??
คนเหล็กหันกลับมาทางนี้ช้าๆ และจ้องพวกเราเขม็ง ฮึ่ม....! สมกับเป็นสิ่งมีชีวิตผิดมนุษย์ อ่านการหลบหนีของพวกเราจากจิตสัมผัสได้ด้วย....!
ขณะที่อกสั่นขวัญแขวนกันอยู่ว่าใครจะตกเป็นเหยื่อกำปั้นรายแรกนั้น....
?....งั้นเหรอ ไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเธอเบื่อกันถึงขนาดนั้น นี่เป็นความล้มเหลวของฉันเองที่สอนหนังสือได้น่าเบื่อสินะ?
ช่างผิดคาดที่คนเหล็กพูดแบบนั้นออกมา เอ๋? จะไม่โดนชกเหรอ?
?ไม่เชิงว่าเป็นการขอโทษหรอกนะ แต่เดี๋ยวจะเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ฟังสักเรื่องแทนก็แล้วกัน ....ฮิเมจิ ชิมาดะ คิโนชิตะอุดหูไว้ซะ?
เรื่องสนุกๆ เหรอ? เรื่องนั้นก็น่าขอบคุณอยู่หรอก แต่เพราะอะไรพวกฮิเมจิซังถึงถูกสั่งให้อุดหูไว้นะ ถ้ามันสนุกก็น่าจะเล่าให้ทุกคนฟังแท้ๆ
?ใช่แล้ว นั่นเป็นเรื่องในหน้าร้อนนานกว่าสิบปีมาแล้ว....?
คนเหล็กเริ่มเล่าเรื่องราวขณะที่ผมยังสงสัย
?....ตอนที่ฉันเล่นมวยปล้ำกับนักเรียนต่างชาติจากบราซิล?
?อ๊า....ก!!!?
แย่แล้ว! ดูเหมือนพวกที่มีภูมิต้านทานต่ำจะสติแตกไปด้วยคำพูดชวนให้ร้อนอึดอัดของคนเหล็กแล้ว!
เรื่องราวมวยปล้ำของคนเหล็กภายใต้สภาพแวดล้อมร้อนเลือดเดือดแบบนี้ มีความหมายเท่ากับโทษประหารนั่นเอง....!
?อีกฝ่ายเป็นชายร่างใหญ่ที่มีส่วนสูง 195 cm น้ำหนัก 120 kg ชื่อจอร์จีโน่ กราเชโร่ เขาเป็นชายผู้มีลำแขนซึ่งน่าจะใหญ่พอๆ กับเอวของผู้หญิงเลยทีเดียว แต่ฉันเองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ฉันเข้าปะทะกับเจ้านั่นซึ่งๆ หน้าด้วยเรือนร่างขนาด 188 cm 97 kg ที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างหนัก....?
?หยุดนะ! หยุดทีเถอะ!?
?สมองฉัน! สมองฉันเจ็บปวดมาก!!?
?แม่จ๋า!?
ราวกับจะได้ยินเสียงประสาทพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเลย
ไม่ได้การ! หัวสมองผมก็ทำท่าจะเริ่มเพี้ยนแล้ว! ต้องรีบหาทางแก้!
?....แต่ว่าเจ้านั่นเข้าใจผิดว่ายูโดเป็นมวยปล้ำ ก็เลยบุกเข้ามาใช้ท่าล็อกแขน แต่ก็ไม่มีทางจะเอาชนะกล้ามเนื้อต้นแขนที่ฉันคนนี้ภาคภูมิใจได้อยู่แล้ว แม้ว่าเหงื่อจะไหลท่วมและเส้นเลือดปูดโปน แต่ฉันก็ขัดขืนไปเรื่อยๆ ไม่ให้แขนเหยียดสุด แล้วทันใดนั้นฝ่ายโน้นก็วนไปทางด้านเหนือศีรษะฉัน และใช้แผงอกล่ำหนานั่นกดลงมาบนหน้าฉันพลางใช้ท่ากดลำตัวท่อนบน....?
?อ๊าาา! มะ ไม่นะ! ไม่อยากหลับตาเลย! ภาพเลวร้ายที่สุดติดอยู่หลังเปลือกตาไม่ยอมหายไปไหนเลย!?
?ไม่ตื่นแล้ว! ฟุคุมุระไม่ยอมตื่นแล้ว! เฮ้ ตั้งสติไว้สิ!?
?ขออากาศ! ขออากาศเย็นสดชื่นหน่อยเถอะ!!?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันหยุดหน้าร้อนที่เฝ้ารอคอย! แต่เนื่องจากการสอบปลายภาคจบลงด้วยผลอันเลวร้าย อาคิฮิสะกับชาวห้อง F ทั้งหลายจึงต้องเข้ารับการเรียนเสริม วันหนึ่งระหว่างที่ก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือกับคนเหล็กผู้น่าอึดอัดอยู่ พวกเขาซึ่งนึกออกว่า ?จริงสิ เรื่องการรีเซ็ตคะแนนในระบบเรียกอสูรเป็นยังไงแล้ว?? และได้ลองใช้กำไลเงินเรียกอสูรอัญเชิญออกมา ทว่าสิ่งที่ปรากฏตัวกลับเป็นอสูรอัญเชิญที่กลายร่างเป็นภูตผีปีศาจทั้งหลายทั้งปวง!?
?เพื่อนฉันคือลูกบอล!? (by ปีศาจพันธุ์ใหม่ ซาคาโมโตะ ยูจิ) พบกับการแข่งทดสอบความกล้าซึ่งจะแพ้ไม่ได้ในเล่ม 6 นี้!!
