?กรี๊ด? เสียงร้องสั้นๆ ดังขึ้นในจังหวะเดียวกับที่ร่างของแม่บุญธรรมหายไปจากทางด้านซ้าย
แต่เนื่องจากโอโนะ รินตะรู้ตัวช้าไป จึงก้าวต่อไปข้างหน้าแล้วอีกหลายก้าว กว่าจะหันหลังกลับไปมองด้วยความสงสัย
แม่บุญธรรมของเขาซึ่งอยู่ในชุดสูทสีงาช้างเข้ากับฤดูใบไม้ผลิกำลังล้มหน้าคะมำอยู่บนไหล่ทาง
?ฮิเดมิซัง? เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??
เขารีบวิ่งกลับมาอยู่ข้างๆ ฮิเดมิ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นพลางหัวเราะแก้เขิน สีหน้าแสดงถึงความหวาดวิตก รู้สึกผิด และเจ็บปวดผสมกัน
?มะ ไม่เป็นไร โทษทีนะ?
ฮิเดมิพยายามลุกขึ้น แต่คงเพราะเจ็บขามากเธอจึงลุกไม่ไหว หน้าตาของเธอบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บ บริเวณหน้าอกของเสื้อแจ็กเกตเปื้อนดินเต็มไปหมด มีเลือดไหลซึมออกมาจากถุงน่องที่ขาดเป็นริ้วยาวลวดลายราวกับบันไดลิง
นักเรียนในชุดเครื่องแบบพร้อมกับผู้ปกครองหลายคนเดินผ่านด้านหลังพวกเขาไปเรื่อยๆ เพื่อมุ่งหน้าไปร่วมพิธีปฐมนิเทศเหมือนรินตะกับฮิเดมิ หากฮิเดมิอยู่คนเดียวละก็ คงมีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธออย่างแน่นอน แต่พวกเขาเห็นมีลูกชายอยู่เคียงข้างแล้ว จึงคิดเอาเองว่าคงไม่เป็นไร
ไม่เป็นไรซะที่ไหนกันล่ะ รินตะบ่นกับตัวเองในใจ
พ่อของเขาแต่งงานใหม่กับฮิเดมิ เธอย้ายเข้ามาอาศัยใต้ชายคาเดียวกับเขายังไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ดีเลย แถมยังอายุน้อยกว่าพ่อตั้งสิบห้าปี รินตะไม่รู้จริงๆ ว่าในเวลาเช่นนี้เขาควรปฏิบัติต่อสาวสวยซึ่งเป็นเหมือนคนแปลกหน้าอย่างไรดี อย่าว่าแต่ยื่นมือเข้าไปช่วยพยุงเธอขึ้นมาเลย เขาไม่กล้าแม้แต่ปัดเศษดินออกจากเสื้อแจ็กเกต หรือห้ามเลือดที่ขาให้เธอด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้คือนั่งยองๆ ด้วยท่าทีอึกอักอยู่ข้างๆ ราวกับคนบ้า
ฮิเดมิกล่าว ?ขอโทษนะ? ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับรินตะซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากอย่างที่สุด
?ฉันไม่ค่อยชินกับการใส่รองเท้าส้นสูงน่ะ ไม่น่าใส่มาเลยจริงๆ?
ก็นั่นน่ะสิ ขณะที่รินตะกำลังครุ่นคิด ในที่สุดเขาก็เจอหนทางเดียวที่สามารถทำได้ จึงยื่นมือไปจับรองเท้าหุ้มส้นของฮิเดมิซึ่งส้นปลายแหลมติดอยู่ตรงช่องว่างของทางระบายน้ำ
ขนาด 22.5 ขนาดเดียวกับฉันสมัยเรียนชั้นประถมเลย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะซื้อรองเท้าใหม่ใส่ยากมาเพื่องานวันนี้ทำไม พิธีปฐมนิเทศเขาจัดขึ้นเพื่อนักเรียนต่างหาก ไม่มีใครสนใจรองเท้าของผู้ปกครองหรอก
แม้บ่นอุบอยู่ในใจ แต่แน่นอนว่าเขาไม่มีทางพูดหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน เพราะเข้าใจดีว่าที่ฮิเดมิแต่งตัวเช่นนี้ไม่ใช่เพราะอยากดูดีหรอก แต่ร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเพราะเธอห่วงความรู้สึกของเขาต่างหาก
รินตะรู้ดีว่าแม่เลี้ยงวัยสาวผู้นี้เป็นห่วงความรู้สึกของเขามากแค่ไหน และพยายามสร้างความสัมพันธ์แบบแม่ลูกที่สนิทกันเหมือนเพื่อนมากเพียงใด ในฐานะแม่ซึ่งจะไปร่วมพิธีปฐมนิเทศและไม่อยากให้ลูกชายต้องขายหน้า เธอจึงตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าใหม่ อีกทั้งยังพารินตะไปเลือกซื้อกับเธอด้วย แต่เนื่องจากรินตะไม่สนใจเสื้อผ้าสตรีวัยผู้ใหญ่ เขาจึงได้แต่ยิ้มพร้อมตอบกลับแบบไม่ใส่ใจว่า ?(อะไรก็) ดีครับ?? หากรู้ว่าจะกลายเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นเขาน่าจะตั้งใจช่วยเลือกรองเท้าให้มากกว่านี้หน่อย ฮิเดมิจริงจังกับคำตอบแบบขอไปทีของรินตะ เธอจึงฝืนใส่รองเท้าส้นสูงที่ตัวเองไม่ถนัดเพราะคิดว่าลูกชายคงอยากให้แม่ใส่
รินตะใช้แรงบิดส้นรองเท้า และเมื่อดึงขึ้นมาเขาก็พบว่าส่วนหนังของรองเท้าถลอกล่อนออกมาด้วย แย่ล่ะสิ รินตะคิด แต่ฮิเดมิกลับไม่ใส่ใจต่อความเสียหายของรองเท้าที่เกิดขึ้น ?ขอบใจนะ? เธอกล่าวพร้อมกับยิ้ม ก่อนหยิบรองเท้าขึ้นมาสวมใหม่ จากนั้นตั้งท่าจะลุกขึ้นยืน แต่ถุงน่องบริเวณหัวเข่ากลับติดอยู่กับพื้นคอนกรีต ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ด้วยแรงของตัวเอง
หากรินตะเป็นเด็กประถมหรือเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ เขาคงสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยพยุงได้อย่างไม่ลังเล แต่รินตะในตอนนี้กลับไม่รู้จริงๆ ว่าควรช่วยฮิเดมิอย่างไร
?เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??
จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากทางด้านหลัง เป็นเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นของชายหนุ่มผู้หนึ่ง
เมื่อหันหลังไปมอง รินตะก็พบนักเรียนชายคนหนึ่งใส่เครื่องแบบเหมือนกับเขากำลังยืนอยู่
สังเกตจากสีของเนคไทกับดอกไม้ประดิษฐ์สีขาวพร้อมป้าย ?ฝ่ายพาชมโรงเรียน? บริเวณหน้าอก ทำให้รู้ว่าชายคนนี้ไม่ใช่นักเรียนใหม่ แต่ถึงไม่มีสิ่งเหล่านั้น แค่พิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสุขุมและกลมกลืนกับเครื่องแบบนักเรียนเป็นอย่างดี ก็ช่วยให้เดาได้ในทันทีว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่
อย่างกับชุดคอสเพลย์ ความคิดนี้แล่นเข้ามาในสมองของรินตะ รุ่นพี่ดูสะดุดตามากในเสื้อสูทนักเรียนสีเบจกับกางเกงลายสกอตสีเทา จนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองก็ใส่เครื่องแบบเดียวกันอยู่ รุ่นพี่ดูเหมือนนักแสดงบทบาทนักเรียนมัธยมปลายที่หลุดออกมาจากละครโทรทัศน์อย่างไรอย่างนั้น
รินตะสูงประมาณค่าเฉลี่ยของเด็กหนุ่มในวัยเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นขนาดเขายืนขึ้นแล้วก็ยังต้องแหงนหน้าอีกเพื่อสบตากับรุ่นพี่
แม้รุ่นพี่จะตัวสูงมาก แต่รินตะกลับไม่รู้สึกเหมือนโดนข่ม คงเพราะสีผมกับสีดวงตาที่ดูสว่างกว่าคนญี่ปุ่นทั่วไปเล็กน้อยล่ะมั้ง ดวงตาสีมิลค์ช็อกโกแลตของรุ่นพี่ต้องแสงอาทิตย์ของฤดูใบไม้ผลิเปล่งประกายอย่างอ่อนโยน
?คุณแม่? พี่สาวล่ะมั้ง เป็นอะไรหรือเปล่า??
?ฉันเป็นแม่ค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะ อายุป่านนี้แล้วยังซุ่มซ่ามหกล้มอีก?
ก่อนที่รินตะจะทันได้ตอบ ฮิเดมิกล่าวโทษเองด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
?อ้อ ผมว่าอย่าเพิ่งฝืนลุกขึ้นมาจะดีกว่านะครับ เดี๋ยวเราไปห้องพยาบาลกัน?
ชายหนุ่มเอ่ยห้ามฮิเดมิซึ่งทำท่าจะลุกขึ้น ?นั่นน่ะ? จากนั้นชี้นิ้วไปที่บริเวณหน้าอกเสื้อแจ็กเกตของฮิเดมิ
?เปื้อนหมดเลยนะครับ ช่วยถอดให้ผมสักครู่ได้ไหมครับ??
?เอ๋? อ๊ะ ได้ค่ะ?
ฮิเดมิถอดเสื้อแจ็กเกตออก เขาจึงรีบถอดเสื้อสูทนักเรียนคลุมไหล่ให้ในทันที
จากนั้นใช้นิ้วมือปัดเศษดินออกจากเสื้อแจ็กเกต
แบบนี้นี่เอง ให้อีกฝ่ายถอดก่อนแล้วค่อยปัดเศษดินออกก็ได้ รินตะยืนเหม่อมองพลางครุ่นคิดในใจ
แต่การถอดเสื้อนอกของตัวเองให้ใส่แทนชั่วคราวนั้น ถึงอย่างไรคนอย่างรินตะก็ไม่มีทางคิดได้อย่างแน่นอน
ทั้งๆ ที่น่าจะอายุมากกว่าเพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้น แต่กลับดูเป็นผู้ใหญ่มากเลยทีเดียว คนอย่างรุ่นพี่ต้องเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกหรือนิสัยใจคอ
ตรงข้ามกับตัวเองซึ่งภายนอกยังดูเป็นเด็กอยู่ มิหนำซ้ำยังมีนิสัยชอบเก็บกด ไม่สามารถพูดหรือแสดงความรู้สึกออกมาได้ดั่งใจนึก ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำหรับรินตะแล้ว รุ่นพี่ซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้เปรียบเสมือนบุคคลต้นแบบที่เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็น
?นี่ คาจิ นายจีบหญิงตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?
น้ำเสียงหยอกล้อดังแทรกเข้ามา เมื่อหันไปมองก็พบชายในเครื่องแบบนักเรียนอีกคนกำลังเดินมาทางพวกเขา เส้นผมของชายผู้นี้สีดำสนิท ใส่แว่นตากรอบหนาสีดำ มองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าต้องเป็นรุ่นพี่อย่างแน่นอน
ชื่อคาจิซังนี่เอง รินตะเรียกชื่อของชายที่เพิ่งรู้จักวนไปมาในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทันทีที่ชายแว่นกรอบสีดำหยุดยืนอยู่ข้างๆ เส้นผมและดวงตาสีช็อกโกแลตของคาจิก็ดูเปล่งประกายอย่างอ่อนโยนมากกว่าเดิม
?นายนั่นแหละ อย่าพูดจาเสียมารยาทต่อหน้าผู้ปกครองตั้งแต่เช้าแบบนี้สิ?
หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว คาจิก็โอบไหล่ของรินตะพร้อมกับดึงเข้ามาใกล้ตัว
?คนที่ฉันจีบคือลูกชายต่างหาก?
เอ๋ รินตะตัวแข็งทื่อไปเสี้ยววินาที คาจิหัวเราะพรืดออกมา
?ล้อเล่น ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้?
คาจิตบบ่าของรินตะตุ้บๆ อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่ฝ่ามืออันใหญ่โตจะผละห่างออกไป
รินตะไม่มีพี่น้อง เขาอยู่กับพ่อแค่สองคนมาตลอด พ่อของเขาเป็นคนพูดน้อย อีกทั้งยังไม่ค่อยถูกเนื้อต้องตัวเขาสักเท่าไร รินตะจึงไม่คุ้นเคยกับการถูกผู้อื่นสัมผัส คงเพราะเหตุนี้ล่ะมั้ง เขาจึงรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
?คุณแม่หกล้มน่ะ ฉันกำลังจะพาท่านไปห้องพยาบาล?
?เหวอ คงเจ็บขามากเลยสินะครับ ไหวหรือเปล่าครับ? อ๊ะ เดี๋ยวผมช่วยถือของให้?
ชายแว่นกรอบสีดำรับกระเป๋าถือและกระเป๋าใส่ของจากมือของฮิเดมิ คาจิส่งเสื้อแจ็กเกตซึ่งปัดเศษดินออกเรียบร้อยแล้วคืนให้เธอ ก่อนใส่เสื้อสูทนักเรียนของตัวเองกลับดังเดิม จากนั้นก็นั่งยองๆ หันแผ่นหลังกว้างให้ฮิเดมิ
?เชิญครับ?
?เอ๋? มะ ไม่ได้หรอกค่ะ?
คาจิหันใบหน้ายิ้มแย้มข้ามไหล่มาหาฮิเดมิซึ่งกล่าวปฏิเสธอย่างเกรงใจ
?หรืออยากให้ผมอุ้มแบบเจ้าสาวมากกว่าครับ??
?แบบนั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย!?
?ใช่ไหมล่ะครับ แล้วผมก็ไม่มั่นใจด้วยว่าแขนผมจะมีแรงพออุ้มแบบเจ้าสาวไปถึงห้องพยาบาลหรือเปล่า?
?นี่ คุณลูกชาย ถือกระเป๋าของคุณแม่ให้หน่อย?
รินตะซึ่งกำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างๆ รับกระเป๋ามาถือเอาไว้ หลังจากนั้นชายแว่นกรอบสีดำก็เอ่ย ?ขอประทานโทษนะครับ? พลางช่วยประคองแขนทั้งสองข้างของฮิเดมิมาไว้บนหลังของคาจิ เป็นการร่วมมือที่ยอดเยี่ยมมาก ฮิเดมิจึงสามารถขึ้นมาอยู่บนหลังของคาจิได้อย่างง่ายดาย
?ถ้างั้นฉันขอตัวเข้าไปในงานก่อนนะ?
ชายแว่นกรอบสีดำจากไป รินตะเดินถือกระเป๋าของแม่ตามหลังคาจิมาถึงห้องพยาบาล
อาจารย์ประจำห้องพยาบาลไม่อยู่
ฮิเดมิซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ค่อยๆ ขยับข้อเท้าเบาๆ ตามนำแนะนำของคาจิ ดูเหมือนว่าไม่มีกระดูกหักหรืออาการเคล็ดร้ายแรง รินตะจึงพลอยโล่งอกไปด้วย
?เดี๋ยวฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าอาจารย์ห้องพยาบาลกลับมาเอง นายไปโรงยิมก่อนได้เลย?
คาจิลูบศีรษะของรินตะด้วยท่าทีเป็นกันเองอีกครั้ง เขาปฏิบัติเหมือนรินตะเป็นเด็ก แต่น่าแปลกที่รินตะกลับไม่รู้สึกขุ่นเคืองเลยแม้แต้น้อย
รินตะวางกระเป๋าของฮิเดมิลงบนเก้าอี้ พลางลังเลว่าตัวเองควรทำอย่างไรดี จะดีเหรอหากเขาฝากแม่ไว้กับรุ่นพี่ที่ไม่รู้จักแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานพิธีปฐมนิเทศเพียงลำพัง หากเป็นแม่ของเขาจริงๆ จะเป็นอย่างไรนะ
ฮิเดมิส่งรอยยิ้มกระอักกระอ่วนให้รินตะ
?โทษทีนะ รินจัง เดี๋ยวฉันจะตามไปอย่างแน่นอน เธอไปคนเดียวก่อนจะได้ไหม??
ดูเหมือนฮิเดมิจะเข้าใจผิดคิดว่ารินตะกลัวจนไม่กล้าไปคนเดียว และในจังหวะที่รินตะกำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง
?ชื่อรินจังเหรอ? ชื่อน่ารักเหมาะกับนายดีนะ?
คาจิหรี่ตาพร้อมส่งยิ้มให้ รอยยิ้มหวานจนชวนเลี่ยน ถ้าผู้หญิงคนไหนมาเห็นเข้าละก็คงอ่อนระทวยไปตามๆ กัน ขนาดรินตะเป็นผู้ชายยังอดใจสั่นไม่ได้เลย
?ไม่ใช่รินเฉยๆ รินตะต่างหากครับ?
รินตะพยายามสะกดกลั้นความหวั่นไหวไม่ให้แสดงออกมา เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากว่าปกติ พร้อมกับลากนิ้วเขียนตัวคันจิให้อีกฝ่ายดูกลางอากาศ
?รินตะคุง? น่ารักดีนะ?
รินตะ รินตา คาจิฮัมเพลงซึ่งฟังดูคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินเมโลดี้นี้ที่ไหนมาก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้รินตะพร้อมชี้นิ้วมายังแผ่นอก
?ฉันรู้สึกทะแม่งๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว รินตะ เนคไทนายผูกแปลกๆ?
คราวนี้รุ่นพี่เรียกชื่อเขาแบบไม่มีคำลงท้ายออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำเอาหัวใจบีบรัดแบบผิดปกติ
คาจิใช้มือจับปมเนคไท และค่อยๆ แกะเทคไทสีแดงเข้มเส้นใหม่เอี่ยมออก
?อ๊ะ แปลกเหรอคะ? โทษที พอดีฉันผูกเนคไทไม่ค่อยเป็น?
ฮิเดมิเอ่ยแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลังก่อนที่รินตะจะทันได้ตอบ
อย่าคุยแทรก ทำตัวเป็นแม่ไปหน่อยเลย รินตะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที ความหงุดหงิดก็แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดแทน ฮิเดมิคงเห็นว่ารินตะเป็นคนพูดไม่เก่ง จึงต้องการแก้ตัวแทนก็เท่านั้นเอง ทำไมถึงไม่นึกขอบคุณเขาบ้าง ฉันนี่นิสัยแย่จริงๆ
?ผู้หญิงไม่ค่อยได้ผูกเนคไทสินะครับ เครื่องแบบนักเรียนหญิงของที่นี่ก็เป็นโบเหมือนกัน?
หลังบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงัดอยู่พักหนึ่ง คาจิก็ช่วยดึงกลับเข้าสู่บทสนทนาตามเดิม
?คุณแม่ก็น่าจะเหมาะกับเครื่องแบบโรงเรียนเรานะครับ?
แม้จะเป็นการพูดหยอก แต่เมื่อออกมาจากปากของคาจิกลับไม่รู้สึกว่าเป็นการป้อยอหรือว่าแดกดันเลยแม้แต่น้อย
ฮิเดมิเผยรอยยิ้มเฝื่อนๆ พลางแกว่งขาไปมาราวกับเด็ก
?เครื่องแบบนักเรียนคงไม่ไหวหรอก แต่ฉันก็พอรู้ตัวอยู่เหมือนกันว่าดูไม่เหมือนแม่ของเด็กมัธยมปลาย พอดีฉันเป็นมือใหม่น่ะ?
?โอ้ แม่เลี้ยงเหรอครับ??
?คำว่าแม่เลี้ยงเนี่ย ฟังดูใจร้ายอย่างไรก็ไม่รู้เนอะ?
?เหมือนในเรื่องซินเดอเรลล่าเหรอครับ??
?ใช่ๆ?
?แต่ผมว่าน่าสนใจดีออกนะครับ ผมก็อยากให้แม่เลี้ยงสาวสวยมาสั่งว่า ?ขัดส้วมเสร็จแล้วไปล้างอ่างอาบน้ำต่อด้วย!? ดูบ้างจัง... อ๊ะ แต่ผมรู้ดีว่าคุณแม่ของรินจังไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกครับ?
?ก็ไม่แน่นะ เห็นฉันเป็นแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วอาจจะแอบแกล้งลูกเลี้ยงลับหลังก็ได้?
?นั่นแหละครับ เป็นความแตกต่างที่น่าสนใจดี?
รินตะส่งสายตาอิจฉามองดูทั้งคู่สนทนาอย่างเป็นกันเอง ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่ฮิเดมิกับคาจิกลับคุยกันด้วยท่าทีสบายๆ ไม่มีความเกร็งแม้แต่น้อย ถ้าเขามีทักษะสามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่ายแบบนี้บ้างก็คงดี หากเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่แค่ตัวเขาเพียงคนเดียว แม้แต่ฮิเดมิก็คงมีความสุขมากขึ้นด้วย รินตะรู้สึกเจ็บใจกับนิสัยมืดมนและไม่ได้เรื่องของตัวเองเป็นที่สุด
?ไม่ทันไรก็ทำให้พิธีปฐมนิเทศของรินจังต้องสะดุดเสียแล้ว ขอโทษนะรินจัง?
ฮิเดมิพูดกับรินตะซึ่งกำลังยืนเงียบอยู่
รินตะอึกอัก ไม่สามารถตอบกลับได้ในทันที แต่แล้วจู่ๆ คาจิก็ใช้มือข้างที่ถือเนคไทอยู่คว้ามือข้างหนึ่งของรินตะขึ้นมา
? ?ไม่เป็นไรเลยครับ แม่? ?
สงสัยคงตั้งใจจะเลียนแบบรินตะล่ะมั้ง คาจิจึงตอบกลับด้วยเสียงแปลกๆ พร้อมกับจับมือของรินตะขึ้นโบกสะบัดไปมา ทำท่าบอกความนัยไม่ให้อีกฝ่ายคิดมาก
ฮิเดมิหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
คาจิใช้มืออีกข้างซึ่งว่างอยู่จับคางของรินตะให้เชยขึ้น ก่อนก้มหน้าลงเล็กน้อยสบตากับเขา
เสี้ยววินาทีหนึ่ง รินตะคิดว่าตัวเองกำลังจะโดนจูบเสียแล้ว แต่หลังจากนั้นความคิดในสมองก็หมุนติ้ว พลางตำหนิตัวเองที่นึกเรื่องบ้าๆ แบบนั้นออกมาได้
แน่นอนว่าคาจิไม่ได้จูบเขาสักหน่อย แต่จับคอปกเสื้อของรินตะตั้งขึ้นและผูกเนคไทรอบคอ
?เอ๊ะ? แบบนี้มันกลับด้านกันนี่นา? พอผูกจากข้างหน้าแล้วงงไปหมด?
คาจิพารินตะมายังหน้ากระจกตรงอ่างล้างมือก่อนหมุนตัวไปยืนข้างหลังแทน คราวนี้เขาสามารถผูกเนคไทได้อย่างคล่องแคล่วและสวยงาม
แต่เพราะไม่คุ้นเคยกับการถูกผู้อื่นประชิดตัวขนาดนี้ รินตะจึงมองเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ถ้าคาจิสังเกตเห็นจะรู้สึกขยะแขยงหรือเปล่า เขากระวนกระวายอยู่ในใจ
รินตะได้กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ โชยออกมาจากแขนเสื้อของคาจิซึ่งกำลังขยับอยู่รอบตัว และมันก็ทำให้หัวใจสั่นระรัว
?เอาล่ะ โอเค?
คาจิใช้มือทั้งสองข้างตบบ่าของรินตะเบาๆ และนั่นก็ไปกดโดนสวิตช์บางอย่างในตัวของรินตะเข้าอย่างจัง
เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ
พอมาลองย้อนนึกดู ตอนนั้นรินตะก็ตกหลุมรักรุ่นพี่คนนี้เข้าเสียแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รินตะกับแม่เลี้ยงเดินทางมาร่วมงานปฐมนิเทศโรงเรียนมัธยมปลาย แต่ระหว่างทางกลับเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ คาจิซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเข้ามาช่วยพวกเขาไว้ได้อย่างชาญฉลาด รินตะตกหลุมรักรุ่นพี่ในทันที ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีหลังจากนั้น รินตะคอยอยู่เคียงข้างคาจิในฐานะรุ่นน้องคนสนิท คาจิเป็นผู้ชายที่ทั้งรักอิสระและป๊อปปูลาร์มาก เขารับฟังและเป็นที่ปรึกษาเรื่องปัญหาทางบ้านของรินตะ ทำให้รินตะรู้สึกใกล้ชิดกับคาจิมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรรินตะก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าคาจิกำลังคิดอะไรอยู่ รินตะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตน ทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องหัวใจ แต่แล้วในที่สุดความรู้สึกที่พยายามเก็บงำมานานก็ระเบิดออก...? ความรักของคนวัยหนุ่ม?
